ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Crescendo ดนตรีรัก จังหวะร้าย (YaOi)

    ลำดับตอนที่ #63 : Da Capo 21 : Line หลังจากที่หายไปปีกว่าค่ะ - -"

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 477
      2
      5 เม.ย. 56

    Da Capo 21 : Line

     
    Ps.สโนว์กลับมาแล้วค่า ใครจำเนื้อหาไม่ได้ แนะนำ(แบบด้านๆ)ว่าลองอ่านใหม่ก็ดีค่ะ555 คือตัวโนว์เองแว้บแรกก็จำไม่ได้ค่ะว่าแต่งถึงไหนแล้ว = =a แต่นี่เป็นเนื้อหาที่พล็อตไว้แล้วนะคะ เนื้อเรื่องไม่หลง ต่อของเดิมติดแน่ๆ ยังหวังว่าจะมีรีดเดอร์กลับบมาอ่านอยุ่นะคะ T^T

     

                (Special Part : นิว(ทำไมช่วงนี้รู้สึกผมออกบ่อย - -?))

                เฮ้ยยยยยย ได้คิวเล่นมาแล้วนะ!”ผมวิ่งไปหาพวกเพื่อนๆและเหล่ารุ่นพี่ที่อยู่วงเดียวกัน ในมือมีกำหนดการจัดแสดงที่เพิ่งไปเอามาจากพวกสภาฝ่ายกิจกรรม เราได้รอบเช้า หลังพวกไอ้ห่าเพียวนั่นนิดนึง

                ผมบอกอย่างมีอารมณ์(อารมณ์โมโหนะ ไม่ใช่อารมณ์แบบน้านนนน) วงเราเกือบได้เล่นเป็นวงสุดท้ายของช่วงเช้า ช้าไปนิดแต่ก็ยังดี ดีกว่ารอบบ่าย เพราะรอบบ่ายคงไม่ค่อยมีคนดูเยอะหรอก เล่นกลางแจ้งแดดมันร้อน รอบวงผมช่วงสิบเอ็ดโมงยังพอไหว

                งั้นระหว่างนี้ก็ยังไม่ต้องทำอะไรพี่กานต์พี่ใหญ่ของเราบอกแบบอารมณ์ดี แยกย้ายกันก่อนก็ได้ แล้วค่อยมารวมกันอีกทีตอนสิบโมง

                เห็นด้วย!”ผมประสานเสียงไปกับคนอื่นๆ ตอนนี้เพิ่งจะเจ็ดโมงกว่าเกือบแปดโมง งานยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ

                พวกเรานัดคิวคุยกันอีกสักพักต่างคนก็ต่างแยกย้ายตามที่พี่กานต์เสนอ พวกพี่ๆม.6 กลับไปยังซุ้มห้องของพวกเขา น้องตะวันก็ต้องไปดูห้องกิจกรรมบนตึก ที่เหลือเลยเป็นผม ซี วา แล้วก็...ไฟว์

                ผมชะงักไปนิดตอนเห็นหน้ามัน ยังจำได้อยู่นะว่ามันเคยบอกอะไรกับผม ช่วงที่ผ่านมาเรามัวแต่ซ้อมเตรียมประกวดกันเลยยุ่งจนแทบจะไม่มีเวลามามองหน้ามันให้ชัดๆ แต่พอได้มาเห็นกันใกล้ๆแบบนี้...ผมก็...

                เย้ยยยยยยย ผมไม่ได้หวั่นไหวนะครับ! แต่มันแค่รู้สึกแปลกๆต่างหาก!

                “นิว มึงไปช่วยพวกมันขายซาลาเปาก่อนนะ กูกับไฟว์ต้องไปเป่าเปิดงานวาบอกผม ผมเองก็พยักหน้าไม่ว่าไง พวกโยธวาทิตมันต้องไปเล่นเพลงมหาฤกษ์รับเสด็จให้บราเดอร์ครับ แน่นอนว่าวากับไอ้ไฟว์ก็ต้องไปด้วย

                วาหันไปหยิบกระเป๋า ซีมันก็ต้องไปเตรียมของผ่ากบอะไรของมันที่ห้องกิจกรรมบนตึก ไอ้สองคนนั้นแม่งเริ่มหลบมุมแล้วหยอดกันเอง ผมเลยได้แต่มองเซ็งๆ เชอะ ไม่ใช่เราบ้างก็ให้มันรู้ไป!

                เอ้า เอ้า ตาลุกแล้วมึง อิจฉาเขาออกนอกหน้าไปปะเสียงหยอกปนขำมาจากไอ้คนข้างหลัง ผมจึงหันไปจิกสายตาใส่ไอ้ยักษ์ปากเสียนิดนึง โว้ว กูก็แค่พูดไปตามเนื้อผ้า อย่ามาค้อนใส่กูแบบนี้สิคร้าบบบบ

                อะไร ใครค้อนมึง บ้ารึไง!”ผมรีบโวย ไม่ใช่ผู้หญิงนะ จะมาค้อนห่าอะไรเล่า ปากมึงเป็นแบบนี้นี่เองถึงได้หาแฟนไม่ได้ซักที เนอะไอ้ไฟว์

                ไม่รู้ทำไม แต่พอผมแหย่มันแบบนี้แทนที่มันจะโวย มันกลับยิ้มเฉยๆเหมือนจะขำสุดกู่

                แฟนกูก็เคยมีนะ แต่ไม่รู้สิ...กูไม่ค่อยสนใจแฟนกูเท่าไหร่มันพูดไปยิ้มไปราวกับเป็นเรื่องตลก แต่ผมกลับไม่ค่อยไว้ใจนัก ไอ้ห่านี่ชักจะมามุมแปลกๆละ แฟนกูคนนั้นมันก็น่ารักนะ นิสัยใจคออะไรก็ดี แต่ไม่รู้ทำไม๊ทำไม...กูถึงได้สนไอ้คนที่มันชอบมาด่าแฟนกูมากกว่า

                ผมสะดุ้ง รู้สึกว่ามันเริ่มจะเข้าตัวยังไงชอบกล เอ่อ...แฟนเก่าไอ้ไฟว์ก็ไอ้ห่าเพียวนั่นอ่ะเดะ แล้วใครหว่าที่มันชอบด่าไอ้เพียวนั่น เหอๆ...ผมไม่รู้จักไอ้คนนั้นนะ ไม่ยู้เยื่องงงงงงงงง

    นิว มึงบอกกูหน่อยดิ๊ว่าทำไม?ไอ้ไฟว์ถามต่อด้วยดวงตาพราวระยับ ผมเลยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยการชกไหล่มันไปทีนึง แล้วตอบห้วนๆ

                ไม่รู้เว้ย!!”

