ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -My Sweetheart..You're Everything -KiHae HanHyuk SJ-

    ลำดับตอนที่ #79 : :: Chapter 54 : ไม่ทันตั้งตัว ::

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.58K
      16
      20 พ.ค. 53

     

     

    ไม่ทันตั้งตัว

     

     

     

     

     

    ช่วงสายซีวอนเดินตามมารดาเข้ามาในดึกระฟ้าที่ตั้งบริษัทชเวกรุ๊ป   ชายหนุ่มถูกชเวอึนเฮปลุกแต่เช้าเพื่อให้เข้ามาช่วยดูแลงานในส่วนของผู้บริหาร   ตั้งแต่สามปีก่อนที่พ่อของเขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุพร้อมกับบิดาของอิทึกนั้นชเวอึนเฮกับปาร์คเฮียวรินก็จับมือกันร่วมทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาสถานภาพของบริษัทให้กลับมามั่นคงเหมือนเก่า   ชเวซีวอนเลยไม่คิดอิดออดในการเรียนรู้งานและพร้อมเสมอที่จะก้าวขึ้นไปเป็นประธานบริษัทในสักวันหนึ่ง   แน่นอนว่าต้องมีชื่อของปาร์คจองซูขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสองเช่นกัน

    “ถ้ายังไงปิดเทอมแล้วก็มาลองทำงานดูก่อนนะซีวอน   ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเข้าใจ    การตลาดมีคุณยูอีเป็นผู้รับผิดชอบ   คนนี้ไว้ใจได้   ถ้ามีอะไรก็ถามเธอ    งานอื่นๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะส่วนไหนไม่เข้าใจค่อยถามแม่   โอเคนะ”

    “ครับ   เห็นว่าตอนนี้มีพิมพ์เขียวบ้านอยู่ไม่ใช่เหรอครับ   ไว้ผมลองออกไปดูก็น่าจะดีนะครับ”

    “ตามใจแล้วกัน   งั้นแม่ไปทำงานแล้วนะ   เอาไว้เย็นๆ ก็ชวนหนูฮีซอลมาที่บ้านสิ   แม่ล่ะคันไม้คันมืออยากจับทำผมซะจริงๆ”

    “ไม่เอาเค้ามาเป็นลูกซะเลยล่ะครับ   เอ็นดูกันจริงนะ”   ซีวอนแกล้งทำน้อยใจ   คุณนายชเวมองหน้าลูกชายขี้อ้อนพลางส่ายหัว   หมุนตัวเดินจากไปและทิ้งท้ายคำพูดไว้ให้ซีวอนได้อมยิ้มเล่น

    “ก็ลูกชายตัวเองหาคนมาเป็นลูกสะใภ้ให้แล้วนี่จ๊ะ   ถ้าไม่ให้รักไม่ให้เอ็นดูแล้วจะให้ทำอะไรล่ะ   ฮิๆ”

    หากถามว่าทำไมอึนเฮถึงไม่ตะขิดตะขวงใจและรับได้กับการที่มีสะใภ้เป็นผู้ชาย   เธอหรือแม้กระทั่งแม่ของอิทึกก็คงจะตอบเป็นเสียงเดียวกัน   การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่พรากเอาความสุขและคนสำคัญในชีวิตไปนั้นเป็นสิ่งที่คอยเตือนใจได้เป็นอย่างดี   หากทุกวันนี้ลูกชายของเธอยิ้มได้เพราะมีคนๆ นั้นไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม   เธอก็จะยอมรับและดูแลคนที่ลูกรักอย่างดีที่สุด   เธอไม่ได้อยู่กับลูกชายคนนี้ตลอดไป    อะไรที่ทำให้ซีวอนมีความสุขคนเป็นแม่พร้อมจะกระทำมันทุกอย่าง

     

     

     

     

     

     

    .

    .

    .

     

     

     

     

     

    คิบอมกับดงเฮไปส่งญาติของชายหนุ่มที่สนามบิน    ตลอดทางแทยอนกับทิฟฟานี่พากันร้องแซวดงเฮกันเสียสนุกปากจนลิ้มหน้าหวานหน้าแดงเถือก   จะมีอะไรถ้าไม่ใช่เรื่องคืนนั้น   แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพูดถึงเรื่องคืนก่อนแล้วเรียวอุคถึงได้ค้อนปะหลักปะเหลือกให้พวกเขาทั้งสี่คนแบบนั้น    ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำอะไรให้งอน    

    แถมวันนี้คิบอมยังแฟชั่นลิซึ่ม    เล่นใส่เสื้อคอปาดตามด้วยผ้าพันคอที่อวดรอยแดงๆ ที่แสนภูมิใจนั้นหรา  จงใจโชว์ให้แทยอนกับทิฟฟานี่เห็นจะๆ ด้วยการดึงผ้าพันคอลงนิดหนึ่งตอนกำลังจะกลับ   พอสองคนนั้นจากไปถึงได้จัดมันให้เข้าที่เข้าทางเหมือนเดิม   

    เจ้ามักเน่น้อยร้องไห้กระซิกๆ กลางสนามบินเหมือนทุกปีที่ผ่านมา   คิบอมลดตัวลงจูบหน้าผากเล็กของน้องชายอย่างเอ็นดู   แต่พอดงเฮจะทำแบบนั้นบ้างเรียวอุคก็เขย่งปลายเท้าและจุ๊บตอบที่ริมฝีปากบางๆ นั้นหนึ่งที  

    ถ้าไม่ติดว่าเป็นน้องคงถูกคิบอมบีบคอตาย   กล้าดียังไงมาจูบแฟนเขา

    “จุ๊บๆ นะฮะ”

    เด็กน้อยพูดเป็นคำสุดท้ายก่อยที่จะจากกัน   จงใจเอ่ยกับดงเฮโดยเฉพาะเลยล่ะมั้ง   สองแขนวาดขึ้นบนศีรษะทำเป็นท่าซารางเฮแล้วยิ้มกว้างให้   เรียวอุคเดินไปจับมือทิฟฟานี่ที่ยืนรอและเดินเข้าเกตไปด้วยกัน

    แล้วพบกันใหม่นะคิมเรียวอุค ...

    คิบอมขับรถกลับไปที่คอนโดทันทีหลังจากนั้น   ร่างสูงลงไปนอนกลิ้งบนเตียงแล้วพึมพำกับตัวเองอย่างเหนื่อยอ่อน   การดูแลเรียวอุคในช่วงเวลาสั้นๆ นี่เหนื่อยเป็นบ้าเลย

    ชายหนุ่มถูกดงเฮใช้เท้าเขี่ยๆ ซากเขาแล้วไล่ให้ไปอาบน้ำ   ทานข้าวเย็นเสร็จจะได้ไปส่งเขาที่บ้านสักที   วันนั้นพอได้คุยกับฮีซอลก็กลับมาเปิดประเด็นกับคิบอมอีกครั้ง   เหมือนเคยที่ชายหนุ่มไม่ยอมให้กลับแต่หนนี้ดงเฮไม่เหมือนก่อน   คนสวยยื่นคำขาดว่าถ้าไม่ให้กลับบ้านแล้วจะโกรธจริงๆ คิบอมเลยจำใจต้องยอม

    นอกจากเสื้อผ้าที่ไม่ได้เก็บกลับไปด้วยแล้วยังมีผ้าปูที่นอนลายนีโม่นี้อีกอัน   คิบอมเฝ้าดูจนร่างบางหายลับเข้าไปหลังประตูจนปลอดภัยและกลับมานอนอีกครั้งก็ต้องขมวดคิ้วมุ่น   ตากลมๆ ของปลาตัวส้มจ้องเขม็งมาที่เขา   คนไม่ถูกชะตากับตัวการ์ตูนถอนหายใจน้อยๆ อย่างโหยหาใครบางคนที่ชื่นชอบปลาตัวนี้เป็นชีวิตจิตใจ    คิบอมล้มตัวนอนแล้วคว้าหมอนใบที่มีกลิ่นหอมเรือนผมนุ่มของดงเฮมากอดแรงๆ    ดวงตาคมปรือปรอยใกล้จะหลับเต็มที   จมูกก็สูดรับกลิ่นอายหวานๆ นั้นไปเรื่อย   ฝังจูบบนหมอนเสร็จห้วงแห่งนิทราก็เข้ามาครอบคลุมไปทั่วบริเวณ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

    .

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ซองมินยืนดูพรีวิวหนังที่กำลังจะเข้าฉายและฉายอยู่ในขณะนี้อยู่หน้าโรงหนังเพื่อรอคยูฮยอนซื้อตั๋ว   มีการ์ตูนหนึ่งเรื่อง  แอคชั่นสอง  ดราม่าหนึ่ง  และหนังประเภท 18+ อีกหนึ่งเรื่อง

    ซองมินสนใจแต่ภาพยนตร์อีโรติกยืนอ่านเรื่องย่ออย่างตั้งใจ   เนื้อหาเรื่องนี้คงแรงและมีฉากหวือหวาเยอะพอสมควร   ดีหน่อยตรงที่มีนักแสดงชื่อดังร่วมแสดงมากมาย

    “ถ้าไม่มีดาราพวกนี้เล่นก็หนังโป๊ดีๆ นี่เอง   เอ๊ะ   หรือว่าคยู...”

