ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Crescendo ดนตรีรัก จังหวะร้าย (YaOi)

    ลำดับตอนที่ #73 : Da Capo 31 : Plan B (Give me a White flag)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 196
      2
      6 ธ.ค. 57

    Da Capo 31 : Plan B (Give me a White flag)

     

     

                จ้องกันจริง จ้องกันเข้าไป สรุปกูผิดงั้นซิ??

                ผมเหล่มองสามสหายห้องเดียวกัน ไอ้ไฟว์ส่ายหน้าเหมือนจะหน่ายใจ ไอ้เนมดูไม่สนแต่ก็มีเหลือบมองเป็นระยะๆแล้วก็เบือนหนีไปเหมือนมันไม่ได้ตั้งใจจะจ้อง ส่วนนิวนี่แปลกหน่อย นึกว่ามันจะระริกระรี้ดีใจสุดที่ผมทะเลาะกับไอ้ซีได้ ตรงกันข้าม...มันดันลุกลี้ลุกลนเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่างซะงั้น

                ดีจริง คนหนึ่งด่าผมทางสายตาว่าผมผิด อีกคนทำไม่สนใจแต่ก็มอง(แบบไม่มีสาเหตุ) ส่วนคนสุดท้ายก็ทำซะยังกับว่าจะไปเคลียร์ให้แทน กูจะบ้า!

                โอ๊ยยยยยยย มีอะไรอยากพูดก็พูดมา ด่ากันทางสายตาอยู่ได้!”ในที่สุดผมก็ทนไม่ไหว เป็นฝ่ายระเบิดลงเสียเอง ไอ้นิวที่เหมือนจะรอคำนี้อยู่นานแล้วจึงรีบพูดทันทียังกับกลัวโดนใครแย่ง

                นิวว่า...ซีมันคงน้อยใจแย่อ่ะ ถึงปกตินิวจะหมั่นไส้มันก็เหอะ แล้วก็ออกจะเชียร์ให้วาเลิกกะมันมาคบนิว...โอ๊ย!”ไอ้คนพูดจาเหมือนจะดีถูกมะเหงกไอ้ยักษ์ข้างๆซัดเข้าหนึ่งปั้ก เรียกให้มันตื่นจากฝันในทันที นิวหันไปทำสายตาเหมือนอยากฆ่าคนใส่ไฟว์ที่บังอาจเขกหัวมัน(แต่ทำไมผมถึงคิดว่ามันเหมือน ค้อนกันล่ะวะ?) แต่ก็ยอมพูดต่อดีๆ ก็นั่นแหละ...แต่นิวว่าวาน่าจะพูดกับมันดีๆนะว่าโกรธอะไร ไม่ใช่ว่าอยู่ๆก็ประชด ดึงคนอื่นมาเกี่ยวอ่ะ

                อ้อ ขนาดไอ้นิวยังรู้เลยเนอะว่าที่ผมทำอยู่มันเรียกว่าประชด งี้คนฉลาดอย่างไอ้คุณชายซีก็คงจินตนาการได้ล้ำหน้ากว่าหลายสิบขุมแล้วล่ะ ฮ่าๆ

                ไม่ต้องมาทำหน้าทะเล้นคุณพ่อคนที่สองสวดต่อ ตาไอ้ไฟว์ดูดุขึ้น เข้มขึ้นอย่างเอาจริงเอาจัง มึงนี่ยังไง...ทีแรกที่คุยกันมึงก็ว่าจะง้อมัน แล้วง้อไปง้อมาทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้วะ ตกลงมึงจะเลิกกับมันงั้นเหรอ?

                เลิก?? เอ่อ...ไม่นะ กูไม่ได้จะทำงั้นซะหน่อยผมตอบอุบอิบ แหม...ไอ้ไฟว์เวลาดุนี่ก็ดุจริงอะไรจริง มิน่า...ไอ้นิวถึงได้หงอซะ... ทีแรกกูแค่จะช่วยพี่ธีนิดหน่อย มันเป็นเรื่องระหว่างกูกับพี่ธี กูไม่ได้คิดจะแกล้งแหย่ไอ้ซีมันด้วยซ้ำเออครับ ไม่ได้แกล้งแหย่ แต่จะ แหย่มันเลยล่ะ แต่ใครใช้ให้มันมาพูดจาแบบนั้นใส่กูล่ะ...นิว!”

                อะหา??ไอ้นิวสะดุ้งที่อยู่ๆผมก็เรียกชื่อมันเสียงเข้ม

                ถ้าเป็นมึง...ถ้ามึงโดนแฟนมึงที่ไม่คิดว่าจะพูดจาแบบนั้น...ผมปรายตาไปมองไฟว์ให้นิวเห็นแบบโจ่งแจ้ง และก็เห็นไฟว์เลิกคิ้ว ส่วนไอ้นิวก็ชักหน้าแดง...ออ สรุปพวกมึงกิ๊กกัน? ถ้าแฟนมึงมาจิกกัดมึงต่อหน้าคนทั้งกลุ่ม หาว่ามึงแรดชอบของฟรี ขี้อ่อย สารพัด เป็นมึงจะไม่โมโหงั้นสิ?

                เหมือนได้ยินไอ้ไฟว์บ่นว่า ซีไม่ได้ด่ามึงอ่อยนะ...กูว่า ส่วนไอ้นิวก็เกาหัวแกรกๆ สีหน้าดูปวดเศียรเวียนเกล้าอย่างบอกไม่ถูก

                ก็แล้วทำไมมาถามนิวอ่ะ...มันครางเสียงอ่อย เอ่อ...แต่ว่า...ถ้าเป็นนิวก็คงโกรธอ่ะ...ก็เราไม่ได้จะทำแบบนั้นนี่หว่า...

