ตอนที่ 8 : บทที่ 8 ความสวยงามของรีสอร์ตภูมิชนก (รีไรท์)
บทที่ 8
ดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นจากผืนน้ำ เคลื่อนตัวสูงขึ้นบนท้องฟ้าสีสดใส แสงแดดส่องลอดเข้ามาจากทางปากถ้ำ เสียงนกร้องขับขานเตรียมบินออกจากรังเพื่อหาอาหารเคล้าคลอกับเสียงคลื่นที่ซัดสาดเข้าสู่ฝั่งดังเข้ามาเป็นระยะ
ภาวินีรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก่อน เธอรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะลืมตาขึ้นมาพบว่าตอนนี้เธออยู่ในอ้อมกอดของพี่ชาย อดที่จะดีใจไม่ได้เมื่อรับรู้ว่าพี่ชายก็ยังคงเป็นห่วงเธอเช่นกัน พร้อมกับสังเกตบริเวณแผลของภาสกรซึ่งถูกคนชั่วทำร้ายมาเมื่อวานก็รู้สึกโล่งใจ เพราะตอนนี้เลือดที่ซึมออกมาน้อยลงจนแห้งแล้ว
เธอลอบมองใบหน้าของพี่ชาย ไล่สายตาระเรื่อยลงมาตั้งแต่หน้าผากกว้างมน คิ้วหนาเข้มโค้งสวยได้รูป จมูกโด่งเป็นสัน มีแพขนตาหนาอยู่บนเปลือกตาที่ปิดสนิท ริมฝีปากเรียวมีรอยหยักตรงกลาง และรอยบุ๋มตรงปลายคางทำให้ใบหน้าของเขาดูคมเข้มและมีเสน่ห์ในเวลาเดียวกัน นี่คงเป็นครั้งแรกที่เธอมีโอกาสได้มองจ้องหน้าพี่ชายที่เติบโตเป็นชายหนุ่มเต็มตัวแบบใกล้ๆ ใบหน้าแบบนี้นี่เองที่เพื่อนรักของเธอถึงกับหลงใหลแม้เพียงแรกเห็น
ขณะที่กำลังจ้องมองใบหน้าของพี่ชายอย่างเพลิดเพลินอยู่นั้น ร่างใหญ่ที่มอบอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นให้แก่เธอก็ขยับพลิกตัวคล้ายจะตื่น หญิงสาวตกใจรีบสปริงตัวลุกขึ้นพลางถอยห่างอัตโนมัติอย่างลืมตัวว่าข้อเท้าเธอยังคงเจ็บอยู่แต่ตอนนี้ความเจ็บปวดได้ลดน้อยลงไปแล้ว แล้วอดนึกในใจไม่ได้ว่าทำไมเธอต้องทำลับๆ ล่อๆ เหมือนกำลังทำเรื่องไม่ดีด้วยก็ไม่รู้
ตื่นแล้วเหรอ
คำถามแรกจากพี่ชายที่ค่อยๆ ผุดลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางสะลึมสะลือ น้องสาวพยักหน้ารับคำสั้นๆ พลางหันหน้าเดินออกไปยังปากถ้ำ ภาวินีมองไปรอบๆ เห็นตะวันทอแสงสาดส่องกระทบผืนทะเลเป็นแสงระยิบระยับ และหาดทรายสีขาวสวยงามเป็นบรรยากาศยามเช้าที่แตกต่างจากเมื่อคืนลิบลับ
โอ้โหพี่ภาสดูสิคะ วิวสวยจังเลย น้ำทะเลก็ใสน่าเล่นจัง
อืม
ฉันเห็นจนชินแล้วละ ไปเถอะ เรากลับรีสอร์ตกัน ว่าแล้วชายหนุ่มค่อยๆ ลุกขึ้นยืนบิดซ้ายบิดขวาปัดทรายที่ตัวออกแล้วหันมาดูบาดแผลของตน เมื่อเห็นว่าไม่เป็นอะไรมากจึงสวมเสื้อที่เขายกให้เป็นผ้าห่มจำเป็นแก่ภาวินีเมื่อคืนนี้ แล้วเดินตามน้องสาวออกจากถ้ำไป
ภาสกรเดินไปทางทิศที่ดวงอาทิตย์ขึ้น โดยมีน้องสาวตัวยุ่งเดินตามไม่ห่างทั้งสองคนเดินลัดเลาะไปตามหาดทรายสีขาว เพื่อที่จะไปยังรีสอร์ตภูมิชนก
พี่ภาสคะ ทะเลสวยจัง หาดทรายสีขาว ถ้ากลับไปถึงรีสอร์ตแล้ว นีขอลงไปเล่นน้ำหน่อยนะคะ เธอพูดพลางกระโดดโลดเต้นเหมือนเด็กๆ ไปตลอดทาง
