ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -My Sweetheart..You're Everything -KiHae HanHyuk SJ-

    ลำดับตอนที่ #69 : :: Chapter 47 : เส้นบางๆ ::

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.82K
      23
      27 มี.ค. 53

     

     

     

     

    Chapter 46

    เส้นบางๆ

     

     

     

     

    “มินมิน    ไปไหนมา”   คยูฮยอนเกาะประตูแล้วโผล่หน้ามาถาม   ร่างสูงอาการดีขึ้นเพราะได้นอนพักฟื้นร่างกายแทบจะทั้งวัน   ตอนสายๆ ก็ยังจำได้ว่าก่อนจะหลับไปมีร่างอวบคอยเช็ดตัวให้อยู่   แต่พอตื่นมาตอนบ่ายไม่เห็นแม้แต่เงา   สอบถามเอากับมารดาก็บอกว่าซองมินออกไปข้างนอก   ไม่รู้ว่าไปทำอะไรที่ไหนถึงได้ไม่รู้จักเป็นห่วงดูแลแฟนตัวเองปล่อยให้นอนซมคิดถึงจนแทบบ้า

    “ไปหาด๊อง”   ซองมินตอบพลางเปิดตู้เย็นหาน้ำดื่ม   คยูฮยอนย้ายร่างตัวเองมานอนบนโซฟากลางบ้านซองมิน

    “ใคร?”

    “เพื่อน   คนที่อยู่กับชั้นตอนที่นายไปช่วยไง”

    “อ้อ”

    “มาทำอะไรที่นี่   กลับไปนอนที่บ้านนายไป”

    “ไล่ชั้นเหรอ”  คนป่วยเกเรเริ่มเอาแต่ใจตวัดเสียงห้วน

    “เปล่า”   ตอบเอาใจ   หย่อนก้นลงข้างคนป่วยแล้วอังหน้าผากตัวเองกับคยูฮยอนวัดไข้จนอีกฝ่ายยอมเผยยิ้ม   “ตัวไม่ร้อนแล้วนี่”

    “เพราะมีนายไงชั้นเลยไม่เป็นอะไร”   คำหวานที่เป็นเพียงเรื่องง่ายๆ สำหรับหมาป่าไม่ทิ้งลายอย่างเขายังคงเป็นของคู่กัน

    แขนยาวตวัดกอดร่างอวบให้ชิดเข้ามาแล้วระดมจูบ   ซองมินเบือนหน้าหนีเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ต้องยอมให้คยูฮยอนสอดลิ้นหนาเข้ามาซุกซนภายในโพรงปากของตัวเองอย่างจำนน

    “อยู่กับนายทีไร   ชั้นไม่เคยห้ามใจตัวเองได้สักที”

    มือไม้ที่เคยสงบเริ่มเคลื่อนไหวไปโดยธรรมชาติประสาคนมือไว   คยูฮยอนรู้ตัวดีว่าเขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลยในยามที่มีกระต่ายตัวน้อยอยู่ข้างกาย   ดวงตากลมแป๋วที่จ้องมองมาอย่างไร้เดียงสาแต่ดูซุกซนและแพรวพราวในคราวเดียวมันล่อตาล่อใจเขาได้ตลอดเวลา

    “อยู่กับนายทีไร  ชั้นก็เปลืองตัวทุกทีเหมือนกัน   อย่าน่า”  ร่างบอบบางกว่าถอนตัวออกมา   คยูฮยอนหน้างิด   ถามคำเดียว

    “ทำไม”

    “นายยังป่วยอยู่นะ  ชั้นเป็นห่วงนายหรอก  เจ็บซ้ำไปแล้วจะยุ่ง   ชั้นพานายไปนอนดีกว่า   พักผ่อนเยอะๆ จะได้หายไวๆ”

    ใจไม่อยากเชื่อแต่พอรู้ว่าอีกคนเป็นห่วงตัวเองอยู่บ้างคยูฮยอนก็ไม่กล้าที่จะขัดใจ   จะพูดว่าเกรงใจก็ไม่ถูก   คงต้องบอกว่ากลัวเสียมากกว่า   กว่าได้มาครอบครองเลือดตาแทบกระเด็น  หากปล่อยให้หลุดมือไปง่ายๆ ความพยายามที่ผ่านมาก็สูญเปล่า   ไม่น่าแปลกที่คยูฮยอนคนนี้จะกลัวเสียซองมินไปยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น

    “ก็ได้   วันนี้ชั้นจะยอม”

    “ฮื้อ  ยอมเยิมอะไรอ่ะ   ชั้นหวังดีกับนายนะ”   ตอนนี้รอยยิ้มหวานของซองมินไม่ต่างอะไรไปกับดอกไม้งามที่มีหนามแหลมคม   ยิ่งถลำลึกไปกับความงดงามยวนใจของมันมากเท่าไหร่   ดงหนามพิษก็จะยิ่งกรีดเนื้อให้เจ็บแสบและค่อยๆ ตายลงไปช้าๆ   รับรู้รสชาติความทรมานอย่างแสนสาหัส

