ตอนที่ 7 : 5.บ้านสุดป่วน...ก๊วนหนึ่งคูณสามยกกำลังสอง
/> /> />
5.
บ้านสุดป่วน...ก๊วนหนึ่งคูณสามยกกำลังสอง
วันเสาร์...ช่วงเวลาแห่งการเดินผ่านสู่ประตูนรก
ครอบครัวฉันเข้าประตูหน้าบ้านไปแล้ว ทั้งพ่อแม่ต้นหลิวและพี่ฮยอนจุน แต่ฉันกลับโดนเด็กสองตัวลากมาด้านหลัง บอกว่าจะพาผ่านประตูพิเศษ ซึ่งฉันนึกไม่ออกเลยว่าประตูพิเศษของเด็กเปรตสองคนนี้จะมีหน้าตาเป็นยังไง ตราบจนกระทั่งฉันมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูที่ว่านั่นแหละ
กรงไม้ขนาดใหญ่พอที่ฉันจะเอาก้นและลำตัวยัดเข้าไปข้างในได้ พร้อมกับเด็กอีกสองคน วางนิ่งสงบอยู่ตรงหน้า มุมทั้งสี่ด้านมีเชือกขนาดใหญ่ที่มักใช้กันในหมู่ทหารเรือสมัยเก่าแก่ดึกดำบรรพ์ผูกอยู่แล้วไปรวมอยู่กึ่งกลาง เมื่อฉันแหงนหน้าขึ้นไปบนชั้นสี่ของบ้านก็เห็นว่ามันเป็นของเล่นสำหรับเด็กจินตนาการสูงส่ง ซึ่งต้องอาศัยแรงงานใครสักคนสำหรับดึงกรงที่บรรจุพวกเขาเอาไว้ขึ้นไปด้าน
“พี่เข้าไปในนั้นสิ” มูนบีมว่า แต่แคมปัสพลักฉันเข้าไปในกรงแล้ว “พี่มูนไชน์ครับ พี่มูนไชน์ ช่วยดึงพวกเราขึ้นไปที”
เมื่อได้ยินว่าพี่มูนไชน์จะต้องเป็นคนดึง ฉันก็พยายามจะตะเกียกตะกายออกจากกรงทันที แต่เด็กลิงที่อ่อนกว่าฉันห้าปีตรงหน้าดันไวเสียกว่า
“ไม่” เสียงพี่มูนไชน์ประกาศลั่น เด็จเดี่ยวแบบตัดเป็นตัดตาย “ทำไมถึงไม่เข้าประตูหน้าบ้านกัน”
“โธ่พี่ก็ ช่วยเติมความสุขให้พวกเราหน่อยไม่ได้” มูนบีมบ่น
ฉันกำลังพยายามคิดอย่างเคร่งเครียดว่าจะทำยังไงกับตัวเองดี ประตูก็ล็อก ออกไปก็ไม่ได้ โชคดีที่พี่มูนไชน์ไม่ดึงกรงขึ้นสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่อย่างนั้นฉันจะต้องนั่งจับสั่นจนขาดใจตายในกรงไม้บ้าบอนี่แน่
“มูนบีม ปล่อยพี่ออกไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นพี่จะไปฟ้องพ่อให้ตีก้นลาย”
“พี่รู้เหรอว่าพ่อเราคนไหน ผมว่าพี่ไม่รู้หรอก”
“มูนบีม”
“พี่ต้นข้าวอยู่ในนั้น เหมือนเจ้าหญิงในเทพนิยายเลย ตอนโดนขังยังไงคะ ที่เหลือก็รอแต่ให้ตัวร้ายมากลั่นแกล้ง หรือไม่ก็เจ้าชายมาช่วยเหลือ”
ตัวร้ายก็อยู่ตรงหน้าพี่นี่ยังไงละคะน้องแคมปัส ก็หนูกับพี่ชายหนูไง ส่วนเจ้าชายพี่คงหาไม่ได้ เพราะไปเป็นศัตรูกับเขาไว้รอบเมือง โอ้อนิจจาปลงสังขาร ตอนแรกฉันก็คิดอยู่แล้วแหละว่า...จู่ๆ มารร้ายอย่างฉันจะมากลายเป็นที่รักของเด็กๆ ได้ยังไง
ไอ้แผนการผู้เยาว์กักขังผู้เยาว์แบบนี้ หัวสมองฉลาดๆ แบบเด็กประหลาดๆ ตรงหน้าทำได้อยู่แล้ว ส่วนผู้เยาว์ที่ตัวใหญ่กว่าแต่ความรู้สึกช้าแบบฉันก็ตกเป็นเหยื่อไป ทั้งที่ไม่เคยเสียท่าให้ใคร แต่ตอนท้ายมาตายคามือเด็ก เอาไงล่ะทีนี้ ฉันควรจะถีบกรงไม้นี่ให้พังเลยดีไหม
