คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #69 : Da Capo 27 : Hospital
Da Capo 27 : Hospital
(Special Part : นิว)
มันเวรกรรมอะไรของผมวะเนี่ยที่ต้องมาใจอ่อนเพราะมัน!
ผมโกรธมันอยู่นะ โกรธไอ้ห่าไฟว์ โกรธมากๆเลยด้วย แต่ว่า...มันก็เป็นเพื่อนคนหนึ่ง พอได้ยินวาพูดแบบนั้นแล้วก็กลัวมันจะเป็นอะไรไปกลางดึก กระดูกมันก็ยังไม่ค่อยดี ช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้ แม้มันจะเลิกดูดเลือดคั่งออกแล้วแต่ก็ยังต้องให้น้ำเกลืออยู่...เอ่อ...นี่ผมรู้มาจากนัทน่ะ คุยกับพวกมันเมื่อตอนเย็นแล้วก็เผลอไปรู้มาโดยไม่ตั้งใจ แต่สาบานเหอะว่าผมไม่ได้ห่วงอะไรไฟว์มัน!
ง่ะ...พูดไปแล้วก็นึกขึ้นได้...กล้าสาบานออกมาโต้งๆ...งานนี้กูตกนรกหมกไหม้ชัวร์ เหอๆ...
เฮอะ แต่ก็ช่าง ไงๆซะผมก็เป็นคริสต์โว้ย!<<เกี่ยว?
นอกจากเสียงเครื่องปรับอากาศหึ่งๆแล้วในห้องก็ไม่มีเสียงอะไรอีก ไฟว์กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง สายตาจับจ้องไปที่หนังสือในมือ ทำให้ผมได้แต่เลี่ยงออกมานั่งข้างหน้าต่าง
ถึงจะบอกว่าอยู่เฝ้าก็เถอะ แต่ไม่เคยเฝ้าไข้ใครเลยอ่ะ...ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง...
“อาหารเย็นมาแล้วจ้า”พี่พยาบาลที่รับผิดชอบดูแลไอ้ไฟว์เปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หล่อนจัดการเอาโต๊ะตั้งอาหารสำหรับคนป่วยขึ้นมา วางถาดลง แล้วก็หันมาทักทายผม “หวัดดีจ้ะ น้องคนน่ารักๆที่มาเฝ้าบ่อยๆไม่มาหรือ?”
เขาน่าจะหมายถึงไอ้วา เพราะนอกจากวาแล้วคนที่มาเฝ้าบ่อยๆก็คือไอ้เนม แต่ฟังจากคำพูดแล้วไม่มีทางเป็นไอ้เนมชัวร์ เนมกับคำว่าน่ารักมันแมทช์กันตรงไหน เป็นวาก็ว่าไปอย่าง...
“เขาติดธุระน่ะครับ”ผมยิ้มตอบพี่พยาบาล “วันนี้ก็เลยมาแทน”
“แหม ดีจัง”แล้วพี่แกก็หันไปพูดกับไฟว์ “เพื่อนๆรักน่าดูเลยเนาะ ผลัดกันมาเฝ้าไม่เคยขาดเลย”
ไอ้ไฟว์ยิ้มตอบพี่เขา แต่คำพูดกลับฟังดูแปลกพิลึก “ครับ...เพื่อนรัก...แต่ท่าทางคนที่อยากให้รักแบบไม่ใช่เพื่อนจะไม่รักผมเลย”
“ว้ายยย พูดงี้แปลว่างอนที่แฟนไม่ยอมมาเยี่ยมสิเนี่ย ฮ่าๆๆ”
สาบาน...ไอ้ไฟว์แม่งหันมายักคิ้วใส่ผมเต็มๆ นี่ถ้าไม่กลัวดังทั่วโรง’บาล ผมจะแหกปากด่าสวนไปให้ดูเลยว่า ‘ใครแฟนมึง!!’
“ยาทานตามนี้หลังอาหารทันทีนะจ๊ะ พี่ไปล่ะ ดูแลตัวเองดีๆนะ”พี่พยาบาลคนสวยบอกไฟว์ แล้วหันกลับมาทางผม “ดูแลเพื่อนด้วยนะจ๊ะ มีปัญหาอะไรก็กดกริ่งเรียกได้ตลอดเวลา”
ผมยิ้มให้เธอ พยาบาลที่นี่อัธยาศัยดีจริงๆ แถมพี่คนเมื่อกี้ก็สวยซะด้วย...
“มอง มอง เออ ก็เค้าสวยนี่หว่า”เสียงประชดแบบนิ่งๆมาจากไอ้คนที่เมื่อกี้ยังยิ้มหน้าเป็นอยู่บนเตียง แต่ตอนนี้รอยยิ้มนั้นหายไปเกินครึ่ง “...กูไม่สวยแบบเค้าบ้างก็ให้มันรู้ไป...”
โหยแม่ง...นึกภาพไอ้ห่าไฟว์ ‘สวย’ แล้วขนแขนสแตนด์อัพ นี่มันใช้รูง่ามตีนคิดรึไง!!
“เสือก”ผมโต้มันนิ่งๆ เอ๊ะ รู้สึกช่วงนี้ผมเริ่มแรงเหมือนไอ้เนมยังไงก็ไม่รู้สิ...
