ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] อลวนรัก หอพักสุดเพี้ยน (Super Junior Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #34 : Chapter 29 : คำสารภาพ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.99K
      6
      9 ก.ค. 54

    Chapter 29 : คำสารภาพ
     
     
     
     
     
     
                    เวลาหนึ่งสัปดาห์มันผ่านไปอย่างรวดเร็วเสียเหลือเกิน วันหยุดที่หลายคนรอคอยเวียนมาบรรจบอีกครั้งกับเช้าวันอาทิตย์ที่แสนจะสดใสของใครบางคน หากแต่กลับเป็นวันที่ทำให้อีกคนหน้าตาบึ้งตึงได้ตั้งแต่ลุกออกจากเตียง
     
                เข็มสั้นของนาฬิกาเบนชี้ที่เลขสิบได้เวลาออกเดินทางไปยังสวนสนุกสถานที่นัดเดทของคู่รักหลายคู่ ซองมินหมุนตัวซ้ายขวาตรวจดูความเรียบร้อยของตัวเองหน้ากระจกก่อนจะเดินมาหยิบกระเป๋าเป้ที่โต๊ะ ดวงตากลมโตจ้องมองไปยังรูมเมทร่างสูงที่สนใจแต่โน้ตบุ๊กของตนตั้งแต่ตื่นนอน สีหน้าเรียบนิ่งราวกับไม่สนใจสรรพสิ่งรอบข้าง
     
                “ไปก่อนนะคยูฮยอน ตอนเย็นกินอะไรดีจะได้ซื้อเข้ามา” ซองมินเอ่ยถามน้ำเสียงประหม่า เพราะท่าทางมึนตึงตั้งแต่เช้าของคยูฮยอนทำให้เขาไม่อยากจะเข้าใกล้มากนัก ไม่รู้ว่าไปอารมณ์เสียอะไรมา
     
                “แล้วแต่นายเถอะ” คยูฮยอนตอบสั้นๆโดยไม่เหลียวมามองซองมินแม้แต่นิด ไอ้อาการกินรังแตนแต่เช้าของเขาก็ไม่ใช่อะไร เหตุเพราะการเดทของรูมเมทจอมพูดมากกับน้องสาวสุดแสบของเขาวันนี้นั่นแหละ ตั้งแต่รู้เรื่องนี้เขาก็มักจะอารมณ์เสียตลอดเวลาที่ได้ยินซองมินพูดถึงมัน
     
                “งั้นไปแล้วนะ” เอ่ยบอกอีกครั้งก่อนจะเปิดประตูห้องก้าวออกไปข้างออก แต่ก็ยังมิวายหันกลับมามองคยูฮยอนที่ยังคงนั่งอยู่ท่าเดิม ด้วยความเป็นห่วง เป็นอะไรของเขากันล่ะนี่
     
                ฉับพลับเมื่อประตูห้องปิดลง คยูฮยอนกลับเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว เขาเดินไปหยิบชุดในตู้เสื้อผ้าก่อนจะเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำภายในเวลาไม่กี่นาที จากนั้นจึงหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายออกจากห้องไป
     
                ไปไหนน่ะเหรอ?
     
                ตามไปดูการเดทของรูมเมทจอมพูดมากกับน้องสาวเขาไงล่ะ
     
                ตลอดเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา โทรศัพท์ที่ดังไม่เว้นแต่ละวัน เสียงคุยจ๊ะๆจ๋าๆที่ได้ยินมันสร้างอารมณ์หงุดหงิดใจให้คยูฮยอนยิ่งนัก โดยเฉพาะสรรพนามที่ซองมินกับซันนี่ใช้เรียกแทนกัน ได้ฟังกี่ทีไรมันเกิดอาการหมั่นไส้ได้ทุกครั้ง อีกอย่างคือเขาไม่ไว้ใจซันนี่เท่าไหร่นัก ถึงจะเป็นผู้หญิงแต่ก็แสบใช่ย่อย ถ้าปล่อยให้ซองมินอยู่กับซันนี่ตามลำพังเขาคิดว่าคงโดนลวนลามจนช้ำเป็นแน่ รูมเมทอย่างเขาเลยต้องตามไปดู
     
                 คยูฮยอนตามซองมินมาถึงป้ายรถประจำทางที่หน้ามหาวิทยาลัยภายในเวลาไล่เลี่ยกัน เมื่อรถมาจอดเทียบป้ายซองมินเดินขึ้นไปด้วยท่าทีไม่เร่งรีบ เขาจึงเดินตามขึ้นไปโดยทิ้งระยะห่างไม่มาก ซองมินเลือกที่นั่งบริเวณกลางรถเขาจึงเลือกที่จะไปนั่งด้านหลัง ระหว่างที่เดินส่วนเข้าไปในด้านในเขาลอบมองที่คนเอาแต่นั่งมองวิวด้านนอกโดยไม่ได้สังเกตเลยสักนิดว่ามีคนตามมา
     
                ใช้เวลาราวๆหนึ่งชั่วโมงก็เดินทางมาถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ ซองมินเดินไปรอแฟนสาวที่ทางเข้าด้านหน้า มือเรียวสวยล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก่อนจะกดโทรออกเบอร์ของคนที่กำลังรอ พูดคุยอยู่สองสามประโยคก่อนจะวางสาย ส่วนคยูฮยอนลอบมองอยู่ไม่ไกลนักปะปนอยู่กับผู้คนและนักท่องเที่ยงที่เดินสวนกันไปมา
     