                ผมยิ้มหวาน รู้สึกรักไอ้นิวที่สุดในรอบปี นั่นล่ะกรณีกูเลย!”

                นิวแม่งทำหน้าเหวอเพราะไม่คิดว่าจะเจอไม้นี้ ส่วนไอ้ไฟว์ก็กุมขมับเครียด ซึ่งระหว่างนั้นไอ้เนมก็...นั่งหลับในไปแล้วครับ!

                นี่! กลุ่มตรงนั้นน่ะ!”เสียงอาจารย์วิชาอังกฤษตะโกนขึ้นมา พลางชี้มาที่พวกเราสี่คน จะคุยกันอีกนานไหม งานที่สั่งล่ะเสร็จรึยัง!?

                ผมหันไปมองมิสประจำชั้นที่ควบคู่ตำแหน่งอาจารย์สอนภาษาอังกฤษม.4 ด้วย เจ๊อรกำลังทำหน้าเหมือนฟิวส์ขาด เอ่อ...ก็แบบว่าคาบนี้มิสให้จับกลุ่มสี่คนเอาข่าวภาษาอังกฤษไปอ่านแล้วก็วิเคราะห์น่ะครับ แต่ทำไปได้แค่หน่อยเดียวก็เลิกเพราะวกมาเข้าเรื่องผมซะก่อน

                มิสว่าพวกเธอน่าจะทำเสร็จแล้วเจ๊อรอนงค์ยิ้มหวานเหมือนมั่นใจมากมายว่าพวกเรายังไม่มีทางทำเสร็จแน่ แล้วสายตาคมกริบก็ปราดไปมองไอ้เนมที่นั่งระหว่างผมกับไฟว์(เรานั่งล้อมวงกันอยู่น่ะ) นายอนุวัตร! จะนอนอีกนานมั้ย!?

                ไอ้เนมปรือตาขึ้นมานิดๆ สีหน้าเซ็งโลกอย่างถึงที่สุด มันพึมพำถาม หมดชั่วโมงแล้วเหรอวะ?

                ไอ้นิวยิ้มแหย ส่วนไฟว์กุมขมับซ้ำสอง...ผมว่านะ งานนี้ระเบิดลงแน่ๆเลย เหอๆ

                หนอยยย กล้าดียังไงนั่งหลับวิชาชั้น!”มิสแกเริ่มกรี๊ดๆอย่างรับไม่ได้ ยืนขึ้น! ทั้งกลุ่มนั่นแหละ...แล้วก็รายงานข่าวมา!”

                ทั้งห้องมองมาที่กลุ่มเราแบบฮือฮา เพราะเพิ่งผ่านไปได้แค่สิบห้านาที บางกลุ่มยังอ่านไม่จบเลยด้วยซ้ำ จะให้อ่านแล้วแปลแถมวิเคราะห์อีกนี่...

                ...ซวยจริงอะไรจริง...ไอ้ไฟว์เกาหัว มันสะกิดเนมที่ดูง่วงเหมือนเมื่อคืนไม่ได้นอนเลยสักงีบด้วยศอก เฮ้ยเนม มึงทำกลุ่มโดนด่าแน่ะ รับผิดชอบหน่อย

                ไอ้เนมจิกหางตามอง พวกมึงต่างหากที่คุย กูนอนของกูอยู่ดีๆแต่ถึงจะว่างั้น มันก็ยอมหยิบข่าวที่ตัดจาก Bangkok Post ไปจากมือผมแต่โดยดี ตาขวางๆ(เพราะง่วงนอน)ของมันปราดมองไปทั่วๆสักพัก มันก็ค่อยเริ่มอ่าน

                ผมหันขวับจนคอแทบเคล็ดเมื่อได้ยินไอ้เนมอ่านภาษาอังกฤษ...ชิบห่า!! ไอ้เนมที่วันๆถ้าไม่หลับก็เล่นไอโฟน ไอ้เนมที่วันๆไม่เคยจะเรียน ไอ้เนมที่ตกเรียบทั้งคณิต วิทย์ สังคม จีน ตกห่าเหวอะไรได้ทุกวิชา ไอ้เนมที่โคตรบ้าอำนาจ เอาแต่บงการชีวิตน้องผมคนนั้น...มัน...มัน...

                สำเนียงดีโคตรพ่อโคตรแม่!!

                ผมล่ะขนลุก ตั้งแต่เรียนด้วยกันมาผมไม่เคยได้ยินไอ้เนมพูดภาษาอังกฤษมาก่อนเลย(เพราะมันเอาแต่นอนกับเล่นไอโฟนน่ะแหละ) ปกติเวลาทำงานกลุ่มมักเป็นไฟว์ที่อ่าน แล้วผมก็ช่วยคิดวิเคราะห์กับนิว ในขณะที่เนมจะเป็นคนที่ทำงานน้อยสุดเพราะจะวิชาไหนมันก็ตกเรียบ(เออ...แต่จะว่าไป...เนมไม่ตกแค่อังกฤษตัวเดียวนี่หว่า...)

