คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #75 : Special Da Capo : Just say I love you (ธี-ธา)
Special Da Capo : Just say “I love you”
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนเราจะปัญญาอ่อนได้ขนาดนี้ น่าเบื่อ! น่าเบื่อที่สุด!!
ผมเตะกระป๋องที่ตกอยู่ที่พื้นระบายอารมณ์ มันลอยหวือไปไกลก่อนกระแทกกับพื้นคอนกรีต สภาพบุบบี้กว่าเดิมอย่างเป็นที่น่าพอใจ ขณะที่ในใจของผมก็พยายามจะจินตนาการว่ามันเป็นหน้าของไอ้คนที่ทำให้ผมโมโหได้ขนาดนี้ หนอยยยยยยย คิดแล้วแค้น!
นายธานี เกิดมาเป็นแฝดกันทั้งที แต่ทำไมนายถึงซื่อบื้อได้ใจขนาดนี้กันนะ!!
ไอ้เจ้าธาน่ะ เป็นคนพูดน้อยมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว แต่มันไม่ได้คิดน้อยอย่างที่พูดเลยสักนิด ตรงกันข้าม ไอ้หมอนี่ชอบคิดเองเออเอง มีอะไรก็ไม่ยอมบอกไม่ยอมพูด กระทั่ง...เรื่องที่มันกอดผม จูบผม มันก็ยังไม่ยอมพูดออกมาตรงๆว่าเพราะอะไร นี่ผมอุตส่าห์ลงทุนง้างปากธามันทุกวิถีทางแล้วนะ อ่อย(!!)ก็แล้ว ยั่ว(!!)ก็แล้ว ยังจะทำเป็นเฉย ถ้ามันพูดออกมา พิกุลทองมันจะหล่นออกทางปากรึไงกัน?
ให้ตายสิ สงสัยชาติก่อนเจ้าธามันคงทำบุญมาด้วยสากกระเบือ ชาตินี้ถึงได้ทื่อมะลื่อ จืดชืดไม่มีใครเกิน!!
“เฮ้ยธี หงุดหงิดอะไรวะเนี่ย”ไอ้กิตเพื่อนซี้ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมา มันคงตกใจที่อยู่ๆผมก็เดินออกมาจากสนามบอลทั้งที่ยังไม่เสร็จการรับน้อง เพราะปกติผมไม่ใช่คนทำตามใจตัวเองโดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมขนาดนี้ แต่งานนี้ขอทีเหอะ หงุดหงิด!
ผัวะ! ผมเตะกระป๋องอันเดิมอีกเปรี้ยง คราวนี้มันกระเด็นไปไกลจนขี้เกียจจะเดินตาม และพอระบายอารมณ์เสร็จ ผมก็หันไปยิ้มให้เพื่อนซี้ แล้วเอ่ยเสียงรื่นรมย์
“เค หายละ”ไอ้กิตทำหน้าพูดไม่ออก มันเบะปากนิดๆ เหล่มองซากกระป๋องบี้ๆที่ลอยออกไปโน่นแล้ว
“มึงนี่”มันส่ายหน้าเหมือนละเหี่ยใจ “...ธีเอ๊ย มึงน้อยใจไอ้ธามันขนาดนี้เลยเหรอวะ”
ผมมองหน้าไอ้กิต คิ้วเลิกขึ้นสูงอย่างประหลาดใจ หากมันกลับทำหน้าเซ็ง
“พวกมึงเก็บอาการกันมากกกกก มากจนกูนี่แทบไม่รู้อะไรเลยว่ะ”มันกลอกตามองเพดาน ดูมันพูดเข้าสิ คำพูดดูไม่มีอะไรแต่เสียงนี่อย่างประชดอ่ะ ไอ้ห่า... “มึงก็น่าจะรู้ว่าธามันเป็นคนยังไง น่าจะรู้ดีที่สุดในจำนวนคนที่ธามันรู้จักมาทั้งชีวิตเลยด้วยมั้ง แล้วมึงจะโมโหเพื่อ?”
“ถึงจะรู้ แต่กูก็ไม่มีสิทธิ์หงุดหงิดเลยงั้นซิ?”ผมถามกิตเสียงสูง หงุดหงิดขึ้นมาอีกระลอกทั้งที่เพิ่งจะหายแท้ๆ “ธามันบ้า...ฉันเบื่อ เข้าใจปะ”
“ไม่อ่ะ”ไอ้กิตส่ายหน้า เอ่ยชัดถ้อยชัดคำจนผมล่ะเซ็ง “โอเคๆ อย่าทำหน้าเหมือนงอนกูอีกคนสิ...มึงก็รู้ว่าธามันรักมึงจะตาย แค่มันไม่พูดออกมา มึงก็เออๆออๆกะมันหน่อยเหอะน่า”
เออๆออๆกะมัน? ให้ตายสิ คันปากอยากถามจริงๆเว้ยว่าถ้ามันมากอดมึง จูบมึง แล้วอ้างว่าพี่น้องกัน มึงควรจะเออๆออๆไปกะมันด้วยมั้ย?
จะกอดกันก็ไม่ว่าหรอก อยากจูบก็ให้ หรือถ้าอยาก...ทำมากกว่านั้น...ก็ไม่ได้รังเกียจกันซักนิด แต่ว่า...อย่ามาอ้างซ้ำซากได้ไหมว่าพี่น้อง? พี่น้องที่ไหนเขาทำกันแบบนี้บ้าง?
แต่ผมกลัวไอ้กิตช็อคตายถ้ามันรู้เรื่องทั้งหมด สุดท้ายก็เลยไม่ได้อาละวาดไม่ได้โวยวายอะไรออกไป ปล่อยให้มันคิดว่าผมหงุดหงิดไม่เป็นเรื่องเป็นราวนั่นแหละดีแล้ว
“ไงก็ช่างเหอะ แต่ฉันขี้เกียจไปที่สนามแล้วล่ะ ฝากขอโทษชลด้วยละกัน”ผมบอกปัดไป รู้หรอกน่าว่าทำให้ความสนุกของไอ้ชลมันพังทลาย ไอ้นี่ก็บ้า คิดได้ไงวะว่าให้เล่นฉุบถอด ผมไม่ได้อายไม่ได้อะไรหรอกนะ ที่ยอมกระโดดลงไปเล่นก็เพราะอยากรู้ล้วนๆเลยว่าถ้าผมต้องถอดเสื้อต่อหน้าคนทั้งชั้นและรุ่นน้องทั้งชั้นขนาดนั้น ธามันจะยังเฉยอยู่หรือเปล่า...
