ประสบการณ์ลดน้ำหนักด้วยตัวเอง เดือนละ 10 กิโลฯ

ลำดับตอนที่ #64 : แผนใหม่และจุดมุ่งหมายใหม่

                       หมายเหตุ  เขียนวันที่ 29 มิ.ย. 48                   หนัก 74.0 กก.





                       ขอพักเรื่องโยโย่ไว้ก่อนนะครับ เพราะช่วงนี้ใกล้ถึงวันที่ผมจะกลับมาลดน้ำหนักอีกครั้งแล้ว พักไป 1 เดือน บอกได้คำเดียวครับว่ามีความสุขมาก และเป็นหนึ่งเดือนที่ได้คิดได้ทำอะไรอีกหลายอย่าง อย่างที่เห็นเป็นรูปธรรมหน่อยก็คือเรื่องหนังสือครับ พูดถึงเรื่องนี้ทีไรก็ยังตื่นเต้นไม่หายครับ เพราะวันแรกที่เข้ามาเขียนประสบการณ์ของตัวเองนั้นก็แค่เป็นห่วงคนที่อ้วนเหมือนกันว่าตอนนี้เขาเป็นยังไงกันบ้าง กดดันกันมากน้อยแค่ไหน มีความสุขรึเปล่ากับการใช้ชีวิตในแต่ละวัน ก็ไม่นึกไม่ฝันครับว่า หลังจากนั้นอีกประมาณเกือบ 4 เดือน เรื่องราวเหล่านี้ก็จะกลายเป็นหนังสือได้ 1 เล่ม เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ บุคคลสำคัญที่จะลืมไม่ได้เลยก็คือทุกคนที่เข้ามาอ่าน เข้ามาแสดงความคิดเห็นในบทความนี้ ทุกคนน่ารักมากๆเลยครับ และการที่ผมสามารถลดน้ำหนักใน 4 เดือนแรกได้นั้น บอกได้คำเดียวครับว่า กำลังใจจากทุกคนในนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากทีเดียวครับ



                       เมื่อถึงวันนี้อาจสรุปได้อย่างชัดเจนแล้วว่า วิธีการที่ผมใช้ใน 4 เดือนแรกนั้นไม่ทำให้เกิดโยโย่แต่ประการใด และสิ่งที่ได้มาก็คือน้ำหนักที่หายไป 33 กก. กับพฤติกรรมการกินแบบใหม่ที่สดใสมีสีสันและปลอดภัยกับตัวเอง แถมยังได้สุขภาพที่ดี ระบบขับถ่ายที่เจ๋ง และระบบหายใจที่เรียกได้อย่างเดียวว่าสุดยอดครับ ยิ่งพักมา 1 เดือนก็ทำให้ผมรู้ว่า การควบคุมน้ำหนักนั้นง่ายกว่าการลดน้ำหนักและการลดน้ำหนักนั้นง่ายกว่าการทำให้น้ำหนักเพิ่มซะอีก และนั่นคือบทสรุปของสิ่งที่ได้ครับ



                      เดือนกรกฎาคมนี้ผมก็กะว่าจะลดน้ำหนักอีกครั้ง แต่จุดประสงค์คงต่างจากการลดครั้งแรกอย่างสิ้นเชิง เพราะการลดครั้งใหม่นี้สิ่งที่ต้องการจริงๆก็คือการที่น้ำหนักลดลงและมีสัดส่วนที่ดีขึ้น ไม่ได้เน้นที่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินเหมือนกับครั้งแรก เมื่อจุดมุ่งหมายต่างออกไป วิธีการก็จะต่างออกไปด้วย ครั้งนี้ผมอาจจะคุมการกินแต่คงไม่ถึงกับคุมมากมายอะไร เพราะตอนลดครั้งแรกผมกินอยู่ระหว่าง 600-800 แคลอรี่ต่อวัน ช่วงเดือน มิ.ย. 48 ที่ปล่อยให้น้ำหนักตัวคงที่ ผมกินอยู่ระหว่าง 1100-1700 ต่อวัน มาถึงครั้งนี้ ในเดือนกรกฎานี้ ผมวางแผนไว้ว่าจะกินประมาณ 700-900 แคลอรี่ต่อวัน แต่สิ่งที่จะต้องเพิ่มเข้ามาคือการออกกำลังกาย เพราะถ้าจะมาเน้นเรื่องกินแบบน้อยๆเหมือนเมื่อก่อนอาจจะไม่ค่อยมีประโยชน์ในระยะยาวมากนัก