    “จริงน่ะเหรอ”   เล่ห์เสน่ห์นารีเคยทำให้จอมราชาเข่นฆ่ากันมาแล้วฉันใด   ลีลาออดอ้อนของซองมินก็ย่อมละลายใจคยูฮยอนให้ยวบยาบหลงกลง่ายฉันนั้น

    คำพูดประโลมโลกที่นายเคยพูดกับชั้น   วันนี้ชั้นจะใช้มันเป็นเครื่องมือที่ทำให้นายต้องเจ็บปวด   ทุกสิ่งที่นายจะรู้สึก   ...ชั้นเจอมาแล้วทั้งนั้น   เตรียมใจรับมันไว้ให้ดีก็แล้วกัน

    โจวคยูฮยอน   คนโง่!

    ความรักเมื่อถูกทำลายจนย่อยยับก็สามารถกลายเป็นความแค้นได้เหมือนกัน   รักมากก็แค้นมาก   ราวกับว่าระหว่างความรักและความแค้นนั้นอยู่ห่างกันเพียงแค่เส้นบางๆ คั้นระหว่างกัน

    และคงไม่มีผู้ใดยับยั้งความร้ายกาจของมันได้นอกจากผู้โยงพันธนาการ   ความเจ็บปวด...  ก็ต้องแลกด้วยความเจ็บปวด

     

     

     

     

     

     

    ผ้าปูที่นอนลายปลานีโม่ที่เพิ่งเปลี่ยนเมื่อวานบัดนี้จมทะเลสีขุ่นจนชื้นแฉะเป็นแห่งๆ   กลางเตียงขนาดกว้างมีสองร่างตระกองกอดกันแนบแน่นหลังผ่านการปฏิญาณรักไป ริมฝีปากแดงบวมเจ่อเพราะรสรักผ่อนลมหายใจรดบนซอกคอหนาเป็นจังหวะ   คิบอมหลับสนิททว่ายังคงเจือยิ้มไว้บนใบหน้าโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

    ร่างสูงตื่นนอนก่อนเพราะเรี่ยวแรงที่ถูกดงเฮสูบไปในชั่วข้ามคืนนั้นกลับฟื้นคืนมาได้รวดเร็ว   ต่างกับร่างเล็กที่ยังหลับสนิทกอดรัดเขาแน่นแย่งเอาความอบอุ่นให้คุ้มกับที่สูญเสียเรือนร่างให้เขาเชยชม

    คิดถึงแล้วก็ได้แต่ยิ้ม   คิบอมยิ้มจนแก้มจะแตกซะแล้วตอนนี้

    คิบอมจูบแก้มขาวหนักๆ สองทีจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว   กระซิบข้างหูเบาๆ อย่างที่คิดฝันมาตลอดในรุ่งเช้าหลังจากตกเป็นของกันและกัน

    “อรุณสวัสดิ์ครับ  สุดที่รักของผม”

    “งือ...”

    ร่างเล็กขยับตัว   ยิ้มเก้อๆ ให้ทั้งที่สายตายังคงปรือปรอย  คิบอมดันร่างของตนเองให้ลุกขึ้นนั่งจากนั้นก็เฝ้ามองท่วงท่าอิริยาบถของดงเฮอย่างเย็นใจ   ช่วงคอขาวผ่องลามไปถึงอกอวบอิ่มที่เมื่อคืนถูกบี้บดนับครั้งไม่ถ้วนขึ้นสีเข้มแดงระเรื่อประจานเรือนร่าง   คนสวยเห็นสายตากรุ้มกริ่มที่ใช้สำรวจมองตัวเองแล้วก็ค้อนขวับเข้าให้   ดึงผ้าห่มลายการ์ตูนขึ้นมาพันขดตัวอยู่ในนั้นเป็นหนอนชาเขียว   โผล่มาให้เห็นแค่คาง   ดูน่ารักน่าแกล้งไปอีกแบบเหมือนกัน

    “ชีกอ”   คนสวยว่าเข้าให้   คิบอมยิ้มกริ่มรับคำปวารณานั้น   ตากลมเหลือบไปเห็นส่วนแข็งแรงของเจ้าคนตัวโตที่เมื่อคืนผยองเดชช่วงชิงความบริสุทธิ์ของตัวเองให้สิ้นแล้วก็อายจนหน้าแดง   คว้าหมอนที่นอนหนุนแล้วปาไปปิดส่วนนั้นของคิบอมอย่างรวดเร็ว

    “ชีเปลือย”   ว่าเข้าให้อีกคำ  “ใส่เสื้อผ้าเลยนะ   คนผีทะเล”   ต่อว่าคิบอมด้วยถ้อยคำที่ฟังแล้วน่ารักน่าชังมากกว่าทำให้รู้สึกผิดหู

    “อ้าว   ทีเมื่อคืนไม่เห็นพูดแบบนี้นี่”   คิบอมทำน้อยใจ   “บอกแต่...  เจ็บๆ   แน่นๆ   อยากเป็นของผม   แล้วก็ครวญครางจนดังลั่นห้อง”

    “อ๊า   คนบ้า!

