คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ท้าทาย
ตอนที่ 5 : ท้าทาย
“นายมาทำอะไรที่นี่?” หญิงสาวร้องถามทันที
นี่สินะที่เขาบอกว่าเกลียดสิ่งไหนได้สิ่งนั้น เพราะหมอนี่เป็นบุคคลที่เธอไม่อยากพบหน้าที่สุดแต่กลับต้องมาเจอกันจนได้ แย่จริงๆ...ทำไมถึงไม่เป็นจียง ทำไมถึงไม่เป็นคนอื่น ทำไมต้องเป็นหมอนี่!!
“ที่นี่ไม่ได้ปักป้ายห้ามฉันเข้า” น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยจากริมฝีปากซึ่งเหยียดยิ้มนิดๆราวกับเย้ยหยันเธอ
“แล้วไงล่ะ...ก็ฉันไม่อยากเห็นหน้านายนี่ แล้วเมื่อตะกี้ว่าใครอ่อนแอ ห๊ะ!!” อลิซาเบธโวยวายใส่ชายหนุ่มไม่ยั้งเพราะอัดอั้นมานานแล้ว
เวลาอยู่กับผู้ชายคนนี้ทีไรมันทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองไร้ความสามารถทุกครั้งไป ความรู้สึกที่ถูกกด ถูกมองว่าอ่อนแอกว่า เป็นสิ่งที่เธอรับไม่ได้ และไม่คิดจะยอมรับด้วย
“ก็ว่าเธอไงถามแปลกๆ มีอะไรอีกมั้ย...ฉันจะได้ไป!”
ริวยะเดินสวนหญิงสาวเข้าไปด้านในผับโซน V.I.P. แน่นอนว่าอลิซาเบธไม่มีทางยอม
”หยุดเดี๋ยวนะ!!!”
มือบางคว้าชายเสื้อเขาแล้วดึงรั้งทำให้ริวยะชะงักหันกลับมา
“ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้ ฉันไม่ได้อ่อนแอ!!!”
“เธอนี่ดื้อด้านชะมัดเลย เมาหรือเปล่าเนี่ย?”
จริงๆแม้ไม่ถามริวยะก็พอเดาออกในเมื่อกลิ่นแอลกอฮอล์ฟุ้งขนาดนั้น
“ฉันจะเมาหรือไม่เมามันก็ไม่เกี่ยวกับนาย ว่าไง...จะถอนหรือไม่ถอน ห๊ะ!!!”
อลิซาเบธกระชากคอเสื้อชายหนุ่มจนเขาต้องโน้มศีรษะลงมาทำให้นัยน์ตาคมเข้มสีนิลสบกับดวงตาสีฟ้าอ่อนอย่างตรงๆ
“ฉันไม่ถอน!!!”
น้ำเสียงหนักแน่นนั้นกระตุ้นอารมณ์คุกรุ่นในตัวหญิงสาวจนความกดดันและความขุ่นเคืองปะปนกันไปหมด ความโกรธทำให้ในหัวนั้นมึนงงจนตาสองข้างพร่ามัวก่อนรู้สึกกระอักกระอ่วนแน่นในอก
“อ่อกกก....”
ริวยะถึงกับอึ้งเมื่ออลิซาเบธอาเจียนออกมารดเสื้อเขาที่ดึงรั้งไว้ สองแขนแข็งแกร่งไวพอที่จะประคองร่างบางซึ่งทรุดฮวบก่อนถึงพื้นได้อย่างทันท่วงที
“เฮ้ย...เธอ!!!”
ไม่มีเสียงขานรับตอบกลับมาจากหญิงสาวที่หมดสติไปเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ นั่นทำให้ริวยะถึงกับถอนหายใจแรงๆทันที ให้ตายเถอะ...ยัยบ้าเอ้ย!!!