                ไม่นานมันก็อ่านจบท่ามกลางสายตาอึ้งทึ่งของคนทั้งห้อง...แหม คนอื่นๆก็คงไม่เคยได้ยินมันอ่านเหมือนกับผมนั่นแหละ และพอมันหยุด แฝดพี่มันก็ชะโงกหน้าไปกระซิบ(พวกเราได้ยินกันในกลุ่มเพราะวงมันแคบ)

                กระแดะสำเนียงไฮโซเชียวนะ...อยากนอนเร็วๆล่ะสิไอ้นิวยิ้มให้แฝดมันอย่างรู้ทัน เนมมันก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากทำหน้านิ่งๆตอบ(โอเค ผมรู้มันง่วง)

                มิสอรอนงค์ยังอึ้งอยู่ เจ๊แกกะพริบตาปริบๆเหมือนยังไม่ตื่นจากฝัน อ...เอ่อ...แปลต่อซิ

                วา มึงต่อเลย ครึ่งๆกะนิวไปไอ้ไฟว์สะกิด เดี๋ยวกูตอบวิเคราะห์ให้เอง

                ผมรับข่าวมาจากไอ้เนม(ที่ไปยืนหลังนิวแอบหลับในเรียบร้อย) ข่าวที่เราได้มันเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติครับ เป็นเรื่องปะการังที่เกาะสิมิลัน ผมกวาดตามองศัพท์แต่ละบรรทัด ภาษาค่อนข้างไฮโซราชการ แต่ข้างๆมีไอ้นิวคอยกระซิบศัพท์ยากๆอยู่ผมเลยแปลได้ดี และพอหมดครึ่ง ผมก็ส่งให้นิวที่รับไปแปลต่อแบบสบายๆ

                เราสองคนช่วยกันแปลจนจบ แล้วไฟว์มันก็พูดขึ้น

                มิสคร้าบ ไม่ถามเหรอผมแอบขำในใจ ดูมันถามเข้า งานนี้พออ่านอังกฤษ แปลไทยเสร็จ มิสเขาจะถามเป็นภาษาอังกฤษเชิงวิเคราะห์แล้วก็ให้เราตอบน่ะครับ

                มิสอรอนงค์ท่าจะยังอึ้งไม่หาย อ...เอ่อ...อลงกรณ์จะเป็นคนตอบใช่ไหม...โอเค...

                การรายงานของกลุ่มเราเป็นไปด้วยดี ดีจนเกินเหตุชนิดที่ว่ามิสถามประเด็นแค่เมนไอเดีย แต่ไอ้ไฟว์ล่อยาวในแบบที่บางคำผมก็ยังแปลไม่ออกจนต้องสะกิดนิวเป็นระยะๆ เห็นได้ชัดเลยว่ามิสชักเหงื่อตก เพราะเท่าที่เรียนๆมา ไอ้สามเด็กใหม่นี่ออกจะเงียบๆในเรื่องเรียน หนักไปทางเล่น คุย หลับซะมากกว่า ให้มาโชว์พาวในแง่ของวิชาการแบบนี้นี่ไม่เค๊ยไม่เคยยยยย

                ทำไมมันเทพจังวะ...?ผมกระซิบถามนิว ได้ยินไอ้ไฟว์พ่นห่าอะไรออกมาไม่รู้แต่ละคำ ศัพท์กระแดะสูงพอๆกับที่ไอ้เนมจงใจอ่านสำเนียงไฮโซเลย

                ไอ้นิวขำหน่อยๆ ไฟว์มันคงหมั่นไส้

                ออ รู้ใจกันดีจริงอดประชดมันหน่อยๆไม่ได้

                ไม่ใช่แบบนั้นครับวามันเถียงเสียงอ่อย...แต่จะหน้าแดงเพื่อ?? หึหึ บ้านไฟว์ทำธุรกิจรีสอร์ท มันเลยคล่องภาษาอังกฤษน่ะ

                ผมพยักหน้า แล้วก็ไม่วายถามต่อ แล้วพวกมึง...?

                ไอ้นิวอมยิ้ม พอดีกับที่หูผมได้ยินไฟว์มันจบประโยคด้วยคำว่า Thank you “พ่อแม่นิวทำเกี่ยวกับเน็ตเวิร์คอยู่ในเมกา ซัมเมอร์หรือปิดเทอมหยุดยาวที นิวกับไอ้เนมก็ไปเยี่ยมพ่อแม่ที่โน่นประจำ เนมมันจะสำเนียงไฮโซก็ไม่แปลกหรอก...แต่นี่ไอ้เนมแม่งกระแดะเกินหน้าไปหน่อย

                หลังสิ้นประโยคนั้นไอ้นิวก็ร้องโอ๊ยเพราะ คนกระแดะที่ยังหลับไม่สนิทดีเอาตีนยันเข้าให้ ไอ้นิวสบถด่าพึมพำกับตัวเอง ในขณะที่ผมอมยิ้มขำๆ...ไอ้แฝดคู่นี้รักกันดีจริง แต่ดีนะที่ยังไม่รักกันเกินเหตุเหมือนคู่แฝดพี่ธีเขา...ฮ่าๆ

                อย่ามาทำเปลี่ยนเรื่อง ไอ้ตัวเล็ก กูยังไม่ลืมหรอกนะไอ้ไฟว์ที่รอดจากเงื้อมมือเจ๊อรเป็นที่เรียบร้อยแล้วคาดโทษกับผมเสียงเขียว แต่เป็นโชคดีของผมที่เสียงออดหมดเวลาดังขึ้นพอดี มิสบอกให้หัวหน้าชั้นบอกทำความเคารพ หลังจากเคารพเสร็จ ผมเลยขยับยิ้มกว้างส่งให้พวกมันแล้ววิ่งกลับไปที่โต๊ะทันที

                เจอกันพรุ่งนี้นะเพื่อน!”ไม่ต้องรอให้ใครกระโดดตามมา ผมก็คว้าของทุกอย่างบนโต๊ะมาถือไว้และลากกระเป๋าวิ่งออกไปทันที

                ไอ้วา!!”

                ใครจะไปรอฟังมันล่ะ ขืนหยุดไอ้ไฟว์ได้เทศน์สิบแปดชาติไม่ยอมจบกันพอดีสิ บ๋ายบาย!!!

