ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Crescendo ดนตรีรัก จังหวะร้าย (YaOi)

    ลำดับตอนที่ #46 : Special Da Capo : Jingle all the way! (กานต์-ตะวันนนน)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.1K
      2
      26 ธ.ค. 53

     Special Da Capo : Jingle all the way!

     

                (Special Part : กานต์)

                คุณเคยเชื่อในลางสังหรณ์ของตัวเองบ้างรึเปล่าครับ?

                ผมน่ะนะ เป็นคนที่ค่อนข้างจะมีเซ้นส์ มีในระดับที่ว่าไอ้อั๋นเพื่อนซี้ผมมันยังเคยบอกเลยว่าผมลางสังหรณ์แม่นจนน่าใจหาย โดยเฉพาะเรื่องไม่เป็นเรื่องและเรื่องที่คนอื่นไม่ได้อยากให้รู้(อันนี้มันกะจะด่าอ้อมๆสินะว่าเซ้นส์ผมมันดีเฉพาะเวลาที่เสือกเรื่องชาวบ้าน 555+) นั่นแหละครับ ตอนสมัยก่อนที่ไอ้อั๋นมันเริ่มชอบกล้าขึ้นมานิดๆ ผมก็เป็นคนแรกที่รู้สึก ไม่ใช่เพราะมันเป็นเพื่อนสนิทของผมนะ แต่มันแบบ...อืม...เวลามองหน้าไอ้กล้าแล้วผมรู้สึกขึ้นมาล่ะมั้ง ว่าสักวันมันจะเป็นคนที่อยู่ใกล้อั๋นที่สุด ใกล้มากกว่าผมที่เป็นเพื่อนสนิทของมัน

                มันก็เป็นอะไรประมาณนี้ล่ะครับ ซิกเซ้นส์ของผม ว่าแต่สงสัยกันมั้ยว่าทำไมผมถึงยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด?

                เหอๆ ก็มันแบบว่า...ช่วงนี้...ตัวเล็กของผมเริ่มจะทำตัวแปลกๆน่ะสิครับ

                เป็นต้นว่า...

                ตัวเล็กครับ วันอาทิตย์นี้ไปห้างกันไหม?ผมเอ่ยปากชวน ส่วนหนึ่งก็เพราะอยากอยู่กับน้องเขาสองต่อสองอ่ะแหละ(อย่ามองผมแบบนั้น แฟนกันมันผิดตรงไหน!) แต่อีกส่วนเป็นเพราะใกล้คริสต์มาสแล้ว ผมต้องไปซื้อของขวัญให้ยัยแก้วน้องสาวผม ไม่ซื้อให้เดี๋ยวมันจะมาบ่นเอา

                ตัวเล็กเงยหน้า ผมมาหาเขาที่ห้องเรียนตอนพักเบรกเช้าครับ ตอนกลางวันเดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยได้ไปด้วยกันแล้วตั้งแต่ที่ตัวเล็กเริ่มสนิทกับกลุ่มเพื่อนที่เคยเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที(งงมั้ยเนี่ย เขาเล่าให้ฟังน่ะ) ซึ่งก็บังเอิญเหลือเกินที่เป็นกลุ่มเดียวกับยัยแก้วน้องสาวผม ทีแรกเขาก็ปฏิเสธที่เพื่อนชวนไปทานข้าวด้วยกัน แต่พอผมถามแล้วเขาบอกว่าเพราะเคยสัญญาว่าจะไปกับผม ผมเลยไม่รู้จะพูดยังไง แต่ก็บอกเขาไปว่าให้ไปกับเพื่อนบ้างก็ได้เพราะอยู่กับเพื่อนชั้นเดียวกันมันน่าจะดีกว่า มีเพื่อนที่สนิทกันมากๆเอาไว้มีอะไรจะได้คอยช่วยเหลือกัน

                สรุปแล้วเราก็เลยแยกกันตอนเที่ยง ผมก็ไปกับกลุ่มผม ตัวเล็กเขาก็ไปกับเพื่อน แต่เราก็ได้เจอกันบนห้องวงโยฯอยู่ดีเพราะหนึ่งในเพื่อนตัวเล็กก็มีไอ้ต้นไผ่น้องไอ้กล้าอยู่ด้วย สองคนนั้นเขาสนิทกันแถมเล่นฮอร์นเหมือนกันทั้งคู่(ผมมานึกกี่ทีก็ยังเซ็งไม่หาย ทำไมตัวเล็กไม่เป่าทรัมเป็ตเหมือนผมนะ)

                อาทิตย์นี้เหรอ...ตัวเล็กขมวดคิ้วนิดๆราวกับมีอะไรสักอย่างติดขัด

                อ้าว ไม่ว่างเหรอครับ?ผมอดจะเสียดายไม่ได้ ช่วงนี้ที่วงตอนเย็นซ้อมหนักกว่าปกติมากเพราะช่วงต้นถึงกลางเดือนมกราจะเป็นช่วงที่มีงานแข่งดิสเพลย์แอนด์มาร์ชชิ่ง โรงเรียนผมเข้าประกวดเกือบทุกปี การซ้อมนี่ยิ่งกว่าโหด เลิกทีวันนึงสามสี่ทุ่มแถมบางสัปดาห์ยังไม่ได้กลับบ้าน นี่เห็นว่าใกล้คริสต์มาสมาสเซอร์ที่ดูแลเลยบอกให้กลับบ้านกันได้ เป็นโอกาสดีไม่กี่ครั้งแท้ๆ...

                ก็...เอ่อ...ตัวเล็กยังอึกอักไม่ยอมเลิก ...ขอโทษนะครับ

                ผมเผลอถอนหายใจ แต่พอรู้สึกตัวและเห็นดวงตาเศร้าๆที่เต็มไปด้วยแววแห่งความรู้สึกผิดจ้องตอบมา ผมก็รีบเปลี่ยนท่าทีเป็นยิ้มแย้ม

                ไม่เป็นไรๆ พี่แค่อยากชวนไปซื้อของด้วยกันเฉยๆ เดี๋ยวพี่ไปกับไอ้อั๋นมันก็ได้ผมรีบบอกปัด นึกในใจว่ามันจะไปด้วยหรือเปล่ายังไม่รู้เลย แต่ก็น่าจะตอบตกลง เพราะเดี๋ยวมันก็คงไปหาซื้อของให้ไอ้กล้าเหมือนกันแหละ แม่งชอบทำปากแข็งแต่ก็ทำอะไรน่ารักๆให้กล้ามันซึ้งได้ประจำ ฮ่าๆ

                ผมก็อยากไปกับพี่กานต์นะ แต่...

