คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เท็นโนะ ริวยะ VS ลีจียง
ตอนที่ 2 : เท็นโนะ ริวยะ VS ลีจียง
“ฮินาชิมะ ยูริ อายุสิบเจ็ดปี นักเรียนม.ปลายปีสอง โรงเรียนเอกชนคามิ ผมยาวตรงสีดำสนิท ตาสีน้ำตาล ส่วนสูงหนึ่งร้อยหกสิบห้าเซนติเมตร” จียงอ่านรายงานจากกระดาษที่เขียนด้วยลายมือยุ่งๆ
แม้จะแย่จนน่าถีบคนเขียน แต่ข้อมูลที่ได้รับมันก็ทำให้อารมณ์ของชายหนุ่มนิ่งสงบได้อย่างไม่น่าเชื่อ แทนที่จะโกรธเขากลับยิ้มออกมาอย่างชอบใจ ทำให้เจ้าของลายมือต้องลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ยังสามารถรักษาชีวิตรอดไปได้อีกหนึ่งวัน
“ท่าทางนายจะเป็นเอามากนะเนี่ย!” อลิซาเบธว่าอย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นเพื่อนซี้ใกล้บ้าเข้าไปทุกขณะ
“ไม่มากไปหรอกน่า ก็แค่เจอเด็กถูกใจเท่านั้น”
“ถูกใจเพราะโดนเขาตบเนี่ยนะ?”
“เป็นตบที่ดีด้วย” จียงตอบอย่างไม่ใส่ใจคำพูดที่ออกแนวประชดประชันของเพื่อนสาวคนสนิท แต่คำตอบของจียงทำเอาพวกเด็กจิเตกิที่อยู่ใกล้ๆ ต้องหันไปมองหน้ากันอย่างงงๆ พร้อมคำถามที่เกิดขึ้นในใจ
ผู้นำของพวกเขายังสติดีอยู่หรือเปล่า?
“พวกนายสืบมากกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือไง?” จียงหันไปถามรุ่นน้องคนหนึ่งซึ่งเขามอบหน้าที่ให้ไปสืบเรื่องราวเกี่ยวกับสาวน้อยนักตบคนนั้น แม้ข้อมูลที่ได้มาจะทำให้เขาพอใจแต่มันก็ยังน้อยเกินไปอยู่ดี
“ก็เด็กคนนั้นเรียนอยู่ที่คามิ ผะ...ผมไม่กล้าเข้าไปใกล้มากนัก” คำตอบนั้นได้ฝ่าเท้าของจียงเป็นรางวัลเข้าเต็มท้อง เล่นเอาคนทำหน้าที่หาข้อมูลลงไปนอนจุกอยู่กับพื้น
“เรื่องง่ายๆ แค่นี้ก็ทำไม่ได้ พวกแกมันไร้ความสามารถจริงๆ”
“ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่เป็นเรื่องที่ไม่น่าทำต่างหาก” อลิซาเบธพูดแทรกอีก คราวนี้จียงตวัดสายตาไปมองอย่างไม่พอใจทันที และมันก็ทำให้คนอื่นๆ ต้องกลั้นลมหายใจเลยทีเดียว
ตลอดสองปีที่จียงเป็นผู้นำจิเตกิ ข้างกายเขาก็มีหญิงสาวสวยนามอลิซาเบธอยู่เคียงข้างเสมอ แม้ทุกคนจะสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนแต่ก็ไม่มีใครกล้าถาม
“ถ้าอยากรู้นักก็ตามเอาเองเลยสิ” อลิซาเบธพูดต่อ ไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับสายตาที่มองมา เธอรู้จักจียงมาหกปีเพราะฉะนั้นจึงรู้ดีว่าสายตาขวางๆ ที่มองมานั้นไม่ควรจะต้องกังวลเลยสักนิด หากว่าสายตาคมนั้นมีแววเยือกเย็นเมื่อไรต่างหากที่น่ากลัว
“อีกอย่างนะ...พวกนี้ก็พูดถูก ไม่มีใครอยากข้ามไปเหยียบฝั่งของคามิหรอก และคนเดียวที่ข้ามได้อย่างไม่กลัวตายก็คือ นาย!”
