คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #57 : Da Capo 17 : Love is...?
(Special Part : วีเองครับ ^^ )
ผมโคตรจะรู้สึกสบายใจ วันนี้เป็นวันเสาร์ วันแห่งการพักผ่อน~! ผมล่ะรู้สึกดีเป็นบ้าที่เรียนรัฐบาลเพราะโรงเรียนผมไม่มีระบบสอนเสาร์ ถ้าขืนมีวันเสาร์อีกนะ...ฮึ่ย...ไม่อยากจะคิดสภาพ...
แค่วันนี้ไม่ต้องออกจากบ้านก็ดีแค่ไหนแล้ว เพราะอย่างน้อยๆผมก็มั่นใจว่าคงไม่เจอ ‘หมอนั่น’ แน่ แต่อันที่จริงผมก็ลังเลอยู่หน่อยๆเหมือนกันเพราะวันนี้เป็นวันเกิดเฮียซี พี่เขย...จะพูดงั้นก็คงไม่ผิดเพราะเฮียซีเป็นแฟนเฮียผม ลึกๆแล้วผมก็อยากเอาของขวัญไปให้เฮียซีโดยตรงเหมือนกันนั่นแหละ แต่เสียอย่างเดียว...ถ้าขืนผมโผล่ไปงานผมคงได้เจอ ‘หมอนั่น’ แบบตัวเป็นๆแน่
เท่าที่เจอทุกเช้าวันจันทร์ยันศุกร์มันก็มากพออยู่แล้ว ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะจ้องจองล้างจองผลาญกันไปถึงไหน!!
ไอ้พี่เนม...ชอบโผล่มาดักหน้าบ้านแล้วบังคับให้นั่งรถไปโรงเรียนกับมัน จนถึงตอนนี้ไม่มีรุ่นพี่คนไหนกล้ามาวอแวกับผมอีกแล้วเพราะเคยเจอฤทธิ์ไอ้พี่ห่านั่นไปหนนึงจนตอนนี้ที่โรงเรียนพากันเอาชื่อของพี่เนมไปลือกันให้แซ่ดเพราะหมอนั่นก็ค่อนข้างดังพอตัวแม้จะจบออกมาแล้วก็ตาม ชื่อเสียงของพี่เนม...มักจะเป็นในด้านที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่...ถ้าตัดเรื่องที่พี่เนมเคยเป็นนักกีฬาบาสออกไป สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีแต่เรื่องแก๊งค์อันธพาลกับเรื่องชกต่อยอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด
เรียกว่าเป็นคนที่ชอบช่างสร้างปัญหาไม่รู้จักหยุดจักหย่อน โตแล้วแต่ไม่มีความคิดสุดๆก็ว่าได้!!
ผมนอนคว่ำเตะขาตาดูทีวีปากเคี้ยวขนม ชอบจังวันหยุด~ ในขณะที่เฮียวาต้องไปเรียน เจ้ศาต้องวิ่งวุ่นทำโปรเจ็ค น้องเล็กอย่างผมก็ยังคงได้รับสิทธิ์ดูทีวีกินขนม ตอนนี้แม่ผมออกไปซื้อของข้างนอกผมเลยอยู่เฝ้าบ้านคนเดียว พอมองนาฬิกา...เพิ่งจะบ่ายสองนิดๆ ไม่เป็นไร เหลือเวลาอีกแยะ...ไว้ค่อยคิดก็ได้ว่าจะเอาของขวัญให้เฮียซียังไง...
กิ๊งก่อง!
เอ๊ะ แม่กลับมาแล้วเหรอ? ผมกระโดดลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าประตู สวนกับนังมาลีที่กำลังเดินเข้ามาในบ้านพอดี มันร้องแง้วๆเหมือนทักผมแต่นั่นกลับทำเอาผมยิ่งหนาวยะเยือก...ก็ปกตินังแมวแรดนี่มันเคยสนใจผมที่ไหนล่ะ วันไหนที่มันทักผมวันนั้นแหละได้มีเรื่องวิบัติทุกที
แอ๊ดดดด “ไมกลับเร็วจั...”
ท้ายประโยคกระตุกกึกเพราะคนที่ยืนอยู่หน้าประตูดันไม่ใช่แม่ ผมยืนช็อคอยู่กับที่...ใครก็ได้ช่วยผมด้วย...เขาว่ากันว่าห้ามเปิดประตูต้อนรับคนแปลกหน้า...ถึงไอ้หมอนี่จะไม่แปลกหน้าแต่มันกลับน่ากลัวยิ่งกว่าโจรเรียกค่าไถ่ซะอีก...รู้งี้ผมยอมเปิดมาเจอโจรซะยังจะดีกว่า!
ผมกลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ กะพริบตาซ้ำแล้วซ้ำอีกแต่ภาพตรงหน้าก็ไม่หายไป กว่าจะตั้งสติได้อีกครั้งเวลาก็ผ่านไปนานโข และพอรู้สึกตัวผมก็รีบเหวี่ยงประตูปิด แต่ช้าไปแล้ว...มันติดอุ้งมือใหญ่ที่ยื่นมากันเอาไว้พร้อมทั้งเสียงคำรามดุดันที่ดังขึ้นจากอีกฝ่าย
“เดี๋ยวนี้กล้าปิดประตูใส่หน้าพี่แล้วเหรอ...ลืมไปแล้วสินะว่าเคยถูกทำโทษยังไง?”