    อับอายแทบแทรกแผ่นดินหนีเมื่อถูกล้อเลียน   คิบอมหัวเราะร่า   มือหนาดึงผ้าห่มที่คนสวยใช้ปกปิดความกระดากอายออกให้พ้นเรือนกายเล็กแสนเย้ายวน   ยื้อยุดกันอยู่สักพักในที่สุดร่างแน่งน้อยที่เพิ่งถูกโจรสวาทปล้นเอาเรี่ยวแรงไปจนสิ้นก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้

    “คิบอมบ้า   แกล้งเค้า”   ดงเฮร้องขณะทุบตีชายที่กำลังยึดครองตนไว้ในอ้อมกอดเบาๆ   สองร่างเปลือยเปล่านอนกอดกันกลมเป็นชีเปลือยอยู่กลางเตียง

    “เปล่าแกล้งซะหน่อย   เมื่อคืนก็เห็นมาหมดแล้ว   จะอายอะไรล่ะครับ  หืม”   คิบอมจุ๊บซ้าย  จุ๊บขวา   เอาอกเอาใจเป็นการใหญ่

    “ก็คนมันอายนี่   ด้านเหมือนตัวเองซะเมื่อไหร่ล่ะ   แล้วก็...  เลิกเอา... อ..อะ...ไอ้นั่น...   มาสีได้แล้ว   คนหน้าไม่อาย”

    “หึๆ   หมายถึงอะไรครับฮันนี่”   คิบอมได้ใจ   ถูไถให้รุนแรงแสดงอาการยิ่งกว่าเดิม   ขาอ่อนที่ถูกเสียดสีจากคิบอมให้แปดเปื้อนราคีรักหนีบเข้าหากันโดยอัตโนมัติ   มันอายจนแทบบ้ากับอาการทะลึ่งตึงตังของคิบอม

    “ก็...  ก็...”   ยังไม่กล้าพูดตรงๆ  ให้ตายยังไงชาตินี้ก็คงไม่มีวันทำใจให้ชินกับของพรรค์นี้ได้แน่ๆ  อีแบบนี้ก็ได้แต่เบะปาก  ทำท่าจะร้องไห้ทั้งที่ขนมันลุกซู่แบบนี้นี่ล่ะ

    “อ่ะๆๆ   ล้อเล่นนิดหน่อยเอง   ไม่เอาไม่ร้อง”   คิบอมปลอบเป็นเด็กๆ   ดงเฮยื่นปากให้บู้ใบ้ว่างอน  ร่างหนาเขยิบตัวกอดให้แน่นกว่าเดิมจนเนื้อแนบเนื้อไม่เหลือที่ว่าง   ใจที่เง้างอดก็พลันเปลี่ยนเป็นเสียวแปลบปลาบราวไฟฟ้าสถิต

    ยิ่งเขาทำแบบนี้  ก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่า...   ร่างกายของผมมีเจ้าของแล้วจริงๆ

    คิบอมแช่อ้อมกอดแสนอบอุ่นไว้แนบกายและใจอย่างเนิ่นนาน   ร่างเล็กยินยอมให้เขาตักตวงเอาความสุขอย่างเต็มใจด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน   เวลาผ่านไปก็ยังคงอิ่มเอมรักจนไม่รู้จักพอ  ทว่าภาระหน้าที่ที่รออยู่ก็ทำให้ต้องตัดใจ

    “ไปอาบน้ำกันนะครับคนดี”

    “ม่ายอาว”  ขอเปลี่ยนจากคนดีเป็นคนดื้อ   ส่ายหัวดิกปฏิเสธแล้วซุกหน้าในอกหนาอีกครั้ง   ยิ่งถูกโอ๋ก็ยิ่งอยากอ้อน   ยิ่งถูกใส่ใจก็ยิ่งอยากเอาแต่ใจ   “ง่วง  เจ็บด้วย   ไม่อยากไปทำอะไรเลย”

    ใจคิบอมก็อยากให้ได้พักผ่อนเพราะรู้ว่าดงเฮคงจะเหนื่อยไม่น้อย  เมื่อคืนเขาก็รังแกหลายรอบไปหน่อย   ตัวเขาเองน่ะไม่เท่าไหร่   แต่ดงเฮน่ะมีเรียนในอีกหนึ่งชั่วโมง     เจออีหรอบนี้ก็คงได้แต่ขู่   “ไม่ลุกต่ออีกรอบนะ”