“ต้นข้าว”
ฉันเงยหน้าขึ้นเห็นพี่มูนไชน์เกาะระเบียงมองฉันราวกับว่าฉันเป็นเด็กที่ทำอะไรให้เขาไม่พอใจ หรือไม่ก็ทำตัวเหมือนน้องทั้งสองคนของเขา
“เธอไปทำอะไรในนั้น”
“ฉะ...ฉันกำลังลังนั่งเล่น มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงและกำลังรอเจ้าชายมาช่วย”
“ต้นข้าว นั่นเธอทำอะไร”
พอเห็นมูนนี่ชะเง้อคอออกมาแล้วฉันอยากกัดลิ้นตาย ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องพูดออกไปแบบนั้น ดูสิเจ้าลิงสองตัวหัวเราะเยาะฉันใหญ่โต ฉันภาวนาอย่าให้ลูกพี่ลูกน้องหรือแม้แต่พี่น้องที่เหลือของมูนนี่มาเห็นฉันเลย แถมพี่ฮยอนจุนกับคนในครอบครัวด้วยก็ได้ ไม่ต้องให้ใครมาเห็นทั้งนั้น
“แย่แล้ว”
พอเห็นเด็กๆ วิ่งหนี ฉันก็เงยหน้าขึ้นข้างบนอีกครั้ง พี่มูนไชน์ไม่ได้อยู่ตรงนั้น ให้เดาได้เลยว่าเขาอาจจะไปเรียกคนอื่นๆ มาดูฉันตอนจนตรอก สาบานได้เลยว่า...ถ้าฉันออกไปได้เมื่อไหร่ ฉันจะจับเด็กสองคนนั้นถ่วงน้ำทันที
“โอ้ยยย เบาๆ” ฉันปัดมือใหญ่ออกจากคิ้วทันที เมื่อเขาพยายามจะกดผ้าก๊อตลงบนนั้น
ไม่ต้องถามนะว่าเกิดอะไรขึ้น มันเลวร้ายมาก นอกจากจะเลวร้ายยังไม่พอ เขายังทำให้ฉันหมดความเคารพในตัวเขาทันที แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่านี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาช่วยฉันเอาไว้ได้ แต่ขอทีเหอะ ทำไมเขาถึงไม่วิ่งตามเด็กสองคนนั้นไปเพื่อเอากุญแจมาไขออกนะ เล่นเอาขวานมาฟันกรงแบบนี้ไม้มันถึงได้กระเด็นมาดีดคิ้วฉันแตกยังไงล่ะ
“ถ้าพี่เอากุญแจมาไข ฉันก็ไม่ต้องเจ็บตัวหรอก”
“ขอโทษนะ พี่ไม่ได้ตั้งใจ”
ปากว่าไม่ได้ตั้งใจ มือก็แปะสก็อตเทปลงมาบนหัวฉันอย่างไม่บันยะบันยังจนเจ็บ
“โอ๊ย พอแล้ว ต้นข้าวเจ็บนะ”
ฉันยกมือขึ้นกำแขนเขาเอาไว้แล้วหลับตาลง แผลมันเจ็บจนทำฉันหมดแรง
“นอนหลับอีกสามครั้ง เดี๋ยวก็หายเจ็บแล้ว มาเถอะ คนอื่นๆ คงรออยู่”
พี่มูนไชน์หัวเราะหน่อยๆ แต่ก็ยังพูดกับฉันอย่างใจดี เล่นเอาหมัดและกำปั้นที่ฉันตั้งท่าจะลงฑัณเขาทีเผลอยักกลับไปที่เดิมทันที
ผมเห็นมูนลิทลากมูนบีมขึ้นไปชั้นสองได้สำเร็จ ส่วนเจ้าตัวเล็กจอมแก่นน้องสาวตัวแสบอาจจะโดนมูนไรส์จับไปลงโทษ จะด้วยวิธีไหนก็ตามที อาจจะเป็นนั่งคัดไทยสามสิบบรรทัด หรือนั่งสมาธิสามสิบนาที ซึ่งเป็นกฏเหล็กที่คุณแม่ตั้งขึ้นมา และเจ้าตัวเล็กมักไม่ชอบใจเท่าไหร่