ผมปั้นหน้าไม่ถูก ไม่รู้จะหัวเราะเยาะเย้ยความโง่ของตัวเองที่ไม่ยอมมองช่องตาแมวก่อนหรือว่าจะเบะปากร้องไห้เพราะสู้ไม่ได้ก่อนดี ผมเหลือบมองลอดไหล่ตัวเองเข้าไปในบ้าน จากหางตาเห็นอีหนูแมรี่สะบัดพวงหางเดินเข้าครัวไปพร้อมทั้งส่งเสียงแง้วๆอย่างสบายอารมณ์
...ก็บอกแล้ว...วันไหนมันทักผมวันนั้นไม่เคยมีเรื่องดี
ผมถอยกรูดๆกลับเข้ามาในบ้าน ไม่ยอมให้ไอ้พี่เนมเข้าใกล้ในระยะสองเมตร ไม่รู้อะไรซะแล้ว...พี่เนมเข้ามาใกล้ทีไรผมจะเสียเปรียบทุกที...ถึงมันจะชอบรังแกผม กลั่นแกล้งผมสารพัดแต่ผมก็ต้องยอมรับแบบหน้าด้านๆว่าผมมักจะเคลิ้มไปกับสัมผัสหยาบๆแบบนั้นทุกที
ไม่ได้ชอบความรุนแรงนะครับ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมร่างกายถึงได้ไม่ยอมปฏิเสธ
“เอ่อ...มีไรเหรอพี่...มาหาวีทำไม”ปากถามทั้งที่ก็พอจะรู้อยู่ ไอ้พี่เนมมันไม่เคยมาเพราะสาเหตุอะไรนอกจากจะลากผมไปโน่นมานี่หรอก แล้วมันก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ
“ไปแต่งตัวซะ”
ผมเริ่มคลายความระแวงลง แต่ก็ยังไม่ยอมเข้าไปใกล้อีกฝ่าย “...จะพาวีไปไหน?”
ไม่มีคำตอบอย่างที่ผมต้องการ เพราะมันน่ากลัวยิ่งกว่าคำตอบหลายเท่านัก
“จะไปเปลี่ยนดีๆ...หรือต้องให้พี่ช่วยเปลี่ยนให้?”
เท่านั้นแหละ ไม่ต้องรีพีทซ้ำผมก็รีบชิ่งขึ้นชั้นสองแบบด่วนๆ...กลัวมันทำอย่างปากว่าจริงๆ(เคยโดน...แล้วก็...กลายเป็นการแต่งตัวที่กินเวลานานที่สุดและผมก็ไม่กล้าลองดีกับมันอีกเลย)
ผมเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูปัง ก้อนเนื้อในอกเต้นโครมครามจนปวดหนึบไปหมด ไม่ได้เขินหรืออะไรทำนองนั้นหรอก...แต่ผมแค่กลัว...กลัวพี่เนมที่เหมือนคนแปลกหน้าแบบนี้ ผมค่อยๆเปลี่ยนเสื้อแบบอ้อยอิ่ง พยายามถ่วงเวลาให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่พอเดินไปถึงตู้เสื้อผ้าจะไปหยิบเสื้อ ประตูก็เปิดผาง
ผมสะดุ้งสุดแรง...ลืมล็อคประตู!!...อยากจะด่าให้กับความสะเพร่าของตัวเอง นี่ผมอุตส่าห์แกล้งเดินกลับไปกลับมาระหว่างตู้เสื้อผ้ากับเตียงเพื่อถ่วงเวลาแท้ๆ
หยิบเสื้อ เดินไปเปลี่ยนที่เตียง
ถอดเสื้อ เดินไปใส่ตะกร้า
หยิบกางเกง เดินไปเปลี่ยนที่เตียง
แต่ยังไม่ทันจะถอดกางเกง ประตูก็เสือกเปิด
แล้วงี้ที่ผมทำมาจะมีประโยชน์อะไรวะ!!?
สีหน้าของคนที่อยู่หน้าประตูเรียบสนิทจนเดาความรู้สึกไม่ออกและผมก็เผลอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว พี่เนมเดินเข้ามาใกล้ แม้ในห้องจะมืดเพราะม่านที่ปิดไว้และไม่ได้เปิดไฟแต่ผมก็เห็นอยู่ดีว่าสีหน้าของอีกฝ่ายเรียบแค่ไหน
ไม่มีคำพูดใดๆระหว่างเรา พี่เนมกระชากแขนผมเข้าไปใกล้จนผมเซปะทะแผ่นอกกว้าง ได้กลิ่นโคโลญจ์เดิมๆลอยมา รู้สึกได้ว่าตัวเองคงต้องกำลังหน้าแดงปนซีดเหมือนคนใกล้บ้าแน่ ฝ่ามือร้อนระอุสัมผัสไปทั่วลำตัวผม และเสียงกระซิบเย็นๆก็ดังขึ้นที่ริมหู
“ทำไมช้า...อยากให้ช่วยแต่งตัวนักใช่ไหม?”ปากมันบอกจะช่วยแต่งแต่ไหงมือดันปลดก็ไม่รู้ ผมแทบร้องไม่ออกตอนที่กางเกงยีนส์ถูกดึงลงแล้วมือใหญ่ก็เลื้อยตามเข้าไปพาให้สะดุ้งสุดตัวในทุกที่ที่ถูกสัมผัส ฝ่ามือหยาบๆแต่ช่ำชองเค้นคลึงไปมาจนผมรู้สึกปวดแปลบไปทั่วช่วงล่าง ต้องร้องออกมาเบาๆอย่างอดไม่อยู่
“ย...อย่าทำแบบนี้...อื้อ...หยุดเถอะ...นะ...”ผมวิงวอนขอ ทุกส่วนในร่างกายเหมือนจะหมดแรงไม่ก็ยอมจำนนต่อคนตรงหน้าไปหมด ไม่มีคำตอบใดๆนอกจากรอยยิ้มเย็นเฉียบและมือที่ขยับรุนแรงกว่าทุกครั้งจนแข้งขาอ่อนปวกเปียกยืนแทบไม่อยู่
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมถูกผลักให้นอนลงบนเตียง และสิ่งที่ผมรู้สึกได้ก็มีเพียงสัมผัสหยาบๆที่ปลุกเร้าร่างกายกับ...เสียงกระซิบเย็นยะเยือกที่ทำเอาผมจุกสนิททุกครั้งที่ได้ยิน
“เป็นเมียพี่แล้วอย่าคิดจะดื้อกับพี่เชียวนะ...วีเป็นของพี่...ไม่มีสิทธิ์เป็นของคนอื่นอีกแล้ว”
กว่าผมจะโงหัวตื่นขึ้นมาอีกรอบก็ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ความปวดระบมทั่วสะโพกเป็นเครื่องยืนยันที่ดีนักว่าเมื่อครู่นี้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ผมครางแผ่วเบาเมื่อพยายามขยับตัว...ไอ้พี่เนมรุกหนักกว่าทุกครั้งอย่างเห็นได้ชัด...ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่เรามีอะไรกัน แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้งผมก็ยังทำใจให้ชินไม่ได้สักที
พี่เนมไม่ทำรุนแรงเหมือนครั้งแรกสุดแล้วก็จริงแต่ก็ไม่เคยอ่อนโยน...เราไม่เคยกระซิบถ้อยหวานหูใส่กัน...ไม่เคยมีแม้แต่ส่งสายตาหวานๆ...จากสายตานิ่งๆที่มองตรงมาที่ผมตลอดเวลาก็ทำให้พอจะรู้ว่าไอ้ห่าพี่เนมไม่ได้หน้ามืดหรือมองผมเป็นตัวแทนใคร แต่ถ้าถามว่าแล้วจะทำไปทำไม...อันนี้ผมก็ตอบไม่ได้ว่ะ
แต่คิดอีกทีก็ใช่ว่าจะไม่รู้คำตอบ...
