ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -My Sweetheart..You're Everything -KiHae HanHyuk SJ-

    ลำดับตอนที่ #85 : :: Chapter 57 : เฮอะ! ::

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.34K
      21
      7 ก.ค. 53

     

     

     

     


     

     

     

     

     

    “ฮีซอล   นายดูพิมพ์เขียวนี่แล้วก็เขียนรายงานมาส่งพี่นะ”    ชายหนุ่มที่เป็นผู้ฝึกสอนงานคิมฮีซอลวางแปลนลงบนโต๊ะพร้อมกับคำสั่ง   ฮีซอลพยักหน้ารับแล้วรัวนิ้วที่ชินกับการพิมพ์ดีดอย่างรวดเร็วประสาวัยรุ่นเจนคอม   ชายหนุ่มตรงหน้ามองร่างบางยิ้มๆ ก่อนเดินกลับไปที่โต๊ะ

     

     

    ทำงานไปถึงเวลาพักอิทึก   คังอินและเจย์ก็โผล่มาชวนไปทานอาหารส่วนของพนักงานแยกออกมาจากเหล่าผู้จัดการฝ่ายและผู้บริหารชัดเจน

     

     

     “แน่ใจนะว่าซีวอนมันจะไม่เห็นน่ะ”   คนอยากสอดแนมเจ้าเด็กหล่อถามย้ำเป็นรอบที่สิบ

     

     

     “ก็เออดิ”  

     

     

     “นายนี่ก็แปลกนะฮีซอล   เป็นหลวงไม่ชอบชอบเป็นชู้”

     

     

     “ชู้เตี่ยแกสิไอ้หมีควาย   ปากเสียทั้งผัวทั้งเมีย”

     

     

    ฮีซอลฟาดฟันฝีปากกับนางฟ้าแอนด์หมีบ้าพลังน้ำลายแตกฝอย   เจย์ก็นั่งเงียบๆ คอยกัดบ้างตามโอกาสเหมาะสมเหมือนอย่างเคย   

     

     

     “เมื่อวานคุณน้าบอกชั้นว่าวันนี้จะมีฝ่ายขายจากบริษัทโฆษณาที่เราซื้อโฆษณาไว้ทั้งปีมาตกลงราคา   เห็นว่าให้ลูกสาวประธานมาขายงานเองเลยนะ   คุณน้าบอกว่าอย่างสวยอ่ะ   ชื่อสเตลล่า”

     

     

    อิทึกบอก  ฮีซอลโพล่งขวับ   “จะสู้นางฟ้าเกาหลีคุณยูอีของชั้นได้เหร๊อ”   เสียงเย้ยหยันชัดเจน

     

     

     “มันคนละแบบกัน   นั่นอ่ะนางฟ้า   คนนี้น่ะนางมาร”

     

     

     “ยังไงอ่ะทึกกี้”

     

     

     “เมื่อก่อนมานัดทานข้าวกับซีวอนบ่อยๆ น่ะสิ   สมัยที่บริษัทเค้าหุ้นตกฮวบๆ น่ะ   แต่พออะไรๆ มันดีขึ้นมาก็หายหน้าหายตาไป   พอช่วงนี้มีบริษัทคู่แข่งตีตื้นขึ้นมาเยอะก็ร่อแร่อีกรอบ”

     

     

     “งี้ไม่ได้มาขายงานแล้วไอ้ถึกกี้   ขายลูกสาวกิน   เหอๆๆ”   

     

     

     “ก็ว่างั้น”

     

     

     

     

     “แล้วซีวอนมันว่าไงล่ะ”

     

     

     “จะว่าอะไร   ช่วงนั้นมันก็ตามจีบแกอึนๆ    พอคุณน้าไม่รู้ว่ามันมีคนที่ชอบแล้วก็ซัพพอร์ตกันเต็มที่”

     

     

     “งี้ถ้าปฏิเสธไปตอนนี้ก็เป็นว่าไปหักหน้าเค้าอีกว่างั้นเหอะ”  

     

     

     “เป๊ะเลยแหละซอลลี่    ตอนนี้คงนั่งจู๋จี๋กันอยู่ที่ห้องประชุมกันสองคนแล้วมั๊ง”

     

     

    ปั่ก!!

     

     

     “เล่นแรงนะฮีซอล”   คังอินพูดเสียงขุ่น   คลำหน้าผากตัวเองป้อยๆ

     

     

     “กระแดะยื่นหน้ามาเจ็บแทนไอ้ถึกกี้มันทำไมล่ะ   สม”

     

     

    อิทึกหัวเราะร่าที่ปั่นหัวฮีซอลจนโวยวายเผยไต๋หึงออกมาจนได้   ก่อนจะเลิกใส่ใจแล้วหันไปเป่าจุ๊บบนหัวโนๆ ของคังอินที่ยื่นหน้ามารับกำปั้นนั้นแทนตนเป็นการปลอบขวัญ

     

     

    กลับมาทำงานต่อในช่วงบ่ายได้สักพักคนหน้าสวยก็เริ่มง่วง   เข้าทำนองหนังท้องตึงก็มาดึงหนังตา    ร่างโปร่งบางเดินไปห้องครัวแล้วคว้าแก้วมาชงกาแฟ   ชงไปก็หาวไป

     

     

     “เอ่อ   คุณคะ”

     

     

    ฮีซอลเอี้ยวตัวไปมอง   เห็นหญิงสาวแต่งตัวเปรี้ยวเข็ดฟันด้วยชุดหนังสีแดงโฉบเฉี่ยว   ริมฝีปากสีสดกับเรือนผมที่ดัดเป็นลอนยิ่งทำให้เธอดูเซ็กซี่    ความแมนในกายฮีซอลแทบเดือดพล่าน

     

     

     “ครับคนสวย”

     

     

     “ชั้นขอกาแฟสองแก้วได้มั๊ยคะ”

     

     

     “ได้สิครับ”   ฮีซอลยิ้มหวานหยาดเยิ้มหยดย้อย   เพื่อคนสวยคิมฮีซอลสู้ตายครับ!!!

     

     

    ฮีซอลชงกาแฟเพิ่มอีกสองแก้วแล้วถือมาให้หญิงสาว   หล่อนพูดขอบคุณแล้วถือแก้วสองใบในมือกลับเข้าไปในห้องครัว   ดวงตาเรียวหันมามองเป็นเชิงไล่จนฮีซอลหน้าแหกเล็กๆ   แล้วเดินกลับเข้าไปด้านในออฟฟิศ

     

     

     “เวร   กาแฟชั้น”

     

     

    คนสวยพึมพำ   วกไปทางเดิมอีกรอบ   ปลายเท้าของร่างโปร่งชะงักอยู่หน้าประตูทันทีที่เห็นว่าหญิงสาวในห้องครัวทำอะไรแปลกๆ กับกาแฟถ้วยนั้น

     

     

    ผงสีขาว?   ยาเหรอ   ยาอะไรวะ?