“เธอจะให้ฉันคนนี้ไปสืบเรื่องยัยเด็กนั่นเองงั้นเหรอ?” จียงย้อนถาม เสียงกดต่ำอย่างที่สามารถเรียกให้ขนในกายของคนฟังลุกฮือและเสียวสันหลังได้
“ฉันแค่คิดว่า...ถ้านายเป็นคนไปสืบเองก็อาจจะได้เจอยัยเด็กนั่นก็ได้”
คำพูดของอลิซาเบธทำให้จียงลุกขึ้นยืนทันที และการเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันนั้นทำเอาบรรดาลูกสมุนทั้งหลายสะดุ้งกันเป็นแถบ
หากจียงลงมือกับอลิซาเบธล่ะก็...พวกเขาไม่รู้จริงๆว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถึงอลิซาเบธจะเป็นผู้หญิงแต่ก็ไม่มีเด็กจิเตกิคนไหนที่คิดจะกล้าลองดี ไม่ใช่เพราะเธอมีจียงหนุนหลังแต่เพราะเป็นแชมป์ยูโดรุ่นจูเนียร์สองปีซ้อนของอเมริกาต่างหากที่ทำให้ทุกคนต้องเคารพยำเกรง และแน่นอนว่าคนที่ขาดความเคารพและกล้าท้าทายต่างได้เรียนรู้แล้วว่าหญิงสาวคนนี้มีฝีมือระดับไหน
“ได้เจองั้นเหรอ?” จียงทวนคำของอลิซาเบธ
อลิซาเบธคลี่ยิ้มอย่างพอใจ เมื่อทุกอย่างเป็นไปอย่างที่คิด
“ใช่...แต่ถ้านายกลัวผู้นำของคามิคนนั้น จะไม่ต้องไปก็ได้นะ!”
“เฮอะ! อลิซ...เธอคิดว่าฉันเป็นใคร ลีจียงคนนี้ไม่เคยกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น!!!”
“งั้น...”
“ฉันจะไปเอง!” จียงประกาศเสียงดังลั่นอย่างมั่นใจ และเด็กจิเตกิที่ได้ฟังคำประกาศนั้นต่างลอบถอนหายใจอย่างโล่งใจ
“แล้ว...ทำไมฉันต้องมากับนายด้วย?” เสียงหวานร้องถามเป็นครั้งที่สามแล้ว ตั้งแต่จียงลากเธอออกมาจากโรงเรียนนานาชาติจิเตกิ และมาหยุดอยู่ที่ประตูข้างของโรงเรียนเอกชนคามิ
“เพราะเธอเป็นคนบอกว่าฉันควรจะมา” จียงตอบกลับขณะที่สายตายังคงสอดส่องเข้าไปภายในถิ่นศัตรู หวังให้คนที่มองหาเข้ามาอยู่ในเส้นทางสายตา
“ฉันบอกให้นายมา แต่ฉันไม่ได้บอกให้นาย ลาก ฉันมาด้วยนี่!” อลิซาเบธว่าอีก
ทำไมเธอต้องมากับเขาด้วย ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรในเรื่องนี้เลยสักนิด พอนึกแล้วก็น่าโมโหตัวเองนัก ไม่น่าเลยจริงๆ...ไม่น่ายุให้หมอนี่มาตามสืบเอาเองเลย ทำไมถึงไม่คิดเฉลียวใจนะว่าหมอนี่ต้องลากเธอมาด้วยแบบนี้!
“ทำไมถึงไม่เห็นยัยเด็กนั่นสักทีวะ!” จียงที่ส่องอยู่นานร้องขึ้นอย่างหงุดหงิด ก่อนจะถอยหลังออกมา ยกเท้าเตะอัดกำแพงอย่างแรง
ปึงงงง!!!!