                ผมเดินเลี่ยงออกมา แต่เชื่อเหอะว่าผมได้ยินไอ้บ้าไฟว์หัวเราะใส่ไล่หลัง

                หนอย มาทำเป็นหัวเราะเยาะกูนะ เดี๋ยวมึงจะโดนไม่ใช่น้อย เห็นเงียบหน่อยล่ะเอาใหญ่ คิดว่าตัวเองมีปัญญาแกล้งชาวบ้านเขาอยู่ฝ่ายเดียวรึไงวะ!!

                เฮ้ย ไฟว์ ไปกันได้แล้ว!”วาตะโกนเรียกไอ้ยักษ์จอมกวนตีน ไฟว์มันเลยหันไปตอบเออสั้นๆ วาเดินคู่กับซีนำไปก่อน(ผมล่ะเซ็ง ไอ้ซีมันจะไม่ยอมปล่อยวาออกนอกสายตามันเลยใช่มั้ย!?) ไอ้ไฟว์เดินตามไปทีหลัง แต่เดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าวมันก็หันกลับมาแล้วเอานิ้วชี้แตะปากทำท่าส่งจูบเหมือนจงใจจะกวนประสาทกัน

                ผมอ้าปากค้าง หน้าร้อนผ่าวแบบที่ไม่แน่ใจว่าโกรธหรืออาย เอ๊ย! ต้องโกรธสิวะ! ต้องโกรธแหงๆอยู่แล้ว!

                ตั้งแต่ที่มันบอกว่ามันชอบผม ไอ้ห่าไฟว์ก็เริ่มหยอดวันละนิดวันละหน่อยจนเป็นกิจวัตร ผมล่ะเครียดที่ต้องคอยหลบไม่ก็บ่ายเบี่ยงเวลาวาเห็น ฮึ่ย ผมชอบวา ยังไงผมก็ชอบวา ขืนให้วามาเห็นภาพไม่แมนแบบนั้นผมก็เสียหน้าตายชักสิ!

                ถึง...ถึงจะเคย...เอ่อ...จูบกับมัน...แต่ก็ไม่ได้แปลว่าผมจะชอบมันนะ! จริงๆนะ!

                โอ๊ยแม่งสับสน ทำไมมันจะต้องเข้ามาทำให้ชีวิตผมวุ่นวายขนาดนี้ด้วยเนี่ย!!

     

     

     

                ขอบคุณที่มาอุดหนุนคร้าบบบบบผมพูดคำนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างไม่รู้จักเบื่อหลังส่งเงินทอนและถุงซาลาเปาให้ลูกค้า ห้องผมขายซาลาเปากับแจกชาจีนชิมฟรีครับ งานนี้มีงบให้แต่ละห้องมันเลยไม่หนักหนาอะไรนัก พวกเพื่อนให้ผมเป็นเวรตอนเช้าเพราะมันรู้ว่าเรามีประกวดตอนสายๆและบ่ายผมก็ต้องแข่ง ตอนนี้งานเพิ่งจะเริ่มแต่คนก็เริ่มเยอะแล้ว ผมยุ่งนิดหน่อยก็จริงแต่ก็สนุกมาก

                เฮ้ยมิกซ์ ชาด้านหน้าหมดแล้ว บอกให้เนมมันรีบๆชงหน่อยเดะผมหันไปบอกมิกซ์ฝากให้มันช่วยเร่งไอ้เนม พวกเพื่อนในห้องถีบไอ้เนมไปชงชาหลังร้าน ไม่กล้าเอามันมาขายของด้านหน้าครับ มันกลัวหน้าไอ้เนมจะไล่แขกเสียหมด(ผมล่ะฮา แต่ก็เห็นด้วย)

                โว้วววว ไปบอกน้องมึงเองเหอะ กูกลัวโดนถีบไอ้มิกซ์ส่ายหน้าพรืดๆ ผมเลยได้แต่กลอกตาไปมา ความจริงเนมมันก็ไม่ได้มีรอยเย็บบากที่ตาหรือสักลายยากูซ่าอะไรขนาดนั้นนะ ไอ้ห่านี่แม่งกลัวเว่อร์ไปได้...

                เนม ชาหมดแล้วผมฝากหน้าร้านไว้ที่มิกซ์แล้วเดินเข้าไปหลังร้าน เนมเงยหน้าจากโทรศัพท์มือถือ เก็บใส่กระเป๋ากางเกงแล้วเดินไปชงมาเพิ่มให้อย่างว่าง่าย

                ผมมองตามน้องชายฝาแฝดของตัวเองไป ไอ้เนมมันก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรหรอก แค่กวนตีน+นิสัยเสียนิดๆ อาจเพราะผมอยู่กับมันมาตั้งแต่เกิดมันเลยชิน แต่ก็อีก...นอกจากผมก็ใช่ว่าจะไม่มีใครที่รับนิสัยมันได้เลย เพราะอย่างน้อยๆก็น้องวีคนหนึ่งล่ะที่ทนรับความเหี้ยของมันไหว 555+

                กับน้องวีเป็นไงบ้างวะผมถามขึ้นมาลอยๆ ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็แค่ไม่รู้จะคุยอะไร

                เนมเหลือบหางตามอง ถามทำไม?

                อยากรู้...

                ก็ดีมันตอบสั้นๆ และไม่วายกวนตีน ถ้าอยากรู้เรื่องกูขนาดนั้น ทำไมมึงไม่ไปหาคนสร้างเรื่องเป็นของตัวเองบ้างล่ะ...เป็นต้นว่าไอ้ไฟว์

                มันหันมาแสยะยิ้มมุมปากให้อย่างน่าเอาบาจาเขวี้ยงกบาลให้มันหน้าทิ่มลงหม้อน้ำสุดๆ ผมทำหน้าเซ็ง นี่ขนาดมานั่งขายของชื่อมันก็ยังไม่วายลอยมาทำให้ผมปวดกบาลตุบๆ ไม่รู้จะมีอะไรเฮี้ยนไปมากกว่านี้อีก

                เนม มึงรู้นานแล้วเหรอจนแล้วจนรอดผมก็อดสงสัยไม่ได้ เนมยืนชงชาเงียบๆแต่สายตามองสบราวกับจะถามว่าเรื่องอะไร ก็...เรื่องที่ไฟว์มัน...ชอบ...

                ผมพูดต่อไม่ออก รู้สึกตะกุกตะกักแถมเสียงก็เริ่มสั่นพิกล ไม่ได้เขินนะไม่ได้เขิน เพียงแต่...รู้สึกแปลกๆ...ก็ไฟว์มันเคยเป็นเพื่อนมาตลอด ที่สำคัญมันยังเป็นเพื่อนไอ้เนม สำหรับผมมันเลยเปรียบเสมือนเพื่อนของน้องชาย แม้จะเป็นน้องชายฝาแฝดก็ตามที

                มันบอกมึงแล้วเหรอเนมถามเรียบๆตามแบบฉบับมัน ผมเลยเลิกสงสัยไปเลยว่ามันรู้แน่หรือเปล่า เมื่อไหร่ล่ะ

                ก็...สามสี่วันที่แล้วได้มั้ง...