     

     

    เลือดว่าที่สะใภ้ตระกูลชเวมันไหลเวียนอยู่เต็มเปี่ยม   ฮีซอลไม่อาจปล่อยให้ความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นในบริษัทนี้ได้  

     

     

     “คนสวยครับ”

     

     

     “คุณ!  หญิงสาวตกใจ   มีพิรุธอย่างไม่ต้องสงสัย

     

     

     “พอดีผมมีคุกกี้อยู่น่ะ   เอาไปทานกับกาแฟมั๊ยครับ”

     

     

     “ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ”

     

     

     “อย่าปฏิเสธเลยครับ   นะครับ”

     

     

    ใครบอกเป็นเมียแล้วจีบผู้หญิงไม่เป็น    คิมฮีซอลเป็นผู้ชายแสนมาดแมนอันดับหนึ่งในปฐพี    จีบหญิงกี่ทีไม่เคยเหลวเป๋ว

     

     

     “งั้น...  ก็ได้ค่ะ”

     

     

    ฮีซอลยิ้มหวาน   ฉวยถ้วยกาแฟในมือหญิงสาวมาจนเธอตกใจ   “คุณจะเอาไปไหน!?

     

     

     “ผมใส่ถาดให้ไงครับ   มือนิ่มๆ แบบนี้อย่าถือแก้วร้อนๆ เลยนะครับ   ผมกลัวคุณจะเจ็บ”

     

     

    หญิงสาวมีท่าทีลังเล   แต่พอฮีซอลพูดด้วยประกายตากรุ้มกริ่มเธอก็เลยไม่ได้คิดอะไร   ปล่อยให้เขากลับเข้าไปในครัว

     

     

    ฮีซอลสลับถ้วยกาแฟของตัวเองกับถ้วยใบที่จำได้แม่นว่ามีสิ่งแปลกปลอม   มืออีกข้างเอื้อมหยิบคุกกี้ที่เคยแอบกินอยู่สองครั้งลงในจานและนำมาวางบนถาด   เดินออกไปหาคนที่รออยู่ด้านนอก

     

     

     “เรียบร้อยแล้วครับคนสวย”   คนถูกชมยิ้มหวาน

     

     

     “ขอบคุณนะคะ”

     

     

     “ให้ผมช่วยถือไปให้มั๊ยครับ   ไม่ทราบว่าคุณจะไปไหนเอ่ย”

     

     

     “อย่าดีกว่าค่ะ”    หล่อนร้อนรนจนดูแปลกๆ   ฮีซอลหรี่ตาจับพิรุธได้ตัวบักเอ้ก

     

     

     “งั้นก็ระวังด้วยนะครับ”

     

     

     “ค่ะ”

     

     

    หญิงสาวเดินจากไป   ขายาวได้รูปเดินตามไปเงียบๆ จนกระทั่งมองเห็นเธอหายลับเข้าไปในห้องที่มีป้ายติดว่า ผู้บริหาร   ห้องเดียวกันกับที่เมื่อวานเขามารับซีวอนไปทานอาหารเย็นพร้อมอิทึก

    สเตลล่างั้นสิ...

    ถึงจะสวยบาดใจ     แต่ผัวข้าใครอย่าแตะโว๊ยยยย!!!

     

     

     

     

     

    ซีวอนรับถ้วยกาแฟมาแล้วยิ้มขอบคุณหญิงสาว   แอบหน่ายใจว่างานซื้อโฆษณาแค่นี้ไม่จำเป็นที่ผู้บริหารอย่างเขาต้องจัดการซะด้วยซ้ำ   แค่งานที่ต้องอ่านต้องอนุมัติกองจะทับตัวก็ยุ่งมากพออยู่แล้ว   แต่ทางนั้นดันส่งลูกสาวประธานมาติดต่อเองแบบนี้ทางนี้จึงจำเป็นต้องให้เกียรติเธอเช่นกัน

     

     

     “กาแฟยี่ห้อนี้รสแปลกๆ นะคะ”   สเตลล่ายกขึ้นจิบ   เธอบ่นพลางย่นคิ้ว

     

     

     “งั้นเหรอครับ”   ซีวอนชิมบ้าง   รสสัมผัสที่ปลายลิ้นชายหนุ่มจดจำได้แม่น   ดวงตาคมหรี่ลงอย่างสงสัย   “คุณสเตลล่าทำให้ผมเองเลยเหรอครับ”

     

     

     “ค่ะ”   หล่อนตอบ   แต่ซีวอนยังรู้สึกเคลือบแคลงใจแปลกๆ   ก็ไอ้กาแฟรสปะแล่มๆ ที่ใส่น้ำตาลลงไปก่อนแบบนี้เป็นสิ่งที่เขามักเตือนคนสวยจ๋าอยู่เสมอๆ ว่าอย่ากินให้มันมากนัก

     

     

    สเตลล่าเหลือบมองอากัปกริยาของซีวอน   ผ่านไปเกือบสิบนาทีเขาก็ยังคุยเรื่องงานต่อโดยไม่มีอาการใดๆ ออกมา   หรือมันจะไม่ได้ผลนะ

     

     

    ...ผู้ชายคนนั้น!!!

     

     

    หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่นเมื่อคิดถึงชายหนุ่มใบหน้าสวยหวานที่พบกันในห้องครัว

     

     

    ซีวอนกล่าวลาหลังเซ็นเอกสารในขั้นตอนต่างๆ เรียบร้อย   สเตลล่าดูมีท่าทางหงุดหงิดผิดปกติจนซีวอนจับสังเกตได้

     

     

     “เย็นนี้เราไปทานอาหารด้วยกันมั๊ยคะ”

     

     

     “เอ่อ...   คงจะไม่ได้หรอกครับ   พอดีผมมีประชุมผู้ถือหุ้น”   ซีวอนไขว้นิ้วไว้ด้านหลัง   สารภาพบาปในใจต่อพระผู้เป็นเจ้า

     

     

     “น่าเสียดายนะคะ   สเตลล่าคิดว่าเราน่าจะมีเวลาอยู่ด้วยกันมากกว่านี้”   หญิงสาวสบตาแฝงความนัย  

     

     

     “ฮะๆ”  ซีวอนยิ้มกลบเกลื่อน   “ลาก่อนครับ”   เขาส่งเธอที่หน้าห้อง

     

     

    ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่   ตั้งแต่เช้ายันบ่ายเขาติดแหง็กอยู่กับสเตลล่าแทบไม่ได้ขยับตัวทำงานเลย   กว่าหล่อนจะยอมคุยเรื่องงานหลังจากอ้อมไปนู่นอ้อมมานี่ชวนไปที่นั่นชวนไปที่นี่ก็ปาเข้าไปบ่ายสามโมงกว่าๆ แล้ว  

     

     

     “งานไม่เดินเลยเรา”

     

     

    ซีวอนตั้งใจกลับไปทำงานที่กองสุม   พลันสายตาเหลือบไปเห็นถ้วยกาแฟที่วางไว้ความสงสัยก็กลับมาครอบงำอีกครา

     

     

     “ไหนๆ ก็ไหนแล้ว   วันนี้ก็ไม่ต้องทำมันเลยแล้วกัน”

     

     

    ซีวอนลงลิฟต์ไปที่ชั้นล่างเพราะครัวของชั้นผู้บริหารมีช่างมาต่อเติม   อนุมานได้ว่าสเตลล่าคงไม่ใช้ห้องนั้น   

     

     

     “พี่อิทึก...?”   เห็นร่างคุ้นเคยกำลังเดินผ่านลิฟต์ที่เปิดออกไปอย่างเฉียดฉิวซีวอนก็ครางงงๆ   แต่งตัวยังกับมาฝึกงานทั้งที่มันตั้งวันมะรืน   ร่างสูงเดินตามร่างบางข้างหน้าจนเห็นญาติตัวเองกระโจนเข้าไปจ๊ะเอ๋ใครบางคน