เสียงนั้นทำเอานักเรียนคามิที่อยู่ใกล้ๆ กำแพงด้านในตกใจกันเป็นแถว
“นายกล้ามากนะ...ที่ข้ามเข้ามาในเขตของคามิ...ลีจียง” เสียงกดต่ำให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกดังขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้จียงตกใจแม้แต่น้อย
ต่อให้ตายแล้วเกิดใหม่ก็ไม่มีทางที่จะลืมเสียงนี้ได้อย่างแน่นอน เพราะมันเป็นเสียงศัตรูอันดับหนึ่งของเขา จียงยืดตัวตรงและหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียง
เขาคือผู้ชายซึ่งเป็นผู้นำของโรงเรียนเอกชนคามิ
ผู้ชายที่สามารถสั่นประสาทคนได้เพียงแค่ใช้สายตา เท็นโนะ ริวยะ
ดวงตาสีนิลจ้องมองลีจียงโดยไม่แสดงความหวาดหวั่นหรือหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากรู้ดีว่าคนตรงหน้ามีฝีมือไม่มากไม่น้อยไปกว่ากัน เช่นเดียวกับฝั่งตรงข้ามที่กระหยิ่มยิ้มอย่างพอใจที่ได้พบเขาหลังเจอกันตอนปะทะครั้งล่าสุดก็เมื่อเดือนที่แล้ว
“คิดว่าจะไม่ได้เจอกันซะแล้วเท็นโนะ ไม่สิ...ท่านผู้คุมกฎสวรรค์” ผู้นำจิเตกิเอ่ยด้วยน้ำเสียงยินดีปรีดา คล้ายจะชอบใจด้วยซ้ำที่ได้เจอคนตรงหน้า แต่ในความรู้สึกของอลิซาเบธกลับคิดว่าจียงต้องการกวนประสาทอีกฝ่ายมากกว่า ต้องเกิดเรื่องแน่ๆ...
“นายข้ามเข้ามาในเขตฉันทำไม!!!” ริวยะถามย้ำอีกครั้งโดยไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของจียงเลยแม้แต่น้อย
“ฉันมาตามหาคน แต่ที่แน่ๆ...คนๆนั้นไม่ใช่นาย อย่าแอบดีใจไปล่ะ” จียงเหยียดยิ้มนิดๆ
แม้เขาจะรู้ว่าการกระทำนั้นยั่วโทสะบุรุษตรงหน้าแต่ก็ไม่ได้เกรงกลัว ต่างจากอลิซาเบธเพื่อนสาวที่รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาเมื่อเห็นสีหน้านิ่งเฉยไร้อารมณ์ของผู้นำคามิ เธอรู้สึกว่าวันนี้เท็นโนะ ริวยะดูน่ากลัวว่าทุกครั้งที่เคยเจอ
“คนๆนั้นคือใคร?” ริวยะถามต่อ
ถึงแม้ภายนอกเขาจะดูเยือกเย็น ไม่แสดงสีหน้าหรือท่าทางหวาดกลัว แต่ในใจเริ่มกระวนกระวายเมื่อได้ฟังจุดประสงค์ของลีจียง เพราะไอ้หมอนี่ไม่เคยแสดงออกว่าสนใจใครในคามิจนถึงขั้นกล้าข้ามเข้ามาในเขตเลย จนกระทั่งเมื่อวานนี้ที่มันมีเรื่องกับยูริ...หวังว่าคงจะไม่ใช่แบบที่เขาคิด
“ฉันมาตามหาผู้หญิงที่ชื่อ ฮินาชิมะ ยูริ นายพอรู้จักบ้างมั้ยล่ะ?” จียงถามตรงๆอย่างไม่อายเพราะอัตราความด้านเต็มพิกัด แน่นอนว่าเพื่อนสาวก็คิดเช่นนั้น
ริวยะเม้มริมฝีปากแน่นแล้วค่อยๆถอนหายใจออกมาช้าๆเพื่อระงับโทสะเมื่อได้รู้ว่าลีจียงมีเป้าหมาย คือ เธอคนนั้น
“ฉันจะรู้จักหรือไม่ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนาย” เขาตอบกลับไป
