ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -My Sweetheart..You're Everything -KiHae HanHyuk SJ-

    ลำดับตอนที่ #82 : :: Chapter 56 : คิดถึง ::

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.26K
      19
      17 มิ.ย. 53

     

     

     

     

     

    คิดถึง

     

     

     

     

    ฮยอกแจกลับมาบ้านของดงเฮพร้อมกับซองมินหลังจากยกโขยงไปส่งฮันกยองที่สนามบิน   คุณหนูลีได้รับความเอ็นดูจากบิดาของฮันกยองมาแต่ไหนแต่ไรเพราะบ้านนี้ค่อนข้างหัวสมัยใหม่และเข้าใจโลกปนเข้าใจลูก

     

     

    แต่โชคร้ายที่จู่ๆ ลีดงเฮก็หยิบปฏิทินตั้งโต๊ะมากระแทกลงกลางวง   คำว่า วันทำความสะอาดทำเอาซองมินกับฮยอกแจแทบจะจรลีกลับ    ซ้ำร้ายถูกครีบปลาตวัดลากกลับมาที่เดิมให้ช่วยงานทันที

     

     

    ฮยอกแจกวาดบ้าน  

     

     

    ซองมินรอถูพื้น

     

     

    ดงเฮเช็ดทุกอย่างในบ้านให้สะอาดเอี่ยม

     

     

    คนนั่งรอถูพื้นพูดขึ้นลอยๆ “วันก่อนชั้นไปดูดวงมาด้วยแหละ”

     

     

    “เค้าบอกว่าแกกำลังจะมีเคราะห์ชัวร์ๆ   ดูสิ   ไอ้ที่ทำอยู่เนี่ยเคราะห์โคตรๆ”   ฮยอกแจยกไม้กวาดขึ้นมาเขย่า

     

     

    “ฮยอก   ถ้าฝุ่นกระเด็นต้องกวาดใหม่อีกรอบนะ”   เจ้าของบ้านหันมาค้อนงอนๆ

     

     

    “เออว่ะ   ชั้นก็ว่างั้น    แต่เค้าบอกว่าคยูฮยอนจะทำให้ชั้นเสียใจอ่ะดิ”

     

     

    “ไม่เห็นต้องกลัว   ชั้นเห็นหน้าแฟนแกดูก็รู้ว่าหลงแกขนาดไหน   แต่ท่าทางเจ้าชู้ใช่เล่นเลยนะ”

     

     

    “ก็นั่นแหละ   แม่หมอเค้าบอกว่าจะแพ้ภัยผู้หญิง”

     

     

    “จับตอนแม่งเลยเลย”   

     

     

    “ตอนมันแล้วชั้นใช้อะไรล่ะ    ไอ้ไก่โง่”

     

     

    “ฮยอกพูดงั้นมันก็ไม่ถูกนะ   ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวเราเองด้วย   ไปเชื่อดวงอย่างเดียวแบบนั้นมันไม่แฟร์กับคยูฮยอนเลยนะ”

     

     

    “เค้าก็คิดงั้นนะด๊อง   แต่มันก็อดรู้สึกไม่ได้”  

     

     

    “เชื่อใจคนที่มินนี่รักสิ”

     

     

    “โหย   พูดถึงเรื่องเชื่อใจ   ไปเดทกันคราวก่อนแม๊งงง...มองตามหนองโพตางี้แทบหลุด    อารมณ์นั้นอยากจะเหวี่ยงอย่างแรงเหอะขอบอก    แต่ไอ้เพราะเชื่อใจเนี่ยแหละเลยพอคิดได้ว่าเป็นนิสัยของหมอนั่น    ถ้าไม่แอบไปทำอะไรให้เค้าเจ็บเค้าก็จะอดทน”

     

     

    “ถูกแล้วล่ะ”

     

     

    “ไรว้า   เป็นชั้นนะไอ้โหดจมดินแน่ๆ”

     

     

    “พูดผิดมั๊งฮยอก   กดเค้าจนจมเตียงหรือเปล่า”    ดงเฮล้อเลียน   ฮยอกแจค้อนให้วงโต   แล้วก้มหน้าก้มตากวาดบ้านต่อ   เหตุการณ์ในห้องฟิตติ้งคับแคบนั่นวกเข้ามาในหัวชวนให้คิดถึงคนที่อยู่ไกลออกไปเรื่อยๆ บนเครื่องบิน    หนึ่งสัปดาห์ต่อจากนี้คงเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานกว่าเคยของลีฮยอกแจ

     

     