เรามาเรียนรู้งานนะ ไม่ใช่มาเล่นกัน ว่าแต่ขาเธอไม่เจ็บแล้วเหรอ ชายหนุ่มส่ายหน้าน้อยๆ อย่างเอือมระอา พลางเอ่ยถามถึงอาการเจ็บข้อเท้าของน้องสาว
ก็ยังเจ็บอยู่นิดหน่อยค่ะ แต่พอเดินไหว ถ้าไม่ไกลมากอะนะ น้องสาวตอบคำถามด้วยใบหน้าทะเล้น ภาสกรมองใบหน้าของคนที่เอาแต่ทำเป็นเล่น แล้วแอบถอนหายใจยาว พูดขึ้นมาว่า
งั้นก็ดี เพราะฉันก็ไม่ได้อยากเล่นขี่ม้าส่งเมืองกับเธอบ่อยๆ หรอกนะ
โหย ใจร้ายที่สุดเลย พี่ชายใครเนี่ย
ภาวินีแกล้งพูดตัดพ้อต่อว่า ทำหน้างอนแก้มป่องเหมือนทุกที ผู้เป็นพี่ชายมองแล้วก็ได้แต่ยิ้มขำกับท่าทางแบบเด็กๆ นั่น น้องสาวของเขายังทำตัวเป็นเด็กไม่ยอมโตแบบนี้ แล้วจะเรียนรู้งานที่เขาสอนได้สักแค่ไหนกันเชียว ชายหนุ่มแอบคิดเมื่อนึกถึงหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาอย่างไม่เต็มใจนัก
หลังจากที่ทั้งสองเดินออกมาจากถ้ำไม่นานนัก ภาวินีที่เริ่มเดินช้าลงเรื่อยๆ ก็บ่นขึ้นมา เมื่อรู้สึกว่าข้อเท้าที่แพลงเริ่มออกอาการเจ็บแปล๊บขึ้นมาอีกแล้ว
เดินอีกไกลมั้ยคะเนี่ย เดินมาตั้งนานแล้วนะยังไม่ถึงอีกเหรอคะ นีเริ่มเจ็บขาแล้วนะ
คงไม่นานหรอก เธอจะบ่นไปไหนเนี่ย ดูฉันสิถูกยิงที่แขนจนเลือดอาบแบบนี้ ยังไม่บ่นสักคำ ไหนจะต้องมาคอยดูแลเธอ แล้วยังต้องออกไปหาของกินให้สัตว์ประหลาดที่ร้องคำรามซะดังลั่นถ้ำอีก
เขาหันมาตอบเธอที่เดินตามมาอย่างเชื่องช้า ด้วยน้ำเสียงรำคาญ น้องสาวเองก็ปากไวไม่แพ้กัน เธอโต้กลับอย่างทันควันทำเอาพี่ชายถึงกับอึ้งเพราะไม่ทันคิด
แบบนี้เหรอคะที่เรียกว่าไม่บ่นเลย ใส่มาแบบไม่ยั้งเลยนะเนี่ย เพิ่งรู้ว่าพี่ภาสขี้บ่นอย่างกับตาแก่แน่ะ เชอะ เจ็บข้อเท้าแค่นี้ นีเดินต่ออีกสิบกิโลก็ยังได้
น้องสาวสะบัดหน้าใส่พี่ชาย ก่อนจะเดินจ้ำพรวดๆ แซงหน้าไป แต่เพียงแค่ไม่กี่ก้าว ร่างเล็กที่ชอบอวดดีนั้นก็ถลาล้มลงไปนั่งวัดพื้น ร่างสูงใหญ่ที่เดินตามมาติดๆ จึงย่อตัวลงพลางเอ่ยถามด้วยใบหน้ายิ้มเยาะ
ไหนล่ะคนเก่ง สิบกิโลอะไรทำไมมันใกล้แค่นี้เอง ใช่สิบกิโลมดรึเปล่า หน่วยวัดระยะทางแบบใหม่จากอเมริการึไง
น้องสาวเงยหน้าสบตาพี่ชายด้วยสายตาค้อนปะหลับปะเหลือก กลบเกลื่อนความอายที่ทำเป็นพูดดี แล้วจึงแกล้งตีหน้าซื่อ เถียงกลับไปแบบที่เรียกว่าเอาสีข้างเข้าถูอย่างสุดตัวเลยทีเดียว
ใช่ค่ะ ตอนที่เรียนที่นู่นมันมีวิชาใหม่เพิ่งเปิดให้ลง เรียกว่าวิชาความเข้าใจชีวิตสัตว์โลกน่ะ เขาบอกว่ามดเนี่ยเดินทางสิบกิโล ได้เท่ากับสองก้าวของมนุษย์เอง นีก็เลยอยากพิสูจน์ทฤษฎีน่ะว่าจริงรึเปล่า
ภาสกรถึงกับอึ้งในเหตุผลที่น้องสาวยกมาอ้างเถียงแบบข้างๆ คูๆ ก่อนจะลอบถอนหายใจยาว เรื่องเถียงนี่คงต้องยกให้เธอเป็นที่หนึ่งเลยจริงๆ