    “เง๊อ   ทำบ่อยๆ เดี๋ยวถ้าเค้าท้องขึ้นมาทำไงอ่ะ”

    “อืม...  คนแรกชื่อคิเฮ   คนที่สองก็บอมด๊อง”

    “บ้า”  แขนหนาถูกตีเพี๊ยะเข้าให้   “เค้าชอบชื่อฮานึลมากกว่า”   เอ๊า   เป็นงั้นไปนะลิ้มเฮ

    “งั้นก็มีหลายๆ คนสิ”   คิบอมหาทางออกจนได้   พูดแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก   นึกถึงว่าถ้ามีเจ้าตัวเล็กสักสองสามคนคอยมาวิ่งเล่นอยู่รอบๆ ตัวและมีดงเฮอยู่ข้างกายคอยใช้ชีวิตร่วมกัน   คิบอมก็คงเป็นผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในโลก

    “เพ้อเจ้อ”   ชักจะบ้าใหญ่เห็นทีเลยต้องหยุด   “เค้าไม่ใช่ผู้หญิง   จะท้องได้ไง”

    “ไม่เป็นไร   ทำบ่อยๆ เดี๋ยวก็ท้องเองนั่นแหละครับ”

     

     

     

     

     

     

    ตั้งแต่มาถึงมหาวิทยาลัยจนกระทั่งคิบอมส่งดงเฮเข้าคลาสเรียนและบอกว่าจะรออยู่หน้าตึกแล้วจากไปนั้น   ร่างเล็กต้องหน้าแดงทนเขินอายกับฮยอกแจและซองมินที่ร้องแซวล้อเลียนไม่หยุด   บอกว่าไม่นึกว่าจะไวไฟติดลมง่ายบ้างละ   หน้านิ่งๆ แต่วิ่งไวบ้างละ   ได้ผล 100% ยิ่งกว่าเดนทิสเต้บ้างละ   ทำเอาดงเฮอายม้วนคว้าชีทมาปิดหน้าแดงๆ ของตัวเองแทบไม่ทัน

    ตอนแรกก็ไม่นึกว่าจะรู้   แต่เผอิ๊นนนเผอิญเพื่อนทั้งสองคนของตัวเองดันมีประสบการณ์ผ่านเรื่องแบบนี้มาแล้วด้วยกันทั้งคู่   มันเลยไม่ยากที่ผีมันมักจะเห็นผี

    “ชิชะ   จะอะไรกันนักกันหนา   ทำไมนายไม่มีแบบนี้มั่งฮะฮันกยอง”

    ฮยอกแจแหวทันทีที่เห็นคิบอมเดินคู่มากับเพื่อนรักซึ่งเป็นไอ้โหดของตัวเอง   น้องอ่อนแอเท้าสะเอวมองคิบอมที่ถือกล่องอาหารเที่ยงหน้าตาน่าทานเข้าไปหาดงเฮแล้วประคองไปนั่งด้วยกันที่โต๊ะ   ...ในขณะที่ฮันกยองเดินมาตัวเปล่า   คิดแล้วก็หมั่นไส้ตงิดๆ

    ไม่ได้อิจฉา   แค่หมั่นไส้

    “โธ่   หนูเล็กคร้าบบบ   อาหารกล่องพวกนี้น่ะมันก็มีดีแค่หน้าตาน่ากินเท่านั้นแหละ   สารอาหารน่ะลอยหายไปกับก๊าซที่อัดอยู่ข้างในหมดแล้ว”   ฮันกยองโอดครวญ...  หรือแก้ตัวก็ไม่รู้

    “ไม่ต้องมาแถ   นายไม่สนใจชั้นเลยนะ”

    “ไม่สนยังไง   ยามกินผมก็ป้อน   ยามนอนผมก็ปล้ำ   แค่นี้ยังไม่ดีพออีกเหรอ”

    “ไอ้โหดบ้า!!   คู่ไอ้โหดกับน้องอ่อนแอก็เริ่มจะบู๊กวนประสาทใส่กันพอหงุมหงิมอีกตามเคย   “สัปดี้สัปดน   วันๆ ก็เอาแต่คิดเรื่องพรรค์นี้อ่ะนะนายน่ะ”

    ฮันกยองได้ยินแล้วก็แกล้งเบ้หน้า   ทำปากขมุบขมิบแต่พูดเสียงดัง   “ตัวเองก็เห็นด้วยทุกทีนั่นแหละ”

    “พูดอะไรนะ!!   ฮยอกแจเสียงเขียวหน้ายักษ์มาก่อนเลย

    “เปล่าคร้าบบบบบ”