    “แล้วพี่ฮีซอลล่ะด๊อง”   ซองมินถาม   มือก็คว้าขนมยัดเข้าปาก

     

     

    “ไปส่งใบฝึกงานน่ะ”

     

     

    สองชั่วโมงถัดมาชั้นล่างของบ้านเดี่ยวขนาดเล็กก็สะอาดเรียบ   ซองมินกับฮยอกแจลากสังขารตามขึ้นไปหาดงเฮที่จัดห้องอยู่ข้างบน   หนึ่งอวบกับหนึ่งเล็กล้มลงบนเตียงทั้งคู่   “เหนื่อยเป็นบ้าเลย”

     

     

    “เดี๋ยวเราพาไปเลี้ยงขอบคุณนะ”   เจ้าของบ้านหันมายิ้ม   สองคนชอบของฟรีดี๊ด๊าหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง    ดงเฮเอาถุงขยะออกไปวางด้านนอกแล้วกลับเข้ามาเปิดแอร์   ซองมินเหลือบเห็นรูใส่แฟลชไดร์ฟบนสเตอริโอของดงเฮจึงดึงกระเป๋าสู้ตายใบเดียวของฮยอกแจมารื้อ

     

     

     “ไอ้ฮยอก   เอา Mp3 มาหรือเปล่า   ยืมหน่อยนะ”   ซองมินพูดเป็นมารยาท   ส่วนมือน่ะคว้ากระเป๋าฮยอกแจค้นไม่เหลือซาก  “ไอ้ไก่   นี่ซองอะไรอ่ะ”

     

     

    ฮยอกแจเงยหน้ามอง   “พี่ทึกกี้ให้มาอ่ะ   วันนั้นไง   แต่ชั้นยังไม่ได้เปิดเลย”

     

     

    เพียงเท่านั้นลีซองมินก็ฉีกซองดังแคว่ก

     

     

     “อ่า...”  

     

     

     “อะไรอ่ะ”   เจ้าของเขยิบเข้ามานอนดูข้างๆ   พอเห็นหน้าปกเท่านั้นฮยอกแจก็ร้อง   “เอ่อ...”

     

     

     “ทำไมพี่ทึกกี้ถึงมีของแบบนี้อยู่กับตัวอ่ะ”   ดงเฮทรุดลงบนพื้นข้างเตียงแล้วชะโงกหน้าดู   ซองมินนั่งบนเตียง   ส่วนฮยอกแจก็นอนคว่ำดูอยู่อีกคน

     

     

     “แหม่   รายนั้นจะมีของแบบนี้พกไปไหนมาไหนก็ไม่แปลกหรอก   พูดยังกับไม่รู้จักนิสัยเค้างั้นแหละ    ซองมินตอบแบบไม่ใส่ใจ   “สำคัญคือเค้าให้ไอ้นี่แกมาเพื่ออะไรต่างหาก”

     

     

     “อืม    วันนั้นก็คิดจะแกล้งพี่เจย์กันใช่ป่ะ  ... ชั้นรู้ละ!!   ตอนที่พี่ทึกกี้กับพี่ซอลล่ากระซิบกันอ่ะคงแกล้งฮันกยองแหงๆ   ที่ให้มาคงอยากจะเห็นหมอนั่นโวยวายใส่ชั้นเรื่องหนังสือโป๊นี่ล่ะมั๊ง”

     

     

     “แสบจริงๆ”   ดงเฮพูด

     

     

     “แล้วจะเอาไง”

     

     

     “เอาไงอะไรไอ้ไก่   เค้าให้แกมาแล้วนี่”   ซองมินทำหน้าไม่ใส่ใจ    ภาพตรงหน้ามันน่าสนกว่าเยอะ!!

     

     

     “เออ  จริงด้วย”

     

     

     “อึ๋ย   ด๊องดูนี่ดิ   ดูๆๆ”

     

     

     “หือ   ไหนๆ”

     

     

     “ข๊าวขาวววว”

     

     

     คิๆ   มินนี่ทะลึ่ง   อ่ะ..  แต่คนนี้เซ็กซี่เป็นบ้าเลยเนอะ   บิกินี่ตัวจิ๊ดเดียวเอง”

     

     

     “เย๊ย!!   น..หน้านี้ไม่ใส่อะไรเลยอ่ะ   =..=

     

     

     เอ่อ.... ฮยอกอ่า   =////=

     

     

