คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #36 : Special Rhythm : Until then (พี่กานต์กับน้องตะวันค่า >< )
(Kant X Tawan)
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ฟังเพลงนี้ไปด้วยนะคะ ได้ฟีล(แต่ความจริงที่ลุกขึ้นมาปั่นก็เพราะเพลงนี้แหละ 555)
จนกว่าวันนั้นของลิเดียค่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
นี่ก็ผ่านมาสองสามเดือนแล้วนับตั้งแต่ที่ผมมีแฟนคนแรก เขาเป็นรุ่นพี่ที่เรียนที่เดียวกัน เรารู้จักกันโดยบังเอิญ แต่ก็เรียกได้ว่าไม่น่าจะมาเป็นแฟนกันได้เลยด้วยซ้ำ
เขาชื่อพี่กานต์ครับ
เราเพิ่งจะมาคบกันช่วงเดือนกว่าๆก่อนหมดเทอมสอง ตอนนี้ผมกำลังจะเป็นเด็กม.3 แล้ว ในขณะที่พี่กานต์กำลังจะขึ้นม.6...ผมว่าพวกเราห่างกันหลายปีจัง บางทีก็ลำบากเวลาคุย แต่พี่เขาก็พยายามจนผมเข้ากับกลุ่มพี่กานต์ได้ เพราะหลังจากที่ตกลงคบกันผมก็มักจะไปกินข้าวกลางวันกับกลุ่มของพี่เขา(ตามบัญชาฝ่ายนั้น) และถ้าขึ้นม.3 เมื่อไร สิ่งแรกที่พี่กานต์บอกให้ผมทำก็คือ...
“สมัครเข้าวงโยฯ”
เหตุผลของพี่กานต์ช่างตรงไปตรงมาและไม่มีอะไรซับซ้อน...เพราะว่าเราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น พี่กานต์บอกจะเล่นเครื่องอะไรก็ได้ แค่อยู่วงเดียวกันก็โอเค เนื่องจากตึกม.ต้นกับม.ปลายอยู่คนละที่กัน บางทีเวลาพักเที่ยงถ้าพี่กานต์ยุ่งๆจนไม่ได้มารับ เขาก็มักจะส่งพี่ๆที่เป็นเพื่อนสนิทของเขาเองมา(อาทิเช่นพี่พีทหรือพี่เมฆ แต่พี่พีทจะบ่อยสุด พี่กานต์จะไม่ยอมให้พี่เป้มารับผมเด็ดขาด ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม)
ทั้งที่ผมก็บอกแล้วว่าไม่จำเป็น เจอกันโรงอาหารเลยก็ได้ แต่เฮียแกไม่ยอมครับ ยืนยันว่ายังไงก็ต้องไปรับ ให้ผมรออยู่หน้าตึกนั่นแหละ และไอ้คนมันไม่อยากจะขัดใจให้เป็นเรื่องก็เลยยอมเออออไปแบบไม่คิดอะไร
เราคบกันมาก็...นานในระดับหนึ่งแล้ว...แต่ผมก็ยังระบุความรู้สึกที่เป็นอยู่ไม่ได้เสียที และผมก็ไม่เคยกล้าพอที่จะถามอะไรบางอย่างจากพี่กานต์เลยสักครั้ง ทั้งที่ในใจอยากถามใจจะขาด
“พี่ยังชอบพี่วาอยู่หรือเปล่าครับ?”
ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน สิ่งนี้มันก็เป็นเสมือนหนามที่คอยทิ่มตำ มันเป็นความจริงที่ผมไม่สามารถปฏิเสธได้ พี่กานต์เคยรักพี่วามาก่อน เขารักพี่วาก่อนที่จะมารู้จักผมตั้งนานแล้ว ผมมันก็แค่คนมาทีหลัง...จะไปว่าอะไรเขาได้...
“ตัวเล็ก...เหม่ออะไรหือ?”
ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเสียงทุ้มนุ่มที่อ่อนโยนกับผมเสมอเอ่ยเป็นเชิงถามขึ้น อ่า...นี่ผมเผลอเหม่อคิดโน่นคิดนี่ได้ยังไงนะ
“อย่าใจลอยเวลาอยู่ด้วยกันสิครับ”พี่กานต์ยิ้มให้ แล้วยื่นมือมาจับแก้มผมเบาๆ “เป็นอะไรหรือเปล่า เห็นเงียบไปนาน อาหารไม่อร่อยหรือ?”
วันนี้ผมกับพี่กานต์ออกมาเที่ยวด้วยกันเพราะเป็นช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ แต่ก็ไม่เชิงว่าเรานัดกันโดยตรงหรอกเพราะว่าผมต้องมาส่งยัยฝนน้องผมเรียนเปียโนที่ห้างอยู่แล้ว พี่กานต์จึงเสนอว่าระหว่างรอน้ำฝนเรียนก็ให้เราเที่ยวด้วยกันไปพลางๆก่อน
น้ำฝนเรียนเปียโนทุกวันอาทิตย์ ดังนั้นมันจึงเป็นเสมือนนัดกลายๆว่าพวกเราต้องมาเจอกันทุกวันนี้ มันดูเป็นตารางกิจวัตรประจำสัปดาห์เสียจน...ผมนึกอยากจะถามพี่กานต์จริงๆว่าว่างนักหรือไง - -
“เปล่าหรอก”ผมปฏิเสธ เราเข้ามากินแม็คด้วยกันที่ชั้นล่าง ส่วนยัยฝนก็เรียนอยู่ที่ตึกแยกอีกฝั่งหนึ่ง อีกตั้งสองชั่วโมงกว่ากว่าจะถึงเวลาเลิก “ผมแค่...คิดอะไรเพลินไปหน่อย”
“ที่คิดนั่นมีเรื่องของพี่อยู่ด้วยหรือเปล่าครับ”เอาอีกละ พี่กานต์ชอบหยอดผมแบบนี้ประจำเลย พี่เขาเป็นคนพูดสุภาพ มักจะพูดหวานๆแล้วก็ยิ้มให้ ซึ่งทุกครั้งมันก็มักจะทำให้ผมรู้สึกประหลาด...เป็นต้นว่าไม่กล้าสบตา...หายใจติดๆขัดๆบอกไม่ถูก
ผมเป็นอะไรไปเนี่ย? หรือว่าเป็นโรคอะไรสักอย่างกันแน่? ไม่รู้สิ...