     

     

    คิมฮีซอลหันมาตวาดด่าปาร์คจองซูลั่น   ซีวอนพ่นลมแล้วกลอกตาไปมา   เข้าใจทุกอย่างแจ่มแจ้ง   นิ้วยาวขยับขึ้นลงคาดโทษสวยจ๋า

     

     

     “คิดจะแกล้งผมเหรอ   ไม่ง่ายงั้นมั้งคนสวย”   ชายหนุ่มขยับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

     

     

    ฮีซอลจัดรูปร่างปึกกระดาษในมือที่เพิ่งซีร็อกซ์เสร็จพลางส่ายหน้ารำคาญ    ไอ้คังอินออกไปดูไซร์งานทีไอ้อิทึกก็แว่บมาบ่นที   ถ้าเขาเป็นไอ้ถึกกี้นี่นะจะไม่ยอมห่างจากคุณยูอีคนสวยเลยแม้แต่นาทีเดียวเหอะ

     

     

     “เอาใส่แฟ้มดิ๊”

     

     

     “ซอลลี่   ชั้นแวะมาคุยด้วยนะไม่ได้แวะมาเป็นทาส”

     

     

    “พูดมากน่า   ใส่ไป   ชั้นไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนะ”

     

     

    “ฉี่เหรอ”

     

     

    “ล้างมือเฟ้ย    ดูมือชั้นดิเนี่ย”   ฮีซอลกางมือที่เต็มไปด้วยคราบหมึกแห้งจนฝ่ามือขาวมีรอยด่างดำ   อิทึกเห็นก็โบกมือไล่ทำนองจะไปไหนก็ไป

     

     

    นิ้วมือเรียวกวาดต้อนไปตามร่องนิ้วจนฝ่ามือขาวสะอาดเอี่ยม   มองหากระดาษทิชชู่ก็พบแต่กล่องเปล่า   ฮีซอลเดินไปหยิบกระดาษในห้องน้ำด้านในแล้วเดินเช็ดมือมาที่อ่างล้างมือตัวยาวอีกครั้ง

     

     

     “เฮ้ย!!   เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเช็ดมือเลยไม่ทันได้สังเกต   ร่างสูงใหญ่ด้านหลังปรี่เข้ามาตะครุบฮีซอลไว้แน่นพร้อมดวงตากลมที่ถูกปิดสนิท   คนถูกรัดในพันธนาการแน่นหนาดีดดิ้นรุนแรง   แต่ไอ้คนที่มันกำลังกดร่างเขาให้ฝังลงไปกับอกกว้างของตัวเองเนี่ยไม่รู้แรงควายมาจากไหน

     

     

     “ปล่อยนะเว๊ย!!!   ไอ้เชี่ย!!!   แกเป็นใครวะ!!!

     

     

     






    [ขออนุญาตลงในเล่มจ้า]









     

    เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด   เป็นซีวอนจริงๆ ที่คิดอุตริทำอนาจารเขากลางห้องน้ำ   แถมท่าแบบนี้มันยัง... เสียวสุด       ร้อนแรงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ที่เคยเอ้าท์ดอร์จนฮีซอลเองรู้สึกได้

     

     

    “ไปตามอิทึกมาให้ชั้นไป”   คนสวยให้เจ้าเด็กหล่อไปตามคนนอกมาช่วย   ตัวต้นเหตุที่หวังคอยดูและประคองไปไหนมาไหนหลังทำให้เขาพิการช่วงล่างโวยลั่น

     

     

     “ทำไมล่ะ!   ซีวอนอึนอย่างแรง   หงุดหงิดเล็กๆ ด้วย

     

     

     “นายไม่ใช่ไอ้หล่อจ๋าที่จะทำแบบนั้นได้นะ   นายคือว่าที่ประธาน”

     

     

     “ผมไม่สน”

     

     

     “นายสมควรจะเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ไม่ใช่เหรอ”

     

     

    เริ่มจะทะเลาะกันอีกรอบเมื่อฮีซอลตีหน้าเซ็งและซีวอนเริ่มเอาแต่ใจไม่รู้จักอะไรควรไม่ควร   ท้ายสุดซีวอนจำต้องกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย   ร่างสูงผันกายออกไปตามอิทึก    ฮีซอลส่ายหน้าระอากับนิสัยเด็กๆ ที่โผล่มาเรื่อยๆ ของซีวอน  

     

     

    เรื่องอื่นก็ไม่เห็นเป็น    กระแดะเป็นผู้ใหญ่เกินวัยทุกครั้ง  แต่กับชั้นทีไรนายต้องเป็นแบบนี้ตลอดสิน่า

     

     

     “นายมันขี้อ้อน”   เสียงหวานพูดกับตัวเอง   “ก็รู้ว่าชั้นไม่ตามใจแล้วก็ยังจะดื้ออีก   ไอ้หล่อจ๋า   ไอ้บ้า   ไอ้ติงต๊อง”

     

     

    อิทึกเดินเข้ามาพร้อมเสียงที่ร้องแซว   ถ้าสภาพช่วงล่างยังคล่องปร๋อเหมือนเดิมฮีซอลคงจะยกทีนให้เพื่อนรักแล้วยันมันสักที   “รุนแรงเร่าร้อนจนเดินไม่ไหว   คึๆ   แถมยังเอ้าท์ดอร์ซะแบบ...   อึ๋ยยยย”

     

     

     “ขืนแกทำเสียงประหลาดแบบนั้นอีกชั้นจะถีบแก”

     

     

     “ดูสังขารตัวเองซะก่อนนะซอลลี่”

     

     

     “ถามหน่อยเหอะ   ไอ้คังอินมันทำแบบนี้กับแกประจำเลยใช่มะ”

     

     

     “อื้อ”

     

     

     “ทนได้ไงวะ   รอบเดียวชั้นก็ระบมไปหมดแล้วเนี่ย”  

     

     

     “แบลร์มันเก่ง”   เห็นเพื่อนทำหน้าไม่อยากเชื่ออิทึกเลยรีบพูดต่อ   “ไม่ได้ชมนะ   แต่แบบ   ไงดีล่ะ   คือแบลร์รู้อ่ะว่าทำแบบนี้แบบนั้นแล้วจะเป็นยังไง   ชั้นก็เลยไม่เจ็บ   ขนาดครั้งแรกที่ตือดึ๊ดยังไม่ค่อยปวดเลย”

     

     

     “มันเก่งขนาดนั้นเชียว”

     

     

     “คนเจ้าชู้นี่นา   ที่ซอลลี่รู้สึกเจ็บๆ แบบนี้ก็คงเพราะซีวอนมันไม่เคยทำอะไรกับผู้ชายนอกจากนายก็เลยมีบ้างที่ทำไม่ถูกจนนายเจ็บ   แต่แค่นี้มันก็ถนอมนายจะตายแล้วนะ    แบลร์น่ะดีที่เก่งเรื่องพรรค์นั้น   ถ้าทำเจ็บชั้นก็ไม่ไหวเหมือนกันนั่นแหละ”

     

     

     “ไอ้หมีควายนี่ก็มีอะไรดีเนอะ”   ฮีซอลเย้า

     

     