                โอเคครับ พี่เข้าใจผมรีบตัดบท ยื่นมือไปลูบศีรษะมนนั้นเบาๆแล้วยิ้ม งั้นไว้วันไหนว่างๆตอนหยุดปีใหม่เราค่อยไปเที่ยวด้วยกันนะ

                ผมใจชื้นขึ้นนิดหน่อยที่เห็นดวงหน้าขาวนั้นมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นอีกครั้ง ผมขอตัวกลับห้องเพราะต้องไปทำงานต่อ(นี่โดดประชุมงานกลุ่มมา กลับไปคงโดนไอ้พีทด่าจนปวดหู เสียงมันเล็กๆง้องแง้งๆ ฟังแล้วเหมือนแมวบ่น 555+) ขาเดินออกผมสวนกับเด็กม.ต้นอีกคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาดี...ออฟเพื่อนในกลุ่มคนเดียวที่อยู่ห้องเดียวกับตัวเล็ก...ผมจำหมอนี่ได้ ที่ตัวเล็กได้มาอยู่กับกลุ่มน้องสาวผมก็เพราะออฟนี่แหละ เขายิ้มให้ผมนิดๆเป็นเชิงทักทาย ผมยิ้มตอบและกำลังจะเดินออกไป ซึ่งก็บังเอิญที่หูไปสะดุดกับคำพูดบางอย่างของออฟเข้า

                ตะวัน เราไปเคลียร์กับลิ้งค์มันเสร็จแล้ว ตกลงจะไปด้วยกันอาทิตย์นี้ใช่ไหม

                ผมเผลอชะงักฝีเท้าไปแวบหนึ่ง ในใจนึกอยากหยุดเดินแล้วรอฟัง แต่พอมองเข้าไปในกระจกหน้าประตู(ห้องเรียนเป็นห้องติดแอร์ ที่ประตูเลยมีช่องกระจกให้มองเข้ามาด้านใน)แล้วเห็นหน้าของตัวเล็กมองมาที่ผมตื่นๆ ผมก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเดินต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

                ข้างนอกกับข้างในทำไมมันขัดกันสุดๆแบบนี้ ข้างนอกผมเดินเรื่อยเปื่อย แต่ข้างในนี่แทบจะวิ่งกลับไปถาม และก็คงทำไปแล้วถ้าไม่ติดว่ามันแลดูเสียหน้าสิ้นดี

                อะไร อะไร อะไร

                วันอาทิตย์? ใช่อาทิตย์เดียวกับที่ผมชวนรึเปล่า?

                แปลว่าที่ตัวเล็กไม่ยอมไปกับผมก็เพราะจะไปกับไอ้หอก...เอ๊ย ไปกับออฟงั้นเหรอ?

                กานต์! มึงชิ่งไปไหนมาไม่ทราบ! กูขี้เกียจมาอธิบายงานอีกรอบนะ!”นั่นไง พอกลับมาถึงห้องเสียงทลายโสตประสาทของไอ้พีทก็ทำงานทันที ผมโคลงศีรษะไล่เสียงชวนปวดหูนั่น ก่อนตอบปัดๆ

                เออน่า

                ไอ้พีทตัวกระจ้อยทำหน้างง เออน่า? นั่นใช่คำตอบเหรอวะ? โอ๊ยสัด!”

                ผมนึกขอบคุณที่ไอ้เป้มันตบหัวพีทได้ถูกเวลาเป็นครั้งแรก ปกติหัวพีทจะเปรียบเสมือนอะไรสักอย่างที่เอาไว้ให้เพื่อนๆรุมประชาทัณฑ์แก้เครียด ไอ้สองตัว เมฆกับเป้มักเกาะติดอยู่ข้างๆพีทและตบกบาลมันเล่นในเวลาที่รู้สึกเซ็งเสมอ เมฆน่ะพอว่าเพราะมันจะตบเล่นเฉพาะเวลาที่พีทมันปัญญาอ่อนเกินรับ แต่ไอ้เป้นี่เข้าข่ายโรคจิต ไม่มีสาเหตุก็ตบได้ยันเต ผมเลยมักจะต้องฟังเสียงง้องๆแง้งๆของไอ้พีทเวลาด่าเป้ประจำ

                กานต์ เป็นไรวะ ทำหน้ามู่ทู่เป็นปลาทูคอหักไปได้ผมเลิกคิ้วกับคำทักกวนๆจากไอ้เป้ที่ปากถามผมแต่มือง่วนอยู่กับการล็อคมือไอ้พีทที่พยายามจะตบกบาลมันกลับ(แต่ก็ยากเหลือเกินเพราะพระเจ้าประทานส่วนสูงมาให้ไม่เท่ากัน) โดยที่ไอ้เมฆที่นั่งเฉยๆดูเพื่อนมันตีกันก็กำลังมองมาที่ผมเป็นเชิงถามเช่นเดียวกัน

                ก็...ผมลากเสียงทิ้งค้างไว้แค่นี้ ก่อนส่ายหัวอย่างคิดไม่ออก ...ไม่รู้ว่ะ...

                อาการแบบนี้ กำลังสงสัยว่าแฟนมีกิ๊กล่ะสิไอ้เมฆจี้ใจดำจนผมอยากเข้าไปร่วมสมาคมคนชอบตบกบาลกับพวกมันอย่างบอกไม่ถูก แต่ขอเป็นตบกบาลไอ้เมฆนะ เหอะ!

                หา อะไร น้องตะวันหักอกมึงซะแล้วเหรอ!”พีทที่แม่งไม่เคยจะรู้เวลาส่งเสียงถามดังลั่นทั้งที่หน้าผากมันยังถูกฝ่ามือใหญ่เป้งๆของไอ้เป้ยันเอาไว้ ผมกุมขมับ ไอ้ห่านี่จะเบาจะอะไรสักนิดนี่ไม่มี มันตั้งใจจะประกาศให้รู้กันทั้งห้องเลยใช่มั้ย?

                และก็เป็นอย่างที่ผมกลัว ทันทีที่ไอ้พีทพูดจบ เสียงแอคโค่ก็เซอราวน์มาแบบรอบทิศทาง

                เฮ้ยๆๆ ไอ้กานต์โดนแฟนทิ้งเว้ยยยยยย!”

                ฮิ้ววววว น้องม.3 คนนั้นใจกล้าดีว่ะ!”

                ขอกูเสียบแทนได้ป่าววววว!”

                และอีกสารพัดสารเพในแบบที่สาธยายไม่หมด...ผมหันไปยกยิ้มมุมปากให้ไอ้พีทบางๆ...อะไร มีแต่คนชมว่าผมหน้าตาดี เวลายิ้มแล้วดูดี มันจะสะดุ้งไปทำไมล่ะ...หึๆ...

                ผัวะ!!! อ๊ากกกกกกก!!!”