“นี่...มีใครมากับยัยนี่บ้าง?” ริวยะร้องถามแขกคนอื่นๆแต่ไม่มีใครเอ่ยรับ ทำให้ต้องตวัดสายตาไปยังพนักงานชายคนหนึ่งจนเขาสะดุ้งเฮือกวิ่งเข้ามารับใช้ทันที
“เอ่อ...มีอะไรให้รับใช้ครับ...คุณเท็นโนะ”
“รู้จักที่อยู่ยัยนี่หรือเปล่า ไปหามาและเรียกแท็กซี่ไปส่งที”
“ครับ” พนักงานชายรับคำสั่งพลางวิ่งออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว
ริวยะประคองอลิซาเบธวางลงบนโซฟาว่างๆตัวหนึ่ง พลางนั่งลงข้างๆดึงกระดาษทิชชูจากโต๊ะมาซับคราบสกปรกบนเสื้อออกไปเท่าที่จะทำได้
“เฮอะ...งานเข้าจริงๆ” ชายหนุ่มบ่นพึมพำเบาๆ เป็นจังหวะที่พนักงานชายคนนั้นวิ่งกลับมาพอดี
“เอ่อ...ขอโทษครับคุณเท็นโนะ พอดีคุณอลิซาเบธ จีน รอส ไม่ได้ลงที่อยู่ตัวเองเอาไว้ในใบสมัครสมาชิก V.I.P. มีแต่ที่อยู่ของคุณลี จียงที่อยู่กรุ๊ปเดียวกัน”
“เวร!” เขาสบถออกมาเบาๆจนพนักงานชายเหงื่อตกเพราะกลัวบุคคลตรงหน้าไม่พอใจ
เนื่องจากใครๆก็รู้กิตติศัพท์ว่ามีเท็นโนะ ริวยะ มีพ่อเป็นนักการเมืองใหญ่ แถมตัวเขายังไม่ต้องพึงพาบารมีนั้นก็มีอำนาจจัดการใครๆให้หมอบราบคาบโดยง่าย
“ไม่เป็นไร...ไปไหนก็ไป!”
แน่นอนว่าพนักงานชายคนนั้นถอยกรูออกห่างทันที ก่อนที่ริวยะจะตัดสินใจอุ้มหญิงสาวขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนพลางเดินออกจากผับไปทันที แต่ไม่ลืมเอ่ยบอกพนักงานหน้าร้านว่า
“เคลียร์บิลคุณอลิซาเบธ จีน รอส ในนามของฉันนะ”
“ครับ!”
ชายหนุ่มร่างผอมหรี่แอร์ในรถให้เบาลงกว่าเดิมนิดหน่อย ทั้งที่อากาศไม่ได้เย็นมากแต่เขากับหนาวอย่างบอกไม่ถูกเมื่อผู้โดยสารที่เพิ่งขึ้นมาใช้บริการนั่งเงียบกริบตลอดทาง อีกทั้งยังมีท่าทางน่ากลัว นัยน์ตาคมเข้มนั้นเหมือนกับมีดปลายแหลมที่สามารถกรีดหัวใจคนยามสบตาได้ไม่ยาก
ริวยะถอนหายใจเบาๆพลางเหลือบมองอลิซาเบธที่นั่งโงนเงนไม่ได้สติอยู่ข้างๆอย่างอดสงสารไม่ได้ จนต้องดึงร่างนั้นลงมานอนหนุนตัก ผมสีบลอนด์อ่อนนุ่มไล้นิ้วที่วางอยู่บนหน้าขาของชายหนุ่มจนอดไม่ได้ที่จะลูบมันอย่างแผ่วเบา ไม่นึกเลยว่ายัยสาวซ่าคนนั้นเวลาไม่ได้สติจะเหมือนกับผู้หญิงธรรมดาๆทั่วไป นั่นคือ อ่อนแอ บอบบาง และ น่าทนุถนอม...เหมือนกับ...
“เฮ้ย!!!”
คนขับรถสะดุ้งเฮือกเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มพยายามสลัดความคิดถึงยูริซึ่งแทรกเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าเรียวงามหันไปมองนอกกระจกแทนบุคคลที่นอนหนุนตักเพื่อสงบสติอารมณ์ไม่ให้ฟุ้งซ่านไปเรื่องอื่น
ทันทีที่มาถึงคฤหาสน์หลังงาม บรรดาสาวใช้หลายคนก็ถึงกับตื่นตกใจเมื่อคุณหนูของบ้านอุ้มหญิงสาวแปลกหน้าเข้ามาอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
“คุณหนูพาใครมาคะเนี่ย?”