     

     

     

                พี่ธีนัดผมไว้ที่ประตูโรงเรียน พอชิ่งจากพวกไอ้ไฟว์มาได้ผมจึงรีบไปตามนัดทันที แน่นอนว่าพอวิ่งๆไปสักพัก มือถือในกระเป๋ากางเกงผมก็สั่นกึกๆ ผมคว้าขึ้นมาดูทั้งที่ยังวิ่งอยู่ ในใจคิดเอาไว้แล้วว่าถ้าเป็นพวกไอ้นิวโทรจะไม่ยอมรับเด็ดขาด แต่พอเห็น ผมก็ต้องเลิกคิ้วที่เป็นเบอร์เพชร

                เพชรเนี่ยนะจะโทรหาผมตอนนี้?

                ว่าไงเพชรผมกรอกเสียงลงไป แต่ปลายสายกลับเงียบอยู่นาน เพชร? มีอะไรเหรอ?

                ไม่มีเสียงเพชรตอบ เพราะคนที่ตอบดันเป็นคนที่ผมรู้จักดี...โคตรรรรร

                [ ...อย่าให้กูโมโหนะ วา ]

                อ่ะฮ่า...ผมดีดนิ้วเป๊าะ เข้าใจคิดว่ะไอ้คุณชาย แหม ทำเป็นเอาเบอร์เพชรคนซื่อโทร แล้วไอ้ผมก็บ้าพอที่จะติดกับจริงๆซะด้วยสิ ก็ใครจะไปคิดล่ะว่าเพชรจะยอมช่วยไอ้ซีแบบนี้

                มึงพูดอะไร กูไม่เห็นจะรู้เรื่องเลยยยยผมแกล้งทำเสียงแบ๊วกลับ นึกสะใจที่รู้ว่าไอ้ซีคงจะทำหน้าเหมือนอยากเขวี้ยงมือถือในมือทิ้ง(แต่นั่นของเพชร มันคงไม่ทำ)

                [ วา!! ] เสียงมันคราวนี้ไม่มีแววล้อเล่น มันเฉียบขาด ดุดัน และก็น่ากลั๊วน่ากลัววววว

                เออ กูจำได้ว่ากูชื่ออะไรไม่วายกวนประสาทครับ อดไม่อยู่จริงๆ น่าโมโหนัก มันพูดกับผมขนาดนั้นแท้ๆ แล้วยังจะมาทำเป็นสั่งโน่นสั่งนี่อีก ซี กูรู้ว่ามึงไม่ถนัด แต่การขอร้องคนน่ะรู้จักมะ? ถ้าไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ไปเปิดตำราศึกษาซะก่อนเหอะแล้วค่อยมาคุยกัน!”

                ผมกดวางสาย ไม่สนใจเสียงคำรามดุดันที่ดังลอดออกมาแม้จะเอาหูออกไปไกลแล้วก็ตาม ผมยัดมือถือกลับเข้ากระเป๋ากางเกงด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ถ้าลองว่าโดนตอกหน้าซะขนาดนั้น คนทิฐิสูงอย่างไอ้ซียังไงก็คงไม่มีทางโทรกลับมาง้ออีกหรอก เพราะฉะนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปิดเครื่องสักนิด

                ตอนที่ผมไปถึง พี่ธีก็รออยู่ก่อนแล้ว แน่นอนว่าถ้ากลับบ้านพี่ธี พี่ธาก็ต้องกลับด้วย แฝดคนพี่มองมาที่ผมนิดหน่อยตอนที่ผมแจกยิ้มทักทายเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆ พี่ธีที่อยู่ด้านหลังแอบชูนิ้วโป้งให้ผมเป็นสัญญาณชมเชยว่าเริ่มต้นได้ดี

                รอนานปะพี่ผมถามตามมารยาท มัวแต่เถียงกะไอ้บ้าบางคนอยู่ ทำพี่ธีรอเลย เฮอะ

                ไม่หรอก นานกว่านี้ก็รอได้พี่ธียิ้มหวาน...เอ่อ เล่นเกินค่าตัวอีกแล้วนะพี่ แต่พอพี่แกพูดแบบนี้ พี่ธาก็หมุนตัวเดินไปก่อนพร้อมกับเอ่ยห้วนๆ

                เชิญมึงรอไปคนเดียวละกัน

                ผมสะอึก ก่อนจะแสร้งไอเสียงดังกลบเสียงหัวเราะ ในขณะที่พี่ธีหันขวับมองตามหลังฝาแฝดตัวเอง คิ้วได้รูปเลิกขึ้นนิดๆ ดวงตาฉายรอยขำขันชัดเจน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากเดินตามไปเงียบๆ

                บ้านของพี่ธีพี่ธาอยู่บนถนนอีกเส้นที่ต้องเลี้ยวขวาออกแยกไป ซึ่งเป็นคนละสายกับทางกลับบ้านปกติของผม แถวนี้ไม่ถึงกับแปลกถิ่นก็จริงแต่ก็ไม่คุ้นนัก เวลาที่ผมจะมาแถบนี้ก็เฉพาะตอนไปโรงพยาบาลเท่านั้นเพราะตรงนี้มีโรงพยาบาลเจ้าประจำของบ้านผมอยู่

                เราลงรถที่สี่แยกและไปขึ้นต่ออีกสาย บ้านของพี่ๆทั้งสองอยู่ติดริมถนนพอดีเลยไม่ต้องต่อรถเข้าซอยอีก พี่ธีชี้ให้ผมดูหน้าร้านของบ้านเขา ซึ่งผมเองก็เคยเห็นเหมือนกัน เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นบ้านพี่ธี

