ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Furious for Love...แค้นนี้ เพื่อรัก [KyuMin]

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter4 : ข้อมูล

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.43K
      0
      1 พ.ย. 52


    Chapter4 :
    ข้อมูล
     
     
     
     
                    ผ้าพันแผลสีขาวสะอาดถูกพันรอบแผลของอึนฮยอกอย่างเบามือ ทงแฮถอนหายใจออกมาเมื่อทำแผลให้เพื่อนรักเสร็จ ยังดีนะที่แผลไม่ลึกมาก แค่ถากๆไปเท่านั้น แต่ดูคนที่น่าเป็นห่วงสุดคงหนีไม่พ้นคยูฮยอน สภาพจิตใจของคยูฮยอนบอกได้เลยว่าย้ำแย่ อายุยังไม่ถึงยี่สิบเลยด้วยซ้ำ แต่ต้องมาแบกรับอะไรที่มันหนักเกินตัว
     
                    “นายจัดการเองไม่ได้หรอกคยู พี่จะบอกเรื่องนี้กับคุณฮยอนจิน” อีทึกบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง เรื่องใหญ่ขนาดนี้ปล่อยให้คยูฮยอนจัดการคนเดียวไม่ได้เด็ดขาด อีกอย่างยังมีบางเรื่องที่คยูฮยอนยังไม่รู้ และฮยอนจินก็ไม่ต้องการให้ลูกชายคนเล็กของเขารับรู้ด้วย
     
                    “ผมจัดการได้ครับพี่อีทึก ผมไม่อยากให้ทุกคนมองว่าผมเป็นที่พึ่งไม่ได้ ต่อไปผมต้องเป็นหัวหน้าคนนะครับพี่” คยูฮยอนเองก็พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังไม่แพ้กัน
     
                    “ไม่มีใครมองนายแบบนั้นหรอกคยู พี่รักนายนะ ไม่อยากให้นายเครียดไปมากกว่านี้ การเป็นหัวหน้าคนที่ดีน่ะไม่ใช่ว่าเป็นกันได้ง่ายๆ นายต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆนะเข้าใจมั้ย แต่เรื่องนี้พี่คงให้นายจัดการคนเดียวไม่ได้หรอก” อีทึกพยายามอธิบายให้คยูฮยอนเข้าใจความเป็นจริงมากขึ้น ใบหน้าหวานหันไปมองคนที่นั่งอยู่ด้วยกันในตอนนี้ ซึ่งทุกคนก็พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย
     
                    “นายเห็นอึนฮยอกมั้ย” สายตาของอีทึกเบนไปทางอึนฮยอก คยูฮยอนหันไปมองตามก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
     
                    “นายคิดว่าอึนฮยอกเป็นมืออาชีพมั้ย” คยูฮยอนพยักหน้าอีกครั้งกับคำถามของอีทึก
     
                    “มืออาชีพยังพลาดกันได้เลย เราไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้าง นายทำดีที่สุดแล้วคยู ทุกคนเค้าเป็นห่วงนายนะ แล้วเรื่องนี้ก็ปล่อยให้พวกพี่จัดการดีกว่า ถ้าพี่มีอะไรให้นายช่วยพี่จะบอกนาย โอเคมั้ย” อีทึกยื่นข้อเสนอให้คยูฮยอน ซึ่งออกแนวจะบังคับซะมากกว่า อึนฮยอกที่โดนลากเข้าไปเกี่ยวด้วยก็เบ้ปากนิดๆที่อีทึกเอาตัวเองไปยกตัวอย่าง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
     
                    คยูฮยอนเงียบไปพักใหญ่เหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก แต่สุดท้ายก็ยอมตกลง เพื่อความสบายใจของทุกคน จริงอยู่ที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้าง เรื่องนี่คงจะใหญ่เกินไปที่เขาจะจัดการเองได้
     
                    “คราวนี้เป็นมีดที่สลักตัว L .....อีกแล้วสินะ” อีทึกเว้นจังหวะในการพูด หยิบมีดที่เป็นอาวุธในการสังหารครั้งนี้ขึ้นมาดู ไม่มีอะไรที่เป็นร่องรอยของคนร้ายเลยซักนิด แม้แต่รอยนิ้วมือก็ไม่มี
     
                    “นายพอจะเห็นมั้ยว่ามีดมันพุ่งตรงมาจากทางไหน” ทงแฮหันไปถามอึนฮยอกที่ปั้นหน้ายิ่งไม่รู้สึกรู้สาอะไร
     
                    “มาถามตอนนี้จะได้อะไรล่ะทงแฮ ถ้าฉันรู้ฉันก็หลบไปแล้ว” คำตอบของอึนฮยอกทำเอาทงแฮหน้าชา เขาไม่น่าถามคำถามโง่ๆแบบนี้ออกไปเลย
     
                    “ต่อไปนี้พวกนายต้องระวังตัวให้มากขึ้น เยซอง นายต้องตรวจดูคนที่เข้าออกบ่อนอย่างเข้มงวด และสังเกตด้วยว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า” เมื่อสั่งการเสร็จอีทึกก็ลุกขึ้นทำท่าจะเดินออกไปทันที
     
                    “พี่จะไปไหนครับ” คยูฮยอนร้องทักไว้
     
                    “พี่จะไปปรึกษาเรื่องนี้กับซีวอนน่ะ” อีทึกยิ้มกลับมาให้น้องๆที่นั่งอยู่ในห้องบางๆ หันหลังเตรียมจะเดินออกจากห้องแต่เสียงของอึนฮยอกกลับทำให้เขาต้องหันมาอีกรอบ
     