    “มาแล้ว”   คยูฮยอนยื่นตั๋วให้ถือในขณะที่เขามีป๊อปคอร์นและน้ำอัดลมอยู่ในมือ   ซองมินอ่านชื่อภาพยนตร์บนตั๋วหนังเสร็จก็พ่นลมใส่คยูฮยอนไปที

    “ไอ้หื่น -*-”   กะแล้วว่าต้องดูเรื่องนี้   ก็นางเอกน่ะเอ็กซ์สะบัดไปเลยน่ะสิ

    หนังเริ่มฉายไปได้สักพักคยูฮยอนที่คอยกวนใจมาตลอดก็เริ่มดูนิ่งๆ   ซองมินส่ายหัวกับพล็อตเรื่องที่พอจะเดาออกได้ว่าท้ายสุดแล้วใครจะปั่นแปะกับใครบ้าง   เหลือบตากลมๆ มองผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างกายแล้วก็ยัดป๊อปคอร์นเข้าปาก   ทีเรื่องพรรค์นี้ล่ะสนใจเชียวนะ

    จนมาถึงกลางเรื่องซองมินก็แทบจะตบเข่าฉาด   คิดไม่ผิดจริงเชียวกับการคาดการณ์ของเขา    นางเอกเริ่มไล่มือคล้ายจะเล่นปูไต่ที่อกผู้ชายอีกคนแล้ว   อีกสองนาทีไอ้คู่นี้มันต้องอื้ออ้ากันอีกรอบแน่

    แต่เอ๊ะ...

    ตาใสตวัดไปมองชายหนุ่มข้างกายที่จ้องมองมาอย่างมีความหมาย    ซองมินไม่ใช่เคะใสไร้สมองที่พอจะเดาไม่ออกว่าคยูฮยอนคิดอะไรอยู่ในใจ   ไอ้ที่จงใจให้เขาดูเรื่องนี้ด้วยก็คงเป็นเพราะอยากจะมาทำอะไรในที่แบบนี้สินะ   

    “อะไร”  ซองมินแกล้งถาม

    “ยังทำเป็นไม่รู้อีก   นายออกจะรู้ใจชั้น”

    “อย่ามาทำอะไรในที่แบบนี้ได้มั๊ย    ชั้นไม่ใช่คู่ขานายนะ”   เสียงใสกระซิบขู่ฟ่อๆ

    “คู่ขาไม่ทำแค่จูบหรอก   นายเป็นแฟน   ทำแค่จูบก็ได้”

    “ไม่เอา”

    “น่านะ   ตื่นเต้นดีออก   คนอื่นก็ทำกันเยอะแยะ”

    คยูฮยอนเกลี้ยกล่อมจนซองมินเริ่มคล้อยตาม   มันเป็นประสบการณ์ที่เมื่อก่อนเขาก็เคยคิดว่าอยากทำบ้างเมื่อมีแฟน   แต่คงจะดีกว่านี้ถ้าหนังที่ดูมันไม่ติดเรทและไอ้คยูฮยอนนี่มันไม่แลบลิ้นมาเลียริมฝีปากเขาอย่างหื่นกระหายแบบนี้   

    “นายต้องทำให้มันโรแมนติกนะ   ไม่งั้นชั้นจะโกรธนาย”

    “ระดับไหนแล้ว   ได้ยังอ่ะ”

    “อือ”

    สำหรับซองมินคงไม่มีความเขินอายมาเป็นอุปสรรคในการแสดงความรัก   นิสัยอยากรู้อยากลองกล้ารักกล้าแลกแบบนี้น่ะถือเป็นเอกลักษณ์   และคยูฮยอนก็รู้ดีถึงได้กล้าพูดและกล้าทำสิ่งที่ใจนึกอยากกับคนๆ นี้ได้ทั้งหมด

    ริมฝีปากหนากดจูบลงมาด้วยความอ่อนโยนและถวิลหาลงบนเรียวปากเล็กรูปกระจับสีชมพูหวาน   คยูฮยอนจับดวงหน้าเล็กไว้ด้วยฝ่ามือทั้งสองอย่างนุ่มนวล   มือขาวเกาะไว้ที่ไหล่หนาเพราะอารมณ์ที่เคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบและเสียงครางแว่วหวานที่ดังเข้าหู

    คยูฮยอนนัวเนียกับริมฝีปากรสหวานนั้นอย่างร้อนแรงและเรียกร้องให้ซองมินสนองตอบอย่างถึงใจไม่แพ้กัน   เพลิดเพลินและตื่นเต้นจนชายหนุ่มได้ยินเสียงหัวใจของคนที่เขารักเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ   พยายามยั้งใจไม่ให้เลื่อนริมฝีปากต่ำไปกว่านี้   หากอะไรๆ เข้าด้ายเข้าเข็มจนเกินไปจะเป็นคยูฮยอนเสียเองที่ผิดคำพูดและปลดผ้าซองมินออกตรงนี้

    เนิ่นนานกว่าคยูฮยอนจะยอมถอนจูบ   ซองมินแก้มแดงก่ำสีหน้าบ่งบอกถึงความตื่นเต้นและพอใจ   คนน่ารักตามมาจูบเบาๆ ที่มุมปากซับคราบรักที่ติดอยู่ให้อย่างน่ารัก   คยูฮยอนยึดมือนั้นมาประสานและกดดวงหน้าน่ารักให้เอนซบมาทางตัวเอง   ทำทุกอย่างให้โรแมนติกอย่างที่ซองมินต้องการอย่างเต็มใจ

    ดูหนังจบก็พากันไปหาอะไรกินต่อ   ซองมินอ้อนจะกินซูชิให้ได้หลังจากเถียงกับคยูฮยอนที่อยากจะกินสปาเกตตี้   สุดท้ายชายหนุ่มก็ต้องตามใจเพราะซองมินสะบัดหน้าขวับจ้ำอ้าวหนีแล้วทิ้งเขาไว้ตรงนั้น   แถมยังพูดซะอีกว่าแยกกันกิน   เหวี่ยงมาซะขนาดนี้คยูฮยอนจะทำอะไรได้

    ระหว่างทานใช่ว่าซองมินจะไม่เห็นคนเจ้าชู้ยักษ์ส่งสายตากรุ้มกริ่มอันติดเป็นนิสัยค่อนสันดานไปให้หญิงสาวที่นั่งอยู่อีกโต๊ะ   ซองมินแทบจะเขวี้ยงตะเกียบใส่หน้าแต่ก็อดทนไว้    ไม่เคยลืมว่าคยูฮยอนมีผ่านโลกรักมาโชกโชนขนาดไหน   แม้คยูฮยอนแอบเหล่สาวไปเรื่อยแต่ตราบใดที่เขาไม่นอกใจนอกกายก็จะพยายามไม่ก้าวก่ายอะไรนัก 

    แต่อย่าให้จับได้แล้วกันว่าแอบไปทำอะไรลับหลัง    ไม่ตายดีแน่โจวคยูฮยอน!!!

    ซองมินซื้อกำไลเงินที่มีจี้รูปหูกระต่ายมาใส่ในขณะที่คยูฮยอนได้นาฬิกามาสองเรือน  

    “นาฬิกาก็ใส่อันเดียวแท้ๆ ซื้อมาทำไมตั้งสองอัน   ที่บ้านก็มีอีกเพียบ”   คนใช้เงินเป็นกระแนะกระแหนเข้าให้

    “นายนี่บ่นเก่งนะ   จะเป็นเมียหรือเป็นแม่ฮะ”

    “มีลูกแบบนายเอาขี้เถ้ายัดปากไปนานแล้ว”

    “อ้าว”

    “คยูๆๆๆ”   ซองมินกระตุกแขนที่ควงอยู่ยิกๆ    “หมอดูๆ”

    “แล้วไง”

    “ดูดวงกันเหอะ   ชั้นอยากดู”

    “งมงายน่ามินมิน   กลับเหอะ”

    “ชั้นอยากดูนี่   จะกลับก็กลับไปปะ”   พูดแค่นั้น   แต่แทนที่จะปล่อยมือก็กลับจับแขนคยูฮยอนไว้แน่นแล้วลากมาด้วย   คยูฮยอนก็ได้แต่อมยิ้มกับท่าทางน่ารักกวนๆ ของซองมินแล้วยอมเดินตามมาด้วย

    “กลับเหอะมินมิน”   คยูฮยอนบอกอีกครั้งเมื่อเห็นหญิงสาวใต้ผ้าคลุมหน้าสีเลือด   ตามหลักนักพยากรณ์ทั่วไปเป๊ะๆ  มีลูกแก้วใสปิ๊งใหญ่เท่าหน้าคนตั้งอยู่เบื้องหน้า

    “เอ๊ะ   อย่าขัดสิ”

    ซองมินนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับแม่หมอ   คยูฮยอนส่ายหน้าหน่ายๆ แล้วอ่านป้ายด้านบน

    เดาดวงแม่นๆ กับแม่หมอเค.ดี.