สาบานเถอะ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนเลย
แล้วจะให้...ทำตัวเป็นปกติได้ยังไงไหวล่ะ!!
“ก็...ไม่รู้สินะ”
ใครมันจะ...กล้าตอบตามความจริงล่ะ!
วันนี้พี่กานต์ใส่เสื้อเชิ้ตตาหมากรุกสีเขียวกับยีนส์ฟอกสีซีด และเมื่อมารวมกับมาดที่ออกแนวหล่อแบบเซอร์ๆแถมด้วยใบหน้าที่เหมือนจะเจือยิ้มตลอดเวลา มันก็ยิ่งทำให้เขาดูดีเข้าไปใหญ่
ก็ได้แค่คิดในใจแต่ไม่กล้าพูด...ว่าพี่เขาดูดีชะมัด เทียบกับผมที่ใส่เสื้อมีหมวกฮู้ดสีขาวกับกางเกงขาสามส่วนสีน้ำเงินเข้มแล้วผมดูเป็นเด็กอมมือไปเลย
หลังจากกินเสร็จเราก็ออกมานอกร้าน เดินดูร้านรวงต่างๆไปตามเรื่อง ส่วนมากก็แค่ชี้โน่นดูนี่แบบคนไม่ยอมซื้อให้คนขายหมั่นไส้เล่น พี่กานต์เป็นคนขี้เล่นครับ มักจะมีเรื่องมีคำพูดมาทำให้ผมรู้สึกสนุกได้เสมอ
ผมไม่เคยรู้สึกเบื่อเวลาอยู่กับพี่เขาเลย...แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่เราทำกันอยู่ทุกอาทิตย์ก็ตาม
“ตัวเล็ก ดูนี่สิ”พี่กานต์คว้าอะไรบางอย่างขึ้นมาจากชั้นวางโชว์ของร้านบู้ทรถเข็นแห่งหนึ่ง ผมพยายามเงยหน้ามอง แต่ไม่สามารถพอเนื่องจากไอ้วัตถุนั่นมันสถิตอยู่บนหัวผม
ผมเดินวนรอบรถเข็นเพื่อหากระจก แต่พอเห็นภาพที่สะท้อนกลับมา ผมก็ต้องตวัดสายตากลับไปมองที่ตัวต้นเหตุแล้วเอ่ยถามเสียงห้วน
“พี่กานต์โรคจิตเหรอ -///-”
มันน่าให้ถามแบบนี้มั้ยล่ะ ตารุ่นพี่บ้า...เอาหูแมวมาสวมบนหัวผมเนี่ยนะ!!?
คือ...ความจริงผมเขินครับ เขินจนแทบจะตายอยู่ตรงนี้แล้ว
ภาพที่สะท้อนกลับมาคือเด็กผู้ชาย...อืม ผู้ชายสิวะ ถึงจะขาว ถึงจะหน้าหวานยังไงผมก็ยังเป็นผู้ชายนะเว้ยครับ เรียวปากอิ่มสีแดงระเรื่อเม้มเข้าหากันเหมือนกำลังอดทนกับอะไรสักอย่างขั้นรุนแรง ไล่สายตาจากใบหน้าขึ้นไปยังเรือนผม เพราะว่าตอนนี้ปิดเทอมอยู่ผมเลยไม่ได้ตัดผมให้สั้น มันเลยเริ่มยาวประบ่านิดๆ และเมื่อมาบวกกับหูแมวสีแดงสด มันก็ยิ่ง...ดูเหมือน...
“ต๊าย น้องน่ารักจังเลยฮ่ะ ผู้หญิงหรือผู้ชายคะเนี่ย ขอถ่ายรูปได้มั้ยอ่ะ ><”พี่เจ้าของร้านที่เป็นสาวประเภทสองกรี๊ดกร๊าดอย่างออกนอกหน้าจนผมอายแบบโคตรพ่อโคตรแม่ ทำตัวไม่ถูก ปั้นหน้าไม่ออก จะกรี๊ดทำพระเจ้าอะไรครับพี่ ผมอายจะตายอยู่แล้วนะ!!
“เอาเลยครับ ถ่ายได้ แต่ต้องให้เขาถ่ายคู่กับผมนะ แล้วเดี๋ยวขอรูปด้วย”อ้าวเฮ้ย พี่กานต์ก็เป็นไปกับเขา บ้า! ทำไมต้องไปตกลงต่อรองอะไรกันหน้าระรื่นงั้นด้วยล่ะ! เขินนะโว้ยยยยย
“แหมๆๆ ได้เลยจ้ะ เดี๋ยวเจ๊จัดให้ กล้องเจ๊เป็นโพลารอยด์ เดี๋ยวปริ้นอัดให้ตรงนี้เลย”
ให้ตายห่าดับ นี่มันร้านอะไรกันแน่วะ ตกลงจะเปลี่ยนจากกิฟช็อปเป็นตู้ถ่ายรูปแล้วใช่มะ?
“มาสิตัวเล็ก”พี่กานต์ลากแขนผมเข้าไปหลังร้าน ร้านนี้อยู่ตรงชั้นลอย ทำให้วิวด้านหลังร้านที่มองลงไปด้านล่างจะเป็นซุ้มไฟและลูกบอลระย้าบวกกับใบเถาของต้นอะไรก็ไม่รู้ที่จัดเอาไว้อย่างตระการตาและเหมาะจะเป็นฉากหลังสุดๆ
ง่า...ถึงจะสวยยังไงแต่ผมก็อายอยู่ดีเว้ยย!!!
เจ๊เทย(ขอเรียกแบบนี้ หมั่นไส้ - -)หยิบกล้องขึ้นมาเตรียมจะแชะแล้วครับ พี่กานต์จูงมือผมไปยืนหน้ารั้วกั้นโดยกะระยะให้มีฉากหลังเป็นไอ้ของตกแต่งพวกนั้นเด๊ะๆ ผมก้มหน้างุด ไม่อยากเงยขึ้นมาเผชิญความจริงเลยสักนิด
“ตัวเล็กเงยหน้าสิครับ แล้วงี้จะถ่ายได้ไงล่ะ”พี่กานต์เอามือแตะแก้มผมเบาๆ อ๊ากกก ทำไมแอร์ในห้างมันถึงไม่เย็นเลยฟะ ร้อน! ร้อนเป็นบ้าเลยครับ!!