                กูไม่ได้ระแวงน้องเขาหรอก แต่มันทะแม่งๆผมหันไปแก้ความเข้าใจผิดกับเมฆและเป้ ไม่สนใจไอ้เชี่ยพีทที่กำลังแหกปากร้องและลูบหัวตรงที่ผมตบลงไปแบบเต็มแรงป้อยๆ

                แล้วนี่มันต่างจากระแวงตรงไหนวะไอ้เป้ถามกลับงงๆ ลากพีทที่แหกปากโวยไม่เลิกให้เข้ามาใกล้แล้วรวบเอวมันมานั่งบนตัก(พูดซะดูดี แต่ความจริงก็คือเป้มันกระชากไอ้พีทเข้ามา เตะเข้าที่หลังข้อพับให้มันล้มลงบนตักตัวเองแล้วลากเข้าหาตัว มือหนึ่งล็อคเอวอีกมือปิดปากให้เงียบ)

                ผมเหลือบมองไอ้เตี้ยปากเสียที่เพิ่งถูกริดรอนอิสรภาพทั้งคำพูดและการกระทำด้วยแววตาสมน้ำหน้าอย่างเปิดเผย ไอ้พีทเลยพยายามถลึงตาโตๆของมันใส่ผมอย่างอาฆาต เสียงอู้อี้ๆดังลอดออกมาจากมือไอ้เป้ตลอดจนมันต้องล็อคแน่นกว่าเดิม ผมมองเมฆ เห็นมันถอนใจแบบเซ็งๆพอกัน

                ผมเล่าเรื่องที่ห้องเรียนของตัวเล็กให้เพื่อนทั้งสอง(และอีกหนึ่งที่ไม่ค่อยเต็มใจเล่าให้)ฟังแบบคร่าวๆ ไอ้พีทเลิกดิ้นแล้วและนั่งอย่างสงบเสงี่ยมอยู่บนเบาะพิเศษของมัน ในขณะที่ไอ้คุณเบาะกิตติมศักดิ์ก็ดูครุ่นคิดไม่ต่างกัน

                เออว่ะ เรื่องมันดูแปลกๆ มีกลิ่นทะแม่งๆจริงๆด้วยเป้วิเคราะห์ และก็ไม่วายมีคลื่นแทรก

                มึงเป็นหมาเหรอเป้ถึงได้กลิ่น...อุ๊บ

    ผมส่ายหน้า หลังจากได้รับอิสรภาพไม่เท่าไหร่ ปากเสียๆของไอ้พีทก็ทำเสียเรื่องทุกทีสิน่า...เอาเหอะ...สม...

                กูไม่ได้คิดว่าตัวเล็กกับเพื่อนจะ...อืม...นั่นแหละ แต่ที่กูไม่เข้าใจก็คือทำไมเขาถึงไม่บอกตรงๆว่าจะไปกับมันผมบอกไปตามที่คิด และไอ้เมฆก็แสยะยิ้มทันทีเหมือนมันผิดสังเกตบางอย่าง

                มีไม่บ่อยนะเนี่ยที่มึงจะหลุดจิกหัวเรียกใครว่า มันเห็นทุกทีก็เอาแต่ปั้นหน้าสุภาพยิ้มตอแหล

                ผมทำหน้าบอกบุญไม่รับ กูเป็นคนยังไงในสายตาพวกมึงเนี่ย...

                โฉดหน้าตาย เหี้ยหลบในและความพยายามของไอ้พีทก็สำเร็จ มันแกะมือเป้ออกจนได้และพ่นคำนิยามอันแสนหยาบคายใส่หน้าผมเต็มๆ ปกติเป้คงปิดปากมัน แต่ท่าทางคำนี้จะถูกใจ ไอ้เตี้ยเลยได้รอยยิ้มหล่อๆ(แต่ผมว่ามันกวนตีนมากกว่า)ของไอ้เป้ไปเป็นของขวัญรับคริสต์มาส

                แจ่ม นานๆทีจะเห็นมึงฉลาดนะเนี่ยพีท

                เหี้ย! มึงหาว่ากู...อู้ๆ อื้อๆ อื้ออออออ

                ผมมองไอ้สองตัวที่เล่นบ้ากันไม่เลิกด้วยความไม่สบอารมณ์นิดๆ คือใจคอจะด่ากันว่างั้น?

                อย่าไปสนพวกมัน...เอางี้ วันอาทิตย์มึงก็ลองตามไปดูสิเมฆละสายตาจากสองสหายวายป่วงของมันมามองหน้าผม ก่อนเสนอทางเลือกที่ฟังดูเข้าท่าให้

                ผมรู้สึกเหมือนเห็นทางสว่าง แต่ลึกๆในใจก็ยังตงิดๆนิดหน่อย ไม่ได้ลังเลที่จะตามไปหรอก แต่ว่า...ทำแบบนี้ก็เหมือนผมไม่ไว้ใจตัวเล็กเลยน่ะสิ ไม่ค่อยชอบใจเลยแฮะ

                รึมึงจะปล่อยไปแล้วรอให้อะไรมันเกิดขึ้นก่อน?ไอ้เมฆจี้อีกดอก ผมเลยเงยหน้ามองมัน แล้วตอบชัดถ้อยชัดคำ

                ไม่มีทาง!”

     

     

     

                จะมาก็มาเองสิวะ ทำไมต้องลากกูมาด้วยเนี่ย!!?

                ผมหัวเราะเบาๆขณะขยับขาหลบตีนของอั๋นที่ทำท่าจะกระทืบลงมาได้ทุกเมื่อ แหม...ทำเป็นเข้มนะมึง รู้หรอกว่ามีธุระจำเป็นต้องมาเหมือนกัน ทำเป็นไม่อยากมาไปได้

                มึงก็ต้องซื้อของขวัญให้ไอ้กล้านี่ มาด้วยกันนี่แหละดีแล้ว

                อั๋นทำหน้าฮึดฮัด กูไม่ได้ตั้งใจจะซื้อนะ!”

                ผมทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดนั้น ไอ้ห่านี่ปากไม่เคยจะตรงกับใจ ทำโวยวายแต่สุดท้ายมันก็หันไปหยิบแผ่นซีดีที่วันก่อนเห็นกล้ามันบ่นหงุงหงิงว่าอยากได้มาถือเอาไว้เตรียมเอาไปจ่ายเงิน ผมเหล่มองซีดีในมือมัน และพออั๋นมันสังเกตเห็น มันก็แยกเขี้ยวขวับ

                มองห่าอะไร! ไปดูของขวัญของมึงนู่นไป!”

                ถามมาได้ ไอ้บ้า ก็มองคนเขินรุนแรงน่ะสิ ทำซึนไม่เข้าเรื่องนะมึง...หึๆ

                ผมเลือกตุ๊กตาให้น้องสาวอย่างอารมณ์ดี ยัยแก้วชอบอะไรไม่ค่อยสมอายุเท่าไหร่ ปีนี้มันอายุสิบห้าแล้วแต่ยังชอบจนถึงขั้นบ้าคลั่งตุ๊กตาพิคาจูโดยไม่ทราบสาเหตุ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าไอ้สิ่งมีชีวิตไม่ระบุเผ่าพันธุ์ที่ไม่แน่ว่ามีสปีชี่ส์เป็นหนูหรือตัวอะไรสีเหลืองอ๋อยแบบนั้นมันมีอะไรดีจนน่าหลงใหล ขาวแบบตัวเล็ก น่ารักแบบตัวเล็กรึก็เปล่า...

                ลงท้ายผมก็หยิบได้พิคาจูตัวขนาดกำลังเหมาะมือ นุ่มนิ่มกอดสบายสีเหลืองอ๋อยแถมถือพ็อกเก็ตบอลไว้ในมือยังกะเตรียมจะเข้าไปอยู่ในนั้น(ฮ่าๆ เคยเล่นสมัยเด็กน่ะ จับๆเลี้ยงๆโปเกมอน) ไอ้อั๋นทำหน้าบอกบุญไม่รับนิดหน่อยตอนที่เห็นผมถือตุ๊กตาหน้าประหลาดแบบนั้นมาจ่ายเงิน ให้เดานะ หน้าอย่างมันคงไม่ค่อย(หรือแทบจะไม่เคย)เล่นเกมแน่

                ตัวห่าอะไรวะนั่น?