ก็ดีที่มันไม่เฉย แต่มันก็ยังเอาแต่อ้ำอึ้ง ไม่ยอมพูดออกมาให้ชัดๆอยู่ดีจนผมล่ะเอือม อ่อยจนไม่รู้จะอ่อยยังไงแล้วนะเฟ้ย!
“อ้าว แล้วจะไปไหนวะธี?”ไอ้กิตถามไล่หลังมา ผมเลยโบกมือลาโดยไม่หันกลับไป
“กลับบ้าน ไม่อยากอยู่โรงเรียนแล้ว โทษทีนะเพื่อน”
เชอะ ช่างหัวไอ้ธามันสิ ถ้าจะซื่อบื้อขนาดนั้น ปากแข็งไม่ยอมพูดขนาดนั้นก็ตามใจมัน ผมอยากเลิกแล้ว พอกันที
คนอย่างธา มันคงไม่เคยรู้หรอกว่ารักน่ะ...ไม่ใช่สิ่งที่ต้องเก็บไว้กับตัว ถึงจะรัก แต่มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะถ้าไม่เผื่อแผ่แบ่งปันให้คนที่เรารักรับรู้ แต่ในเมื่อมันไม่อยากพูดไม่อยากบอก ผมก็จะไม่บังคับ
จะไม่บังคับมันแล้ว ไม่เอาอะไรอีกแล้ว
ถ้ารู้ว่ามันจะจบแบบนี้ สู้ไม่รับรู้อะไรเหมือนแต่ก่อนยังจะดีซะกว่า ไม่ต้องรู้ว่ามันรัก ไม่ต้องรู้ว่ารักมัน
เป็นพี่น้องกันเหมือนที่เคยเป็นมา มันก็ดีอยู่แล้ว...
“อ้าว แล้วธาล่ะลูก?”คุณแม่ถามอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นผมกลับมาถึงบ้านโดยไม่มีธา น้อยนัก...หรือไม่มีเลยก็ไม่รู้กับการที่ผมจะกลับบ้านมาคนเดียวโดยไม่มีเงาของธาเหมือนทุกครั้ง เพราะไม่ว่าผมจะประชุมสภา ทำงานเอกสารที่โรงเรียนอยู่เย็นขนาดไหน ธามันก็จะหาอะไรทำเพื่อคอยอ้างเหตุผลในการอยู่เป็นเพื่อนผมเสมอ
คิดแล้วก็ขำ ผมเป็นเลขาสภารุ่น บางทีเวลาไปส่งเอกสารกิจกรรมที่ชั้นผมจัดกับฝ่ายสภานักเรียนแล้วมีอันให้ต้องแก้ ธามันก็ชอบอ้างมั่วซั่วว่าอยู่ทำเวรบ้าง(ห้าโมงเย็นเนี่ยนะ?) พวกไอ้โอมชวนเตะบอลบ้าง(อันนี้จริงบ้างไม่จริงบ้าง) หรือแบบน่ารักสุดมันก็นั่งๆนอนๆอยู่ในห้องสภารอผมแก้งานโดยเอาการบ้านมาทำรอ(แล้วก็ให้ผมลอกทีหลัง)
“ธี เป็นอะไรไปลูก?”แม่เรียกขึ้นมา สงสัยผมจะเงียบไปนานเกิน ผมกะพริบตาถี่ๆ มองหน้าแม่ซ้ำอีกครั้งเหมือนเพิ่งได้สติ “ดูแปลกๆนะเรา แล้วพี่ล่ะจ๊ะ?”
“เอ่อ...ธา...จัดการเรื่องรับน้องอยู่ที่โรงเรียนน่ะครับ”ผมตอบแบบไม่เต็มเสียงนัก ส่วนหนึ่งก็เพราะรู้สึกผิดที่ทิ้งงานมากลางคันด้วย “ธีเอาของไปเก็บก่อนนะแม่”
ผมรีบผลุนผลันเข้ามาในบ้าน...แย่ชะมัด ถ้ารู้ว่าจะรู้สึกแย่สุดๆขนาดนี้ ผมคงไม่บ้ากลับมาก่อนให้ใจมันว้าวุ่นเล่นหรอก ไม่ได้ชอบสักหน่อย ไอ้การที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเนี่ย ผมคงเคยชินกับการอยู่กับธามากเกินไปล่ะมั้ง พอห่างกันที...มันก็เลยรู้สึกแปลก...
แต่คิดแล้วผมก็ต้องส่ายหน้าอย่างแรง...ไม่ๆๆ ผมต้องเลิกคิดเรื่องมันเดี๋ยวนี้ แล้วก็ควรหัดที่จะอยู่โดยไม่มีไอ้ธาข้างๆได้แล้ว ไม่อย่างนั้นชีวิตนี้ผมคงต้องติดแหง็กอยู่กับมันแบบไม่ต้องไปไหนแน่
ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ...ทำไม...
ผมเก็บของแบบเลื่อนลอย ล้างมือล้างไม้ และก็วักน้ำล้างหน้าด้วยอีกต่อ พอเจอน้ำเย็นๆเข้าไปในหัวมันเลยพอจะสงบลงได้บ้าง ผมหันไปเช็ดมือกับผ้าข้างๆ แต่แล้ว...สายตาก็ไปสะดุดเข้ากับเตาอบขนาดใหญ่ที่วางอยู่ในครัวเข้าพอดี
เหมือนเมื่อวานนี้เองมั้ง...ที่เราเอ่ยปากสัญญาต่อกัน...
“ธารู้ว่าธีชอบทำขนมเหมือนแม่ โตขึ้น ร้านนี้ก็คงเป็นของธี”
“อ้าว แล้วธาล่ะ ถ้าธีทำขนม แล้วธาจะทำอะไร?”