    กระต่ายตัวอวบผู้ได้ดูจำอวดจำเป็นส่ายหน้าน้อยๆ อย่างปลงตก   ข้างซ้ายก็มีฮยอกแจคอยกัดกับฮันกยองเถียงกันไปเถียงกันมา   แม้จะโวยวายกันขนาดไหนแต่ก็ดูเหมือนทั้งคู่จะไม่เคยเบื่อหน่ายที่จะต่อล้อต่อเถียงหรือคอยหาเรื่องกัน   ในเมื่อเริ่มต้นมาจากคู่กัดก็คงไม่มีทางที่จะจบลงด้วยคู่หวานอย่างทูลิ้มแน่นอน   เป็นไปในแบบฉบับของตัวเองโดยมีความรักและความเข้าใจเป็นตัวประสานความสัมพันธ์คือสิ่งที่พอดีที่สุดแล้วสำหรับฮันกยองและฮยอกแจ   ไอ้โหดและน้องอ่อนแอของกันและกัน

    ส่วนข้างขวา    คู่ทูลิ้มที่เริ่มต้นจากการไม่ชอบขี้หน้าและปะทะฝีปากบวกลีลากันบ้างเป็นครั้งคราวแต่ก็ไม่เคยต่อล้อต่อเถียงกันคอเป็นเอ็นเหมือนอีกคู่   ยิ่งตามยั่วยวนกวนอารมณ์กันมาตั้งแต่เริ่มก็คงไม่ใช่เรื่องยากที่ปัจจุบันยังคงง้องอนและเล่นเล่ห์เสน่ห์รักใส่กันอยู่ไม่คลาย   ยิ่งตอนนี้...  คิบอมได้พิสูจน์ให้ร่างเล็กเห็นแล้วว่า   คำพูดมันไม่หวานเท่ากับการกระทำ   เขาใส่ใจและดูแลตนเองอย่างดีมาตลอด   ไม่มีครั้งใดเลยที่ดงเฮจะต้องไปรู้สึกอิจฉาคู่รักคนอื่นๆ รอบกาย   เพราะคนตรงหน้านี้ได้กระทำทุกอย่างที่เขาต้องการทั้งหมดแล้ว   คิดไม่ผิดจริงๆ ที่ยกตัวและหัวใจให้คิบอมได้ครอบครอง

    “ทานนี่นะครับ”   คิบอมตักซุปจากกล่องสแตนเลสอย่างดีเพื่อการรักษาอาหารสำหรับคนที่เขารักไปจ่อที่ริมฝีปากบาง   ดงเฮอ้าปากรับความรักนั้นไปเต็มๆ ใจ

    “อาหย่อยยัง   ไอเอาอาอากไอ๋อ๋อ”

    “ตอนเช้าผมโทรไปที่บ้านแล้วให้เค้าทำเตรียมไว้ให้   เมื่อกี้คนขับรถเพิ่งเอามาส่ง   นึกว่าจะต้องหิ้วท้องรอซะแล้ว”

    ก็ว่าอยู่...   ไม่งั้นอาหารตรงหน้าจะอุดมไปด้วยเนื้อไก่  ไก่  ไก่  และก็ไก่ที่บำรุงเรี่ยวแรงและพละกำลังแบบนี้เหรอ    หรือว่าคืนนี้คิบอมคิดจะ...    อ๊า   =////=   แค่คิดก็เขินแล้วอ่ะ

    “หน้าแดงจัง   แดดร้อนเกินไปเหรอ”   คิบอมใส่ใจดูแลแทบจะทุกอณูรูขุมขน

    “เปล่าๆ”   คนกำลังคิดทะลึ่งส่ายหัวดิก

    “คงกำลังคิดถึงแรงที่ได้บำรุงไปล่ะมั้ง   คืนนี้จะเอาไปใช้ท่าไหนดี   กี่ยกดี”   เจ้าคนกล้าคิดกล้าพูดกล้าทำกล้ารักกล้าแลกอย่างซองมินจัดเข้าให้หนึ่งดอก

    “บ้า!  มินนี่อ่ะ...   เค้า..เค้ากับคิบอมไม่เคยทำเรื่องแบบนั้นซะหน่อย”   ดงเฮหน้าแดงปฏิเสธพัลวัน

    “เชื่อตายล่ะ   จริงอ่ะเหรอคิบอม”   หันไปหาแนวร่วมที่แอบยิ้มกริ่มแก้มท่วมหน้าอยู่ใกล้ๆ   คิบอมเห็นดงเฮเข่นเขี้ยวประมาณว่าพูดอะไรไม่เข้าหูละก็เจอดีแน่เลยได้ยิ้มลูกเดียว   ตอบไปสั้นๆ

    “อย่าล้อดงเฮสิซองมิน”

    “เชอะ   เข้าข้าง”   คนไม่มีคู่ตุนาหงันเริ่มหงุดหงิดอีกครา    ชิชะ!!!   อิจฉาโว๊ยย ย ยยยย~!!!!