                “มินนี่มานานหรือยังเอ่ย ขอโทษที่ให้รอนะคะ” รอไม่นานนักคนที่นัดไว้ก็มาถึง ซันนี่เอ่ยถามเสียงสดใสพลางเดินเข้าไปกอดแขนซองมินไว้อย่างเจ้าข้าวเจ้าของ
     
                “ไม่เป็นไรครับ เราเข้าไปข้างในดีกว่านะ”
     
                คุยกันไม่กี่ประโยคทั้งคู่ก็ควงกันไปซื้อบัตร แต่เหมือนจะเป็นซันนี่ฝ่ายเดียวที่ดูระริกระรี้เสียเหลือเกิน มือทั้งสองข้างเกาะแขนซองมินไว้แน่นเพราะวันนี้แฟนเธอแต่งตัวน่ารักเป็นพิเศษ ไม่ให้ห่วงก็คงจะไม่ได้ ดูจากสายตาใครต่อใครที่จ้องมองมินนี่ของเธอ จะบอกว่าดึงดูดได้ทั้งเพศตรงข้ามและเพศเดียวกันก็ถูก เธอเองยอมรับและเข้าใจในเรื่องนี้ไม่งั้นเธอคงไม่ตกหลุมรักซองมินตั้งแต่แรกเห็น มีแฟนหน้าตาดีต้องทำใจ
     
                ไม่ปล่อยให้ระยะห่างมีมากนักคยูฮยอนจึงซื้อบัตรแล้วเดินตามทั้งคู่เข้าไป แต่เพราะวันนี้เป็นวันหยุดทำให้คนเยอะเป็นพิเศษ ทั้งครอบครัวที่พาลูกๆมาเที่ยว เพื่อนฝูงนักเรียนมัธยมกลุ่มใหญ่ๆ หรือแม้แต่คู่เดทเหมือนสองคนนั้นที่เดินกันให้เกลื่อนสถานที่ เห็นแล้วมันน่าอิจฉาเสียจริง
     
                “จะเล่นอะไรก่อนตามใจมินนี่เลยนะ แล้วเดี๋ยวพอเย็นๆเราไปนั่งชิงช้าสวรรค์กันนะคะ” ซันนี่เอนหัวซบกับไหล่ของซองมินบอกด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ตอนนี้จะเล่นอะไรก็ได้เธอตามใจซองมินเต็มที่ ส่วนอะไรที่มันโรแมนติกต้องเอาไว้เป็นอันดับสุดท้าย
     
                “งั้นเราไปนั่งพักหรือไปหาอะไรกินกันก่อนมั้ย” ซองมินเสนอเพราะเขายังไม่พร้อมที่จะรับมือกับเครื่องเล่นพวกนี้ ขอไปนั่งพักหาอะไรกินนิดๆหน่อยๆให้พอสบายใจแล้วกลับมาลุยรวดเดียวเลยดีกว่า
     
                “แล้วแต่มินนี่เลยค่ะ” ด้านซันนี่เองก็ไม่คิดจะขัดอยู่แล้ว ว่าไงว่าตามกัน
     
                เมื่อตกลงกันได้ซองมินจึงพาซันนี่เดินไปนั่งหลบแดดอ่อนๆที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่โดยฝ่ายหญิงนั้นกอดแขนไว้ไม่ยอมห่าง ถึงอยากจะแกะมือซันนี่ออกแต่ก็ไม่กล้าอีกตามเคยเพราะรู้สึกว่ามันดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่กับการจู่โจมแบบถึงเนื้อถึงตัวของแฟนสาว อีกทั้งสายตาหลายๆคู่ที่มองมา ถึงพวกเขาจะไม่ได้มองด้วยสายตาตำหนิ แต่มันก็คงไม่ควรเท่าไหร่นัก อีกอย่างซันนี่เพิ่งจะเรียนอยู่ชั้นม.ปลาย เขาคิดว่าเธอยังเด็กเกินไปแต่นิสัยของเจ้าตัวกลับไม่เด็กและใสซื่อตามอายุ เขาชอบที่ซันนี่เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย มันทำให้เขารับรู้ถึงความจริงใจที่คนๆนี้แสดงออกมา ความจริงเขาไม่ค่อยชอบท่าทางที่แสดงออกมาเกินไปของเธอนัก หรืออาจจะเป็นเพราะเขาไม่ชินเลยตั้งรับไม่ทันก็เป็นได้ ทุกครั้งที่เจอกันจะมีคยูฮยอนคอยห้าม แต่วันนี้ไม่มี สงสัยถ้าเกิดอะไรขึ้นคงต้องปล่อยเลยตามเลย
     
                “ซันนี่อยากกินอะไรมั้ยเดี๋ยวพี่ไปซื้อให้”
     
