ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ประสบการณ์ลดน้ำหนักด้วยตัวเอง เดือนละ 10 กิโลฯ

    ลำดับตอนที่ #85 : บทสรุป 7 เดือน ตอนจบ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.25K
      1
      1 ก.ย. 48









                       เขียนวันที่                                      จำนวนวันที่อยู่ในโปรแกรม                                น้ำหนัก



                     1  กันยายน 48                                              213                                                   74





                       มาถึงวันนี้ผมขอพูดถึงเรื่องการเดินของผมก่อนแค่นิดหน่อยว่า เย็นวันนี้จนถึงวันเสาร์ผมคงไม่มีเวลาไปเดิน ก็อาจจะต้องมาเน้นคุมอาหารอย่างเดียวและออกกำลังกายเท่าที่จะทำได้ แต่ตอนนี้ขอพูดถึงประเด็นสำคัญก่อนครับก็คือ ข้อได้เปรียบของผมและประโยชน์ที่ได้รับ



                       1. ข้อได้เปรียบของผม



                       ผมคิดว่าสิ่งที่ผมทำนั้นมันมีข้อได้เปรียบที่ทำให้ประสบความสำเร็จได้ค่อนข้างเร็วอยู่หลายข้อดังนี้



    1.1 การเลือกเวลาเริ่มต้น



                       การที่ผมเลือกวันแรกของเดือนกุมภาฯเป็นวันเริ่มต้น พอเลยมาถึงวันนี้ผมคิดว่า มันเป็นช่วงที่เหมาะสมเพราะเป็นช่วงปิดเทอม ตอนนี้หลายท่านคงทราบแล้วว่า ผมเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ช่วงปิดเทอมจะเป็นช่วงที่มีงานบ้างแต่ไม่เยอะ ซึ่งทำให้ผมสามารถควบคุมโปรแกรมของตัวเองได้ดี 4 เดือนแรกที่ผมลดได้ 30 กว่าโลนั้นยังอยู่ในช่วงปิดเทอมอยู่เลย มันจึงไม่ค่อยมีอุปสรรคมากนัก แต่ 3 เดือนต่อมา พอเปิดเทอมทุกท่านก็จะทราบว่ามันมีปัญหาหลายอย่างที่มากระทบถึงภาพรวม อย่างน้อยก็ในช่วงสัปดาห์ที่ 16-24 สิงหาฯที่ผ่านมา



                       ลองคิดกลับกันนะครับว่า ถ้าผมเริ่มโปรแกรมวันที่ 1 สค 48 แล้วครึ่งเดือนแรกผมลดได้ 4 โล แต่พอครึ่งเดือนหลังเกิดเหตุการณ์ที่เหมือนกันเปี๊ยบจนทำให้ผมน้ำหนักตัวเพิ่มมาเท่าเดิมหรืออาจจะมากกว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆกำลังใจคงไม่เหลือ และคงเข้าใจผิดคิดว่าโยโย่เกิดขึ้นแล้ว และอาจมีผลทำให้ควบคุมให้ตัวเองอยู่ในโปรแกรมต่อไปไม่ได้ ผมก็อาจไม่สามารถลดน้ำหนักได้จนมาเหลือ 74 ได้อย่างวันนี้



                       พอความจริงมีอยู่ว่าที่ผ่านมาช่วงปิดเทอม ผมลดได้ 30 กว่าโลแล้ว น้ำหนักที่หายไปถือเป็นต้นทุน พอครึ่งเดือนที่ผ่านมาผมเผลอทำให้น้ำหนักขึ้นอีก 4 โล แต่มันก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะผมลดได้ 30 กว่าโลแล้ว ผมจึงยังมีกำลังใจที่จะเข้าโปรแกรมต่อไป



                       ก่อนหน้านี้ผมเคยบอกว่า มีหลายคนเห็นว่าช่วงวาเลนไทน์ไม่ว่าจะทำอะไรมักจะสำเร็จ เพราะเป็นเทศกาลแห่งความรัก ผมว่ามันก็น่าจะมีส่วนอยู่บ้าง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ มันเป็นช่วงที่สะดวกเพราะเป็นช่วงปิดเทอมของวัยเรียนและเป็นช่วงพักร้อนของวัยทำงาน ถ้าทำอะไรช่วงนี้ แน่นอนครับว่ามันจะมีสมาธิกว่า และจะทำให้เราทุ่มเทให้กับการกระทำนั้นๆได้ดีกว่าด้วย



    1.2 การเลือกหลักการที่เหมาะ





                       ตามที่ทุกท่านอ่านมา ผมตั้งใจว่าจะลดปริมาณอาหารลงกับออกกำลังกายควบคู่ เพราะผมรู้สึกว่าถ้าเน้นลดอาหารอย่างเดียวหรือออกกำลังกายอย่างเดียวจะต้องจนแต้มเข้าสักวัน และจะเป็นการลดน้ำหนักที่ไม่ยั่งยืน ถึงแม้ว่าผมเพิ่งลดมาได้ 7 เดือนแต่ก็ยังยึดมั่นกับสมมติฐานนี้อยู่ และการยึดแบบนี้สามารถปรับใช้กับการแก้ปัญหาต่างๆในระหว่างลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี เช่น ปัญหาน้ำหนักตัวคงที่  ปัญหาภาพรวมเสียสมดุลย์ ปัญหาความอยากระหว่างมื้อ



