ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ประสบการณ์ลดน้ำหนักด้วยตัวเอง เดือนละ 10 กิโลฯ

    ลำดับตอนที่ #13 : ทฤษฎี Self Fulfilling Prophecy

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.89K
      2
      30 มี.ค. 48









                                      หมายเหตุ   เขียนวันที่  30 มี.ค. 48               หนัก   86.0  กิโลกรัม





                                      ก่อนอื่นผมขอเรียกทฤษฎีนี้สั้นๆว่า  SFP  ก็แล้วกันนะครับ  สำหรับคนที่อ้วนมากประมาณ 95-110 กิโลกรัม น่าจะสามารถนำทฤษฎีนี้ไปปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเองได้ดี



                                      และก็ต้องพูดถึงทฤษฎีนี้ในลักษณะทั่วๆไปให้ทุกท่านเข้าใจกันก่อน เอาเป็นว่าขอยกตัวอย่างดังนี้ครับ

    มีครูอยู่คนหนึ่ง ชื่อว่ามาลีก็แล้วกัน   ครูมาลีมีลูกศิษย์อยู่ 2 คนคือ นาย ก. และนาย ข. นักเรียนทั้งสองคนนี้มีพื้นฐานการเรียนปานกลางพอๆกัน  ครูมาลีตั้งใจไว้แล้วว่าอยากให้นาย ก.ได้คะแนนวิชาของครูมาลีเต็ม 100 ส่วนนาย ข.นั้น  ไม่ทราบว่าครูมาลีไม่ถูกชะตาอะไรกับนาย ข. แต่ลึกๆแล้ว แกอยากให้นาย ข. สอบตกวิชาของแก แล้วครูมาลีก็แสดงพฤติกรรมต่อเด็กทั้งสองคนนี้แตกต่างกัน การแสดงพฤติกรรมเหล่านี้มีทั้งที่ครูมาลีตั้งใจบ้างไม่ตั้งใจบ้าง ยกตัวอย่างเช่น



                                      เวลาที่อยู่ในห้องเรียน ตอนที่เรียก นาย ก. ตอบคำถาม ถ้านาย ก. ตอบไม่ได้ หรือตอบไม่ถูก ครูมาลีก็จะพูดว่า \"จริงๆเขารู้นะ ถ้าเขาอ่านหนังสือตรงนี้มา สงสัยว่ามัวแต่อ่านบทอื่น บทนี้เลยพลาดไป\" แต่ถ้าเป็นนาย ข. ตอบไม่ได้บ้าง ครูมาลีจะพูดว่า \"ทำไมคำถามง่ายๆแค่นี้ถึงตอบไม่ได้ วันๆคงไม่ได้อ่านหนังสืออะไรเลยมั้งเนี่ย\"



                                      ตอนที่นาย ก. ส่งการบ้านช้า ครูมาลีก็จะพูดกับนาย ก. ว่า \"ไม่เป้นไรหรอก ครูรู้ว่าเธออยากใช้เวลาคิดให้เต็มที่ แต่ทีหน้าทีหลังก็ไม่ควรส่งช้าขนาดนี้นะ อย่างเธอไม่ต้องใช้เวลาทำนาน งานก็น่าจะออกมาดีอยู่แล้ว\" แต่ถ้าเป็นนาย ข. ส่งงานช้าบ้าง ครูมาลีก็จะพูดว่า \"ทำไมถึงส่งมาป่านนี้ล่ะ ถึงส่งช้าผลงานของเธอก็ไม่ได้ดีเลยนะ ที่หลังส่งให้มันไวๆหน่อย อย่างน้อยก็จะได้คะแนนส่งทันพอประทังชีวิตไปได้ เพราะไม่ว่าจะส่งช้าหรือเร็ว ผลงานของเธอก็แย่พอๆกัน เพราะฉะนั้นส่งให้ทันตามกำหนดจะมีประโยชน์มากกว่า อย่างเธอส่งช้าหรือเร็วก็ไม่ต่างกันหรอก วันไหนผลงานออกมาดีหน่อยแสดงว่าต้องลอกมาทั้งเพ ไปได้แล้ว มายืนทำหน้าเป็นสากกะเบืออยู่ทำไมเนี่ย\" อืม...น่าสงสาร นาย ข.ชะมัดเลย



                                      ตอนที่เจอกันนอกห้องเรียน ถ้าเป็นนาย ก. ครูมาลีก็จะยิ้มให้อย่างจริงใจ และมักจะมีคำพูดเหล่านี้เสมอว่า

    \"เป็นไงจ๊ะ อย่าหักโหมอ่านหนังสือมากนักนะ เดี๋ยวจะเพลีย\"

    \"วันนี้หน้าตาสดใสจัง สงสัยว่าสอบอาทิตย์หน้าคะแนนต้องพุ่งฉลุยแน่\"

    \"เป็นไงบ้าง ถ้าอ่านหนังสือตรงไหนไม่รู้เรื่องก็มาปรึกษากับครูได้ตลอดเวลาเลยนะ\"

                                      

                                      แต่ถ้าเป็นนาย ข. ครูมาลีจะพูดว่า

    \"เป็นไงวันนี้ ไปเล่นบอลมาอีกล่ะสิ\"

    \"เธอนี่ไม่ไหวเลยนะ เดินเกือบจะชนครูแล้ว\"

    และมีหลายครั้งที่ครูมาลีไม่สนใจนาย ข. เลยและเห็นเขาเป็นเพียงอากาศธาตุเท่านั้น



                                      และพอผลสอบออกมาปรากฏว่านาย ก.ได้วิชาของครูมาลีเกือบเต็ม (แต่วิชาอื่นไม่รู้ว่าเป็นยังไงนะครับ) แต่นาย ข.นั้นสอบตกวิชาครูมาลีไปตามระเบียบครับ (แต่วิชาอื่นเขาอาจได้คะแนนดี) ที่เป็นเช่นนี้เพราะครูมาลีคิดว่านาย ก. ต้องเรียนวิชาของแกดีมาตั้งแต่ต้น ส่วนนาย ข. นั้นครูมาลีสรุปไปแล้วว่า เขาน่าจะเรียนวิชาของครูมาลีได้ไม่ดี และพฤติกรรมของครูมาลีทั้งหมดก็ส่อไปในทางที่ครูมาลีคิด และในท้ายที่สุดมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ โดยที่ นาย ก. และ นาย ข. อาจจะมีศักยภาพไม่ต่างกันเลยก็ได้



                                     แล้วทฤษฎีนี้มันเกี่ยวยังไงกับการลดน้ำหนักล่ะ เอาไว้ตอนหน้าผมจะมาเฉลยก็แล้วกันครับ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×