เซ็กส์ที่ไม่ได้เกิดจากความรัก...ก็คงไม่มีคำตอบอื่นใดนอกจาก ‘ความใคร่’
ผมมันก็เป็นแค่เครื่องระบายอารมณ์ของเขาเท่านั้น
เสียงประตูเปิดเรียกให้ผมหันกลับไปมอง ร่างสูงที่สวมเพียงกางเกงขายาวสีดำโชว์กล้ามและซิกส์แพ็คสวยได้รูปเดินเข้ามาใกล้แล้วคว้าเสื้อเชิ้ตที่โยนไว้ปลายเตียงในทีแรกขึ้นมาสวม ผมเองก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากนอนมองนิ่งๆ...ก็มันปวดตัวนี่หว่า...
“ลุก”คำสั่งเรียบๆมาพร้อมสายตาดุๆ ผมถอนหายใจ ไม่ใช่อะไรนอกจากเริ่มชินปนเซ็ง
“...เจ็บ...ลุกไม่ขึ้น”
ไม่มีคำตอบรับกลับมา ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่เนมกำลังคิดว่าผมสำออยหรือเปล่า แต่จะทำไมวะ ก็ใครล่ะที่ใส่เอาๆ ยัดแล้วยัดอีก ร้องห้ามจนปากจะฉีกว่าไม่ๆๆก็ไม่เคยจะฟัง คนหรือม้าศึกกันแน่ พยศไม่ยอมเลิกจนผมแทบจะตายคามือมัน
น่าแปลกที่ไม่มีคำต่อว่าทั้งที่เตรียมใจเอาไว้แล้วว่าจะโดนด่าสำออย พี่เนมกระชากแขนผมให้ลุกจนต้องทำหน้าเบ้เพราะความปวดแปลบที่แล่นวาบขึ้นมา แต่พอแหกปากจะร้องอุ้งมือใหญ่ก็ปิดหมับเหมือนรู้ทันแล้วร่างผมก็ลอยขึ้นเหนือพื้นฟูกแบบกะทันหันจนแอบงง หากพอเงยหน้ามองเจ้าของอ้อมแขนก็ได้รับเพียงสายตาดุๆตอบกลับมา
“อย่าโวยวาย...เว้นแต่ว่าวีอยากจะให้แม่ขึ้นมาเห็นสภาพนี้”ไม่ต้องพูดซ้ำผมก็หุบปากสนิททันที พูดแบบนี้แสดงว่าแม่ผมคงกลับมาแล้ว ว่าแต่แม่จะได้ยินเสียงตอนที่เรา...เอ่อ...นั่นแหละ...รึเปล่าวะ...
ผมใช้จังหวะนี้หันไปมองนาฬิกา ตายโหง! เกือบหกโมงแล้ว ผมยังไม่ได้โทรไปบอกเฮียวาเลยว่าจะไปหรือไม่ไป แต่ขืนขอเวลานอกตอนนี้...ถ้าไม่โดนโยนลงพื้นให้เดินเองผมก็คงโดนซ้ำแหง
ห้องน้ำบ้านผมเป็นห้องน้ำรวมที่อยู่ด้านนอกห้องนอนอีกที ผมเลยถึงกับหนาวเยือกตอนที่พี่เนมอุ้มผมออกมาทั้งที่ผมเนื้อตัวล่อนจ้อนไม่ใส่อะไรเลย ส่วนไอ้พี่เนมถึงจะใส่เสื้อผ้าแต่มันก็ไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่เพราะขืนมีใครสักคนขึ้นมาตอนนี้ถึงโง่แค่ไหนก็คงรู้แหละว่าเราเพิ่งจะทำอะไรมา
โชคดีว่าไม่มีใครขึ้นมา เจ้ศากับป๊าน่าจะยังไม่กลับ ส่วนแม่ได้ยินเสียงเปิดทีวีทำกับข้าวอยู่ข้างล่าง พี่เนมถีบประตูเปิดแล้วจัดการลงกลอนล็อค ก่อนจะพาผมเดินเข้าไปที่ห้องอาบน้ำ รูดม่านปิดแล้ววางผมลงบนพื้น ความหนาวเย็นแล่นขึ้นมาแตะส่วนหลังจนจี๊ดไปหมดแต่พอเงยหน้ามองไอ้คนพามาก็ไม่กล้าส่งเสียงขอความเห็นใจอะไร พี่เนมถลกแขนเสื้อเชิ้ตขึ้น เปิดฝักบัวแล้วดึงสายออกมา ผมเลยรีบออกตัวก่อนที่จะโดนทำอะไร
“ไม่เป็นไร วีอาบเอง...”และแล้วก็เป็นอันต้องหยุดกึกกลางประโยคทันใดเพราะสายตาที่จ้องมา ไม่มีคำดุด่าต่อว่า แต่สายตาพี่เนมก็เขียนชัดอยู่แล้วว่า ‘กล้าขัดมีตาย’
ผมนั่งนิ่งๆอยู่บนพื้น พี่เนมจับขาผมให้ชันขึ้น ทีแรกผมก็เกร็งเอาไว้เพราะอายแต่สุดท้ายก็สู้แรงไม่ไหว มือหยาบกระด้างลูบไปตามด้านในขาอ่อนล้างคราบต่างๆออกให้ ผมหน้าแดงวาบที่เห็นร่องรอยมากมายบนร่างตัวเองโดยเฉพาะตรงขาอ่อน มองคราบแห้งเกรอะกรังที่รู้ดีว่าคืออะไรค่อยๆหลุดลอยไปกับสายน้ำ แล้วก็แลเลยไปยังใบหน้าคมเข้มแต่เรียบสนิทของคนที่คอยทำความสะอาดให้อยู่นี้
ปกติพี่เนมจะไม่อาบน้ำให้ ทุกทีเวลาทำเสร็จก็จะใส่เสื้อแล้วปล่อยให้ผมลุกไปล้างตัวเอง วันนี้พี่เนมมาแปลกกว่าทุกวัน...แต่ผมจะคิดเข้าข้างตัวเองแบบควายๆได้ไหมวะว่าเพราะวันนี้เขารู้ตัวว่าทำรุนแรงกว่าทุกครั้งเลยมาอาบให้เป็นการไถ่โทษ...