มัทซึริ ฮินาโกะ หญิงสูงอายุที่มีศักดิ์เป็นทั้งหัวหน้าแม่บ้านและคนรับใช้ อีกทั้งยังเป็นพี่เลี้ยงเขาสมัยเด็กๆเข้ามาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรหรอก...พอดีเธอเป็นคนรู้จักบังเอิญเจอกันในผับ ผมเห็นว่าเมาไม่รู้เรื่องและไม่รู้จักที่อยู่เลยพามาพักผ่อนที่บ้านเราก่อน ออ...เดี๋ยวขอผ้าขนหนูกับอ่างใส่น้ำหน่อยนะครับ” เขาหันไปสั่งหล่อนที่โค้งศีรษะรับคำก่อนเดินไปจัดการตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายโดยไม่ซักไซ้อะไรให้มากความ
ริวยะอุ้มอลิซาเบธไปทางห้องนอนของตัวเองพลางวางลงบนเตียงขนาดใหญ่ ก่อนจะหันไปรับอ่างแก้วที่มีน้ำอยู่ประมาณครึ่งหนึ่งกับผ้าขนหนูจากป้าฮินาโกะมาไว้กับมือ
“ให้ป้าช่วยมั้ยคะ?”
“ไม่เป็นไร...นี่ก็ดึกแล้วป้าไปนอนเถอะครับ”
“ค่ะ”
“เอ่อ...” เขารั้งเอาไว้จนหล่อนหยุดชะงักพลางหันมาถาม
“คะ?”
“ยูริกลับมาหรือยัง?”
“เอ่อ...ยังนะคะ แต่อีกเดี๋ยวคงกลับ”
เขาพยักหน้าเบาๆให้ผู้อาวุโสที่ยิ้มน้อยๆก่อนเดินออกไปจากห้อง พลางบิดผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดลงไปบนใบหน้าขาวนวลเนียนนั้น มือข้างหนึ่งไล้ผมสีบลอนด์ที่ปรกหน้าผากให้ขึ้นไปทำให้นึกแปลกใจไม่ได้เมื่อเห็นชัดๆว่าอลิซาเบธก็สวยใช่เล่น ไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนเดียวกับยัยบ้าที่ตะโกนโวยวายชอบเตะต่อยคนอื่น
เมื่อเช็ดเนื้อตัวอย่างใบหน้า ต้นคอ และแขนของหญิงสาวจนสะอาดสะอ้านแล้ว ริวยะเลยเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อทำความสะอาดตัวเองเช่นกัน เสื้อถูกโยนลงตะกร้าผ้าที่เตรียมรอซักอย่างแม่นยำ ก่อนที่น้ำจากฝักบัวจะไหลลงมารดใบหน้าไล่ลงไปถึงร่างกายกำยำ ความฟุ้งซ่านและความไม่สบายใจถูกชะล้างออกไปกับสายน้ำนั้น
เพียงไม่นานนักเขาก็เดินออกมาจากห้องน้ำโดยสวมแต่กางเกงผ้าขายาว มือสองข้างใช้ผ้าเช็ดตัวซับแผ่นอกและผมเผ้าที่เปียกปอนจนหมาดแล้วค่อยทิ้งตัวลงบนเตียงโดยไม่ได้ใส่ใจกับหญิงสาวที่นอนอยู่ข้างๆเพราะในใจพะว้าพะวงถึงใครบางคนที่ยังไม่กลับมากกว่า
ด้านยูริ...หลังจากจียงเข้ามาช่วยเหลือเขาก็ลากเธอไปนั่นมานี่ โดยที่หญิงสาวไม่อาจปฏิเสธได้เพราะยังไม่ทันจะพูดอะไรมือใหญ่ก็ฉุดให้เดินไปโดยไม่รอฟังคำตอบเสียแล้ว
ที่แรกที่เขาพาเธอมา คือ ศูนย์เกมเซ็นเตอร์ ขนาดใหญ่ที่สุดในย่านนี้
“เดี๋ยว...ทำไมถึงมาที่นี่?” ยูริถามทันที
หญิงสาวมองทางเข้าที่เต็มไปด้วยแสงไฟวิบวับอย่างหวาดๆ ในชีวิตไม่เคยคิดที่จะมาสถานที่แบบนี้สักครั้ง