                ผมหัวเราะตอบ มึงนี่เชยชะมัด ก็พิคาจูไง

                อั๋นขมวดคิ้ว สงสัยมันคงกำลังคิดอยู่ว่าพิคาจูคือสัตว์ในคิงดอมไหน สปีชี่ส์ไหน แต่ผมว่าต่อให้มันคิดให้หัวระเบิดตายมันก็คิดไม่ออกหรอก ขนาดผมเองยังตอบไม่ถูกเลย 555+

                แล้วมึงแน่ใจได้ไงว่าตะวันมาที่นี่อั๋นถามผมขณะจ่ายเงิน ผมเลยยิ้มเรื่อยๆตอบ

                น้องสาวมีไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ หึๆ

                อั๋นหันหน้าไปพูดอะไรสักอย่างคนเดียว ได้ยินไม่ชัดนัก แต่แว่วๆว่าคล้ายจะเป็น ไอ้ตัวหาผลประโยชน์หรือไม่ก็อะไรเทือกๆนั้น

                เราออกจากร้าน B2S ที่มาซื้อซีดีให้ไอ้กล้าและพิคาจูของน้องสาวผม ซึ่งพอเดินออกมาก็เหมือนรู้ทัน มือถือผมแหกปากร้องอยู่ในกระเป๋ากางเกง พอยกขึ้นมาดู จอก็ขึ้นเป็นชื่อไอ้เป้

                [ เฮ้ยกานต์ แม็คชั้นล่างเว้ย! ]

                “ตอนนี้?ผมขมวดคิ้ว และพอมองนาฬิกาเห็นเวลาสิบเอ็ดโมงเกือบเที่ยง ผมก็พยักหน้ากับตัวเอง โอเค เดี๋ยวกูลงไปหา พวกมึงก็ระวังอย่าให้น้องเขาเห็นนะ

                [ มึงคิดว่ามึงกำลังพูดอยู่กับครายยยยย ท่านเป้เชียวนะเว้ย ท่านเป้น่ะ! ]

                ผมกดตัดสาย ขี้เกียจฟังมันสาธยายสรรพคุณตัวเอง(แบบตอแหลเอาดีเข้าตัวอย่างเห็นได้ชัด) อั๋นมองหน้าผมเป็นเชิงถาม ผมจึงบอกสถานที่มันไป เห็นอั๋นขี้บ่นแบบนี้แต่พอเป็นเรื่องของเพื่อนมันก็ช่วยนะ ไม่เห็นว่าไงซักคำตอนจ้ำพรวดๆไปที่บันไดเลื่อน

                ไหนว่าไม่อยากมา?ผมลองแหย่ขำๆ และมันก็หันกลับมาถลึงตาใส่

                ถ้าชักช้ายืดยาดแบบมึงแล้วมานั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าทีหลัง กูจะสมน้ำหน้าให้!”

                ถึงกับเกาหัวแบบพูดไม่ออกเลยทีเดียว เอ่อ...อั๋น...แรงเหมือนกันนะเนี่ย...ผมน่าจะรู้สิว่าไอ้เพื่อนผมคนนี้แม่งดุเทียบเคียงร็อตไวเลอร์แบบที่ไม่น่าไปแหย่อะไรด้วยสุดๆ

                ผมกับอั๋นลงไปที่ร้านแม็คโดนัลด์ที่ชั้นหนึ่ง ร้านที่สาขาห้างนี้ค่อนข้างกว้างพอสมควร แต่ผมก็หาพื้นที่ที่ตัวเล็กอยู่เจอแบบง่ายสุดๆเพราะมีไอ้สามหน่อกระจุกกันอยู่ข้างกระถางต้นไม้ใบเบ้อเริ่ม

                ไอ้กานต์!”ห่าพีทตะโกนไม่ดูสถานการณ์ และก็ถูกไอ้เป้ไอ้เมฆพร้อมใจกันอุดปากมันแทบจะเวลาเดียวกัน อั๋นขมวดคิ้วอีกรอบแล้วหันมามองหน้าผม ก่อนถามในสิ่งที่ผมเองก็ตอบมันไม่ได้

                มึงเอาไอ้ห่านั่นมาให้เสียเรื่องทำไม?

                เอ่อ...ไม่รู้จะตอบยังไงดีเพราะผมเองก็ไม่ได้บอกว่าห้ามใครมาหรือให้ใครมา แต่ผมคิดว่าพอเป้กับเมฆมาไอ้ตัวกระจ้อยพีทเลยต้องตามมาด้วยแบบช่วยไม่ได้มากกว่า

                เราเข้าไปรวมกับพวกไอ้เป้ ตอนนี้กระถางต้นไม้เลยชักจะไม่พอหลบ ด้านข้างนี้เป็นตรอกไปห้องน้ำพอดี เมฆที่ค่อนข้างฉลาดรู้งานเลยเดินนำเข้าไปหลบ

                จากสถานการณ์ในตอนนี้มันกระแอมจนคล้ายกำลังจะรายงานข่าวความคืบหน้าวิกฤติสถานการณ์บ้านเมือง ดูแล้วน่าหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก น้องตะวันแฟนมึงมาถึงเมื่อประมาณสิบนาทีที่แล้ว...พร้อมไอ้เด็กม.3 ที่ชื่อออฟอะไรนั่น ดูเหมือนว่าจะมีเพื่อนตามมาสมทบทีหลังอีกคนสองคนแต่ตอนนี้ยังไม่มา สรุปก็คือ...

                ยืดยาดว่ะ ก็บอกๆไปสิว่าน้องตะวันอยู่กับไอ้หมอนั่นแบบสองต่อสองอยู่!”พีทแทรกอย่างตรงไปตรงมา ผมหันขวับไปมองหน้ามัน ไม่รู้ผมทำหน้าแบบไหนออกไป แต่ไอ้ปากเสียแบบพีทก็ถึงกับหดคอทันที ...เฮ้ย...อย่ามองกูแบบนั้น...กูก็แค่พูดตามที่เห็นอ่ะ...

                อะไรวะ ผมมองมันน่ากลัวขนาดนั้นเลยรึไง ก็แค่มอง...เอ๊ะ รึว่าผมกำลังหงุดหงิดอยู่มันเลยออกทางสีหน้านะ

                ...เอาเถอะผมตัดบทเหมือนไม่อยากมากความ พวกมึงรอตรงนี้ก่อนละกัน ขอไปดูด้วยตาของตัวเองก่อน

                ผมเดินออกมาจากซอยนั้นแล้วไปที่กระถางใหญ่ๆที่พวกไอ้เป้เคยยืนหลบอยู่ จากมุมนี้มันเป็นช่องว่างจากร่องกิ่งไม้ตกแต่งร้านพอดี ซึ่งมองไปก็เห็นโต๊ะที่ตัวเล็กนั่งอยู่ชัด ตัวเล็กนั่งหันหน้ามาทางนี้ สีหน้าดูสบายๆจนเรียกได้เต็มปากว่าร่าเริง ออฟเพื่อนตัวเล็กนั่งอีกมุมข้างๆเลยเห็นหน้าได้ไม่ชัดเท่าแต่ก็ยังสังเกตได้ว่าดูมีความสุขดี อืม...ถ้ามองแบบไม่มีอคติ ผมว่าดูผ่านๆสองคนนี้ก็เหมือนแฟนกันดี...แต่เผอิญว่าผมอคติ ดังนั้นข้อนี้จึงตกไป

                ยังไงดีล่ะ ตัวเล็กปฏิเสธไม่ยอมมาซื้อของกับผมแต่มากับออฟแทน แถมพอถามก็ยังอึกอักไม่ยอมบอกด้วยว่าไปไหนกับใคร นี่ถ้าไม่บังเอิญว่าผมได้ยินที่ไอ้ออฟนั่นพูดและไปถามยัยแก้วมา ผมก็คงไม่รู้เลยสินะว่าตัวเล็กไปไหน?