                “แทนตัวเองว่ามินนี่สิคะ เราสัญญากันแล้วนะ” ซันนี่ทวงสัญญาขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินอะไรที่มันขัดหู ซองมินนั้นได้แต่ยิ้มแห้งๆ บอกตรงๆว่าเขาไม่ค่อยชอบชื่อมินนี่เท่าไหร่นัก มันเหมือนผู้หญิงและมันดูน่ารักเกินไปสำหรับผู้ชายอย่างเขา
     
                “ครับๆ แล้วอยากทานอะไรครับ” ซองมินถามอีกครั้ง
     
                ซันนี่ยิ้มหวานให้ก่อนจะทำท่าคิดให้มันดูน่ารักน่าชัง แต่มันกลับดูน่าหมั่นไส้สำหรับใครอีกคนที่มองดูอยู่ คยูฮยอนลอบมองทั้งคู่อยู่ที่ต้นไม้ใหญ่อีกฝั่ง ถึงแม้จะไม่ได้ยินเสียงแต่ท่าทางร่าเริงกับอาการงอนๆง้อๆ ของซันนี่ก็ทำให้เขาเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่ารูมเมทจอมพูดมากของเขาต่อกรอะไรกับซันนี่ไม่ได้อยู่แล้ว ที่ผ่านมาเห็นมีแต่ยอมกับยอมมาตลอด
     
                “ซันนี่อยากกินไอศกรีมค่ะ แต่ว่าเราเดินไปซื้อด้วยกันดีกว่า” เมื่อคิดได้ซันนี่ก็ทำการฉุดแขนซองมินให้ลุกขึ้นตาม เธอคิดว่าไปหาซื้ออะไรกินแล้วก็เดินเล่นไปรอบๆด้วยกันน่าจะดีกว่ามานั่งปักหลักอยู่ที่เดิมแบบนี้
     
                ซองมินทำได้แค่พยักหน้าตามก่อนจะเดินไปตามแรงดึงของซันนี่ สาวเจ้ายังคงกอดแขนไว้แน่นพลางแอบอิงพิงซบไปด้วยให้ใครหลายๆคนที่มองได้อิจฉาเธอที่มีแฟนน่ารักแบบนี้ เสียงเจื้อยแจ้วชวนคุยไม่หยุดหย่อนระหว่างทางเดินซึ่งคนคุยเก่งอย่างซองมินเองก็ชอบที่จะต่อบทคุยเล่นกันไปเรื่อยเปื่อยแบบไม่รู้จักเบื่อ จนทั้งคู่เดินมาถึงร้านไอศกรีม
     
                ไอศกรีมโคนสองอันตามออร์เดอร์ ที่สั่งถูกยื่นมาให้ และเมื่อได้ของกินสมใจอยากคราวนี้ซองมินเลยถูกปล่อยตัวเป็นอิสระเพราะซันนี่หันไปสนใจไอศกรีมที่อยู่ในมือแทน อีกอย่างเธอกลัวว่าถ้ามัวแต่เดินเกาะแขนซองมินแล้วกินไปด้วยมันจะเลอะเทอะเอา
     
                “กินเลอะเป็นเด็กเลยนะคะมินนี่” ซันนี่ที่หันมาเห็นแฟนหนุ่มของตนกินไอศกรีมเลอะที่มุมปากเลยหยิบทิชชูออกมาเพื่อจะเช็ดให้พลางหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี ในที่สุดก็จะได้มีฉากหวานๆให้เธอได้ลองทำเหมือนในหนังแล้ว
     
                “เดี๋ยวเช็ดเองดีกว่า” ซองมินส่งยิ้มบางเบาพลางยื่นมือหวังจะไปจับทิชชูที่อยู่ในมือมาเช็ดเอง เขาไม่คุ้นเท่าไหร่กับการที่ผู้หญิงต้องมาดูแลแบบนี้
     
                “ไม่เอาค่ะซันนี่จะเช็ดให้” แต่แฟนสาวกลับปฏิเสธแข็งขัน ก่อนจะยิ้มตอบกลับไปเมื่อซองมินยอมลดมือลงตามที่สั่ง
     
                ซันนี่ก้าวเข้าไปใกล้ซองมิน เงยใบหน้าสบกับดวงตากลมโตของชายหนุ่มตรงหน้าซึ่งจ้องกลับด้วยแววตาหวาดหวั่นเล็กๆ ซันนี่กระตุกยิ้มชอบใจจับกระดาษทิชชูเช็ดเบาๆที่มุมปากสวยได้รูปของแฟนหนุ่ม ริมฝีปากเล็กเผยรอยยิ้มน่ารักให้คนตรงหน้าซึ่งก็ได้รับรอยยิ้มแบบเดียวกันกลับมาเมื่อทำความสะอาดเสร็จ
     
                สายตาของทั้งคู่สบกันนิ่งเหมือนกำลังสื่อความหมายอะไรบางอย่าง ซันนี่เขย่งปลายเท้าขึ้นทีละนิด พลางเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ซองมินที่ยังคงวางตัวนิ่งไม่มีท่าทีขัดขืนกับการรุกรานของเธอ เปลือกตาสวยหลับพริ้มเมื่อปลายจมูกทั้งคู่ห่างกันเพียงน้อยนิดจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจถี่รวนของคนตรงหน้า ซองมินคงจะตื่นเต้นกับจูบที่เธอกำลังจะมอบให้ล่ะสินะ
     