พอเลยๆ ฉันขี้เกียจมานั่งเถียงกับเธอด้วยเรื่องไร้สาระแบบนี้ละ นี่มันก็เริ่มสายแล้วฉันมันคนมีงานมีการต้องทำ ไม่ได้มีเวลามานั่งพิสูจน์ทฤษฎีบ้าบออะไรแบบนี้หรอกนะ เอ้าลุกขึ้นมา หวังว่านี่คงเป็นครั้งสุดท้ายนะที่เราจะเล่นขี่ม้าส่งเมืองกัน
ภาสกรเริ่มเอือมระอากับน้องสาวอย่างถึงที่สุด เขาจึงตัดสินใจที่จะแบกภาระอันหนักอึ้งนี้เพื่อไปให้ถึงรีสอร์ตโดยเร็ว เพราะยังมีงานที่คั่งค้างอีกมากรอให้เขาเข้าไปสะสางอยู่ ไหนจะมีนักลงทุนที่นัดเอาไว้ว่าจะมาพูดคุยเรื่องธุรกิจกันในวันพรุ่งนี้อีก เขาจึงต้องรีบกลับไปตระเตรียมเอกสารให้เรียบร้อย
ภาวินียิ้มอย่างดีใจที่พี่ชายของเธอยังทำตัวเป็นพี่ที่แสนดีไม่เคยเปลี่ยน ช่างเอาอกเอาใจและคอยดูแลเป็นห่วงเป็นใยอยู่ตลอดเวลา นี่แหละนะ เธอถึงได้รักพี่ชายคนนี้มากมายจนบางครั้งยังเผลอคิดไปว่า เธอรักพี่มากยิ่งกว่าพ่อกับแม่เสียอีก
ไม่นานนักทั้งคู่ก็เข้าสู่เขตรีสอร์ตภูมิชนก รีสอร์ตที่หากว่าไม่ใช่คนที่มีฐานะจริงๆ ก็ไม่สามารถมาพักได้ง่ายๆ ระหว่างสองข้างทางเดินที่ปูด้วยอิฐบล็อกทรงหกเหลี่ยมสีส้มเป็นทางยาวไปถึงด้านใน มีต้นลีลาวดีปลูกเรียงรายสลับกันทั้งสองฝั่ง สีขาวบ้าง สีชมพูบ้าง สีแดงบ้าง บางจุดยังประดับไว้ด้วยหินแกะสลักเป็นรูปต่างๆ
ภาวินีที่ยังคงเกาะเป็นลูกลิงอยู่บนแผ่นหลังกว้างของพี่ชาย รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้เห็นภาพบรรยากาศร่มรื่นบริเวณรอบๆ ประดับประดาไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ แต่ละห้องแยกเป็นสัดส่วนเหมือนบ้านหลังเล็กๆ ตั้งเรียงรายอยู่ภายในอาณาเขตเดียวกันราวยี่สิบกว่าหลัง ตัวบ้านนั้นมีลักษณะเหมือนบ้านแฝด แต่ละหลังประกอบด้วยห้องพักสองห้องติดกัน ตัวห้องใช้ไม้เนื้อแข็งเป็นวัสดุหลักและตกแต่งโดยใช้แผ่นไม้เนื้ออ่อนแกะสลักเป็นลวดลายวิจิตรบรรจง เพื่อให้ผู้มาพักรู้สึกว่าได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างแท้จริง
ภาสกรอธิบายคร่าวๆ ให้น้องสาวได้รู้ว่าภาพรวมของรีสอร์ตนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ถือว่าเป็นการสอนงานเรื่องการดูแลสถานที่ไปด้วยในตัว หญิงสาวบนหลังพี่ชายนิ่งฟังอย่างตั้งใจ แต่บางครั้งก็อดรู้สึกทึ่งและชื่นชมในความสวยงามและความคิดสร้างสรรค์ของคนที่ออกแบบและตกแต่งสถานที่แห่งนี้ไม่ได้
ด้วยการจัดผังสถานที่ให้มีรูปแบบที่หันระเบียงสู่ทะเลเหมือนกันทุกห้อง เมื่อเดินผ่านไปแต่ละห้อง หญิงสาวจึงพบว่าระเบียงที่ยื่นออกมานั้นเป็นสระว่ายน้ำขนาดเล็ก สามารถมองออกไปเห็นผืนน้ำทะเลสีเขียวมรกต ตัดกับท้องฟ้าสีครามที่สุดปลายขอบฟ้า เป็นภาพที่งดงามและน่าหลงใหลประหนึ่งว่าเหมือนใช้ชีวิตอยู่บนสรวงสวรรค์ จึงไม่แปลกเลยที่จะทำให้แขกผู้มาเยือนหลายคนติดใจจนต้องกลับมาเยือนที่นี่หลายครั้งหลายครา