                    “ปรึกษากันบนเตียงเหรอครับพี่” ถึงสีหน้าคนพูดจะนิ่งแต่น้ำเสียงมันกลับกวนโสตประสาทเบื้องล่างได้อย่างดีทีเดียว ทุกคนที่นั่งอยู่พากันอมยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นท่าทางของอีทึก
     
                    “ลามปามน่าอึนฮยอก” พูดจบก็พาใบหน้าหวานที่เริ่มขึ้นสีระเรื่อออกไปทันที นอกจากคยูฮยอนกับอึนฮยอกแล้วไม่เคยมีใครกล้าแซวเขาแบบนี้มาก่อน แถมทงแฮกับเยซองก็ยังนั่งอยู่ เมื่อโดนทักแบบนี้ทำเขาเสียภาพกันหมดพอดี
     
                    “นายก็ไปแซวพี่เขา” ทงแฮพูดกลั้วหัวเราะกับนิสัยของอึนฮยอก ถึงจะดูเย็นชาไปหน่อยก็เถอะ แต่บางทีอึนฮยอกก็มีอารมณ์ขันเหมือนกัน แม้ว่ามันจะน้อยมากก็ตาม
     
                   
     
     
                    เสียงเคาะประตูหน้าห้องพักสุดหรูของคอนโดสูงกว่าสี่สิบชั้นดังขึ้น ชายหนุ่มรูปงามเดินมาเปิดประตูให้ก่อนจะยิ้มรับผู้มาเยือนจนเห็นรอยบุ๋มที่แก้ม
     
                    “มาเร็วจังเลยนะครับ” ซีวอนคว้าเอวบางของอีทึกเข้ามากอดก่อนจะพาเดินเข้าไปในห้องด้วยกัน พี่ชายคนนี้มาที่ห้องของเขาบ่อยๆซะที่ไหน เพราะปกติเขาจะเป็นคนไปหาซะมากกว่า นอกจากจะมีเรื่องสำคัญเท่านั้น ขนาดว่าโทรมานัดเขาไว้ว่าคืนนี้ห้ามออกไปเที่ยวไหนเด็ดขาด
     
                    “พี่มีเรื่องสำคัญน่ะ” ทั้งสองคนนั่งลงที่โซฟาตัวนุ่มกลางห้องรับแขก อีทึกหยิบโน้ตบุ๊กออกจากกระเป๋าก่อนจะเปิดเครื่อง พร้อมกับเอาเอกสารต่างๆออกมา
     
                    “อะไรกันครับ มาหาผมทั้งที่มาทำงานหรอกเหรอเนี่ย” ซีวอนเกยคางแหลมๆของตัวเองบนบ่าของอีทึก พี่ชายคนสวยหันมายิ้มให้บางๆ ก่อนจะเริ่มเปิดข้อมูลในคอม ซีวอนจ้องมองตัวหนังสือที่อยู่บนหน้าจออย่างสนใจ แขนแกร่งโอบรอบเอวบางไว้ไม่ปล่อย ทำตัวเหมือนเด็กขี้อ้อน
     
                    “นายรู้หรือเปล่าว่าคนที่บ่อนเราโดนฆ่า” อีทึกเปิดรูปเหยื่อวันแรกที่โดนสังหาร ซีวอนผละออกมาจากไหล่เล็ก คิ้วหนาเริ่มขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่ออีทึกเลื่อนภาพของลูกน้องในบ่อนที่โดนฆ่าไปเรื่อยๆ จนมาถึงรูปของอึนฮยอกที่มีแผลบริเวณหัวไหล่
     
                    “โดนฆ่างั้นเหรอครับ พวกที่ทำมันเป็นใครกัน” ซีวอนเอ่ยถามเสียงเครียดขึ้นมาทันทีเรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมเขาเพิ่งจะรู้ ทำไมคยูฮยอนถึงไม่บอกเขา ถึงเขาจะไม่ได้เข้าไปยุ่มย่ามกับเรื่องธุรกิจของครอบครัวมากนัก แต่เรื่องสำคัญขนาดนี้เขาควรจะได้รับรู้เหมือนกัน
     
                    “เพราะแบบนี้ไงพี่ถึงได้มาหานายเผื่อนายจะรู้อะไรบ้าง นายเคยเห็นของพวกนี้มั้ย” อีทึกเปิดรูปเหรียญกับมีดที่สลักตัวอักษร L ซึ่งเป็นของสองสิ่งที่ผู้ร้ายลอบสังหารทิ้งไว้เป็นหลักฐาน แต่กลับหาข้อมูลอะไรจากของพวกนี้ไม่ได้เลย
     
                    “มันคืออะไรครับ” สายตาของซีวอนจ้องมองรูปของสองสิ่งจากพินิจพิจารณา
     
                    “เหรียญเป็นของสิ่งแรกที่พวกมันทิ้งไว้ในวันแรกที่มันลงมือ ส่วนมีดเป็นอาวุธที่มันใช้ลงมือในวันนี้ และหลักฐานอีกอย่างก็คือเบอร์โทรศัพท์เบอร์นี้ มันส่งข้อความเข้าเครื่องคยู แต่พอพี่ตรวจสอบกลับไม่พบข้อมูล” อีทึกอธิบายเพิ่มเติมให้ซีวอนได้เข้าใจ ตอนนี้มันมืดแปดด้านไปหมด ดูท่าแล้วซีวอนก็คงรู้ไม่มากไปกว่าพวกเขาเลยหรืออาจจะน้อยกว่าเสียด้วยซ้ำ
     
                    “แล้วคุณพ่อรู้เรื่องนี้หรือยังครับ”
     