    “พี่ฮยอนจุ๊งงง~   ทันใดนั้นตากลมๆ ก็เหลืบไปเห็นชายหนุ่มร่างสูงดวงหน้ากระเดียดหวานไปทางสวยเดินลอยชายอยู่เนืองๆ พร้อมด้วยซอนยีที่อยู่ข้างกาย   ตะโกนเรียกเสียงดังข่มรัศมีสวีทของคู่ทูลิ้มซะเกือบมิด

    คิบอมหันไปมองตามทางที่ซองมินตะโกนเรียกตาขวาง   ตาคมเริ่มตั้งเค้าทะมึนอีกครั้งตามสัญชาตญาณ   ยิ่งเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่ริอ่านมีใจให้คนของตัวเองก็ยิ่งหงุดหงิด   แต่ทว่ามีบางประโยคลอยเข้ามาในมโนจิตของคิบอมซะก่อน

    ผม...  กำลังจะเป็นของเขา   อย่าโทรมารบกวนเวลาของเราอีกเลยนะครับ

    เพียงเท่านี้   คิบอมก็ยิ้มหน้าบานจนดงเฮแทบจะมึนกับอารมณ์ที่เปลี่ยนมาเปลี่ยนไปไวดังพายุของเจ้าลิ้มบอมนี่

    หญิงสาวเพียงคนเดียวใช้สายตาเรียวจ้องมองไปยังเด็กหนุ่มที่ตัวเองให้ใจไปอย่างอาลัยอาวรณ์   ร่างเล็กถึงกับปั้นหน้าไม่ถูก   พยายามไม่สบตาหญิงสาวเพราะรู้ตัวดีว่าเมื่อวานตัวเองเอ่ยอะไรไป

    “กระต่ายน้อย   อยากไปบ้านกระต่ายน้อยจัง”   ฮยอนจุงไม่รู้ร้อนรู้หนาว   ใครจะรบราฆ่าฟันฟัดกันนัวเนียอยู่ต่อหน้า...  ไอ้บ้านี่ก็ไม่สน

    ดงเฮทานสายตาที่มองมาทางตนเองกับคิบอมไม่ไหว   เงยหน้าไปสบตาแล้วก้มศีรษะให้นิดๆ ไม่พูดอะไรอีก   ปล่อยให้ซอนยียืนอยู่อย่างนั้นท่ามกลางความพอใจและแอบสะใจของคิบอม

    รู้ดีว่าตัวเองมีจุดอ่อน   การที่เขาสงสารแต่คนอื่นโดยไม่นึกถึงเรื่องของตัวเองมากเกินไปทำร้ายคนที่เขารักและรักเขาอย่างคิบอมมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง    ดงเฮรู้ข้อนี้ดี   และอยากจะหลีกเลี่ยงมันให้ได้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้   เสียรุ่นพี่ซอนยีไปเขาคงไม่รู้สึกอะไรมากมาย   แต่ผมคงต้องตายแน่ถ้าสูญเสียคิบอมของผมไป

    “ดงเฮ   พี่...มีเรื่องจะคุยด้วย”  หญิงสาวเอ่ยเบาๆ

    “คุยตรงนี้ก็ได้ครับ   ผมกับคิบอม...  เราไม่มีเรื่องปิดบังกันอยู่แล้ว”   ตัดสินใจใช้คำพูดที่รู้ดีว่าจะทำให้คนตรงหน้าเจ็บปวด   แต่ก็ดีกว่าให้ความหวังต่อไปจนมันเปลี่ยนเป็นความประสงค์ร้ายทำลายความรักของเขาอย่างที่ผ่านมา

    “แต่พี่...”

    “ขอร้องล่ะครับ   ผมคิดกับพี่แค่พี่น้องจริงๆ”

    ยิ่งพูด...   ก็ยิ่งถูกใจคิบอม   แม้ส่วนหนึ่งจะรู้สึกสงสาร...อยู่บ้าง   แต่ก็น้อยนิดถ้าเทียบกับความสะใจ  -*-

    “พี่ชอบดงเฮจริงๆ นะ   พี่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อน”   คิบอมหันไปมองตาขวาง   แต่ยังคงใช้ท่าทีสงบนิ่งเฉยทั้งที่ใจร้อนดังถูกไฟลน

    “ผมขอโทษนะฮะที่รับความรู้สึกนั้นของพี่ไม่ได้   ...ผม”   ตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่าง   แต่มาคิดๆ ดูอีกทีหากไม่พูดอาจจะถนอมน้ำใจของซอนยีไม่ให้เสียไปมากกว่านี้   “ตัดใจจากผมเถอะนะฮะ”