     “ว่าแบลร์อีกทีชั้นขยี้ก้นนายจริงๆ ด้วย”

     

     

     “ไอ้ถึกกี้   ไอ้เพื่อนเลว   ชั้นเจ็บอยู่นะเว่ย”

     

     

     “ไม่รู้ไม่ชี้”

     

     

     “แล้วไอ้ผัวเฮงซวยนั่นมันไปไหนแล้วล่ะ”   ตากลมสอดส่ายมองหาซีวอนทั่ว

     

     

     “ยอมรับแล้วเหรอว่าตัวเองเป็นเมียน่ะ   อิๆ    ตอนซีวอนไปตามชั้นหมอนั่นถูกคุณจางชวนคุยน่ะ”

     

     

     “เรอะ”

     

     

    ฮีซอลพยายามทำท่าคล้ายกอดคอมากับอิทึก   หัวหน้าฝ่ายบุคคลคุณจางตาลีตาเหลือกกล่าวโทษฮีซอลที่ทำกริยาไม่เหมาะสมกับคุณปาร์คจองซูแบบนั้น

     

     

     “ฮีซอลเขาล้มในห้องน้ำน่ะครับคุณจาง”   อิทึกตอบแทน

     

     

     “ไออิกู!   แล้วทำไงถึงพลาดท่าแบบนั้นล่ะ”

     

     

     “ถามคุณว่าที่ประธานดูสิครับ”   ฮีซอลอดไม่ได้จริงๆ   ไอ้หล่อจ๋านั่นแม่งงอนตุ๊บป่องอีกแล้ว    ตั้งแต่เดินเข้ามามันยังไม่มองหน้าเขาเลยแม้แต่นิด   ชิชะ

     

     

     “เห?”   คุณจางหันไปมองซีวอน

     

     

     “พอดีผมชนคุณคิมฮีซอลในห้องน้ำน่ะครับ   แต่ไม่นึกว่าเขาจะเจ็บแบบนี้   ขอโทษนะครับคุณคิม”

     

     

    สายตานิ่งๆ ปราดมามองแล้วโค้งศีรษะให้นิดๆ   ฮีซอลพ่นลมกับท่าทางอวดดีนั่น   อยากจะตั๊นหน้าไอ้หล่อจ๋าสักที    ทำมาเป็นไม่รู้จักมักจี่นะไอ้เด็กบ้าเอ๊ย

     

     

     “ฮีซอล”   ชายหนุ่มผู้รับหน้าที่ฝึกสอนงานให้คิมฮีซอลเดินมาใกล้ด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย   ดวงตาเรียวตวัดฉับจ้อง   ซีวอนมองตาขวาง

     

     

     “ครับพี่จองโม”

     

     

    พี่จองโม!!  เรียกกันสนิทสนมแบบนี้เลยเหรอ!!

     

     

     “เจ็บตรงไหนล่ะ   เดี๋ยวพี่ทายาให้”

     

     

    ทายา!!   ไอ้นี่มันคิดจะมาทายาส่วนไหนกันแน่!!

     

     

    ซีวอนมองตาขุ่น   หงุดหงิดแทบบ้า   น้อยใจกับฮีซอลมาเมื่อกี้ก็ต้องมาเจอสายตาหวานๆ ของไอ้หมอนี่มองคนของตัวเองแบบนี้อีก

     

     

    คนสวยเห็นไอ้หล่อจ๋าเป็นบ้าเพราะหึงหวงแบบนั้นก็สะใจ   คอยดู   จะแกล้งให้เข็ดเลย

     

     

     “ดีสิครับ   ถ้าพี่จองโมดูแลผมผมว่าอีกไม่นานก็ลืมเจ็บแน่เลยครับ”

     

     

     “ฮีซอล”   ว่าที่ประธานกดเสียงต่ำ   เจ้าของชื่อไม่สนใจ   พยายามลุกจากเก้าอี้ที่นั่งหวังให้จองโมปรี่เข้ามาประคอง   รูปการณ์ไม่ผิดจากที่คิดไว้นัก   ผู้จัดการหนุ่มประคองร่างเขาไว้พร้อมเอ็ดเบาๆ

     

     

     “ระวังหน่อยสิ”

     

     

    ซีวอนกัดฟันกรอด   ฮีซอลโปรยยิ้มยั่วมาให้ยิ่งผลักดันอารมณ์โมโหให้โหมกระพือ   อิทึกเห็นท่าไม่ดีแต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงในเมื่อคนอื่นก็อยู่กันเยอะแยะ

     

     

    ยิ่งถูกท้าทายก็ยิ่งชนกลับไปด้วยแรงหึง   ซีวอนยกโทรศัพท์ขึ้นกดเบอร์โทรออกทันที

     

     

     “สเตลล่าครับ   นัดเย็นนี้ผมตกลงนะครับ”

     

     

    ไอ้สองคนนี้มันเอาอีกแล้ว

     

    อิทึกได้แต่ส่ายหน้า

     














































     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ซีวอนพาสเตลล่าไปทานอาหารเย็นด้วยความเซ็งสุดขีด   เป็นเพราะความหึงแท้ๆ เลยที่ทำให้เขาไม่ทันได้ยั้งคิด   ลืมคิดไปว่าการสานสัมพันธ์ที่เจ้าหล่อนทอดสะพานมาให้นั้นจะทำให้เรื่องทุกอย่างมันยุ่งยากขึ้น  

     

     

    กว่าซีวอนจะไปส่งสเตลล่าถึงบ้านก็กินเวลาไปเกือบๆ สี่ทุ่ม   กลับมาบ้านดึกดื่นนึกว่ามารดาเข้านอนแล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อชเวอึนเฮนั่งหน้ามุ่ยอยู่กลางบ้านรอคอยการกลับมาของตน

     

     

     “ซีวอน”   แม่เรียกเสียงเขียว    ชายหนุ่มเดินไปนั่งข้างๆ   

     

     

     “ดึกแล้วนะครับทำไมคุณแม่ยังไม่นอน”

     

     

     “แม่จะหลับลงได้ยังไง   ตอนเย็นทั้งคุณจาง  คุณจองโม   หนูจองซูแล้วก็สะใภ้แม่มาทานข้าวเย็นกันที่นี่”

     

     

     “พวกเขามาเหรอครับ”

     

     

     “ก็ใช่น่ะสิจ๊ะ    ผู้จัดการจองโมอะไรนั่นดูแลหนูฮีซอลไม่ขาดแถมยังมีทีท่าว่าจะชอบสะใภ้แม่อีก   ซีวอน   มัวไปทำอะไรอยู่ที่ไหนไม่กลับมาฮะ”

     

     

     “ผมไปทานข้าวกับสเตลล่าน่ะครับ”   ซีวอนตอบเสียงเครียด

     

     

     “ซีวอน!   แม่บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าๆๆ   รู้ไม่ใช่หรือไงว่าทำแบบนั้นมันหมายความว่ายังไง”   ชเวอึนเฮหัวเสียยกใหญ่  

     

     

     “ขอโทษครับ”

     

     

     “เฮ่อ    เอาเถอะ   เรื่องของลูกก็จัดการเองแล้วกันนะ   แม่ไปนอนแล้ว”    เธอพูดเท่านั้นก็เดินขึ้นบันไดไป   แทนที่ชายหนุ่มจะตามขึ้นไปบ้างแต่กลับเดินออกมาจากบ้านและขับรถออกไปอีกครั้ง

     

     

    ซีวอนถึงที่หมายก็ลงมาระดมกดกริ่ง   เงยหน้ามองห้องที่เปิดไฟสว่างและมีใบหน้าสวยจ้องกลับมา   ก่อนม่านจะถูกปิดพรึ่บ

     

     

    ยิ่งเห็นแบบนั้นชายหนุ่มก็ยิ่งนึกโมโห   รัวนิ้วกดจนปุ่มแทบพังคามือก็ยังไม่เลิก   ห้องที่ปิดไฟแต่แรกเปิดไฟสว่างโร่    ลีดงเฮเดินกระแทกบันไดลงมาอย่างหงุดหงิด    กระชากประตูรั้วส่วนเปิดปิดเหมือนประตูบ้านจนมันกระแทกกับรั้วเลื่อนดังแกร๊ง

     

     

     “พี่ซีวอน!    รู้มั๊ยผมง่วงมากแค่ไหน!   พี่ซีวอน!   เฮ้!