“ตามมาเถอะน่า แล้วก็รู้เองล่ะ” จียงเอ่ยบอกพลางดึงมือบางของหญิงสาวให้เดินตามเขาเข้าไปด้านใน
ภายในศูนย์เกมเซ็นเตอร์มีแต่เสียงอึกทึกครึกโครมและเสียงโห่ร้องดังกึกก้อง ทันทีที่ทั้งสองเดินเข้าไป ทุกสายตาก็เหมือนจับจ้องมองมาอย่างสนใจ แต่แล้วต้องรีบหันกลับไปสนใจเกมที่ตัวเองกำลังเล่นอยู่เมื่อจียงกวาดสายตาไปทั่ว
“นายพาฉันมาที่นี่ทำไม?” ยูริร้องถามอีกครั้ง
“ก็มาหาความสนุกน่ะสิ” จียงตอบก่อนพาหญิงสาวมาหยุดที่ตู้เกมขับรถแข่ง
ชายหนุ่มก้าวเข้าไปนั่งประจำที่ พลางขยิบตาให้ยูริซึ่งยืนอยู่ข้างๆ
“คอยดูความเท่ของฉันนะ”
จียงยอดเหรียญเข้าไปในตู้ หน้าจอเกมขนาดใหญ่ค่อยๆปรากฏสนามแข่งเสมือนจริง รถในเกมของชายหนุ่มหักซ้ายหลบขาวเบียดเสียดคันข้างๆอย่างเอาเป็นเอาตายจนหลายรายกระเด็นกระดอนหลุดออกนอกสนามท่ามกลางความหวาดเสียวของยูริ แต่ไม่ใช่สำหรับพวกที่ยืนเชียร์อยู่รอบด้านเลย ทันทีที่จบเกมเสียงปรบมือก็ดังลั่นร้านให้กับผู้ชนะ ผู้ชายหลายคนเข้ามาทักทายเขาและเอ่ยชม จียงกระหยิ่มยิ้มหันมองคนที่เขาพามาอย่างโอ้อวด หากแต่สีหน้าเรียบเฉยของหญิงสาวทำให้คิ้วหนาต้องขมวดเป็นปม
ยัยนี่เผลอหลับตอนเขาแข่งหรือเปล่าวะเนี่ย?
“เธอได้ดูตอนฉันแข่งหรือเปล่า?”
“เอ๋?”
“เธอได้ดูตอนที่ฉันแข่งหรือเปล่า?” จียงถามย้ำอีกครั้ง ซึ่งสิ่งที่ได้กลับมา คือ การพยักหน้าตอบรับของหญิงสาว
แล้วทำไมยังทำหน้าเฉยเมยแบบนั้นได้อีก?
หรือว่าเขายังเท่ไม่พอ...ไม่หรอกน่า...สุดหล่ออย่างเขาน่ะเหรอจะเท่ไม่พอ เพราะถ้าเท่มากกว่านี้สาวๆ อาจหัวใจวายตายได้เลยนะ แต่ไม่เป็นไรการขับรถแข่งอาจไม่ใช่เรื่องที่ผู้หญิงอย่างยัยนี่ชอบ เดี๋ยวเล่นเกมอื่นก็ได้ ยังมีอีกตั้งหลายเกมที่เขาจะแสดงความเท่ให้เธอเห็น
หนึ่งชั่วโมงกว่าที่จียงลากยูริไปตามตู้เกมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น รถแข่งแบบฟอร์มูล่าวัน มอเตอร์ไซค์ และเกมต่อสู้อีกสารพัดจนชายหนุ่มรู้สึกเหนื่อยมาก เหงื่อไคลไหลคลอบนใบหน้าจนต้องยกแขนเสื้อซับอย่างหมดฟอร์มเล็กน้อย ทว่า...สีหน้าหญิงสาวก็ยังคงเรียบเฉยอยู่เหมือนเดิม
ขณะที่จียงกำลังคิดหนักว่าตัวเองทำอะไรพลาด สายตาของยูริก็สะดุดกับตู้เกมคีบตุ๊กตาเครื่องใหญ่จนต้องรีบเดินเข้าไปดูใกล้ๆทันที ในตู้กระจกใสด้านในมีตุ๊กตาหมีน้อยน่ารักน่าชังตัวหนึ่งซึ่งหญิงสาวอยากได้มาก เพราะความอยากรู้อยากลองทำให้ยูริยอดเหรียญลงไปและเริ่มเล่น
แต่เมื่อพลาดถึงสองครั้ง หญิงสาวก็ต้องถอนหายใจอย่างเสียดาย