ถึงแม้จะพยายามจัดสถานที่ให้ดูเรียบง่ายและแฝงความหรูหราในบรรยากาศสไตล์บ้านพักตากอากาศในเกาะบาหลีอย่างไร แต่ก็ไม่ทิ้งความเป็นรีสอร์ตไปเสียทีเดียว เพราะที่นี่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนกับโรงแรมและรีสอร์ตทั่วไป มีบาร์ที่แยกตัวออกมาจากล็อบบีตั้งอยู่ไม่ห่างจากชายหาดมากนัก เหมาะสำหรับนักดื่มที่อยากจิบแอลกอฮอล์หรืออาหารรสเลิศคลอเคล้าไปกับเสียงแผ่วพลิ้วของคลื่นลม และมีห้องออกกำลังกายสำหรับคนรักสุขภาพซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกอยู่ตลอดเวลา รวมไปถึงสปาที่แยกไปอยู่อีกปีกหนึ่งของล็อบบีซึ่งโอบล้อมไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับที่ส่งกลิ่นหอมหวนชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย
ในที่สุดสองพี่น้องก็มาถึงล็อบบี ภาสกรรีบตรงดิ่งไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของรีสอร์ตทันที เขาย่อตัวให้น้องสาวก้าวลงจากแผ่นหลัง ก่อนจะลุกขึ้นยืนพลางออกคำสั่งกับสาวสวยคนซึ่งน่าจะเป็นหัวหน้าประชาสัมพันธ์ที่เงยหน้าขึ้นมาพอดี เธอทำหน้าตาตื่นตกใจที่เห็นเจ้านายหนุ่มหล่ออยู่ในสภาพสุดโทรมบวกกับสีหน้าที่ดูอิดโรย เสื้อผ้ามอมแมม ผมเผ้ายุ่งเหยิงดูไม่ต่างจากพวกคนเร่ร่อน ทั้งภาสกรและภาวินีตกเป็นเป้าสายตาของบรรดาแขกที่มาพัก ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นหันมาจับจ้องสองพี่น้องเป็นตาเดียวกัน ภาวินีได้แต่มองไปรอบๆ อย่างรู้สึกเขินอาย เธอพยายามจัดแต่งทรงผมให้ดูเข้าที่เข้าทางมากขึ้น แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์นัก
กัญ เธอจัดเตรียมห้องให้น้องสาวของฉันด่วนเลยนะ เอาห้องที่อยู่ติดกับฉันก็ได้ อ้อ แล้วสั่งให้แม่บ้านจัดอาหารไปให้ฉันกับน้องสาวที่ห้องด้วย เข้าใจนะ! ภาสกรพูดเสียงเรียบ ก่อนจะกำชับในประโยคหลังโดยไม่แคร์สายตาคนรอบข้างแม้แต่น้อย
ค่ะนาย กัญจะรีบจัดให้นะคะ กัญญ์วรา ก้มหน้ารับคำ พลางรีบยกหูโทรศัพท์สั่งการกับลูกน้องตามคำสั่งเจ้านายทันที ไม่นานนักเธอก็เงยหน้าขึ้นมาแจ้งแก่ผู้เป็นนายว่าได้ห้องพักสำหรับน้องสาวของเขาแล้ว ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนจะเดินลิ่วไปยังห้องพักของตัวเอง แต่ไม่ลืมหันมาสั่งลูกน้องสาวสวย
ขอโทษทีแต่ฉันเหนื่อยมาก รบกวนเธอช่วยพาน้องสาวฉันไปที่ห้องพักแล้วดูแลเธอด้วยนะ
เอ่อ นายคะ ที่แขนนายมีเลือดซึมออกมาด้วยค่ะ เป็นอะไรมากรึเปล่าคะ ให้กัญตามคุณหมอมาให้ไหมคะ ประชาสัมพันธ์สาวเหลือบไปเห็นโลหิตสีแดงฉานที่ซึมออกมาจากเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีตุ่น เธอจึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง พลางขยับจะเข้ามาดูแผลนั้นใกล้ๆ แต่ภาสกรถอยหลังออกมาก้าวหนึ่ง ผู้เป็นลูกน้องจึงได้ชะงักไปอย่างเพิ่งนึกได้ว่าคงเป็นเรื่องไม่สมควร