ไฟว์ไม่ว่าไง มันมองอาหารโรงพยาบาลด้วยสายตาคิดหนัก ผมเหลือบมอง ตรงนี้ไกลนิดนึงเลยเห็นไม่ค่อยจะชัดแต่ดูสภาพแล้วคงไม่น่ากินเท่าไหร่ เห็นมีปลาทอดแล่ครึ่งซีกตัวกระจิ๊ด ผัดผัก ซุป แล้วก็อะไรก็ไม่รู้อีกถ้วย
มันเริ่มหยิบช้อนตักแบบขี้เกียจมากเรื่อง แต่พอขยับเปลี่ยนท่ามันกลับทำหน้าเหมือนเจ็บ ปล่อยช้อนหลุดมือกระทบถาดดังเคร้งจนผมถึงกับตกใจ วิ่งไปที่เตียงแทบไม่ทัน
“เป็นอะไรวะ เจ็บตรงไหน ให้กูกดกริ่งมั้ย!?”ผมถามรัว ไม่รู้อ่ะ ไม่เคยเฝ้าไข้ใคร คิดอะไรไม่ออกต้องบอกพยาบาล...แต่ตอนที่กำลังลนลานไอ้ไฟว์ก็คว้ามือผมที่กำลังจะกดกริ่งเอาไว้เสียก่อน
“ไม่ๆ...กูไม่ได้เป็นอะไรมาก...แค่ขยับแล้วมันแปล๊บ...ธรรมดาแหละ...”ไอ้ไฟว์ตอบปนหอบ ท่าทางจะเจ็บจริงไม่ได้ตอแหล
ผมเห็นแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าละเหี่ยใจ แต่ก็กลัวมันตายในคืนที่ผมเป็นเวรมากกว่าโกรธ ผมเลยหยิบจานข้าวมันขึ้นมาแบบเสียมิได้
“นั่งเฉยๆละกัน...อ้าปากอย่างเดียวมันคงไม่กระเทือนซี่โครงนักใช่ปะ”ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่สบตาคมๆหลังแว่นกรอบบางที่กำลังเบิกกว้างเหมือนจะทึ่งการกระทำของผมนั้น แล้วจ้วงเอาข้าวกับกับขึ้นมาก่อนจะป้อนแบบส่งๆไป
ก็ไม่ได้เกลียดมันหรอก...แต่โมโห...รู้ว่ามันทำไปเพราะอะไร แต่ที่ไม่ยอมรับก็เพราะมันทำให้คนอื่นเจ็บปวด
ผมมันขี้ขลาดเกินไป...ไม่กล้าพอที่จะรับผลการกระทำของมันหรอก...
“นิว”มันเรียกผมเบาๆ ผมจึงเลิกคิดฟุ้งซ่าน แต่พอมองไป ไอ้ไฟว์ก็ทำแก้มป่องเหมือนเด็ก “เคี้ยวหมดแล้ว”
ผมเกือบหลุดขำ ดีที่เก๊กไว้ทัน “คิดว่าน่ารักนักรึไง”แต่ถึงปากจะพูดงี้ก็ยังนั่งเลือกก้างออกจากปลาแล้วป้อนมันต่อ
โกรธนะ ยังโกรธอยู่
โกรธอยู่จริงๆเฟ้ย!!
ก๊อกๆ
เสียงเคาะสองทีสั้นๆดังก่อนประตูเปิดไม่กี่วิฯโดยไม่รอคำอนุญาต มารยาทยอดเยี่ยมแบบนี้รู้เลยว่าต้องเป็นไอ้เนมน้องชายผมชัวร์ มันทำหน้าฉงนนิดหน่อยที่เห็นผมนั่งป้อนข้าวไอ้ไฟว์อยู่ ในมือมีกระเป๋าเสื้อผ้าที่ผมฝากให้มันเอามาให้
“หวัดดีรอบสอง”ไอ้ไฟว์ทักเพื่อนมันกวนๆ เนมมันก็ยักไหล่ไม่ว่าไงแล้วโยนกระเป๋าผมลงไปบนโซฟา
“มึงอยู่ได้นะ?”มันถามย้ำกับผม “ถ้าไม่อยากอยู่มึงกลับบ้านไปเลยก็ได้”
“เอ้อ...”ผมชะงักนิดหน่อย จะบอกว่าอยากอยู่ก็คงไม่ใช่ แต่ก็ไม่ได้รังเกียจรังงอนอะไรมันขนาดนั้น ยิ่งพอเห็นไฟว์มันทำหน้าจ๋อยๆตอนไอ้เนมบอกว่าให้ผมกลับได้ผมก็ชักสงสาร ก็บอกแล้วไงว่าใช่จะเกลียดมันขนาดนั้น ผมแค่ยังติดจะโมโหมันอยู่...เอ่อ...นิดหน่อย
“จะอยู่ด้วยมั้ยเนม”ไอ้เนมมองตอบ ทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่างอยู่
“ไม่ล่ะ...พรุ่งนี้กูมีนัดเช้า จะรีบนอนรีบตื่น มึงก็อยู่ของมึงไปเหอะ”
อ้าวแสรด แล้วทีเมื่อกี้เสือกมาทำเป็นพูดเหมือนให้ความหวัง!!
ผมป้อนข้าวให้ไฟว์ต่อจนหมดแล้วมันก็บอกว่าอยากเข้าห้องน้ำ ตอนลุกมันก็ขยับลุกเองได้แม้จะหน้าซีดๆเขียวๆไปหน่อยก็ตาม ผมเลยพยุงมันไปจนถึงห้องน้ำแล้วก็ปล่อยให้มันทำธุระเอง
“เสร็จแล้วเรียกนะ”ผมปิดประตูออกมาด้านนอก แล้วก็งงที่ยังเห็นไอ้เนมยืนอยู่ “มึงไม่กลับเหรอ?”