                “โอ้ย!”  อารมณ์ที่อุตส่าห์สร้างขึ้นมาเตลิดเปิดเปิงทันทีเมื่ออยู่ๆก็มีคนเดินมาชนซันนี่อย่างแรงจนตัวเธอเซไปตามแรงกระแทก ซองมินที่เพิ่งตั้งสติได้รีบคว้าแขนซันนี่ไว้ก่อนที่เธอจะล้มก้นจั้มเบ้าไปเสียก่อน
     
                “ไอ้บ้า! ชนคนอื่นยังไม่ขอโทษอีก! ไม่เห็นคนหรือไง!” ซันนี่ที่อารมณ์โมโหพุ่งปี๊ดหันไปด่าคู่กรณีที่เดินผ่านไปอย่างหน้าตาเฉยโดยไม่มีการเหลียวมามองเธอเลยแม้แต่นิด ถ้าไม่ติดว่าซองมินจับแขนเธอไว้อยู่คงเข้าไปกระชากหมอนั่นให้ได้มีเรื่องกันสักยกสองยกแน่
     
                “ช่างเถอะซันนี่” ซองมินออกปากห้าม ดวงตากลมโตมองตามแผ่นหลังของชายร่างสูงที่อยู่ในชุดสีดำทั้งชุดสวมหมวกแก๊ปสีเดียวกันกับท่าเดินก้มหน้าก้มตามือสองข้างล้วงกระเป๋าอย่างไม่สนใจชาวบ้านที่เพิ่งเดินชนซันนี่ไปอย่างคุ้นตา รูปร่างท่าทางของคนๆนี้คล้ายกับใครสักคนที่เขารู้จัก
     
                “ก็ได้ค่ะ แต่อ๊าย!! เสื้อซันนี่เลอะไอติมหมดเลยดูสิ” พยักหน้ายอมความอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่สุดท้ายก็ต้องร้องออกมาเสียงแหลมปี๊ดเมื่อก้มดูความเรียบร้อยของตัวเองแล้วเจอไอศกรีมที่เธอทานอยู่เมื่อกี้มันเลอะอยู่เต็มชุดเดรสสีชมพูหวานแหววของเธอนี่เอง
     
                “ซันนี่รีบไปห้องน้ำดีกว่านะ” เพราะเห็นว่าซันนี่จะโวยวายอีกรอบซองมินเลยรีบลากแฟนสาวของตนไปห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดคราบไอศกรีมออกก่อนที่มันจะฝังแน่นกว่าเดิม
     
                ซันนี่เลยได้แต่กระฟัดกระเฟียดอยู่ในใจมองตามทางที่ผู้ชายคนนั้นเดินหนีไปอย่างนึกแค้น เสียดายที่เมื่อกี้ไม่ทันได้มองหน้า แต่อย่าให้เจออีกเชียวนะเธอจะอาละวาดให้เละเลย
     
     
               
                “จะจูบกันกลางสวนสนุก บ้าไปแล้ว!” คนที่ลอบดูเหตุการณ์ได้แต่กระฟัดกระเฟียดไม่แพ้น้องสาวตนเองกับฉากสวีทที่เขาเพิ่งไปทำลายมันมาหยกๆ เขารู้ดีว่าซันนี่เป็นคนเปิดเผยและกล้าแสดงออกขนาดไหน แต่ไม่คิดว่าจะกล้าจูบซองมินกลางสวนสนุกแบบนี้ สงสัยถ้าเขาคาดสายตาไปรูมเมทจอมพูดมากผู้ใสซื่อ(บื้อ)บริสุทธิ์ของเขาคงไม่รอดเงื้อมือน้องสาวสุดแสบคนนี้แน่
     
                ลอบมองต่อได้สักพักคยูฮยอนเห็นสองคนนั้นเดินไปทางห้องน้ำจึงเดินตามไป ซันนี่เดินหน้าตึงเข้าไปในห้องน้ำหญิงส่วนซองมินนั้นยืนรออยู่ด้านนอก กระเป๋าเป้สีดำใบไม่ใหญ่มากที่นำมาด้วยถูกเปิดออกก่อนที่ซองมินจะหยิบเสื้อแขนยาวมีฮู้ดสีขาวเนื้อผ้าไม่หนามากที่พกมาด้วยออกมา ที่จริงเขาเอามาเผื่อใส่กันแดดแต่มันคงได้ใช้ประโยชน์อย่างอื่นมากกว่า
     
                “ดูสิคะเปื้อนหมดเลย” ไม่นานนักซันนี่ก็เดินหน้าบึ้งออกมาจากห้องน้ำ มาถึงก็ออกปากบ่นพร้อมกับชี้คราบไอศกรีมที่ล้างไม่ออกให้ซองมินดู ชุดสวยๆของเธอเสียหมดแบบนี้
     
                “ไม่เป็นไรหรอก ซันนี่ใส่เสื้อตัวนี้คลุมไว้นะ ยังไงก็ดูสวยเหมือนเดิม” ซองมินยื่นเสื้อที่ถืออยู่ไปตรงหน้าซันนี่ เธอมองเหมือนชั่งใจสักพักก่อนจะยิ้มออกแต่กลับไม่ยอมรับเสื้อไปใส่
     