                ผมเลิกนอยก่อนชั่วคราวเมื่อเห็นตัวเล็กลุกขึ้นเดินออกจากร้าน ผมสะดุ้งมองซ้ายมองขวา ชิบห่าแล้ววววว!!! อย่าบอกนะว่าตัวเล็กจะเข้าห้องน้ำ ไอ้พวกนั้นซุ่มกันอยู่ตรงนั้นเพียบเลย ตั้งสี่คนซ่อนยังไงก็คงไม่มิดแน่ แถมทางไปห้องน้ำก็ต้องผ่านตรงนี้ ผมจะยืนยังไงไม่ให้ตัวเล็กเห็นล่ะเนี่ยยยยยยยย!!

                ระหว่างที่กำลังเลิ่กลั่ก สายตาผมก็ไปสะดุดเข้าที่ตุ๊กตาหน้าร้านแม็คพอดี ตัวตลกมาสค็อตของแม็คโดนัลด์ที่หัวแดงๆชุดเหลืองๆนั่นล่ะครับ เจ้าของร้านเอาหมวกกับหนวดซานต้ามาติดไว้ให้ ผมเลยตัดสินใจดึงทั้งหมดนั่นมาใส่แล้วคว้าเอาต้นคริสต์มาสใกล้ๆมาอุ้มไว้ข้างๆไอ้ตัวหน้าร้านนั่น

                ท่ามกลางความอับอายทะลุขีด ตัวเล็กเดินผ่านผมไปเหมือนไม่ทันสังเกตเห็น ผมรอจนร่างเล็กๆนั่นเดินเข้าไปตรงทางเดินไปห้องน้ำ ก่อนทิ้งกระถาง ถอดหมวกถอดหนวด และก็แทบจะวิ่งหนีออกจากตรงนั้นเพราะสายตาคนรอบข้างที่มองมาแบบขำขัน

                ผมโกยอ้าวออกห่างจากร้าน ตรงข้ามร้านแม็คจะเป็นลานร้านคอฟฟี่ช็อป พวกไอ้เป้มาซุ่มกันอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และพอเห็นหน้าผม ไอ้เตี้ยพีทก็เป็นคนแรกที่ระเบิดเสียงหัวเราะใส่ ตามด้วยไอ้เป้ที่เสียงดังพอๆกัน สุดท้ายเป็นเมฆกับอั๋นที่ขนาดอั๋นที่ทำหน้าไม่ค่อยรู้สึกรู้สาอะไรยังแสยะยิ้มมุมปากใส่ผมคล้ายสะใจสุดขีด

                เหี้ย ทำไปได้ไอ้พีทปาดน้ำตาที่ไหลพรากๆออก มันหัวเราะจนหน้าขาวๆแดงก่ำไปหมด ผมกลอกตาไปมา ผมไม่ใช่คนชอบใช้ความรุนแรงกับเพื่อนฝูงนะ แต่ขอทีเหอะว่ะงานนี้ หมั่นไส้!

                โป๊กกกก!!! โอ๊ยยยยยยย!!”

                ห้ามๆ ไอ้กานต์ บอกแล้วไง หัวไอ้พีทมีกูตบได้คนเดียวไอ้เป้ผลักแขนผมออก ขยี้หัวไอ้พีท(ตรงที่ผมตบลงไป)แรงๆจนมันแหกปากร้องหนักกว่าเก่า

                ควาย กูด้วยไง มึงอย่ามาไอ้เมฆประท้วงขอความเป็นธรรม เอ่อ...สรุปพวกมึงจะเล่น 3P กันหรืออะไรไม่ทราบวะ?

                ไร้สาระ...อั๋นบ่นเหมือนปวดหัวที่ต้องมาอยู่ท่ามกลางไอ้สามบ้าห้องศิลป์ฝรั่งเศส แต่พอมันสบตากับผม ดวงตาดุๆของมันก็เปล่งประกายเหมือนกำลังกลั้นหัวเราะ แล้วมันก็หันหน้าไปยิ้มให้กับต้นไม้อย่างไม่มีสาเหตุ

                ไอ้นี่ก็อีกคน ขนาดอั๋นยังเป็นไปกะพวกมันด้วย - -

                ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างเมฆ หงุดหงิดอย่างที่ไม่ค่อยมีโอกาสจะได้เป็นนัก พวกมันสั่งเครื่องดื่มมาคนละแก้วและมีไอ้พีทที่สั่งเค้กมากินด้วย ผมเลยยกมือเรียกพนักงานมาสั่งกาแฟแก้เครียดบ้าง

                ทำไม น้องเขาดูมีความสุขกว่าเวลาอยู่กับมึงเหรอไอ้เมฆหัวเราะหึๆถามเหมือนแหย่มากกว่าจะคิดแบบนั้นจริง ผมเลยได้แต่หันไปมองมันเซ็งๆ

                กูไม่คิดแบบนั้นหรอก...แต่ตอนนี้เขาก็ดูมีความสุขว่ะผมถอนหายใจ ไม่ชอบความรู้สึกปวดหนึบๆแบบหาสาเหตุไม่ได้นี่เลย ยังไงกูก็ยังติดใจเรื่องที่เขาไม่ยอมบอกกูอยู่ดี...

                อย่าเฮิร์ทน่ากานต์ กูแบ่งเค้กให้เอาไหม?พีทสะกิดยิกๆ เลื่อนจานเค้กที่เหลือแค่คำเดียวให้ อ่ะนี่ไง คำสุดท้าย กูรักมึงขนาดนี้เลยนะเนี่ย ฮ่าๆๆ โอ๊ยเหี้ย!!”

                มันอุทานอย่างหยาบคายไร้สกุลที่สุดในโลกเมื่อไอ้เป้โบกกบาลมันอย่างรักใคร่แล้วหัวเราะซ้ำสอง ก่อนที่มันจะยัดเค้กคำสุดท้ายเข้าปากตัวเองโดยมีผมนั่งมองตาปริบๆ...