“ไม่รู้สิ...แต่ธาไม่ชอบทำขนม ขี้เกียจรอเวลามันสุก พอลุกไปที่อื่นก็ไหม้ น่าเบื่อ”
“ฮ่าๆ ก็ธาใจร้อนนี่”
“โตขึ้น...ธาคงต้องทำอย่างอื่น...แล้วเราก็คงไม่ได้อยู่ด้วยกัน”
ผมจำได้ดี...จำแม่นเลยล่ะว่าพอได้ยินธาพูดแบบนี้ ผมก็ใจสั่นขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลจนเผลอเสนอความคิดบ้าๆแบบเด็กๆออกไป
“ร้านขนมก็ต้องคู่กับกาแฟ ถ้าฉันทำขนม ธาก็ขายกาแฟไง ฉันเป็นพาทิซิเย่ ส่วนธาก็เป็นบาลิสต้า แค่นี้เราก็อยู่ร้านเดียวกันได้แล้ว”
ผมมองเตาอบที่แม่มักจะใช้เสมอๆ ทอดรอยยิ้มอ่อนโยนเมื่อนึกถึงคำสัญญาในวันนั้น...ผมว่าผมบ้าก็จริง...แต่ธาก็ใช่ย่อยเหมือนกันนั่นแหละที่ดันตอบรับซะเป็นจริงเป็นจัง
จริงจังไม่จริงจังก็ดูเอาเหอะ...ตอนที่เราสัญญากันนั่นผมกับธาเพิ่งจะเรียนชั้นประถม แต่พอเราขึ้นม.ต้น ธามันก็ขอแม่เปิดซุ้มกาแฟในร้าน ทีแรกมันก็ไปเรียนข้างนอก ต่อมาก็มาหัดทำ หัดชงซะเป็นเรื่องเป็นราว จนมาถึงตอนนี้ผมกล้าพูดแบบเต็มปากและไม่ได้เข้าข้างมันเลยด้วยว่าไม่มีใครชงกาแฟได้อร่อยเท่าธาเลยสักคน
ผมรู้ว่าธาจะต้องรักษาสัญญา...ผมจึงหันมาฝึกทำขนมอย่างจริงจังบ้าง ลูกค้าคนแรกและขาประจำที่ต้องทนชิมฝีมือไม่เอาอ่าวของผมก็ไม่พ้นมันอีกนั่นแหละ แต่ธามันก็ไม่เคยบ่นว่าเบื่อ มันอยู่กับผมตลอดเวลา จนไม่รู้เมื่อไหร่...ที่รู้สึกว่าขาดกันไม่ได้
แล้วนี่ผมทำอะไรอยู่...?
มือถือในกระเป๋ากางเกงที่อยู่ๆก็สั่น เรียกให้ผมหยุดคิดฟุ้งซ่านแล้วกดรับ ไม่ต้องมองจอก็รู้ว่าใครโทรมา
[ เป็นอะไรไป? ] เสียงที่ผมคุ้นเคยมาทั้งชีวิตเอ่ยถาม สำนวนดูห้วนตามแบบฉบับ แต่หางเสียงกลับทอดอ่อนโยน [ อยู่ๆก็หนีกลับไปก่อน...รู้มั้ยว่าที่นี่เขาเดือดร้อน ]
ออออออออ ที่นี่เดือดร้อน? นั่นใช่มะเหตุผล? เฮอะ ผมคงหงุดหงิดเอามากๆจริงๆ ไม่งั้นผมคงไม่อารมณ์เสียงี่เง่าได้ขนาดนี้หรอก
“เหรอ...แล้วเดือดร้อนมากมั้ยล่ะ? ที่เดือดน่ะไอ้ชลหรือว่าใครไม่ทราบ?”ผมถามกลับ รู้เลยว่าตัวเองอารมณ์เสียอยู่ มันจะไม่ยอมพูดแม้แต่คำว่าเป็นห่วงเลยใช่มั้ย ไอ้บ้าธา ไอ้คนปากหนัก ไอ้...
[ ...... ] มันเงียบครับ มันเงียบ แล้วพออ้าปาก ไอ้ที่หลุดออกมาก็ดันแสลงหูซะจนผมเกือบหน้ามืดอีกรอบ [ กูว่าเราพูดกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ...ไว้ค่อยกลับไปคุยกันที่บ้านละกัน ]
ม...มันพูดจาแบบนี้กับผม หาว่าผมพูดไม่รู้เรื่อง?? ธามัน...โอ๊ยยยยยยยย!!
ทีแรกเห็นว่ากลับเร็วกว่ามัน ว่าจะทำขนมที่มันชอบเอาไว้ง้อ แทนคำขอโทษที่เผลอทำตัวงี่เง่าใส่ แต่นี่...ไม่ต้องกงต้องกินมันแล้ว!
โกรธเฟ้ย! โกรธ!
ผมไม่ได้สนใจเสียงกุกกักที่ดังอยู่นอกห้องเลยสักนิด...แต่จะว่าไม่สนซะทีเดียวมันก็ไม่ถูกหรอก เพราะผมรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร ห้องไอ้ธาอยู่ข้างๆห้องผม ถ้ามันจะเข้าห้อง มันต้องเดินผ่านห้องผมก่อนทุกครั้ง และเพราะธามันติดนิสัยที่ต้องถอดถุงเท้าโยนไว้ในตะกร้าหน้าห้อง มันเลยต้องมีเสียงประมาณนี้ดังประจำ
แต่พูดไปแล้ว...ผมก็ไม่เคยได้นอนฟังเหมือนอย่างตอนนี้หรอก เพราะทุกครั้งเวลาธากลับบ้าน ข้างๆก็จะมีผมอยู่เสมอ...
ไม่มีสักครั้งเลยที่เราแยกกัน...ผมหลับตาลง รู้สึกปวดหนึบๆข้างในบอกไม่ถูกที่ระหว่างเราดูเหมือนจะกำลังค่อยๆเปลี่ยนไป
แกร๊ก...ประตูห้องผมเปิดออก แน่นอนผมรู้ว่าใครเข้ามา ผมไม่ยอมหันกลับไป เอาแต่นอนคว่ำอยู่ท่าเดิมและตามองหนังสือที่เปิดกางอยู่ก็จริง หากใครจะรู้เล่า...ในสมองผมตอนนี้มีแต่เสียงขยับ เสียงฝีเท้า เสียงลมหายใจของมันดังอยู่ในหัว
ฟูกยุบลงเล็กน้อยเมื่อต้องรับน้ำหนักของอีกคนเพิ่ม ผมหัวเราะเหอะในใจ(แต่ข้างนอกนิ่ง) ขณะพยายามคิดว่าธามันจะทำอะไรต่อ...จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เหมือนอย่างเคย...หรือจะพูดกันตรงๆ?
หือ? ผมเหลือบหางตามองมือที่ยื่นมาจับหัวไหล่ คือตอนนี้ผมกำลังนอนคว่ำอยู่ไง เลยไม่เห็นด้วยซ้ำว่าธามันทำหน้าแบบไหนอยู่ ผมกำลังจะหันไปดูหน้ามันอยู่แล้ว แต่มันดันออกแรงผลักผมให้หงายขึ้น ก่อนจะทิ้งตัวทาบทับลงมา
“ไอ้ธา...!”เรียกชื่อมันได้แค่นี้ผมก็เป็นอันต้องชะงัก...เปล่า...ธามันไม่ได้ร้องไห้คร่ำครวญเหมือนญาติเสียหรอก(เอ๊ะ แต่ญาติมันก็ญาติผมนี่หว่า) ธามัน...มัน...มันเลือกช้อยส์ข้อสามครับ!!