                    “ตอนแรกคยูไม่ให้พี่บอกเรื่องนี้กับคุณฮยอนจิน แต่พี่คิดว่าคยูคงจัดการเรื่องนี้ไม่ได้แน่ๆ พรุ่งนี้พี่จะไปหาคุณฮยอนจิน” ใบหน้าหวานของอีทึกดูเครียดไม่น้อยจนซีวอนชักรู้สึกเป็นห่วง เขาไม่เคยเห็นพี่ชายสุดสวยของเขาเครียดขนาดนี้มาก่อน
     
                    “งั้นพรุ่งนี้ผมจะไปเป็นเพื่อนแล้วกันนะครับ เลิกทำคิ้วย่นได้แล้ว เดี๋ยวก็แก่เร็วพอดี” นิ้วเรียวยาวจิ้มไปตรงหว่างคิ้วสวยจนคลายออกอย่างช้าๆ อีทึกหันไปยิ้มให้ซีวอนบางๆก่อนจะเอนหัวซบไหล่กว้าง
     
                    “นายก็เครียดเหมือนกันใช่มั้ยล่ะซีวอน คิ้วนายก็ผูกโบว์กันเหมือนพี่นั่นแหละ” นิ้วชี้ของอีทึกจิ้มไปที่คิ้วของซีวอนแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยว อยู่กับซีวอนก็ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายได้เยอะทีเดียว ถึงจะแค่ชั่วคราวก็เถอะ เพราะซีวอนเป็นคนขี้เล่นและไม่ค่อยคิดมากเหมือนเขา
     
                    “ก็ผมเป็นห่วงพี่นี่ครับ ไหนจะคยู แล้วก็พวกลูกน้องในบ่อนอีก น่าแปลกนะครับมันเล่นงานแต่คนที่อยู่ในบ่อน บางทีเป้าหมายที่มันเล็งไว้อาจจะเป็นคนใดคนหนึ่งที่เข้าออกบ่อนเป็นประจำก็ได้ พี่ต้องระวังตัวให้มากๆนะครับ” ซีวอนก้มลงประทับริมฝีปากเบาๆที่หน้าผากมน อ้อมแขนแข็งแรงกระชับกอดพี่ชายคนสวยไว้แน่น
     
                    “ช่วงนี้พี่ว่าไม่ต้องให้คยูเข้าบ่อนดีมั้ย เผื่อเกิดอะไรไม่ดีขึ้นอีก พี่เป็นห่วงคยูมากๆเลย น้องดูเครียดมากที่จัดการเรื่องนี้ไม่ได้” อีทึกกอดซีวอนตอบ น้ำเสียงแสดงถึงความเป็นห่วงคนที่กำลังเอ่ยถึงอย่างมาก
     
                    “นอกจากไม่ให้เข้าบ่อนแล้ว ผมว่าให้อึนฮยอกหรือไม่ก็ทงแฮตามไปดูแลที่มหาวิทยาลัยด้วยน่าจะดีกว่า” ซีวอนเสนอความเห็น เขาเองก็เป็นห่วงน้องไม่แพ้กัน คยูฮยอนยังเด็กจะให้มารับรู้เรื่องเลวร้ายแบบนี้มันดูจะทรมานเกินไป
     
                    “พี่ว่าให้อึนฮยอกอยู่เฝ้าที่บ่อนน่าจะดีกว่า แล้วให้ทงแฮคอยดูแลคยูฮยอน ไม่ว่ารู้ป่านนี้จะกลับบ้านกันไปหรือยัง....พี่ว่าพี่กลับไปที่บ่อนดีกว่า” ดวงตาสวยหวานของอีทึกมองไปยังนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทีวี บอกเวลาสี่ทุ่มกว่า หวังว่าพวกน้องๆคงยังไม่แยกย้ายกันไปไหน เขาจะได้ไปเรื่องที่ตกลงกับซีวอนเมื่อกี้นี้ให้น้องๆได้รู้
     
                    อีทึกเก็บโน้ตบุ๊กและเอกสารลงกระเป๋าอย่างเดิมก่อนจะลุกยืนขึ้นเต็มความสูง แต่กลับโดนซีวอนรั้งข้อมือไว้พร้อมกับออกแรงดึงให้อีทึกลงมานั่งตัก
     
                    “โทรไปบอกก็ได้นี่ครับ ไม่เห็นต้องเดินทางไปๆมาๆ แบบนี้เลย แถมตอนนี้มันก็ดึกแล้วด้วย ค้างที่นี่เลยนะครับ” เสียงกระซิบดังขึ้นเบาๆ ฟังคมขบแกมหยอกที่ใบหูเล็ก ก่อนที่จมูกโด่งจะเริ่มซุกซนคลอเคลียลงมาตามลำคอขาวนวล
     
                    “ไม่เอาน่าซีวอน” ถึงปากจะพูดแบบนี้แต่ร่างกายกลับไม่ต่อต้านเลยซักนิด เมื่ออยู่กับผู้ชายคนนี้แล้วมันทำให้เขามีความต้องการเสมอ
     
                    อีทึกถูกดันให้นอนราบไปกับโซฟา เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ถูกปลดเปลื้องออกอย่างรวดเร็วโดยฝีมือของคนที่คร่อมอยู่ด้านบน ซีวอนก้มลงประกบริมฝีปากที่แสนจะยั่วยวน แลบลิ้นเลียรอบริมฝีปากทั้งล่างและบนก่อนจะสอดเข้าไปในโพรงปากที่เผยอรอไว้อยู่แล้ว
     