ต้นข้าวเดินตามหลังผม เธอยังบ่นเรื่องบาทแผลกับความผิดพลาดของผมไม่เลิก เสียงรองเท้าที่ดังต๊อกแต๊กอยู่เบื้องหลังผมและเงากระโปรงยาว ที่พริ้วไหวทำให้เธอหงุดหงิดและหยิบยกขึ้นมาบ่นสลับกับต่อว่าผมเช่นกัน ผมไม่อยากมองเธอในแง่ร้าย และเคยบอกฮยอนจุนแล้วว่าเธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงที่กำลังผิดหวังเท่านั้น และยังไม่รู้วิธีที่จะจัดการกับหัวใจตัวเอง ทำให้ควบคุมอารมณ์ได้ยาก แต่ตอนนี้...ผมเข้าใจแล้วว่า...สาวน้อยคนนี้ ‚ต้องการใครมาบำบัดสภาพจิตใจอย่างเร่งด่วน’
“โอ้พระเจ้า”
น้ำเสียงตกตะลึงทำให้ผมอดหันกลับไปมองไม่ได้ ต้นข้าวยืนเอามือกุมปากมองดูแผนผังครอบครัวที่อยู่ระหว่างช่วงพักขั้นบันใดต่อระหว่างชั้นที่สามไปยังชั้นที่สี่ ผมเดินย้อนกลับลงไปยืนอยู่ข้างเธอ มองดูแผนผังกับสีหน้าเธอแล้วก็ต้องยิ้มออกมา
“หนึ่ง สอง สาม... บ้านนี้มีคนชื่อขึ้นต้นด้วยมูนอย่างกับเลขสามยกกำลังสองแหนะ แค่พ่อห้าคนก็ปวดหัวจะแย่ ไม่เห็นมีความจำเป็นเลยสักนิดที่จะต้องตั้งชื่อลูกให้คล้ายกัน”
“เป็นข้อเสนอของคุณลุงน่ะ กลัวคนไม่รู้ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน”
ผมแกล้งพูดเล่นไปอย่างนั้น น้องต้นข้าวหันมามองหน้าผมเหมือนเชื่อสนิท แล้วเธอก็หันกลับไปไล่รายชื่อของทุกคนจนละเอียดยิบ
1. ซันไรส์ คู่ ปีโป้
ผลผลิตที่ได้
- มูนไรส์ ( 17 ปี ) ชาย
- มูนไนท์ (13 ปี ) ชาย
2. ซันไชน์ คู่ คอนเน่
ผลผลิตที่ได้
- มูนไชน์ ( 17 ปี ) ชาย
- มูนบีม ( 10 ปี ) ชาย
- แคมปัส ( 5 ปี ) หญิง
3. ซันนี่ คู่ ไอริส
ผลผลิตที่ได้
- มูนลิท ฝาแฝด ( 15 ปี ) ชาย
- มูนนี่ ฝาแฝด ( 15 ปี ) หญิง
4. ซันเดย์ คู่ แมรี่
ผลผลิตที่ได้
- มูนเดย์ ฝาแฝด ( 16 ปี ) ชาย
- มูนเลส ฝาแฝด ( 16 ปี ) ชาย
5. ซันเซ็ต คู่ คูก้า
ผลผลิตที่ได้
- มูนเซ็ต (14 ปี ) ชาย
- คุ๊กกี้ (เด็กทารก) หญิง
“เฮ้อ...ปวดหัว” เธอกล่าวเดินโซเซ
ผมจึงเอื้อมมือออกไปขวางบันไดไว้เกรงว่าเธอจะเดินพลัดตกลงไป แล้วเธอก็ถอยหลังไปตรงนั้นพอดี ผมจึงกุมไหล่เธอเอาไว้ ลองทายดูสิว่าเด็กคนนี้จะมีปฏิกิริยาแบบไหนต่อผม
“จับทำไม ต้นข้าวไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” สาวน้อยตรงหน้าจ้องผมตาเขียวปั๊ด “แค่บ่นว่าปวดหัว ทำอย่างกับว่าฉันจะเป็นลมไปได้”
คนตัวเล็กบ่นอุบอิบ แล้วก็เดินขึ้นบันไดไปโดยปราศจากคำขอบคุณ ประจวบเหมาะกับฮยอนจุนที่วิ่งสวนลงมาไม่ละสายตาไปจากน้องสาวก่อนจะมองมาที่ผม
“ทำดีนี่มูนไชน์ นายน่าจะเอาเลือดบ้าของน้องฉันออกอีกเยอะๆ จะได้จับง่ายๆ หน่อย”
สัญญาณไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมว่าต้นข้าวได้ยินแน่ๆ
“พี่ว่าอะไรนะ” ต้นข้าวหันกลับมา
“ฉันบอกว่าน่าจะเอาเลือดบ้าของแกออกเยอะๆ จะได้จับง่ายๆ เหมือนจีบทำเป็นแฟนนั่นแหละ”