ไม่ทำมึนๆ ไม่ด่าตรงๆ แต่มันจูบผมล่ะพี่น้องงงงงงง!!
“อื้อ...”ผมปิดตาแน่น ไม่อยากมองเห็นใบหน้าที่เหมือนตัวผมเองราวส่องกระจกนั้น มือพยายามดันตัวมันออกไป ขอโทษเหอะ ตัวของพวกเรามันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากนะเฟ้ย เหมือนในระดับที่ว่าต่อให้เราเล่นสลับตัวกันแบบสมัยเด็กๆก็คงจะไม่มีใครแยกออกแน่ แต่ผมรู้ว่าธามันซ่อนรูปกว่าที่เห็น มันชอบกีฬากลางแจ้งในขณะที่ผมไม่ค่อยมีเวลาไปเล่นอย่างมันเพราะติดงานสภา เพราะงั้นมันก็ช่วยไม่ได้เลยที่ผมจะแรงน้อยกว่ามัน
พลั่ก!!
แต่ก็ไม่มากล่ะน่า...เฮอะ! ยังไงซะผมก็เป็นผู้ชายเหมือนๆมัน แรงก็มีเหมือนๆมัน(แม้ตอนนี้จะโดนสูบออกไปเยอะแล้วก็ตาม) แล้วอีกอย่าง...มาบังคับจูบกันดื้อๆตอนโมโหแบบนี้ ใครมันจะไปมีอารมณ์พิศวาสอยากจูบตอบล่ะเว้ย! คนยิ่งอารมณ์เสียอยู่!
“ออกไป!”ผมไล่สั้นๆ ห้วน ตรง และได้ใจความอย่างที่สุด ไอ้ธาที่เพิ่งโดนตีนผมไปเมื่อกี้นี้ทำหน้านิ่งตอบ มันผละถอยไปตรงปลายเตียง ในขณะที่ผมรีบกระถดตัวออกห่าง กลัวเหมือนกันนะคร้าบ เผื่อธามันบ้าขึ้นมาจริงๆจะทำไงล่ะ?
“...มึงไม่เคยไล่กู”คำแรกที่หลุดออกมาจากปากของ ‘คุณพี่ชาย’ ฟังดูน่าปลื้มปีติจนผมนึกอยากจะยันซ้ำอีกสักทีสองทีจริงๆ
“เออ กูก็ทำแล้วนี่ไง”ผมตอบกลับหน้าตาเฉย แน่นอนว่าห้วนยิ่งกว่าเก่า
ธาหรี่ตามอง แวบหนึ่งเหมือนมันจะกำลังตัดพ้อต่อว่า ส่งสายตาที่แสดงถึงความเจ็บปวดมาให้
“...ทำไม?”
ผมเผลอยกมือขึ้นขยี้หัวด้วยความเคยชิน โอ๊ยยยยยย ไอ้บ้านี่ช่างเซ่อได้อีก เซ่ออย่างเหลือรับประทาน ต้องให้ผมพูดออกมาให้หมดเลยใช่ไหมว่าผมรออะไรจากมันอยู่?
“ธี...ทำไม?”
ใครจะตอบวะไอ้ห่า...ถามมาได้...สมองน่ะมีไว้กรอกใส่กะโหลกไม่ให้กลวงอย่างเดียวเรอะ คิดสิโว้ยคิด คิดเอาเองเป็นไหม!!?
พอไอ้ธาเห็นผมไม่ตอบแน่ๆมันก็คงจะยอมแพ้ เลยขยับถอยมานั่งสุดขอบเตียง แต่สายตาวิบๆวับๆของมันที่มองมาก็ดันทำเอาผมสะอึก เพราะมันโคตรเหมือนลูกหมาขอความเห็นใจ
“ไอ้หน้าไหน?”คำถามเปลี่ยนไปจากเดิม แต่ดันชวนงงจนผมเผลอเงยหน้า
“หา?”ลืมไปเลยครับว่าโมโหมันอยู่ ก็ดูที่ไอ้ธามันถามเดะ ถามห่าอะไรวะนั่น...?
เหมือนธามันจะไม่ค่อยอยากพูด เพราะทุกครั้งที่มันไม่อยากตอบคำถามใดๆ มันจะเบนสายตาไปมองทางอื่น แต่สุดท้ายมันก็จะถามออกมาอยู่ดีเพราะมันรู้ว่าผมไม่ชอบให้เรามีความลับต่อกัน(แต่ลึกๆแล้วก็คงเป็นเพราะตัวมันเองก็อยากรู้เหมือนกันนั่นแหละ ไม่งั้นจะถามขึ้นมาทำไม?)
“...ธี...คบ...กับใครอยู่...?”เสียงของไอ้ธาพร่าไป สรรพนามมึงกูชักกระเด็นหาย แต่นั่นก็ยังไม่น่าอึ้งเท่าสิ่งที่มันถามผม “...น้องวาคนนั้น...หรือว่าไอ้ชล...ไอ้กิต...ไอ้โอม...ไอ้เก่ง...ไอ้...”
“เฮ้ยยยยยย เดี๋ยวก่อนธา! มึงพูดอะไรอยู่น่ะ?”ผมรีบร้องห้ามขัดตาทัพก่อนที่มันจะทันได้ออนแอร์รายการจินตนาการกว้างไกลไปกับธานีมากไปกว่านี้ ไอ้ธามันคิดบ้าอะไรของมันกันวะ? คบกับใคร? โอ๊ย ผมคงจะมีหรอก ชีวิตผมวันๆก็ติดแหง็กอยู่กับมัน เวลาคุยกับเพื่อนคนอื่นๆนอกกลุ่มยังแทบจะไม่มี แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปหาแฟนไม่ทราบ? อีกอย่างนะ ผมยังไม่บ้าพอถึงขนาดจะมองข้ามไปนะว่ารายชื่อที่ไอ้คุณพี่ชายมันขานๆมาน่ะ...มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น!!
นี่มันเห็นผมเป็นคนยังไงกันแน่เนี่ยยยยย!!?
“หรือว่าไม่ใช่เลยสักคน...งั้นเป็นใครที่ธาไม่รู้จัก...คนที่ธีแคร์มากนั่น...”ไอ้ธาเริ่มโบ้ยไปอีกเรื่องจนผมชักตะลึง เฮ้ย? ตั้งแต่เกิดมาไม่เห็นธามันจะเคยบอกเลยนี่หว่าว่ามันเป็นพวกคิดเองเออเองขนาดนี้ นี่มันโง่หรือผมบ้า หรือว่าทั้งสองอย่างกันแน่วะ? โอ๊ยยยยยยย ไม่รู้!! ปวดหัววว!!