     

     

    ดงเฮหลับหูหลับตาพูด   แต่บ่นได้ไม่ถึงสองประโยคซีวอนก็เบียดตัวเข้ามาเดินฉิวไปในบ้านอย่างรวดเร็ว

     

     

     “ฮีซอล!!

     

     

    ปังๆๆ

     

     

     “ทะเลาะกันเหรอครับ”   คนตัวเล็กถาม    ซีวอนหันมาสั่ง

     

     

     “เอากุญแจมาให้พี่หน่อย”

     

     

     “มีที่ไหนล่ะ   กุญแจทุกดอกในบ้านก็อยู่กับพี่ฮีซอลนั่นล่ะครับ”

     

     

    ซีวอนส่งเสียงฮึดฮัด    ดงเฮส่ายหน้าน้อยๆ แล้วเดินเข้าไปนอนในห้องตัวเอง    ชายหนุ่มตัวใหญ่ถลามาคว้าข้อมือเล็กไว้แน่น

     

     

     “ไม่ได้   ยังนอนไม่ได้”

     

     

     “ทำไมอ่ะพี่เขย   ผมง่วง”   พี่เขยของดงเฮเหรอ   รู้สึกดีพิลึกเลยแฮะ

     

     

     “ช่วยพี่ก่อน    พี่ต้องคุยกับพี่ชายนาย”

     

     

     “ถ้าพี่ฮีซอลเค้าโกรธพี่ให้ตายยังไงเค้าก็ไม่ออกมาหรอกครับ   ตัดใจเหอะ”

     

     

     “ดงเฮ   พี่ขอร้องล่ะ”

     

     

    ...

     

     

    ฮีซอลเงี่ยหูฟังเสียงที่เงียบไป   ได้ยินเหมือนเสียงอู้อี้แปลกๆ ดังขึ้นแล้วขาดหายเป็นห้วงๆ    คิมฮีซอลชั่งใจอยู่นาน   แต่พอเสียงที่ได้ยินมันหายไปนานเข้าก็เริ่มรู้สึกผิดสังเกต   เปิดประตูห้องตัวเองแง้มออกนิดๆ ก็พบแต่ความว่างเปล่า

     

     

     “อื้อ!!!...

     

     

    เสียงที่ว่านั้นมาดังมาจากห้องดงเฮ   ฮีซอลเดินไปเคาะประตู   “ไอ้ปลาเน่า   แกเป็นอะไร”

     

     

     “พ...พี่ซีวอนหยุดนะ!!   พี่ฮีซอล!!! ช่วย...ช่วยผมด้วย   อุ๊บ!!

     

     

     “ไอ้ซีวอน!!!

     

     

    ฮีซอลกัดฟันกรอด   เปิดประตูกระแทกเข้าไปเต็มแรง   “ไอ้ซีวอน!!!   นายทำแบบนี้กับชั้นได้ยังไง!!!

     

     

    ไม่...  ไม่มี

     

     

    น้องชายนั่งอยู่บนเตียง   ปล้ำมือของตัวเองแหกปากร้องโวยวาย   ริมฝีปากเล็กแดงก่ำพอๆ กับฝ่ามือของดงเฮที่มีคราบน้ำลายตัวเองเปรอะอยู่ประปราย

     

     

     “ผมต่างหากที่ต้องถามคำนั้น”

     

     

    ซีวอนปรากฏตัวขึ้นด้านหลัง   แขนหนารัดรอบเอวแน่นแล้วกระเตงกลับเข้าไปในห้อง   ปลายเท้าสีขาวเตะไปมากลางอากาศ   ฮีซอลขึงตากร้าวใส่ดงเฮที่กล้าหักหลังตัวเอง

     

     

     “ง๊า   ผมถูกบังคับนะพี่  TTOTT

     

     

    ประตูถูกเตะให้ปิดดังปัง!   ซีวอนโยนร่างบอบบางลงกับเตียง    ฮีซอลผุดลุกขึ้นมานั่งไม่ยอมให้ซีวอนจับตัวเองนอนขึงร่าง

     

     

     “พี่ทำแบบนี้ทำไม”

     

     

     “นายทำแบบนี้ทำไม”

     

     

     “ฮีซอล!

     

     

     “ซีวอน!!

     

     

    เอาวะ   มาสู้กันสักตั้ง   ฮีซอลเตรียมตั้งการ์ดจะต่อยไอ้เด็กตรงหน้าที่ทำเขาหึงแทบบ้า   มีอย่างที่ไหนกล้าไปกินข้าวกับผู้หญิงคนนั้น!!!

     

     

     “อย่าทำแบบนั้นฮีซอล”   ซีวอนเอ่ยเสียงเย็น  

     

     

     “ทำไม   นายจะทำอะไรชั้น”

     

     

     “...”   ฮีซอลลอยหน้าลอยตา   ชายหนุ่มตรงหน้านิ่งเงียบ   ย่างสามขุมเข้ามาใกล้

     

     

     “จะตีจะต่อยจะตบจะเตะก็เข้ามาเลยเซ่!!

     

     

     “...”

     

     

     “ทำมามอง   ไม่กลัวหรอกเฟ้ย”

     

     

     “ลูกผู้ชายน่ะ    ไม่ทำแบบนั้นกับเมียตัวเองหรอก    เขาปล้ำ!   ซีวอนประกาศกร้าว   ฮีซอลผงะแทบตกเตียง   ร่างสูงใหญ่กระโจนเข้าตะครุบตัวแล้วจับร่างบอบบางกด   ฝังร่างฮีซอลให้จมลงไปในผิวเตียงจนไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้

     

     

    ชายหนุ่มระดมจูบบนริมฝีปากอย่างจาบจ้วง   ฮีซอลดิ้นหนีต้องการเอาชนะ   ไอ้ที่ผลักไสน่ะมีแต่แรงพยศไม่อยากจะยอมแพ้    ซีวอนแทรกขาหนีบเรียวขาบอบบางไว้มั่น   ฮีซอลถูกรัดบนรัดล่างก็ยิ่งโมโห   แต่ก่อนที่จะได้ตัดสินใจถีบเข้าให้บนตัวชายหนุ่มเอวบางก็ถูกกระชากเข้าไปกอดแน่น

     

     

     “ปล่อยเลย   ไม่ต้องมากอด”   ฮีซอลเสียงสะบัด   ขยับตัวเหมือนแมวดิ้น

     

     

     “อย่าดื้อน่า”   ซีวอนกอดแรงเข้าไปอีก

     

     

     “กล้าสั่งชั้นเหรอ   ไม่ต้องมากอด   อย่ามาจับ   ปล่อย”

     

     

     “อย่าประชดผมแบบนั้นอีกนะ   ผมไม่อยากทำแบบนี้กับพี่สักหน่อย     รู้มั๊ย”

     

     

     “ไม่รู้!