                “ใส่ให้ซันนี่หน่อยสิคะ” ขออย่างออดอ้อน คนเป็นแฟนอย่างซองมินเลยได้แต่ยิ้มแหยๆกลับไป แต่สุดท้ายก็ยอมตกลงทำตาม
     
                ซองมินเขยิบเข้าไปใกล้ซันนี่ก่อนจะสวมเสื้อให้ เขาตวัดเสื้อทั้งตัวไปด้านหลังแล้วให้ซันนี่สอดแขนใส่เข้ามาทีละแขน จากนั้นจึงรูดซิบขึ้นมาปิดคราบน่าเกลียดนั่นไว้ ใส่เสร็จจึงรีบผละออกมาแล้วยกยิ้มให้เด็กสาวตรงหน้าที่มองเขาด้วยสายตาหวานซึ้ง สายตาที่ซันนี่ไม่ได้ใช้มองเขาบ่อยนัก ส่วนมากจะเป็นสายตาขี้เล่นกับท่าทางที่ดูไม่จริงจัง เจอมองด้วยสายตาแบบนี้เขาเองก็รู้สึกแปลกอยู่เหมือนกัน
     
                “เราไปเล่นเครื่องเล่นกันดีว่านะคะ” เมื่อจัดการกับปัญหาคราบไอศกรีมเสร็จ ซันนี่จึงออกปากชวนและโดยไม่ต้องรอคำตอบก็เข้าไปกอดแขนซองมินออกแรงพาเดินไปยังเครื่องเล่นชิ้นแรกที่เธอหมายตาไว้ ได้ออกมาเดทกันทั้งทีถ้ามัวคิดแต่เรื่องไร้สาระมันก็เสียบรรยากาศเปล่าๆ สู้สร้างความทรงจำดีๆระหว่างกันละกันเอาไว้ดีกว่ากันเป็นไหนๆ
     
     
     
                เข็มเวลาของวันแสนสุขเดินผ่านเลขบนหน้าปัดนาฬิกาไปอย่างรวดเร็ว จนตอนนี้ก็ล่วงเลยมากว่าห้าชั่วโมงแล้ว แสงแดดที่เคยสาดส่องให้ความสว่างค่อยๆหายไปพร้อมกับการปลดปล่อยอารมณ์อย่างสนุกสุดเหวี่ยงกับเครื่องเล่นต่างๆนานาภายในสวนสนุก
     
                คู่รักสุดน่ารักประจำวันเปลี่ยนจากเดินกอดแขนมาเป็นจับมือแทน เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นเป็นระยะเมื่อต่างคนต่างเล่าความรู้สึกน่าหวาดเสียวที่เพิ่งได้ประสบพบเจอกันมากับแรงเหวี่ยงของเครื่องเล่นที่กระชากหัวใจจนเกือบจะหลุดออกจากอก ท่าทางการเล่าเรื่องของซันนี่กับสีหน้าที่แฟนสาวแสดงออกมันดูน่ารักน่าชังจนซองมินอดไม่ไหวต้องยกมือขยี้ผมแรงๆสักหนึ่งทีด้วยความหมั่นเขี้ยว เขายอมรับเลยว่าได้อยู่ได้คุยกับซันนี่ทั้งวันแบบนี้ คำว่าเบื่อไม่มีผลุดขึ้นมาในความรู้สึกอย่างแน่นอน
     
                “ซันนี่หิวแล้วล่ะค่ะ เราไปหาอะไรกินกันเถอะ เล่นจนเพลินไปเลย” ซันนี่ออกปากชวนเพราะตั้งแต่ที่กินไอศกรีมกันไปพวกเขาก็ยังไม่ได้กินอะไรอีกเลย มัวแต่สนุกจนลืมหิว แต่ตอนนี้ไส้จะขาดแล้ว
     
                “ไปสิ” พยักหน้าตอบรับอย่างง่ายดายเพราะซองมินเองก็หิวมากเหมือนกัน
     
                ทั้งคู่เดินจับมือกันไปยังร้านอาหารเล็กๆซึ่งต้องใช้เวลาเดินอยู่พอสมควร ทำให้ลดพลังงานและเพิ่มความหิวได้เป็นอย่างดี เมื่อนั่งลงที่โต๊ะมีเมนูมาอยู่ในมือต่างคนก็เริ่มสั่งอาหารที่ตัวเองอยากทานราวสองสามอย่าง ถึงจะหิวมากแค่ไหนพวกเขาก็รู้ลิมิตตัวเอง ไม่อยากจะสั่งเยอะแล้วกินกันไม่หมด มันสิ้นเปลือง
     
                ด้านคยูฮยอนเองก็เข้ามาสั่งอาหารในร้านนี้ทานเช่นกันโดยเลือกที่นั่งให้พอมองเห็นพฤติกรรมของทั้งคู่ได้ ลองนึกย้อนมองการกระทำบ้าๆของตัวเองในวันนี้บางทีมันก็อดขำไม่ได้ ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะต้องลงทุนลงแรงขนาดนี้เพื่อตามมาดูการเดทของรูมเมทกับน้องสาวตัวเอง ยังดีที่ช่วงหลังนี้ซันนี่ยังไม่รุกรานซองมินมากนัก ไม่งั้นเขาคงต้องยอมเปิดเผยตัวเป็นแน่
     