    “คยูมานั่งนี่”  ซองมินดึงมือชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังให้มานั่งข้างๆ กัน   คยูฮยอนขมวดคิ้วใส่หญิงสาวตรงภายใต้ผ้าสีเข้มที่ปิดแทบครึ่งหน้าจนเห็นแค่ดวงตา   ยังไม่ทันที่ซองมินจะได้ถามอะไรเพราะมัวแต่สนใจคยูฮยอนแม่หมอท่าทางลึกลับที่นั่งนิ่งมาตลอดก็ชี้นิ้วอันสั่นเทามายังคยูฮยอน

    ไอ้หนุ่มนี่น่ะ   ดวงจะซวยเพราะผู้หญิง   ดวงไม่ถูกกับผู้หญิงเอาซะเลย    เพียงแค่ทักออกมาคำแรกคยูฮยอนก็หน้าหงิก  

    แม่หมอผิดแล้วล่ะฮะ    ผู้หญิงน่ะของชอบ   ซองมินแขวะ    คยูฮยอนย่นหน้าใส่ซองมินแล้วหันมาพูดกับหญิงพยากรณ์

    “มั่วน่าป้า”  

    ป้าเลยเรอะ   ...คนใต้ผ้าคลุมสะอึกในใจ

    เอ้า   ไม่เชื่ออีก   เอาวันกับเดือนเกิดมา”

    “เป็นหมอดูทำไมไม่รู้ล่ะ   ต้มตุ๋นหรือเปล่าป้า”

    “วันที่ 3 กุมภาพันธ์ฮะ”   ซองมินตอบทันควัน  

    “มินมิน   อย่าเอาวันเกิดชั้นให้ยัยป้านี่ไปทำอะไรยังงั้นสิ”

    “นายน่ะเงียบเถอะน่าคยู”

    นักพยากรณ์จ้องหน้าคยูฮยอนพลางงึมงำๆ กับตัวเองไปพลาง  คยูฮยอนเริ่มคิดในใจว่ายัยนี่คงบ้าแต่ซองมินกลับมองว่ามันน่าตื่นเต้น    และในที่สุดเธอก็เปิดปาก

    “คอยดู   ไม่พ้นสามเดือนจะแพ้ภัยหญิงสาว

    ถูกฟันแล้วทิ้ง?”   ซองมินแขวะอีก

    บ๊ะ   นังหนูนี่แก่นแก้วน่ารักดีจริง   ซองมินหันไปยิ้มเย้ยให้คยูฮยอนอย่างคนมีชัยปนสะใจ

    แล้วต้องทำไงล่ะ   ชายหนุ่มลองเชิง   ชักจะตงิดๆ กับไอ้คำทำนายทายทักนี่แล้ว  

    ไอ้หนุ่ม   คนแบบแกน่ะจะมีภัยเพราะผู้หญิงตั้งแต่วันเกิดจนวันตาย   แม่ไม่เคยเล่าให้ฟังเหรอว่านางพยาบาลที่ทำคลอดน่ะเกือบจะทำแกตาย”  

    “เคย”   คยูฮยอนหลุดปากพูดออกมา   ซองมินกัดปากตาโตรู้สึกเหลือเชื่อ

    “แล้วจะให้ทำไง”   คนเริ่มเชื่อชักหวาด   ทำไมยัยป้านี่แม่งแม่นขนาดนี้วะ

    “ทางที่ดีเอานังหนูคนนี้เป็นเมียไปชั่วชีวิตจะดีกว่า    หนทางแก้เคล็ดที่ได้ยินทำเอาคยูกี้กับมินมินหันมามองหน้ากัน   รู้สึกตัวแล้วว่าไม่ควรดูถูกย้ยป้าหน้าใต้ผ้าคลุมนี่อีกแล้ว   เดาเรื่องแม่นราวจับวาง   รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีสัมพันธ์กันแบบไหน

    แล้วคนนี้ล่ะป้า   เกิดวันปีใหม่พอดี

    ดวงนังมันหนูข่มผัว   เสน่ห์มารยารึผัวรักผัวหลง    ได้ยินซองมินก็ยิ้มกริ่ม  หันไปเจอคยูฮยอนที่ทำหน้าเหมือนคนเห็นผีแล้วขำแทบบ้า

    แต่ใจแข็งเหลือเกิน   กว่าจะได้กันนี่เหม็นหน้ากันมาก่อนล่ะสิ

    “อ่า  ก็ใช่ฮะ   แม่หมอแม่นเป็นบ้าเลย”

    “หุๆ  ของมันแน่”

    “แล้วอนาคตผมจะเป็นยังไงฮะ  จะได้เกียรตินิยมมั๊ย   ได้ไปญี่ปุ่นหรือเปล่า   เค้าจะเปลี่ยนไปหรือเปล่าฮะ”   คำถามข้อสุดท้ายซองมินพูดเบาๆ ให้ได้ยินกันสองคน

    แม่หมอบอกละเอียดขนาดนั้นไม่ได้หรอกนังหนู   ทำไปเถอะ   โตแล้วจะได้ดีเอง   แต่จำไว้นะ   วันไหนที่ไอ้หนุ่มคนนี้มันทำให้หนูเสียใจแต่หนูยังรักมันก็ค่อยกลับมาหาแม่หมอที่นี่

    ไม่มีวันซะหรอก   คยูฮยอนสวนขวับ   เขาน่ะเหรอจะทำให้ซองมินเสียใจอีกรอบ   ฝันเหอะ!!

    ปากอย่างนี้ไงถึงเจอดี   เฮอะ

    เคฮะ   วันไหนเค้าทำผมเสียใจแล้วผมจะมาให้แม่หมอช่วยนะฮะ

    บ๊ะ!!  นังหนูนี่มันน่ารักจริง!!!

    คยูฮยอนจ่ายค่าดูดวงของเขาไปแปดพันวอนแต่สำหรับซองมินแม่หมอคนนั้นบอกดูให้ให้ฟรีทำเอาชายหนุ่มหน้าหงิก    ยิ่งซองมินหัวเราะคิกคักขำเขาเท่าไหร่คยูฮยอนก็ยิ่งหมั่นเขี้ยวมากขึ้นเท่านั้น   

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ดงเฮวางสายลงจากการคุยโทรศัพท์กับมารดา   ปิดเทอมนี้เขาถูกคะยั้นคะยอให้กลับไปอยู่ที่จีนเหมือนทุกครั้ง   จะแย่ก็ตรงที่ขนาดดงฮวาไม่เคยสนใจเรื่องนี้ก็ยังบอกเองด้วยว่าอยากให้กลับไป   ตากลมฉายแววครุ่นคิดระคนหนักใจ   เหลือบมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้านด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวกันสองคน

    “บอกพ่อมึงเถอะไอ้เจย์   กูไม่เอาด้วยแล้ว”

    “เออ  กูก็พอเหมือนกัน   จะอ้วก”

    ฮีซอลกับเจย์ทิ้งตัวลงบนโซฟา   กัดกันต่อหลังจากทะเลาะกันมาตลอดทาง

    “กูว่ารอเจอตัวมันเป็นๆ แล้วกัน   กูท้อแท้กับมึงรุนแรงมาก”

    “เออ”

    เชื่อแล้วว่าไอ้ห้วนนี่มันแน่จริง   พูดน้อยต่อยหนักปากหมาสันดานแบ๊วรัก   กะอีแค่ลองให้มันโทรหาจุนกิแล้วคุยกันไอ้ตายด้านนี่ยังเอาแต่เงียบ   เงียบ   แล้วก็เงียบ    ประสาทจะแดกให้พูดอะไรแล้วมันก็เงียบ   จุนกิก็เหมือนกัน   รายนั้นก็ถามคำตอบคำ    จะรอดมั๊ยฟะเนี่ย

    “พี่ฮีซอล   แม่จ๋าเพิ่งโทรมาบอกว่าปิดเทอมให้กลับไปจีน”

    “แม่แกไม่ใช่แม่ชั้น”

    “คุณนายคิมของพี่ด้วย   เค้าก็คงช่วยกันเอาตัวเรากลับไปนั่นแหละ”

    “เออ  แล้วแกว่าไง”

    “ผมก็คงต้องกลับ   แต่อาจจะชวนคิบอมไปนู่นด้วย”

    “เออๆ   ชั้นไม่ไปนะ   แต่เดี๋ยวจัดการเอง”