     

     

     “ฮีซอล...”

     

     

     “...”

     

     

     “ก็ผมหึงนี่”

     

     

     “ถึงจะหึงแต่นายกล้านัดแม่นั่นไปด้วยได้ยังไง    นายไม่ไว้หน้าชั้นเลยนะ   ยืนหัวโด่อยู่ตรงนั้นนายยังกล้า”

     

     

     “ผมขอโทษ   แต่พี่ยั่วโมโหผมก่อนนะ”

     

     

     “นายนั่นแหละ   เจือกทำหน้านิ่งเป็นสนิมชักโครกทำไมล่ะ   ชั้นก็หมั่นไส้เป็นนะเว้ย!!

     

     

     “ผมรู้สึก...”   เสียงผะแผ่วจากคนที่ใช้คางซบบนไหล่ตน   เหมือนมีอะไรในใจ   “พี่ไม่อยากให้เขารู้เหรอว่าเราเป็นอะไรกัน”

     

     

     “อืม”

     

     

     “...”

     

     

     “อย่ามาเงียบ   สงสัยอะไรก็ถามสิ”

     

     

     “ทำไมล่ะครับ”

     

     

     “...”

     

     

     “ไม่เชื่อใจผมแล้วเหรอ” 

     

     

     “มันไม่ใช่แบบนั้น   ชั้นรู้ว่านายรัก   แต่อย่าคิดอะไรงี่เง่าสิ   นายก็เป็นแบบนี้ตลอดอ่ะ”   ฮีซอลบ่น   ย่นคิ้วกับนิสัยของซีวอน

     

     

     “เบื่อผมแล้วเหรอ”

     

     

     “ย๊าาาา!!  นายจะทำชั้นสติแตกนะ   คิดเป็นอยู่สองอย่างหรือไงวะไอ้หล่อโง่!   ไม่เชื่อใจไม่ก็เบื่อเนี่ย!  คิดว่าคนอย่างชั้นเป็นห่วงนายไม่เป็นหรือไง!

     

     

     “ฮีซอล...”

     

     

     “ชั้นไม่รู้ว่าคนอื่นมันจะคิดยังไงกับตัวของนาย   นายคือประธานบริษัทคนต่อไป   ถ้านายไม่ใช่ผู้ชายที่แบบ... แบบนั้นอ่ะ   ชั้นก็กลัวว่ามันจะทำให้นายลำบาก   ชั้นไม่สนหรอกว่าใครจะมองชั้นยังไง   ชั้นก็เป็นของชั้นอย่างเงี้ย    แต่กับนายน่ะมันไม่เหมือนกัน   เข้าใจกันบ้างดิวะ”

     

     

     “...”

     

     

     “เฮ่ย   เงียบไม   เข้าใจป่ะเนี๊ยยย”

     

     

     “หึ   เข้าใจแล้วครับ”   ซีวอนหลุดหัวเราะน้อยๆ

     

     

     “เข้าใจแล้วก็ปล่อย   ง่วง”

     

     

     “หา   จะไม่บ่ะบ่ะโอ๊บ่ะกันหน่อยเหรอครับ”   ซีวอนหน้าเหวอ  

     

     

     “ในหัวนายก็คิดอยู่แค่เนี้ย   ไม่เอาด้วยหรอก   ชั้นยังเจ็บไม่หายเลย”

     

     

     “ตอนนี้ยังไม่หายเลยเหรอครับ”   คนเป็นห่วงเอื้อมมาจับก้นอวบอัดด้วยสายตาเป็นห่วง   ฮีซอลตวัดสายตามองฉึบ!   แต่พอซีวอนแสดงออกว่าเป็นห่วงจริงจังไม่ได้คิดทะลึ่งอะไรก็ยอมให้ไอ้หล่อจ๋าลูบๆ คลำๆ แบบนั้น   “เป็นแบบนี้ไปหาหมอมั้ย”

     

     

     “หาแล้ว   หมอถึกกี้    เรื่องนี้มันโคตรโปรเลย   ฝากปิดไฟให้ด้วยนะ    ฝันดีผีรอบเตียงล่ะ”  

     

     

    ฮีซอลพูดเท่านั้นแล้วผละจากร่างสูงใหญ่   เขยิบตัวนอนให้เข้าที่เข้าทางแล้วห่มผ้าหันหลังให้ชายหนุ่ม   ซีวอนลุกไปปิดไฟให้ตามคำสั่ง   ฮีซอลถอนหายใจเบาๆ พร้อมปิดตาสนิทด้วยความโล่งใจ

     

     

     “เฮ้ย   ไอ้บ้า   เบียดมาทำไม   กลับบ้านนายไปดิ”

     

     

    ฮีซอลผงะ   เตียงเดี่ยวของตัวเองถูกไอ้เด็กบ้าแทรกตัวเข้ามาในผ้าห่มแล้วพลิกร่างเขาให้หันหน้าไปทางมันแล้วกอดแน่น

     

     

     “อยากกอดสวยจ๋า”

     

     

     “ก็กลับไปกอดแม่นายสิ”

     

     

     “แม่ผมไม่ให้เข้าบ้านแล้ว   ทำลูกสะใภ้งอน   คืนนี้ผมไม่มีที่ซุกหัวนอนแล้วนะครับ”   ซีวอนพูดหงุงหงิง  กระแซะตัวเข้ามาอย่างกวนส้นเท้าด้วยการสไลด์หน้าไปมาบนอกอวบ   หนำซ้ำมันยังเกี่ยวคอเสื้อเขาลงแล้วทำเสียงจุ๊บจ๊วบกับผิวขาวที่สัมผัสได้อีก

     

     

     “นิดๆ หน่อยๆ ก็เอาเนอะ”

     

     

     “ก็คนมันรักนี่    อย่าเพิ่งหลับเลยนะ”

     

     

     “ทำไม”

     

     

     “คุยกัน”

     

     

    ซีวอนหยุดยึกยือบริเวณอกอิ่มหลังนัวเนียจนพอใจ   ฮีซอลตะแคงตัวไปอีกครั้งให้ชายหนุ่มกอดตัวเองจากทางด้านหลังเพราะไม่ถนัดจะซุกหน้าเข้ากับอกใคร    “คุยอะไร”  

     

     

     “วันแรกที่เรารู้จักกันมะ”   ซีวอนเสนอ

     

     

     “ไม่เอา   เดี๋ยวนายก็มางอนชั้นอีก   ชั้นเกลียดหน้านายตั้งแต่วันนั้นเลยนี่นา”

     

     

     “-*-”

     

     

     “เอาเรื่องนางฟ้าเกาหลีคนสวยดีกว่า”

     

     

     “ไม่เอา   ผมหึง”

     

     

     “งั้นเรื่องสุดหล่อคิมฮีซอล”

     

     