                ตอนที่มันเอามึงไปนอนบ้านมันน่ะนะ?

                ผมมองหน้าไอ้เนม ดูมันใช้คำพูด... ก็...เออ...นั่นแหละ

                ไอ้เนมไม่ว่าไง มันเอากาใส่ชาที่ชงเสร็จแล้วมายัดใส่มือผม บุ้ยปากเป็นเชิงบอกว่าให้เอาไปส่งให้ด้านหน้าเอง ผมเลยชี้หน้ามันแทนการด่าที่มันกล้าใช้ผม แต่ก็ยอมเดินออกไปส่งให้และไม่ลืมที่จะวกกลับมาคุยกับมันต่อ(หน้าร้านช่างมันก่อน ตอนนี้ผมอยากรู้เรื่องไอ้ไฟว์มากกว่า เหอๆ)

                ว่าไง ตกลงมึงรู้นานแล้วเหรอ รู้ตั้งแต่ตอนไหน?

                เนมเลิกคิ้วนิดๆ ตั้งแต่ที่มันมาบ้านครั้งแรกนั่นแหละ

                หือ? ผมตาโต ครั้งแรกที่มาบ้าน? สมัยที่ยังหัวเกรียนๆกันอยู่น่ะเรอะ? ตลกยามเช้ารึไงวะไอ้ห่าเนมน้องรัก...

                กูพูดจริง ทำหน้าโง่อยู่ได้ไม่เคยพลาดหรอก ไอ้เรื่องด่าเรื่องเหน็บผมเนี่ย เนมแม่งอย่างเซียน เปิดช่องให้ทีไรเป็นด่ากระเจิงจนผมนี่แทบอยากหนีไปเกิดใหม่ ไฟว์มันมาบอกกูหลังจากนั้นเป็นปีก็จริง แต่กูรู้อยู่แล้ว

                ทำไมมึงรู้แต่กูไม่รู้ล่ะ -o-

                เพราะกูฉลาดกว่ามึงไงไอ้เนมตอบหน้าตาเฉย มุมปากกระตุกยิ้มหึๆชวนให้ผมอยากเอาส้นตีนไปช่วยกระตุกเพิ่ม มันพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาๆทั้งที่...ผมฟังแล้วยังตกใจ!

                ไฟว์มันชอบผมตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันจริงๆน่ะหรือ? ผมนึกว่าที่มันบอกผมที่บ้านมันมันจะพูดเล่นซะอีก ก็ตอนแรกที่เจอกันน่ะ...มันไม่ได้มีอะไรพิเศษหรือชวนให้น่าจดจำขนาดนั้นเลยนี่นา...

     

     

     

                ผมเงยหน้าขึ้นจากจอเกมเพลย์เมื่อได้ยินเสียงเอะอะโหวกเหวกดังมาแต่ไกล ตอนนั้นเป็นตอนประมาณกลางเทอมสองหลังจากที่เพิ่งเปิดเทอมใหม่ได้ไม่นานครับ ผมยังคิดอยู่เลยว่าใครแม่งมาเอะอะแถวนี้ และยังคิดไม่ทันจบไอ้น้องชายฝาแฝดของผมก็โผล่หน้าเข้ามา

                วันนี้เพื่อนมามันพูดสั้นๆตามแบบฉบับ ไอ้เนมสมัยม.1หน้าตาดีน้อยกว่าตอนนี้หน่อยแต่สายตามันก็ยังคงเกรียนเสมอต้นเสมอปลายแหละครับ(ฮ่าๆ) ซึ่งผมฟังแล้วก็พยักหน้าไม่ว่าไง

                มาทำอะไรล่ะ

                งาน

                ผมส่งเสียงอือฮึในคอ แล้วก็ไม่วายล้อมันทั้งที่ตายังจ้องเกมอยู่ ให้มันจริงนะ ไม่ใช่เดี๋ยวมาแย่งกูหวดวินนิ่งอีก

                ไม่มีคำตอบรับจากไอ้เนมนอกจากเสียงหัวเราะเบาๆ แล้วผมก็ได้ยินเสียงมันเดินไป พวกเพื่อนเนมแม่งเสียงดังชิบหาย อยากรู้จังว่าคราวนี้เป็นพวกไหน ไอ้ห่าน้องผมแม่งชอบลากพวกเด็กหน้าเกรียนๆ หน้าตาดูอันธพาลมาเที่ยว ผมล่ะเง็งว่าทำไมมันถึงชอบคบเด็กซ่านัก แต่ก็อย่างว่า...สิทธิ์ของมัน ผมไม่มีสิทธิ์จะไปกำหนดอยู่แล้วว่ามันต้องคบเพื่อนแบบไหน

                วินนิ่งเหรอ เล่นด้วยคนดิอยู่ๆก็มีเสียงที่ไม่คุ้นดังขึ้นจากด้านหลัง แล้วไอ้เจ้าของก็ถือวิสาสะมานั่งลงบนพรมข้างๆผมแล้วคว้าจอยสองขึ้นมา ก่อนจะเอื้อมมือไปรีเซ็ทเกมแบบไม่ยอมเสียเวลารอให้ผมกดออกจนผมได้แต่นั่งอึ้ง

                ควายยยยยย กูยังไม่ได้เซฟ!!!”ผมโวย หันขวับไปจะด่า ในใจคิดว่าคราวนี้จะเป็นเพื่อนคิ้วแตก หน้าบาก หรือหน้าโหดขนาดไหนอีกล่ะ...แต่พอเห็นหน้าไอ้คนข้างๆชัดๆ ผมก็กลับต้องเป็นฝ่ายประหลาดใจเสียเอง

                ไอ้เด็กแว่นหัวเกรียนหน้าโคตรคุณหนูอยู่ในกฎระเบียบนี่มันใครกันวะ?

                อ้าว ยังไม่ได้เซฟเหรอ โทษว่ะ เดี๋ยวเล่นใช้ให้ละกัน กูเล่นเก่งนะไอ้แว่นบอกหน้าตาเฉยแล้วยิ้มกว้างอวดฟันขาว ในขณะที่ผมยังคงอึ้ง

                ประหลาดใจโคตร แน่ล่ะ ไม่ประหลาดใจได้ไง เนมมันพาเพื่อนที่ดูเหมือนคนปกติขนาดนี้มาบ้านเป็นด้วยเหรอวะ ทุกทีถ้าไม่หน้าตาเหมือนส่งไปรบสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ก็ต้องหน้าเหมือนญาติจิ๊กโก๋ท้ายซอยหลังโรงเรียนดิ แต่ไอ้ตี๋ใส่แว่นนี่ไม่กระเดียดเฉียดเข้าใกล้ไอ้ประเภทที่ผมว่านั่นเลยซักนิด หน้าตามันดูสะอาดสะอ้านเป็นผู้ดี แถมท่าทางก็เรียบร้อย ดูสุขุมใจเย็น...