    สามคนสถานภาพเป็นเคะตัวน้อยๆ บัดนี้นั่งส่องหนังสือโป๊กันหน้าสลอน   ฮยอกแจตื่นตาตื่นใจชี้โบ๊บี้เบ๊หัวเราะเอิ๊กอ๊าก   ซองมินจ้องวิจารณ์ขาวๆ อวบๆ สนุกปาก   ส่วนคนที่ไม่น่าจะเป็นไปกับเขานั่งมองตาโตหน้าแดงก่ำ   กอดหมอนหนุนไว้แน่นแล้วใจจดใจจ่อประหนึ่งเป็นละครหลังข่าว    แต่ละครเรื่องนี้คงติดเรทโคตรฉ.ฉิ่งไว้ตัวเบ้อเริ่ม

     

     

    กลับมาจากบ้านดงเฮฮยอกแจก็ได้หนังมาเป็นสิบเรื่อง    นั่งดูจนตาเปียกตาแฉะตั้งแต่สี่ทุ่มยันตีสาม   ปกติทุกคืนฮันกยองจะโทรมาบอกให้นอนได้แล้วเพราะคุณหนูเล็กคนนี้เป็นประเภทถ่างตาเวลาชาวบ้านหลับ   ตอนที่ฮยอกแจดูหนังฮันกยองก็โทรมาหาเลยกด Pause หยุดไปสองชั่วโมงกว่าฮันกยองจะวางสาย   เที่ยงคืนเขาก็ดูหนังต่อจนทนไม่ไหวหลับไปตอนตีสาม

     

     

    ในวันอาทิตย์ครอบครัวลีจะปล่อยให้ลูกชายสองคนทำอะไรตามใจ   แต่ตอนนี้จุนกิอยู่อังกฤษและฮยอกแจก็กำลังนอนหลับอุตุเลยไม่มีใครไปปลุกจริงจัง   คุณนมเคาะประตูสองสามทีเรียกไปทานอาหารเช้าไม่มีเสียงตอบรับก็ตัดใจให้นอนต่อ

     

     

     

     [ ก.กระต่ายซองมิน  ::  Calling  ]

     

     

     

     “อือ”   ฮยอกแจรับงัวเงีย

     

     

     [นี่แกยังไม่ตื่นอีกเหรอ   บ่ายสามแล้วนะเว๊ย]

     

     

     “กว่าชั้นจะนอนตั้งตีสามแน่ะ”

     

     

     [แกคืออมตะ!!  โฮกกกกกก    เข็มวนมาครบรอบนึงพอดี   นอนแบบนี้ตายเลยดีกว่ามั๊ยจ๊ะ]   ไม่ประชดเข้าให้สักดอกก็คงไม่ใช่ลีซองมินสนทนากับลีฮยอกแจ

     

     

     “ก็แหม   ไม่มีคนปลุกอ่ะ”

     

     

     [ปกติใครปลุกแก]

     

     

     “ไอ้โหด”

     

     

     [แหม   ท่าจะเป็นเอามากว่ะ   จะโทรมาถามว่ามีเบอร์ชานซองมะ]   ซองมินถามถึงเพื่อนเก่า

     

     

     “ไม่มี”   ไอ้มีก็มี   แต่คงอยู่ในเฟรนด์ชิพและตอนนี้โคตรจะขี้เกียจหา

     

     

     [แกนี่พึ่งไม่ได้เลยจริงๆ   งั้นแค่นี้นะ   ตายต่อไปเถอะ]

     

     

     “อืมๆ”

     

     

    ฮยอกแจวางสาย   และนอนต่ออย่างที่ซองมินบอกไว้ไม่มีผิด

     

     

     

     

     

    [ ไอ้โหด :: Calling ]

     

     

     

     

     

    “อ๊ากกกกกกก   ชั้นจะได้นอนมั๊ยวะเนี่ย    ยอโบเซโย!!

     

     

     [ย..ยอโบเซโย   ไปโกรธใครมาเนี่ยหนูเล็ก]

     

     

     “อ..อ้าว   นายเหรอ”  

     

     

     [ก็ผมน่ะสิ   คิดว่าใครล่ะ   อย่าบอกนะว่าแอบมีกิ๊กตอนผมไม่อยู่อ่ะ]

     

     

     “ถ้ามีจริงๆ แล้วจะทำไงล่ะ”

     

     

     [พูดจริงเหรอฮยอกแจ!!]  ฮันกยองชักไม่ขำ   พูดดังจนลูกพี่ลูกน้องที่นั่งอยู่ด้วยกันหันมามองด้วยสายตาประหลาด

     

     

     “คิดๆ อยู่ว่าจะเอาด๊องหรือไอ้กระต่ายมากิ๊กดีน่ะ   ช่วยเลือกหน่อยสิ”    ฮยอกแจไม่ยี่หระ   แกล้งต่อจนตาเริ่มสว่าง    ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วยิ้มหวานใส่โทรศัพท์