                นั่งพักให้ร่างกายสบายในร้านอาหารได้ชั่วโมงกว่าซันนี่ก็ชวนซองมินออกจากร้าน ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเย็นบรรยากาศโดยรอบนั้นดีไม่น้อย ภายในสวนสนุกเริ่มเปิดไฟสีสันหลากตาดูสวยงามยิ่งนัก อีกทั้งขบวนพาเหรดที่ได้เวลาโชว์ต่างออกมาเดินอวดโฉมให้ได้ชมกัน
     
                “ไปนั่งชิงช้าสวรรค์กันนะคะ” ซันนี่หันมาถามด้วยแววตาและน้ำเสียงที่ต่างไปจากเดิม ไม่มีท่าทีรุกรานหรือร่าเริงจนเกินเหตุที่ซองมินได้เห็นมาทั้งวัน แต่เป็นสายตาใสซื่อของเด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังเชื้อเชิญให้เขาทำตามคำขอของเธอ
     
                “ครับ” ซองมินพยักหน้าตอบรับแล้วยิ้มหวานกลับไปให้
     
                ซันนี่เลื่อนมือไปจับมือซองมินไว้ นิ้วทั้งห้าสอดประสานและจับกันไว้แน่น สองขาก้าวเดินไปท่ามกลางรอยยิ้มที่ดูมีความสุขของคนทั้งคู่ หากแต่ไม่ใช่ของใครอีกคนที่มองการกระทำทั้งหมดนั้นด้วยความรู้สึกขัดใจ คยูฮยอนเดินตามทั้งคู่ไปด้วยความหงุดหงิดที่มีอยู่เต็มอก ไปตามทางที่ทอดยาวไปยังเครื่องเล่นขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าท่ามกลางคู่รักมากมาย
     
                ชิงช้าสวรรค์ กับการควงคู่กันขึ้นไปสัมผัสสายลมยามค่ำคืนในบรรยากาศสุดแสนโรแมนติกพร้อมชมวิวทิวทัศน์รอบเมือง ความเป็นส่วนตัวภายในห้องแคบๆ กับการบอกรักและจูบที่แสนหวานที่ต่างฝ่ายต่างมอบให้กันเหมือนในซีรีย์เกาหลีหลายๆเรื่อง
     
                คิดเองแล้วคยูฮยอนกลับต้องรีบส่ายหัวเอาความคิดบ้าๆพวกนั้นออกไปจากสมอง เขาไม่อยากนึกฉากรักหวานซึ้งระหว่างสองคนนั้น ถึงแม้มันอาจจะกลายเป็นจริงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าก็ตาม เขาไม่อยากให้ซันนี่จูบซองมิน เขาไม่อยากเห็นสองคนนั้นเดินกอดแขนหรือจับมือกันอีกแล้ว และเขาไม่อยากให้ซองมินเป็นแฟนกับซันนี่อีกแล้ว มันอาจจะดูเห็นแก่ตัวที่เขาคิดอะไรแบบนี้ เหมือนคนที่กำลังคิดจะแย่งแฟนชาวบ้านแต่ซ้ำร้ายกว่านั้นคือคนๆนั้นเป็นน้องสาวของเขา เขากำลังคิดจะแย่งแฟนน้องสาวตัวเองอย่างนั้นเหรอ มันเป็นอะไรที่บ้าบอสิ้นดี
     
                “เอาไงดี” คยูฮยอนพึมพำขึ้นกับตัวเอง สายตาทอดมองซองมินกับซันนี่ที่เดินจับมือกันเข้าใกล้สถานที่สุดโรแมนติกนั้นเรื่อยๆ โดยสองขาของเขาก็ยังคงก้าวตามทั้งสองไปเรื่อยๆเช่นกัน ถึงจะพยายามคิดในสองแง่สองด้าน เอาความชั่วความดีมาบวกลบคูณหารอีกทั้งบาปกรรมต่างๆนานา เขารู้ตัวดีว่าตอนนี้เขากำลังคิดทำอะไรที่ผิดอย่างมหันต์ แต่เขาก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้อยู่ดี
     
                ระยะห่างเพียงไม่กี่เมตรเท่านั้นคยูฮยอนจะเดินไปถึงตัวซองมินกับซันนี่ ซึ่งทั้งคู่กำลังก้าวเข้าไปในแคปซูลที่จอดนิ่งอยู่ตรงหน้าด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ความสุขที่เขาไม่อยากให้มันเกิดขึ้นเลยระหว่างสองคนนี้
     
                “ซองมิน!” คยูฮยอนเอ่ยเรียกชื่อคนที่เขาหวงแหนดังก้องทั่วบริเวณนั้นจนหลายคนหันมามอง รวมไปถึงคนทั้งที่นั่งอยู่ในแคปซูลซึ่งกำลังลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ
     
                ดวงตากลมโตหันลงมาสบกับสายตาคมเข้มที่มองเหมือนอยากขอร้องอะไรสักอย่าง ซองมินเบิกตากว้างเมื่อเห็นรูมเมทตัวเองยื่นอยู่ด้านล่าง ท่ามกลางความสับสนมึนงงที่ประดังประเด่เข้ามา อยากจะออกไปจากที่นี่ตอนนี้ก็ทำไมได้ คำถามเดียวที่วนเวียนอยู่ในใจตอนนี้ คยูฮยอนมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน
     