“ผม...ผมไม่อยากถ่าย!!“
“น่า ถ่ายไว้เป็นที่ระลึก ไหนๆเราก็ยังไม่เคยมีรูปที่ถ่ายด้วยกันเลยนี่ ^^”
เอ่อ...ความจริงอันน่าปวดใจ เอ้ย ไม่ใช่ละ ถึงจะจริงที่ว่าเรายังไม่มีรูปถ่ายคู่กันก็เถอะ แต่...แบบนี้...ถ่ายรูปกันสภาพแบบนี้...มันก็โคตรจะดูเหมือน...
“โพสต์ท่ากันเลยจ้ะน้องๆ แหม เป็นคู่ที่น่ารักจัง ขอให้รักกันนานๆนะจ๊ะ”
มันโคตรจะเหมือนแฟนกันเลยง่า!!!<<<แต่ก็เป็นไม่ใช่เรอะ...ผมนี่ก็บ้าเว้ย(นึกออกทีหลัง)
“ขอบคุณครับพี่ ^^”แล้วนั่นพี่กานต์ไปบ้าจี้รับคำเขาทำไมเนี่ย! โอย...ตาย ผมหน้าร้อนจนแทบจะไหม้ จะเป็นลมตายตรงนี้แล้วนะคร้าบบบบ
พี่กานต์ยืนอยู่ข้างๆผม มือหนึ่งโอบบ่าให้ผมเอนเข้าไปหาและพี่เขาก็ย่อตัวลงนิดๆ(ขอโทษครับที่ผมมันเตี้ย!) ในขณะที่ผมพยายามจะเบี่ยงออกเพราะ...เขิน...มากมาย...
“ตัวเล็กขยับเข้ามาอีกสิครับ”เสียงทุ้มกระซิบบอก ยิ่งมาอยู่ในระยะประชิดแบบนี้ผมก็ยิ่งรู้สึกร้อนหูดับตับไหม้ อ๊ากกก อย่ายั่วกันสิพี่!
ผมตัวแข็งไม่ยอมขยับ ส่วนพี่กานต์คงขี้เกียจพูดมากเลยตัดปัญหาโดยการเปลี่ยนท่าจากโอบเฉยๆเป็นรวบเอวผมเข้าไปกอดจากด้านหลังแล้ววางคางลงบนบ่าผม
เฮ้ยยยย ท่านี้มันยิ่งกว่าเดิมอีกไม่ใช่เรอะ!!
แชะ!!
ไม่ต้องอุทธรณ์ไม่ต้องฎีกา เจ๊เทยแกกดชัตเตอร์รัวเลยครับ สาธุขอให้กดติดวิญญาณ -*-
“ว้ายยยย เขินได้เป็นธรรมชาติถูกใจเจ๊มากคร่า~~!! น้องรูปหล่อกอดแน่นๆเลยนะค้า อ้า! ขยับหน้าเข้าไปใกล้อีกนิดสิ...นั่นแหละใช่เลย!”
แชะ!!
พี่กานต์เดินฮัมเพลงแบบคนโคตรอารมณ์ดีออกมาจากหลังร้านหลังจากที่เจ๊เทยคนนั้นอัดปริ้นรูปให้เรียบร้อยแล้ว อัดปริ้นอย่างดีแต่เชื่อมั้ยครับว่าฟรี ผมล่ะเง็งกับโลกใบนี้จริงๆ...
“ดูรูปมั้ยตัวเล็ก ถ่ายสวยมากเลยนะ”พี่กานต์ยื่นซองรูปให้ โห...เจ็ดหรือแปดใบได้ ผมทำท่าบ้าบออะไรเยอะแยะขนาดนั้นวะเนี่ย
ถึงจะอายแต่ก็อยากรู้ ผมเลยหยิบมาเปิดดูทีละรูป รูปแรกๆก็เป็นตอนที่พี่กานต์เอาคางวางบนบ่าผม รูปแรกผมยังนิ่งอยู่ แต่หลังๆผมก็เริ่มขยับยุกยิก เอนหน้าหนีบ้างพยายามดิ้นออกบ้างจนดูผ่านๆแล้วเหมือนรูปหลุดทีเผลอ อืม...ถ้าไม่นับเรื่องถ่ายคู่ที่ชวนให้เป็นโรคหัวใจวายตาย ฉากหลังของที่นี่ก็สวยจริงๆนั่นแหละ
แต่พอเปิดไปดูรูปสุดท้าย ผมก็ต้องอึ้ง ตัวแข็ง พูดไม่ออก ช็อคค้าง
ก็คิดๆอยู่ว่าทำไมมันรู้สึกแปลกๆ จังหวะที่ชัตเตอร์กดแชะสุดท้ายนั่นพี่กานต์ตัวแสบยื่นหน้าเข้ามาครับ...แล้วก็...ฮึ่ย...นั่นแหละสภาพการณ์ของ ‘รูปสุดท้าย’ ที่ติดมากับกองนี้
“รูปสวยดีนะ โดยเฉพาะรูปสุดท้าย”พี่กานต์หัวเราะร่วน “ตัวเล็กจะแบ่งเอาไปบ้างก็ได้นะ อยากได้รูปไหนก็หยิบไปเลย พี่ขอแค่รูปสุดท้ายอันเดียวก็พอ”
ไอ้ ‘รูปสุดท้าย’ นั่นแหละครับที่ผมอยากเอาไปทิ้ง!!
ก็...ก็ไอ้รูปนั่นอ่ะ...พี่กานต์ดันยื่นหน้าเข้ามาใกล้เกินไปนี่หว่า...แล้วมันก็แชะตอนที่พี่กานต์เอาปากมาชนแก้มผมพอดี!!
จะอยากเก็บรูปตอนจูบแก้มผมเอาไว้ทำเพื่อล่ะคร้าบบบบบบ!
“วันนี้สนุกจัง~”พี่กานต์พึมพำด้วยสีหน้าชื่นมื่น และผมก็ได้แต่เดินตามเงียบๆแบบไม่กล้าพูด(ยังอายอยู่...)