     

     

     [โห่   ทำผมละเหี้ยใจหมด]

     

     

     “ละเหี่ยไม่ใช่ละเหี้ย   อย่าพูดเพี้ยนได้มั๊ย  =*=

     

     

     [ฮ่าๆๆ   นิดหน่อยเอง   ยังไงผมก็เป็นคนต่างชาตินะ]

     

     

     “แถ   แล้วนี่นายทำอะไร   ตอนนี้ที่นู่นกี่โมง”   คนตื่นกำลังอึนๆ ถามสัพเพเหระไปเรื่อย

     

     

     [บ่ายสองครับ   ผมกินของว่างอยู่กับญาติน่ะ]

     

     

     “กินอะไร”

     

     

     [ติ่มซำ   มีไดฟุกุด้วยนะ    น้องที่อยู่ญี่ปุ่นหิ้วมา    ผมว่าจะเอากลับไปให้หนูเล็กกินด้วย]

     

     

     “ไม่เอาอ่ะ   ชั้นไม่ชอบ   หนืดคอกินแล้วจะอ้วก”

     

     

     [อ่า  งั้นเหรอ]   ฮันกยองหันไปงึมงำภาษาจีนที่ฮยอกแจฟังไม่รู้เรื่องกับญาติตัวเล็กที่นั่งรายล้อม   อนุมานได้ว่าคงหยิบไดฟุกุที่แอบเม้มไว้ส่วนตัวให้น้องๆ เอาไปกินกัน

     

     

     [ม๊าให้สร้อยคู่หยินหยางมาด้วยล่ะหนูเล็ก   เดี๋ยวผมเอาไปให้ใส่]

     

     

     “อืม   ตอนนี้ว่างเหรอ   ไม่มีอะไรทำหรือไง”

     

     

     [ก็กะว่าเดี๋ยวจะไปนอนอ่านหนังสือน่ะครับ   ญาติผมขนหนังสือมาให้เยอะแยะ   มันกระแนะกระแหนผมว่าโง่ด้วย]

     

     

     “คิๆ   เค้าก็พูดถูกแล้วมั๊ง”

     

     

     [แต่มันก็ชมผมว่าหล่อด้วยนะ]

     

     

     “อันนี้เค้าพูดให้นายดีใจเล่นมั๊ง”

     

     

     [หนูเล็กอ่า   ผมไม่หล่อเหรอ]   คนมีความมั่นใจอดเสียเซลฟ์ไม่ได้

     

     

     “หล่อน้อยกว่าชั้น”

     

     

     [ช่างกล้า   ไปส่องกระจกซะหนูเล็ก]

     

     

     “ไม่ส่องชั้นก็รู้ตัว   มองมุมขวาอ่ะสุดหล่อ   มุมซ้ายก็น่ารัก   มองดีๆ เหมือนหลุดมาจากแม็กกาซีนเลยแหละ”

     

     

     [แม็กกาซีนชีวิตสัตว์...?]

     

     

     “ฮันกยอง!!

     

     

    เสียงหัวเราะจากคนที่อยู่ไกลออกไปสร้างความชุ่มชื่นให้คนฟังกระชุ่มกระชวยหัวใจ   ฮยอกแจยิ้มขำคิดถึงคนที่คอยเป็นผัวกวนตัวกวนใจตลอดเวลาอย่างบอกไม่ถูก    ระยะทางที่ห่างไกลเป็นสิ่งที่ทำให้ทั้งสองยิ่งเข้าใจว่าต่างรักและผูกพันกันมากแค่ไหน

     

     

     [ดูแลตัวเองด้วยนะหนูเล็ก]   ฮันกยองทำซึ้ง  

     

     

     “อยู่แล้วล่ะ   พอนายไม่อยู่ชั้นก็ว่าชีวิตคงสงบไปได้สักพัก”

     

     

     [แรง   งั้นผมวางก่อนนะ   คืนนี้จะโทรหา    อย่าดื้อนอนดึกนะรู้ป่ะ]

     

     

     “รู้แล้วน่า   แค่นี้นะ”

     

     

     [จุ๊บๆ]

     

     

    ไอ้โหดทำเสียงน่ารักแล้วตัดสายไปก่อนเพราะอาม่าเรียก   ฮยอกแจยิ้มคำขำมองเวลาที่ขึ้นโชว์ว่าคุยกันไปราวๆ หกนาที    ลุกจากเตียงลงไปหาอะไรกินด้วยใบหน้าแจ่มใสพร้อมหัวใจที่เบิกบาน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ฮีซอล   นี่คุณยูอีเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด    รู้จักไว้สิ”  