“อ้อ...”น้องชายวายร้ายแสยะยิ้มแปลกๆใส่ “กูแค่อยากรออยู่ถามน่ะ...ว่าไอ้ไฟว์มันซี่โครงหักหรือมือเป็นง่อย”
“หือ?”ผมตาโต เนมมันกำลังจะบอกอะไรหว่า?
“ก็ไม่รู้นะ”มันหัวเราะหึๆแลดูชั่วร้ายพิลึก “แต่กูไม่เคยป้อนข้าวมันตอนเฝ้าว่ะ”
ผมอ้าปากค้าง คิดอะไรไม่ออก...มันพูดว่าอะไรนะ?
ไอ้เนมหัวเราะในลำคอ ก่อนจะหันหลังเดินไปเหมือนเมื่อกี้ตัวเองไม่ได้เพิ่งทิ้งระเบิดใส่หัวใครไปหมาดๆ “กูไปล่ะ”
ปัง!
ไอ้เนมไปแล้ว แต่ผมยังยืนอึ้งอยู่ที่เดิม
“นิว เสร็จแล้ว”ผมได้สติทันทีที่ได้ยินเสียงไอ้ตัวแสบจอมเจ้าเล่ห์ และพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นมันยืนอยู่ที่เดิม มันยิ้มให้ผมแบบงงๆที่เห็นผมทำหน้าบอกบุญไม่รับสุดขีด “หือ...เป็นอะไรไป”
หนอย...ยังจะมีหน้ามาถาม...
ไอ้จอมเจ้าเล่ห์!!!
“เดินกลับเองไป!!”ผมโวยใส่หน้า เดินออกมาจากห้องน้ำทันที ไม่สนใจด้วยว่าไอ้คนข้างหลังมันจะออกมาโดยไม่มีคนช่วยพยุงได้หรือไม่ แม่งงงงง คนอุตส่าห์เป็นห่วง กลัวมันจะเป็นอะไรตาย แต่ดันเสือกมาหลอกให้เราป้อนข้าวให้ซะฉิบ มิน่าไอ้เนมมันถึงได้มองผมแบบนั้น!!
“นิว นิวโกรธอะไรอ่ะ”ไอ้ไฟว์ถามยิกๆ มือแตะไหล่ผม ในขณะที่ผมทำเพียงแค่เหลือบหางตามอง...อ้อ...สรุปมึงเดินเองได้ด้วยสินะ...ดีนี่หว่า...
“สนุกมากใช่มั้ย ทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงเนี่ย!!?”ผมตวาดใส่หน้า ปัดมือมันออกอย่างแรง และคงจะปัดแรงไปไอ้ไฟว์มันเลยถึงกับผงะหงายหลัง
“เฮ้ย...”
ตึง!!!
ตายห่า! ผมรีบวิ่งเข้าไปดู ไอ้ไฟว์ล้มแรงมาก มันเอาแต่งอตัวดิ้นไปดิ้นมาอยู่กับพื้นแล้วส่งเสียงร้องเหมือนอยากแหกปากออกมาดังๆ คราวนี้ผมเลยรู้ว่ามันไม่ได้แกล้งแต่เจ็บจริงแน่
“ไฟว์! ไฟว์! เฮ้ย! เจ็บจริงเหรอเนี่ย!”ผมหันรีหันขวางอย่างสับสน เอาแล้วไงไอ้นิว ไฟว์มันล้มแบบไม่ได้เอามือยันพื้นเลยสักนิด มันเอาลำตัวอีกซีกที่ไม่ได้หักลงก็จริงแต่แรงสะเทือนนี่ใช่ย่อย
สุดท้ายพอนึกอะไรไม่ออก ผมก็รีบวิ่งไปที่ข้างเตียงแล้วกดกริ่งฉุกเฉินทันที
ว้อย...อย่ามาตายเอาคืนที่กูเป็นเวรเชียวนะ ไอ้บ้า!
“ล้มไปแบบนี้อันตรายมากเลยนะ เสี่ยงมากเลยด้วย”ผมนั่งฟังหมอรุ่นดึกบ่นคำนี้ใส่หูไอ้ไฟว์เป็นรอบที่ล้าน ส่วนมันที่นอนอยู่บนเตียงก็ได้แต่ยิ้มแหยๆหลังหมอฉีดยาแก้ปวดให้ “ระหว่างที่กระดูกกำลังสมานตัวก็อย่าให้อะไรไปกระทบกระเทือนสิ นี่เล่นล้ม...ไม่หักซ้ำก็ดีแค่ไหนแล้ว”
ผมสะดุ้ง หน้าซีดหนักกว่าเดิม หักซ้ำเลยเหรอวะ เจ็บแหงๆ เจ็บชัวร์ๆ!
“แหะๆ คราวหน้าผมจะระวังครับ”ไอ้ไฟว์เกาหัวแกรกๆ “ก็นึกว่ามันหายแล้ว...”
“ตลกหรือเปล่าไอ้หนู กระดูกหักสี่วันหาย ไม่ใช่หนังการ์ตูนนะ”
“ง่า...”