    “โหย   ทำไมอ่า   ผมกลับพี่ก็กลับกับผมดิ   จะให้ผมนั่งเครื่องคนเดียวเหรอ”

    “ก็เพิ่งบอกหยกๆ ไม่ใช่ว่าคิบอมมันจะไปด้วย”

    “ยังไม่แน่ใจเลย   ถ้าไปจริงๆ ก็ต้องให้คิบอมนอนโรงแรม”

    “วุ๊ย   นั่นมันเรื่องของแกแล้วไอ้ปลาเน่า   ชั้นยุ่งๆ ด้วยพักนี้    อีกสองอาทิตย์ถึงเวลาฝึกงานแล้วยังหาที่ไม่ได้เลยเนี่ย”

    “เออว่ะ   ชั้นลืมเรื่องนี้ไปเลย”   พอสำเหนียกได้ว่าดงเฮก็อยู่ในห้องนี้เจย์เลยใช้คำพูดเทือกนี้   แต่ถ้าอยู่กับฮีซอล  อิทึก   หรือคังอินมีอันต้องพ่อมึงแม่กูวะโว๊ยวุ่นวายกันไปหมด

    “ไม่เห็นยาก   พี่ก็ไปบริษัทพี่ซีวอนสิ   พี่อิทึกก็มีบริษัทของตัวเอง   ทำไมต้องหาที่อื่นให้วุ่นวาย”  ดงเฮพูดหน้าบูดๆ   ขัดใจที่ฮีซอลจะไม่กลับไปจีนพร้อมตัวเอง

    “เออว่ะ   แกเริ่มมีโอเมก้า3 แล้วนะ”

    “เชอะ”

    ติ๊งต่อง!  

    “ไม่ต้องมาทำสะดิ้ง   ไปดูดิ๊ใครมา   จดหมายแกอีกหรือเปล่า”  

    “จดหมายก็ใส่ไว้ในตู้ดิ   จะกดกริ่งเรียกทำไม   พี่อ่าไม่มีหัวคิด”

    หย่อนระเบิดตู้มใหญ่ทิ้งไว้แล้วตะลีตะลานไปนอกบ้านอย่างรวดเร็วเมื่อดูท่าว่าฮีซอลจะประทับฝ่าเท้างามๆ ไว้ที่ร่างของของเขา

    “ไม่เห็นมีใครเลย”    เสียงหวานพึมพำ   เดินออกไปที่ตู้จดหมายแล้วเปิดดูข้างใน   “นี่ก็ไม่มี   ใครมากดเล่นเนี่ย   อุ๊บ!!!  อื้อ!!!

    “ไงฮะคนสวย   แกทำฉันไว้แสบมากเลยนะ”

    น..นัมกอซอง!!!

    “เอามันไปไว้ที่รถ”

    “อ...อื้อ   ช่วยด้วย!!   พี่ฮีซอล!!!

    ดงเฮอาศัยจังหวะที่นัมกอซองผลักตัวเขาให้ผู้ชายอีกคนตะโกนลั่น   ตะกายเท้าไปเตะตู้รับจดหมายจนเกิดเสียงดังแกร๊ง!!!

    เพี๊ยะ!

    “ลองดีอีกแล้วนะมึง”   มันตบหน้าจนร่างเล็กรู้สึกชาไปทั้งแถบ   แสยะยิ้มชั่วร้าย   “กูไม่ปล่อยมึงไว้แน่”

    “อื้อ...  ฮึก”

    ความหวาดกลัวเข้าแทรกซึมทุกอณูของร่างกาย   ริมฝีปากถูกปิดไว้หนาแน่นด้วยเทปกาว   ดงเฮสะอื้นระหว่างถูกลากตัวไปที่รถ   ต่อให้ดิ้นรถและขัดขืนเพียงใดก็ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้เลยแม้แต่น้อย

    “ดงเฮ!!!    เชี่ยแม่ง!!!    ไอ้เจย์!!  เร็วๆ โว๊ย    ไอ้ห่ากอซองมันจับน้องกูไปแล้ว!!!

    เสียงร้องของน้องชายเรียกให้ฮีซอลตามออกมาดู   ภาพที่ดงเฮถูกจับใส่รถโดยมีสารเลวกอซองยืนยิ้มอยู่มันทำให้เลือดในกายเดือดพล่าน  

    เจย์บิดคันเร่งตามรถยนต์คันหน้าไปติดๆ    หมวกกันน็อคที่ทั้งสองสวมใส่ช่วยบดบังใบหน้าไว้เป็นอย่างดี    นัมกอซองที่มองผ่านกระจกหลังมาไม่ติดใจสงสัยอะไร   มันสั่งให้ลูกน้องขับรถกลับไปที่บ้าน    ครั้งนี้มันจะไม่ปล่อยให้คนสวยชวดมือไปเหมือนคราวที่แล้วแน่นอน

    “ลูกพี่   แล้วแม่กระต่ายน้อยอีกคนล่ะ   คนนั้นก็น่ารักนะ”

    “เอาทีละคนสิวะ    แต่น้องดงเฮคนนี้สวยถูกใจข้ามากกว่า   แถมฤทธิ์ก็ไม่มาก   คอยดูนะ   ข้าจะฟัดให้หนำใจเลย    ไอ้เวรคิบอมกับไอ้อีกคนแม่งทำข้าซะอ่วม

    คนถูกมัดมือมัดเท้าร้องอู้อี้   นัมกอซองหัวเราะชั่วร้ายลั่นรถ   ดงเฮหวาดกลัวสุดชีวิตสั่นศีรษะด้วยความกลัว

    คิบอม...  ครั้งนี้นายก็จะช่วยชั้นอีกใช่มั๊ย  

    ช่วยชั้นที  

     

     

     

    “ไอ้คิบอม!!!   แกอยู่ไหน   ไอ้กอซองแม่งเอาอีกแล้ว   ไม่รู้เว๊ย   ชั้นขับรถตามมาก่อน   เดี๋ยวนะ   ...ไอ้เจย์   ชื่อหมู่บ้านมันนี่มัน...   เออๆๆ   ไอ้คิบอม   หมู่บ้านของคิมยองมินน่ะแกรู้จักใช่มั๊ย   ไอ้กอซองมันเอาดงเฮกลับมาบ้านมัน   แกรีบตามมานะ!!

    “ฮีซอล  กูว่าลำพังเราทำอะไรพวกมันไม่ได้หรอก   มันเอาดงเฮไปบ้านมันคงแน่ใจแล้วว่ามีคนมากพอสมควร”

    “สันดาน!   แล้วเอาไงดีวะ”

    “มึงโทรตามไอ้ชิน    ทำตามแผนที่มึงเคยคิดไว้ก็ได้   บอกมันด้วยว่าเอาคนมันมาให้หมด”

    ฮีซอลต่อสายถึง ชิน มาเฟียเกาหลีที่กำลังเป็นที่จับตามองของพวกตำรวจอยู่ในขณะนี้   เนื่องด้วยการค้าธุรกิจใต้ดินครบวงจร   น่าแปลกที่คนระดับนี้กลับให้ความสนิทสนมกับฮีซอลและเจย์คิมถึงขนาดตอบตกลงและเกณฑ์ลูกน้องมาบุกบ้านนัมยองมินโดยไม่มีแม้แต่คำถาม

    รถยนต์สีดำสนิทเลี้ยวเข้าบ้านหลังโอ่อ่า   จริงอย่างที่เจย์คิดไว้ไม่มีผิด   การ์ดชุดดำยืนคุมตั้งแต่ประตูและล้อมบ้านทั้งหลังเอาไว้   ขืนเสี่ยงลุยกันไปสองคนต่อให้ฝีมือต่อยตีจะดีแค่ไหนอย่างมากก็ไปได้ถึงแค่หน้าประตู

    “ลูกน้องมันมีเป็นร้อย   ตกลงพ่อไอ้เหี้ยกอซองมันทำงานอะไรกันแน่วะ”

    “ซ่อง”   คำตอบจากปากเจย์คิมทำเอาฮีซอลตาเหลือก

    “เชี่ย!   จริงดิ”

    “อย่าเพิ่งสนใจเรื่องนั้น   มันลากดงเฮลงมาจากรถแล้ว”

    ฮีซอลดันเจย์ออกแล้วก้มส่องเหตุการณ์   น้องชายของเขาร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง   โดนมัดมือมัดเท้าเหมือนถูกจับบังคับให้เป็นโสเภณี

    “ไอ้สารเลว”   ฮีซอลขบกรามแน่น   “กูไม่รอแล้ว!!   กูจะช่วยดงเฮ!!!

    เจย์ตะครุบร่างที่ลุกพรวดพราดเอาไว้แน่น   ฮีชอลตะกายตัวจะไปช่วยน้องให้ได้

    “ปล่อยกู!!!

    “ถ้ามึงอยากช่วยดงเฮมึงต้องหยุดฮีซอล”

    “นั่นน้องกูนะ!!  ปล่อยกู!!!