คนที่ผมแคร์? อยากจะแหกปากบอกจริงๆว่า ‘มึงนั่นแหละ ทำโง่อยู่ได้!’ แต่เพราะยังมึนตึ้บกับมันไม่หาย ผมเลยไม่ได้ทำอะไรนอกจากกะพริบตาปริบๆ
หน้าไอ้ธาดูเศร้าจริงจังแต่ก็ยังเพียรพยายามจะเก็บอาการไม่ให้ออกทางสีหน้า...ปัดโธ่เอ๊ย ผมอยากจะบอกมันซักล้านครั้งเลยว่ามันเป็นคนเก็บอารมณ์ไม่เก่งโคตรๆ หน้ามันนิ่งๆก็จริงแต่ตามันอ่ะฟ้องทุกอย่างตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ แล้วผมคนนี้ที่อยู่กับมันมาตั้งแต่เกิดจะเดาความในใจมันตอนนี้ไม่ได้เลยงั้นสิ?
ไอ้ธา ไอ้บ้า ไอ้จอมคิดเองเออเอง ไอ้ตัวน่าปวดหัว โอ๊ยยยยยยยยย ไอ้น่ารัก!
“อะไรธา ธาจะมาคาดคั้นเอากับธีทำไม”ผมเริ่มอารมณ์ดีขึ้นแล้ว แต่ก็โคตรเมื่อยเลยคร้าบที่ต้องมานั่งกลั้นยิ้ม เอาเหอะ มันคุยแบบน่ารักๆมาผมก็ต้องตอบมันแบบน่ารักๆด้วย...แต่น่ารักแค่เสียงกับสรรพนามนะครับ “เรื่องของธีก็เรื่องของธี เรื่องของธาก็เรื่องของธา ธียังไม่ยุ่งเรื่องธาเลยนะ แล้วถ้าธีจะ...ชอบใคร...คบใคร...มันก็เป็นสิทธิ์ของธีไม่ใช่เหรอ”
หน้าไอ้ธาจากเศร้าๆกลายเป็นเบิกตาค้าง แล้วก็กลายเป็นโกรธจัดเหมือนมีเปลวไฟวูบไหวอยู่ในนั้น
รู้ก็รู้ว่าเป็นเพียงคำคำหนึ่ง
ใจก็ยังเฝ้าคอยแต่คำคำนั้น
ที่เธอเข้ามาบอก กระซิบเบาๆ...ว่าเธอรักชั้น
อยากได้รับความรู้สึกแบบนั้นสักครั้งหนึ่ง
ผมกลืนน้ำลายเหนียวหนืดแทบไม่ลงคอ ผมไม่ได้โกหกธานะ แต่ผมก็ไม่ได้ยอมรับสักหน่อยว่าผมมีใครจริงๆอย่างที่มันอ้าง ผมไม่ได้มี...แล้วก็ไม่เคยคิดจะมีด้วย
ก็ใจของผม...อยู่ที่มัน...แล้วจะให้ผมไปรักใครได้อีก?
เธอไม่เคยรู้ใจจริงๆบ้างเลย
เธอไม่เคยเข้าใจในความหวั่นไหว
ว่าคำพูดคำหนึ่งมีค่ามากมายกับใจแค่ไหน
อยากให้รู้ความรู้สึกที่เฝ้ารอคำนั้น
“ธา...มึงต้องเข้าใจในจุดนี้ เราเป็นฝาแฝดกันก็จริง แต่เราก็เป็นคนละคนกัน เรื่องของกูกับมึงมันไม่จำเป็นต้องเหมือนกันหรอก เพราะยังไงซะ...เราก็เป็นแค่พี่น้อง...”
“ไม่เป็นแล้ว!”ธาตวาดขัดเสียงกร้าว แววตาดูสั่นไหวปวดร้าวจนผมอดที่จะรู้สึกปวดตามไม่ได้ ก่อนที่หางเสียงมันจะทอดต่ำลงจนผมสงสาร “...ไม่อยาก...เป็นพี่น้อง...ไม่เข้าใจกันเลยหรือไง...ไม่อยากได้น้อง...ไม่อยากมีฝาแฝด...ไม่อยากจะเกี่ยวพันอะไรกันเลย!”
ผมผงะ อึ้งไปไม่น้อยที่อยู่ๆธามันก็ระเบิดออกมาแบบนั้น ไอ้ธาเหมือนระเบิดที่ถูกถอดสลัก พอมันพูดออกมาสักครั้ง มันเลยพูดต่อเรื่อยๆไม่มีหยุด
“ทำไม...เราถึงไม่เกิดกันคนละบ้านแล้วค่อยมาเจอกันตอนโต...ทำไมต้องเป็นฝาแฝดกัน...ทำไม...”ธาหยุดไปนิดหนึ่ง แล้วมันก็หลุดประโยคสุดท้ายออกมา
“...ทำไม...กูต้องรักมึง...รักน้องชายของกูเองแบบนี้ด้วย!”
ผมกะพริบตาถี่ หัวใจเหมือนจะหยุดเต้น เสียงรอบข้างเงียบหายไปจนหมด
บอกว่ารักว่ารักคำเดียว บอกได้ไหมให้ชั้นมั่นใจ
ไม่ต้องการสิ่งไหน แค่นี้จริงๆ ที่อยากขอ
บอกว่ารักว่ารักคำหนึ่ง ทำเพื่อชั้นสักครั้งก็พอ
ว่าในใจเธอนั้น...ชั้นก็มีค่าเหมือนกัน...
“...พูดออกมาจนได้”
ไอ้ธาที่น็อตหลุดเหมือนจะขันน็อตได้ภายในเสี้ยววิฯ มันเงยหน้ามองผม ก่อนจะนิ่งไปที่เห็นว่าผมกำลังยิ้มให้ โดยที่ขอบตาของผมก็ร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
“...นึกว่าชาตินี้ทั้งชาติจะไม่ยอมพูดออกมาซะแล้ว...นึกว่า...”โอ๊ยยยยยย บ้าจริง กูจะซึ้งจัดอะไรขนาดนี้กันวะ ร้องหาห่าอะไรเนี่ย! “...นึกว่า...จะต้อง...รอจนวันตาย...อึก...จนกว่า...เราจะได้มาเจอกันใหม่...โดยที่ไม่ได้เป็นพี่น้องกัน...”