คุณหมอเจ้าของไข้นั่งเทศน์ต่อไปอีกชุดใหญ่ๆ ผมเองก็นั่งฟังไปพร้อมๆมันด้วย ดูเหมือนว่าลุงหมอแกจะถูกปลุกให้มาดูอาการตอนดึกเลยหงุดหงิดนิดหน่อย พี่พยาบาลที่คอยดูแลห้องนี้เองก็อยู่ด้วย หลังหมอไปและเธอต้องเก็บอุปกรณ์ เจ๊แกก็ยังไม่วายย้ำ
“วันหลังจะเข้าห้องน้ำก็ให้เพื่อนพาไปนะ เดี๋ยวลื่นล้มไปอีกล่ะแย่เลย”
ไอ้ไฟว์ยิ้มรับ แต่ผมงี้รู้สึกผิดจนแทบกระอัก...มันบอกหมอว่าลื่นล้มในห้องน้ำ...ไม่ได้บอกว่าถูกผมผลัก...
นอกจากจะไม่โทษผมแล้ว พอพี่พยาบาลไป มันยังมีหน้าหันมาขยิบตาใส่ผมอีก
“เป็นไง...กูกระดูกเหล็กดีใช่ม้า”
ผมส่งเสียงเหอะเบาๆด้วยความหมั่นไส้ “...ไม่ตายก็ดีแค่ไหนแล้ว...”
ขอบตามันร้อนขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้มันล้มนะ นี่ถ้ามันเป็นอะไรไปหนักกว่านี้แล้วผมจะทำยังไง...
“เฮ้ย แล้วนิวจะร้องไห้ทำไมเนี่ย!”ไอ้ไฟว์โวยวาย ทำท่าจะยื่นมือเข้ามา แต่ผมกลับขยับหนีแล้วหันหน้าไปทางอื่น ส่วนในใจก็สบถด่ามันไปตามเรื่อง
มึงจะทักหาหอกหาดาบอะไร กูอุตส่าห์แอบร้อง!
“...ขอโทษ...กูขอโทษ...”ผมพึมพำเบาๆ ไม่กล้าพูดดังเพราะเสียงตอนนี้สั่นจนน่าอาย “...กู...อึก...ทำมึงเจ็บกว่าเดิม...”
“ง่ะ...”มันทำเสียงปัญญาอ่อนในระดับปานกลาง และยังคงความเซ่อซ่าด้วยการเกาหัวจนขี้รังแคมันจะร่วงเต็มเตียงแล้ว(ประชด) “เอ่อ...เจ็บน่ะใช่ แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดนั้นน่า ตอนนี้กูก็ไม่เป็นไรแล้ว”
ดูมันพูด...ไฟว์แม่งปลอบคนได้ห่วยแตกจริงๆเลย...
“เอ่อ...ว้า...กูก็ปลอบใจใครไม่เป็นซะด้วยสิ”มันยังเอาแต่พูดคนเดียวไม่เลิก “เอางี้นิว...เข้ามาใกล้ๆไฟว์หน่อยสิครับ”
ผมเหลือบหางตามอง....มันคิดจะเล่นอะไรของมัน...แต่เพราะมีชนักติดหลัง ทำความผิดเอาไว้ผมเลยยอมทำตามที่มันขอ ค่อยๆขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆที่เก้าอี้เหมือนเดิม
“ไม่ๆ นั่งนี่”มันตบลงบนขอบเตียง ผมมองนิดหน่อยแต่ก็ลุกจากเก้าอี้แล้วขยับไปนั่งตรงนั้นโดยไม่อิดออดอะไร แล้วมันก็ยื่นมือมาจับแก้มผมเบาๆ “ไหนดูหน้าหน่อยซิ...โหย ตาปูดยังกะอีแร้ง ร้องไห้จนตาแดงไปหมดแล้ว”
“ห่า! ใครเป็นอีแร้งไม่ทราบ!”ผมด่าเสียงดัง ทั้งอายทั้งโกรธ ว่าแต่อีแร้งมันตาปูดเหรอวะ?
ไอ้ไฟว์หัวเราะเหมือนคนเป็นโรคประสาท “อ๊ะ ยังด่าได้อยู่แสดงว่าเฮิร์ทไม่มาก”
สัด มีหน้ามาพูด...ผมค้อนมันทางสายตา เอ๊ยยยยย ไม่ๆ ไม่เรียกค้อน เรียกว่าส่งสายตาอาฆาตต่างหากล่ะเฟ้ย!
“นิวอย่าร้องไห้สิ ทำกูใจคอไม่ดีเลยว่ะ”มันเปลี่ยนเป็นลูบหัวผมเบาๆแล้วโยกเล่น เอาเลย หักคอกูเลยสิแม่ง... “ไฟว์ไม่ได้เจ็บอะไรขนาดนั้นน่า เอ่อ...ก็ไม่ปฏิเสธเรื่องเจ็บนะ แต่มันก็ไม่ได้ถึงตาย แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก”
“...ต้องรอให้ตายก่อนใช่มั้ยมึง...”ผมถามเสียงสั่น ยังเคืองมันอยู่
“ฮ่าๆๆ ยังจะประชดได้อีกเว้ย”ไอ้ห่าไฟว์ขำจริงจังจนผมล่ะอยากตบกระดูกมันซ้ำให้ลงไปดิ้นแบบเมื่อกี้จริงๆ น่าหมั่นไส้! “ไฟว์ทำผิดกับนิวไว้เยอะ เจ็บแค่นี้มันจิ๊บจ๊อย อย่างน้อยมันก็ทำให้รู้ล่ะว่านิวก็เป็นห่วงไฟว์เหมือนกัน”
“ค...ใครห่วงวะ!”ผมรีบเถียง เรื่องจริงเป็นยังไงนั้นช่างมันก่อน คนเราต้องซึนเอาไว้ครับ!!