                “พี่คยูฮยอน” ซันนี่เองก็ตกใจไม่แพ้กันที่เห็นพี่ชายตัวเองปรากฎตัวที่นี่ เธอหันไปมองแฟนหนุ่มที่เอาแต่มองลงไปด้านล่างบริเวณที่คยูฮยอนยืนอยู่ทั้งที่แคปซูลก็ลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ซองมินกลับไม่หันมาสนใจเธอเลยสักนิด
     
                “พี่เขามาที่นี่ทำไม” เอ่ยถามต่อด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก สายตาที่เคยร่าเริงสดใสตอนนี้นิ่งสนิท เมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวัน ผู้ชายตัวสูงที่ดูคุ้นตาตอนนี้คงไม่ต้องเดาแล้วว่าคนๆนั้นเป็นใคร ส่วนสาเหตุที่ทำให้เห็นคยูฮยอนมาอยู่ที่นี่ได้เธอเองก็ไม่อยากจะเดาเช่นกัน
     
                “พี่ไม่รู้” ซองมินตอบกลับโดยที่สายตายังคงมองลงไปด้านล่างทั้งที่ตอนนี้มองไม่เห็นคยูฮยอนแล้ว เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนว่าคยูฮยอนมาทำอะไรที่นี่ และคนที่เดินชนซันนี่ก่อนหน้านี้ใช่คยูฮยอนจริงๆหรือเปล่า แล้วทำไมถึงต้องทำแบบนั้น
     
                ซันนี่ไม่ได้สนใจสรรพนามที่ซองมินใช้แทนตัวเองที่เธอไม่ค่อยชอบใจนัก ตอนนี้เธอสนใจคนที่อยู่ด้านล่างเสียมากกว่า อารมณ์สุนทรีในการเดทมันหายไปจนหมดสิ้นเมื่อเห็นหน้าหล่อๆของพี่ชายเข้ามาในโสตประสาทการมองเห็น ฉากโรแมนติกที่คิดว่าจะได้ทำก็ลืมมันไปเสียหมดเมื่อความไม่เข้าใจในตัวคยูฮยอนเข้ามาแทนที่ การกระทำที่พี่ชายเธอแสดงออกต่อซองมินใช่ว่าเธอไม่สังเกต ไม่รู้จะหวงอะไรหนักหนากับแค่รูมเมทคนหนึ่ง แล้วนี่หวงขั้นถึงต้องตามมาหา ตามมาขัดขวางกันเลยหรือยังไง เธอไม่เข้าใจ
     
                บรรยากาศที่เคยสดใสดูอึมครึมขึ้นทันตา เรื่องราวร้อยพันที่เคยสรรหาเอามาคุยไม่ได้หยุดหย่อนบัดนี้กลับนึกไม่ออกเหมือนมันจมหายไปกับห้วงความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ไม่รู้จะเอาเรื่องอะไรมาพูดให้ความรู้สึกที่มีตอนนี้มันกลับไปเป็นเหมือนเดิม สองคนหนึ่งความรู้สึกแต่กลับอยู่ในคนละอารมณ์ ความรู้สึกสับสนและไม่เข้าใจ หากแต่ซันนี่กลับมีอารมณ์โมโหในการกระทำของพี่ชายตนเองมากกว่า
     
                ระยะเวลากว่ายี่สิบนาทีที่ชิงช้าหมุนกลับมาที่เดิม ซันนี่เดินออกมาจากแคปซูลด้วยใบหน้านิ่งสนิทหากแต่ภายในใจกลับเดือดปุดๆเมื่อนึกถึงหน้าพี่ชายตัวดี บรรยากาศกับสายลมเย็นๆที่พัดผ่านยามอยู่บนชิงช้าสวรรค์ไม่ได้ช่วยให้อารมณ์เธอเย็นลงเลยสักนิด ถึงแม้จะพยายามปรับอารมณ์ชวนซองมินคุยบ้างแต่มันก็เท่านั้น เพราะดูเหมือนว่าซองมินเองก็ไม่ได้สนใจจะคุยกับเธอเท่าไหร่นักเป็นเพราะการปรากฏตัวของคยูฮยอนเพียงคนเดียวที่ทำให้บรรยากาศดีๆหายไปหมดแบบนี้
     
                ลงมาจากชิงช้าสวรรค์ได้ซันนี่ก็จ้ำอ้าวไปหาคยูฮยอนที่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่บริเวณม้านั่งใกล้ๆ โดยไม่ได้หันไปสนใจซองมินที่เดินตามเธอมาเลยสักนิด ก่อนจะลงจากชิงช้าสวรรค์เธอกวาดมองไปทั่วเพื่อหาคยูฮยอนและคิดว่าซองมินเองก็ทำเหมือนเธอเช่นกัน โชคดีที่พี่ชายแสนวุ่นวายของเธอคนนี้ยังไม่หนีหายไปไหน ยังไงวันนี้คงต้องคุยกันให้รู้เรื่อง
     