“เธออยากได้เหรอ?” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหูทำเอายูริสะดุ้งตกใจ พอหันไปก็ต้องชะงักเมื่อจมูกของเธอสัมผัสแก้มนุ่มของคนพูดที่โน้มหน้าเข้ามาใกล้เหมือนเจตนา
จียงลอบยิ้มอย่างถูกใจ ก่อนยืดตัวขึ้นและก้าวไปยืนเคียงข้างหญิงสาว ในขณะที่ยูริได้แต่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าร้อนผ่าวกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
“ตุ๊กตาหมีงั้นเหรอ?” จียงพึมพำ พลางหรี่ตามองอย่างหมายมาด
ถ้าเขาจับเจ้าหมีอ้วนกลมนี่ได้ ยัยนี่ก็จะมองว่าเขาเท่ใช่มั้ย? จียงไม่รอช้าหยอดเหรียญและเริ่มเล่นทันที
“โธ่เว้ย!!!”
หลายคนในที่นั้นถึงกับสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียงสบถดังลั่นของลีจียงซึ่งคีบตุ๊กตาพลาดเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วไม่รู้ แต่ที่จียงรู้แน่ๆ คือ การจับไอ้ตุ๊กตาบ้านี่มันยากกว่าต่อยใครสักคนให้ตายซะอีก
ทุบกระจกแล้วเอาไอ้หมีบ้านี่ออกมาเลยดีมั้ยวะ...ชายหนุ่มคิดอย่างหงุดหงิด
“เอ่อ...ฉันไม่อยากได้แล้วล่ะ...พอเถอะ” ยูริที่ยืนอยู่ข้างๆตลอดเวลาร้องบอก เพราะรู้สึกเสียดายเงินหลายพันเยนของชายหนุ่ม
“ไม่! ฉันต้องเอามันมาให้เธอให้ได้!!”
จียงประกาศก้องพลางหันกลับมาสนใจตู้เกมคีบตุ๊กตาอีกครั้ง คราวนี้เขาพยายามตั้งสมาธิแน่วแน่
ถ้าจับไม่ได้ครั้งนี้จะทุบตู้ทิ้งซะเลย!
จียงเล็งตุ๊กตาหมีตัวอ้วนกลมที่เขาเฝ้าเพียรจับมาหลายครั้ง เมื่อหมุนที่คีบจนได้มุมที่พอใจก็กดปุ่มคีบตุ๊กตาขึ้นมา
หมับ!!!
สำเร็จ!!!... ตุ๊กตาหมีตัวนั้นโดนคีบอย่างแม่นยำแล้วค่อยๆลอยขึ้นช้าๆท่ามกลางสายตาลุ้นระทึกหลายคู่ มันเลื่อนมายังช่องรับของก่อนปล่อยเจ้าตุ๊กตาหมีลงมา จียงแทบตะโกนร้องด้วยความดีใจ
กึก!!!
แต่เขาก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อขาของตุ๊กตาหมีดันติดอยู่ที่ขอบพลาสติกกั้นพื้นที่ช่องรับของและพื้นที่วางตุ๊กตา ไม่มีทางที่เขาจะยอมแพ้!!! จียงเดินไปด้านข้างของตู้พลางดันและเขย่าเล็กน้อยจนเจ้าตุ๊กตาหมีร่วงลงสู่ช่องรับของ จากนั้นก็เดินกลับมาหยิบส่งให้ยูริที่ได้แต่ยืนมองชายหนุ่มอย่างทึ่งๆ
“ตุ๊กตาของเธอ” ชายหนุ่มพูดพร้อมยิ้มกว้างอย่างภูมิใจ
“ขะ...ขอบใจ” ยูริรับตุ๊กตาหมีอย่างเสียไม่ได้ เพราะชายหนุ่มพยายามอย่างมากกว่าจะได้มาให้เธอ “เอ่อ...ฉันคิดว่าควรจะกลับบ้านได้แล้ว”
คำพูดนั้นทำให้รอยยิ้มของจียงหายไปทันที เวลาบนนาฬิกาข้อมือ คือ สี่ทุ่มกว่า สำหรับชายหนุ่มมันก็ไม่ดึกมากนัก แต่สำหรับอีกคน...