ไอ้คู่กรณีหัวเราะหึๆน่าหมั่นไส้ ผมชักเชื่อแล้วว่าไอ้ห่านี่เป็นเพื่อนซี้เนม นิสัยแม่งจี๊ดพอกันเลย ไม่รู้ผมเคยหลงผิดคิดว่ามันเป็นคนดีกว่าไอ้เนมไปได้ยังไง?
“ไม่ห่วงก็ไม่ห่วง...แต่เมื่อกี้ใครกันวะที่ร้องไห้จะเป็นจะตายเพราะกูลงไปดิ้นพราดๆกับพื้น”
ผมส่งสายตาอาฆาตชุดสองใส่ “...ถ้ามึงไม่หยุดย้ำเรื่องนี้ กูจะถีบมึงให้ลงไปดิ้นพราดๆอีกรอบให้ดู!”
“โหย...ดุ”มันบ่นงึมงำ แต่ก็ไม่ได้แหย่อะไรต่อ “แต่กูดีใจจริงๆนะที่มึงยอมอยู่เฝ้า ทั้งๆที่มึงยังโกรธกูไม่หาย”
ผมกำลังจะอ้าปากเถียง แต่มันกลับขัด “มึงยังโกรธกูรู้...ไม่งั้นคงไม่ใจร้าย ไม่เคยโผล่มาหากันหรอก อย่างวันนี้ถ้าวามันไม่ลากมานิวก็คงไม่คิดมาเยี่ยมกันใช่ปะล่ะ?”
ผมถึงกับปวดขมับ ต่อจากโหมดกวนตีนก็เป็นโหมดขี้น้อยใจ นับถือไอ้ห่าไฟว์เลยจริงๆ ทำไมมันถึงเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วเยี่ยงนี้?
“...เฮ้อ...ไม่ปฏิเสธว่ะ”ผมบอกมันตามตรง และอีกอย่างก็คงถึงเวลาแล้วมั้ง...ที่เราจะตกลงเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง “เรื่องที่เกิดขึ้น...มันพูดยาก”
“กูรู้...”
เงียบกันไปอีกพักใหญ่ ไฟว์มันปล่อยมือออกแล้ว แต่ผมยังคงนั่งอยู่ตรงขอบเตียงที่เดิม
ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรามันแปลกพิลึก ผมกับมันเหมือนเพื่อนห่างๆมาตลอดจนถึงวันที่เราย้ายมาเรียนที่เดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่เคยคิดว่าเราจะเป็นอะไรกันได้มากไปกว่านี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไฟว์ขยับเข้ามาใกล้เร็วเกินไปหรือ...เป็นที่ผมพยายามขีดเส้นมันให้ออกห่างเอง
ที่ระหว่างเรามันยุ่งเหยิงขนาดนี้...เป็นเพราะอะไรกันนะ?
“เพียวสบายดีปะ?”ผมตัดสินใจถาม และไอ้ไฟว์ก็ผ่อนลมหายใจยาวแทนคำตอบ
“...ไม่รู้สิ...”
ผมมองมันอย่างฉงนมากขึ้น ระหว่างมันกับเพียวถ้ามันไม่เล่าผมก็ไม่คิดจะถาม และก็ไม่กล้าคิดตีความไปเองอีกแล้ว เรื่องที่ผ่านมา...มันมากพอที่จะทำให้ผมเห็นอะไรๆกว้างขึ้น
คนบางคน แม้จะดูเลวร้ายแต่ตราบใดที่เราไม่รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังดีพอ เราก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปตัดสินเขา
เรื่องนี้มันทำให้ผมรู้สึกผิด รู้สึกผิดมากๆที่ไปตัดสินคนอื่นเพียงเพราะคำบอกเล่ากับสิ่งที่ผมคิดเองเออเอง...เรียกได้ว่า...คงจะเข็ดจนวันตายเลยล่ะ
“ระหว่างกูกับเพียวก็อย่างที่เล่าให้พวกมึงทุกคนฟัง...เราจบกันไปแล้ว”ไฟว์เอ่ยช้าๆเหมือนกำลังนึกเรื่องที่ไม่อยากหวนกลับไปคิดถึง “แต่ว่า...แม้กระทั่งตอนสุดท้าย...กูก็ยังทำให้เขาร้องไห้”
“มึง...”ผมหยุดคำถามไว้ชั่วอึดใจ ไม่รู้ว่าผมกลัวที่จะถาม หรือว่า...กลัวในคำตอบที่ไฟว์จะให้ “...มึงรัก...เพียวรึเปล่า?”
ไฟว์เบือนหน้ามามองผมหลังจากที่มันเอาแต่ก้มมองมือตัวเองอยู่พักใหญ่ แววตาหลังกรอบแว่นของมันดูอ่านยาก มันจ้องตาผมเหมือนจะล้วงเอาความลับในใจผมออกมาให้หมด
“...แล้ว...ถ้ารักล่ะ...?”
ผมขยับยิ้มเฝื่อน “กูก็จะบอกว่ามึงโง่มากน่ะสิ ถึงกูจะหมั่นไส้ แต่เพียวมันก็น่ารัก...”
“ไม่ใช่แต่ภายนอก”ไฟว์ขัดเรียบๆ สีหน้าแม้จะมีรอยยิ้มแต่ผมก็ดูออกว่ามันช่างขื่นขม “เขาดีกับกู...แต่สิ่งที่กูตอบแทนให้เพียวคือการหลอกลวง...ถ้าเป็นมึง...มึงจะจบทุกอย่างยังไง?”