ไม่เป็นไร เรื่องแผลนี่ เดี๋ยวให้คนเอาเครื่องมือปฐมพยาบาลมาให้ฉันที่ห้องก็พอ อาบน้ำเสร็จแล้วฉันจะจัดการทำแผลเอง รีบพายายนีไปพักที่ห้องแล้วให้ใครหายาทาแก้ปวดบวมมาให้เธอด้วยนะ ยายนั่นหกล้มข้อเท้าแพลงเมื่อคืน คงยังไม่หายดีเท่าไหร่
ได้ค่ะนาย เอ่อ นายคะ นายใหญ่กับนายผู้หญิงโทร. มาที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานหลายรอบแล้วค่ะ บอกว่าติดต่อนายไม่ได้เลย...
ไม่ทันขาดคำ เสียงโทรศัพท์ที่หน้าเคาน์เตอร์ก็ดังขึ้น กัญญ์วรามองหน้าเจ้านายหนุ่มเป็นเชิงถาม ภาสกรชั่งใจอยู่เล็กน้อยก่อนจะเป็นฝ่ายยกหูขึ้นรับสายเองหลังจากที่กริ่งสัญญาณดังติดต่อกัน
รีสอร์ตภูมิชนก สวัสดีครับ ผมภาสกรรับสาย ยินดีให้บริการครับ
เพียงแค่กรอกเสียงไปเท่านั้น เสียงจากปลายสายก็ดังโวยวายมาทันทีจนชายหนุ่มต้องยกหูโทรศัพท์ออกห่างด้วยความตกใจ แล้วจึงตอบกลับไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ครับ ผมถึงแล้วครับ เพิ่งถึงครับ ขอโทษด้วยครับ นีสบายดีครับ ว่าไงนะครับ ก็ผมบอกแล้วไงว่า... เข้าใจแล้วครับ!
น้ำเสียงเรียบในช่วงแรกๆ ของการสนทนาค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเสียงกร้าวและดุดันขึ้นพร้อมกับสีหน้าของชายหนุ่มที่ดูขึ้งโกรธ แววตาวาวโรจน์ถูกส่งให้แก่แป้นโทรศัพท์เสมือนว่าจะส่งไปถึงยังผู้พูดที่อยู่ปลายทาง ชายหนุ่มวางหูโทรศัพท์ลงกับแป้นเสียงดังโครมอย่างหัวเสียจนทำให้ภาวินีและกัญญ์วราที่ยืนอยู่ข้างๆ ถึงกับสะดุ้งโหยงตกใจไปตามๆ กัน การกระทำของเขาทำเอาผู้ที่อยู่แถวนั้นถึงกับเดินหนีออกจากล็อบบีไปตามๆ กัน ภาวินีปรี่เข้ามาใกล้พี่ชาย พลางเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ใครโทร. มาเหรอคะพี่ภาส คุณพ่อใช่ไหม แล้วท่านว่ายังไงบ้างคะ
ผู้เป็นพี่ชายไม่ได้ตอบอะไร เขาทำตาขวางไม่พอใจใส่น้องสาวตัวยุ่งแล้วเดินกระแทกส้นเท้าปึงปังจากไป
ภาวินีเห็นดังนั้นไม่รู้จะทำอย่างไร แต่รู้อย่างเดียวคือพี่ชายของเธอไม่พอใจอะไรบางอย่างแน่ๆ อยู่ๆ น้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาคลอเบ้า ประชาสัมพันธ์สาวหันมาเห็นเข้าพอดี จึงรีบประคองหญิงสาวเดินไปยังห้องพัก ระหว่างทางสายตาของนักท่องเที่ยวทุกคู่ที่เดินผ่านต่างจับจ้องเธอ บ้างก็ซุบซิบนินทา บ้างก็หัวเราะเหมือนเธอเป็นตัวตลกแต่ตอนนี้ภาวินีไม่ได้สนใจคนรอบข้างเลยแม้แต่น้อย ห้องที่กัญญ์วราจัดเตรียมไว้ให้เป็นส่วนที่อยู่ห่างจากห้องของแขกคนอื่นๆ ที่มาพักมากพอควร แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความกังวลใจของเธอลดลงเลยสักนิด ในสมองของเธอเฝ้าแต่คิดว่าบิดาพูดอะไรกับพี่ชายกันแน่ เขาจึงได้ทำหน้าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเธออย่างนั้น