แต่...ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความสุข
มีความสุขเสียจน...กลัวว่าถ้าถาม ‘คำถามนั้น’ ออกไป ผมจะต้องเป็นฝ่ายที่เจ็บเสียเอง
“ไปเดินเล่นต่อชั้นบนกัน”พี่กานต์ยิ้มให้ แล้วยื่นมือมา เป็นสัญญาณบางอย่างที่รู้กันดีระหว่างเรา
ผมส่งมือให้มือคู่ใหญ่คว้าไปจับจูงโดยไม่อิดออด ไม่สนด้วยว่าใครจะมองเรายังไง
ไม่ว่าเมื่อไหร่ มือของพี่กานต์ก็อบอุ่นเสมอ...
แม้เธอ...จะดีแสนดีเท่าไร
แต่ชั้นก็ยังคงไม่แน่ใจว่ามันจะนานหรือเปล่า
“พี่กานต์!”
ผมเงยหน้าขึ้น เสียงนี้มัน...พี่วา?
“แปลกดีที่มาเจอกันในที่แบบนี้”พี่วายิ้มให้พี่กานต์ พี่วาเป็นรุ่นพี่ผมหนึ่งปีครับ เป็นรุ่นน้องในวงโยฯของพี่กานต์ แล้วก็...เป็นคนที่พี่กานต์เคยรัก...
ความจริงข้อนี้เป็นสิ่งเดียวที่ผมไม่อาจทำใจปฏิเสธหรือบ่ายเบี่ยงไปไหนได้
“ตะวันก็อยู่ด้วย แน่ะ แอบมาเดทกันนี่เอง~”พี่วาหัวเราะร่วนขณะมองมายังพวกเรา และพี่กานต์ก็ทำเพียงยิ้มน้อยๆตอบ
ผมทักทายพี่ซีที่อยู่ข้างๆพี่วา พี่ซียิ้มตอบ แต่กับพี่กานต์พี่ซีก็ออกจะทำหน้าเฉยๆเหมือนไม่ยินดียินร้ายพวกเรา แต่ผมว่าแค่นี้ก็ดีแล้วล่ะ ดีกว่าให้พี่ซีมานั่งถ่ายทอดรังสีอำมหิตใส่พี่กานต์โทษฐานที่ครั้งหนึ่งเคยไปต้มพี่ซีว่าพี่วาตกลงเป็นแฟนกับพี่กานต์เพื่อประชดพี่ซีเขา
“พี่กานต์ยังไม่เลิกเลี้ยงต้อยอีกเหรอเนี่ย โห่~!”พี่วาแซวแบบสนุกปากสุดๆ ทำเอาพี่กานต์พลอยหัวเราะไปด้วย
“แล้วเราสนจะมาเป็นต้อยให้พี่บ้างหรือเปล่าล่ะ ^^”
“วา กูรู้ว่ามึงไม่ชอบคนอายุมากกว่าหรอก”
“มึงเองก็แก่กว่ากูตั้งห้าเดือน แล้วมึงมารู้ใจกูได้ไงวะซี บางทีกูก็เปลี่ยนรสนิยมได้นะ ฮ่าๆ”
“งั้นถ้าเปลี่ยนรสนิยมเมื่อไหร่ติดต่อพี่ได้เสมอนะวา ^^”
“ฮ่าๆๆ ขอบคุณครับ แต่เกรงใจ ผมยังไม่อยากจองศาลาเผาศพให้ตัวเอง”
ก็รู้อยู่หรอก...ว่าแค่คุยกันเล่นๆสนุกปาก
แต่...
ยังไงพี่กานต์ก็เคยรักพี่วามาก่อนนี่นา
ชั้นกลัว...ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองเรา
อาจจะบางเบา และไม่ยืนยาว หากว่าเรานั้นก้าวเร็วไป
เราแยกกับพวกพี่วาที่บันไดเลื่อน พี่กานต์พาผมขึ้นบันไดไปชั้นสี่ ก่อนจะหันมาถาม
“ตัวเล็กอยากไปไหนหรือเปล่าครับ?”
“...”
“ตัวเล็ก...เป็นอะไรไปครับ?”
ไม่หรอก...ผมไม่ได้เป็นอะไรหรอก...แต่...ผมก็แค่...
แค่...
“...ผมกับพี่...เรา...กำลังคบกันอยู่หรือเปล่าฮะ?”
ให้ตายสิ ผมถามคำถามปัญญาอ่อนแบบนั้นออกไปได้ยังไงกันเนี่ย
โอย...อยากจะร้องไห้สมเพชตัวเอง ผมถามคำถามพรรค์นั้นออกไปให้บรรยากาศมันกร่อยเล่นรึไงนะ ทั้งๆที่...คิดเอาไว้แล้วว่าจะไม่มีวันทำตัวงี่เง่าหรืออ่อนแอให้พี่เขาเห็นอีกเป็นอันขาด
“พูดอะไรน่ะตัวเล็ก”พี่กานต์หันกลับมาเผชิญหน้ากับผมตรงๆ เสียงห้วนกว่าเก่านิดหน่อยแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือที่จับอยู่ออก
ผมก้มหน้านิ่ง
โกรธผมเหรอครับพี่กานต์...โกรธ ไม่ชอบใจที่ผมงี่เง่าใช่หรือเปล่า
ผมถามอะไรออกไปเนี่ย ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แก่ใจ...ว่าเราเป็นอะไรกัน
แต่...เราจะเป็น ‘เรา’ จริงๆน่ะหรือ?
กว่ามันจะกลายเป็นต้นไม้ต้นใหญ่
มันต้องใช้เวลาเอาใจใส่
ก็คงคล้ายกับใจของสองเรา
“ผมกำลังคบกับพี่อยู่ใช่ไหมฮะ?”
คำถามปัญญาอ่อนระลอกสอง แต่ผมก็ยอมปัญญาอ่อนถ้าจะได้รู้คำตอบวันนี้
“ตัวเล็ก...”พี่กานต์เรียกชื่อผมเบาๆ เอ๊ะ...ชื่อ? คำว่า ‘ตัวเล็ก’ เนี่ย...กลายเป็นชื่อผมไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?
อาจจะเป็น...ตั้งแต่ในวันแรกที่เราได้พบกัน
ผมอาจจะตกหลุมรักคนคนนี้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็นเลยก็ได้ เพียงแต่ถ้าตอนนั้นความรู้สึกที่มีต่อพี่ซีไม่แรงกว่า ผมก็อาจจะชอบพี่กานต์ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกันเหมือนกัน...