“อะไรฟะ! ฉันไม่เชื่อหรอกว่านายจะไม่รู้จักคนสวยขนาดนั้น อ๊ะ...หรือคิดจะเก็บเอาไว้เองละสิท่า!” คำพูดนั้นเสียดแทงหัวใจริวยะขึ้นมาในทันที เขากำหมัดแน่นแล้วตวาดกลับไปเสียงดัง
“แกจะออกไปจากถิ่นฉันดีๆหรือว่าจะมีเรื่อง!!!” ทันทีที่ผู้นำคามิพูดจบ สมาชิกในกลุ่มของเขาก็ปรากฏตัวออกมาจากที่ซ่อนเกือบสามสิบคน สายตาและท่าทางไม่เป็นมิตรพร้อมจะตะลุมบอนเพียงแค่ผู้เป็นนายสั่งนั้นทำให้อลิซาเบธกระตุกชายเสื้อจียงทันที
“จียง...ตอนนี้พวกมันมีเยอะกว่าพวกเรานะ”
ดูเหมือนลีจียงจะไม่ใส่ใจคำพูดเพื่อนสาว เขาปัดมือเธอออกไปทันที
“อย่าจับเซ่...เดี๋ยวเสื้อยับ”
ไอ้บ้าเอ้ย...อลิซาเบธสบถในใจว่าเพื่อนชายอย่างอารมณ์เสีย
เอาเถอะ...ถ้าเขาไม่หนีเธอก็ไม่มีวันถอยอยู่แล้ว อลิซาเบธปรายตามองผู้นำของคามิ...พบกันกี่ครั้งก็ไม่เคยชอบเลย ไอ้ท่าทางเก๊กทื่อน่าหมั่นไส้ของหมอนี่
“จะมีเรื่องก็ได้ ฉันคันไม้คันมือพอดี” จียงประสานมือแล้วหักนิ้วดังกร๊อบแกร๊บเป็นเชิงขู่ขวัญ หากแต่ริวยะไม่สน เหยียดยิ้มที่มุมปากอย่างยินดี...เขาก็ไม่ได้ออกแรงมานานแล้วเหมือนกัน
“ย่อมได้ ตัวต่อตัว...”
เขาถอดสูทสีดำซึ่งเป็นเครื่องแบบนักเรียนออกแล้วโยนส่งให้นาโอยะที่ยืนคุมเชิงอยู่ด้านหลังรับไป พลางพับแขนเสื้อขึ้นทั้งสองข้าง จริงๆแล้วถ้าเป็นคนอื่นไม่ต้องลงทุนลงแรงเตรียมพร้อมขนาดนี้เพียงแค่หมัดเดียวในห้าวินาทีก็น็อคเอ้าท์ตัดสินผลได้แล้ว หากแต่ใช้ไม่ได้กับลีจียงที่มีความสามารถสูสีกัน
จียงส่งเสื้อสูทให้อลิซาเบธพร้อมสั่ง “ห้ามทำเสื้อฉันยับนะ ยังต้องใส่อีกตั้งสามวันฉันขี้เกียจซักขี้เกียจรีด!”
อลิซาเบธรับเสื้อมาและทำหน้าเบื่อหน่ายกับความจู้จี้ของเพื่อนซี้เล็กน้อย...ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังห่วงลุคไม่เลิกจริงๆ
“นายเอาจริงเหรอ?” อลิซาเบธถามย้ำเพื่อความมั่นใจ พร้อมกวาดตามองเด็กคามิที่ล้อมอยู่ สมองประมวลสถานการณ์หาทางรอดเผื่อกรณีฉุกเฉิน
“ฉันเคยหนีหรือไง” จียงพูดโดยที่ไม่หันไปมอง สายตาจับจ้องอยู่ที่คู่ต่อสู้ตรงหน้า “เข้ามาเลย!!!”
ริวยะที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วตั้งท่าดูเชิงคู่ต่อสู้อย่างสุขุม การที่ปะทะกันหลายครั้งทำให้พอเดาทางการต่อสู้ของอีกฝ่ายได้ แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ไม่มีทางประมาทหรือประเมินคู่ต่อสู้ต่ำแน่ โดยเฉพาะคู่ต่อสู้ที่ชื่อลีจียง
จียงเองจับจ้องมองการเคลื่อนไหวของชายตรงหน้าเช่นกัน จากการปะทะกันหลายครั้งทำให้พอจับจุดได้ว่าริวยะมักเป็นฝ่ายเปิดบุกก่อน และมันก็เป็นอย่างที่เขาคาดการณ์ ริวยะปรี่เข้ามาอย่างรวดเร็วจนเขาแทบตั้งตัวไม่ทัน ขายาวๆ ของผู้นำคามิเตะวาดขึ้นกลางอากาศ เป้าหมาย คือ ใบหน้าของจียง
ผลั่ก!