แต่คิดไปคิดมาผมก็ต้องส่ายหน้าอย่างแรงไล่ความคิดสเปรซๆฝันเฟื่องแบบนั้นออกไป ให้โลกถล่มก็ไม่มีทาง...คิดบ้าอะไรเป็นนิยายน้ำเน่าไปได้
ผมเลิกฟุ้งซ่านชั่วคราวเพราะมือที่ลูบไปมาล้างคราบให้ชักจะล่วงเข้าไปในส่วนไม่ควร ผมเงยหน้าขวับ ทำหน้าปั้นยากขณะมองคนที่ทำหน้านิ่งแต่นิ้วสอดคลึงอยู่ในปากทางต้องห้าม แต่พอขยับกายถดถอยไปได้แค่เล็กน้อยก็ต้องหยุดเพราะอีกมือที่ยื่นมารั้งสะโพกเอาไว้
“อยู่เฉยๆ”วลีแรกตั้งแต่เข้ามาอาบน้ำหลุดออกมาให้ได้ยิน แต่ไม่ปลื้มว่ะ...
“ต...ตรงนั้นไม่ต้อง...”เอาล่ะสิ ขืนแตะตรงนั้นมันก็...หวิว...สิครับ...ไม่ได้ปลื้มอะไรเลยนะ แต่ผมก็เป็นคน...มีความรู้สึก...แถมเพิ่งเสร็จมาแบบนี้มันยิ่งไว...อ๊ากกกกกก
ผมเผลอเกร็งจนพี่เนมทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแต่นิ้วก็ยังขยับอยู่ข้างใน ผมยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงร้องของตัวเอง อดทนสุดชีวิตจนกระทั่งพี่เนมล้างตรงนั้นเสร็จ เอาฝักบัวล้างอีกนิดเป็นอันเสร็จเรียบร้อย แต่กว่าจะเสร็จไปถึงขั้นตอนอาบน้ำปกติผมก็แทบหมดเรี่ยวแรง พลางคิดในใจว่าถ้าเป็นแบบนี้วันหลังอาบเองดีกว่า...
พี่เนมอุ้มผมกลับเหมือนขามา แต่ครั้งนี้เพิ่งอาบน้ำเสร็จเลยหนาวเป็นพิเศษ ผมเผลอซุกตัวเข้ากับแผ่นอกกว้างของเจ้าของอ้อมแขน และก็น่าแปลกที่อีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรนอกจากก้มมอง พี่เนมโยนเสื้อผ้าที่ไปคุ้ยมาจากในตู้ให้ผมใส่ ดูจากชุดแล้วไม่ใช่ชุดนอน ผมจึงเงยหน้ามองคนยื่นให้
“เดี๋ยวไปกับพี่”ไม่จำเป็นต้องถามต่อว่าไปไหนเพราะผมรู้ดีว่าคงไม่ได้คำตอบ พี่เนมวางผมลงบนเตียง ผมเลยคลานขึ้นมาใส่เสื้อผ้าต่ออย่างทุลักทุเล
เราลงไปข้างล่างด้วยกัน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแม่ถึงไม่แสดงอาการแปลกใจที่เห็นพี่เนม ป๊าเพิ่งจะกลับมาถึงบ้าน ผมพูดคุยกับท่านทั้งสองเหมือนปกติ พี่เนมก็ดูสุภาพเวลาพูดคุยกับพ่อแม่ผม...สุภาพจนน่าหมั่นไส้เลยด้วย...พี่เนมบอกว่าจะพาผมไปข้างนอก ทีแรกแม่ก็ไม่อยากให้ไป(ผมเชียร์ข้างแม่เต็มที่...แต่แอบเชียร์นะ ไม่กล้าเปิดเผย) แต่พอพี่เนมบอกว่าเดี๋ยวจะให้ค้างที่บ้านพี่เขาเลยแม่ก็ไม่ว่าอะไร ซ้ำยังฝากฝังผมกับไอ้พี่ห่านั่นซะดิบดี
ไม่อยากจะเซ่ดหรอกนะครับคุณแม่ แต่ฝากกับไอ้พี่เนมเนี่ยยิ่งกว่าเชื่อไม่ได้ซะอีก!!
ถามว่าผมอยากไปกับมันหรือเปล่า...ก็ไม่...อยากไปค้างบ้านไอ้พี่เนมหรือเปล่า...ตอบได้ทันทีเลยว่าไม่ชัวร์ๆ...ผมยังเข็ดขยาดบ้านหลังนั้นไม่หายเพราะครั้งล่าสุดที่ไปก็คือครั้งแรกที่ผมกับมัน...นั่นแหละกัน แล้วถ้าถามต่อไปว่าทำไมไม่ขัดหรือแย้ง...ผมก็อยากจะหัวเราะดังๆเป็นภาษาอินเดียนแดงว่าผมมีสิทธิ์ทำอย่างนั้นด้วยเรอะ
ไอ้พี่ห่านี่ไม่เคยทำอย่างอื่นหรอกนอกจากบีบบังคับกัน!!
ให้ตายสิ...ผมเริ่มจะจำพี่เนมคนเดิมไม่ได้แล้วว่ะ...ตอนนี้ในหัวมีแต่ไอ้พี่เนมเวอร์ชั่นเหี้ย
“เร็วเข้า จะมาดีๆหรือจะให้ไปลาก”นั่นไง คิดได้ไม่เท่าไหร่สันดานเก่าก็ออก แม่งเอาแต่ใจเว่อร์ ทำอะไรผิดก็ดุด่า พอไปขัดใจเอะอะอะไรก็เอาแต่จะจับปล้ำ...