ผมไม่ได้พูดคำที่เหลือต่อเพราะตกใจที่ถูกคนตรงหน้าลากเข้าไปกอดแนบแน่น อ้อมกอดของธาในวันนี้ลึกซึ้งยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ลึกซึ้งเสียจนผมอดที่จะร้องไห้ออกมาด้วยความโล่งใจไม่ได้
ผมรอคำนี้มานาน...นานมากเหลือเกินในความรู้สึก
ธารักผมผมรู้ แต่ผมก็แค่อยากได้ยินคำยืนยันจากปาก คำพูดจากปากของมันเองโดยที่ไม่ต้องใช้สายตาพูดแทนหรือพูดผ่านคนอื่น ก็แค่อยากได้ยินคำบอกรัก...จากเสียงของธา
คำของ่ายๆที่เหมือนไม่ง่ายเลยสักนิด เมื่อเรามีเส้นแบ่งของคำว่า ‘พี่น้อง’ คั่นขวางอยู่
แต่ตอนนี้...ใจผมสงบลงแล้ว...และมันก็กำลังร้องบอกว่า ‘ไม่เป็นไร’
ต่อให้ผิดบาปแค่ไหน ถูกคนทั้งโลกตราหน้าว่ารังเกียจสักเพียงใด ผมก็กล้าที่จะยืนหยัดต่อ
ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร
เพราะคำคำนี้...คำคำเดียวที่เหมือนไม่สำคัญของธา ได้เป็นกำลัง เป็นแรงใจให้ผมแล้ว
“...รอมาตลอดเลยหรือ...”ธากระซิบถามเสียงอ่อนโยน ฝ่ามือลูบศีรษะเหมือนปลอบให้คลายจากฝันร้าย
ฝ่ามือ...ที่อยู่เคียงข้างผมมาทั้งชีวิต
“รอให้ธา...พูดคำคำนั้น”
ผมสบนัยน์ตาสีดำที่เหมือนกับผมทุกประการ แล้วส่งยิ้มจางๆกลับไปให้ทั้งน้ำตา
“...ใช่...”หยาดน้ำตาถูกเกลี่ยออกให้อย่างอ่อนโยน ผมหลับตาลง อิงใบหน้าแนบไปกับฝ่ามืออุ่น “รอ...จนท้อเลยล่ะ”
ธาหัวเราะเบาๆก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ แต่พอสายตาสบกันในระยะประชิดชนิดที่ว่าแทบจะรู้สึกถึงลมหายใจของกันและกัน ธาก็หยุดไป
“คราวนี้...อย่าถีบกูอีกนะ”
ผมหัวเราะ “ถ้าไม่อยากโดนถีบก็หัดพูดให้มันเร็วๆหน่อยสิ...อ้างว่าพี่น้องอยู่ได้ เบื่อจะตายอยู่แล้ว”
“ใครจะรู้ล่ะว่างอนเรื่องนี้ ถามก็ไม่ยอมตอบ”ไอ้ธาบ่นเหมือนผมเป็นฝ่ายผิด ผมเลิกคิ้วขึ้นสูง ออ...สรุปกูต้องมานั่งบอกใช่ปะว่าวันๆงอนมันเรื่องอะไร หรือว่ามันควรทำอะไรให้ผมบ้าง แหมมมมมมมม ช่างดูจริงใจเหลือเกินเนอะ!
“อย่าทำหน้าเหมือนกำลังประชดกันในใจเลยน่า”ไอ้ธายื่นมือมาบีบจมูกผมเบาๆ...ขอชมละกันว่ามึงทายถูก มึงแน่มากธา! “กูก็พูดให้ฟังแล้วนี่ไง”
“ครับ โรแมนซ์ซ์ซ์ซ์ มั่กมากกก”ผมออกแอกเซ่น ce ชัดแจ๋วจนตัวเองยังรู้สึกเลยว่ากูนี่จะกระแดะไปไหน - -
ไอ้ธาเสือกขำแบบจริงจัง มันก้มหน้าหัวเราะจนตัวสั่นไปหมด ผมเลยหงุดหงิดขึ้นมานิดๆ แต่พอจะเขยิบถอยออกมาจากตัวมัน มันก็เสือกล็อคไว้ซะแน่น
“อย่าเพิ่งงอนสิ”อ้าว ไอ้ห่า ของแบบนี้มันห้ามกันได้? “แต่ธาก็บอกแล้วนะ...แล้ว...คราวนี้ให้จูบได้ยัง?”
ผมย่นจมูก ชอบถามอะไรควายๆแบบนี้ประจำเลยว่ะ ไอ้ธานี่ไม่น่าเสียแรงเกิดมาเป็นแฝดของคนฉลาดชาติเจริญอย่างผมเล้ย
“ไม่ได้!”
ผมตอบชัดถ้อยชัดคำ แล้วก็คงจะเพราะไอ้ความเป็นแฝดที่พวกเราไม่ได้อยากได้กันทั้งคู่นั่นแหละ...ที่ทำให้ธามันรู้ว่าผมกำลังคิดตรงกันข้ามกับประโยคนั้นโดยสิ้นเชิง
ริมฝีปากอุ่นแนบลงมาโดยไม่รอให้มีคำค้านอื่นๆตามมาอีก และแน่นอน...ว่าผมจะต้องไม่ถีบมันออกเหมือนครั้งที่แล้ว
ก็คราวนี้...เราไม่ได้จูบกันในฐานะ ‘พี่น้อง’ สักหน่อย...จริงไหม?
บอกว่ารักว่ารักคำหนึ่ง ทำเพื่อชั้นสักครั้งก็พอ
ว่าในใจเธอนั้น...ชั้นก็มีค่าเหมือนกัน...
หลังจากนั้น...
“อืม ขอบคุณมากนะวา พี่โอเคดีแล้ว ทุกอย่างเคลียร์...แล้วทางนั้นเป็นไงบ้างล่ะ?”ผมโทรไปหาน้องรหัสที่แสนน่ารัก ขอบคุณสำหรับความร่วมมือทุกๆอย่างที่บางครั้งผมก็รู้ว่าตัวเองทำเกินไป
วาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่อารมณ์ดีไม่แพ้กัน เจ้าตัวเล่าคร่าวๆว่าโดนแฟนเมินใส่อยู่พักหนึ่ง แต่ก็แค่แวบเดียวก่อนที่จะหันมาคุยกันดีๆ และคราวนี้...อันนี้ผมเดานะ...แต่มันก็น่าจะทำให้สองคนนั้นรักกันมากขึ้นล่ะ
ความรักกับความเข้าใจมันเป็นของคู่กัน ถ้าเข้าใจกันแต่ไม่ได้รักกัน หรือรักกันแต่ไม่มีความเข้าใจ จะให้อยู่ด้วยกันมันก็คงไปกันไม่รอด
รู้ว่ารัก...แต่ถ้าไม่เข้าใจกัน มันก็คงจะเหมือนผมกับธาในตอนแรก ที่ไม่อาจส่งผ่านความรักไปให้อีกฝ่ายรับรู้ได้
“คิดอะไรอยู่?”