จียงยกศอกขึ้นกันได้อย่างแม่นยำ
“เฮ้ย! ไอ้เท็นโนะ บอกแกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าแตะต้องหน้าฉัน!” จียงโวยวายอย่างหงุดหงิด หยิบกระจกบานย่อมจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาส่องเพื่อสำรวจความเรียบร้อย
“แล้วฉันเคยฟังแกตั้งแต่เมื่อไร!!!” ริวยะตอบพร้อมส่งหมัดพุ่งตรงไปที่ใบหน้าของจียงอีกครั้ง
เขาจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เธอทั้งนั้น ใครที่คิดเข้าใกล้ผู้หญิงของเขาโทษของมัน คือ ต้องตายสถานเดียว!!!
“เท็นโนะ แกมีมารยาทบ้างสิวะ ฉันกำลังส่องกระจกอยู่นะโว้ย!” จียงด่าพร้อมก้มหลบหมัดของริวยะได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะหมุนตัวเตะกลางอากาศเป้าหมาย คือ หน้าท้องของคู่ต่อสู้ แต่ริวยะจับจุดได้เลยกระโดดหลบอย่างรวดเร็ว
“เก็บมารยาทของแกไว้ใช้ที่ฝั่งโน้น!!!” ริวยะตวาดก่อนกระโดดเตะจียงที่ตั้งรับแทบไม่ทัน โชคดีที่ผู้นำจิเตกิเบี่ยงตัวออกเลยไปโดนกระจกในมือหลุดกระเด็นตกพื้นแตกกระจายแทน
มีบางอย่างแปลกไป...นั่นคือสิ่งที่จียงคิดในขณะที่รับมือกับเท็นโนะ ริวยะ
เขาต่อสู้กับผู้ชายคนนี้มาหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนเลยจะรุนแรงเท่าครั้งนี้มาก่อน เหมือนตอนนี้เท็นโนะตั้งใจจะทุ่มกำลังเต็มที่เพื่อจัดการเขาให้เด็ดขาด แต่อย่าคิดว่ามันจะทำได้ง่ายนัก!
จียงเบี่ยงตัวหลบหมัดของริวยะที่เหวี่ยงซ้ำมาอย่างแรง พลางใช้มือข้างหนึ่งยึดแขนข้างนั้นเอาไว้ ก่อนยกเท้าเตะวาดขึ้นเต็มแรงใส่กลับไป
หมับ!
ขาของจียงค้างอยู่กลางอากาศด้วยมือของริวยะที่ยึดข้อเท้าไว้แน่นเช่นกัน ทั้งสองจ้องหน้ากันนิ่ง ไม่มีฝ่ายไหนยอมให้กัน ทำให้คนดูก็ลุ้นแทบขาดใจโดยเฉพาะอลิซาเบธทั้งแอบเชียร์และแอบหัวเราะเบาๆที่ได้เห็นท่าทางค้างนิ่งของทั้งคู่
“นี่พวกเธอทำอะไรกันน่ะ!” เสียงตะโกนดังลั่นมาแต่ไกลทำให้ผู้นำสองโรงเรียนหันไปมองต้นเสียง
อาจารย์ฝ่ายปกครองของโรงเรียนเอกชนคามิและโรงเรียนนานาชาติจิเตกินับสิบคนกำลังเดินมาทางพวกเขา
“บ้าฉิบ!” จียงสบถลั่นอย่างไม่พอใจ ก่อนหันไปสบตากับคู่ต่อสู้ที่ดูเหมือนจะไม่สบอารมณ์เช่นกัน
ริวยะกัดกรามแน่นอย่างเสียดายโอกาสเพราะไม่แน่ว่าการต่อสู้ครั้งนี้เขาอาจเป็นฝ่ายชนะก็ได้ แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกจึงต้องยอมปล่อยข้อเท้าของจียง ขณะที่จียงเองก็ยอมปล่อยข้อมือของริวยะ ทั้งสองคนถอยหลังไปยืนห่างกันเล็กน้อยและตอนนั้นเองที่บรรดาอาจารย์เข้ามาถึงตัวทั้งคู่