                เฮ้ยๆ เหม่ออะไรอ่ะ ตกลงว่าไง ให้เล่นชดเชยให้ปะไอ้คุณหนูแว่น(ขอเรียกมันงี้ละกัน)เอามือมาโบกไปมาตรงหน้าผม ผมเลยได้สติและปัดมือมันออกเบาๆ

                ไหนว่ามาทำงาน?ผมถามห้วนๆ หงุดหงิดว่ะ กูเล่นของกูอยู่ดีๆดันเสือกมาปิดหน้าตาเฉยแถมยังจะมาแย่งกูเล่นอีก ไม่รู้ซะแล้วว่าใครเป็นใคร มากับไอ้เนมก็ไปอยู่กับไอ้เนมนู่น อย่ามายุ่ง

                เหอๆ ปกติผมเป็นคนเฟรนด์ลี่กับเพื่อนไอ้เนมนะ จะหน้าอันธพาลแค่ไหนผมก็คุยได้ แต่ว่าผมกำลังหงุดหงิดไอ้บ้านี่ไง อยู่ๆก็มาปิดเกมของเขาเฉยแล้วยังจะมาทำเป็นทองไม่รู้ร้อน โกรธเว้ย!!

                โห ไล่กันงี้เลยมันบ่นเบาๆ แต่หน้ายังยิ้มอยู่ นายเป็นแฝดไอ้เนมใช่ปะ เรียนที่ไหนอ่ะ

                ผมถอนหายใจ จำต้องหันไปหาไอ้คุณหนูแว่นที่มีหน้ามาชวนคุยเนียนๆเหมือนจะหลอกให้ผมลืมความผิดมัน สายตาของมันจับจ้องอยู่ที่กางเกงสีน้ำเงินและอักษรย่อโรงเรียนผม ท่าทางดูสนอกสนใจมากเป็นพิเศษ

                ผมบอกชื่อโรงเรียนไปแบบไม่อยากมีเรื่อง พร้อมกับนึกสงสัยไปด้วยว่าทำไมไอ้คนหน้าตาเรียบร้อยขนาดนี้ถึงได้มากับไอ้เนมได้ น้องผมมันซ่าจะตาย แล้วไอ้บ้านี่อะไร...

                หน้านายไม่ค่อยเหมือนเนมเลยนะมันยังคุยจ้อต่อ ผมจึงตอบแบบไม่ใส่ใจนัก

                เออ กูหล่อกว่ามัน

                ไอ้คุณหนูแว่นมันขำพรืดเลยครับ ขำแบบไม่มีเกรงใจกันเลยด้วย ผมเลยหันไปจ้องมันแบบเคืองหน่อยๆ ไอ้ห่านี่ขำใส่กูแบบนี้เลยเหรอ เมื่อกี้ก็ปิดเกมกูไปทีนึงละ นี่ยังมีหน้ามากวนโมโหอีก

                ทำไม มีปัญหาอะไร - -ผมเริ่มเอานิสัยไอ้เนมมาใช้ ข่มขู่ๆ เห็นมันทำทุกทีก็ได้ผล แต่ก่อนตอนเด็กๆแค่มันถามแบบนี้ขนาดหัวโจกเด็กเกเรที่ตัวใหญ่ที่สุดในซอยก็ยังไม่กล้าแหยมมันเลย

                เปล่าๆ ไม่มีอะไรท่าทางไอ้คุณหนูแว่นนี่มันจะอยากตาย ปากมันบอกไม่มีแต่หน้ามันน่ะมีเห็นๆ เราแค่กำลังคิดว่า...ที่เราบอกไม่เหมือนอ่ะ...เพราะนายดูน่ารักกว่าไอ้ห่าเนมเยอะ

                ผมเงียบ ประมวลผลคำพูดนั้นอยู่นาน น่ารัก? ผมเนี่ยนะ?

                มึงบ้ารึเปล่าเนี่ยยยยย!!!?ผมโวยทันทีที่สมองส่งเสียงดังติ๊งเหมือนไมโครเวฟที่อุ่นอาหารเสร็จแล้ว(เกี่ยว?) เฮ้ย ผู้ชายที่ไหนจะปลื้มเวลาถูกชมว่าน่ารักกันวะ ไอ้ห่านี่วอนตาย โอ๊ยแม่ง กูออกจะหล่อมองตรงไหนว่าน่ารัก!”

                ฮ่าๆ แล้วตกลงเอาไง มาๆ เดี๋ยวเล่นใช้ให้มันยิ้มระรื่นทำเฉย ผมเลยคว้าจอยมาจากมือมันแล้วดันให้มันลุก

                ไม่ต้อง ช่วยไปไกลๆกูก็พอ โน่นเลยประตู ไปทำงานกับไอ้เนมไป กูเล่นของกูเองได้!”

                ไอ้คุณหนูแว่นยังหัวเราะอยู่แต่มันก็ยอมลุก พอมันไปห้องก็เงียบจนผมได้ยินเสียงตัวเองถอนหายใจ เวรเหอะ ไอ้น้องตัวดีมันพาตัวอะไรมาบ้านวะเนี่ย แม่งหน้าตาก็ดีแต่เสือกพูดจากวนตีนกันได้หน้าตาเฉย กูว่าแล้ว เพื่อนไอ้เนมมันเคยดีเต็มร้อยที่ไหน...

                เอ่อ คือมันไม่ทำงานกันแล้วอ่ะอยู่ๆไอ้คนที่ผมเพิ่งจะด่าไปก็โผล่หน้ากลับมาที่ประตู ทำเอาตกใจจนเผลอกดผิดแฉลบเสียบผู้เล่นฝั่งโน้นกลิ้ง ได้ใบแดงไปเคี้ยวเล่นทันทีทั้งที่ไม่ได้ขอ

                ตายห่า ตัวยิงกู!!”ผมแหกปากโวย และพอหันไปเห็นหน้าตาซื่อๆดูเหมือนจะไร้พิษสงของไอ้เด็กแว่นนั่น ของมันก็พาลขึ้นเอาดื้อๆ มึงทำกูซวยเลยเห็นมะ!?

                ไหนๆ...โอ๋ ออกไปคนเดียวเอง ไม่เป็นไรๆ มา กูเล่นให้

                ไอ้เด็กหน้าคุณหนูคว้าจอยไปจากมือผมแล้วก็เริ่มโซโล่ ผมเองก็ด่ามันจนขี้เกียจด่าเลยนั่งๆนอนๆดูมันเล่นแทน...เออเฮ้ย มันเก่งจริงอย่างที่คุยเลยว่ะ ไม่ทันไรใส่ไปแล้วสองประตู นี่ถ้ามันเล่นรวดเดียวชนะเก็บแต้มอีกสักสามสี่ตาทีมผมคงได้ถ้วยแชมป์แหง...