                    “คืนนี้อยู่กับผมนะครับ” ผละออกมาพูดประโยคสั้นๆก่อนจะมอบรสจูบแสนหวานที่ให้พี่ชายสุดสวยอีกรอบ มาหากันถึงที่แบบนี้ขึ้นชื่อว่าชเวซีวอนแล้วปล่อยกลับไปง่ายๆไม่ได้อยู่แล้ว
     
    แขนเล็กยกขึ้นคล้องคอน้องชายจอมเจ้าชู้เอาไว้ ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างก่อนจะเลื่อนมาด้านหน้าแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ซีวอนสวมใส่อยู่ออกทีละเม็ด มือเล็กลูบไปตามหน้าอกแกร่งและเลื่อนตำลงไปเรื่อยๆ ปากของทั้งสองคนยังคงมอบรสจูบที่เริ่มร้อนแรงขึ้นให้แก่กัน ลิ้นพันกันนัวเนียจนแยกแทบไม่ออกเป็นการแลกจุลินทรีย์กันภายในช่องปาก
     
    เสียงครางอื้ออึงเริ่มดังขึ้นเมื่อต่างคนต่างถูกล้วงล้ำที่ส่วนสำคัญกลางลำตัว แรงบีบเค้นคลึงสร้างความหรรษาให้ได้ไม่น้อย กางเกงยีนตัวใหญ่ของซีวอนถูกถอดออกพร้อมกับเสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุมออกเรียบร้อยแล้ว
     
    อีทึกแอ่นหน้าอกรับสัมผัสที่ซีวอนกำลังปรนเปรอให้ ยอดอกสีชมพูเข้มถูกครอบครองด้วยปาก พร้อมกับส่วนกลางลำตัวที่ถูกมือใหญ่ครองครอบอยู่
     
    บทรักเริ่มรุนแรงขึ้นตามความต้องการที่มีอยู่ อาจจะเป็นคนเดิมๆ รสชาติเดิมๆ สัมผัสเดิมๆ แต่การทำรักกลับไม่เคยน่าเบื่อเลยซักครั้ง ถึงแม้ความรักความสัมพันธ์ของคนทั้งสองมันจะยังคลุมเครืออยู่ก็ตาม
     
     
     
     
    “ฉันว่าฉันได้ข้อมูลดีๆแล้วว่ะฮัน” หลังจากนั่งหน้าดำคร่ำเครียดอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์กันมาข้ามวันข้ามคืน ในที่สุดชินดงก็เอ่ยคำที่ฟังแล้วน่าดีใจออกมา เมื่อเขานำข้อมูลเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมทุกคดีมาอ่านรายละเอียดดูอีกครั้ง เมื่อรวมกับข้อมูลที่เขาแฮกมาได้จากวงการมืดมันมีอะไรน่าสนใจอยู่มากทีเดียว
     
    ฮันคยองเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างๆชินดง ข้อมูลทั้งหมดถูกเรียบเรียงเป็นบทความตามความเข้าใจและการสันนิษฐานของชินดง
     
    “คนที่ลอบยิงผู้กำกับปาร์คคือมือปืนอับดับหนึ่งของแก๊งอาริซึ่งเป็นบุคคลที่ทางตำรวจต้องการตัวมากที่สุด แต่กลับไม่มีเคยเห็นหน้าของมือปืนที่ว่าเลยซักครั้ง ผู้ร้ายที่โดนฮันชางพ่อของนายวิสามันคือลีซองวอน ส่วนผู้ร้ายอีกคนหนีไปได้ และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครเห็นมือปืนของอาริลงมืออีก หรือแม้แต่หน้าตาทางตำรวจก็ยังไม่เคยเห็นอีกเช่นกัน”
     
    “เรื่องนี้ฉันรู้แล้วชินดง แล้วไหนข้อมูลดีๆของนาย!” ฮันคยองออกจะขึ้นเสียงเล็กน้อย เพราะข้อมูลพวกนี้ทางตำรวจต่างรู้กันหมดแล้วหรือแม้แต่ประชาชนทั่วไปก็คงจะรู้เหมือนกัน
     
    “ฉันแค่เล่าเฉยๆ อย่าเพิ่งเสียงดังสิ ที่ฉันบอกว่าได้ข้อมูลดีๆ คือหลังจากนี้ต่างหาก” ชินดงเลื่อนหน้ากระดาษที่เต็มไปด้วยตัวหนังสือลงมาเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าที่ต้องการ
     
    ฮันคยองจ้องมองไปยังตัวหนังสือมากมายที่ชินดงเปิดหลาไว้บนหน้าจอ เขาเองเป็นคนจีนซึ่งการอ่านภาษาเกาหลีของเขานั้นอยู่แค่ระดับพอใช้เท่านั้น เพราะฉะนั้นเรื่องของข้อมูลชินดงจึงเป็นคนที่ช่วยเหลือเขามาโดยตลอด
     
    “นี่เป็นรายชื่อของมือปืนของอาริ นี่เป็นประวัติอย่างละเอียดของลีซองวอน ส่วนอีกสี่คนเป็นมือปืนฝีมือดีของอาริเหมือนกัน ลองดูว่าใครเข้าข่ายน่าสงสัยที่สุด” ชินดงละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หันมามองฮันคยอง
     
    “พอจะหาจริงๆจังๆ ก็มาให้เห็นง่ายซะเหลือเกิน ทำไมเราไม่คิดจะทำมันตั้งแต่ตอนแรกนะ” ฮันคยองบ่นพึมพำออกมาอย่างอดไม่ได้ เพราะเขาคิดว่าคดีมันตันหาทางออกไม่เจอเลยไม่ได้ทำอย่างจริงจังมาก แต่พอคดีนี้จะถูกโอนไปให้คนอื่นรับผิดชอบ กลับกระตือรือร้นขึ้นมาทันที และมันก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่นัก
     