ถึงแล้วค่ะคุณหนู เสียงของกัญญ์วราที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวออกจากภวังค์ เธอหันมากล่าวขอบคุณพร้อมกับเอ่ยแนะนำตัวเองอย่างเขินๆ พลางเว้นระยะให้อีกฝ่ายแนะนำตัวเองบ้าง
ขอบคุณนะคะ เอ่อ จริงๆ แล้ว ไม่ต้องเรียกว่าคุณหนูก็ได้ค่ะ เรียกแค่ นี เฉยๆ ก็พอ เอ่อ พี่...
ได้ค่ะน้องนี ถ้าอย่างนั้นเรียกพี่ว่า พี่กัญนะคะ ประชาสัมพันธ์สาวสวยหันมายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน พลางไขกุญแจเปิดประตูห้องให้แล้วเอ่ยขึ้น
อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อให้สบายตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่จะให้คนยกอาหารมาให้
ขอบคุณค่ะ ภาวินีพยักหน้ารับคำ พลางกล่าวขอบคุณอีกครั้ง กัญญ์วราจึงเดินกลับไปโดยมีสายตาของภาวินีมองตามอย่างชื่นชม
พี่กัญนี่สวยจังเลยนะ ผิวสีน้ำผึ้งกับดวงตาคมแบบนั้น ไหนจะชุดสูทที่ใส่อีก ดูเป็นผู้ใหญ่ดีจัง ว่าแต่ที่คุณพ่อคุณแม่ให้มาฝึกงานนี่ เราจะต้องทำอะไรบ้างนะ
หญิงสาวพูดกับตัวเองก่อนจะเปิดประตูห้อง ก็พบว่าภายในห้องตกแต่งไว้อย่างสวยงาม มีเตียงนอนขนาดหกฟุตตั้งอยู่ชิดผนังห้องด้านซ้าย บนหลังตู้ใบขนาดย่อมมีชุดที่พนักงานเตรียมไว้สำหรับให้เธอเปลี่ยนพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่าง หญิงสาวเดินไปเปิดประตูกระจกระเบียงของห้อง เธออุทานออกมาอย่างดีใจเมื่อพบว่าที่ระเบียงเป็นสระว่ายน้ำขนาดเล็ก สามารถที่จะนอนแช่น้ำไปพร้อมกับชมวิวทิวทัศน์ของทะเลได้ด้วย
โอ้โห สวยจังเลยเดี๋ยวต้องลองซะแล้ว ว่าแล้วภาวินีก็ไม่รอช้า เข้าไปอาบน้ำชำระคราบสกปรกเหนียวเหนอะหนะที่ติดตัวมาตั้งแต่เมื่อวาน ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำออกมาเป็นชุดคลุมอาบน้ำ
ระหว่างนั้นเองภาสกรที่เดินออกมาจากล็อบบีด้วยความหงุดหงิด รีบเดินไปที่บริเวณท่าเทียบเรือของรีสอร์ต แล้วแจ้งกับคนงานว่าให้ออกไปเอาเรือของเขาที่จอดทิ้งไว้กลางทะเลไม่ไกลจากเกาะมากนักกลับมา คนงานที่ดูแลท่าเรือรับคำสั่งอย่างงุนงงแต่ก็ไม่กล้าปริปากถามอะไร เพราะเห็นสีหน้าเคร่งเครียด คิ้วขมวดมุ่นที่แทบจะผูกเข้าหากันของเขาแล้วอดรู้สึกหวั่นใจไม่ได้ พวกเขาแทบไม่ค่อยได้เห็นเจ้านายหนุ่มรูปหล่อในลักษณะที่ดูท่าทางโกรธขึ้งแบบนี้มาก่อนเลย