     

     

     “สวัสดีครับ”

     

     

    ฮีซอลโค้งศีรษะให้หญิงสาวตรงหน้าเล็กน้อยอย่างสุภาพ    เธอเป็นสาวสวยแถมท่าทางก็ดูเป็นคนฉลาดแถมยังมีหน้าที่การงานที่ดี   สวยแล้วยังเก่งแบบนี้สุดหล่อฮีซอลปลื๊มปลื้ม

     

     

     “สวัสดีค่ะ   ตั้งใจฝึกงานนะคะ”    ยูอียิ้มให้กำลังใจ   ฮีซอลพูดขอบคุณก่อนเธอเดินจากไป    ดวงตากลมมองตามเรียวขาขาวที่โผล่พ้นชายกระโปรงจนหัวหน้าฝ่ายบุคคลกระแอมเตือน

     

     

     “คิมฮีซอล”

     

     

     “แฮ่ๆ”   ก็คนสวยนี่นา  งื๊ดๆ

     

     

    เจย์คิมไปฝึกงานในแผนกวิศวกรดูแลการสร้างโดยตรง   ส่วนฮีซอลถูกโอนมาเรียนรู้งานด้านการออกแบบ   จากที่คิดว่าส่วนใหญ่คงเอ้าท์ดอร์ดูไซร์งานนอกสถานที่เลยกลายเป็นอินดอร์ไปโดยปริยาย

     

     

     “นั่นท่านประธานคุณชเวอึนเฮ    จำหน้าท่านไว้แล้วอย่าเผลอไปทำกริยาไม่ดีล่ะ”   หัวหน้าจางพยักพเยิดให้มองหญิงวัยกลางคนท่าทางใจดีที่เดินผ่านไปอีกด้าน   ฮีซอลรับคำแล้วยิ้มแหย   ดูท่าว่าหัวหน้าจางคงยังไม่รู้สินะว่าเด็กฝึกงานคนนี้น่ะมันเส้นใหญ่แค่ไหน

     

     

    ชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาคุ้นเคยเดินเคียงคู่กับมารดาพลางพูดคุยกันอย่างอารมณ์ดี   ฮีซอลมองไอ้หล่อจ๋าของตัวเองในมาดของคนมีความรับผิดชอบสวมสูทผูกไทด์แต่งกายเนี๊ยบแบบนั้นด้วยสายตาภูมิอกภูมิใจ

     

     

    ฝ่ายบุคคลเลื่อนวันเรียกตัวเขามาฝึกงานเป็นวันนี้ก่อนกำหนดการเดิมถึงสามวัน   แน่ใจได้ว่าซีวอนคงคิดไปว่าเขาจะเรียนรู้งานในอีกสามวันข้างหน้า    แอบดูพฤติกรรมไอ้เด็กหล่อนั่นว่าวันๆ ทำอะไรบ้างก็คงน่าสนุกดีเหมือนกัน

     

     

     “อย่ามองตามท่านอย่างนั้นสิ   นั่นคุณซีวอนว่าที่ประธาน”

     

     

     “งั้นเหรอครับ”

     

     

     “เอ้อ   จริงสิ   เดี๋ยวช่วงบ่ายคุณอิทึกจะเข้ามาฝึกงานที่ฝ่ายบริหารด้วย    นายกับคุณอิทึกก็อายุเท่ากันยังไงก็ฝากดูแลคุณเขาด้วยล่ะ”

     

     

     “ให้ผมไปดูแลไอ้ถึกกี้เนี่ยนะ”

     

     

     “อะไรนะ?”   หัวหน้าจางรู้สึกผิดหู

     

     

     “ให้ผมไปดูแลคุณอิทึกน่ะเหรอครับ”   ฮีซอลคันปากยิกๆ

     

     

     “ไม่ถึงขนาดนั้น   แต่การทำงานของนายบางครั้งก็ต้องปรึกษากับฝ่ายนู้นเขาเหมือนกัน   ชั้นไม่ได้ให้นายไปถวายหัวรับใช้เขาหรอกน่า”   หัวหน้าหุ่นพุงพลุ้ยยิ้มขำกับความคิดนั้น   ก่อนพาเด็กฝึกงานคนใหม่ไปรู้จักกับผู้ฝึกสอนโดยตรงอีกคน

     

     

     “แบลร์   อยู่ไหน”   ภริเมียจอมโหดของคังอินกรอกเสียงขุ่นใส่โทรศัพท์

     