ผมเดินตามไปนอกบ้านแบบเซ็งๆ ทีตอนอยู่ต่อหน้าพ่อแม่ผมนะทำสุภาพเรียบร้อย พออยู่กันแค่สองคนแล้วอย่างเหี้ยอ่ะ...
“ไม่ลืมอะไรนะ”มีการหันมาถามเหมือนผมเป็นเด็กประถม ผมส่ายหน้า รู้ว่าจะพาไปไหนก็ตอนที่พี่เนมบอกให้ไปเอาของขวัญของเฮียซีมาเตรียมไว้ แต่เว้ย...ไปงานกับไอ้พี่เนมแบบนี้เกิดเฮียวามาเจอเข้ามันก็มีอยู่สองอย่าง ถ้าไม่ชกกันกลางงานก็คงแซวผมยับ
พี่เนมสตาร์ทมอ’ไซค์ ผมก็ขึ้นซ้อนท้ายตามปกติ...ชินครับ ชินจริงๆ...ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมแทบจะไปโรงเรียนกับไอ้พี่เนมทุกวันทั้งที่เรียนกันคนละที่ พี่เนมแม่งขยันไปส่งจัด...เจตนาของเขาผมไม่อาจทราบ แต่ที่แน่ๆคือมันทำเอาชีวิตผมแทบวิบัติ มีเรื่องให้ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน
ข้อดีเดียวที่มองเห็นในเรื่องนี้ก็คงจะเป็นเรื่องที่ผมไม่ต้องเสียค่ารถ แต่ถ้าเป็นงี้ยอมเสียอีกสักสิบกว่าบาทแล้วไปเรียนเองยังจะดีซะกว่า...
ไอ้พี่เนมซิ่งนรกจนผมนึกกลัวว่าจะตายก่อนถึงบ้านเฮียซีหรือเปล่า ทางไปบ้านเฮียซีก็สายเดียวกับบ้านผมนี่แหละครับแต่ใกล้โรงเรียนมากกว่า เราไปถึงโน่นกันตอนหกโมงกว่า สำนักงานที่บ้านเฮียซีวันนี้คงหยุดทำการเพราะงานจัดตรงที่จอดรถพนักงานแล้วก็ลานหน้าบริษัท พอลงจากมอ’ไซค์และล็อคล้อเรียบร้อยผมก็ทำท่าจะเดินหนี หากมือใหญ่ของคนพามากลับคว้าหมับ
ผมก้มมองข้อมือตัวเองที่ถูกกอบกุมเอาไว้ แวบหนึ่งที่พี่เนมมองมา...แววตาของเขาเหมือนจะกลับไปเป็นพี่เนมคนเดิม...แต่ผมก็สำนึกได้ในทันทีว่าตัวเองคิดผิดเมื่อได้ยินคำพูดหมาๆสำทับ
“จะไปไหน อยู่กับพี่นี่แหละ เวลาจะไปเดินหว่านใครก็สำนึกเสียบ้างสิว่าตัวเองมีผัวแล้ว”
ผมชาวาบไปทั้งหน้าเหมือนถูกตบ ด่าคำไหนไม่เคยว่า จะหาว่าผมร่านผมชอบเดินยั่วใครก็ไม่เคยสน(ชินจะแย่...) แต่ทำไมจะต้องมาพูดย้ำสถานะอะไรแบบนี้ใส่หน้ากันด้วยวะ!!
“งั้น...คุณผัวครับ...กรุณาปล่อย!”ผมประชดแล้วตวาดกลับด้วยความโกรธสุดขีด แขนพยายามสะบัดมือที่เกาะกุมอยู่ออกแต่ก็ไม่เป็นผล...พี่เนมยิ่งบีบข้อมือแน่นกว่าเก่าจนผมไม่รู้จะทำยังไงนอกจากมองคนตัวสูงกว่าแบบไม่พอใจ “ทำไมต้องพูดกับวี ทำกับวีแบบนี้ด้วย เกลียดวีนักก็อย่ามายุ่งกับวีสิ ทำไมจะต้อง...คอยเอาแต่ระรานกัน...”
ปลายเสียงสั่นเพราะอารมณ์บางอย่างที่แล่นขึ้นมาจุกคอ ผมไม่เคยเข้าใจพี่เนมเลย การกระทำของเขามันบอกว่าเกลียดผม แต่ทำไมเขาถึงต้องคอยตามผม คอยแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอยู่ตลอดก็ไม่รู้...
ไม่มีคำตอบอื่นใดจากคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า แล้วอยู่ๆพี่เนมก็หันไปเตะกำแพงข้างๆดังโครมจนผมถึงกับสะดุ้ง คำสบถด่ายาวเหยียดที่เหมือนจะพูดเพราะต้องการระบายมากกว่าด่าผมดังไม่ขาดปากแล้วพี่เนมก็ขยี้ผมตัวเองแรงๆด้วยสีหน้าขัดใจทั้งที่มือยังไม่ยอมปล่อยแขนผม
“กูก็นึกว่าใคร ยังคิดอยู่ว่าแม่งมาทะเลาะอะไรกันมืดๆตรงนี้”ผมเงยหน้าขวับ ตาเบิกกว้าง
“...เฮีย”
ใช่ครับ เป็นเฮียวาของผมเอง เฮียมองไอ้พี่เนมแวบหนึ่งแล้วก็เลยต่อมายังแขนผมที่ถูกจับเสียแน่น เฮียวาไม่ได้พูดอะไร ไฟตรงนี้มันอยู่ห่าง แสงสลัวๆเลยทำให้ผมเห็นแค่เสี้ยวหน้าของเฮีย
“ไป เข้างานกันได้แล้ว ทำห่าอะไรกันอยู่ได้ เสียอารมณ์หมด”เฮียเดินนำเข้างานไปก่อนแต่พี่เนมก็ยังไม่ยอมขยับไปไหน ผมเงยหน้ามองคนที่กำแขนผมเอาไว้แน่นอย่างหวาดๆ แล้วเฮียวาก็หันกลับมาส่งสายตาดุๆใส่พี่เนมทำให้เจ้าตัวยอมเดินตามไป แต่...ก็ยังไม่ยอมปล่อยแขนผมอยู่ดี
ผมถอนหายใจ จะจับจะจูงหรือจะอะไรก็ช่างเหอะ...ปลง...ปลงชิบๆ
มือที่กำแขนแน่นผ่อนแรงลงเล็กน้อยและเลื่อนมาจูงมือเอาไว้หลวมๆ ผมมองพี่เนมอย่างประหลาดใจ เห็นฝ่ายนั้นถอนหายใจแล้วหลับตาลงราวกับมีเรื่องหนักอก อันที่จริง...ถ้าจะสลัดหนีตอนนี้ก็ทำได้ แต่ผมกลับไม่รู้สึกอยากทำอย่างนั้นน่ะสิ
ผมชอบเวลาที่พี่เนมจับมือ...ยังคงชอบอยู่...ถึงจะเป็นพี่เนมเวอร์ชั่นเหี้ยแต่พี่เนมก็ยังเป็นพี่เนม...มือของเขายังอุ่นเหมือนเดิม...ยังให้ความรู้สึกมั่นคงเหมือนเดิม
ไปว่าโน่นว่านี่เขา แต่สุดท้ายผมก็ว่าตัวผมเองนี่แหละที่น่าด่าที่สุด
ผมมันโง่...โง่ที่ไม่ว่าเขาจะเลวร้ายกับผมขนาดไหนผมก็ยังรัก...