จากนั้นชายหนุ่มจึงเดินกลับไปทางห้องพักของตัวเองซึ่งอยู่ในโซนที่ค่อนข้างไกลจากบรรดาแขกที่มาพักพอสมควร เขาชอบที่จะอยู่ในที่เงียบมากกว่าถูกรบกวนด้วยเสียงจอแจของผู้คน เพราะมันทำให้เขามีสมาธิพอที่จะจัดการกับงานในหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ระหว่างทางสวนกับกัญญ์วราที่เดินกลับจากห้องของภาวินีมาพอดี เธอบอกว่าจัดการทุกอย่างตามที่เขาสั่งเรียบร้อยแล้ว เขาพยักหน้ารับพร้อมทั้งกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ กัญญ์วรานึกขึ้นมาได้ว่านอกจากภูรินทร์กับพิศมัยจะโทรศัพท์มาหาภาสกรแล้ว ยังมีผู้หญิงอีกคนที่โทรศัพท์มาหาชายหนุ่มอีกหลายครั้ง
นายคะ กัญลืมบอกไป นอกจากนายใหญ่กับนายหญิงแล้ว เมื่อวานมีผู้หญิงชื่อโรสโทร. มาหานายด้วยค่ะ กัญบอกไปว่านายยังไม่เข้ามา เธอเลยบอกให้นายโทร. กลับหาเธอด้วยค่ะ
โรส...งั้นเหรอ โอเค เดี๋ยวผมโทร. กลับไปหาเธอเอง ขอบคุณมากครับกัญ คุณไปทำงานต่อเถอะ
ภาสกรทวนชื่อของหญิงสาวที่กัญญ์วราบอกกับเขาด้วยความรู้สึกแปลกใจ ก่อนจะรีบตัดบทขอตัวเข้าไปพักผ่อน ลูกน้องสาวสวยก้มหน้าน้อยๆ รับคำแต่โดยดี แล้วจึงเดินเลี่ยงไป ทิ้งให้ชายหนุ่มยืนนิ่ง พลางอดสงสัยไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นโทรศัพท์มาหาเขาทำไม
เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้ง ภาวินีที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำหันไปมองที่หน้าประตู จากนั้นเสียงของคนที่อยู่ด้านนอกก็ดังขึ้น
คุณหนูคะ ดิฉันนำอาหารมาให้ตามที่นายสั่งค่ะ
อ้อ ค่ะๆ เดี๋ยวจะเปิดให้นะคะ
ภาวินีขานรับ สำรวจเครื่องแต่งกายของตัวเองในกระจก ดูว่าเรียบร้อยดีแล้วจึงก้าวยาวๆ ไปยังหน้าประตู เธอปลดล็อกแล้วจึงเปิดประตูแง้มออกนิดหนึ่งแต่ยังเหลือโซ่คล้องประตูเอาไว้ ยื่นหน้าออกมามองก็พบว่าเป็นแม่บ้านวัยกลางคนยืนส่งยิ้มให้เธออยู่ ข้างๆ มีรถเข็นที่ดูแล้วน่าจะเป็นรถเข็นสำหรับเสิร์ฟอาหารจริงๆ หญิงสาวจึงปลดโซ่คล้องประตูออก แล้วจึงเปิดประตูกว้างเพื่อให้แม่บ้านเข็นรถเข้ามาภายในห้องได้
ถ้าทานเสร็จแล้วก็โทร. ลงไปบอกที่เคาน์เตอร์นะคะ เดี๋ยวดิฉันจะมาเก็บให้
แม่บ้านวัยกลางคนกล่าว หลังจากนำรถเข็นมาจอดอยู่ตรงโต๊ะสำหรับรับประทานอาหาร หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณ ทำเอาแม่บ้านรับไหว้แทบไม่ทัน เธอรีบบอกว่าคราวหลังไม่ต้องไหว้ก็ได้ แต่ภาวินียืนกรานว่ามันเป็นสิ่งที่สมควรแล้ว จึงทำให้แม่บ้านรู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมาก และรู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวขึ้นมาทันที
ทานให้อร่อยนะคะคุณหนู ถ้าต้องการอะไรเพิ่มก็บอกนะคะ ดิฉันจะรีบยกมาให้เลยค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ หญิงสาวกล่าวขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนาเมื่อแม่บ้านหญิงสูงวัยเดินออกไปแล้ว
เธอเดินมาเปิดฝาสำรับอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ แล้วจึงพบว่ามีแต่อาหารหน้าตาน่ารับประทานแทบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นข้าวผัดกุ้งที่มีกุ้งตัวอวบอ้วนสีส้มสดวางเรียงรายเป็นรูปพัดอยู่บนข้าวผัดที่เป็นรูปถ้วยคว่ำอยู่กลางจานเปลสีขาวใบใหญ่ ต้มยำทะเลโป๊ะแตกที่เต็มไปด้วยปลาชิ้นโต ปลาหมึกหั่นเป็นแว่นสีขาว หอยแมลงภู่ตัวโต ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนจนเธอเริ่มหิวขึ้นมา
เธอเปิดฝาครอบจานใบย่อมขึ้นมาอีกอันหนึ่ง ก็เห็นว่าเป็นบรรดาดอกไม้ชุบแป้งทอดกรอบ ทั้งดอกเฟื่องฟ้า ดอกกุหลาบ ดอกอัญชัน และดอกดาวเรืองถูกจัดวางเรียงรายอย่างสวยงาม พร้อมน้ำจิ้มรสหวานที่เธอแอบเอานิ้วจิ้มชิมดูแล้ว นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มเป็นน้ำส้มคั้นสด น้ำมะพร้าวหอมที่มาเป็นมะพร้าวทั้งลูกมีหลอดติดดอกกล้วยไม้สีม่วงประดับอยู่
โอ้โห น่ากินจังเลย อื้อหือ นี่ก็อร่อย นั่นก็อร่อย อื้ม...
หญิงสาวตักจานนี้ ชิมถ้วยนั้นด้วยท่าทางน่าเอร็ดอร่อยประหนึ่งว่าตัวเองเป็นสุดยอดนักชิมจากรายการทีวีชื่อดังของญี่ปุ่น เพียงไม่นานอาหารรสเลิศก็ถูกกลืนลงกระเพาะของหญิงสาวจนเกลี้ยงแทบทุกอย่าง
โอย ไม่ไหวแล้ว อิ่มจนแน่นท้องไปหมด ถ้าอยู่ที่นี่สักเดือนฉันต้องเป็นหมูอ้วนกลมแน่ๆ เลย หญิงสาวรำพึงรำพันกับตัวเอง พลางหันไปกดโทรศัพท์เรียกให้แม่บ้านมายกสำรับอาหารไปเก็บ
ฝากบอกแม่ครัวด้วยนะคะ อาหารทุกอย่างอร่อยมากเลยค่ะ
ภาวินีกล่าวกับแม่บ้านคนเดิมเมื่อเธอมายกสำรับเก็บกลับไป จากนั้นหญิงสาวจึงกระโดดขึ้นเตียงพลางกดรีโมตโทรทัศน์เปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ จากนั้นไม่นานก็ผล็อยหลับไป และตื่นขึ้นมาอีกครั้งในเวลาบ่ายคล้อยจวนเจียนจะพลบค่ำ
ตายละ จะมืดแล้วเหรอเนี่ย นี่เราหลับไปนานขนาดนี้เลยเหรอ สระน้ำนี่ก็น่าเล่นจัง ลงไปทั้งชุดนี้คงไม่เป็นไรมั้ง เธอพูดกับตัวเองพลางก้มลงมองดูชุดเสื้อคลุมอาบน้ำที่สวมอยู่
อืม สบายจัง วิวก็สวยมากด้วยโชคดีตื่นมาทันได้เห็นพระอาทิตย์ตกพอดีเลยนะเนี่ย สงบดีด้วยอะไรจะสบายขนาดนี้ หญิงสาวนึกในใจขณะนอนแช่ตัวอยู่ในสระน้ำขนาดเล็กที่สามารถเปิดเป็นระบบจากุซซีได้
เอ๋...จริงสิ แล้วพี่ภาสเป็นยังไงบ้างนะ ตั้งแต่รับโทรศัพท์ก็เงียบหายไปเลยแถมยังมาทำตาขวางใส่เราซะอีก เป็นอะไรของเขาก็ไม่รู้ ไม่เห็นเหมือนพี่ภาสคนเดิมเลยสักนิด อยู่ๆ เธอก็นึกถึงพี่ชายขึ้นมาก่อนจะแอบตัดพ้อต่อว่าในใจ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไม่เข้าใจเลย
เอ...หรือว่าไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริงๆ มันน่าสงสัยๆ
ถูกปืนยิงไม่ใช่หรอ....
กดโหวต +100 เลยคร้า ^^
อืม ว่าแต่อ่านเมลล์ที่แพทส่งให้ยังคะ ^^