                ผมยิ้มเนือยๆ อย่างน้อยถึงจะปากเสีย ปากหมาไม่ดูกาลเทศะไปบ้างแต่เวลาเพื่อนเฮิร์ทไอ้พีทมันก็ดีด้วยนะครับ...หรือพูดให้ถูกก็คือมันเป็นคนที่ดูแล้วชวนให้รู้สึกว่าน่ารัก...ถ้ามันไม่อ้าปากพูดน่ะนะ

                มึงก็เข้าไปถามเขาให้รู้เรื่องเลยสิอั๋นเสนอผ่าขึ้นมากลางวง ซดกาแฟของมันอย่างสบายใจ อยากรู้อะไรก็พูดไปตรงๆ มึงเป็นแฟนเขา เขาไม่โกหกมึงหรอก

                ผมยิ้มเครียดๆ แต่ก็ไม่วายแซว นั่นใช่คติของมึงที่เอาไว้ใช้กับไอ้กล้ารึเปล่า

                สัด!!”คำตอบชัดเจนพร้อมออฟชั่นเสริมเป็นหน้ามันที่แม้ไม่ขาวแบบพีท แต่ก็เห็นอยู่ดีว่ามันแดงเรื่อขึ้นมาหน่อยๆ...หึๆ...โอเค กูไม่ถามต่อก็ได้ครับ ไอ้เพื่อนรัก

                แต่จะยังไงก็ตาม...ไอ้พีทโบกส้อมจิ้มเค้กที่มันเพิ่งเลียเสร็จไปมา(ไอ้ห่านี่กินทุเรศอย่าบอกใคร) หากมันยังพูดไม่ทันจบก็ชะงักไปดื้อๆแล้วกะพริบตาปริบๆ

                ผมรู้สึกถึงทุกสายตาที่จ้องมาที่ผมแบบทะลุทะลวง ไม่ใช่สิ...ไม่ได้จ้องผม...จ้องข้ามไหล่ผมไปต่างหาก

                ผมค่อยๆหันกลับไปมอง

                ...เชี่ยแล้วไง...

                รอยยิ้มหวานๆที่ผมเคยมองว่ามันน่ารัก บัดนี้แม้จะยังหวานอยู่แต่ก็แลดูเย็นยะเยียบเต็มทน ผมแค่นยิ้มฝืดๆตอบ รู้สึกได้เลยว่าตัวเองหน้าจืดเจื่อนลงแค่ไหน

                หวัดดีครับ...ตัวเล็ก

                เจ้าของชื่อเล่น(แบบไม่เป็นทางการ)ที่ผมชอบเรียกพยักหน้าหงึก ใบหน้ายังคงรอยยิ้มหวานพิฆาตเอาไว้ได้ไม่มีตกหล่น ขณะเอ่ยปากถามเรียบๆ

                พี่กานต์มาทำอะไรแถวนี้เหรอ?

                ง่ะ ตอบไม่ถูกกันเลยทีเดียว จะให้บอกว่าตามมาดูตัวเล็กก็คงไม่ได้ โอ๊ยไอ้เพื่อนห่า ไม่มีบอกกันอ่ะว่าตัวเล็กเดินมาทางนี้!

                ไอ้กานต์ก็มาแอบดู...อุ๊บ!!”ไอ้ห่าพีทที่จะน่ารักมากถ้ามันไม่อ้าปากพูดเริ่มใช้วาจาของมันไปในทางที่ผิด ยังดีที่ไอ้เมฆไหวตัวทันอุดปากมันไว้ได้ แต่นั่นก็หลังจากที่ใจความหลักหลุดออกไปเกินครึ่งแล้วนะครับ เหอๆๆ

                ผมรู้สึกได้เลย...ตัวเล็กต้องโกรธแหงๆ โกรธแน่นอน โกรธชัวร์ๆ(เป็นผมผมก็โกรธวะ)

                พี่กานต์ตัวเล็กเรียกเสียงแปร่ง ฟังดูเหมือนกำลังรักษาระดับเสียงไม่ให้ห้วนจนเกินไปนัก มากับผมหน่อยสิครับ

                ผมยิ้มเจื่อนๆ ถ้าเถียงไปว่าไม่อยากลุกเพราะกาแฟพี่ยังไม่ได้เลยมีหวังถูกโกรธตลอดชาติแน่ ผมเลยลุกแบบไม่ค่อยลังเลนัก และลับหลังผม ผมยังได้ยินเสียงไอ้พีทพยายามอ้าปากพูดว่าผมกลัวแฟน(ความจริงแล้วมันใช้คำว่าเมียด้วยซ้ำ ไอ้นี่ก็นิสัยเสียเกิน)

                มีไม่บ่อยนักหรอกครับที่ผมจะเกิดอาการพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเช่นนี้ ปกติผมมักจะเป็นคนลื่นไหล ไม่ใช่ลื่นไหลแบบไอ้เป้ที่สับรางได้เรื่อยๆแม้รถไฟจะแห่มาทีเดียวสองสามขบวนก็ตามนะ แต่ผมคิดว่าผมค่อนข้างจะจัดการสถานการณ์อะไรก็ตามด้วยตัวเองได้ดีต่างหาก แต่พอมาเจอกับเรื่องแบบนี้...บอกตรงๆครับว่าบอดสนิทศิษย์ส่ายหน้า

                ตัวเล็กเดินนำผมมาเรื่อยๆจนถึงส่วนที่เป็นลานน้ำพุ มีผู้คนเดินผ่านไปมามากมายแต่ไม่มีใครสนใจเราอย่างจริงจัง เขาหันมาประจันหน้าผมในที่สุด สองมือยกขึ้นกอดอก

                พี่ตามผมมาทำไม?

                หมดกัน...ถ้าแก้ตัวไปว่าไม่ได้ตาม ผมจะถูกโกรธมั้ยวะเนี่ย...

                พี่อยากรู้ผมโพล่งออกไปตามตรงอย่างไม่ได้คิดรักษามาดหรือสงวนท่าทีเลย และตัวเล็กก็ขมวดคิ้วขวับ

                อยากรู้แล้วทำไมไม่มาถามผมล่ะครับ?

                โห...ถามง่ายตอบยากว่ะน้อง...ก็ถ้ามันถามกันได้ง่ายๆ โลกนี้คงไม่มีปัญหาเข้าใจผิดหรือปัญหาทะเลาะกับแฟนหรอกคร้าบบบบบบ

                เหมือนตัวเล็กจะไม่ได้คิดคาดคั้นเอาคำตอบจากคำถามนั้นอย่างจริงจังนัก เขาถอนหายใจยาว แล้วเอ่ยเสียงอ่อนลง

                พี่ระแวงขนาดนี้เลยเหรอ?

                ผมรีบส่ายหน้า เปล่า...แค่สงสัยท่าทางตัวเล็กเหมือนไม่เชื่อ ผมเลยสำทับ คือ...ตัวเล็กไม่ยอมบอกพี่นี่นาว่าจะไปไหน ถ้าเราบอกมาตามตรง พี่ก็คงไม่คิดอะไรแบบนี้หรอก

                ก็ผม...เขาทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็หยุดและถอนหายใจซ้ำ ...โอเคครับ สรุปว่าเรื่องนี้ผมก็มีส่วนผิด แต่ใครจะคิดล่ะว่าคนใจเย็นอย่างพี่ก็มีมุมแบบนี้ด้วย

                พี่ก็คนนะ...อยู่ๆได้ยินว่าแฟนจะไปกับคนอื่นพี่ก็ต้องไม่สบายใจอยู่แล้วผมชี้แจงเหตุผลแบบไม่ค่อยเข้าข้างตัวเอง(น้อย) ตัวเล็กเหลือกตามองเพดาน นั่งลงที่ขอบน้ำพุซึ่งเป็นที่นั่งทำจากหิน

                ที่ผมไม่บอกพี่ก็เพราะผมไม่อยากให้พี่มาด้วยผมกำลังจะอ้าปากแย้ง ถ้าผมบอก พี่ก็จะมาด้วย ผมมาซื้อของขวัญให้พี่ ผมไม่อยากให้พี่รู้เลยไม่พูด รู้แบบนี้แล้วยังจะสงสัยอีกไหมครับ?