    พูดเท่านั้นแล้วก็ก้มหัวให้นิดๆ เป็นเชิงขอโทษ   ดงเฮรู้สึกอึดอัดกับสิ่งที่กำลังเกิดแต่อีกใจก็รู้สึกโล่งและสบายใจที่ได้ทำอะไรๆ ให้มันชัดเจน   คิบอมส่งรอยยิ้มให้นิดหนึ่งเป็นเชิงให้กำลังใจ   ก่อนที่ร่างสูงเบือนหน้าไปทางหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ  เอ่ยถ้อยคำบางประโยคโดยไม่แม้แต่จะมองหน้า   ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องญาติดีกับคนที่ขึ้นชื่อได้คิดจะมาแย่งคนของเขาไป

    “หมดธุระแล้วก็เชิญเถอะครับ   สามีภรรยาเค้าจะจู๋จี๋กัน”

     

     

     

     

     

     

     

     

    กว่าซองมินจะหนีจากฮยอนจุงที่เกาะตัวเองแน่นเป็นปลิงร้องปาวๆ ว่าจะมาบ้านให้ได้ก็แทบตาย   ฮยอนจุงเล่นจ้องเขาเขม็งทุกฝีก้าวว่าจะแอบปลีกตัวไปตอนไหน   ถ้าไม่ให้ฮยอกแจช่วยกันไอ้รุ่นพี่พิลึกนั่นไว้เขาคงต้องกระเตงคนที่ไม่สนใจจะฟังเหตุผลขอตามมาบ้านแน่ๆ   นอกจากฮยอกแจกับดงเฮแล้ว  จะให้ใครรู้ว่าเขาคบกับคยูฮยอนไม่ได้เด็ดขาด

    มืออวบที่กำลังลงกลอนประตูรั้วชะงักกึกเพราะได้เสียงกุกกักดังมาจากในบ้าน   แต่พอเงี่ยหูฟังดีๆ ถึงได้รู้ว่าความจริงแล้วดังมาจากบ้านหลังข้างๆ  ทางห้องครัวที่มีกลิ่นของอาหารบางอย่างคละคลุ้งออกมา

    “นายทำอะไรน่ะ”   ซองมินยู่ปากทันทีที่เข้ามาเห็นสภาพครัวเละๆ ฝีมือคยูฮยอน   กระเป๋าเป้ที่ใช้อยู่ทุกวันถูกยกขึ้นมากอดแนบอกเพื่อกันไม่ให้กลิ่นฉุนๆ ลอยเข้าจมูกได้

    “กลับมาแล้วเหรอมินมิน”   คยูฮยอนยิ้มหวานพุ่งตัวเข้ามาจูบ   ร่างเล็กเห็นเท่านั้นก็ใช้มือยันไม่ให้เข้ามาใกล้จนใบหน้าหล่อเหลาเหยเกบอกบุญไม่รับ

    “ชั้นถามว่านายทำอะไร   ไม่ได้บอกให้มาจูบ”

    “ชั้นก็จะจูบ   ไม่ได้จะตอบนายว่ากำลังทำอาหารสักหน่อย”

    “กวนแบบนี้นี่มันน่า...”   มือขาวยกขึ้นทำท่าจะฟาดให้   คยูฮยอนรีบกระโดดหนี    “ชิ   หายดีแล้วเหรอถึงได้ลุกมาทำอาหาร    สำนึกไว้ซะบ้างนะว่าเพิ่งโดนซ้อมมาน่ะ”

    “ชั้นไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า”   คนอวดดียักไหล่   กลับไปให้ความสนใจกับอะไรบางอย่างในหม้อที่กำลังเดือดปุดๆ   “ตอนอยู่ที่จีนก็ต่อยตีออกบ่อยไป   วันสองวันชั้นก็เดินปร๋อแล้ว”

    “เฮอะ”   ซองมินแอบเหยียดปากหยันให้กับความอวดเก่งของผู้ชายตรงหน้า   “แล้วป้ายูนาล่ะ   ท่านไม่ทำอะไรให้นายกินหรือไง”

    “แม่ชั้นน่ะถูกแม่นายลากไปช็อปปิ้งตั้งแต่บ่ายแล้ว”

    “งั้น...”

    “นายก็ต้องกินข้าวฝีมือชั้นเย็นนี้น่ะสิมินมิน”

    “ง่ะ...  ...ชั้น..  ชั้นว่า...  ชั้นออกไปหาอะไรกินข้างนอกดีกว่า = =;;   ร่างอวบหมุนตัวเตรียมจะเผ่นแน่บออกไป   ทว่ามือดีก็คว้าหมับเอาไว้ได้ทันท่วงที

    “ทำไมล่ะ   มินมินไม่อยากกินอาหารฝีมือคยูเหรอ”   ร่างสูงออดอ้อนใช้ขายาวๆ ถูไถบั้นท้ายกลมมนของร่างอวบ   ตากลมเพิ่งสังเกตเห็นว่าคยูฮยอนใส่ผ้ากันเปื้อนสีชมพูหวานลายกระต่ายอยู่บนตัว   ดูๆ ไปก็น่ารักเข้ากับหมอนี่ดีแฮะ   แต่...