                “พี่คยูฮยอน!!” เสียงเรียกแหลมบาดหูที่ดังขึ้นส่งผลให้คยูฮยอนที่เอาแต่นั่งก้มหน้าต้องเงยขึ้นมา ภาพเบื้องหน้าคือลูกพี่ลูกน้องของเขาที่ยืนทำหน้าทะมึนตึงอยู่ ไม่ต้องบอก็คงรู้ว่าตอนนี้ซันนี่โกรธขนาดไหน ระหว่างที่นั่งรอซองมินกับซันนี่ลงมาจากชิงช้าสวรรค์เขานั่งทบทวนการกระทำของตัวเองแล้วก็ไม่อยากจะคิดว่ามันจะจบลงอย่างไร อยากจะหนีแต่ถึงยังไงซันนี่ก็คงตามมาเอาเรื่องเขาอยู่ดี
     
                “พี่ตามมาทำไม! แล้วแกล้งซันนี่ทำไม!” ซันนี่เดินเข้าไปผลักอกคยูฮยอนที่กำลังลุกขึ้นยืนจนเซไปด้วยความโมโห แต่คนเป็นพี่กลับเอาแต่เงียบ ซันนี่จ้องหน้าคยูฮยอนเขม็งซึ่งมองเธอกลับด้วยสายตาว่างเปล่า 
     
                “ตอบสิ!” ตะคอกใส่เสียงดังเพราะอารมณ์ที่มันพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ซันนี่ยืนกำหมัดแน่นอย่างข่มอารมณ์ หวังว่าเธอคงได้คำตอบดีๆกลับมา เพราะเธอไม่คิดว่าเหตุการณ์วันนี้มันเป็นเรื่องตลก ลองได้เดทกับแฟนแต่ดันมีมารมาผจญ แถมมารตัวนั้นยังเป็นเพื่อนสนิทแฟนเธอที่ส่อแววจะเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อกันแบบนี้ แล้วเธอจะยอมอยู่เฉยได้ยังไง
     
                “ทำไมไม่ตอบ” ซันนี่เข้าไปทุบหน้าอกคยูฮยอนอย่างแรงแต่คนเป็นพี่ไม่มีท่าทีจะโต้กลับหรือเอ่ยปากอะไรเลยสักนิด
     
                “ซันนี่พอเถอะ” ซองมินเดินเข้าไปจับตัวซันนี่เอาไว้และพาออกห่างจากคยูฮยอนที่ยังเอาแต่นิ่งเงียบ เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคยูฮยอนถึงไม่ตอบ ถ้ายังเป็นแบบนี้ไม่ใช่แค่ซันนี่ที่จะมีปัญหา เขาเองก็คงมีปัญหากับคยูฮยอนเหมือนกัน
     
                “ซันนี่ไม่โกรธพี่ก็ได้นะที่มาแกล้งกัน แต่บอกหน่อยได้มั้ยว่าจะตามมาทำไม พี่หวงพี่ซองมินขนาดนั้นเลยเหรอ เป็นห่วงมากเหรอ แค่มาเดทกับน้องสาวถึงขั้นต้องตามมาดูแบบนี้น่ะ” ซันนี่พยายามข่มอารมณ์แล้วถามออกไปดีๆ ไม่ผิดหรอกถ้าคยูฮยอนจะเป็นห่วงซองมิน แต่นี่มันมากไป มากไปจริงๆ และเธอก็ไม่คิดว่านี่มันจะเป็นเรื่องบังเอิญที่จะมาเจอกันในที่แบบนี้ด้วย
     
                “พูดอะไรบ้างสิคยูฮยอน ฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่านายตามมาทำไม” ช่วยพูดอีกแรงเพราะคิดว่าคยูฮยอนจะยอมพูดอะไรออกมาบ้าง แต่ทุกอย่างกลับเงียบกริบเหมือนเดิม
     
                คยูฮยอนมองคนตรงหน้าทั้งสองคนแล้วถอนหายใจหนักๆออกมา อยากจะให้เขาพูดจริงๆน่ะเหรอ คำตอบที่เขาเองก็ไม่อยากจะยอมรับว่ามันเกิดขึ้นกับหัวใจของเขา คำตอบที่ทำร้ายจิตใจซันนี่น้องสาวของเขาอย่างแน่นอน คำตอบที่อาจจะทำให้สถานะความเป็นเพื่อนความเป็นรูมเมทของเขากับซองมินเปลี่ยนไป คำตอบที่อาจจะไม่มีใครอยากฟังมันก็ได้
     
                “ตอบมาสิ” ซันนี่บอกย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ แค่ตอบคำถามเธอมันยากมากหรือไงกัน
     
                “ฉันชอบนาย ซองมิน”

    -------------------------------------

    kr..Talk
    ตอนนี้จัดหนักคยูมินจ้า แถมทำให้ค้างกันด้วยแหละ ฮ่าๆๆ
    แล้วโดนบอกชอบแบบนี้ซองมินจะทำไง
    ซันนี่ล่ะจะทำอย่างไง จะปล่อยให้แฟนน่ารักๆแบบนี้หลุดมือไปหรือป่าว
    ลุ้นกันใช่ไหมเพื่อนๆ
    เพราะฉะนั้นต้องเม้นให้กำลังใจกันเยอะๆนะ
    เดี๋ยวจะมาอัพให้อ่านต่อ ไปแล้วจ้า
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×