    1.3 การเลือกที่จะมีช่วงเบรค



                       อันนี้ก็อาจจะบังเอิญอีกล่ะครับ แต่คิดว่าการที่ผมหนัก 100 กว่าแล้วลดลงมาเร็วมากใน 2 เดือนแรกนั้น การมีช่วงเบรคในเดือนที่ 4 ถือว่าช่วยให้ร่างกายมีเวลาปรับตัวได้เป็นอย่างดี การให้เวลาร่างกายปรับตัวก็น่าที่จะเป็นวิธีที่ดีประการหนึ่ง



    1.4 การรู้ว่าเมื่อไหร่ตัวเองทำอะไรได้



                      เช่นตอนที่เผชิญกับน้ำหนักตัวคงที่ตอนที่หนัก 96 กับ 88 ผมแก้ไขโดยการออกกำลังกายเพิ่มและลดอาหารลงหน่อยแต่ไม่ถึงกับเยอะนัก แต่ตอนที่หนัก 82 กับ 77 ผมแก้ไขโดยการปรับที่อาหาร เพราะรู้ว่าถ้าออกกำลังกายเพิ่มตอนนั้นอาจไม่เป็นผลดี เหมือนอย่าง 5 วันมานี้ที่ผมเดินกลับบ้านได้ แต่ผมก็รู้ว่าต่อไปอาจจะต้องเบรคบ้าง อาจเนื่องจากเรื่องของสิ่งแวดล้อมและอื่นๆ การแก้ไขปัญหาให้ถูกจุดถือว่าสำคัญมากแต่อาจจะยากหน่อยตรงที่แนะนำผู้อื่นเพราะแต่ละคนอาจมีอะไรบางอย่างแตกต่างกันไปในตอนที่ลดน้ำหนัก



    1.5 การเอางานวิจัยมาดัดแปลงให้เหมาะกับตัวเอง



                      งานวิจัยเกี่ยวกับการลดน้ำหนักตอนนี้มีออกมามาก มีทั้งสอดคล้องและขัดกันบ้าง แต่ผมก็เอามาดัดแปลงให้เหมาะกับที่ตัวเองจะสามารถใช้ได้อย่างสะดวกในหลายๆเรื่อง เช่น เรื่องของการเดินกับการวิ่ง เพราะการวิจัยจะออกมาว่าในเวลาเท่ากัน วิ่งย่อมดีกว่าเดิน แต่ผมรู้ตัวว่าผมชอบเดินมากกว่าวิ่ง และถ้าผมเดินผมจะออกกำลังกายได้อย่างสม่ำเสมอมากขึ้น



    1.6 เลือกที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นภาพรวม



                     ก็อย่างที่ในหนังสือบอกแหละครับ ผมเลือกที่จะใช้พลังงานในช่วงวันและปรับการนอนเข้าช่วย และเลือกที่จะปรับการกินกับอาหารทุกมื้อ โดยไม่ใช้วิธีปรับเป็นบางมื้อ



    1.7 เลือกที่จะกินอาหารแคลอรี่ต่ำที่ไม่ต่ำจนเกินไป



                     เพราะคิดว่าการกินอาหารแคลอรี่ต่ำมากๆอาจไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาโยโย่ภายหลังได้



                    



                      จริงๆยังมีอีกแต่เอาแค่นี้ก่อนนะครับ เรามาดูหัวข้อต่อไปกันบ้าง



                     2. ประโยชน์ที่ผมได้รับจากการเข้าโปรแกรมมา 7 เดือน





    2.1 ระบบหายใจดีขึ้นมาก



    2.2 ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายมีประสิทธิภาพสูง



    2.3 ทำให้มีระเบียบวิธีคิดในการวางแผนดีขึ้น



    2.4 เข้าใจคุณค่าและความหมายของการใช้ชีวิตประจำวันดีขึ้น ทำให้ทุกวันมีความหมายสำหรับผม



    2.5 มีความกระฉับกระเฉงและความคล่องตัวสูง



    2.6 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างจิตกับกายในทางที่ถูกที่ควร



    2.7 เข้าใจแก่นทางพระพุทธศาสนาดีขึ้น เช่น หลักอิทธิบาท 4 ทำไมต้องเอาฉันทะขึ้นต้น เพราะถ้าไม่มีฉันทะแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรก็ยากที่จะประสบผลสำเร็จ ตัวอย่างฉันทะง่ายๆของผม เช่น เลือกอาหารจานหลักที่ตัวเองชอบ ออกกำลังกายในแบบที่ตัวเองชอบและถนัด



    2.8 เพิ่มพลังทางความคิดและสติปัญญา



    2.9 ได้รับความรู้เกี่ยวกับเชิงสุขภาพมากขึ้นทั้งในแง่ของปัจเจกบุคคลและเชิงสังคม



    2.10 ได้มีพ๊อคเก็ตบุ๊คเล่มแรกของตนเอง



                    แค่นี้คงพอก่อนนะครับ และนี่คือสิ่งที่ผมได้ตลอด 7 เดือน จริงๆยังมีอีก แต่เอาไว้แค่นี้ก่อนดีกว่า ตลอดเดือนกันยาฯผมก็จะเสนอความรู้ที่ตกผลึกในหลายๆเรื่องนะครับ โปรดติดตามก็แล้วกันนะ...ครับผม



      





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×