“ฉันไม่เคยกลับบ้านดึกมาก่อน ป่านนี้ที่บ้านคงเป็นห่วงแย่แล้ว” ยูริรีบพูดทันทีเมื่อเห็นลีจียงทำท่าเหมือนจะคัดค้าน
“ก็ได้...งั้นฉันไปส่ง”
“ไม่ต้องหรอก ฉันกลับเองได้!” หญิงสาวปฏิเสธทันควัน
หากผู้ชายคนนี้ไปส่งเธอที่บ้านและเจอพี่ริวยะเข้าคงเป็นเรื่องใหญ่แน่...
“ฉันไม่ใช่ไอ้ขี้ขลาดที่กลัว เท็นโนะ ริวยะ ถึงขนาดยอมปล่อยให้ผู้หญิงกลับบ้านคนเดียวดึกๆแบบนี้หรอกนะ”
เหมือนเขาอ่านความคิดเธอได้ ทั้งคำพูดและท่าทางจริงจังของชายหนุ่มทำให้ยูริพูดอะไรไม่ออก สุดท้ายจึงยอมให้เขาไปส่งตามที่อาสา
นัยน์ตาสีฟ้าสดใสค่อยๆลืมขึ้นมองเพดานไม้ฉลุลวดลายสวยงาม...นี่เธอกำลังฝันอยู่หรือไงถึงได้เห็นอะไรแปลกตาไปหมด มือบางยกขึ้นกุมศีรษะเพราะปวดขมับเล็กน้อยจากการเมาค้างพลางพลิกตัวไปอีกด้านก็พลันต้องเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ อาการมึนงงแทบจะหลุดหายไปราวกับโดนกระชาก
เท็นโนะ ริวยะ นอนเปลือยอกอยู่ข้างๆเธอ!!!
พรวดด!!
อลิซาเบธสปริงตัวลุกขึ้นนั่งทันที นี่มันเกิดอะไรขึ้น...เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?...
จำได้ลางๆว่าเธอมีเรื่องกับไอ้หมอนี่ที่ผับคุซาฮาระ...แล้วทำไมถึงมาอยู่ในห้องนอนที่ไหนไม่รู้กับเขาได้ล่ะ..
อย่าบอกนะว่า...อลิซาเบธก้มลงมองตัวเองทันที เสื้อผ้าก็อยู่ครบถ้วนไม่ได้ยับเยินอะไร เนื้อตัวไม่มีริ้วรอยที่บ่งบอกถึงเรื่องอย่างว่าพลางหันไปมองคนข้างๆ แม้เขาจะเปลือยท่อนบนแต่กางเกงก็เรียบร้อยปกติดี
อลิซาเบธรีบลุกขึ้นยืนพลางเดินฉับๆออกไปนอกห้องแล้วยืนผิงประตูเพื่อระงับสติอารมณ์...สรุปว่ามันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย...หญิงสาวกรีดร้องในใจเพราะหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ ดวงตากลมโตกวาดมองรอบด้านซึ่งเป็นทางเดินระเบียงยาวทำจากไม้ดูคลาสสิกแต่แฝงไปด้วยความหรูหรา ไม่ใช่โรงแรม...งั้นก็คงเป็นบ้านเขา? ทางที่ดีควรกลับเข้าไปด้านในก่อนดีกว่า...เดี๋ยวมีคนอื่นมาเห็นเข้า
ทันทีที่เธอเปิดประตูหมายจะกลับเข้าไปก็พบ เท็นโนะ ริวยะ ยืนอยู่ตรงหน้า ยังไม่ทันได้ขัดขืนเขาก็ดึงตัวเธอเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“ทำอะไรของนายน่ะ!” หญิงสาวโวยวายเสียงดัง
“ฉันสิ...ควรถามเธอว่าจะทำอะไร?”