                ....

                แหม...ก็นะ...ใครมันจะไปคิดถึงเรื่องนั้นกันล่ะ...ใครมันจะไปรู้...ว่าตัวเล็กก็ให้ความสำคัญกับผมขนาดนี้

                ...พี่ขอโทษ...ผมนึกออกแค่คำเดียว ก่อนถือวิสาสะเลื่อนมือไปแตะมือขาวๆบอบบางนั้นแล้วยิ้มให้เจ้าของ ...ขอบคุณมากนะครับ ตัวเล็ก

                ...ฮื่อตัวเล็กพยักหน้า สีหน้าแม้จะยังดูเหนื่อยหน่ายอยู่บ้างแต่ก็เริ่มมีรอยยิ้มแล้ว เรามองสบตากันอยู่สักพัก เขาก็ชะงักแล้วปลดมือออก ...นี่มันกลางห้างนะพี่...

                ผมหัวเราะ อารมณ์ขุ่นมัวคลุมเครือก่อนหน้านี้ถูกละลายหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ แต่ก็น่าจะเป็นเพราะเด็กคนนี้...เป็นเพราะตัวเล็กนี่แหละ

                แล้ว...ตัวเล็กมาซื้ออะไรให้พี่เหรอครับ?ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมเลยถือโอกาสถามซะเลย

                แน่นอนว่าฝ่ายนั้นไม่ยอมบอก ดวงหน้าขาวๆแดงเรื่อขึ้นมานิดๆ ก่อนเจ้าของจะส่ายหน้าเบาๆด้วยรอยยิ้ม

                ไว้รอเซอร์ไพรส์วันคริสต์มาสเลยละกันครับ

     

     

     

                ผมมาหาตัวเล็กในวันที่ 25 ธันวาคม โรงเรียนผมเป็นโรงเรียนคริสต์จึงมีหยุดยาวช่วงคริสต์มาส เราจัดงานเลี้ยงกันวันคริสต์มาสอีฟที่ 24 ก่อนจะปิดเทอมยาวจนถึงปีใหม่ ผมเลยถือโอกาสนัดตัวเล็กไปเที่ยวคริสต์มาสด้วยกัน

                สวัสดีครับ คุณพ่อคุณแม่ผมยกมือไหว้พ่อแม่ตัวเล็กที่วันนี้อยู่บ้านกันหมด น้องน้ำฝนวิ่งมาหาผมที่ประตูอย่างคุ้นเคย วันนี้น้องอยู่ในชุดกระโปรงวันพีซสีฟ้า ดูน่ารักเหมือนตุ๊กตา

                พี่กานต์ขา เมอร์รี่คริสต์มาส!!”

                ผมยิ้มแล้วย่อตัวลงให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกัน อีกมือลูบผมน้องน้ำฝนเบาๆ เมอร์รี่คริสต์มาสครับ...ขอให้มีความสุขนะ

                ผมยื่นกล่องเล็กๆที่เป็นยางรัดผมคู่น่ารักๆให้ น้ำฝนกล่าวขอบคุณเสียงดังอย่างร่าเริงแล้วแกะดู ท่าทางเธอจะชอบยางรัดผมอันนี้มาก แต่หลังจากชื่นชมกับของขวัญเสร็จ น้ำฝนก็หน้าหงอย

                พี่กานต์ แต่น้ำฝนไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลยนะคะ...

                ผมหัวเราะ ขยี้ผมเด็กหญิงตัวน้อยเล่น ไม่เป็นไรค่ะ พี่ให้เพราะอยากให้ น้ำฝนเป็นเด็กดีเลยได้ของขวัญ แต่พี่กานต์โตแล้ว ไม่เอาของขวัญก็ได้ค่ะ

                พี่น่าจะบอกให้เร็วกว่านี้นะครับ ผมจะได้ไม่ต้องหาของขวัญให้

                ผมเงยหน้ามองเจ้าของเสียงที่มายืนฟังอยู่ด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ตัวเล็กกำลังเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน ใบหน้าน่ารักอมยิ้มน้อยๆอย่างล้อเลียน

                กับตัวเล็ก พี่ยอมเด็กก็ได้ครับ

                อยากได้ของขวัญล่ะสิตัวเล็กยักคิ้วนิดๆ ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเมื่อเขาเข้ามาใกล้ น้ำฝนไปให้คุณแม่ผูกผมให้สิ พี่ขอคุยกับพี่กานต์หน่อย

                น้ำฝนพยักหน้าแล้ววิ่งออกไป ส่วนตัวเล็กก็เดินนำผมไปชั้นสอง ผมปิดประตูตามหลังในขณะที่ตัวเล็กเดินไปหยิบของที่หัวเตียง ก่อนเดินกลับมาพร้อมถุงใบหนึ่ง

                เปิดดูสิครับเขานั่งลงบนขอบเตียงข้างๆผม ผมจึงหยิบของในนั้นออกมา

                สัมผัสผ้านุ่มๆทำให้รู้ว่ามันคงเป็นของทำมือ และพอเห็นของชิ้นนั้นเต็มตาผมก็รู้ว่าตัวเองคิดถูก มันเป็นผ้าพันคอถักลายสีน้ำตาลอ่อนครับ ความยาวน่าจะเหลือเฟือพอควรเพราะผืนค่อนข้างใหญ่ ผมคลี่ผ้าออกดู ลายนิตติ้งเป็นระเบียบเรียบร้อยแสดงถึงนิสัยของผู้ทำ ด้ายบางส่วนแม้จะลุ่ยๆไปบ้างเพราะความเป็นมือใหม่แต่โดยรวมก็นับว่าสวยทีเดียว

                วันที่พี่ไปเจอผมที่ห้างก็ไปซื้อหนังสือวิธีทำไอ้นี่น่ะแหละตัวเล็กเฉลยยิ้มๆ วันนั้นผมน่ะหงุดหงิดแทบตาย ว่าจะเปลี่ยนใจไม่ทำอยู่แล้ว แต่กลัวใครบางคนแห้ว สุดท้ายเลยยอมทำให้

                ขอบคุณมากนะครับผมยิ้มกว้าง เผลอกอดรัดร่างบางๆด้านข้างแน่น ขอบคุณจริงๆ

                เดี๋ยว! พี่กานต์!”ตัวเล็กสะดุ้ง ดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนผมเหมือนตกใจ ผมเลยคลายแขนออกเล็กน้อยแต่ยังไม่ยอมปล่อย ดวงตากลมโตจึงเงยมองผมค้อนๆ ...ทำอะไรแบบนี้ นี่ในบ้านนะ เดี๋ยวคนอื่นมาเห็น

                ในห้องนี่ ไม่เป็นไรมั้งผมตอบพาซื่อ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยมากไปกว่ากอดเฉยๆ พี่ขอโทษจริงๆนะที่วันนั้นตามไป...