     

     [มาดูงานข้างนอกจ้ะทึกกี้]   หมีหงอทันตา  เจย์คิมที่อยู่ด้วยกันแทบอยากจะตะโกนใส่โทรศัพท์ว่าตะกี้ไอ้หมอนี่เพิ่งจะเหล่สาวไปหลัดๆ

     

     

     “อย่าให้รู้นะว่าแอบไปมองใคร   แค่นี้นะ    กำลังจะเข้าบริษัท”

     

     

     [จ้ะที่รัก]

     

     

    ปาร์คจองซูในชุดนักศึกษาขึ้นลิฟต์ตรงไปชั้นสูงสุดเพื่อพบมารดาก่อนแล้วจึงไปหายูอีที่จะดูแลการฝึกงานของเขาอย่างใกล้ชิดเป็นกรณีพิเศษ   กระจกใสที่กั้นความเป็นส่วนตัวตามตำแหน่งหน้าที่การงานก็เผยให้เห็นว่านอกจากจะมียูอีนั่งอยู่ในห้องนั้นกลับมีอีกคนในชุดนักศึกแบบเดียวกับเขานั่งยิ้มแฉ่งตาหวานมองคนสวยอยู่ด้วย

     

     

    เจ้าคนหน้าสวยผู้พ่ายแพ้ต่อคนสวยอีกทีอย่างฮีซอลเข้ามาเชื่อมสัมพันธ์มองผู้จัดการสาวตาเยิ้ม   เอาอีกแล้วนะซอลลี่ 

     

     

     “สวัสดีครับคุณยูอี”

     

     

     “อ๊ะ   คุณอิทึกมาแล้วเหรอคะ”

     

     

    อีกคนสะดุ้งเฮือก   หันมาเห็นกันจังๆ แล้วฮีซอลก็ทำหน้าปุเลี่ยน   เบ้ปากใส่เพื่อนโทษฐานขัดจังหวะฝึกปรือฝีมือเกี้ยวคนงาม

     

     

     “คุณฮีซอลเชิญกลับไปตั้งใจเรียนรู้งานได้แล้วค่ะ”

     

     

    ฮีซอลพยักหน้าเป็นหมาหงอย    ค้อนตาคว่ำใส่ไอ้คนได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากคนสวยอย่างหมั่นไส้  

     

     เออ!!  ไม่เป็นลูกเป็นหลานประธานบ้างให้แม่งรู้กันไปสิวะ!!!

     

     

    ตลอดทั้งบ่ายฮีซอลตั้งใจเรียนรู้งานในส่วนของตัวเองเต็มที่    อิทึกแว่บมาดูเพื่อนรักทำหน้าจริงจังแล้วก็ยิ้มเผล่กลับไปทำงานส่วนของตัวเองบ้าง 

     

     

    เวลาย่ำเย็นมาถึง   พนักงานส่งเสียงนัดกันจะไปผับต่อไม่ก็ชวนไปช็อปปิ้ง   อิทึกเดินมาหาฮีซอลที่โต๊ะทำงานเพื่อมองเพื่อนรักหน้ามุ่ยใส่

     

     

     “อ๊ากกกก   ชั้นมาเป็นทาสในเรือนเบี้ยแกแท้ๆ เล๊ยไอ้ถึกกี้!!!

     

     

    เหลือกันอยู่สองคนเพราะพนักงานคนอื่นๆ เดินกันออกไปหมดฮีซอลก็โวยวาย

     

     

     “เอ๊า   ตัวเองเป็นคนพูดเองเลยนะว่ามาฝึกที่นี่แล้วเส้นใหญ่น่ะ”

     

     

     “ตอนนั้นมันไม่ทันคิดนี่หว่า   แกจะให้ชั้นบอกว่าไร   เพื่อนว่าที่ประธาน   ลูกสะใภ้ของประธาน    หรือว่าเมียว่าที่ประธาน”

     

     

     “อันท้ายสุด”

     

     

     “เตี่ยแกสิ”   ฮีซอลเขวี้ยงกระดาษทิชชู่ก้อนๆ ในมือใส่อิทึก   คนตาหวานยิ้มเผล่

     

     

     “ไปกินข้าวกัน   ชวนซีวอนไปด้วยนะ”

     

     

     “เออ   แต่ไม่ต้องบอกมันนะว่าเราฝึกงานกันแล้วอ่ะ   ชั้นอยากรู้ว่าไอ้หมอนั่นมันเล่นหูเล่นตากับใครมั่งเปล่า”

     

     