    “มึงเลือกเอาแล้วกัน   ไปตาย  น้องมึงถูกสวะนับร้อยย่ำยี   หรือมึงอดทนแล้วดงเฮจะปลอดภัย”

    “ไอ้เจย์!!!   มึงเพื่อนกูนะ    มึงต้องเข้าใจกูสิ!!!!

    “...”

    ฮีซอลกัดฟันแน่น   น้ำตาคลออย่างคับแค้นใจ   สายตาอาฆาตสาปแช่งนัมกอซอง

    “ถ้ากูตายมึงจะตายกับกูไม่ใช่หรือไง”

    “เออ”

    “กูจะไปช่วยน้องชายกู   กูอาจตาย   แต่มึงจะไปกับกูมั๊ย”

    ...

    .....

    .......

    “กูยอมแพ้มึงแล้วไอ้เพื่อนเชี่ย”

    ไม้ยาวและเศษเหล็กที่ถังขยะถูกหยิบขึ้นมาเป็นอาวุธ   เพื่อนรักเพื่อนตายก้าวอาดๆ เดินไปฟาดหัวการ์ดสองคนที่พุ่งเข้ามาจับตัว   ผ่านประตูเข้าไปได้ก็มีผู้ชายนับสิบรายล้อมเข้ามาตีวงรุม   ฮีซอลกับเจย์หันหลังชนกันแกว่งไม้ในมือไปมา   เพียงพริบตาที่มันขยับตัวมาใกล้ไม้ยาวก็ฟาดเข้าให้เต็มแรง   เจย์ตีแสกหน้าการ์ดอีกคนที่พุ่งเข้ามาจนเลือดสาดกระเด็น   

    “ฮีซอล!

    เจย์ร้องเสียงดังเมื่อเพื่อนรักกำลังจะพลาดท่าถูกคมมีด   ฮีซอลหันขวับยันโครมใส่ศัตรูจนมันล้มไปกอง   มีดที่พื้นถูกฉวยขึ้นมาโดยชายฉกรรจ์อีกคนที่ร่างใหญ่กว่าเขาเท่าตัว

    “กล้ามากนะที่บุกบ้านคุณยองมิน”

    “แน่จริงมึงเข้ามา!!  

    วูบ!

    คมมีดแทงแฉลบกรีดเสื้อฮีซอลจนขาดวิ่น   คนถือมีดคำรามอย่างเจ็บใจจ้องจะแทงอีกหนแต่ทันทีที่มันเงยหน้าขึ้นหมัดลุ่นๆ ก็ผัวะเสยเข้าที่คางจนใบหน้าบิดเบี้ยว   ซ้ำร้ายเศษเหล็กยาวแหลมยังฟาดเข้าให้กลางหลังจนโลกมืด

    “ถุย   นึกว่าแน่”

    “เชี่ยฮีซอล   ระวัง!

    หมาลอบกัดอีกตัวปล่อยหมัดจากทางด้านหลัง   คิมฮีซอลหลบวืดหวิดจะเสียท่าอีกครั้ง   ขาเรียวอัดเข้าเต็มหน้าท้องจนมันร้องอุ๊ก!  

    “เชี่ยฮีซอล   มึงคิดว่าถ่ายหนังอยู่หรือไงไอ้ควาย!!!   ระวังตัวสิวะ!!!

    เจย์ด่าลั่น   ฮีซอลยิ้มเผล่แล้วเงยหน้ามองการ์ดคนอื่นที่ทยอยล้มไปทีละคน   ไอ้เจย์มันแน่จริงเรื่องแบบนี้   เขาถูกชกไปสองทีแต่หน้ามันยังใสกิ๊งอยู่เลย

    ชิบหาย   คราวนี้มาเกือบยี่สิบ...

    เจย์คิมถูกตีวงด้วยการ์ดชุดเดิมที่ลุกขึ้นมาใหม่   ผิดกับฮีซอลที่เจอคนกลุ่มใหม่เข้ามาล้อม   พริบตาร่างบางถูกล็อคไว้แน่น   ชายตรงหน้าพุ่งมาชกท้องไม่ทันให้เขาได้ตั้งตัวจนร่างเล็กจุกเจ็บไปหมด   เจย์คิมพยายามทลายวงจะมาช่วยเพื่อนแต่ก็ถูกล้อมไว้ทุกทาง

    “หลบไป”   หัวหน้าสมุนนัมกอซองพูดแล้วคว้าไม้มาไว้ในมือ   มันง้างสูงหมายจะฟาดหน้าฮีซอลให้เละ   ดวงตากลมปรือปรอยด้วยความคับแค้นแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะร่างกายถูกตรึงหนำซ้ำยังอ่อนแรงแทบขยับไม่ได้

    ผั่วะ!!!

    ฮีซอลหลับตาปี๋   หน้าเขาคงเสียโฉมหรือไม่ก็พิการทางสมองจนเอ๋อแดกแล้วแน่ๆ

    แต่เอ๊ะ   ทำไมไอ้นี่มันล้มไปล่ะ

    “คิบอม...”

    ฮีซอลมองไม้เบสบอลในมือรุ่นน้องที่บัดนี้สีหน้าชายหนุ่มเต็มไปด้วยความโกรธ   แค้นใจ   เป็นห่วงและหวาดกลัวปนกันมั่วไปหมด

    “ดงเฮอยู่ไหน!!

    “ข้างใน   นัมกอซองมันลากตัวไปแล้ว”  เจย์ตอบ

    ร่างสูงหัวใจแทบสลายทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น   จะเป็นหรือตายต่อจากนี้มีค่าเท่ากัน   เสียดงเฮไปเขาก็ตาย   ถูกฆ่าที่นี่เขาก็ตาย   คิบอมไม่มีเวลาคิดอะไรอีกแล้วในตอนนี้   สิ่งเดียวที่สมองชายหนุ่มสั่งการมีเพียงต้องช่วยลีดงเฮให้ได้

    ชายในชุดสีดำกรูเข้ามาขวางตามคำสั่ง   คิบอมหน้ามืดคิดสิ่งใดไม่ออกอีกแล้ว   ใครเข้ามาใกล้ไม้ในมือตวัดผ่านอากาศลงบนวัตถุบางอย่างที่ภายในมีอวัยวะที่ใช้สั่งการทุกสิ่งในร่ายกายจนมันบุบเสียรูป   เสียงหวีดร้องดังโหยหวน   โลหิตจากการดาหน้าเข้าไปหลั่งไหลตามทางที่คิบอมย่างเท้าผ่าน   น้ำสีเลือดอาบศีรษะชายพวกนั้นจนล้มลงไปนอนโอดครวญทีละคน  ทีละคน...

    “ม่ายยยยยยยยยยยยยย!!!!!   ช่วยด้วย!!!   ฮือๆๆ   คิบอม!!!   คิบอมมมมมมม”

    ดวงตาชายหนุ่มสั่นระริก   ขายาววิ่งไปยังชั้นสอง    ใครกีดขวางถูกไม้เบสบอลในมือฟาดจนเลือดท่วม   คิบอมไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นนอกจากเสียงร้องอันแสนทรมานใจของชายผู้เป็นที่รัก

    “อ๊ากกกกกกกกกกกก”   คิบอมร้องลั่นราวคนเสียสติ   ควบคุมอารมณ์ไม่ไหวอีกต่อไป   กระหน่ำเหวี่ยงไม้ในมืออย่างบ้าคลั่ง   การ์ดนับสิบที่กรูเข้ามาจะจับตัวเขาเลือดโชกไปตามๆ กันในขณะที่คิบอมคลุ้มคลั่งโรมรันไม้ในมือไปที่สิ่งกีดขวางทุกอย่างให้บรรลัย

    หนึ่งในนั้นหันซ้ายหันขวาเหลือบไปเห็นแจกันลายครามตั้งโชว์ก็คว้ามาแล้วอ้อมไปด้านหลังชายหนุ่มผู้บ้าคลั่ง    มันเงื้อมมือขึ้นสูงแล้วฟาดลงสุดกำลัง

    เพล้ง!!!

    ...

    ทุกสรรพชีวิตตกอยู่ในความเงียบ   นิ้วมืออันสั่นเทาเลื่อนขึ้นแตะหยดเลือดที่หลั่งรินจากศีรษะลงมาตามใบหน้า   กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งไปทั่วบ้านเพิ่งเข้ามาสู่ประสาทการรับรู้ของคิบอม

    เลือดที่เอ่อนองไปท่วมพื้น...  มาจากฝีมือของเขาทั้งสิ้น

    สติที่กลับมาจนสมบูรณ์ปรากฎสิ่งที่เขาเพิ่งกระทำลงไปอย่างควบคุมสติไม่อยู่ตามรายทางที่ผ่านมามีคนร้องเจ็บระนาว   พอกันที  

    “ชั้นมาช่วยคนของชั้น   ถ้าไม่อยากตายก็ไปให้พ้น”

    “อย่า   ฮึก  .. ขอร้องล่ะ   ได้โปรด   ชั้นขอร้อง  พอที...”