    สารวัตหนุ่มสองคนช่วยกันพินิจพิจารณาประวัติของมือปืนฝีมือดีของแก๊งอาริประกอบข้อมูลของคดีต่างๆ ก็ได้บทสรุปที่ตรงกันออกมา ประวัติของผู้ต้องสงสัยถูกปริ๊นใส่กระดาษ A4 พร้อมกับหาข้อมูลเพิ่มเติมจากที่มีอยู่ เพราะบุคคลดังกล่าวก็นับว่ามีชื่อเสียงในวงธุรกิจเหมือนกัน และทางตำรวจก็จ้องจับตาพฤติกรรมของคนๆนี้อยู่เช่นกัน
     
    กำหนดของวันพรุ่งนี้ถูกนัดแนะกันอย่างรวดเร็ว และมีเพียงชินดงกับฮันคยองเท่านั้นที่รู้ เพราะเขาสองคนต้องการปิดคดีนี้โดยเร็ว และเงียบเชียบที่สุด เพื่อไม่ให้ผู้ร้ายหรือผู้ต้องสงสัยได้ไหวตัวทัน
     
     
     
     
    “นายจะส่งข้อความไปเตือนมันอีกเหรอ” คิบอมถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนมือสังหารนั่งกดโทรศัพท์ตัวเองยิกๆ
     
    “ฉันอยากเห็นพวกมันลนลานจนทำอะไรไม่ถูกน่ะน่ะ วันนี้เราจะไม่ไปที่บ่อนนะ เรียวอุกบอกฉันว่าวันนี้คยูฮยอนไม่เข้าบ่อน เราจะไปที่บริษัทกัน” ข้อความถูกส่งออกเป็นที่เรียบร้อย ซองมินเปรยยิ้มที่มุมปากออกมา ก่อนจะเก็บเครื่องมือสื่อสารลงกระเป๋า ลุกขึ้นจากเก้าอี้ภายในห้องเรียนก่อนจะเดินไปหาคิบอมที่ยืนรออยู่ตรงหน้าประตู
     
    “ไปได้แล้วล่ะ ป่านนี้มันคงเลิกเรียนแล้ว มหาลัยเรากับมันก็ไม่ได้ห่างกันมาก เราต้องไปให้ถึงก่อนมัน เพราะนายคงอยากเห็นคนมันตายต่อหน้ามันใช่มั้ย” คำพูดของคิบอมดูท่าว่าจะถูกใจซองมินอย่างมาก ทำเอาเจ้าตัวยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว
     
    “งั้นเราก็ไปกันเถอะ” ซองมินเดินนำคยูฮยอนไปยังรถมอเตอร์คันใหญ่ของคิบอมที่จอดไว้ยังลานจอดรถ ซึ่งเป็นพาหนที่พวกเขาใช้หลบหนีจากการตามล่าของพวกโจกรุ๊ปเวลาไปลงมือ
     
     
     
     
    “พี่ทงแฮไม่เบื่อเหรอครับวันนี้นั่งเฝ้าผมทั้งวัน” คยูฮยอนถามหลังจากที่ขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว วันนี้ทงแฮมาเฝ้าดูแลเขาที่มหาวิทยาลัยทั้งวันตามคำสั่งของพี่อีทึก ที่สำคัญเขาโดนยึดรถ เพราะพี่อีทึกอีกนั่นแหละไม่ให้เขาขับรถเอง
     
    “ไม่หรอกครับ ตอนนี้ความปลอดภัยของคุณคยูฮยอนสำคัญที่สุด” ทงแฮตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้ตอบเพราะมันเป็นแค่หน้าที่ แต่เป็นเพราะความห่วงใยที่มีต่อเจ้านาย ปกติแล้วเขาจะทำงานอยู่ที่บริษัทซะมากกว่า แต่ที่จริงแล้วเขาอยากอยู่ที่บ่อนมากกว่า เพราะอึนฮยอกเพื่อนสนิทของเขาอยู่ที่นั้น ที่สำคัญเขาอยากดูแลและปกป้องคยูฮยอนให้สมกับเป็นมือปืนของโจกรุ๊ป
     
    “ขอบคุณครับ” รอยยิ้มบางๆ ถูกส่งให้กับคนที่เขานับถืออย่างพี่ชายคนหนึ่ง ถึงจะไม่ได้สนิทเท่ากับเหล่าพี่ชายที่อยู่ที่บ่อนก็ตาม
     
    “ไม่เป็นไรครับ ผมทำด้วยความเต็มใจ” ทงแฮยิ้มตอบด้วยรอยยิ้มสดใส เขารู้ดีว่าคยูฮยอนเป็นคนยังไง ขี้เกรงใจและรักลูกน้องมากๆ แถมไม่เคยรังเกียจว่าคนๆนั้นจะอยู่ระดับเดียวกับตนเองหรือไม่ เพราะแบบนี้ทุกคนถึงได้รักคยูฮยอนนักหนา
     
    เสียงข้อความที่ดังขึ้นทำให้คยูฮยอนต้องควานหาโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าออกมาเปิดดู คิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันทีเมื่ออ่านจบ ข้อความเตือนอีกแล้วและเป็นเบอร์เดิมที่ส่งมา คยูฮยอนเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าไว้อย่าง เขาไม่คิดที่จะโทรกลับเพราะโทรไปก็คงไม่ติดอยู่แล้ว มันคิดจะปั่นหัวเขาเล่นไปถึงไหนกัน
     