     “อย่างน้องชั้นน่ะเหรอจะเล่นหูเล่นตากับใคร   มีแต่นายนั่นแหละซอลลี่   ไปนั่งจีบคุณยูอีน่ะ”

     

     

     “เฮ้ย   แต่เค้าสวยจริงๆ นะ   นางฟ้าเกาหลีของชั้น...”   ฮีซอลแทบเพ้อ   สุดหล่อคิมฮีซอลผู้มาดแมนแอนด์แฮนซั่มเข้าสิงในบัดดล

     

     

     “เสียใจ    คุณยูอีเธอแต่งงานแล้ว   แถมเมื่อกี้ยังเล่าให้ฟังด้วยว่าวางแผนมีลูกแล้วเรียบร้อย”

     

     

     “ฮ้า!!  จริงเหรอวะ   เสียดายของว่ะ”

     

     

     “นี่แน่ะ   มาทำเสียดาย   ซีวอนได้ยินเข้าน้อยใจตาย”   อิทึกตีมือคนซ่าส์ไปทีนึง

     

     

     “อันนี้ก็ช่วยไม่ได้   พอดีว่าชั้นหล่อเลือกได้   น้องแกก็ต้องทำใจอ่านะ”

     

     

     “ถุย  กล้าพูด”

     

     

    ฮีซอลกับอิทึกไปหาซีวอนที่ห้องทำงานส่วนตัวของชายหนุ่ม   ทันทีที่หล่อจ๋าของคนสวยเห็นว่าใครมาก็ถลาเข้ามากอดซะเต็มรักจนร่างบอบบางจมลงไปในอกกว้าง    ระดมจูบบนริมฝีปากสีหวานที่แสนคิดถึงจนอิทึกอายแทน   ฮีซอลเองก็คงจะคิดถึงไอ้เด็กหล่อสุดที่รักไม่แพ้กันถึงได้เล่นจูบตอบซะถึงใจฟาดฟันลิ้นต่อลิ้นจนแทบละลายลงไปนอนแล้วนัวเนียกันต่อบนโต๊ะทำงาน

     

     

     “นี่   พอใจเมื่อไหร่ก็ส่ง SMS มาบอกด้วยแล้วกัน   จะนอนรอ”

     

     

    นางฟ้าเกาหลีของฮีซอลหายไปสิ้นเหลือเพียงผู้ชายที่หล่อที่สุดในเกาหลีเข้ามาแทนที่   หล่อจ๋าสวยจ๋าสบตากันหวานเยิ้ม

     

     

     “ถ้าพวกนายจูบกันต่อชั้นจะหลับรอของจริงแน่”

     

     

    คนคู่ไม่อยู่ไม่รู้หรอกว่าบรรยากาศให้ห้องนี้หวานแหววแค่ไหน   ยิ่งมีร่างนุ่มนิ่มอยู่ในอ้อมกอดซีวอนก็ชักจะอยากพาสวยจ๋ากลับบ้านไปโดยไว    คิดถึงเนื้อเนียนขาวๆ ใจจะขาดแล้ว

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ช่วงสามทุ่มฮันกยองโทรมาหาตามที่บอกเอาไว้   ฮยอกแจกำลังดูหนังเรื่องเดอะดัชเชสในขณะที่ชายหนุ่มนอนอ่านหนังสือที่ญาติให้มาเพลินๆ    ทั้งที่ต่างคนต่างก็มีสิ่งที่กำลังทำแต่ฮันกยองก็ยังยืนยันว่าอยากจะได้ยินเสียงลมหายใจของอีกฝ่าย  

     

     

     “น่าสงสาร”   ฮยอกแจพึมพำกับตัวเอง

     

     

     “ตกลงไอ้นี่มันโกงเหรอวะเนี่ย”   ฮันกยองก็งึมงำกับเนื้อเรื่องที่กำลังอ่านอยู่เหมือนกัน

     

     

    พอถึงห้าทุ่มฮันกยองได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของน้องอ่อนแอก็เงี่ยหูฟัง   แน่ใจว่าฮยอกแจคงหลับไปแล้วจึงได้กล่าวราตรีสวัสดิ์พร้อมจูบเบาๆ ผ่านโทรศัพท์   กดวางสายและหลับตาลงด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความห่วงหา

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    งานเยอะมากกกกก!!!!!!!!!