ดูเขายังปากดี ผมล่ะระอาเขาจริงๆ
“พี่ฮยอนจุน” เธอวิ่งลงมาเหมือนพายุเข้า แล้วฟาดไหล่ฮยอนจุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนหลายๆ ครั้งที่ผมเคยเจอ
“โอ้ยๆ พอๆ ต้นข้าว แกนี่อะไรนักหนา มูนไชน์เขาไม่สนเด็กประถมแบบแกหรอกน่า”
“พี่เป็นคนที่ปากเสียที่สุด” เธองอนตุ๊บป่องไปโน่นแล้ว
“ขอโทษที ยัยนี่เป็นน้องสาวคนเดียวที่กำลังอยู่ในวัยน่าแกล้งนี่หว่า นายเห็นตอนเขางอนไหม แก้มแดงแจ๋เลย โชคดีวันนี้ที่เจ้าตัวไปพองลมแบบนี้” อธิบายไปก็ทำแก้มป่องตัวกลม
ต้นข้าวน่าจะกลับลงมาอีกรอบแล้วถล่มเขาให้จมพื้นไปเลย เป็นพี่ชายประสาอะไร แกล้งน้องอยู่ได้ ผมหมายถึงว่า...มันก็จริงอยู่ที่น้องสาวเขาน่าแกล้ง แต่น่าจะให้ระยะเวลาเธอสงบจิตสงบใจเสียบ้าง และอีกอย่าง...การที่เขาพูดออกไปแบบนั้น แบบที่มีผมไปเอี่ยวด้วย มันเหมือนกับว่าเขากำลังจะพยายามทำให้น้องตัวเองเกลียดผมแบบไม่รู้ตัว ทั้งที่ผมก็ไม่ได้อะไรด้วยเลย และที่แน่ๆ ผมไม่ได้เห็นเธอเป็นเด็กประถมอย่างที่เขาพูดด้วย
โต๊ะอาหารบ้านเราค่อนข้างจะยาว หรือจะว่าไปแล้วคือยาวมาก จนอาจจะทำให้คุณนึกถึงโต๊ะอาหารของพระราชวังแวร์ซายน์ก็เป็นได้ แต่เรามีความจำเป็นต้องใช้โต๊ะแบบนี้ ก็เฉพาะสมาชิกในครอบครัวของบ้านหลังนี้รวมกันแล้วก็ปาเข้าไปยี่สิบเอ็ดคนแล้ว แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเราก็ยังมีที่เพียงพอสำหรับสมาชิกทั้งห้าคนของครอบครัวฮยอนจุน
หากจะถามว่าสมาชิกเยอะแบบนี้ แล้วความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นล่ะ ไม่มีความเป็นไปได้สูงกว่าปกติเหรอ ผมสามารถตอบได้อย่างชัดเจนและแจ่มแจ้งเลยว่า แน่นอน! ส่วนมากความวุ่นวายมักเกิดจากพวกเด็กๆ วัยซนเสียมากกว่า เพราะภายในบ้านของพวกเราหลายคนเริ่มโตๆ กันแล้ว เห็นจะมีก็แต่มูนบีมและแคมปัส ที่ยังทำตัวป่วนสมองคนทั้งบ้านได้อย่างไม่ลดลาวาศอก อาทิเช่นวันนี้ หลังจากเหตุการณ์ที่เด็กทั้งสองคนกักขังน้องต้นข้าวไว้ในกรงไม้ ที่ตามมาด้วยการช่วยเหลือที่ไม่ค่อยจะประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรจากผม พวกผู้ใหญ่ค่อนข้างปวดหัวพอตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณพ่อกับคุณแม่ ที่มีท่าทางวิตกกังวลกับบาดแผลบนหัวคิ้วของน้องต้นข้าวเสียเหลือเกิน จากที่ผมไม่เคยถูกตำหนิจากพวกท่านเลยสักครั้งตั้งแต่เกิดมา ก็ต้องมาโดนตำหนิในวันนี้
อาหารในวันนี้เป็นเมนูค่อนข้างเป็นกลางสำหรับหลายๆ ฝ่าย แม้ว่าพ่อและแม่ของผมรวมถึงคุณลุงคุณอาผู้หญิงส่วนใหญ่แล้วไม่ใช่เยอรมันแท้เสียส่วนใหญ่ แต่เมนูที่ถูกเลือกมาก็เป็นอาหารเยอรมัน ที่พวกเราคิดว่า...ทุกคนจะทานได้