“นายนั่นล่ะจะทำอะไร พาฉันมาที่นี่ทำไม...อย่าบอกนะว่าคิดจะฉวยโอกาส ไอ้คนเลว!!” อลิซาเบธด่าทอทันที คิ้วเรียวยาวของชายหนุ่มขมวดมุ่นอย่างนึกรำคาญพลางตอบไปว่า
“ฉันก็แค่สมเพชที่เห็นเธอเมาไม่เป็นท่าเลยพามาพักที่บ้านเท่านั้น จริงๆอยากปล่อยให้นอนสลบไสลคาผับหรอกนะ แต่เกรงว่าจะมีผู้โชคร้ายคว้าไปทำเมียเสียก่อน!”
รอยยิ้มเหยียดยาวปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลานั้น คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวโกรธจัดทีเดียว
“ขอให้จริงเถอะ...ว่านายไม่ได้มีความคิดแบบนั้นเหมือนกัน”
“นี่แม่คุณ...หลงตัวเองไปหน่อยแล้ว ผู้หญิงอย่างเธอน่ะฉันไม่คิดจะแตะหรอก!”
“หมายความว่ายังไง?” อลิซาเบธตวาดถาม แม้เธอไม่ได้ชอบเขาแต่คำพูดนั้นมันเหยียดหยามจนอดไม่ได้ที่จะถามกลับไป
“ก็หมายความว่า...ฉันไม่คิดชายตาแลเธอหรอกต่อให้ผู้หญิงหมดโลกก็ตาม!”
“เท็นโนะ!!!”
มือบางเงื้อขึ้นในอากาศพลางจะฟาดเข้าไปที่ใบหน้าคมเข้มนั้น แต่ชายหนุ่มรู้ทันคว้าหมับจับเอาไว้ได้
“ฉันไม่ประมาทให้เธอตบได้อีก...แล้ว...” ยังไม่ทันทีเขาจะพูดจบ อลิซาเบธก็จับไหล่ชายหนุ่มโน้มลงมาพลางประกบริมฝีปากทันที นั่นไม่ใช่เพราะความพิศวาส แต่เพราะท้าทายในคำพูดที่เขาดูถูกเธอนั่นเอง และที่สำคัญไอ้ที่จูบไปเมื่อกี้สำหรับคนอเมริกันอย่างเธอก็ถือว่าเป็นแค่การทักทายเท่านั้น
นัยน์ตาสีนิลเบิกโพลงอย่างตกใจ ก่อนที่สองมือจะผลักร่างเล็กออกไปจากตัว
“ทำบ้าอะไรของเธอ!” เขาโวยวายพลางเช็ดริมฝีปากด้วยข้อมือตัวเอง ในขณะที่อลิซาเบธได้แต่ยิ้มร่าอย่างผู้ชนะ เมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของอีกฝ่าย...มันช่างสะใจจริงๆ
“ก็นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่า...ไม่อยากแตะต้องฉัน แล้วรู้สึกไงล่ะ?”
“เธอ!!”
ริวยะขยับจะเข้าไปหาเพราะความโกรธ แต่แสงไฟรถที่สาดเข้ามาขณะเลี้ยวบริเวณหน้าประตูรั้วทำให้เขาต้องชะงักเลยรีบตัดบททันที
“กลับไปได้แล้ว” พูดจบเขาก็ดึงค้นแขนหญิงสาวพลางคว้ากระเป๋าเธอแล้วลากออกไปจากห้องนอน
“นี่ปล่อยนะ...ฉันเดินเองได้” อลิซาเบธโวยวายเสียงดังไม่เกรงใจใคร แต่ริวยะไม่สนใจยังคงลากตัวหล่อนออกไปจนกระทั่งถึงหน้าคฤหาสน์ถึงได้ปล่อย เป็นจังหวะที่รถแท็กซี่เลี้ยวเข้ามาจอดพอดี
ริวยะมองยูริที่เปิดประตูออกมาพลางจะต่อว่าที่เธอกลับช้า แต่เมื่อพบบุรุษที่เปิดประตูอีกฝั่งออกมาก็ถึงกับตกตะลึง
“ไอ้จียง!”
ความคิดเห็น