                เอ่อ...ผมแค่ประชดแกมบ่นนะ ใครจะไปคิดกันล่ะว่ามันจะนั่งเล่นจนได้ถ้วยแชมป์มาจริงๆ

                ไอ้คุณหนูแว่นหันมาส่งจอยคืนแล้วยิ้มกว้างอวดเขี้ยว โดยมีเพลงประกอบฉากของเราเป็นวีอาร์เดอะแชมเปี้ยน

                อ่ะ ได้ถ้วยแล้วเห็นมะ หายโกรธยัง

                ผมเริ่มงงตัวเอง เอ่อ ก็ยังโกรธอยู่แหละ จริงๆนะ แต่ว่า...เอิ่ม...มันก็...

                อะไร ยังไม่หายเหรอ งั้นขออีกสองชั่วโมงเดี๋ยวกูเล่นให้อีกแมทช์ นั่งรอแป๊บนะมันพูดเองเออเองจบก็หันมาหยิบจอยไปจะกดเข้าทัวร์นาเม้นท์ใหม่ ผมเลยได้สติ รีบคว้ามือมันให้หยุด

                พอแล้ว! เอ่อ...ขอบใจ...ผมบอกอุบอิบ แม่งเสียหน้าชิบโหง ตะกี้สาปแช่งมันไปแทบตาย ใครจะไปรู้ล่ะวะว่ามันจะเก่งขนาดนี้ และพอผมพูดขอบคุณมันไปไอ้แว่นนั่นก็เสือกยิ้มร่าจนผมล่ะเซ็ง...เออ...ดี...อยากทำอะไรก็ทำไป ไม่ยุ่งแล้ว!

                เล่นไปนะ กูไปล่ะผมรีบลุกหนี ไม่เอาละ อยู่ใกล้มันนานๆชักไม่เวิร์ค นิสัยไอ้นี่แม่งพิลึก

                เดี๋ยวดิมันคว้าชายเสื้อนักเรียนผมไว้ ทำเอาเกือบเซหงายหลัง แต่พอหันกลับไปจะด่ามันก็ส่งจอยทูให้ เล่นด้วยกันก่อนนะ นะๆ ไอ้เนมกับพวกเพื่อนกูมันออกไปข้างนอกกันหมด แม่งทิ้งกูไว้คนเดียว มึงอยู่เล่นเป็นเพื่อนกูก่อน

                ผมเหลือบมองไอ้ตี๋แว่นหน้าคุณหนู เริ่มคิดว่ามันเป็นคนที่นิสัยไม่เข้ากับหน้าตาอย่างแรง หน้าก็ดีแต่ทำไมกวนประสาทกูจัง...หากสุดท้ายผมก็ยอมนั่งลงตามเดิม

                เนมมาแล้วเลิกเลยนะ - -ผมบอก ยังรำคาญมันอยู่

                อื้มมันยิ้มกว้างตอบมา แล้วเราก็นั่งเล่นเกมด้วยกันไปเรื่อยๆ เปลี่ยนจากวินนิ่งเป็นเกมนู้นเกมนี้ ทีแรกก็หมั่นไส้ที่มันเล่นเก่งกว่าผมแต่ไปๆมาๆมันก็สนุกดี ไอ้แว่นนี่ถ้าไม่นับที่มันกวนตีนผมมันก็เป็นคนฮาใช้ได้ ชักเริ่มถูกชะตา...

                เฮ้ยผมหันไปมองไอ้เนมที่เดินเข้ามา ก่อนจะร้องเฮ้ยที่อยู่ๆก็ถูกจับเหวี่ยงทุ่มทีเผลอ

    ไอ้จอมขี้โกง! สตาร์ทเลยนะมึง!”

                เนมมองผมกับไอ้แว่นนั่นแปลกๆ แล้วมันก็นั่งยองๆมองหน้าเรา ไอ้พวกนั้นมันกลับกันไปหมดแล้วนะ มึงไม่คิดจะไสหัวกลับบ้านตัวเองบ้างเรอะ?

                ผมหยุดเล่น เออว่ะ มิน่าทำไมบ้านมันเงียบๆ ผมมองเวลา ตายห่า ไอ้แว่นนี่มาอยู่บ้านผมตั้งแต่สามสี่โมงจนตอนนี้ปาเข้าไปทุ่มกว่าแล้ว มิน่าท้องร้อง ได้เวลาข้าวเย็นแล้วนี่เอง

                เฮ้ย กลับบ้านเหอะผมลุกขึ้นไปปิดเกม ไอ้แว่นทำหน้าเซ็งหน่อยๆแต่ก็ยอมวางจอย

                เดี๋ยวกูไปเอากระเป๋าก่อนนะมันบอกเนมก่อนจะเดินไป และพอมันไป เนมก็หันมาหาผม

                สนิทกันเหรอวะ?

                ผมโคลงศีรษะกับคำถามนั้น สนิทเหรอ...ดูเป็นเรื่องพูดยากยังไงชอบกลแฮะ จะบอกสนิทมันก็คงไม่เต็มปาก เพราะจะว่าไปกูก็ยังไม่รู้ชื่อมันเลยอ่ะ

                ไอ้เนมทำหน้าพิลึกแต่ไม่ได้พูดอะไร ไอ้แว่นนั่นเดินกลับมาบอกพวกเราว่าจะกลับแล้ว เนมมันก็เออออแต่ไม่ขยับตัว ผมเลยจำต้องลุกไปส่งมันตามประสาเจ้าบ้านที่ดี

                ไปนะนิวมันเรียกชื่อผมแล้วยิ้มทั้งตาทั้งปาก ก่อนจะหันหลังเดินไป

                เดี๋ยว!”ผมคว้าแขนไอ้แว่นนั่นไว้ มันจึงหันกลับมาแล้วเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ ไอ้ห่านี่ดูใกล้ๆแล้วหล่อกว่าที่คิดว่ะ...เฮ้ย ไม่ใช่! กู...กูยังไม่รู้ชื่อมึงเลย

                อ๋อมันหัวเราะราวกับไม่ติดใจเอาความอะไร ไฟว์ครับผม ชื่อไฟว์ เขียนแบบเดียวกับไฟว์ที่แปลว่าเลขห้าอ่ะแหละ แต่กูเป็นลูกคนที่สองนะ ฮ่าๆ

                พอเห็นมันเล่นมุกบ้าๆบอๆเองแล้วขำเอง ผมก็อดขำไปกับมันด้วยไม่ได้ ผมโบกมือลามัน...ไฟว์...ไอ้แว่นหน้าคุณหนูชื่อไฟว์นี่เอง...เฮ้อ ก็เล่นเกมถูกคอกันดีอยู่หรอกนะ แต่เนมมันเปลี่ยนเพื่อนบ่อย เดี๋ยวอีกไม่นานมันก็คงจะไม่ได้มาที่นี่แล้วล่ะ...