หลังจากที่สมาชิกทุกคนภายในบ้านทำความรู้จักกับครอบครัวของฮยอนจุนเรียบร้อยแล้ว พวกเราทุกคนที่ถือว่าเป็นลูกจะต้องช่วยกันนำอาหารมาวางไว้บนโต๊ะตามธรรมเนียมของบ้าน
“ต้นหลิว ทำไมไปนั่งอยู่ตรงนั้นละคะ”
ผมมองหาเด็กน้อยเจ้าของชื่อที่สร้างความว้าวุ่นใจให้ผู้เป็นแม่เมื่อกลับออกมาเจอกับเหตุการณ์พอดี น้องสาวคนเล็กของฮยอนจุนกำลังนั่งอยู่บนตักมูนบีมน้องชายผม คุณพ่อคุณรวมทั้งคนอื่นๆ ต่างนั่งมองพวกเขาอย่างเอ็นดู มูนบีมกอดต้นหลิวไว้แน่น แตกต่างจากแคมปัสที่เขามักจะแกล้งเสียมากว่า ผมเองยังอดยิ้มไม่ได้เลย ไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ ว่ามูนบีมจะชอบเล่นกับเด็กเล็ก สงสัยแคมปัสจะอายุไล่เลี่ยกันมากเกินไป
“นั่งนี่กับพี่บีม” ต้นหลิวเอี้ยวไปกอดคอมูนบีมแน่น
“มูนบีมครับ” น้องชายผมทำตัวน่ารักขึ้นเป็นกอง
“พิมูบีม” ต้นหลิวพูดเร็วๆ ไม่ชัดถ้อยชัดคำ “นั่งด้วย”
“แม่ครับ ให้น้องนั่งตักผมนะคร๊าบ” เจ้าตัวร้ายหันไปอ้อนคุณแม่ ท่านทำหน้าลำบากใจก่อนจะหันไปมองน้าต้นกล้าอย่างขอความเห็น สุดท้ายท่าออดอ้อนกับคำสัญญาว่า ‚ผมจะเป็นเด็กดี’ ของตาจอมกวนก็ทำให้คุณแม่และคุณน้าใจอ่อนจนได้ ดูเหมือนเขาจะรักษาคำพูดได้ดีเสียด้วยสิ เพราะอย่างน้อยน้องต้นหลิวก็ไม่บาดเจ็บและต้นข้าวยังไม่โดนเด็กลวงไปรังแกอีกด้วย แต่สังเกตดูต้นข้าวตอนนี้แล้ว คงจะกำลังปวดหัวกับจำนวนสมาชิกในครอบครัวผมเอามากๆ เพราะว่าหนุ่มๆ ต่างพากันซักถามเธอเหมือนกับไม่เคยพบเจอผู้หญิงมาก่อน เห็นจะมีแต่เจ้าพี่ชาย...ที่เอาแต่นั่งจ้องลูกพี่ลูกน้องคนสวยของผมจนลูกตาจะกระเด็น ทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้ใส่ใจอะไรเลย ทั้งยังกินข้าวต่อไปแถมยังช่วยบอกปัดไม่ให้คนอื่นๆ ซักถามต้นข้าวเกินความจำเป็นอีกต่างหาก
กว่านังคนเขียนจะมาอัพให้ แฟนนิยายเหงือกแห้งเจ้าค่ะ 555 ขออภัยอย่างร้ายกาจ จะพยายามแต่งต่อให้เสร็จนะคะ TOT ตอนนี้ติดพันตระกูลคลีฟ แถมยังโดนมิสเตอร์แคร์โรเวลรั้งไว้อีก เขาแอบกระซิบข้างหูว่า “อยากลวนลามลิลี่ต่อ ช่วยแต่งดันแคนให้จบเร็วๆ สิ จะได้ถึงคิวผมสักที” ไม่ค่อยเลยนะคะท่านเอิร์ล
ปล. คนแต่งโรคจิตเองค่ะ 555
:::เจ้าชายอัศวิน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

23 ความคิดเห็น
-
#23 แกมแก้ว (จากตอนที่ 7)วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554 / 21:38เยอะไปไหน เมามายตัวละคร=..=#230
-
#22 jubjang-จ๊ะจ๋า (จากตอนที่ 7)วันที่ 5 กรกฎาคม 2552 / 03:43ชื่อของตระกูลฝ่ายชายแต่ละคนนี่น่ากินดีเนอะ#220