    คือแทบกระดิกตัวทำอะไรไม่ได้เลย    เวลาพักก็ไม่มี

    เรียนจันทร์-เสาร์เต็มวัน   วันอาทิตย์ก็มีงานนู่นนี่   พอกลับมาถึงบ้านเย็นๆ วันอาทิตย์ก็สลบอ่ะ   ตื่นมาอีกที      โอ๊วเช้าวันจันทร์   เสื้อยังไม่ได้ซัก - -*

     

     

     

    เรียนม.ปลายเหมือนจะหนักมั่งไม่หนักมั่งนะ   มินเรียนคำนวณ  

    การบ้านไม่ค่อยมีแต่เลิกช้า    แถมกลับบ้านช้าอีก    โฮกฮาก

    โรงเรียนมินมีม.6 ห้องเดียว  ม.5ห้องเดียว   ม.4 สองห้องวิทย์-คณิตกับศิลป์คำนวณ   รวมม.ปลายทั้งหมดมี 4 ห้อง   โรงเรียนไหนเป็นแบบนี้บ้าง  = =

    วันนี้มีสอบคณิตค่ะ   คณิตเพิ่มเรื่องหาค่าความจริง  T F อะไรนั่น  

    เรื่องนี้มินชอบนะ   แต่มินเป็นประเภทโคตรสะเพร่า   กว่าจะจำมีทีกรณเดียวเอฟกรณีเดียวทีเอฟเอฟเอฟได้ก็มึนอยู่นาน

    พอมีสอบก็นั่งงมทำไป   ทำอย่างมั่นใจซะด้วย

    ไปๆ มาๆ ตอนส่งข้อสอบก็แบบ   เห๊ย!!!   ทำไมคำตอบชั้นไม่เหมือนชาวบ้านวะ!!!!

    แต่คือส่งไปแล้วอ่ะ   จะแก้ก็ไม่ได้   ครูยังมองหน้าแล้วถามว่า   “(ชื่อจริงมิน)มั่นใจเหรอ”

    ตอนนั้นสติแตก - - แต่ทำอะไรไม่ได้

    พอกลับมานั่งทำอีกรอบมันก็ได้ค่าเดิม   เลยช่างแม่งแล้ว

    แต่ตอนเย็น   คืนกระดาษสอบ

    โอ๊วจ๊อชชชชช     หนูเต็มค่ะ!!!  

    กรีดร้อง   อารมณ์แบบโนบิตะได้ร้อยคะแนนอ่ะ   นั่งดูเป็นสิบๆ รอบอ่ะแผ่นนั้น    คิคิคิ

     

     

    อาร์ตติ่งองไรเตอร์มันอาร์ตจริงๆ ค่ะ -*-

    ปกฟิคที่มันวาดให้ก็แก้หัวคยูฮยอนแล้วแก้หัวคยูฮยอนอีก    แถมช่วงลงสีนี่อารมณ์แบบ ..  โอย   ชั้นจะเอาสีไหนดี   มีเป็นพันแต่ตรูเลือกไม่ถูกเลย  =[]=

    ถ้าปกฟิคไม่ถูกใจมินละเลงเองนะ   อยากทำแบบที่เป็นสีขาวแล้วมีรูปตรงหน้าปกเป็นสีเหลี่ยมขอบฟุ้งเหมือนนิยายแจ่มใสผู้ใหญ่ๆ อ่ะค่ะ    มินชอบ    ส่วนเล่มสามเป็นปกการ์ตูน   ปัจจุบันกดขี่ให้อาร์ตติ่งวาดรูปประกอบเนื้อเรื่องในเล่มเป็นสเปเชี่ยลพิกเจอร์ให้ท้ายเล่ม 3 อยู่

    แต่ขอจัดการเนื้อหาก่อน   (อันนี้สำคัญ)

     

    ขายงาน KFC แน่นอนค่ะ   ชื่อบูธสวีทฮาร์ท   ไม่รู้อะไรกับคำนี้นักหนา   555+

    โคตรรักและนับถือไรเตอร์เวดดิ้งและไรเตอร์สายด่วนเลยให้ตายเถอะ   คำนับ  (_ _)

     

     

     

     

    อีกประมาณ 1 อาทิตย์   เมื่อมินจัดการเนื้อหาได้  T T   วันนั้นจะได้รู้กันว่ามันจะทั้งหมดกี่หน้า    เสียวอยู่ว่าอาจยัดสเปได้แค่นิดหน่อยเพราะเนื้อหา  มันเยอะมาก!!!!     หนาสะบู้สุดๆ อ่า

     

     

     

    รู้สึกเหมือนโดนแฟนฟิคทิ้งไงก็ไม่รู้สิ   งื๊ดๆๆ    ความรู้สึกแบบนี้มันทำอะไรไม่ได้เลย  

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×