“ผม...ผมขอโทษที่ถามอะไรแปลกๆ...”ผมพยายามจะดึงมือออก ตอนนี้ผมไม่อยากให้พี่กานต์เห็นหน้าผมเลย มันต้องดูแย่แน่ๆ ให้ตายสิ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทำหน้าเหยเกสุดๆเลยแฮะ ไม่เอานะ อย่ามองหน้าผม...
อยากให้รอเวลาให้เราได้เรียนรู้กัน
อาจไม่ใช่วันนี้ที่พูดคำนั้น
แต่พรุ่งนี้ก็คงยังไม่สายไป
ปล่อยให้วันเวลาสร้างทางที่เชื่อมระหว่างสองใจ
เปลี่ยนจากคำว่าเธอ จากคำว่าชั้น
เปลี่ยนเป็นคำว่า ‘เรา’
จนกว่าวันนั้นช่วยรอได้ไหมเธอ...
“มองพี่สิครับ...คนดี”
พี่กานต์อยู่ใกล้มาก...ใกล้เสียจนผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่รินรดใบหน้า ความอุ่นจัดที่ข้างแก้มเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าบัดนี้มือใหญ่ๆของอีกฝ่ายได้เอื้อมขึ้นมาจับที่ข้างแก้มผมแล้ว ผมค่อยๆลืมตาขึ้น ก่อนจะสะดุ้งเฮือกที่เห็นดวงตาคมกล้าในระยะประชิด
ในแววตาสีน้ำตาลดำคู่นั้น...สะท้อนเพียงภาพของผม เป็นแววตาที่แน่วแน่มั่นคงเสียจนผมอดจะหวั่นไหวไม่ได้
“ตัวเล็กมองตาพี่สิ...ในนี้มันมีตัวเล็กอยู่หรือเปล่า?”
มีสิ...ผมตอบในใจ พร้อมกันนั้นก็เบือนสายตาหลบเหมือนไม่กล้ามองต่อ
พี่กานต์ยังไม่ลดมือลง มือคู่นั้นบังคับให้ผมเงยหน้าขึ้นจนผมเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าคมคายหล่อเหลาของอีกฝ่าย ก่อนที่เสียงทุ้มจะเอ่ยบอก
“พี่ไม่รู้หรอกนะว่าตัวเล็กคิดมากเรื่องอะไร...แต่ทุกวันนี้พี่มีแค่ตัวเล็กคนเดียวนะครับ”
ขอเพียงให้เธอนั้นยังมั่นคง
ว่ารักที่มีต่อกันไม่ลดลง
ชั้นคงไม่ไปไหนไกล
“เมื่อก่อนถึงพี่จะรักใครมันก็ไม่สำคัญหรอก สิ่งที่สำคัญคือวันนี้พี่มองแค่ตัวเล็กต่างหาก”
พี่กานต์...รู้...
อดจะน้อยใจเล็กๆไม่ได้ในทุกครั้งที่เห็นพี่กานต์กับพี่วาคุยกันอย่างสนิทสนม มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆแต่ผมก็อดคิดไม่ได้ทุกที ผมพยายามที่จะไม่งี่เง่าแล้วนะ...พยายามแล้ว...แต่...
มือของพี่กานต์จับหมับเข้าที่มือผม กระชับมั่นเหมือนจะย้ำเตือนถึงการคงอยู่ของเขา
“ตัวเล็ก...ตอนนี้พี่อยู่ตรงนี้กับตัวเล็กใช่หรือเปล่าครับ?”
สัญญา...และขอให้เธอนั้นจงมั่นใจ
ต่อให้มันจะนาน และทางจะไกล
แต่ว่าเราจะเดินไปด้วยกัน
“ตัวเล็กอาจจะยังไม่สามารถเชื่อใจพี่ได้ทั้งร้อย แต่พี่ก็จะพยายาม เราอาจจะยังไม่สามารถเชื่อใจกันและกันได้ทั้งหมด แต่เราก็ยังมีเวลาให้เรียนรู้กันไม่ใช่หรือ?”
ผมเงยหน้ามองพี่กานต์...พี่กานต์ที่อยู่เคียงข้างผมเสมอ ไม่ว่าผมจะเจ้าอารมณ์ งี่เง่า ขี้น้อยใจ หรือจะอะไรก็ตาม
คนคนนี้ไม่เคยปฏิเสธผมเลยแม้แต่ครั้งเดียว...รักษาสัญญาทุกอย่างเหมือนกับวันแรกที่เคยขอคบกับผม
พี่กานต์ให้คำมั่นว่าจะตัดใจ จะมองแต่ผมคนเดียวแล้ว แล้วนี่ผมมัวแต่ทำอะไรอยู่?
ทำไมถึง...ไม่เชื่อใจพี่กานต์ให้มากกว่านี้กันนะ?
กว่ามันจะกลายเป็นต้นไม้ต้นใหญ่
มันต้องใช้เวลาเอาใจใส่
ก็คงคล้ายกับใจของสองเรา
“ตะวันขอโทษนะครับ...ที่ไม่เชื่อใจพี่ให้มากกว่านี้”ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ตั้งใจจะพูดคุยกันแบบตรงๆเป็นครั้งแรก “ตะวัน...งี่เง่าทุกครั้ง...กังวลทุกครั้งเวลาที่เห็นพี่กับพี่วา...กลัวว่าพี่...”
ตายดับ ผมไม่กล้าพูดต่อแล้วสิ มาตายเอากลางทางงี้ได้ไงวะ เฮ้ย...เข้มแข็งหน่อยสิ!
“ตัวเล็กกลัวว่าพี่จะยังตัดใจจากวาไม่ได้หรือ?”พี่กานต์ทอดถามเสียงนุ่ม มือที่จับประคองก็ไม่ได้บีบคั้นกดแน่นอะไร แต่ทำเพียงจับเบาๆหลวมๆอย่างทะนุถนอมให้ผมผ่อนคลาย
ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่คิดว่าพี่กานต์ก็คงจะรู้คำตอบดี
อยากให้รอเวลาให้เราได้เรียนรู้กัน
อาจไม่ใช่วันนี้ที่พูดคำนั้น
แต่พรุ่งนี้ก็คงยังไม่สายไป
ปล่อยให้วันเวลาสร้างทางที่เชื่อมระหว่างสองใจ
เปลี่ยนจากคำว่าเธอ จากคำว่าชั้น
เปลี่ยนเป็นคำว่า ‘เรา’
จนกว่าวันนั้นช่วยรอได้ไหมเธอ...