                หน้าบ้านพี่ธีเปิดเป็นร้านเบเกอรี่ขนาดสองคูหา ด้านในมีโต๊ะเล็กๆไว้สำหรับนั่งทาน ในร้านนี้ติดแอร์ด้วยทำให้มีลูกค้ามาใช้บริการเยอะโดยเฉพาะเด็กนักเรียนโรงเรียนใกล้ๆ พอพวกเราก้าวเข้าไปในร้าน เสียงกระดิ่งหน้าร้านก็ดังขึ้น และก็มีเสียงทักทายตามมาติดๆ

                อ้าว ทำไมวันนี้กลับเร็วล่ะจ๊ะ?ผู้หญิงวัยกลางคนที่ก้มๆเงยๆอยู่หลังตู้โชว์เบเกอรี่ยิ้มให้รุ่นพี่ทั้งสอง แล้วก็เมียงๆมองๆมาทางผมด้วยหน่อย ...ไม่เคยเห็นหน้าเลยนะ เพื่อนใหม่เหรอ

                เปล่าครับ รุ่นน้องที่โรงเรียนพี่ธียิ้มกว้าง น้องเขาชื่อวานะแม่...วา นี่แม่พี่เอง

                ผมยกมือไหว้หญิงร่างเล็กท่าทางใจดี ซึ่งเธอก็ยิ้มกว้างกว่าเดิมตอบ ไหว้พระเถอะจ้ะ...แปลกดีเหมือนกัน ทุกทีถ้าเป็นตากิต ตาโอม แม่ก็ยังพอคุ้นๆ ไม่เคยเห็นธีกับธาพารุ่นน้องมาเลย

                ไอ้ธีพามา ผมเปล่าพี่ธาตอบปัดๆ ก่อนจะผลักประตูกั้นเตี้ยๆเดินเข้าไปด้านในเคาท์เตอร์ พี่ธีหันมาหาผมแล้วยักคิ้วให้ทีหนึ่ง ผมเลยไม่รู้จะตอบอะไรนอกจากยิ้มแหยๆ...กลัวโดนฆาตกรรมอำพรางบอกไม่ถูกว่ะ

                พี่เขาเป็นอะไรน่ะธีคุณแม่ของพี่ๆทั้งสองถาม สีหน้าประหลาดใจ ปกติธาไม่เคยอารมณ์เสียเลยนะ?

                อ่า...ไม่รู้สิครับ ธีไม่ใช่ไอ้ธามันคุณพี่ธีทำหัวเราะกลบเกลื่อน อะโห พูดมาได้ว่าไม่รู้ พี่อ่ะแหละสาเหตุเลย - - ผมเอาของไปเก็บก่อนนะแม่ แล้วเดี๋ยวจะออกมาช่วย

                จ้า...หาน้ำหาท่ากินก่อนก็ได้ ไม่ต้องรีบหรอก ลูกค้ายังไม่เยอะเท่าไหร่ว่าแล้วคุณแม่ก็หันมาทางผม เดี๋ยวแม่จะเลี้ยงเค้กนะจ๊ะ ถือว่าเป็นของต้อนรับเพื่อนคนใหม่ของตาธี

                น่านนนน ยิ้มแบบเดียวกับพี่ธีเด๊ะ ชัดเลยว่าพี่ธีได้เลือดใครมา ผมเดินตามพี่ธีเข้าไปหลังร้าน ด้านในนี้เป็นส่วนทางเดินเข้าสู่ตัวบ้าน พี่ธีถอดรองเท้านักเรียนทิ้งไว้ที่พื้นปูนก่อนเดินขึ้นบนยกพื้น ทำให้ผมต้องถอดตามและเดินตามเข้าไป จากทางเดินนี้มีห้องแยกสองสามห้อง พี่ธีเดินผ่านไปจนถึงด้านในสุดที่เป็นตีนบันได ซึ่งกำแพงฝั่งข้างๆนี้ถูกทุบออกไปสู่อีกคูหาหนึ่งที่เป็นส่วนหลังร้านและครัวภายในบ้าน พี่ธีวางของตรงนี้ เขาดึงเสื้อออกนอกกางเกง ปลดกระดุมบนอีกเม็ด แล้วเดินไปเปิดตู้เย็นหาน้ำ

                เป็นไงบ้าง บ้านพี่

                ผมฟังคำถามนั้น หันซ้ายหันขวาเช็คสถานที่(และบุคคลแอบฟัง) ก่อนจะตอบอ้อมแอ้ม ...ก็เป็นบ้าน

                พี่ธีหัวเราะลั่น โอเคๆ อ่ะน้ำเย็น กินซะ แล้วค่อยหาอะไรทำกัน

                ก่อนจะทำอะไร คิดให้ดีละกันเสียงเรียบๆของพี่ธาดังขึ้นด้านหลัง พี่ธาเพิ่งเดินลงมาจากชั้นสอง เขาเดินเข้ามาในครัวเพื่อล้างมือล้างไม้ จากชุดนักเรียนเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดกับกางเกงวอร์มที่ดูสบายๆ

                พี่ธีที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะในครัวเอี้ยวตัวไปมองแฝดตัวเอง รอยยิ้มขำๆกระจายเต็มหน้า อารมณ์เสียอะไรล่ะครับพี่ชาย...หน้าบึ้งมาแต่ไกลเชียว

    ถามจริง พี่ธีแกไม่รู้ตัวจริงๆใช่มะว่าตัวเองเป็นสาเหตุ - -  

                พี่ธาไม่ได้ตอบอะไร เขาเช็ดมือลวกๆแล้วเดินออกไปหน้าร้าน พี่ธีมองตาม แล้วก็ยักไหล่

                พี่บอกแล้ว ธามันผีเข้าชอบกลพอแน่ใจว่าอีกฝ่ายจะต้องไม่ได้ยิน พี่แกก็เริ่มเผา ดูธามันสิ ทำตัวหงุดหงิดกันซะโจ่งแจ้ง แต่ดันไม่ยอมพูดตรงๆ!”