“จะกินอะไร”คำถามห้วนๆจากคนข้างกายเรียกให้ผมตื่นจากห้วงภวังค์ พี่เนมไม่ได้หันมามอง สายตานิ่งเฉยเหมือนจะทอดยาวออกไปไกลแต่มือที่กระชับอยู่ก็ช่วยย้ำว่าเขากำลังพูดกับผม
ผมมองไปรอบๆงาน อาหารงานเฮียซีเยอะชะมัด อยากเอาของขวัญไปให้เฮียซีด้วย แต่ขืนแวบไปผมคงโดนฆ่าตายแน่ หึๆ...ผมล่ะโคตรขำที่เมื่อคืนเฮียวามาขอให้ผมสอนวิธีห่อของขวัญให้ เฮียผมแม่งน่ารัก จะเอาของให้ก็ยังต้องมากพิธีนั่งห่อ สอนไปสอนมาสุดท้ายเฮียวาก็หมดความอดทน แล้วก็เลยไม่ได้ห่อ...ผมก็เลยยังงงๆอยู่ว่าแล้วตกลงจะให้เสียเวลาสอนไปเพื่ออะไร
“วีเอา...อืม...อยากกินสปาเก็ตตี้...แล้วก็ลูกชิ้น...เอ่อ...อะไรก็ได้ครับ”เผลอพูดตามใจนึกไปตั้งหลายคำ แต่ก็ดีที่รู้สึกตัวก่อนเลยรีบเปลี่ยนเป็นเอาอะไรก็ได้แทน อย่าสนใจสรรพนามที่พูดกันเลยครับ มันติดปากน่ะ แต่ก่อนเคยพูดยังไงก็ยังพูดยังงั้น ของมันเคยปากอยู่ๆจะให้มาเปลี่ยนเลยมันทำไม่ได้หรอก “แต่...แต่วียังไม่กินก็ได้นะ...ยังไม่ค่อยหิว...”
“เดี๋ยวมา”พี่เนมบอกเสียงเรียบ แล้วหันมามองหน้าผมเป็นครั้งแรก “จะเอาของขวัญไปให้ซีก่อนก็ได้...แต่ให้เสร็จแล้วรีบกลับ...กลับมายืนตรงนี้...แล้วถ้าพี่ไม่เจอวีนะ...”
ท้ายประโยคไม่ต้องต่อให้ผมก็เติมคำเองได้ ผมพยักหน้ารับเบาๆ ชินกับนิสัยขู่บังคับแบบนี้ซะแล้ว ถึงตอนแรกๆจะรับไม่ได้แต่ไปๆมาๆมันก็เริ่มจะเฉยๆจนชักคิดว่าถ้าวันไหนพี่เนมเลิกบังคับผมขึ้นมาผมคงจะรู้สึกแปลกๆแน่(เริ่มโรคจิตแล้วว่ะ...คิดว่างั้นนะ)
พี่เนมปล่อยมือออกแบบอ้อยอิ่งเล็กน้อยแล้วเดินดุ่มๆหายเข้าไปในงาน ผมเริ่มมองหาเฮียซี เจอเฮียซีอยู่ตรงโต๊ะอาหาร กำลังพยายามจะเอาอะไรสักอย่างยัดปากเฮียวาอยู่ ผมเห็นแล้วก็อดรู้สึกอิจฉานิดๆไม่ได้...เฮียซีดูรักเฮียวาน่าดู แล้วพี่เนมล่ะ...เคยรักผมบ้างรึเปล่า...
แต่คิดแล้วผมก็ต้องรีบส่ายหน้า โละหน้าไอ้คนใจร้ายนั่นออกไปจากหัวก่อนแล้วทักเฮียซี “แหม เลิกสวีทกันก่อนสักแป๊บเหอะคร้าบ น้องแฟนเอาของขวัญมาให้เนี่ย จะเอามั้ย”
ผมแกล้งกวนประสาทเฮียๆ และก็ได้มะเหงกของเฮียวาตอบกลับทันที เร็วยิ่งกว่าเครื่องตอบรับอัตโนมัติ ในขณะที่เฮียซีทำเพียงหัวเราะ ชอบล่ะสิที่โดนแซว...ชักหมั่นไส้ว่ะ
“ทะเล้นใหญ่แล้ว เลิกๆ”เฮียวาก็ยังอุบอิบๆอ้อมแอ้มๆอะไรอยู่คนเดียวก็ไม่รู้ เออ ปล่อยพี่ผมไปเถอะ เขาคงเขิน
“คุณพี่เขย สุขวันต์วันเกิดนะครับ อ่ะนี่ของขวัญของวี ขอโทษด้วยนะฮะที่ไม่ใช่เฮียวาผูกโบว์”ผมรีบโยกหัวหลบมะเหงกลูกที่สองของเฮีย เฮียวาหน้าแดงแล้วแดงอีกพลางโวยวายลั่นว่าให้ตายก็ไม่ยอมเป็นของขวัญแน่(แต่ผมเห็นนะเว้ย หึๆ ไอ้รอยแดงๆที่คอนั่นอ่ะ...แปลว่าอะไรน้า) เฮียซีเอาของขวัญของผมไปแกะดูทันที ผมเองก็ไม่ได้ห่อกระดาษ ก็แหม...มันเปลืองนี่หว่า ห่อเอาไว้แป๊บๆก็ต้องแกะ เสียดาย เปลืองตังค์ โลกร้อน...