     
     
    “มันมากันแล้ว” รอได้ไม่นานเป้าหมายที่รอคอยก็มาถึง คิบอมหันไปบอกซองมินที่กำลังเช็ดปืนอยู่
     
    ซองมินเหลือบไปมองเป้าหมายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ริมฝีปากบางเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย กระปอกปืนที่ถูกเช็ดจนเงาวับยกจ่อไปที่รถของเป้าหมายที่เพิ่งเข้ามาจอดอย่างช้าๆ
     
    “อย่าพลาดไปโดนมันล่ะ” คิบอมเตือนก่อนที่ซองมินจะได้ลั่นไก ระยะห่างระหว่างเขากับรถของคยูฮยอนนั้นไกลกันพอสมควร แต่ฝีมืออย่างซองมินคงไม่มีคำว่าพลาดอยู่แล้ว
     
    “ฉันรู้น่า”
     
     
    ปัง!
     
    ลูกกระสุนปืนเจาะทะลุกระจกรถเข้าไปด้วยความแม่นยำ ผู้เคราะห์ร้ายในคราวนี้เสียชีวิตทันทีเหมือนกับทุกๆราย ทงแฮกับคยูฮยอนรีบลงจากรถเพื่อเข้าไปดูอาการของคนขับรถที่กลายเป็นเหยื่อในครั้งนี้
     
    “เกิดอะไรขึ้นครับ” สารวัตหนุ่มทั้งสองคนที่มาดูราดราวแถวบริษัทโจกรุ๊ปได้ซักพักรีบวิ่งเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงปืน แต่ไร้เสียงตอบรับใดๆตอบกลับมา
     
    “คนนี้คือฮันคยองคนที่ยิงพ่อของอึนฮยอกตายครับ” ทงแฮกระซิบบอกคยูฮยอน และนั่นก็ทำให้คยูฮยอนมีสีหน้าที่เครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แค่มีตำรวจเข้ามายุ่มย่ามก็ทำให้เขาเครียดพอแล้ว แต่นี้กลับเป็นคนที่ยิงพ่อของอึนฮยอกอีก
     
    “ผมว่าคุณไปตามจับคนร้ายดีกว่านะ” คยูฮยอนบอกเสียงเรียบๆ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปหาลูกน้องบางส่วนที่ออกมาจากบริษัทเนื่องจากได้ยินเสียงปืน
     
    “ฮันขึ้นรถ!!” ชินดงตะโกนเสียงดังเมื่อเขาหันไปเห็นบุคคลน่าสงสัยเพิ่งขับมอเตอร์ไซด์ออกไปจากซอยแคบๆอีกฝั่งของถนนเมื่อกี้นี้ ฮันคยองวิ่งไปขึ้นรถที่ชินดงมาจอดรอแล้วขับตามรถมอเตอร์ไซด์ต้องสงสัยไปทันที
     
    “ตามตำรวจพวกนั้นไป ส่วนพวกนายจัดการศพด้วย” คยูฮยอนสั่งกับลูกน้องช่วงขายาวก้าวเดินไปหาทงแฮที่กำลังโทรศัพท์หาใครบางคนซึ่งเขาเดาว่าเป็นอึนฮยอก เพราะพี่อีทึกสั่งว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นให้รีบโทรหาอึนฮยอกทันที
     
     
                    ไซเรนดังทั่วบริเวณที่รถตำรวจวิ่งผ่าน แต่มันยากไม่น้อยเลยกลับการตามจับผู้ร้ายในถนนใหญ่แบบนี้ รถมอเตอร์ไซด์ต้องสงสัยปาดซ้ายปาดขวายังกับในสนามแข่งรถ ก่อนจะขับสวนเลนไปอีกฝั่งทำให้รถที่วิ่งอยู่บนท้องถนนหักหลบกันให้วุ่นวายไปหมด
     
                    ฮันคยองเรียกกำลังเสริมเพื่อสกัดจับผู้ร้ายที่เขามั่นใจแล้วว่าใช่แน่ๆ งานนี้เขาต้องจับให้ได้เพราะมันเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับโจกรุ๊ป ซึ่งผู้ต้องสงสัยในคดีของผู้กำกับปาร์คก็เป็นคนในโจกรุ๊ปเช่นกัน
     
                    เอี๊ยดดด!!!
     
                    ชินดงเหยียบเบรกกะทันหันเพื่อหลบรถที่หักหลบรถมอเตอร์ไซด์ของคนร้ายจนชนเข้าที่ท้ายรถของอีกคัน ฮันคยองพ่นลมหายใจออกทางจมูกอย่างไม่พอใจ ซักพักก็มีสายจากคนที่เขาเรียกกำลังเสริมบอกว่าคนร้ายหนีไปได้
     
                    “ชินดง! กลับไปที่โจกรุ๊ป” ฮันคยองสั่งเสียงดัง คนร้ายก็ปล่อยให้หนีไปได้ แถมทะเบียนรถคันนั้นก็ไม่มีอีก กำลังเสริมก็ไม่ได้เรื่อง แล้ววันนี้เขาจะได้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีบ้างมั้ย
     
                    ชินดงวนรถกลับไปที่บริษัทโจกรุ๊ปอีกครั้ง ฮันคยองเดินเข้าไปหาคยูฮยอนเพื่อจะทำการสอบสวน กระบอกปืนถูกยกขึ้นมาจ่อที่ศีรษะของฮันคยองเมื่อเดินมายืนตรงหน้าคยูฮยอน เมื่อเห็นดังนั้นชินดงก็ชักปืนออกมาเช่นกัน พร้อมกับจ่อไปที่อึนฮยอกซึ่งยืนอยู่ข้างๆคยูฮยอน
     