                ผมหัวเราะเบาๆ เริ่มรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น แหม...ใช่ว่าผมจะชอบให้พี่ธาแกกรีดสายตาจ้องกันนักนะครับ เสียวสันหลังจะตาย พี่ธาตาดุกว่าพี่ธี ดูคล้ายกับ...ไม่ๆๆๆ ผมไม่ได้นึกถึงมันนะ!

                วา...พี่ดีใจที่วาช่วยพี่นะอยู่ๆพี่ธีก็ทำเสียงจริงจัง ผมเลยเลิกคิดบ้าบอในหัวแล้วหันไปมอง แต่ว่า พี่ก็ไม่ได้อยากให้วาทะเลาะกับแฟนนะ...

                ไม่ใช่น่าพี่ผมตอบออกไปโดยอัตโนมัติ แต่ก็จริงนะ มันไม่ใช่ความผิดของพี่ธีซักหน่อย ไอ้ซีต่างหากที่งี่เง่า เผด็จการ บ้าอำนาจกับผมก่อน! ซีมันเป็นคนแบบนั้น...เพราะวาไม่เคยว่าไม่เคยอะไรเลย ตามใจมันตลอด แล้วก็ต้องเป็นฝ่ายตามง้อตลอด แต่แบบนี้บางทีมันก็น้อยใจนะ

                ผมพูดออกไปอย่างที่ใจคิด แปลกดีที่ผมกล้าพูดกับพี่ธี ทั้งที่กับพวกไอ้นิวผมยังไม่ยอมบอกพวกมันเลยว่าโกรธซีเพราะอะไร

                ผมไม่ได้อยากเรียกร้องอะไรจากมัน ไม่ได้อยากได้อะไรจากมันมากมายเลย ผมอยากได้แค่ความเข้าใจ ความเชื่อใจ อยากให้มันงี่เง่าน้อยๆ ถือตัวให้มันน้อยลงสักหน่อย...ก็แค่นั้นเอง

                อย่าทำหน้ามุ่ยสิ พี่ขอโทษนะครับพี่ธีโน้มตัวลงมาบีบจมูกผมเล่น ทำเอาปัดออกแทบไม่ทัน จั๊กจี้นะเว้ยพี่ ไป ไปกินเค้กกัน เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง

                ผมเดินออกมาหน้าร้านพร้อมกับพี่ธี คุณแม่บอกให้ผมไปนั่งรอที่โต๊ะตัวเล็กใกล้ๆกับเคาท์เตอร์ ถัดจากตู้เบเกอรี่ไปจะเป็นซุ้มกาแฟเล็กๆที่พี่ธานั่งคุมอยู่ ระหว่างนี้พี่ธีก็แวะไปคุยกับฝาแฝดของเขา ไม่รู้เหมือนกันว่าคุยอะไร แต่เห็นพี่ธาจับคอเสื้อพี่ธีกระตุกเบาๆด้วยสีหน้าที่เหมือนจะโมโห แล้วก็...โอ๊ยยยยยย เขินแทนครับพี่น้อง

                เท่าที่ดู พี่ธาคงจะว่าเรื่องที่พี่ธีปลดกระดุมเสื้อนักเรียนมากเกินความจำเป็น เพราะเห็นเขาบ่นๆอะไรไม่รู้ ก่อนจะยื่นมือไปติดกลับให้เหมือนเดิม ผมแอบขำที่เห็นพี่ธีหน้ามุ่ย แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร แถมยังมีท่าทีที่...เกือบจะเขินอีกต่างหาก!

                แหม ท่าทางไปได้สวยนี่พี่ ฮ่าๆๆๆ ดูรักกันดีออก ไม่เห็นต้องให้ผมช่วยเล้ยยย

                สักพักพี่ธีก็เดินมาพร้อมกับจานเค้กน่ารักๆ เขานั่งลงตรงข้ามผม ใบหน้ายังมีรอยยิ้มติดอยู่ไม่คลายจนแลดูน่าหมั่นไส้พิลึก

                หวานดีนะครับพี่ผมกระซิบกลั้วหัวเราะ และเพราะร้านค่อนข้างสว่าง ผมเลยเห็นโคตรชัดว่าแก้มพี่ธีแดงขึ้นมาวูบหนึ่ง วากลับซะดีมั้ยเนี่ย ขี้เกียจอยู่เป็นกขค.

                บ้าแล้วน้องดูปากเขานะครับ ปากปฏิเสธเป็นพัลวันแต่หน้านี่ไปแล้ว เหอะๆ กินเข้าไปเลย เค้กอ่ะ กินไปเงียบๆ

                ผมหลิ่วตามองอย่างหมั่นไส้ โห ไหนว่าอยากขอเป็นแฟน ไล่กันเงี้ย...  

                กึ้ง! กาแฟปั่นครับ

                ผมสะดุ้ง พี่ธีก็สะดุ้ง เขาสบตาแฝดตัวเองปริบๆ เพราะถ้าฟังแค่ประโยคหลังของพี่ธีกับประโยคสุดท้ายของผมมันก็ชวนให้คิดไปไกลอยู่เหมือนกัน แต่พี่ธาที่เพิ่งยกกาแฟมาเสิร์ฟก็ไม่ได้พูดอะไร หันหลังเดินไปทันที

                เดี๋ยวสิ! ธา!”

    เอาล่ะสิ...พี่ธีจะง้อเขาเหรอ ว่าแต่จะง้อยังไงล่ะนั่น...          