เฮียซีเทของขวัญที่ผมไปล่าแถวๆเจเจออกมา มันเป็นโซ่ข้อมือครับ เห็นเฮียซีชอบใส่เวลาวันหยุด รายนี้ชอบอะไรก็ตามที่เป็นโซ่(คิดว่านะ ก็เห็นใส่บ่อย) เฮียซียิ้มให้แล้วขอบคุณผม ก่อนจะยื่นให้เฮียวาและบอกให้ใส่ให้ที ภาพที่เห็นทำเอาผมแอบเบ้หน้า แล้วก็อดแซวเฮียๆต่อไม่ได้
“โห่ หวานไม่เกรงใจกันเลยว่ะ น้องแม่งยืนมองตาปริบๆอยู่ทั้งคน”
“ยังกะแกต่างจากเฮียงั้นแหละ ว่าไง ทำไงไอ้เนมมันถึงยอมปล่อยมาได้ล่ะ”เฮียวากัดคืนพลางใส่โซ่ข้อมือให้เฮียซีไปด้วย ผมชะงักทันทีที่ได้ยินชื่อของบุคคลที่สาม แถมยังสะอึกเอื๊อกไปถนัดตาจนเฮียวายังต้องหันกลับมามอง
ง่า...ทำไมเฮียมองผมแบบนั้นวะ ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ก็แค่สะอึกตอนได้ยินชื่อพี่เนมเท่านั้นเอง...
“เดี๋ยวกูมานะซี”เฮียวาพูดสั้นๆแล้วจูงมือผมเดินออกมาให้ห่างจากผู้คนเล็กน้อย เพลงที่เปิดค่อนข้างจะดังผมเลยมั่นใจว่าคนอื่นๆคงไม่ได้ยินเราคุยกันแน่ แล้วเฮียวาก็ยกข้อมือผมมาดู “โห...แดงแจ๋เลยว่ะ ไอ้เนมแม่งมือหนัก จะเบามือกับน้องกูสักนิดนี่ไม่ได้ เดี๋ยวนะมึง...ไอ้ห่าลาก”
เอ่อ...คือผมได้ยินที่เฮียพูดไง เฮียครับ ถ้าจะพูดดังแบบนี้ทำไมเฮียไม่ตะโกนใส่หน้าผมเลยล่ะ - -^
“แล้วยังไง...ไปยังไงมายังไงถึงมากับมันได้”ก็รู้อ่ะนะว่าเฮียวาไม่ค่อยชอบใจพี่เนม แถมไม่นานมานี้เขาก็เพิ่งจะฉะกันด้วยเรื่องของผม แต่ถึงอย่างนั้นเฮียก็ไม่ได้ว่าหรือขัดขวางพี่เนมไม่ให้ยุ่งกับผมมาก อย่างมากก็แค่ปราม เหมือนกับว่า...เฮียอยากให้เราจัดการปัญหากันเองมากกว่า
“ก็เขามารับที่บ้าน...”ผมตอบอุบอิบ ไม่รู้คำตอบผมมันไม่น่าเชื่อถือหรืออะไรเฮียวาเลยยิ่งขมวดคิ้วหนัก
“แล้วทำไมเพิ่งจะมาเอาตอนนี้ เนมมันออกจากโรงเรียนตั้งแต่เที่ยงแล้ว ชิ่งออกมาคนแรกเลยด้วยซ้ำ”
พอเจอคำถามนี้ผมก็เป็นอันสะอึก...พูดไม่ได้...ว่ามันควรจะถึงที่นี่นานแล้วถ้าไม่มี เอ่อ...กิจกรรมคั่นเวลามาแทรก “ก...ก็ไม่รู้สิ...ก็เพิ่งมาถึง”
“เอาเหอะ ความจริงเฮียก็ไม่ได้จะอะไรมากหรอกนะ”ลงท้ายเฮียก็ตัดบท เลิกสนใจเรื่องที่ถามไป ผมแอบผ่อนลมหายใจโล่งอกจนเห็นเฮียหรี่ตามอง แต่ไม่นานแววตาของเฮียก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนมากขึ้น มือเรียวยาวนุ่มๆยื่นมาลูบหัวผมเบาๆ “วีเองก็เถอะ...ทะเลาะกับไอ้เนมแบบนั้นบ่อยๆรึไง...ถ้ามันทำอะไรรุนแรงกับวีวีบอกเฮียนะ แล้วเฮียจะไปซัดมันให้”
มันทำไปแล้วครับ ทำไปหลายครั้งแล้วด้วย...ก็ได้แต่ตอบในใจ ผมหัวเราะแห้งๆ นึกภาพเฮียวาของผม ‘ซัด’ พี่เนมที่สูงกว่าร่วมสิบเซ็นต์ฯไม่ออก ไม่อยากถามออกไปให้โดนด่าว่าเฮียตัวแค่นี้จะเอาอะไรไปสู้เขา...
“ไม่มีอะไรหรอกเฮีย พี่เนมไม่ได้ทำอะไรวีหรอก”ก็อย่างว่า...เฮียผมน่ารักขนาดนี้ แล้วผมก็รักเฮียมากซะด้วย พี่เนมกับเฮียเป็นเพื่อนกัน ถ้ามีปัญหากันมันก็คงจะไม่ดี แล้วอีกอย่าง...ผมก็ไม่เห็นว่าเรื่องนี้มันจะเป็นปัญหาร้ายแรงอะไรเพราะผมก็ทนได้สบายอยู่แล้ว
ก็ผมมันโง่นี่หว่า...ผมโง่...ผมงี่เง่า...เพราะผมรักไอ้พี่เนมนั่น
สายตาของเฮียวายังดูเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “แน่นะ? ถ้ามันทำวีบอกเฮียได้จริงๆนะ เฮียจะไปเคลียร์กับมันให้ เฮียไม่อยากเห็นน้องของเฮียเสียใจ เข้าใจใช่ไหม?”