    หัวใจคิบอมกระตุกวูบ   ถลาไปที่ประตูแล้วระดมหมุนลูกบิดจนมันแทบพังคามือ  

    ปัง!!   ปังๆๆ

    “ดงเฮ!!!   ดงเฮ!!!

    เสียงจากด้านนอกราวเป็นเสียงเรียกแห่งสวรรค์ที่ฉุดดงเฮให้พ้นจากขุมนรก   นัมกอซอมคร่อมอยู่บนร่างเขา   มันจูบดูดหน้าอกขาวด้วยความหื่นกระหายและฉีกทึ้งเสื้อผ้าเขาเหมือนปีศาจสารเลวชะงักกึก

    ตึง!  

    เสียงเหมือนประตูถูกถีบอย่างแรง   มันสั่นและสะเทือนจนดูเหมือนกำลังจะพังลงมา   ดงเฮยิ้มอย่างดีใจทั้งที่ดวงหน้าเปื้อนไปด้วยน้ำตา   กางเกงหลุดลุ่ยและเสื้อถูกฉีกจนเผยร่างกายส่วนบนทั้งหมด

    นัมกอซองสะดุ้งเฮือก   มันผละออกจากร่างงดงามบนเตียงแล้วถลาไปคว้าปืนในโต๊ะทำงานขึ้นมาป้องกันตัวเอง  

    โครม!!!

    “ย..อย่าเข้ามานะมึง   ถ..ถ้ามึงเข้ามามึงตาย!!

    คิบอมสบตานัมกอซองนิ่ง   สายตาคมคายไม่มีแววหวั่นใจใดๆ กับคำขู่และอาวุธสีนิลในมือ  

    “ค..คิบอม...”

    คิบอมเบือนหน้าไปที่เตียงสีขาว   ร่างกายส่วนบนของดงเฮเปลือยเปล่า   กางเกงก็ขาดวิ่นเหมือนถูกกัดจนขาด   เรียวขามีรอยกัดของไอ้สารเลวกอซองเต็มไปหมด    ข้อมือก็ถูกใส่กุญแจล็อกไว้กับเตียงจนเลือดซิบ   ดวงตาหวานสั่นระริกอย่างเจ็บปวด   ริมฝีปากบางถูกจูบจนบวมช้ำ   ซ้ำร้ายแผ่นอกขาวสะอาดบัดนี้กลับแปดเปื้อนไปด้วยร่องรอยของผิวหนังที่ห้อเลือด

    หัวใจชายหนุ่มแทบแหลกสลาย   ดวงใจที่เขาเฝ้าทะนุถนอมกลับต้องมีราคีเพราะน้ำมือไอ้สารเลวนัมกอซอง!!!

    อย่าได้หวังจะมีความสุขต่อไปในอีกชั่วชีวิตของแกเลย   ไอ้สารเลว  

    คิบอมย่างเท้าเข้าไปหาคนถือปืนด้วยมือที่สั่นระริกช้าๆ   สายตาชายหนุ่มมันว่างเปล่าราวซาตานที่สามารถฆ่าคนได้ด้วยความเลือดเย็นโดยไม่รู้สึกอะไร  นัมกอซองราวถูกสะกดให้หวาดกลัว   นิ้วที่กำลังจะเหนี่ยวไกนิ่งค้างและขยับไม่ได้

    “คิดว่าตัวเองเป็นใคร”

    น้ำเสียงนั้นแสนเย็นเยียบ   คนตาขาวสั่นไปทั้งตัวอย่างขี้ขลาด   คิบอมปัดมือที่ถือปืนนั้นออกอย่างรวดเร็วแล้วผลักร่างตรงหน้าให้ล้มลงไปกองกับพื้น!

    “คิดว่ามึงเป็นใคร!!!   มึงกล้าทำกับเมียกูถึงขนาดนี้!!!

    ผัวะ!

    ผัวะ!!

    ผัวะ!!!

    “อั่ก...”

    คิบอมจับกระชากหัวนัมกอซองขึ้นมาด้วยสายตาอำมหิต   หากใครเคยถูกไอ้สารเลวนี่พรากเอาคนรักไปย่ำยีก็คงไม่ต่างกับคิบอมในขณะนี้  

    “มึงแน่นักใช่มั๊ย   มาสิ   ลุกขึ้นมาสิ!!!

    ศีรษะกอซองสั่นกึกกัก   ริมฝีปากที่แตกและเปรอะเลือดเกรอะกรังสั่นระริกอย่างหวาดกลัว

    “ย..อย่าทำกู   ก..กลัวแล้ว”

    “กลัว...”   น้ำเสียงเย็นเยียบทวนคำนั้นด้วยความสมเพช   “แล้วตอนที่เมียกูกลัวขอร้องมึงให้หยุดทำไมมึงยังทำ!!!

    “พ..พี่ฮีซอล”   ดงเฮร้องชื่อคนที่เพิ่งก้าวเข้ามาด้วยน้ำเสียงสั่นเทา    ฮีซอลเห็นสภาพน้องแล้วแทบคลั่ง   ร่างโปร่งถลาไปดึงผ้าปูที่นอนมาคลุมร่างกายแล้วตระกองกอดดงเฮไว้แน่น   

    “ก..กูขอโทษ   ข..ขอ...”

    “ขอ! โทษ! แล้ว! ทำ! ให้! เมีย! กู! ไม่! ถูก! สารเลว! อย่าง! มึง! ทำ! ร้าย! ได้! มั๊ย! ไอ้! ชั่ว!

    อั่ก!

    อั่ก!

    อั่ก!

    อั่ก!

    อั่ก!

    อั่ก!

    อั่ก!

    อั่ก!

    อั่ก!

    อั่ก!

    อั่ก!

    อั่ก!

    อั่ก!

    อั่ก!

    อั่ก!

    อั่ก!

    อั่ก!

    อั่ก!

    อั่ก!

     

    คิบอมกระทืบลงบนหน้าท้องนัมกอซองด้วยแรงแค้นจนมันกระอักออกมาเป็นลิ่มเลือด   ขยับแขนขาไม่ได้   อ้าปากเอาอากาศเข้าปอดยังแทบเป็นสิ่งที่ลำบากยากเข็ญ

    “คิบอม...”

    คิบอมถลาไปหาคนที่เรียกเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา   ฮีซอลมองสภาพนัมกอซอง    ผละออกมาจากตรงนั้นให้คิบอมได้ปลอบใจน้องชายเขาแล้วเดินไปนอกห้อง

    “เป็นไงวะ”

    “คิบอมกระทืบซะจมตีน    มันไม่ยั้งเลย    ถ้าดงเฮไม่เรียกมันเมื่อกี้ไอ้กอซองตายห่าแล้ว”

    “ขนาดนั้นเชียว”   ใครอีกคนในที่นั้นยิ้มขำ   เขามีพุงพลุ้ยที่ยื่นออกมานิดๆ   ผิวพรรณขาวเหมือนคนเกาหลีทั่วไป   ใส่เสื้อผ้าสีสันสดใสต่างจากคนใต้บัญชานับร้อยที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าโทนสีดำ

    รอยยิ้มของมาเฟียชินผู้ยิ่งใหญ่เห็นแล้วน่าจ้างมาเป็นตลกที่บ้านเสียจริง

    “ตกลงจะใช้แผนนายมั๊ยฮีซอล   ชั้นงี้จัดคนมาเพื่อนายโดยเฉพาะ”

    “จริงเปล่าวะ”

    “เอ๊า   ชินดงฮีซะอย่าง   แปดคนพอมั๊ยล่ะ”

    “เหลือเฟือ”  เจย์พูด

    “กล้องล่ะ?”   ฮีซอลถามหัวหน้าแก๊งค์มาเฟียเกาหลี

    “พร้อม   ชั้นให้ลูกน้องไปยืมกองถ่ายละครมาเลย   เผื่อจะแกล้งลืมลบเทปไว้แล้วให้พวกคนในกองถ่ายเอาไปเผยแพร่กันเองไง   คึๆ”

    “วู้ว   สมกับเป็นเพื่อนยากเลยวุ้ย”

    “อ๊ะแน่นอน”    ชินดงยิ้มกริ่ม   “ไปลากมันออกมาสิ”   ชินดงหันไปสั่งการ   ชายร่างใหญ่สองคนเข้าไปลากคอนัมกอซองออกมาตามคำสั่ง  

    “เบาๆ ดิ  นั่นว่าที่เมียของพวกแกนะ”    ชินดงแซวอารมณ์ดี  ฮีซอลหัวเราะก๊าก   เจย์กระตุกยิ้มมุมปาก