     “คนหลงตัวเอง”   ซีวอนหัวเราะลั่น   คนถูกสัพยอกเข้าให้ทำหน้าสยิ้ว

     

     

     “คุยเรื่องหุ้นกัน”

     

     

     “หน้าชั้นเหมือนเซทเทรดหรือไง”  (เซทเทรด – โปรแกรมอย่างหนึ่งในตลาดการซื้อขายหุ้น)

     

     

     “ผมพูดจริงนะ   หุ้นบริษัทหัวใจชเวซีวอน   สิบเปอร์เซ็นต์เป็นของสวยจ๋า    เก้าสิบเปอร์เซ็นต์เป็นของมินิฮี”   ซีวอนหัวเราะ   นึกขำตัวเอง   มือมันเผลอเลื่อนต่ำไปสัมผัสผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทอย่างลืมตัว

     

     

    ประธานบริษัทชเวซีวอนยิ้มกริ่ม   ไอ้หล่อจ๋านี่มันจะโรแมนติกกับใครเขากันเป็นแฮะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    [มีปมอะไรใช่มั๊ยเนี่ย]   ฮันกยองถามสำเนียงแปร่งๆ พอได้ใช้ภาษาบ้านเกิดถี่ขึ้นเหมือนเก่าก็เริ่มเพี้ยนเกาหลีเข้าอีกแล้ว

     

     

     “ก็มีอ่ะ   มีเยอะเลยแหละ”

     

     

     [เช่น]

     

     

     “ก็แบบ...  ตอนเด็กๆ เงี้ย  สิบเอ็ดขวบถูกใส่ร้ายว่าขโมยสร้อยประจำตระกูลของเพื่อนในห้องอ่ะ   ตอนม.ต้นก็คล้ายๆ กัน   เงินห้องหาย   ตอนม.ปลายก็ถูกรุ่นพี่ไม่ชอบหน้าทั้งชั้นเลย    ชั้นก็เลยลำบากแล้วก็รับเรื่องพวกนี้ไม่ค่อยจะได้”

     

     

    ช่วงเวลาดึกๆ ที่ยังคงคิดถึงและอยากได้ยินเสียงของอีกคนฮันกยองเฝ้าถามว่าทำไมเขาถึงค่อนข้างอ่อนแอ   ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ตอบหรือพูดอะไรจริงจังเพราะการที่ตัวเองเกิดมาเป็นผู้ชายอ่อนแอมันไม่ใช่เรื่องที่อยากจะบอกให้ใครรับรู้   แต่พออีกฝ่ายอยู่ไกลเป็นพันไมล์ก็อยากที่จะแสดงให้เขารู้ว่าตัวเองชอบที่จะมีกันและกันมากแค่ไหน  

     

     

    จะให้พูดว่าเรียกร้องความสนใจให้เขาเป็นห่วงเป็นใย  ก็ไม่ผิดนัก

     

     

     [แล้วสมัยเด็กๆ ทำไงอ่า]

     

     

     “ตอนนั้นก็ย้ายโรงเรียน   ย้ายตอนประถม   ม.ต้น   แล้วก็มาเรียนที่เดียวกับนายนั่นแหละ”

     

     

     [หนีปัญหา?]

     

     

     “ทำนองนั้น   ซองมินพูดอยู่บ่อยๆ ว่าปัญหามักเกิดขึ้นกับลีฮยอกแจเสมอ   จนมันเป็นสโลแกนชั้นแล้วเนี่ย”

     

     

     [โอ๋ๆๆ   ไม่เป็นไรน๊า]

     

     

     “แล้วนายอ่ะ    ไม่มีเรื่องอะไรแบบนี้มั่งหรือไง”

     

     

     [ก็มีบ้าง   แต่ผมไม่สนใจ    คิดว่ามันไร้สาระนะ   จู่ๆ มีคนมาพูดนู่นพูดนี่ว่าเราไปทำอะไรไม่ดีทั้งที่เราไม่ได้ทำเงี้ยมันก็มีแต่จะทำให้เราไม่สบายใจ   ไม่สนใจมันซะก็สิ้นเรื่อง]

     

     

     “มันยากนะ”   ฮยกอแจถอนหายใจเบาๆ  ไม่ชอบเลย  ไม่ชอบเลยจริงๆ    เขาไม่เคยทำมันได้สักครั้งเลย

     

     

     [ก็ต้องยากสิ   นี่แหละชีวิต   ฮา]

     

     

     “คือแบบ..  ตั้งใจจะทำๆ อยู่หลายครั้งอ่ะ   แต่พอเอาเข้าจริงๆ ชั้นก็แพ้สายตาของคนอื่นๆ ที่คิดว่าชั้นเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้จนต้องหนีไปร้องไห้ทุกที    นายเคยมั๊ยล่ะ   หนีไปร้องไห้ในห้องน้ำ   ต้องปิดปากตัวเองแน่นๆ เพราะกลัวจะมีใครมาได้ยินน่ะ”

     

     

    ฮันกยองรู้สึกสงสารฮยอกแจขึ้นมาจับใจ   อยู่ต่อหน้าคงไม่มีวันได้ยินคำพูดทำนองนี้ของคนพยายามตีปีกเข้มแข็งอยู่ทุกวัน   ต้องอาศัยระยะทางที่ห่างใจและหัวใจที่อ่อนแอทำให้ฮยอกแจระบายสิ่งที่อยู่ในใจมาเนิ่นนานให้เขาฟังแบบนี้

     

     

     [ไม่เห็นต้องหลบในห้องน้ำเลย   อยากร้องก็ร้องออกไปสิ   อย่างที่ผมเคยบอก   เวลาที่ร้องไห้ก็ร้องออกมาให้เต็มที่  เวลาหัวเราะถึงจะมีความสุขที่สุด]

     

     

     “นายมันเข้มแข็งนี่   คิดจะไม่สนใจคนอื่นก็ทำได้ไม่กี่วัน   แต่ของชั้นมันยาก   ยากมากๆ”

     

     

     [อดทนสิครับ   พยายามยอมรับแล้วก็ผ่านมันไปให้ได้   ความรู้สึกเป็นสิ่งที่มาเร็วไปเร็วแต่สำคัญ   แค่เลือกรู้สึกให้ถูกว่าตัวเรามีจุดยืนแบบไหน    กำลังทำอะไร   และมีชีวิตอยู่เพื่อใครเท่านั้นก็พอ]  

     

     

    สอนให้คนอ่อนแอคนนี้เข้มแข็ง   คอยปกป้องเมื่อฮยอกแจอ่อนแอ   ดูแลและไม่คิดทิ้งไปไหน   ฮันกยองทำตามทุกคำพูดที่เคยรับปากกับจุนกิและกับหัวใจของตัวเองได้อย่างไร้ที่ติ

     

     

     [ผมรู้ว่าไม่ง่ายที่จะทำแบบนั้น   แต่รู้อะไรมะ   คุณหนูเล็กเป็นคนๆ เดียวที่ผมเชื่อใจเสมอไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร   ยากแค่ไหน]

     

     

     “...”

     

     

     [ฮยอกแจจะมีจุดพีคของตัวเองที่รู้สึกพอใจ   ไม่มากไปกว่านั้นแต่รักษาให้อยู่ในจุดเดิม   ประมาณแบบไปจนสุดแล้วหยุดที่คำว่าพอ   ผมคิดว่ามันน่ารักมากเลยนะ]

     

     

     “น่ารักยังไง?”