                     สมัยที่ผมแก้ปัญหาน้ำหนักตัวคงที่ ตอนที่หนัก 82 และ 77 กก. ผมเลือกที่จะใช้วิธีการค่อยๆเพิ่มคาร์โบไฮเดรตและลดลงอย่างฮวบฮาบ ตอนนั้นผมไม่เลือกวิธีการเพิ่มการออกกำลังกาย เพราะร่างกายยังไม่พร้อม ช่วงนั้นผมเดินจากประสานมิตรไปสนามกีฬาหัวหมากก็เต็มที่แล้ว แต่การลดครั้งนี้ผมกะว่าจะเพิ่มระยะทางการเดินจากประสานมิตรไปยังแยกลำสาลีซึ่งผมคิดว่าผมสามารถทำได้แล้ว การลดน้ำหนักในช่วงที่น้ำหนักใกล้จะอยู่ตัวแบบนี้ผมคิดว่ามาเล่นเรื่องการออกกำลังกายแบบแอโรบิคในแบบที่เราชำนาญน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ขืนไปเน้นลดแคลอรี่ในการกิน ยังไงมันก็ต้องจนมุมเข้าสักวัน เพราะมันมีขีดจำกัดที่แน่นอนในการลดปริมาณของอาหาร ส่วนการเพิ่มการออกกำลังกายนั้นขีดจำกัดมันจะกว้างกว่าหลายเท่า เมื่อผมเลือกเดิน ผมสามารถที่จะเพิ่มเวลาและระยะทางได้ไปเรื่อยๆตราบใดที่ร่างกายของผมมันปรับสภาพได้



                   การเพิ่มการออกกำลังกายแบบนี้ยังเอื้อต่อการที่เมื่อเราอายุมากขึ้น เราก็สามารถปรับการออกกำลังกายเพื่อรักษาน้ำหนักตัวให้คงที่ได้ไม่ยาก และที่สำคัญการออกกำลังกายยังเป็นเครื่องมือผ่อนคลายความตึงเครียดของคนเมืองอย่างเราๆท่านๆได้ดีอีกด้วยโดยที่ผมไม่เคยคิดถึงมันมาก่อนหน้านี้ นอกจากการเพิ่มระยะทางการเดินแล้ว ผมคงต้องมีการออกกำลังกายก่อนนอนด้วย แต่ผมคงไม่ทำทุกวัน คงเน้นแค่ในระดับที่สม่ำเสมอ ที่ผมคิดไว้ก็จะมี 4 อย่างคือยกดัมเบลล์ เล่นจานทวิช วิดพื้นและซิทอัพ ก็คงค่อยๆทำไปครับหลังจากเดินจากประสานมิตรไปถึงแยกลำสาลีแล้ว และนี่ก็คือแผนการทั้งหมดที่คิดออกในตอนนี้ครับว่าในเดือนกรกฎาคมผมจะลดน้ำหนักด้วยวิธีการอย่างไร ส่วนเรื่องการชั่งน้ำหนักเพื่อประเมินผลนั้น ผมคิดว่าชั่งทุกวันเหมือนเมื่อก่อนคงไม่ค่อยเห็นผลเท่าใดนัก ผมเลยคิดว่าจะชั่งทุก 4 วันครับ ถ้าวางแผนตามนี้มันก็น่าจะเห็นผลอะไรบ้าง กลับมาลดน้ำหนักคราวนี้ก็ตื่นเต้นครับ ไม่รู้ว่าจะตื่นเต้นไปทำไม แต่มันก็ตื่นเต้นจริงๆนะ ทำให้ผมมีเรื่องต้องลุ้น 2 เรื่องด้วยกันในเดือนกรกฎาคม เรื่องแรกคือหนังสือที่จะออกนั้นจะเป็นที่สนใจมากน้อยแค่ไหน และการลดน้ำหนักครั้งใหม่นี้จะได้ผลมากน้อยแค่ไหน แต่ยังไงก็จะทำเต็มที่ครับผม...