    “ที่ไหนดีล่ะฮีซอล”   ชินดงถาม   ฮีซอลเดินไปเปิดห้องข้างๆ ดูก็เห็นเป็นห้องนอนสวยทีเดียว   “ห้องนี้สวยดี   เหมาะสำหรับสถานที่เสียตูด  เอ๊ย  ตัวครั้งแรกของนัมกอซอง”

    “แผนชั่วๆ งี้คนอย่างมึงคิดได้คนเดียวเนอะไอ้ปลาช่อน”

    “ไอ้เชี่ย”   ฮีซอลค้อนเจย์ตาคว่ำ

    “แต่มันยังหลับอยู่นะฮีซอล   ทำตอนนี้ก็ไม่สะใจน่ะสิ   ไม่สาสมที่มันทำกับดงเฮตัวน้อยเลย”  

    “รอมันฟื้นก่อนก็ได้มั้งชินดง   หึๆ   เรายังมีเวลาสนุกที่บ้านหลังนี้อีกเยอะ”

    คิบอมประคองร่างดงเฮออกมาจากห้องทันจะได้ยินฮีซอลพูดประโยคนั้น  มุมปากคิบอมกระตุกยิ้มนิดหนึ่งแล้วบอกกับคนในอ้อมแขน   “ไม่เป็นไรแล้วใช่มั๊ยครับ”

    “อื้อ   เห็นลิ้มบอมเค้าก็มีกำลังใจแล้ว   อีกอย่างเค้าไม่เป็นอะไรมากด้วย”   ดงเฮยิ้มหวาน  เหตุการณ์ทั้งมวลที่พบเจอพลันกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อเห็นสภาพของคิบอมที่บ้าคลั่งแบบนั้น    แค่เป็นคิบอมที่อยู่ข้างๆ เขาก็ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวอีกต่อไปแล้ว

    “ดงเฮน้องรักของเฮีย   ไม่เป็นไรนะ”   ชินดงเข้ามาโอ๋  

    “ไม่เป็นไรฮะเฮียชิ้น   ไม่ได้เจอเฮียออกปฏิบัติการนานแล้วนะฮะ”

    “แหม   พูดซะเฮียกลายเป็นพาวเวอร์เรนเจอร์เลยนะอาหมวย”

    “ฝากดงเฮครู่นึงนะครับ”   คิบอมประคองร่างเล็กไปนั่งแล้วพูดกับชินดง   ดงเฮเอียงคอสงสัยเมื่อคิบอมคว้าไม้เบสบอลชุ่มเลือดเดินขึ้นบันไดไปชั้นสาม

    “เฮ้ย   ไอ้คิบอมรอชั้นด้วย   แกจะสนุกคนเดียวได้ไงวะ   ไอ้เจย์เร็ว”

    ฮีซอลคว้าไม้กับเศษเหล็กยาวที่ใช้มาตลอดวิ่งตามคิบอมไป   ดงเฮทำหน้างงถามชินดง

    “เค้าไปทำอะไรกันข้างบนน่ะฮะเฮีย”

    “ตกแต่งสถานที่ ^ ^

     

    โครม!!! 

    เพล้ง!!!

    “เฮ๊ย  ไอ้คิบอม   ชั้นขอโต๊ะ”

    โครม!!!

    “หน้าต่างใหญ่มาก  เหมาะแก่การทำลายเป็นอย่างยิ่ง”

    เพล้ง!!!

    “ถ้าขาเตียงหักไปสองขามันจะนอนยังไงน๊า”

    ตึง!   ตึง!

    “กี๋ย...  ทีวีจะเหลือแต่เศษเหล็กซะแล้วล่ะ”

    โครม!!!  เพล้ง!!!

    “คอมพิวเตอร์กระจุย  ซีพียูกระจาย”

    แคร้ง!!!

    “จากุชชี่รุ่นใหม่ระบบเขื่อนแตกรับรองโดยผู้เชี่ยวชาญคิมฮีซอลไอเอสโอ 2012”

    โครม!!!

    “โอ๊ววว   กระจกร้อยเหลี่ยม”

    เพล้ง!!!

    “โอ๊ะโอ๋  OoO   เจอของดีว่ะ”

    “อะไรวะ”

    “เกมเซ็นเตอร์รูม”

    “ดีจริงๆ ซะด้วย   มันส์เลยมึง”

    โครม!!!

    แคร้ง!!!

    เพล้ง!!!

    ตึง!!!

    ดงเฮได้ยินเสียงพอจะเดาออกเลยว่าตกแต่งสถานที่ให้เข้ากับฉากแอ็คชั่นแน่ๆ   สู้กันข้าวของพังกระจายแหงๆ

    คิบอมเดินลงมาคนแรกด้วยสีหน้าผ่อนคลายกว่าเดิม   เจย์กับฮีซอลเดินกอดคออารมณ์ดี๊ดี   คิบอมเดินผ่านตู้ปลาที่ตั้งอยู่หน้าบันไดแล้วง้างมือขึ้นสูง

    “ลิ้มบอม!

    “หือ?”

    “น้องปลา  T^T

    “อ่า   โอเคครับ”

    ^ ^

    “คุณชินดงครับ   มันฟื้นแล้วครับ”   ลูกน้องที่นั่งเฝ้ากอซองอยู่ในห้องวิ่งเข้ามารายงาน   ฮีซอลกับเจย์เดินฉิวไปตามชินดงที่นำเข้าไปพร้อมลูกน้องร่างใหญ่โตอีกแปดคนที่ร่างกายใหญ่โตมากกว่าคิบอมสักสามเท่า   คล้ายกับงานอดิเรกของคนพวกนี้คือเพาะกายและมวยปล้ำ   คิบอมประคบประหงมประคองดงเฮตามเข้าไปทีหลัง

    “พ..พวกมึงจะทำอะไร”   กอซองหวาด   ถลาไปติดหัวเตียง

    “มึงอยากได้น้องกูไม่ใช่เหรอ   มึงลองเปลี่ยนบทบาทกันมั่งมะ   รับรอง   มึงเสียวไปถึงคอหอยแน่ๆ”

    “อ..ไอ้เหี้ย!   มึงอย่าเข้ามานะ   มึงรู้มั๊ยพ่อกูเป็นใคร!!!

    “ถุย   พอแพ้เข้าหน่อยก็เอาพ่อมาข่ม    ไอ้ลูกแหง่เอ๊ย   พ่อมึงน่ะพวกกูจัดการแน่   ไปเอากุญแจมือที่มันใช้จับน้องชั้นมาดิ๊ชินดง”    ฮีซอลสั่งมาเฟียเกาหลี   มาเฟียเกาหลีสั่งลูกน้องต่ออีกทอด   พริบตาเดียวสิ่งนั้นก็มาอยู่ในมือฮีซอล

    “อย่านะมึง  อย่านะ!!!

    กริ๊ก!

    คิบอมมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเลือดเย็น   มองฮีซอลเดินเข้าไปจับแก้มมีเลือดแห้งกรังจากฝีมือของเขา   มองหน้าท้องนัมกอซองที่เคยเป็นสีขาวแต่บัดนี้กลับเป็นสีม่วงคล้ำจนบางส่วนดำไปเพราะตนเองอย่างสะใจ

    “ตบน้องกูใช่มั๊ยมึง”

    เพี๊ยะ!

    เพี๊ยะ!

    เพี๊ยะ!

    “จะเอาน้องกูทำเมีย   เอาผัวไปก่อนเป็นไง   จับมันแก้ผ้า!!

    วินาทีนี้ฮีซอลเป็นใหญ่กว่ามาเฟียเกาหลีที่ยืนยิ้มพุงพลุ้ยดูเหตุการณ์อย่างสนุกและใจเย็น   ลูกน้องสองคนจากแปดคนที่ถูกสั่งให้จับนัมกอซองทำเมียกรูเข้ามาถอดเสื้อผ้า   เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจนเข้าใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้จอมอ่อนไหวก็ถลาไปเกาะแขนฮีซอล

    “พี่ฮีซอล   มันเกินไปนะครับ”

    “ปล่อยกูนะเว๊ย!!!  ไอ้เหี้ย!!!  ปล่อยกู!!!   หมาจนตรอกบนเตียงร้องลั่น

    “ลีดงเฮ   ถ้าพวกชั้นมาช่วยไม่ทัน   คนที่จะถูกทำแบบนั้นคือแก   ถ้าวันนี้มันรอดไป   สักวันมันจะย้อนกลับมาทำร้ายแกอีก   เข้าใจชั้นมั๊ย”

    “แต่...”

    “คิบอม   เอาดงเฮออกไป”

    เด็กหนุ่มเดินมาจับมือเล็กให้เดินไปด้วยกัน   ตากลมล่อกแล่กยังเหลือบมองด้วยความอดสู  แต่พอคิดถึงภาพที่ตนเป็นแบบนั้นและถูกเดรัจฉานมันกระทำต่ำทรามก็ยอมกัดฟันเบือนหน้ากลับมา

    “อ๊ากกกกกกกกกก    ย..หยุดที   กูเจ็บ...  ปล่อยกู...”