                เอ่อ...พี่ธาหันกลับมาแล้ว คิ้วและใบหน้าพิมพ์เดียวกันกับพี่ธีแม้จะยังนิ่งอยู่แต่ก็มีแววสงสัยนิดๆ

    ...กาแฟ...ฉันล่ะ...

                พรวดดดดดดดด ผมแทบสำลัก...ถามจริง นั่นประโยคง้อ!! อุตส่าห์เตรียมกระดิกหูฟัง จำ และนำไปปรับใช้ในชีวิตเลยนะเนี่ย!! แล้วดูพี่แกพูดเข้าสิ

                ถ้าง้อได้ล่ะแปลก!!

                ...หึ...เฮ้ย พี่ธาแกขำซะงั้น หน้าเรียบๆเมื่อกี้มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาน้อยๆ และยังแววตาที่...อ่อนลงจนเกือบจะเหมือนเอ็นดู...เขาไม่ได้ตอบรับหรืออะไร แต่ก็เดินไปหลังซุ้มกาแฟและลงมือชงให้ตามที่ขอ

                เฮ้ยยยยยยย ง้อได้จริงๆด้วยว่ะ!!

                ไม่นานเกินรอกาแฟร้อนที่มีฟองนมซึ่งถูกเขี่ยเป็นรูปใบเมเปิ้ลน่ารักๆ(ที่มองดูแล้วพี่ธาไม่น่าชงได้)ก็ถูกยกมาวาง และพี่ธีก็เงยหน้าขึ้นยิ้มหวานให้แฝดพี่ของตน

                ขอบคุณนะ

                ผมมองพี่ธาพยักหน้าหงึก ก่อนจะเดินกลับไปที่ซุ้มเพราะมีลูกค้ากลุ่มหนึ่งเข้ามาใหม่และสั่งเครื่องดื่ม ผมมองสองฝาแฝดสลับกันไปมา แล้วก็บรรลุสัจธรรมบางอย่างขึ้นมาทันที

                แฝดคู่นี้แม่ง...แปลก...โคตร...

     

                กริ๊งๆๆ

                กระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นอีกครั้ง แต่มันเริ่มจะเป็นเสียงที่ชินหูสำหรับผมไปเสียแล้ว และผมเองก็นั่งหันหลังให้ประตู เลยไม่ได้สนใจที่จะมองนักว่าลูกค้าที่เข้ามาใหม่หน้าตาเป็นอย่างไร

                ยินดีต้อนรับจ้ะเสียงคุณแม่พี่สองแฝดทักทายเหมือนระบบตอบรับอัตโนมัติ รับอะไรดีจ๊ะ?

                ผมดูดกาแฟปั่นไปเรื่อยๆ ส่วนพี่ธีเองก็นั่งเงียบเพราะ...มัวแต่มองพี่ธาที่ซุ้มเครื่องดื่ม - - เหอะๆ หาว่าพี่ธาไม่ยอมพูดอะไร แต่พี่ธีแกก็โจ่งแจ้งซะจนน่ากลัวเหมือนกันอ่ะแหละ

                รับเป็นสตรอเบอร์รี่ชีสเค้กหนึ่งที่นะคะ รับกาแฟด้วยไหมคะ?...อะ...อ้อๆ ได้จ้ะได้ผมนั่งฟังเสียงคุณแม่คุย เอ่อ แต่ก็ไม่น่าเรียกคุย เพราะฝ่ายลูกค้าไม่เห็นจะพูดอะไรเลยสักคำ

                เป็นใบ้เหรอวะ? แต่ก็ช่างหัวเขาเถอะ...

                กึก...ผมเงยหน้าขึ้น เมื่อจานใบเล็กลวดลายน่ารักถูกวางลงตรงหน้า ท่าทางสีหน้าผมจะงงเอามากๆ คุณแม่เลยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

                เอ่อ...ผมไม่ได้สั่งนะครับผมรีบออกตัว อะไรอ่ะ?? ถึงจะกินไปแล้วชิ้นหนึ่งและยัดต่ออีกชิ้นได้แบบสบายๆก็เถอะ(อันแรกเป็นฟรุ๊ตเค้กน่ะ เลยไม่เลี่ยนเท่าไหร่) แต่ว่าผมไม่ได้สั่งนี่??

                อ้าว ก็มีคนสั่ง แล้วบอกให้ป้าเอามาให้หนูนี่จ๊ะคุณแม่พูดเหมือนไม่คิดอะไร คนโน้น...อ้าว ไปไหนซะแล้วล่ะ

                คุณแม่ทำหน้างงๆนิดหน่อยตอนเดินกลับไปที่เคาท์เตอร์แล้วเห็นแบงค์ร้อยวางไว้ใบหนึ่งโดยที่เจ้าของไม่คิดจะอยู่รอรับตังค์ทอนแต่อย่างใด

    ...แปลกจริงๆ

                เออครับ แปลก แปลกมากๆเลยล่ะ ผมเห็นด้วยกับคุณแม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มเลย ยิ่งพอมองสตรอเบอร์รี่ชีสเค้กที่ถูกตัดเป็นชิ้นสามเหลี่ยมและหุ้มพลาสติกกันไม่ให้เสียรูปอย่างดีแล้ว ผมก็ยิ่งงุนงง

                ไม่ได้งงกับชีสเค้กหน้าตาน่าทานนี่หรอก แต่งงในพฤติกรรมของไอ้คนที่ฝากมาให้มากกว่า ผมเพิ่งสังเกตว่าพี่ธีไปไหนแล้วก็ไม่รู้...แต่นั่นก็ยังไม่สำคัญเท่ากับ...ความรู้สึกดีๆที่แวบเข้ามาในหัวใจ

                ถ้าผมไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไปนัก ถ้าผมคิดไม่ผิด...เจ้าของเค้กชิ้นนี้ก็น่าจะเป็น...