ผมนิ่งเงียบ ไม่สามารถตอบได้ สำหรับผมมันไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้ แต่ถึงจะมี...ผมก็คงใจอ่อนเกินไปที่จะทำอย่างไฟว์ ผมไม่กล้าพอที่จะหลอกลวงใครคนหนึ่งเพื่อคนอีกคน และก็ไม่กล้าพอที่จะตัดขาดใครคนหนึ่งที่รักเรามากขนาดนั้น
ถ้ามองแค่ในแง่นี้ ไฟว์เป็นคนที่กล้าหาญกว่าผมมากนัก...
“เพราะว่ากูรู้ว่าตัวเองทำผิดกับเพียวมาก ถึงได้ไม่คิดจะแย่งเพียวคืนมาให้เขาเจ็บอีก กูคิดว่าไอ้เจมส์มันคงดูแลเพียวได้ดีกว่ากูกูถึงได้ยอมปล่อย แต่เรื่องเดียวที่กูไม่เคยคิดก็คือ...ทุกอย่างที่กูทำ...มันจะทำให้พวกมึงทุกคนซวยไปด้วย...”
ผมนิ่งฟังอย่างครุ่นคิด ถึงไฟว์มันจะพูดโน่นพูดนี่ แต่เพียวก็ยังเป็น...คนที่มันแคร์มากๆอยู่ดี ผมแทบเค้นเสียงสรุปความให้มันไม่ออกเมื่อคิดถึงสิ่งที่มันพูดมาทั้งหมด
“ถ้างั้น...มึงก็คงรัก...”
“รักอย่างเพื่อนที่รู้ใจ...รักอย่างพี่น้อง...ผูกพันในฐานะคนที่เคยอยู่ด้วยกัน...แต่ไม่ใช่ในฐานะคนรัก”ไฟว์ตอบอย่างชัดเจน มันระบายรอยยิ้มอ่อนๆแต่ก็ดูเศร้ามากให้ “สำหรับกู กูให้เขาได้แค่นี้ กูยอมตัดขาดทุกสิ่งที่ผูกรั้งเขาเอาไว้เพราะรู้ดีว่ามีคนที่รักเขามากกว่ากูอยู่ ตราบใดที่เพียวยังต้องร้องไห้เพราะกู กูก็จะไม่มีวันโผล่หน้ากลับไปให้เขาเห็น...ให้ได้แค่นี้แหละ กูคิดออกแค่นี้จริงๆ”
ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตอนนี้ไฟว์มันอยู่โหมดไหน แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมนี่ดูราวกับจะแตกสลายไปต่อหน้า ตั้งแต่รู้จักกันมา แม้จะไม่ได้สนิทสนมกันมากเหมือนเนมแต่ไฟว์ที่ผมรู้จักก็เป็นคนรื่นเริงจนน่ารำคาญ มันแย่งผมบ้าจนผมต้องเงียบเพราะบ้าไม่ออก มันดูเป็นคนมั่นอกมั่นใจในทุกๆเรื่องเหมือนตัวเองสามารถทำได้ทุกอย่าง ดูเป็นคนเข้มแข็ง...
ผมไม่เคยรู้ว่ามันจะคิดมากขนาดนี้ กับเรื่องที่เกิดขึ้น มันจะโทษตัวเองขนาดไหนนะ? ไหนจะเรื่องของเพียวอีก แม้ไฟว์จะไม่พูดออกมาตรงๆ แต่ในความหมายแฝงลึกๆแล้ว...มันก็คงคิดว่าตัวเองเป็นคนทำลายชีวิตเพียว...
กว่าจะรู้ตัว ผมก็ขยับเข้าไปโอบไหล่กว้างของคนที่นั่งอยู่บนเตียงแล้ว ไฟว์เกร็งตัวขึ้นนิดๆเหมือนมันจะทึ่ง ผมจึงกดศีรษะมันลงมาที่ไหล่ผมเบาๆ
“...มึงจะ...ร้องไห้ก็ได้นะ...”
“ฮ่าๆๆ”มันหัวเราะงี่เง่าอยู่กับไหล่ผม...ใช่...งี่เง่านั่นล่ะถูกแล้ว...เพราะไม่มีใครเขาหัวเราะออกทั้งที่เสียงสั่นพร่าขนาดนั้นหรอก “...เอาใจกันแบบนี้...เดี๋ยวกูเหลิงนะมึง...”
ผมถอนหายใจยาว “เหลิงไปเถอะ...กูไม่สนซะอย่าง”
เสียงหัวเราะของไฟว์แผ่วลงจนเงียบหาย กลายเป็นเสียงอื่นที่ผมไม่เคยนึกอยากได้ยินแทน
ผมไม่กล้าพูดว่ามันไม่ผิด เพราะเรื่องนี้จะมองยังไงไฟว์มันก็ผิด
ผิดที่เป็นคนก่อ ผิดที่เริ่มผูกจนมันกลายเป็นปมขนาดนี้
แต่มันก็ไม่ผิด...ที่รักจนยอมทำทุกอย่างแม้แต่เหยียบย่ำคนทุกคน
พูดได้ไม่ค่อยเต็มปากนักเพราะว่ามันทำทุกอย่างลงไปเพราะผม...มองหน้ามันแล้วก็ตงิดๆใจทุกที เพราะแบบนี้แหละถึงได้ไม่อยากมาหา
ผู้ชายที่ยอมทำร้ายคนทุกคน เพียงเพราะผมเพียงคนเดียว
แม้จะไม่ชอบการกระทำของมัน แต่ผมก็ปฏิเสธมันไม่ลงจริงๆเพราะมันทุ่มเทขนาดนี้ ปากบอกว่าไม่ใช่เพราะผม มันทำตัวมันเอง พูดแบบสบายๆให้ใครต่อใครฟัง แต่ลับหลังกลับมานั่งร้องไห้เสียใจ...
ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะยังไงเราก็ยังเป็นแค่เด็ก...เด็กที่ทำอะไรไปแบบไม่คิด
“...สัญญากับกูนะ...ว่ามึงจะไม่ทำแบบนี้อีก...ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม...”
ไม่มีคำตอบรับหรือปฏิเสธ และผมก็พูดต่อ
“การทำร้ายคนอื่นเพื่อใครอีกคนไม่มีใครเขาดีใจได้ลงหรอก...อย่างน้อยๆกูก็เป็นหนึ่งในนั้น...อย่าทำร้ายใครแล้วอ้างว่าเพื่อกู...ถ้ามึงทำอีก...กูจะเกลียดมึงไปตลอดชาติ”
“...สัญญา...สัญญา...”ไฟว์ตอบอู้อี้อยู่กับไหล่ผม...ที่รู้สึกได้ว่ามันเปียกแฉะไปหมด “ไม่ทำอีกแล้ว...ขอโทษ...ขอบคุณที่ยกโทษให้ไฟว์นะ”
ผมหัวเราะหึๆ ไม่จำเป็นต้องซ่อนรอยยิ้มเพราะไฟว์มันมองไม่เห็นหรอก...ก็เป็นอะไรที่แปลกตาดีไปอีกแบบที่เห็นไอ้ยักษ์ตัวโตแบบมันนั่งซบไหล่ผมแล้วร้องไห้แงๆเหมือนเด็กๆ อ๊ะ ผมยังไม่ลืมคำแนะนำของวาหรอกนะ...ของแบบนี้จะยกโทษให้ฟรีๆมันก็กระไร...
“ไฟว์”ผมเรียกไอ้คนตัวโตด้วยโทนเสียงรื่นเริงเกินเหตุ และมันก็ขยับตัวเงยหน้าขึ้น จังหวะนั้นผมก็รีบกดปุ่ม
แชะ!
“เฮ้ย!!”ไอ้ไฟว์ผงะถอยแล้วนิ่วหน้าแทบจะในทันที ผมกระโดดถอยหลังออกมาจากเตียงให้พ้นระยะมือมันท่ามกลางสายตาอึ้งทึ่งของเจ้ายักษ์ตัวโต “นิวทำอะไรอ่ะ!!?”
“หือ...ทำอะไรเหรอ...ก็เปล่านี่”ผมตอบมันหน้าตาเฉย กดมือถือยิกๆอย่างชำนาญ ก่อนจะกดเลือกไฟล์แล้ว Play ให้ไอ้คนบนเตียงฟัง
“...สัญญา...สัญญา...ไม่ทำอีกแล้ว...ขอโทษ...ขอบคุณที่ยกโทษให้ไฟว์นะ”
เสียงสั่นพร่าอู้อี้เจือสะอื้น แน่นอนว่าไม่ใช่เสียงผม แม้จะมีเสียงผมแทรกเป็นระยะๆแต่เสียงส่วนใหญ่ก็คือเสียงสะอื้นเบาๆกับคำพร่ำพูดของมัน ไอ้เจ้าของเสียงเบิกตากว้าง หน้ามันแดงขึ้นจนเห็นได้ชัด และผมก็แทบหัวเราะก๊ากที่เห็นสีแดงเข้มสาดลามไปถึงใบหูเมื่อมันทำหน้าเหมือนนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้ตัวเองเผลอหลุดพูดอะไรออกไปบ้าง
นั่นผมแค่เปิดท้ายไฟล์ให้มันฟังนะ แต่ความจริงผมอัดไว้ตั้งแต่ตอนที่มันนั่งร้องไห้อยู่กับไหล่ผมนั่นแหละ ผมยิ้มให้มันอย่างอารมณ์ดี ขณะที่ไอ้ไฟว์ทำหน้าเหมือนโดนบีบคอ
“นิว...เฮ้ย...ไม่ตลกนะแบบนี้”มันทำหน้าซีเรียส ดูเครียดอย่างจริงๆจังๆจนผมอดขำแกมสมน้ำหน้าไม่ได้
“แต่กูตลกนี่”ผมแกว่งมือถือเล่น “เอ...มึงว่าเนมจะอยากฟังไฟล์นี่ปะ เสียดายที่กูอัดไว้แต่เสียง ไม่ได้อัดเป็นวีดีโอ...เอ๊ะ แต่ก็คงไม่เป็นไรหรอก กูถ่ายภาพประกอบไว้แล้วนี่ ฮ่าๆ”
ผมชูภาพตอนท้ายที่ถ่ายให้มันดู ภาพไอ้ไฟว์ที่เงยหน้าขึ้นทำหน้าเอ๋อๆมีน้ำตาเปรอะเต็มหน้า...ภาพแบบนี้มันหาดูได้ง่ายซะเมื่อไหร่ล่ะคร้าบบบบบ
“นิว!!”มันเสียงดังใส่ ท่าทางโกรธๆ “โธ่เว้ย...ไอ้เราก็อุตส่าห์ดีใจที่เห็นทำใจดีด้วย...หวังผลนี่หว่า...”
“อ๋ออออออ มึงมีสิทธิ์พูดแบบนี้เหรอวะ!”ผมเถียงกลับ เริ่มหงุดหงิดนิดๆ “ยังกะที่มึงทำมาทั้งหมดตั้งแต่แรกไม่หวังผลงั้นแหละ พ่อคนประเสริฐ!”