     

     

     

                แน่นอน ความคิดผมในตอนนั้นผิดมหันต์ ไอ้ห่าไฟว์ดันกลายเป็นคนที่มาบ้านเราบ่อยสุด แม้ตอนย้ายบ้านครั้งที่แล้วมันจะออกมาแถวปริมณฑลแต่บ้านเดิมของพวกเราน่ะอยู่ตั้งกรุงเทพ(ไอ้เนมเรียนเขตปริมณฑลส่วนผมเรียนในเขตกรุงเทพเพราะขี้เกียจย้าย) ไฟว์มันมาเล่นเกมบ้าง นั่งๆนอนๆบ้างจนผมล่ะงงว่าทำไมเนมถึงได้สนิทกับไอ้บ้านี่นัก มันมาบ่อยจนผมเริ่มจะชินกับมัน แต่นอกจากมาเล่นเกม มันก็ไม่เห็นทำอย่างอื่น

                มันชอบมึงมันเลยมาหา เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้รึไง?ไอ้เนมยิ้มมุมปากนิดๆเหมือนจะเยาะ สีหน้าแลดูกวนตีนได้โล่จนผมล่ะอายตัวเองที่เป็นฝาแฝดมัน ทำไมยิ้มชั่วได้เก่งแบบนี้วะน้องกู เหอๆ

                ใครจะไปรู้...ก็มันไม่ได้พูดนี่...

                ไอ้เนมฟังแล้วทำหน้าเหมือนผมเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปัญญาอ่อนที่สุดในโลก พอดีกับที่วาเดินเข้ามาหลังร้าน เราเลยหยุดคุยกันก่อน

                เป่าเสร็จแล้ววววว แม่ง กูล่ะเซ็ง แค่มหาฤกษ์ไม่เห็นจะต้องยกกันไปทั้งกอง เว่อร์เกิ๊นไอ้วาบ่นหงุงหงิงไปตามประสาคนขี้เกียจ ตามมาด้วยไฟว์ที่สูงเปรตจนต้องก้มนิดๆไม่ให้หัวชนคานร้าน พวกมึงมาอู้อะไรกันหลังร้านเนี่ย มิกซ์มันบอกให้กูมาลากมึงออกไปช่วยขายแน่ะ

                ไอ้ที่ว่ามึงของมึงอ่ะหมายถึงมึงคนนี้หรือมึงคนนั้นผมถามหยอกแล้วชี้ตัวเองสลับกับเนม วามันเลยเบะปากใส่ทันใด

                เอาไอ้เนมไปหน้าร้าน ขี้คร้านลูกค้าจะวิ่งหนี...

                ชิ้งงงงงงง เนมเริ่มปรายหางตามองไอ้วาแบบหมั่นไส้ ผมล่ะขำ นี่ถ้าไม่เห็นเป็นพี่แฟนมัน ไอ้เนมคงเดินไปตบกบาลไอ้วาหน้าทิ่มไปแล้ว ฮ่าๆๆ

                ผมลุกขึ้นเดินตามวาไป ไม่พลาดหรอกคร้าบ นานๆทีจะมีโอกาสอยู่กับวาแบบไม่ต้องมีไอ้เหี้ยซียืนคุม ใครปล่อยโอกาสนี้หลุดมือไปก็ควายแล้ววววว!!

                เฮ้ยวา ตรงโน้นขอชา ไกลเกิน ไปส่งให้ทีผมกำลังจะเรียกวา แต่ไอ้ไฟว์ก็เสือกยื่นมือข้ามไหล่เอาถ้วยพลาสติกยัดใส่มือวาเสียก่อน วามันเลยเดินไปส่งชาให้เด็กประถมที่ยืนอยู่อีกฝั่งของซุ้ม

                ผมยืนอึ้งอยู่แป๊บนึงแล้วก็ส่ายหน้า วันพระไม่ได้มีหนเดียว เดี๋ยวค่อยเรียกมันก็ได้ วา...

                “เฮ้ยไอ้วา ตรงโน้นเขาเรียกมึงว่ะยังไม่ทันจะได้เรียกอีกรอบ ไอ้ไฟว์เจ้าเก่าก็ผลักไหล่วาไปทางตู้กระจกขายซาลาเปา ซึ่งมันก็เดินไปขายให้แบบไม่มีบ่นไม่มีอิดออด

                ผมตวัดสายตาไปทางไอ้ยักษ์ตัวแสบ มึงจะขัดลาภกูไปถึงไหนเนี่ย!”

                แต่ไอ้ห่าไฟว์ดันเสือกทำหูทวนลม แล้วรินชาของมันแจกคนโน้นคนนี้ต่อเป็นที่สนุกสนาน

                ผมขี้เกียจจะไปเถียงกับมันเลยได้แต่ยืนเคาะเท้าเซ็งๆ รอจนไอ้วารับเงินทอนมา อ่ะฮ่า...

                วา...สบโอกาสแล้ว ผมรีบเดินเข้าไปหามัน

                น้องๆ ซาลาเปาหมูสับสองลูกครับชิบ ผมเกลียดไอ้รุ่นพี่นี่จริง แม่งจะมาอยากแดกซาลาเปาอะไรตอนนี้วะ!

                ผมเดินไปยืนข้างๆวา ไอ้พี่ห่านี่ซื้อเสร็จแล้วแต่ยังทำเนียนยืนคุยไม่เลิก ไอ้วาก็เหลือเกิน เขาชวนคุยก็คุยด้วยซะงั้น หนอยยยยย เดี๋ยวกูก็อัดวีดีโอไปให้ซีมันดูเลยนี่(เริ่มพาล)

                นานเกินไปแล้วนะ ชักจะนานเกินเหตุไปรึเปล่าวะ...ผมยืนรออยู่นาน นานจนจับใจความรู้ว่าไอ้รุ่นพี่นี่ชื่ออะไร ห้องอะไร ชั้นอะไร แต่ที่ผมสงสัยคือมันจะมาชวนไอ้วาคุยทำไมวะ?

                แค่กๆๆ โอ๊ยยยย ซาลาเปาหวานติดคอ มดแถวนี้มันน่ารำคาญว่ะ ว่างั้นปะวาผมยื่นหน้าเข้าไปแทรก หมั่นไส้ว้อย จะคุยกันอีกนานมั้ย ไอ้วายิ้มแหยๆ แต่ไอ้รุ่นพี่บ้านี่ดันเสือกระรื่นใส่ผม

    โทษครับที่มารบกวน เอาไว้วันนี้พี่จะตามไปดูแข่งแทนการไถ่โทษนะครับ น้องนิวไอ้รุ่นพี่นั่นเรียกชื่อผมได้ถูกต้องจนผมยังงง แล้วมันก็เดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ที่กำลังมองมาทางนี้ ผมขมวดคิ้วไม่สบอารมณ์ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรไอ้ไฟว์ที่มายืนหลังพวกเราตอนไหนไม่รู้ก็เอ่ยขึ้นมาห้วนๆ

    ไอ้รุ่นพี่นั่นมันอะไรวะ?