“ลีจียง...กลับกันเถอะ...โดนขัดแบบนี้ยังไงก็คงไม่รู้ผลอยู่แล้วล่ะ” อลิซาเบธบอกเพื่อนชาย
“บ้าฉิบ!!!” จียงสบถลั่นอย่างไม่พอใจ
“นายอยากได้พวกอาจารย์เป็นกองเชียร์หรือไง” อลิซาเบธบอกอีกเมื่อเห็นท่าทางไม่พอใจของจียง “นายคงไม่อยากให้เรื่องนี้ใหญ่โตจนไปถึงหูพ่อนายหรอกนะ”
“ก็ได้!!!” จียงตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดพลางเดินสวนกลุ่มอาจารย์ฝ่ายปกครองของโรงเรียนตัวเองกลับเข้าไป
แต่ตอนที่เดินสวนพวกอาจารย์จียงก็ถลึงตาใส่อย่างหงุดหงิด ทำเอาพวกอาจารย์ได้แต่เกาะกลุ่มกันอย่างเกรงๆ ก่อนค่อยๆเดินตามหลังจียงและอลิซาเบธกลับเข้าไปในโรงเรียนนานาชาติจิเตกิ
ความจริงพวกคณะอาจารย์ไม่อยากมาที่นี่นัก แต่เพราะโทรศัพท์สายด่วนจากทางโรงเรียนเอกชนคามินั่นล่ะทำให้พวกเขาต้องมา หากเป็นเรื่องทะเลาะวิวาทของนักเรียนคนอื่นคงไม่หวาดกลัวขนาดนี้ แต่นี่คนที่กำลังมีเรื่องคือ ลีจียง ลูกชายเจ้าของบริษัทเงินทุนใหญ่ผู้มีอิทธิพลอยู่ในอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น อาจารย์ที่โรงเรียนนานาชาติจิเตกิทุกคนรู้ดีว่าลีจียงคือคนที่พวกเขาไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย
ดวงตาสีนิลจ้องมองคู่ต่อสู้ที่เดินหายลับไปก็ถอนหายใจแรงๆ พลางรับเสื้อสูทจากนาโอยะมาสวมใส่โดยมีเคโตะจัดความเรียบร้อยให้
“เท็นโนะ ริวยะ อย่าก่อเรื่อง...” อาจารย์ทานาดะ กำลังจะเอ่ยตักเตือนตามหน้าที่แต่ก็โดนอาจารย์ทาเคชิปิดปากเอาไว้เสียก่อนพลางพูดแทนว่า
“อย่าก่อเรื่องให้มันใหญ่โตโดดเด่นนักสิ ถ้าจะทำก็ให้มันเงียบๆไม่เป็นจุดน่าสนใจหน่อย”
ผู้โดนเอามือปิดปากถึงกับทำหน้าเบ้เมื่อได้ฟัง...เพราะเขายังไม่รู้กิตติศัพท์และความน่ากลัวของเท็นโนะ ริวยะดีพอ ทำให้อาจารย์ทาเคชิต้องช่วยรักษาความปลอดภัยของอาจารย์ฝ่ายปกครองคนใหม่อีกครั้ง
“จะพยายาม!” ริวยะตอบกลับไปด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ท่าทางที่แสดงออกบอกชัดว่าไม่ได้ใส่ใจกับคำเตือนนั้น
“เอาล่ะ...หน้าที่ของพวกเรา คือ จัดการเด็กนักเรียนคนอื่นๆที่มามุงดูไม่ยอมกลับเข้าห้องเรียน” อาจารย์ทาเคชิเอ่ยบอกอาจารย์ทานาดะที่หันไปมองนักเรียนหลายร้อยคนกำลังเกาะรั้วระเบียงอาคารหนึ่งถึงสี่ตั้งแต่ชั้นล่างสุดยันชั้นบนสุดพร้อมชูไม้ชูมือและร้องตะโกนลงมา
“เท็นโนะสู้ๆ!!!”