“แต่กูก็ไม่ได้ถ่ายรูปมึงประจานนี่!”
“กูทำรึยังล่ะ!”
“ก็ทำไปแล้วไม่ใช่รึไง!”
ผมหรี่ตามองไอ้ยักษ์ไฟว์ที่ทำเป็นบึ้งแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง...เชอะ...มึงคิดว่าตัวเองโกรธเป็นคนเดียวรึไง...ด้ายยยยยย แบบนี้มันต้องมีเล่นของ!
“เอ...เบอร์ไอ้เนมอยู่ไหนนะ”ผมแกล้งทำเป็นกดหาชื่อเนมในมือถือ แต่ปลายหางตาแอบสังเกตว่าไฟว์หันมาแล้ว มันทำหน้าตื่นๆแต่ยังปากแข็งไม่ยอมห้าม ผมเลยสงเคราะห์จัดให้อีกชุด “โอ๊ะ เจอแล้วๆ ลัลลา~”
“นิว! อย่านะโว้ย!”
ผมแอบหัวเราะในใจ ในที่สุดมันก็ทนไม่ไหว แหกปากห้ามขึ้นมาก่อนจะงอตัวลงนิดๆด้วยความเจ็บ ผมเลิกคิ้ว เออเฮ้ย...ซี่โครงหักนี่ลำบากว่ะ ตะโกนก็ไม่ได้ ขยับอะไรมากก็ไม่ได้ แต่ก็ดี...สมน้ำหน้า...
ไอ้ไฟว์หน้าซีดสลับแดง มันเอ่ยขอร้องเสียงสั่น “ขอเหอะ...เว้นไอ้เนมไว้ซักคน...เกิดมันรู้กูคงโดนล้อไปอีกแปดร้อยชาติ...มึงก็รู้นิสัยเหี้ยๆของมันดีนี่”
ผมหัวเราะ “บังเอิญว่าไอ้คนนิสัยเหี้ยๆนั่นมันเป็นฝาแฝดกู มึงไม่คิดว่ากูจะมีนิสัยเหี้ยๆแบบนั้นบ้างเหรอ”
ไฟว์ทำหน้าแสยง มันดูจนตรอกสุดๆจนผมมองไปมองมาแล้วก็อดสงสารไม่ได้ เลยต้องลดมือถือลงแบบเสียดายนิดๆที่ไม่ได้แกล้งมันต่อ เฮ้อ...เกิดเป็นคนใจดี ขี้ใจอ่อนมันก็ไม่ดีแบบนี้ล่ะครับ
“แต่ว่า...กูกับแฝดกูก็ไม่ใช่คนคนเดียวกัน...ขอบคุณพระเจ้าซะที่กูเป็นนิว เกิดเป็นไอ้เนมมันคงกดส่งแบบไม่ลังเลไปแล้ว”ผมยิ้มให้ไฟว์ เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงตามเดิม แล้วก็เห็นมันถอนหายใจโล่งอก
“นิว...ลบเหอะนะ”มันวิงวอนด้วยสีหน้าวิ้งๆดูเหมือนจะน่ารัก แต่ผมว่าน่าถีบมากกว่า
ผมเลิกคิ้วมองหน้ามันแล้วแกล้งหยิบมือถือขึ้นมาอีก แต่กดๆสองสามทีก็หยุดไป “เอ...ทำไงดี กูเกิดนึกเสียดายขึ้นมาซะงั้นอ่ะ”
“นิว!”ไอ้ไฟว์อุทธรณ์ ผมเลยยิ่งหัวเราะร่า
สะใจว่ะ สะใจชิบๆ เอิ๊กๆๆๆ
“อ่ะ...เห็นแก่ที่มึงเศร้าจริงจัง จะไม่เอาไปเผยแพร่ก็ได้”
“นิว!”โทนเสียงใกล้เคียงกับเมื่อกี้แต่หน้ามันดูแช่มชื่นขึ้นเยอะ ผมจึงระบายยิ้มหวานหยดตอบมัน แล้วกล่าวต่ออย่างรื่นเริง
“กูไม่เผยแพร่ให้ใครดูหรอก...เก็บไว้ดูเล่นยามว่างคนเดียวดีกว่า ฮ่าๆๆๆ”
ไอ้ไฟว์หุบยิ้มทันที แต่คราวนี้ไม่ว่ามันจะร้องโวยวายยังไงผมก็ไม่สน เดินไปนอนบนโซฟาแล้วอ้าปากหาวหวอด
“ดึกแล้วมึง รีบๆนอนเหอะ เดี๋ยวตื่นสายไม่ทันไอ้พวกนั้นมาเยี่ยมนะ”
มั่นใจได้เลยว่าไอ้ไฟว์คงเครียดจัดจนนอนไม่หลับ ส่วนผมน่ะเหรอ...นอนฝันดีหลับสบายไม่ซึมเปื้อนทั้งคืนเลยล่ะครับ กร๊ากกกกกกกก
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ช่วงนี้เป็นฤดูกาลไฟว์-นิว นะคะ ก่อนที่ไอ้สองตัวนี้จะไปหาข้อตกลงกันทีหลัง (ไว้ว่างๆโนว์ค่อยเขียนถึง โอเค ตอนนี้คู่หลักหาย 55+)
ถ้ามาอัพมันก็จะอัพเรื่อยๆค่ะ พยายามจะไม่นิสัยเสีย ขอบคุณที่หลงเข้ามาติดตามกันนะคะ (เฮฮา)
สโนวี่ วี้ ><
ความคิดเห็น