ผมเลิกควงปากกาเล่นแล้วหันไปมองฝาแฝดของผมที่นั่งดีดกีต้าร์เล่นอยู่บนเตียง ธามันชอบมานั่งห้องผมประจำ ไม่รู้ทำไม แต่ก็ดีครับ...เพราะผมชอบ(ฮ่าๆ)
“คิดเรื่องวา”คำตอบที่ได้คงฟังดูแปลกๆ ธามันเลยหรี่ตามองนิดหนึ่ง “เฮ้ย บ้า ไม่ใช่แบบนั้น”ผมชักขำจริงจังที่เห็นธามันทำหน้าเกือบจะไม่พอใจ “ก็เรื่องน้องเขากับแฟน...กำลังคิดอยู่ว่าจะไปได้สวยเหมือนเราหรือเปล่า”
ผมกับธา จะเรียกว่าแฟนกันมันก็คงไม่เต็มปากนัก เพราะยังไงซะผมก็เป็นฝาแฝดกับมัน นี่เป็นสิ่งเดียวที่จนตายก็คงจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แต่มันก็ไม่ได้แย่นักหรอก เพราะแบบนี้เราเลยไม่ต้องกังวลเลยสักนิดว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกันในวันใดวันหนึ่ง ถ้าไม่ใช่พี่น้องกันแต่เป็นผู้ชายสองคนอยู่ด้วยกัน ใครเห็นก็คงรู้สึกแปลกๆ เพราะงั้นนี่คงเป็นกำไรเดียวที่นอกเหนือไปจากเรื่องที่ว่าพวกเรามีสายเลือดเดียวกัน
“ต้องไปได้สวยสิ”ธายิ้มตอบ แววตาทอดอ่อนลง “แผนของจอมเจ้าเล่ห์อย่างมึงทั้งที”
“ปากมาก”ผมหัวเราะเบาๆ...จอมเจ้าเล่ห์...หึหึ อย่างน้อยๆมันก็ชมผมว่าเจ้าเล่ห์ ยังฟังดูดีกว่าซื่อบื้อแบบมันละกัน...
ผมลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน(ก่อนหน้านี้ผมโทรไปคุยกับวา พอคุยเสร็จก็ยังไม่ได้ลุกไปไหน) ธาเหลือบมองผมนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ยังคงเกากีต้าร์เล่นไปเรื่อยๆแบบไม่ยี่หระ ผมมองฝาแฝดที่ดูจะเพลิดเพลินเอามากๆ แล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าไอ้เจ้ากีต้าร์นี่มันมีอะไรดีนัก
“...สนุกเหรอ?”ผมนั่งลงข้างๆธา ชะโงกหน้าไปมองมันอย่างสงสัย
ธาชะงักไปนิด แล้วก็ยิ้มให้ “ลองเล่นดูสิ”
“เล่นไม่เป็น”ผมเบ้ปาก เราเป็นฝาแฝดที่เหมือนกันมาก แต่ว่าตัวตนของเราแทบจะเป็นคนละคนกันโดยสิ้นเชิง ผมชอบทำขนม แต่ธาเกลียดการรอให้มันสุก ธาเล่นกีต้าร์ ในขณะที่ผมเซ้นส์ทางด้านดนตรีห่วยแตก ผมชอบการวาดรูป แต่ธาวาดโคตรไม่เอาอ่าว ธาเก่งคณิต แต่ผมเก่งภาษาอังกฤษ
นี่ถ้าหน้าผมกับธาไม่เหมือนกัน คนทั้งโลกคงไม่คิดว่าเราจะเป็นพี่น้องกันแน่
กีต้าร์นี่ธาก็เคยคิดจะหัดให้ผมเล่น แต่สอนไปได้แค่หน่อยเดียวมันก็เลิกแล้วมานั่งขำเพราะเห็นได้ชัดเลยว่าต้องไปไม่รอดแน่ ผมล่ะเซ็ง คอร์ดมีตั้งเยอะตั้งแยะ ใครมันจะไปจำได้วะ?
“ลองดูน่า”ไอ้ธายัดเยียดกีต้าร์ให้มาวางบนตักผม แล้วตัวมันก็ขยับเข้ามาโอบทางด้านหลัง “ลองคอร์ดธรรมดาก่อนก็ได้...จำ A ที่เคยสอนได้ปะ อันนั้นโคตรง่ายเลย...ที่นิ้วมันเรียงกันน่ะ...ใช่...เก่งมาก”
ผมจับตามที่มันบอก ก็จำได้แหละครับ แต่แค่เลือนราง ผมแทบจะไม่เคยเล่นเลยนี่หว่า ได้อย่างมากก็คอร์ด C คอร์ด A คอร์ด G แบบโคตรพื้นๆเอง
“ลองคอร์ด C ดูด้วยสิ...ไม่ๆ...เลื่อนนิ้วชี้ลงมาอีกสาย...ใช่...”
สมาธิผมเริ่มกระเจิดกระเจิง ไม่ใช่อะไรหรอก ก็ไอ้ธาตัวแสบน่ะสิ! มันดันมานั่งซะชิด แถมยังจะมาทำเป็นกระซิบอะไรอีก ไอ้บ้า คนนะไม่ใช่พระอิฐพระปูน แบบนี้มันแกล้งกันชัดๆ!
“ตรง...ไหนอีก”ผมถามกลับ เสียงที่ออกคำสั่งให้ผมเปลี่ยนคอร์ดไปเรื่อยๆหยุดไปแล้ว ธาเอื้อมมือมาจับมือผมให้กดไปตามสาย แต่หน้ามันดันซุกลงมาที่คอผมจนขนลุกวาบไปหมด “...ธา...เดี๋ยว...”
บ้าจริง แม้นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันเริ่มล่วงล้ำผมมากขึ้นเรื่อยๆ แต่จะกี่ครั้งผมก็ยังรู้สึกแปลกๆ ไม่ใช่เพราะใบหน้าที่เหมือนกันหรอกนะ แต่เป็นที่ตัวผมเองมากกว่า ปากผมพูดโน่นพูดนี่ ท่าทางภายนอกดูมั่นใจกับทุกสิ่ง แต่กับเรื่อง...แบบนี้...ผมก็กลัวเป็นนะว้อย!