    “ครางเสียงไม่หวานเลยนะมึง   แหม   ไม่ดีเหรอ   กูว่าคุ้มออก   วันเดียวได้ผัวแปดคนนี่จัดว่าเซียนเลยนะเว๊ย”

    เสียงหวีดร้องอย่างทรมานดังลอดออกมาจนถึงข้างนอกสลับกับเสียงของฮีซอล   ดงเฮหลับตาปี๋เม้มริมฝีปากแน่น   น้ำตากำลังจะไหลเผาะลงมาอยู่มะรอมมะร่อ   ร่างเล็กตัวสั่นเทาอย่างหวาดกลัว   เผลอคิดไปไกลว่าหากเป็นเขาที่ต้องกรีดร้องด้วยความทรมานแบบนั้นแล้วจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง

    สัมผัสบางเบาเคลื่อนมาแนบกับใบหูสีขาว   จากแรงอันน้อยนิดก็ค่อยเพิ่มขึ้นจนแนบแน่นฝังบนผิวกาย   เสียงร้องของผู้ตกอยู่ในเวียงกรรมของตนเองค่อยๆ เบาบางลงไปจนมันอื้ออึงไม่ได้ยินอะไร

    ดวงตากลมช้อนขึ้นมาร่างสูงตรงหน้าอย่างแปลกใจ   พบสายตาห่วงใยและสองมือที่ปิดกั้นทุกสรรพเสียงไม่ให้ทำร้ายความรู้สึกหรือจิตใจคนที่ชายหนุ่มรักไปมากกว่านี้

    “ล..เลือด...”

    ดงเฮเสียงสั่น   ตากลมไหวระริกขณะเอื้อมมือไปสัมผัสรอยเลือดที่แห้งกรังบริเวณหางคิ้วของคิบอม    ดวงตาใสเอ่อคลอด้วยหยดน้ำตา   ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวอยากจะร้องไห้ด้วยความเสียใจ   

    มีเพียงรอยยิ้มบางๆ ของคิบอมที่เอ่ยออกมาแทนคำพูดทุกอย่างที่อยากจะบอก   สายตาคมคายที่ทอดมองมาที่เขาเต็มไปด้วยคำขอโทษมากมายจากความรู้สึกผิดและหัวใจที่เจ็บช้ำของคิบอม   

    รู้ว่าคิบอมทรมานแค่ไหนที่เห็นตัวเองเกือบจะถูกย่ำยีเป็นครั้งที่สอง  

    รู้ว่าคิบอมโทษตัวเองอีกเป็นแสนเป็นล้านครั้งที่ไม่สามารถปกป้องเขาได้

    รู้ว่าคิบอมเป็นห่วงเขาจะเป็นจะตายทำร้ายคนอื่นมากมายเพื่อเหตุผลเดียว   ...เหตุผลนั้นก็คือลีดงเฮ

    ผู้ชายธรรมดาที่ไม่เคยคิดทำร้ายใครวันนี้กลับคลั่งกระหน่ำฟาดหัวคนเป็นสิบๆ เพื่อมาช่วยเขา   แม้คิบอมจะเข้มแข็งขนาดไหนก็ไม่อาจทนความรู้สึกผิดและเสียใจที่ต้องทำร้ายคนมากมายขนาดนั้นไปได้   เพียงเพราะเขาคนเดียววันนี้ทำให้คิบอมมีตราบาปในใจไปตลอดชีวิต

    คิบอมไม่ได้อยากทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บ   แต่หากไม่ทำ   คนสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาคนหนึ่งจะต้องตายทั้งเป็นเพราะถูกเดรัจฉานมันย่ำยี

    คิบอมเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่ได้อยากทำร้ายใคร

    และตอนนี้คิบอมเป็นแค่คนที่กำลังนึกเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปด้วยความรู้สึกผิด

    “ฮึก...  อย่าเจ็บนะ   อย่าเจ็บอีกเลย   ชั้นปลอดภัยแล้ว   ไม่เป็นไรนะ   ฮึก...   เราจะช่วยพวกเขา   คิบอม...  คิบอมฟังชั้นสิ”

    “...”

    “เราจะช่วยพวกเขานะ”

    ...

    ......

    เสียงโหยหวนของนัมกอซองดังก้องไปลั่นคฤหาสน์หลังโออ่า   ภายในเคหาสน์เต็มไปด้วยข้าวของที่พังพินาศกระจัดกระจาย   คราบเลือดเปรอะเปื้อนและเอ่อนองไปทั่ว   บรรดาการ์ดที่รู้สึกตัวพากันทยอยออกไปโรงพยาบาลกันทีละคนสองคนด้วยคำพูดของคิบอมที่บอกว่าจะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลและความเสียหายต่อร่างกายให้ทั้งหมด

    คนเหล่านั้นมองคิบอมด้วยสายตาที่แทบจะไม่อยากเชื่อ   ดงเฮจัดการบอกชื่อโรงพยาบาลที่ให้ไปรักษาตัวแทนคิบอมและกำชับให้พวกเขาแจ้งชื่อคิมคิบอมเป็นเจ้าของไข้   พวกเขาแทบคำนับเด็กหนุ่มหน้าผากจรดพื้นดินหากแต่สังขารไม่อำนวย  

    โลกนี้ไม่ได้สวยงามอย่างที่เราวาดไว้แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะเลวร้าย   การทำความผิดที่สร้างความละอายใจต่อตัวเองไม่สามารถลบล้างไปได้ทั้งหมดแต่เมื่อกล้าที่จะรับผิดชอบการกระทำนั้นอย่างกล้าหาญก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่ได้รับการอภัย

    คิบอมทำผิด   เขารู้สึกเสียใจ    แต่เขาคงจะตายหากสูญเสียคนๆ นี้ไปโดยที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย

    ลีดงเฮบีบมือที่ประสานกันไว้ให้แน่นเข้า   ไม่ใช่ตลอดเวลาที่คิบอมจะเข้มแข็งและคอยปกป้อง   ความรักของคนสองคนมันต้องมีอะไรที่มากกว่านั้น   วินาทีนี้คิบอมรู้สึกแย่และอ่อนแอคนที่จะช่วยเขาได้ก็มีเพียงดงเฮ   การใช้ชีวิตคู่ในอนาคตไม่ใช่แค่คนใดคนหนึ่งต้องรักอีกฝ่ายหมดหัวใจ   แต่คนทั้งสองที่ตกลงใจจะเป็นคู่ชีวิตต่างต้องรักและเข้าใจในตัวกันและกันเพื่อพร้อมเผชิญหน้ากับพายุร้ายในวันข้างหน้าด้วยความมั่นคงจากคนที่เคียงข้างกัน

    บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่คิบอมกับดงเฮต้องเรียนรู้และผ่านมันไปด้วยกันเพื่อสิ่งที่พวกเขาวาดฝันเอาไว้ถึงอนาคตที่มีพวกเขาเดินไปด้วยกัน

    เวลาเกือบสองทุ่มที่นัมกอซองตกเป็นเมียของผู้ชายทั้งแปดคนและหลายรอบเรียบร้อยแล้วพวกฮีซอลก็พากันออกมาโดยไม่ลืมที่จะคว้าเอกสารสำคัญในธุรกิจค้ามนุษย์ของนัมยองมินกลับมาด้วย   ตีหมาต้องดูเจ้าของ   คิมฮีซอลและเจย์คิมไม่มีวันที่จะให้นัมยองมินมีข้อต่อรองและสร้างความลำบากให้ชินดงฮีเพื่อนรักของเขาได้แน่      

    จงใช้ชีวิตอย่างทรมานกับทุกอย่างที่พังพินาศไปตลอดกาลเถอะคนสารเลว

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     คิบอมคือผู้ชายธรรมดาๆ คนนึง   มินแต่งยึดหลักความเป็นจริงนะคะ   ถ้าคิบอมเป็นนักฆ่าก็ว่าไปอย่าง  มนุษย์ทุกคนย่อมมีความรู้สึกผิดอยู่แล้ว  ^ ^

                

     

     สเปเชี่ยลในเล่มคงมีแฟนอาร์ตรวมอยู่ด้วย   ถ้าสแกนให้มันขาวๆ ทั้งหมดได้อ่ะนะ   มินก็ไม่ค่อยสันทัดเรื่องนี้เท่าไหร่   ยังมึนๆ  = =;;
                  ทำไมเวลาแปลงไฟล์เวิร์ดเป็น PDF แล้วมันไม่เหมือนตามที่เราจัดไว้ในเวิร์ดเลย   ระยะขอบซ้ายขวาเพี้ยนสุดๆ  ทำยังไงมันถึงจะเท่ากันเป๊ะๆ คะ  มีใครรู้บ้าง ? ? ?




                  ขอบคุณทุกกำลังใจ   จากใจจริง.
                  รักคุณเท่าการบินไทย    :)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×