ผมเบิกตากว้างเมื่ออยู่ๆริมฝีปากได้รูปของคนตรงหน้าก็ก้มลงมาปิดประทับริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบาทว่าอ่อนโยนยิ่ง มันเป็นสัมผัสที่แปลกประหลาดยิ่งนักในความรู้สึก ให้อารมณ์ที่อ่อนหวานแต่ก็ดุดัน เยือกเย็นแต่ร้อนรุ่ม เป็นสัมผัสเพียงแผ่วเบา...แต่กลับทำให้รู้สึกมั่นคง
เพียงครู่เดียวเท่านั้นพี่กานต์ก็ถอนริมฝีปากออก แล้วส่งยิ้มอ่อนโยนให้
“แค่นี้พอที่จะยืนยันความรู้สึกของพี่ได้ไหมครับ?”
ผมก้มหน้างุด โดนจูบ+ถามซึ่งๆหน้าแบบนี้ผมก็เขินตายสิคร้าบบบบบ
พี่กานต์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะยื่นมือมาลูบแก้มผมแล้วถามคำถามชวนหัวใจวายตายตรงนี้
“ตัวเล็กรักพี่หรือเปล่าครับ?”
แม้ไม่ถึงเวลา แต่ก็คงจะมีสักวัน
ถ้าไม่ท้อ ไม่ทิ้งกันกลางทาง คงจะไปถึงฝัน
อะ...
ผมสะอึกเอื๊อกพูดไม่ออก เล่นถามกันโต้งๆแบบนี้ใครมันจะไปกล้าตอบกันล่ะครับ!
พี่กานต์อ่ะบ้า!!
“ถ้าไม่ตอบ...พี่จะถือว่าเราเซย์เยสนะ?”
“...”
“ตัวเล็ก”
“...ผม...ขอเลือกไม่ตอบละกัน...”
อยากให้รอเวลาให้เราได้เรียนรู้กัน
อาจไม่ใช่วันนี้ที่พูดคำนั้น
แต่พรุ่งนี้ก็คงยังไม่สายไป
ปล่อยให้วันเวลาสร้างทางที่เชื่อมระหว่างสองใจ
เปลี่ยนจากคำว่าเธอ จากคำว่าชั้น
เปลี่ยนเป็นคำว่า ‘เรา’
จนกว่าวันนั้นช่วยรอได้ไหมเธอ...
อาจไม่ใช่วันนี้... ที่ผมจะพูดคำว่า ‘รัก’ ออกมาจากปาก
แต่คงจะมีสักวัน...ที่ผมจะสามารถพูดคำคำนั้นออกไปได้โดยไม่ต้องอิดเอื้อน
ผมก้มมองมือของผมที่ถูกมือคู่ใหญ่จับจูงอยู่ แม้ว่าในวันนี้เราจะยังไม่สามารถเชื่อใจกันและกันได้อย่างถ่องแท้ แต่เราก็ยังคงอยู่เคียงข้างกัน
นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด...เพราะในวันนี้เรายังคงอยู่ด้วยกันไม่แปรเปลี่ยน
“ยิ้มอะไรครับ ตัวเล็ก”พี่กานต์หัวเราะเบาๆขณะก้มหน้าลงมาถาม ผมสะดุ้งเฮือก อุ้ย...ผมเผลอยิ้มออกไปงั้นหรือ...
“ก็...แค่ยิ้ม”
“คิดเรื่องอะไรดีๆอยู่ล่ะสิ”พี่กานต์เอ่ยอย่างรู้ทัน “แล้วเรื่องดีๆที่ว่านั่น...มีพี่อยู่หรือเปล่าครับ?”
ผมยิ้มให้มุกหยอดเดิมๆของพี่กานต์ และไม่รู้นึกยังไง ผมถึงได้ใจกล้าบ้าบิ่นพอที่จะเขย่งตัวขึ้นและโน้มใบหน้าอีกฝ่ายลงมา ก่อนจะกดจมูกลงไปที่ข้างแก้มพี่กานต์แบบเร็วๆแล้วผละออก
จุ๊บ!
ผมแทบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่เมื่อเห็นว่าพี่กานต์คนเก่งคนนั้นได้แต่ยืนนิ่งเหมือนคนกำลังอึ้งค้าง ตกใจ หรือจะอะไรก็ตามแต่ แหม...ก็ภาพที่คนเยือกเย็น อารมณ์ดี และครองสติได้ดีเยี่ยมเสมอจนน่าได้เหรียญอย่างพี่กานต์ทำหน้าจิตหลุดคลำแก้มตัวเองงงๆแบบนั้นมันหาดูได้ง่ายที่ไหนล่ะครับ!
ผมรีบวิ่งหนีไปให้ไกลระยะมือเอื้อมถึงของอีกฝ่ายกันโดนเอาคืนไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใดก็ตาม และพอไปได้ไกลมากพอ ผมก็หันกลับมาบอก
“มีพี่อยู่หรือเปล่า...เอาไว้สักวันผมจะบอกนะครับ”
จะบอกแน่...สักวันหนึ่งผมจะพูดออกไปให้ได้
พูดความจริงที่อยู่ในหัวใจดวงนี้
“จนกว่าจะถึงวันนั้น...ช่วยรอผมหน่อยนะฮะ”
กว่ามันจะกลายเป็นต้นไม้ต้นใหญ่
ก็ต้องใช้เวลาเอาใจใส่
ก็คงคล้ายกับใจของสองเรา
อยากให้รอเวลาให้เราได้เรียนรู้กัน
อาจไม่ใช่วันนี้ที่พูดคำนั้น
แต่พรุ่งนี้ก็คงยังไม่สายไป
ปล่อยให้วันเวลาสร้างทางที่เชื่อมระหว่างสองใจ
เปลี่ยนจากคำว่าเธอ จากคำว่าชั้น
เปลี่ยนเป็นคำว่า ‘เรา’
จนกว่าวันนั้นช่วยรอได้ไหมเธอ...