                    “ไอ้สารเลวเอ้ย!” คำกร่นด่าทำให้ฮันคยองนั้นเริ่มงงกับเหตุการณ์ คนๆนี้เป็นใครถึงได้เอาปืนมาจ่อยิงเขาแบบนี้ แล้วยังด่าทอนั้นอีก
     
                    “พี่อึนฮยอกใจเย็น....เก็บปืนได้แล้วครับคุณตำรวจ” คยูฮยอนลดมือที่อึนฮยอกที่มือลง ก่อนจะหันไปบอกชินดง
     
                    ทงแฮที่ยืนอยู่ด้านหลังเข้ามารวบตัวอึนฮยอกไว้และดึงให้มายืนด้านหลังกับตัวเอง เพราะกลัวอึนฮยอกจะทำอะไรบ้าๆออกไป สายตาของอึนฮยอกที่จ้องมองไปยังฮันคยองมีแต่ความเกลียดชังและเครียดแค้น ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้รู้เลยว่าเขาไปทำอะไรให้คนๆนั้น
     
                    ฮันคยองมองไปที่อึนฮยอกด้วยความไม่เข้าใจในสิ่งที่อึนฮยอกทำ รู้จักกัน...ก็ไม่ แล้วเขาไปทำอะไรให้คนๆนั้น สายตาที่มองมามันเหมือนกับว่าเขาเป็นตัวน่ารังเกียจ ฮันคยองส่ายหน้าเบาๆเพื่อสลัดเรื่องของอึนฮยอกออกไปซะ ก่อนจะเริ่มทำการสอบสวนคยูฮยอน
     
                    “คุณรู้มั้ยว่าใครเป็นคนลงมือ”
     
                    “ผมไม่รู้” คยูเงียบไปซักพักก่อนจะตอบคำถาม ถ้าเขารู้ว่าใครมันทำ คงไปถล่มพวกมันไปแล้ว ไม่ปล่อยให้มันได้ลอยนวลฆ่าคนของเขาเล่นแบบนี้หรอก
     
                    “นี่เป็นครั้งแรกหรือเปล่าที่มันลงมือ” ฮันคยองเริ่มทำการสอบสวนคดี เขาหยิบสมุดโน้ตเล่มเล็กๆขึ้นมาเพื่อมาจดคำให้การ
     
                    แต่คำตอบที่ได้คือความเงียบเท่านั้น คยูฮยอนยังคงนิ่ง ใบหน้าหล่อเหลาตอนนี้มีแต่ความเครียด คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันมุ่นเหมือนกับคนที่กำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
     
                    “คุณควรให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่นะครับ ทางเราจะได้ตามตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็วที่สุด”
     
                    “หึ!” คยูฮยอนแสยะยิ้มออกมาทันทีเมื่อได้ฟัง ตามตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็วที่สุดอย่างนั้นเหรอ ถ้าคนของเขาตามแล้วยังไม่ได้ความคืบหน้าอะไร อย่าหวังเลยว่าตำรวจจะตามเจอ
     
                    “ว่าไงครับ” ฮันคยองถามซ้ำอีกครั้ง เพราะดูท่าแล้วคยูฮยอนจะไม่ให้ความร่วมมือเลยซักนิด
     
                    “แล้วเมื่อกี้ที่คุณตามไปได้เรื่องอะไรบ้างล่ะครับ ทำไมถึงกลับมาตัวเปล่าแบบนี้” คยูฮยอนย้อนถามกลับไป แน่นอนว่าคำพูดประโยคนี้ทำเอาฮันคยองมีสีหน้าสลดลงไปทันที
     
                    “ผมยอมรับว่าเมื่อกี้ผมอาจจะประมาทไป แต่ถ้าคุณยอมให้ความร่วมมือกับผม ผมจะจับคนร้ายได้อย่างแน่นอน” คำพูดที่ดูมั่นใจจนเกินไปของฮันคยองทำเอาคยูฮยอนอดหัวเราะไม่ได้
     
                    จบคำพูดของฮันคยอง คยูฮยอนก็ไม่พูดอะไรออกมาอีก เขาควรจะเงียบไว้เป็นดีที่สุด ตำรวจคือศัตรู
     
                    “ผมแนะนำให้คุณไปแจ้งความนะครับ และกรุณาให้ความร่วมมือกับตำรวจด้วย” ฮันคยองพ่นลมหายใจออกมา ทำงานกับพวกมีอิทธิพลล้นฟ้ามันลำบากแบบนี้นี่เอง ไม่โดนข่มขู่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ
     
                    “ไว้วันหลังแล้วกันนะครับ ส่วนคนของผม ผมจะจัดการเอง” พูดจบคยูฮยอนก็ทำท่าจะเดินเข้าบริษัทแต่ฮันคยองร้องเรียกขัดไว้ซะก่อน
     
                    “เดี๋ยวครับ! แล้วคุณฮยอนจินพ่อของคุณล่ะครับท่านเป็นยังไงบ้าง เกิดเรื่องกับพนักงานแต่ผมไม่เห็นท่านเลย” นี่แหละคือผู้ต้องสงสัยของเขา แต่กลับไม่เห็นแม้แต่วี่แวว ทั้งที่เป็นประธานบริษัท พนักงานของตัวเองโดนยิงน่าจะเป็นคนแรกที่เขาเห็นแต่ไม่ใช่
     