                ตัวเล็กส่ายหน้า ผมไม่โกรธแล้วล่ะ มาคิดดูอีกทีผมก็ทำตัวน่าสงสัยจริงๆนั่นแหละ ไม่ใช่ความผิดพี่ฝ่ายเดียวหรอกครับ

                เรากอดกันเงียบๆ รู้สึกได้ถึงไออุ่นและลมหายใจของกันและกัน แขนของผมประคองเอวบางๆของตัวเล็กเอาไว้ อีกมือก็เลื่อนไปตามพวงแก้ม ใบหน้า จับเล่นไปเรื่อยๆอย่างใจลอย

                อากาศช่วงนี้เย็นขึ้นเล็กน้อยเพราะใกล้ปีใหม่แล้ว แต่ถึงกระนั้น ในเวลานี้ผมกลับไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็นเลย

                วันพิเศษที่ได้อยู่กับคนพิเศษ ผมว่ามันช่างมีค่ามากกว่าของขวัญชิ้นไหนๆในโลก

                ของขวัญของพี่อยู่ในรถ เดี๋ยวลงไปข้างล่างแล้วหยิบให้นะผมก้มลงบอกคนในอ้อมแขน แต่ตัวเล็กกลับเงยหน้ามามองผมแล้วยิ้มหวานให้

                ความจริงแล้ว...สำหรับผม ถึงจะไม่มีของขวัญก็ไม่เป็นไรหรอก

                ผมเลิกคิ้วกลับ

                ตัวเล็กหัวเราะเหมือนจะเขิน ก่อนซุกหน้าลงกับอกผม ปากพูดอู้อี้

     

                ...แค่...พี่อยู่กับผม...ก็พอแล้ว...

     

                ผมนิ่งงันไป ก่อนจะเริ่มหัวเราะ ตัวเล็กค้อนใส่นิดๆเป็นเชิงถามว่าหัวเราะอะไร ผมเลยยิ่งยิ้มกว้างกว่าเก่า กอดรัดร่างนั้นแน่นขึ้นด้วยความรู้สึกเต็มตื้นในอก

                ผมว่าชีวิตของคนเรามันช่างเต็มไปด้วยเรื่องมหัศจรรย์จริงๆ วันนี้ในปีที่แล้วผมยังมัวแต่คิดว่าทำอย่างไรคนที่อยู่ตรงนี้ถึงจะเป็นวา แต่พอมาถึงตอนนี้ ผ่านไปปีนึงผมกลับคิดใหม่ว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นของตัวเล็กน่ะถูกแล้ว

                ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะรัก...และยังรักได้มากมายถึงเพียงนี้...

                ขอบคุณนะครับ...ตัวเล็ก

                อีกฝ่ายเงยหน้ามอง ดวงตากลมโตฉายแววสงสัยคล้ายจะถามกลับว่าเรื่องอะไร ผมไม่ได้ตอบคำถามนั้นด้วยวาจา แต่เลือกที่จะตอบโดยการก้มลงแตะริมฝีปากแดงเรื่อนั้นเบาๆ

                ตัวเล็กค่อยๆปรือตาลงแล้วจูบตอบอย่างเต็มใจที่สุด ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ผมก็ได้คำตอบที่ใช่ คำตอบที่เคยตามหามาตลอดแล้ว...

                ต้องเป็นคนนี้เท่านั้น...แค่คนนี้...ไม่ใช่ใครคนอื่น

                ผมอยากจะขอบคุณ...ขอบคุณที่เขาอยู่ตรงนี้...ขอบคุณที่เขาคือ ตัวเล็ก’...ขอบคุณที่เขาเป็นคนสำคัญของผม...

                ขอบคุณ...ที่รักกัน

     

               

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    (วิ่งหลบปรมาณู)
    เอิ่ม น้องหนูแกแอบหลบมาหวานวันคริสต์มาส แบบว่าช้าไปวันแฮะ แต่มาช้าก็ดีกว่าไม่มานี่เนอะ? เนอะ? เน้ออออ?(เข้าข้างตัวเองแบบสุดฤทธิ์)
    โนว์ขอโทษษษษษษ ปล่อยให้ทุกคนรอกันตั้งนาน ขอโทษจริงๆค่ะ TT^TT
    แต่มีข่าวดีมาบอกล่ะ
    โนว์สอบติดค่า(ฉีกยิ้มกว้างๆหนึ่งที) ฮ่าๆๆ สำหรับคนที่เคยถามว่าที่ไหน ได้รั้วเทาแดงค่ะ 55555 ที่ประสานมิตร ฮิ้วววววววววว ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจและทุกความอดทนที่ช่วยกันรอระหว่างมรสุมทับกบาลค่ะ ฮาๆๆ
    ข่าวดีอีกข่าว โนว์จะเริ่มตอบคอมเม้นตามปกติจากตอนนี้นะคะ เราจะได้คุยกันยาวๆแล้วววววววว เฮๆๆๆ(ไม่มีใครเฮด้วยเฮคนเดียวก็ได้วะ)
    ยินดีต้อนรับนักอ่านหน้าใหม่นะคะ แล้วก็ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งกับทุกคน ^^
    โดยส่วนตัวแล้ว โนว์ชอบที่พี่กานต์บอกว่าขอบคุณที่หนูตัวเล็กเป็นหนูตัวเล็กที่สุดนะ มันทำให้รู้สึกเลยว่าพี่กานต์เขามองที่ตัวตนจริงๆ ไม่ได้มั่วซั่วสับสนกับดวงอาทิตย์อื่นๆ 5555 แอบกัดพี่กานต์รับคริสต์มาส(ย้อนหลัง)
    ปีใหม่หยุดยาวมีใครไปเที่ยวกันบ้างเอ่ย ขอให้เที่ยวให้สนุกนะคะ ซื้อของฝากกลับมาด้วย เอ๊ยยยย เดินทางโดยสวัสดิภาพค่ะ ระมัดระวังอุบัติเหตุ เดี๋ยวนี้รถราเป็นอะไรที่อันตรายสุดๆ T T ส่วนโนว์ ยังไม่รู้ชะตากรรมเลยค่ะ 555 อาจจะไปใกล้ๆไม่ก็เตะฝุ่นอยู่บ้าน แต่น่าจะไปเยี่ยมญาติเฉยๆมากกว่า เศรษฐกิจง่อยกะรอก เอิ๊กอ๊ากๆ
    ปล ถือว่านี่เป็นของขวัญได้มั้ยคะคุณ W@Y 55555 ช้ากว่าวันเกิดสามวัน แต่อย่างน้อยก็มานะ เออใช่ โนว์อยากจะบอกว่า 23 ธันวานี่ก็วันเกิดน้องวาเขาเหมือนกันนะ ฮิ้วววววววววว เกิดวันเดียวกับน้องวา แฮปปี้เบิร์ทเดย์ย้อนหลังค่ะ ^O^

    รักและคิดถึงทุกคนนะคะ >< 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×