    วาเหลือบมองสีหน้าไฟว์ มันเองก็คงสงสัยเหมือนผมว่าทำไมอยู่ๆไฟว์มันถึงได้ดูหงุดหงิดพิกล เอ่อ...เขามาชวนกูคุย เห็นว่าชื่อพี่ธีวาตอบตรงๆ ก็แปลกดีที่รู้ชื่อกู แต่คุยไปคุยมาไหงดันรู้ชื่อนิวมันด้วยก็ไม่รู้

    เชื่อเหอะว่าไอ้ยักษ์มันปรายหางตามามองผมแวบหนึ่ง ก่อนที่มันจะถามต่อด้วยเสียงที่ยังคงความห้วนได้ดีไม่มีตกหล่น คิ้วเข้มๆขมวดแบบคิดหนัก

    สรุปไอ้บ้านั่นมันจีบใครกันแน่?

    เฮ้ย!!?ผมกับวาร้องประสานเสียง ไอ้นี่ก็คิดไปโน่น จีบวาอ่ะไม่แปลก แต่มันจะมาจีบผมหาพ่อรึไง ตัวก็สูงตั้งเท่านี้ ไม่ทราบว่ามีความน่ารักน่าจีบตรงขุมไหน?

                บ้าน่า ไม่หรอก เขาก็แค่ชวนคุยธรรมดาแล้ววาก็ช่วยแก้ลำได้ทัน แต่ไอ้ไฟว์ยังไม่เลิก

    แล้วใครมันจะหน้าด้านเดินมาบอกกันโต้งๆล่ะวะว่า โทษนะน้อง พี่อยากจีบน้องอ่ะ

                ผมมองไอ้ยักษ์ที่ไม่รู้ว่ามันเป็นบ้าอะไรแบบเซ็งๆแล้วเดินหนีไปขายซาลาเปาต่อแบบไม่อยากยุ่งด้วย อยากบ้าก็เชิญบ้าไปคนเดียวเหอะ แม่ง...เป็นไรมากปะเนี่ย อยู่ๆก็มาทำเป็นโมโห...

                ผมขายซาลาเปาไปเรื่อยๆ เริ่มกลับมาสนุกกันงานอีกครั้ง ใกล้หมดเวรช่วงเช้าของผมแล้ว ยืนขายอยู่นี่เห็นไอติมร่อนผ่านไปมาแทบทุกห้านาที แม่งเอ๊ยอยากกิน ถ้าเหลือเวลาอีกนิดก่อนไปที่เวทีตามนัดเดี๋ยวค่อยชวนวาไปกินไอติมกะทิด้วยกันดีกว่า ฮ่าๆ

                เฮ้ยพวกมึงไปเหอะ เดี๋ยวต้องไปเวทีแล้วนี่พวกเพื่อนในห้องที่มาเปลี่ยนกะบอกผม ผมเลยถอดผ้ากันเปื้อนออกด้วยอารมณ์ดี๊ด๊าแล้วหันไปฝั่งชา กะจะชวนวาไปกินไอติมอย่างที่ตั้งใจ

                วา~...เห?

                มองไปก็เห็นแต่ไอ้ยักษ์ไฟว์ยืนยิ้มร่าอยู่คนเดียว มันเองก็ถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้ว แต่ไม่ว่าผมจะมองซ้ายมองขวา มองหน้ามองหลัง เงยมองเพดาน(เฮ้ย?) ผมก็ไม่เห็นวาอยู่เลย

                ถ้าหาไอ้วา มันไปหาแฟนมันว่ะไอ้ไฟว์บอกยิ้มๆ แต่ผมมองสีหน้าสะใจเล็กๆของมันแล้วก็ชวนให้รู้สึกอยากกระโดดถีบยอดหน้ามันพิกล

                ทำไมมึงต้องทำหน้าระรื่นขนาดนั้นด้วยวะ?หงุดหงิดครับหงุดหงิด แม่งทำหน้ายังกะจะสมน้ำหน้าผม เออเว้ย รู้หรอกว่าวามันมีแฟนแล้ว แต่จะทำไมล่ะฟะ ก็ผมชอบวานี่!!

                เห็นคนแห้วแดกแล้วกูสะใจน่ะ

                เดี๋ยวกูจะแช่งให้มึงแห้วแดกบ้าง - -

                ขอบใจ แต่ไม่อ่ะ กูนิยมเอาแห้วยัดปากคนอื่นอย่างเดียวมากกว่า

                ผมสบถพึมพำกับตัวเอง...ไอ้เลว...แม่งมาทำเป็นเยาะเย้ยผมนะ ฮึ่ย...แต่คิดได้ไม่เท่าไหร่ผมก็เพิ่งรู้สึกว่ามันกำลังจูงมือผมลากไปที่ไหนซักแห่งอยู่ และทันทีที่ได้สติ ผมก็รีบชักมือออก

                มึงหยุดเลยๆ จะพากูไปไหนไม่ทราบ?

                เอ๊า ก็เห็นใครถือไอติมเดินผ่านมึงก็มองเขาตาปริบๆยังกะอยากจะไปแย่งมาแดก กูก็นึกว่ามึงอยากกินซะอีกไฟว์ตอบหน้าตาย ทั้งคำพูดทั้งสีหน้านี่อย่างวอน มันทำตาโตแบบที่เห็นแล้วรู้เลยว่าจงใจจะกวนตีน เดี๊ยะเอานิ้วจิ้มตาบอด...เอ๊ะ ว่าแต่มันรู้ด้วยเหรอวะว่าผมอยากกินไอติม...

                ผมเงียบอยู่นานจนเราเดินมาถึงที่ขายไอติม ไอ้ไฟว์บอกให้ผมรอข้างนอก ส่วนมันก็เดินเข้าไปที่แถว หายไปพักเดียวก็กลับมาพร้อมไอติมโคนสองอัน

    อ่ะ เอาไป เร็วดีใช่มะ กูใช้เส้นไอ้ไนท์ห้องฝรั่งเศสลัดคิวเอา ฮ่าๆไอ้ไฟว์บอกอย่างอารมณ์ดี ไม่ลังเลที่จะเปิดเผยความชั่วร้ายของตัวเอง เหอๆ ผมรู้ว่าไอ้นี่มันเฟรนด์ลี่ มีเพื่อนต่างห้องเต็มไปหมด รู้จักเขาไปทั่วทั้งที่มันก็ย้ายมาปีเดียวกับผมแท้ๆ - -

                ผมเลียไอติมอยู่พักใหญ่ก็อดถามมันไม่ได้ มึงรู้ได้ไงวะ...