     

     

     [ก็ถ้าหนูเล็กเข้มแข็งจนสามารถไม่แยแสกับทุกอย่างได้ผมจะไปมีประโยชน์อะไรล่ะ   ผมแค่อยากเห็นคุณก้าวไปข้างหน้าโดยที่มีผมอยู่ข้างๆ   ไม่ใช่นำหน้าไปแล้วทิ้งกันไว้ข้างหลังนี่]

     

     

     “...”

     

     

     [ซึ้ง  ซึ้งอ่าดิ]

     

     

     “ไอ้บ้า”   คนพูดสัพยอกยิ้มแป้น   ทั้งเขินทั้งอายทั้งมีความสุข

     

     

     [เอ๊า   ด่ากันซะงั้นอ่ะ   กลับไปล่ะโดนดีแน่ๆ]

     

     

     “รีบๆ กลับมาก็แล้วกัน   อย่าดีแต่ปาก”

     

     

    ฮันกยองอมยิ้มให้กับคำว่าคิดถึงเวอร์ชั่นอ้อมๆ ของฮยอกแจ   ชายหนุ่มมองเห็นหนังสือที่ได้มาจากญาติแล้วก็พาลคิดไปถึงเรื่องที่เล่นเกมส์กันวันนี้กับน้องๆ   เห็นว่าสนุกดีเลยอยากจะชวนฮยอกแจเล่นบ้าง

     

     

     [มาเล่นต่อชื่อเพลงให้เข้ากับเนื้อเรื่องดีกว่า   อย่างเช่นกำลังทำอาหารอยู่อย่างเงี๊ยนะก็เริ่มด้วยคำว่า Cooking Cooking แล้วพอตาคุณก็ต่อให้เข้ากับหัวข้อ  ไม่จำกัดภาษาเลยนะ]

     

     

     “อ่อ    งั้นต่อคำว่าเชพบ๊ะก็ได้ใช่มะ   เกี่ยวกับทำอาหารอ่ะ”

     

     

     [ปิ๊งป่อง   เรื่องไร้สาระเนี่ยถนัดเนอะ]

     

     

     “ไอ้โหด!

     

     

     [โอเคๆ   เล่นกันนะครับ]   ฮันกยองหัวเราะคิกคัก   ฮยอกแจเออออส่งๆ อย่างหมั่นไส้ไปที

     

     

     [งั้นผมเริ่มนะ...   อืม   เรื่องบนเตียง   คึๆ]

     

     

     “หลอกฟัน   เอ๊ะ  หรือหลอกฝัน”

     

     

     [เช้าวันใหม่]

     

     

     again&again

     

     

     [อยากจะร้องดังๆ]

     

     

     “เสร็จ”

     

     

     [เหนื่อยแล้ว]

     

     

    ถึงตรงนี้สองคนแทบไปต่อไม่ได้   นิสัยส่วนตัวก็รู้ไส้รู้พุงกันอยู่ว่าทะเล้นทะลึ่งตะลึงตุ่มกันแค่ไหน   แต่คราวนี้ไม่ไหวจะเคลียร์   แทบจะไม่ต้องเสียเวลาคิดก็ต่างพรั่งพรูชื่อเพลงที่รู้จักออกมากันไม่หยุด   จนมาสุดลงที่ฮันกยองแล้วฮยอกแจทนไม่ไหวหัวเราะก๊ากลั่นขึ้นมานั่นล่ะ

     

     

     “โอ๊ยๆๆ   จะบ้าตาย”   ฮยอกแจหัวเราะจนเหนื่อย  

     

     

     [ฮ่ะๆ   ตอนเล่นกับน้องผมมันไม่ฮาขนาดนี้นะเนี่ย  ฮ่าๆๆ]

    “แหงแหละ   กับน้องกับนุ่งจะมาหื่นไร้แก่นสารอย่างงี้ได้ไง”

     

     

     [ผมก็ว่างั้น]   ฮันกยองหัวเราะไม่เลิก   [ขนาดเล่นกันเกือบสิบคนนะนั่นน่ะ]

     

     

     “โห   ญาตินายเยอะเนอะ   นี่รวมหมดครอบครัวมีกี่คนอ่ะ”

     

     

     [ราวๆ ห้าสิบเอ็ดคนแน่ะ   แต่ปีนี้ยังไม่พร้อมหน้าพร้อมตาหรอก]

     

     

     “เหรอ   ใครไม่มาอ่ะ”

     

     

     [ก็รอคุณหนูเล็กอยู่คนเดียวนี่แหละ   ครอบครัวจะได้เจี๊ยะกันพร้อมหน้าพร้อมตา   เฮียสามอย่างผมจะได้เลี้ยงโต๊ะจีนลิงซะที   ฮ่าๆๆ]

     

     

     “ไอ้บ้าฮัน!!!

     

     

    ชิชะ!  ตอนแรกมาซะน่ารักทำเค้าอาย   ทำไมมันจบได้ห่วยแตกแบบนี้ว๊า




























    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



    ปวดฟัน~
    ปวดหัว~
    ไข้ขึ้น~
    ง่วงนอน~


    ตอนนี้อาการทุกอย่างมารวมอยู่ในตัวมินคนเดียวแล้ว  จะบ้าตาย   นั่งๆ ตรวจคำผิดอยู่ก็ตาปรือๆ หัวไม่แล่น    แต่งสเปเชี่ยลก็ลบแล้วลบอีกจนแก้ใหม่หมด  พี่นกแนะนำให้ปริ้นท์มาตรวจคำผิดก็งก  กลัวหมึกหมด  เง่อๆๆ



    ความคิดเห็นที่ 9377 (จากตอนที่ 83)
    ขอถามอีกซักข้อนะคะ^^

    ถ้าไม่สั่งตอนนี้+ไม่ได้ไปงานไก่

    แล้วจิทำอย่างไรคะ เพราะไม่รู้ว่าเก็บเงินทันมั๊ยอ่ะ= ="

    แบบ..จะมีสั่งรอบหน้าอีกมั๊ย หรือ หาซื้อได้จากไหนอ่ะค่ะ


    คิดหนักเลย = =;;;  
    การเปิดจองรอบหน้ามินไม่แน่ใจค่ะเพราะถ้ารีปริ้นท์แล้วมันคงไม่คุ้มกับจำนวนคนซื้อ  
    สำหรับหาซื้อได้จากที่ไหนนั้นก็มีเว็บนึงที่จะนำฟิคมินไปขาย   แต่ราคาจะสูงกว่าซื้อจากมิน
    เป็นไปได้ก็อยากให้จองไว้ก่อนค่ะ   มินจะได้พิมพ์ยอดเพิ่ม  ภายหลังถ้าฟิคเหลือหรืออะไรยังไงก็ยังมีขายให้ได้
    สำคัญตรงที่ว่า   ถ้าฟิคเหลือ   มินจะให้คนที่ต้องการภายหลังสั่งซื้อได้จนกว่าฟิคจะหมดค่ะ ^ ^



    PS.  미인이 มิอินอา โบนามานา>< ซาจิบแทบัค
    Name : B.-Silent< My.iD > [ IP : 115.87.82.68 ] 
    Email / Msn: cute_yaoi(แอท)yahoo.co.th
    วันที่: 2 กรกฏาคม 2553 / 18:07



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×