โห...รักเฮียว่ะ...รักเฮียที่สุดในโลกเลย “ครับ...วีไม่เป็นไรจริงๆ...เท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็รับได้”
พี่ชายของผมนิ่งไปเล็กน้อย มือที่ลูบผมอยู่ลดลงมาเป็นบีบไหล่ แล้วเฮียก็มองตาผมตรงๆ
“ขอเฮีย...ถามอะไรวีอีกสักอย่างสิ”
“ครับ?”นานปีมีหนที่คนติงต๊องแบบเฮียวาจะทำหน้าซีเรียส ผมเลยพลอยจริงจังไปด้วย แต่พอได้ยินคำถามของเฮียวาก็กลับเป็นผมเองที่แทบจะหายใจไม่ออก
“วี...รักไอ้เนมมันบ้างหรือเปล่า?”
กว่าจะกลับจากบ้านเฮียซีก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่มแล้ว เฮียวากลับกับพี่นิวพี่ไฟว์เพราะพี่ไฟว์เอารถมา วนไปส่งพี่นิวแล้วจะได้ส่งเฮียผมทีเดียวเลย ทีแรกผมก็กะจะทำเนียนหนีกลับไปกับเฮีย แต่พอเจอสายตาคนข้างๆเท่านั้นแหละ...เป็นอันก้าวขาไม่ออก หือก็หือไม่ได้ด้วย
ลงท้ายผมก็ซ้อนฮาร์เลย์ให้พี่เนมบิดกลับบ้านทั้งที่ความจริงเหมาไปกับพวกพี่นิวก็ได้ ผมล่ะเซ็ง...แต่ถึงกระนั้นอะไรบางอย่างที่ติดค้างในใจก็มีน้ำหนักมากกว่า
ผมนึกไปถึงบทสนทนาสำคัญที่ได้คุยกับเฮียวาในงาน
“วี...รักไอ้เนมมันบ้างหรือเปล่า?”
ผมสะอึกเอื๊อก ตาโต พูดไม่ออกบอกไม่ถูก “...ฮะ?”จะให้พูดเหรอ จะให้บอกรึไง อ๊ากกก ผมพูดไม่ได้หรอกนะว่าผมรู้สึกยังไง คือก็รู้อยู่ว่าตัวเองรู้สึกยังไงแต่มัน...ง่า...
“เอาเถอะ เฮียไม่ได้จะคาดคั้นอะไรขนาดนั้น”แอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดีนะที่เฮียไม่คาดคั้น เกิดคาดคั้นขึ้นมานี่ผมคง...เหอๆ “แต่เฮียแค่อยากบอกวีว่ามีอะไรก็คุยกันดีๆ ยังไงซะเนมมันก็ไม่ทำอะไรรุนแรงกับวีหรอก เฮียเชื่ออย่างนั้น”
ถ้าเชื่ออย่างนั้นจริงก็เลิกเชื่อได้เลยครับเฮีย เพราะไอ้พี่เนมมันทำวีไปเยอะแล้วล่ะ...แต่ก็ได้แค่คิดในใจตามเดิม...เซ็งเป็ด
“วี...ไอ้วีเอ๊ย”เฮียโยกหัวผมไปมาเบาๆแล้วยิ้มให้ “อันที่จริงได้ยินจากปากไอ้เนมจะดีกว่า เฮียเองก็เป็นแค่คนนอกคงพูดอะไรได้ไม่ชัดเจนนัก...แต่เฮียเชื่อนะว่าเนมเองก็รักแก...เฮียดูออก”
มาพูดแบบนั้นแล้วจะให้ผมตอบกลับว่าอะไรล่ะคร้าบ...บอกว่าผมเชื่อที่เฮียพูด ผมกล้าคิดเข้าข้างตัวเองว่าพี่เนมเองก็รักผมงั้นเหรอ...ไม่มีทางเสียล่ะ...
ก็ผมน่ะ...ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ารักคืออะไร...รู้สึกตัวอีกที...มันก็รักไปแล้ว
ผมเคยคิดด้วยซ้ำว่าถึงพี่เนมจะเกลียดผมก็ช่าง ถึงเขาจะทำร้ายผม ถึงผมจะเจ็บปวด ถึงผมจะเสียใจ แต่แค่พี่เนมไม่หันหลังให้ผมเหมือนที่ผ่านๆมาแค่นี้ผมก็มีความสุขอยู่ลึกๆแล้ว...ผมนี่ใจง่ายชิบๆเลยว่ะ ว่างั้นปะ?
แต่...ก็นะ คิดมากไปก็ปวดสมองเปล่า ดังนั้นเลิกคิด...
สายลมเย็นกรีดผ่านไปตามเนื้อตัว แล้วก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมถึงได้นึกใจกล้า กล้าเอื้อมมือขึ้นไปกอดเอวพี่เนมไว้หลวมๆแล้วซบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างเหมือนที่เคยทำในสมัยก่อน
หลังพี่เนมยังอุ่นเหมือนเดิมเลย..ผมดีใจที่เขาไม่ผลักไส...ดีใจที่เรายังเป็นเหมือนวันเก่าๆ
...แม้จะเป็นแค่ในตอนนี้ก็ตาม
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เกือบหวานแล้วค่ะ อีกนี๊สสสสสสสสสสส แต่ก็ถือว่าซอฟต์(??)ที่สุดตั้งแต่อีตาเนมออกมาโลดแล่นแล้วล่ะเนอะ 5555 ไม่ได้มาอัพซะนานเหมือนกัน กลัวโดนไล่ฆ่านะคะเนี่ย มีจดหมายขู่อาฆาตแปะเต็มหน้าบ้าน กร๊ากกกกกก
โนว์จะไม่อยู่รวดถึงอาทิตย์หน้าเลย มอเรียกทำกิจกรรมอ่ะ ถ้าไม่มาอัพก็กลัวยืดยาด ลากนานเกินไป เลยขอฉกคอมคุณพี่วิ่งมาแปะให้ก่อน เอิ่ม...ไม่โกรธกันน้าโอ๋ๆ = =
หนูวา เหมือนจะหมั่นไส้เนม แต่สุดท้ายก็ช่วยพูดให้วี สรุปเชียร์เหมือนกันสินะ? 555
เวลาน้อยนิดจริง ไปก่อนนะคะ รักทุกคนมากมายยยยยยย ขอบคุณจริงๆที่ทนความเอาแต่ใจของสโนว์ ฮ่าๆๆ
ความคิดเห็น