“คราวหน้าจัดการจิเตกิให้ได้นะ!!!”
เสียงนั้นดังกึกก้องไปทั่ว และนี่ก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครองที่ต้องจัดการให้ความสงบกลับคืนสู่โรงเรียนโดยเร็ว
“พวกเธอรีบกลับเข้าห้องเรียนเดี๋ยวนี้!!” อาจารย์ทานาดะตะโกนเสียงดังจากด้านล่างขึ้นไป
“ถ้าไม่รีบกลับเข้าไปฉันจะให้อาจารย์ประจำชั้นพวกเธอหักคะแนนความประพฤติให้หมด!” อาจารย์ทาเคชิตะโกนบอกซ้ำแต่ก็ไม่มีใครสนใจยังคงส่งเสียงเชียร์ผู้นำของตัวเองที่เดินตามหลังเข้ามา
“เงียบๆกันหน่อย!!! ใครมีเรียนรีบๆกลับเข้าไปเลย อย่าให้ฉันต้องตามไปจัดการด้วยตัวเองนะ!!!” ริวยะเอ่ยเสียงหนักแน่นก่อนตวัดสายตามองดูทุกคนบนอาคารเรียนที่สะดุ้งเฮือก เพียงเสี้ยววินาทีความปกติก็กลับคืนสู่โรงเรียนเอกชนคามิท่ามกลางความอึ้งของคณะอาจารย์ทั้งหลาย...
“ถ้าพวกอาจารย์ไม่มาขัด คราวนี้พวกเราอาจชนะก็ได้!” เคโตะที่เดินตามหลังผู้นำของตนเอ่ยบอก
“นั่นน่ะสิ...เพราะวันนี้ดูเท็นโนะเต็มที่มากๆ” นาโอยะตอบเพื่อนชาย
ส่วนเจ้าตัวที่ได้ฟังถึงกับชักสีหน้าไม่สบอารมณ์เนื่องจากรู้ดีว่าตอนนั้นควบคุมอารมณ์ไว้ไม่ค่อยได้เลยทุ่มแรงจนเกือบหมดเพียงเพราะรู้ว่าเป้าหมายของลีจียง คือ...
“คุณริวยะเป็นอะไรมั้ยคะ ฉันได้ยินพวกเพื่อนๆลือกันว่าคุณริวยะมีเรื่องที่หน้าโรงเรียน” ยูริวิ่งออกมาจากอาคารก่อนหยุดอยู่ตรงหน้าเขา
“มันไม่เกี่ยวกับเธอ” เขาตอบ แม้จะรู้ดีว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับยูริสุดๆก็ตาม
“เอ่อ...ขอโทษค่ะ ฉันก็แค่เป็นห่วงกลัวว่าคุณริวยะจะได้รับบาดเจ็บ” ใบหน้าหวานๆแสดงความวิตกอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันไม่ตายง่ายๆหรอก ขอโทษนะที่ทำให้ผิดหวัง!” เขาตอบกลับไป พลางสอดส่องสายตามองไปรอบๆเพื่อตรวจตราความเรียบร้อยไปด้วย อีกทั้งยังไม่อยากมองคนตรงหน้าเพราะกลัวหวั่นไหวไปกับความรู้สึกที่เก็บซ่อนเอาไว้
“ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นนะคะ ฉันเป็นห่วงคุณริวยะจริงๆ” ยูริร้องบอกเพราะตัวเธอเองคิดว่าริวยะเป็นพี่ชายที่พึ่งพาได้และเป็นคนสำคัญที่สุดในครอบครัว เพราะสามารถพูดคุยกับเขาได้มากกว่าพ่อเลี้ยงและแม่ตัวเองที่วันๆเอาแต่ทำงานด้วยซ้ำ!
“ขอบใจ...เธอกลับไปเรียนได้แล้วล่ะ” เขาเอ่ยพลางเดินสวนร่างบางไปด้วยท่าทางเฉยเมยไม่สนใจ ต่างจากภายในที่เรียกร้องต้องการผู้หญิงคนนี้จนแทบคลั่ง แต่ทำไม่ได้เพียงเพราะคำว่า...น้องสาวบุญธรรม
ความคิดเห็น