ยกเครดิตให้คุณลิเดียไปเลยค่า ส่วนเครดิตเพลงจากเว็บสนุก โนว์มันบ้าพลังนั่งเขียนยันตีหนึ่งตีสองเพราะเพลงนี้เพลงเดียว = = <<<แล้วหนังสือสอบแกล่ะ???.......ฮะ.......อะไรนะ หนังสืออะไร ไม่ได้ยี๊นนนนนนน(สี่คูณร้อยหนีเข้าซอกเน็ต)
เกิดบ้าคลั่งกะทันหันค่ะ คิดถึงหนูตะวันเค้าเหมือนกัน เฮ้อ แย่จริง โนว์ชอบเถลไถล = =
นั่งพิมพ์ตอนหนึ่งอยู่ ฮาๆ ถ้าเสร็จจะเสิร์ฟค่ะ แต่ถ้าไม่.....ก็เจอกันเมื่อชาติต้องการ เอริ๊กซ์(แกไม่อ่านหนังสือแล้วเรอะ!!! =[]= ) ฮือ.....เบื่อช่วงเอ็นท์จริงว้อยยยยยยย(หนีเข้าซอกเน็ตอีกครั้ง)
ชิ ตอบเม้นท์ดีก่า ชิๆๆๆ โนว์ตอบไปอัพไปนะคะ ไม่ขึ้นไว้ว่างๆค่อยกดเข้ามาดูใหม่
คุณ naminie - ฮ่าๆๆๆ แกล้งคนแก่(วิ่งหลบหม้อไหกะละมัง) โนว์ชอบแกล้งคนอ่านค่า แต่ก็เห็นด้วยกับเจ๊นะ เวลาเจ้าซีน็อตหลุดแล้วมันแบบว่า อร๊ายยยยยย ยิ่งน้องวาโดนรังแกมากๆเข้ายิ่งฮา เอิ๊กๆๆ(อีนี่โรคจิต = =) ภาคสองตัวเอกยังคงเน้นวาค่ะ แต่ว่าจะมีคนอื่นๆเข้ามาด้วยเพิ่มสีสัน(เลือดสาด) ความสะใจส่วนบุคคลค่ะ 5555 ว่าแต่เจ๊รู้ได้ไงเนี่ยว่าเจ้าวาจะถูกเล่นงาน? แม้จะเป็นวาเปล่าน้า เค้ามาเอ๊งงงงงงก็ตาม กร๊ากกกกก
ปล กอดตอบ 55
ปลล งั้นขอบัวลอยไข่หวานนะจ๊ะป้า 555555 แลกกัน เอาบัวลอยมาแล้วเดี๋ยวเอาซีกดวาให้ดู....แต่จะว่าไป มันก็กดไปหลายครั้งแล้วล่ะนะ กดหลอก เอิ๊กๆๆๆๆ
ปลลล ซื้อกินเองก็ด้ะ กระเพาะปลาไข่นกกระทามหาศาล 555 โนว์ยังไม่ส่งเนื้อเข้าปากซีง่ายๆ ไม่สะใจ ทรมานคนแก่เล่นไปในตัว แอร๊ฟ!!!(เจ๊นามิตบ)
คุณ yunjae-kyumin - ซีคิดลึกเสมอค่ะ ตานี่ถ้าไม่หึงเขาเรียกซีตัวปลอม ขี้หึงสุดขีดค่ะ หึงโหดซะด้วย เจ้าวาก็ชอบแหย่ซีหรอกนะ ชอบตามใจพ่อคุณด้วย แต่ตามใจแบบนี้ไม่ไหว น้องวาทำใจม่ายด้ายยยยยยย เอ่อ แว่วๆว่าอยากได้เพื่อนใหม่แรงๆเหรอคะ จัดให้! คราวนี้ล่ะเลือดสาด กร๊ากกกกกกก(ชั่วร้ายจริง - -)
คุณ hahn - ช่วงนี้โนว์บ้าพลังค่ะ หนังสือหนังหาเห็นแล้วจะอ้วกออกมาเป็นตัวเลข 555 ทำไมเรขาวิเคราะห์ช่างน่ารังเกียจปานนี้ เอิ๊กๆๆ ไม่ทำงานทำการนั่งพิมพ์นิยายหามรุ่งหามค่ำ พิมพ์แบบเช้าเย็น แต่ก็ดีแล้วนี่เนาะที่มาเร็ว? ฮาๆๆ
คุณ ZAFFIROBLU - จำได้สิจ๊ะอลิน ฮาๆๆ หายไปนานเหมือนกันแต่ก็ไม่ได้ลืมนะ ดีใจที่กลับมาคุยกันค่ะ ^^ เรื่องงานงอกไม่ต้องห่วงค่ะ โนว์ชอบปลูกงานให้เข้าบ้านวา(ทำครอบครัวเขาแตกแยก!!?) เรื่องงานแจ่มๆนี่ถนัด เจ้าวาซวย เอิ๊กๆๆ เดี๋ยวรอดูอิทธิฤทธิ์พี่ท่านเด็กใหม่ค่ะ เหอๆๆ
คุณ ki-bum-mi - โอ้ว ดีใจค่ะที่ใช่ กลัวทักแล้วน่าแตก กร๊ากกกก ถ้าโนว์ไปเยี่ยมจะเรียกพี่ชมพู่นะคะ แต่ในนี้ขอเรียกพี่นุชละกัน คุ้นกว่า ไม่ว่ากันเนอะ ^^ โนว์ยินดีรับแบนเนอร์ค่ะ แต่ว่า...โนว์ทำแบนเนอร์ของตัวเองไม่เป็นนี่สิ ฮาๆๆๆ = = โนว์อ่านเม้นท์พี่นุชก็ดูเรียบๆดีค่ะ มาสะดุดตรงอีตาพระเอก"หายหัว" 5555 จะรีบไปจิกมันกลับมาให้ค่ะ โนว์เองก็อยากให้เจ้าซีมาเห็น เอริ๊กซ์ หนูวาจะได้งานงอกไวๆ(วา - อะไรน้า!! =[]=)
ปล แล้วจะไปเยี่ยมนิยายนะคะพี่นุช ^^
ปล แค่หล่อนรกพ่อคุณก็จ้องหน้าแล้ว ขืนมากกว่านี้วาคงไม่ต้องออกจากห้อง 55555
คุณ Himamori - โนว์อยากเอาแสบๆค่ะ แบบว่าแรว๊งงงงง ใจง่ายหน่อยๆ 5555 เจอแล้วปิ๊งเลย พ่อคุณเขาก็อะไรแบบนั้นล่ะนะ เนือ้เรื่องก็คงจะคล้ายๆภาคแรกแหละ แต่โนว์ว่าจะปรับให้มันมีสาระซักหน่อย แต่แหม กลัวสาระหาไม่เจอจัง - -
คุณ ผู้วิเศษในคราบมนุษย์ - จะรีบเฉลยพ่อเด็กใหม่ใจง่ายค่ะ คิดว่าคงไม่นาน(อีกไม่กี่ชั่วโมง) ฮาๆๆ โนว์กำลังปั่น แต่ก็ไม่เข้าใจ ทำไมชอบเอาตอนพิเศษมาคั่น? เหอๆ
คุณ nonyya - อย่าเพิ่งรีบตัดจบค่า ยังมีต่ออีกเย้ออออ 5555 เดี๋ยวจะพยายามมาอัพบ่อยๆนะคะ นี่ก็ใกล้เสร็จตอนหนึ่งละ สู้ๆ!