                    “ท่านป่วย” คยูฮยอนเงียบไปซักพักก่อนจะตอบออกมา
     
                    “เอ๋อ...ครับ...ผมขอถามคุณอีกซักนิดนะครับ คุณรู้จักแก๊งอาริหรือเปล่า” ฮันคยองเงียบไปซักพักก่อนจะถามออกมา ท่าทางไม่ให้ความร่วมมือแบบนี้ทำให้เขารู้สึกว่าการทำคดียิ่งยากขึ้นไปอีก เพราะพวกโจกรุ๊ปมีอิทธิพลคงคิดว่าสามารถจัดการเรื่องทุกเรื่องเองได้หมด
     
                    คยูฮยอนนิ่งไปเหมือนกับกำลังใช้ความคิด แก๊งอาริเป็นแก๊งที่พ่อเขาเคยทำงานเป็นมือปืน แต่พ่อก็เลิกทำมาเกือบห้าปีแล้ว แถมแก๊งอาริยังยุบไปแล้วด้วย นายตำรวจคนนี้จะถามเขาไปทำไมกัน
     
                    “ไม่รู้ครับ”
     
                    “แล้วคุณรู้จักลีซองวอนมั้ย”
     
                    คำถามนี้ทำให้คยูฮยอนเงียบไปอีกครั้ง ลีซองวอน เพื่อนของพ่อเขาตอนทำงานให้กับแก๊งอาริน่ะเหรอ พ่อของลีซองมินพี่ชายที่เขาเคยไปเล่นด้วยตอนเด็กๆ แต่ครอบครัวเขากับครอบครัวของซองวอนก็ไม่ได้ติดต่อกันมานานแล้ว ตั้งแต่ตอนที่พ่อของเขาออกจากแก๊งอาริ
     
                    “ว่าไงครับ” เมื่อเห็นว่าคยูฮยอนเงียบนานจนเกินไป ฮันคยองจึงต้องถามย้ำอีกครั้ง แต่ก็ได้คำตอบเดิมๆกลับมา ดูท่าว่าเขาจะไม่ได้รับความร่วมมืออย่างแรง
     
                    “ผมไม่รู้อะไรทั้งสิ้น คดีนี้คนขับรถผมโดนยิงนะ คุณจะมาถามถึงพ่อผมทำไม” น้ำเสียงของคยูฮยอนฟังดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก ใบหน้าหล่อเหลานั้นบึ้งตึงขึ้นทันทีที่โดนซักไซ้ความมากเกินความจำเป็น
     
                    “ขอโทษครับ ผมแค่อยากรู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีความเท่านั้น แล้วคุณก็อย่าลืมไปแจ้งความนะครับ ผมจะรับทำคดีนี้เอง”
     
                    “ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรแล้วก็เชิญกลับไปได้แล้วครับ ผมต้องขอตัวก่อน” คยูฮยอนรีบจบบทสนทนานี้ซะก่อนจะเดินเข้าบริษัทไป ตามด้วยลูกน้องคนอื่นๆ
     
                    อึนฮยอกหันไปมองฮันคยองอีกครั้งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความแค้นก่อนที่จะโดนทงแฮลากเข้าบริษัทไป
     
                    “ทำไมผู้ชายคนนั้นต้องมาหน้านายอย่างกับจะเลือดกินเนื้อแบบนั้นด้วย ท่าทางแปลก” ชินดงพูดขึ้นเมื่อคนของโจกรุ๊ปแยกย้ายกันไปหมดแล้ว
     
                    “ฉันไม่รู้....แต่ดูท่าแล้วเราต้องไปหาข้อมูลของโจกรุ๊ปเพิ่มขึ้นซะแล้ว” ฮันคยองถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินกลับไปที่รถ
     
                    “บุคคลที่มีอำนาจเป็นอะไรที่ยากจะเอื้อมถึง แต่ก็ใช่ว่ามันอยู่สูงเกินไปจนเราปีนไปไม่ถึงซะเมื่อไหร่ ซักวันเราต้องจับตัวผู้รายอีกคนได้แน่ฮัน ถึงมันคนนั้นจะเป็นใครใหญ่มากจากไหนก็ตาม อย่าเครียดเลยเพื่อน” ชินดงเดินตามฮันคยองไปขึ้นรถ
     
    วงการแบบนี้มันไม่ได้ใสบริสุทธิ์ ผู้ต้องหามากมายรอดจากคดีเพราะเขามีเงิน และคดีของผู้กำกับปาร์คก็เข้าข่ายนี้เหมือนกัน เงินมาหลักฐานที่ใช้มัดตัวมันก็จะหายไปในทันที ไม่งั้นคดีมันคงไม่ยืดเยื้อมาถึงห้าปีแบบนี้


                                                                               --------------------------------------------
    kr...Talk
    อันยองเพื่อนๆจ้า
    เมื่อวานมาลง2เรื่องไปแล้ว
    แต่พอดีว่าเรื่องนี้ยังแก้ไม่เสร็จ เลยช้าไปหน่อย
    โทษทีนะค่ะ

    ตอนนี้มินฆ่าคนอีกแหละ
    จะโหดไปไหนเนี่ยกระต่ายน้อย
    ฮยอกอย่าเอาปืนมาจ่อหัวป๋าแบบนั้นดิ
    เดี๋ยวพลาด เรื่องนี้ดูไม่ค่อยดีเลย
    คอ่านก็น้อย คนเม้นก็น้อย
    แถมแบรนเนอร์ก็ดูธรรมดา เดี๋ยวจะทำอันใหม่แหละ
    ไปก่อนนะเพื่อนๆ เดี๋ยวมาอัพใหม่
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×