ผมสะดุ้งเฮือกที่ธามันเริ่มเลื่อนมือเข้ามาในเสื้อ เอ่อ ไม่น่ายั่วมันมากไปเลยว่ะ ซวยแล้วไงไอ้ธีเอ๋ย...บอกให้ก็ได้ว่าผมจงใจใส่เสื้อยืดตัวที่เก่าที่สุด แหม ก็มันบางเห็นทะลุดีออก อย่าบอกนะว่าธามันไม่ชอบ? ไม่จริงมั้ง...ลองว่ามันน็อตหลุดซะขนาดนี้ก็น่าจะหมายถึงมันชอบแหละ(เด็กดีอย่าเอาเยี่ยงอย่างนะครับ เพราะมันเป็นอันตรายต่อสวัสดิภาพจริงๆ)
“...ธา...”ผมครางชื่อมันเสียงแผ่ว ไอ้ธายกกีต้าร์ออกจากตักผมไปวางพิงกำแพงแล้ว ขณะที่มือมันก็ยังสาละวนอยู่ใต้เสื้อผมไม่เลิก
ธาชะงักไปนิดหน่อย ก่อนจะหัวเราะออกมา “...บอกไว้ก่อน...ห้ามไปทำหน้าแบบนี้...”มันลากปลายนิ้วลงมาตามแก้มผม “...สายตาแบบนี้...”แล้วก็เปลี่ยนมาจับที่หัวไหล่ “...แต่งตัวแบบนี้...ให้ใครเห็นเด็ดขาดเชียว...”
“แล้วจะให้...ไปทำให้ใครดูล่ะวะ”ผมยิ้มโต้ ยังปากเก่งได้ครับ เหอๆ แต่สั่นว่ะ สั่นจริงจังอ่ะ “ว่าไง...ให้ไอ้ชลดูดีมะ?”
“ธี!”มันคำรามเสียงกร้าว เล่นเอาผมต้องกลั้นขำจนปวดตับไปหมด ฮ่าๆ ก็วันก่อนผมไปส่งเอกสารให้สภา อย่างที่เคยเล่าไงครับว่าผมเป็นเลขาสภารุ่น บางทีเลยต้องไปช่วยงานพวกสภานักเรียนด้วยแบบช่วยไม่ได้ ผมเลยสนิทกับไอ้ชลประธานนักเรียนไปโดยปริยาย แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเรา ‘สนิท’ กันในแง่นั้นหรือเปล่า เพราะผมก็ไม่ได้สนใจใครนอกจากไอ้ธามาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว คนอื่นจะมองผมหรือรู้สึกยังไงกับผมนั้น ผมไม่เคยเก็บเอามาใส่ใจหรอก
ที่ยกเอาชื่อไอ้ชลมาอ้างก็เพราะวันก่อนกิตมันมาเตือนผมเรื่องหมอนี่ มันบอกว่าไอ้ชลดูจะคิดไม่ค่อยซื่อกับผม ให้ระวังเอาไว้บ้างก็ดี แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนักหรอก ดีซะอีกที่ได้รู้เอาไว้...จะได้เก็บเอาไปแกล้งไอ้ธาเล่น(หึหึ อันนี้เด็กดีก็ห้ามเลียนแบบอีกเช่นกันครับ)
“จะให้มันดู...ข้ามศพกูไปก่อนเหอะ”โอ้ เริ่มขึ้นมึงขึ้นกูตอนที่เรา...กัน(อะไร้ แค่สวีทกันนิดหน่อยเอง ไม่มีอะไรน่า) แปลว่าธามันก็คงจะเดือดหน่อยๆแล้วล่ะมั้ง(แน่ใจนะว่าหน่อย?) ฮ่าๆ อย่าสิไอ้ธา เดี๋ยวก็เข้าแผนผมกันพอดี กร๊ากกกกกก
“อะไร แค่นี้หวง?”ผมแกล้งแหย่มันต่อ และธาก็หรี่ตาลง ก่อนตอบชัดถ้อยชัดคำ
“เออ หวง”
ผมไม่มีสิทธิ์ต่อล้อต่อเถียงอีก ไม่ยุติธรรม เล่นปิดปากผมแบบนี้แล้วผมจะว่าอะไรได้ล่ะ...เห็นเป็นมันหรอกนะเลยไม่ด่า แล้วอีกอย่าง...นี่มันก็เป็นไปตามที่ผมคิดล่ะนะ
แน่นอนว่าหลังจากคำนั้น ผมก็ไม่มีสิทธิ์เอ่ยปากแกล้งแหย่อะไรมันได้อีกเลย ไอ้ธาตัวแสบ ร้ายนักนะ...แต่ก็...รักว่ะ หึหึ
เพราะเป็นมึงหรอกนะกูเลยยอมให้...เป็นคนอื่น...อย่าหวัง!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความลำเอียงมันมีจริงค่ะ สังเกตไหมว่าสโนว์มาเร็วผิดปกติ 55555+ โนว์เองก็กรี๊ดตาสองคนนี้พอสมควรค่ะ แต่งเองกรี๊ดเอง(บ้าเต็มรูปแบบ) นี่ก็คงจะเป็นตอนแรก(และตอนเดียว)ที่สองแฝดจะกินซีน โนว์ไม่เคยแต่งอินเซสเลยค่ะ 55 เขินๆเหมือนกัน แต่ก็นะ เค้ารักกันก็ดีแบ้ววววว
ตาธีในตอน ดูเหมือนนายเอกขี้เหวี่ยง ถ้าเอาธีไปเป็นพระเอกท่าทางจะได้เขียนแบบแรงๆ พ่อคุณดูจะทำได้ทุกอย่างเพื่อยั่ว(โมโห)ฝาแฝดตัวเอง ละเมิดศีลธรรมบอกไม่ถูก ฮา...
เพลงในเรื่องนี้ค่อนข้างเก่าค่ะ ถ้าใครทันก็....ฮ่าๆๆๆ บ่งบอกอายุสุดๆ โนว์จำได้ว่าเป็นเพลงประกอบละครที่แคทลียา อิงลิช เล่นค่ะ ฟังแล้วชอบมากกก จำได้จนทุกวันนี้ และพอเจอเรื่องของสองคนนี้มันก็ ปิ๊ง เฮ้ย ใช่เลยยยยย นี่มันฟีลลิ่งธี-ธา ชัดๆ
ชื่อเพลง รักคำเดียว ค่ะ อันนี้ลิ้งค์ ไม่รู้เหมือนกันว่าเด็กดีเค้าจะให้ลิ้งกะยูทูปมั้ย บางทีโนว์ทำแล้วมันก็บล็อกนะ แต่ถ้าฟังไม่ได้ลองไปหาเสิชดูค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=_4GQA9gPKfQ
ช่วงนี้เฮฮาปาร์ตี้กับตัวละครสักระยะ แล้วเดี๋ยวก็จะกลับมาสู่ความเป็นสโนว์ โนว์ชอบกินมาม่าค่ะ 555+
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านนะคะ ^^
ความคิดเห็น