คุณ ~คนไร้ค่า~ - ไม่ถึงกับไม่มีเลย แต่เฮ้อ เน้นหลายคู่มากซีกับวาจะหายเอาน่ะสิ โนว์กลัวจะเป็นงั้นเลยว่าจะเขียนแยกๆเอา เหอๆ เข้าใจถูกแล้วค่ะ ก็ได้แต่หวังว่าจะชอบตัวละครใหม่ๆกับซีวาในรูปแบบที่โตขึ้น(ติ๊ด...นึง)นะคะ ฮา
ปล ดีใจที่ชอบรูปหนูตะวันค่ะ แต่เรื่องพี่กานต์นี่โนว์หาอิมเมจเขาไม่ได้อ่ะค่ะ ไม่ค่อยรู้จักดาราหล่อๆ ฮาๆ อิมเมจพี่กานต์เค้าหล่อแบบไทยๆไงเลยไม่อยากเอาดาราญี่ปุ่นเหมือนคนอื่น อันที่จริงพี่ต้อลเขาก็ไม่เชิงตรงกับที่โนว์คิดค่ะ แต่โนว์หาไม่ด้ายยยยย ถ้าไงก็ลองเอารูปมาโพสลงได้นะคะ โนว์จะได้ดูว่ามันเข้าเค้ารึเปล่า ^^
คุณ Di NatcheSS~ - ซีมันบ้าจี้ค่ะ เขายั่วอะไรก็ชอบไปเต้นตาม แถมยังหึงโหดมหาศาล เอริ๊กซ์ เรื่องนี้รีดเดอร์คงทราบกันดีจากท่าทางตลอดมาที่เฮียแกแสดงออก กรั่กๆๆ(เฮ้ยยย หัวเราะอะไรเนี่ย - -?) โนว์ชอบให้ยั่วโมโหซีเหมือนกัน ดังนั้นเรื่องมือที่สามหายห่วงค่ะ เล่นแน่(เอ๊ะ มันน่าห่วงมากขึ้นนะเนี่ย...) แต่ว่า จะเอาถึงขั้นเลิกกันเลยเร้ออออ สงสารเจ้าวาอ่ะ เหอๆๆ
ปล ดีใจที่ชอบอิมเมจค่ะ รูปตาซีตอนไปเห็นคานาเมะ จุน นี่โนว์ปิ๊งเลยว่า โอ้วววว นี่แหละซี มาดนี้เลย หน้าตาเจ้าพ่อมาเฟียสุดๆ ฮาๆ มีอีกคนนะคะที่หน้ามาเฟีย นิสัยก็คล้ายๆซี เจ้าเนมน่ะค่ะ(ยังไม่ออก)
ปลล ไล่เขาไปคู่กันเองเลยเหรอ ดูหน้าตะละคนแล้วมีแต่เมะนะจ๊ะ เอริ๊กซ์....
ปลลล น้องวีรุกหรือรับ เชิญติดตามค่ะ ^^ ฮ่าๆๆๆ(รีบวิ่งหนีกันโดนตื้บ)
คุณ a-fairy-tale-story - ชอบในวงเล็บจัง อีกแล้ว 55555 แต่ก็ไม่ค่อยจะมีใครชนะซีได้เลย อันนี้โนว์ก็ไม่รู้นะ แต่ว่าถ้าป่วนซีให้สติแตกได้ก็ดีสิ สะใจโนว์(อีนี่โรคจิต!!! =[]=)
คุณ ping_ping> - ฮา ไม่ต้องอายเพราะเห็นกันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว น่าสงสารเจ้าวา เอิ๊กๆๆ(นี่สงสารแล้วเรอะ?) ถ้าโนว์จับแยกกัน พี่บุ้งจะทุบหัวโนว์รึเปล่าคะ? 5555 ร้ายแรงๆ โนว์ไม่ค่อยชอบอะไรเศร้าๆ แต่ชีวิตนี้มันก็เอาแน่ไม่ได้ โดยเฉพาะอารมณ์หิมะเมืองไทยอย่างอีสโนว์ กร๊ากกกกก ถามหาคู่กานต์ตะวัน จัดให้ค่ะ ขอให้สนุกกับตอนพิเศษและภาคสองนะคะ ><
คุณ นายอ้วนTunt - เป็นโรคใจง่ายชนิดหนึ่งค่ะ 55555 Love at first sight ของแท้ พ่อคุณเขาเป็นคนประมาณนี้แหละนะ เหอๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าเปลี่ยนเรื่องเป็นโดดมาเจอซีมันจะเป็นยังไง กร๊ากกกกก
คุณ ReNaI---aWaRe - อย่าไปยั่วซีคือทางเลือกที่ฉลาดสำหรับวา แต่เจ้าวาก็ไม่เคยทำเช่นนั้นซะที 5555 เห็นทุกทีก็มีแต่ทำเค้าตบะแตกแล้วง้อที่หลัง ฮา....วิธีหยุดการนับวิธีนั้นคงจะมีแต่วาแหละที่กล้าทำ บ้าบอที่สุดในโลก เอิ๊กๆ ส่วนเจ้าเด็กใหม่ เตรียมเปิดเผยค่ะ เดี๋ยวโนว์จะปั่นลงต่อละ จะได้ไม่ต้องรอนานกัน(สไมล์กว้างๆหนึ่งที...เฮ้ย.....แล้วหนังสือสอบแกล่ะ!!! =[]=)
ตอบหมดแล้วค่ะ ขอตัวไปปั่นตอนหนึงต่อก่อนล่ะ หลังจากบ้าหลังเพราะเพลงคุณลิเดีย 5555
ความคิดเห็น