                ผมตักชีสเค้กตรงหน้าเข้าปากคำหนึ่ง...รสชาติหวานนุ่มลิ้น ไม่เลี่ยนมากจนชวนให้หน้ามืด ทุกอย่างลงตัวพอดี แต่นั่นกลับเทียบไม่ได้สักนิดกับความอบอุ่นที่แผ่ซ่านเข้ามาในใจ

                ...ซี...

                คิดแล้วก็ขำ ง้อกันแบบนี้เนี่ยนะ...ก็สมเป็นวิธีของคนไม่พูดแบบมันเหมือนกัน

                ผมคงบ้าไปแล้ว ที่คิดว่าไอ้ซีตอนนี้...น่ารักว่ะ

                หือ?ผมชะงักเมื่อสายตาไปสะดุดเข้ากับการ์ดใบเล็กๆที่อยู่ใต้จานเค้ก การ์ดค่อนข้างจิ๋วมากเหมือนสคส.ปีใหม่ลายการ์ตูนมีกากเพชรที่แต่ก่อนตอนเด็กๆเคยนิยมสะสมกัน และพอเปิดดู ด้านในก็เป็นการ์ดแบบนั้นจริงๆ มันเป็นรูปกวางเรนเดียร์จมูกแดงด้านซ้าย ส่วนด้านขวามีข้อความบางอย่างเขียนเอาไว้

     

                รู้ว่าชอบ กินแก้เคล็ดซะนะ จะได้ไม่ สตรอกับหัวใจตัวเองอีก

     

                เชี่ยแม่งงงงงงงงงงงงงงงงง!!!

                นั่นเป็นประโยคที่ผมแหกปากกรีดร้องในใจทันทีที่อ่านจบ...เช็ด-มาก-คร้าบบบบบบ!! ผมคิดผิดใช่มะที่บอกให้ไอ้ซีไปหาหนังสือวิธีขอร้อง วิธีง้อคนมาอ่าน ตกลงมันจะง้อ จะกวนตีน หรือจะเข้าข้างตัวเองว่ายังไงซะผมก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจไปจากมัน และสุดท้ายก็ต้องกลับมาตายรังกันฟะ?

                พูดจริงๆนะ จากใจจริงเลยเอ้า...

                ไอ้ซีแม่งง้อคนได้ห่วยแตกขั้นเทพอ่ะ suck มั่กมากกกก!!!

                พนันได้เลยว่ามันเองก็คงจะเริ่มหงุดหงิดแล้ว ถึงได้ง้อแบบกวนๆกันงี้(ออ สรุปนี่เรียกง้อ??) ถ้าผมไม่ประสาทแดกตายก่อนก็คงไม่สมใจมันสินะ??

    หนอยย!!!!

                ทีแรกเห็นเค้ก ผมก็คิดว่าจะเลิกเล่นก่อนเวลาก็ได้ สงสารมัน สงสารหัวใจตัวเองด้วย ไม่ได้ชอบนะครับที่ต้องมานั่งเล่นสงครามประสาทกับมันแบบนี้ อึดอัดนะเว้ย อึดอัดอ่ะ รู้จักมะ แต่ดูที่มันทำเดะ...

                กวนกันซะขนาดนี้ ไม่ว่ายังไงผมก็จะไม่ยอมเป็นฝ่ายแพ้เด็ดขาด ยังไงก็ต้องทำให้มันยอมยกธงขาวต่อหน้าผมให้ได้ คอยดูเหอะ!!

                เดินหน้าแผนต่อไปอย่าได้ยั้งมือ...ให้มันรู้ซะบ้างว่าคนอย่างไอ้วา ฆ่าได้ หยามไม่ได้เฟร้ย!!

     


     

     +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     
    มันกำลังจะเริ่มไปได้สวยค่ะ แต่อิสโนว์จะไม่มีทางทำให้มันดีกันได้ง่ายๆ 555+ ไม่ดราม่า เราไม่นอน (ไม่ใช่!)
    เขียนไปเขียนมาโนว์ว่ามันตลกนะ หนูวาแกก้ำกึ่งมากว่าจะยอมลงให้แบบที่แล้วๆมาดีหรือว่าจะแก้เผ็ดก่อนดี คงเกือบจะใจอ่อนไปเหมือนกันแหละ แต่สุดท้ายก็สะบัดบ็อบเมิน 55 เจ้าซีลำบากหน่อยนะ (นึกภาพตาซีหงุดหงิดงุ่นง่าน อยากดีด้วยแต่ก็หมั่นไส้ ลงท้ายเลยมาจบที่การจิกกัดกันเอง แล้วก็บึ้ม!)  

    ตอนนี้โนว์ประทับใจพี่ธีบอกไม่ถูก ฮ่าๆๆ ตามที่คุณๆขอนะคะ เดี๋ยวต้องจัดตอนพี่ธี-พี่ธาตบท้ายเล็กน้อยพอให้เคลียร์ว่าสองคนนี้จะเป็นยังไง แต่คงไม่ยืดยาวหรอกนะ สั้นๆตอนเดียว(คิดว่านะคะ)

    รอดูกันต่อไปว่ามันจะจบดีหรือเปล่า เล่นไล่จับกันยังกะหนังอินเดีย 555+ สบายใจไปก่อนสักระยะเถอะค่ะ หึๆๆๆๆ (หัวเราะอย่างชั่วร้ายและค่อยๆย่องหนีไป) 

    ขอบคุณที่ตามอ่านกันนะคะ ^^


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×