                ตาคมๆหลังแว่นกรอบทองของมันมองตอบมา หืม...เรื่องไอติมนี่น่ะเหรอผมพยักหน้าแทนคำตอบ และมันก็ยิ้มกว้าง มึงก็ลองไปถามน้องมึงสิ...ว่ามันรู้ได้ไงว่าน้องวีอยากได้อะไร

                นั่นไม่ใช่คำตอบซะหน่อยผมบอกมันเซ็งๆ ไอ้ไฟว์นี่ชอบกวนตีนผมจริง ไม่รู้เป็นห่าอะไร

                มันยิ้มเรียบๆให้ผม ยิ้มที่ต่างไปจากยิ้มกวนตีนเดิมๆ ทำให้ผมชักเริ่มเดาอารมณ์มันไม่ถูก

                เอาแบบที่เข้าใจง่ายๆ กูก็มองมึงเหมือนที่มึงมองวาน่ะแหละ...ไม่สิ...ไม่เหมือนซะทีเดียวผมยังอึ้งไม่ทันจบ ไฟว์มันก็ต่อประโยคที่ชวนอึ้งยิ่งกว่า

     

    กูมองมึง...มากกว่าที่มึงมองวาซะอีก

     

                ผมไม่มีคำตอบใดจะให้มัน หรือเอาให้ถูกก็คือ...ไม่รู้จริงๆว่าควรจะพูดตอบมันว่าอะไร

                เข้าใจที่มันพูดมั้ย...แน่ล่ะ ไม่ได้ปัญญาอ่อนนะ ฟังแค่นี้ก็รู้แล้วว่ามันคิดยังไงกับผม ยิ่งมันบอกว่าชอบผมก่อนแล้วด้วย แต่ว่า...ผมน่ะ...

                ระหว่างผมกับมัน ยังมีเส้นบางๆคั่นระหว่างความเป็นเพื่อนอยู่

                เพราะมันเป็นเพื่อนไอ้เนม เป็นเพื่อนน้องชาย(ที่อายุเท่ากัน) ผมไม่เคยมองมันมากเกินกว่านั้นสักครั้ง ไม่ว่าจะเมื่อก่อน ตอนนี้ หรือตอนไหน

                กูจะไม่บอกให้มึงเลิกชอบไอ้วาหรอกนะไอ้ไฟว์พูดหน้าตาย ปากกัดไอติมกินอย่างสบายอารมณ์ ต่างจากผมที่แทบกระเดือกอะไรไม่ลงตั้งแต่ที่มันบอกว่ามันมองผมเหมือนที่ผมมองวาแล้ว และกูก็ไม่ได้บังคับว่ามึงจะต้องคิดกับกูเหมือนที่กูคิดกับมึงด้วย

                เอิ้กกกก หัวใจจะวาย(Y?) แต่ถึงมันจะบังคับก็ใช่ว่าผมจะทำตามได้นี่หว่า เหอๆ...

                ไอ้ไฟว์ยิ้มให้ แต่เป็นยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์เสียจนผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองชักมาผิดทางยังไงชอบกล

     

                กูไม่ได้บังคับมึง...แต่สักวันกูจะทำให้มึงคิดกับกูแบบนั้นให้ได้

     

                นรก...ใครสั่งใครสอนให้มันพูดจาแบบนี้ ไอ้ห่านี่เป็นอะไรมากมั้ยเนี่ยยยยย!!!?

                ค...ใครจะไปทำได้วะ!”ผมแก้ตัวลนลาน แม่งพูดซะมั่น จะมั่นไปไหนเพ่ ตัวผมเองผมยังไม่มั่นขนาดนั้นเลยนะเว้ยเฮ้ย ไม่รู้ล่ะ! ยังไงตอนนี้กูก็ไม่!”

                ใครว่าอะไรมึงล่ะ กูพูดถึงเรื่องของอนาคตต่างหาก

                ผมเม้มปากแน่น อายก็อายโกรธก็โกรธที่มันมาพูดอะไรโต้งๆกันแบบนี้ทั้งที่รู้ดีว่าผมชอบวา ไอ้ห่านี่แม่งไม่เคยจะเห็นหัวกันอ่ะ!

                ตอนนี้มึงจะชอบไอ้วาก็เอาเหอะ ชอบเท่าไหร่ก็ชอบไป แต่สักวัน...กูจะทำให้มึงรักกู

                ไม่รู้แล้ว ไม่รู้จริงๆว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไงกับคำพูดมัน ที่รู้ก็คือ...ผมอยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลๆจริงว้อยยยยยยย!!!

                ไฟว์มันเอาจริง สายตามันบอกกับผมแบบนั้น แต่แม้จะรู้เช่นนี้ ที่ใดสักแห่งในใจก็ยังคงขีดแบ่งความสัมพันธ์ระหว่างผมกับมันเอาไว้แค่ในจุดของ เพื่อน

                แต่ผมก็ไม่รู้อยู่ดี...ว่าในอนาคตมันจะเป็นฝ่ายกระโจนข้ามเส้นนั้นมา...หรือว่า...ผมจะยอมลบเส้นนั้นออกไปด้วยตัวเอง

     

     

     +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    กราบสวัสดีทุกคนแบบงามๆเลยค่ะ!
    อันดับแรก ขอโทษก่อนเลยค่ะ ไม่มีข้อแก้ตัว - -" เวลามันช่างรวดเร็ว พอรู้ตัวอีกทีก็ผ่านไปตั้งปีกว่า โนว์งงแบบ เห้ย เราหายไปเป็นปีเลยจริงดิ!? ทำได้ไง55(หัวเราะกลบเกลื่อน) โนว์รู้ว่ามันนานสุดๆไปเลย แต่ก็หวังว่าจะยังมีรีดเดอร์เก่าๆให้อภัยและกลับมาติดตามกันนะคะ โนว์เองยังต้องกลับไปทบทวนเนื้อเรื่องแต่แรก เห็นคอมเม้น เห็นบทโต้ตอบของรีดเดอร์แต่ละท่านแล้วซาบซึ้ง โนว์ยังจำได้ดีว่าคุยกับรีดเดอร์แต่ละท่านแล้วสนุกมาก ^^

    จากนี้ไปถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดจะมาอัพให้อ่านเรื่อยๆค่ะ (รวมถึงอะไรก็ตามที่ดองเค็มเอาไว้ด้วย) และเนื่องจากมันนานแบบเป็นปี โนว์จะขออนุญาตตอบคอมเม้นตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปค่ะ แต่พอไปคุ้ยตอนเก่าๆอ่าน โนว์ยังจำรีดเดอร์หลายท่านได้นะคะ ^^ หวังว่าจะสนุกกับนิยายเรื่องนี้ต่อๆไปเจ้าค่ะ~!


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×