    “เอ๊ะ   นี่มันผ้ากันเปื้อนชั้นไม่ใช่เหรอ!

    “หืม?   ก็อืออ่ะดิ   ของๆ นายก็เหมือนของๆ ชั้นนั่นแหละมินมิน   ยืมใส่เดี๋ยวเดียวเอง”

    “ถอดออกมานะ!!  ถอดออกมา!   คยูฮยอนผงะนิดหน่อยที่ซองมินตะโกนใส่   มือเล็กกระชากปมที่รัดอยู่บนเอวหนาอย่างหวงแหน

    “ก็ได้ๆ   ทำไมต้องโมโหด้วยเล่า   ก็แค่เอามาใส่เอง   ชั้นไม่ทำมันพังหรอกน่า”

    ซองมินตวัดสายตาดุดันไปมองแล้วตะโกนกร้าว   “คนอย่างนายมันจะไปรู้อะไร   ต่อไปนี้อย่ามาแตะต้องของๆ ชั้นอีก!!!

    คยูฮยอนชาวาบไปทั้งตัวเพราะสายตาเคียดแค้นที่เหมือนคนตรงหน้าเกลียดชังเขานักหนา   ดวงตากลมที่เคยสดใสขุ่นมัวจัดอย่างกรุ่นโกรธ   คยูฮยอนอดคิดไม่ได้ว่าที่ไม่อยากให้เขาแตะต้องสิ่งสำคัญที่กำลังถูกกอดไว้แนบอกของซองมินนั่นเป็นเพราะผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า

    ที่นายหวงแหนผ้าบ้าๆนั่นมากขนาดนี้   คงไม่ใช่เพราะว่าไอ้เวรนั่นมันให้มาหรอกนะ

    “อืม”

    ร่างสูงตอบแค่นั้นแล้วกลับไปที่ห้องครัวอีกครั้งด้วยใบหน้าที่เศร้าสลด   หัวใจมันห่อเหี่ยวจนเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เสียให้ได้   ทั้งที่เขาจะอาละวาดฉีกผ้านั่นให้ขาดเป็นชิ้นๆ ก็ย่อมทำได้   แต่ในเมื่อการกลับมาของคยูฮยอนครั้งนี้คือการเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดสำหรับลีซองมิน   เขาจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะทำตัวร้ายกาจ...เหมือนที่ผ่านๆ มาอีกต่อไป

    รามยอนในหม้อที่ปรุงแต่งรสชาติด้วยความรักถูกเทใส่ชามอย่างเชื่องช้าพร้อมดวงใจที่เหี่ยวเฉาของพ่อครัว   ตั้งใจทำอาหารมื้อนี้สุดฝีมือทั้งที่เกลียดการเข้าครัวเป็นชีวิตจิตใจ   หวังจะได้เห็นรอยยิ้มหวานๆ ของกระต่ายตัวน้อยที่มายิ้มออเซาะประจบประแจง   สุดท้ายสิ่งที่เขาทำไปก็ไม่มีอะไรถูกใจ   หนำซ้ำ...  เฮ่อ   ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้วะ

    หมับ!

    “งอนเหรอ   ขอโทษนะ”

    คยูฮยอนชะงัก  ร่างกายแน่นิ่งไม่ตอบสนองกับอ้อมกอดที่โอบรัดมาจากทางด้านหลังพร้อมศีรษะทุยที่แนบอยู่บนแผ่นหลังกว้าง

    “มันเป็นของขวัญที่พ่อให้ชั้นน่ะ   นายก็รู้ว่าพ่อชั้นเคยให้ของขวัญชั้นซะที่ไหน   ชั้นกลัวว่านายจะทำมันพังถึงได้โมโหแบบนั้น   ดีกันนะ”

    “จริงเหรอ   ไม่ใช่ของไอ้ชางมินนะ”   ใจที่ห่อเหี่ยวอเลิร์ตขึ้นมาในบัดดล

    “ฮื้อ   พี่ชางมินเค้ามาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ   ก็เลิกกันไปตั้งนานแล้ว”

    “จะไปรู้เหรอ   เห็นนายยังเพ้อถึงมันอยู่”   คยูฮยอนเองก็แอบน้อยใจซองมินอยู่เหมือนกัน

    “มีที่ไหนเล่า   คิดเองเออเอง”   กระต่ายป่าตัวดีถูไถแก้มไปมาให้ร่างสูงจั๊กจี้เล่น   หัวใจชายหนุ่มพองโตคับอกแน่นจนแทบจะระเบิดที่ซองมินง้องอนและเริ่มทำตัวเหมือนที่แฟนทั่วๆ ไปทำกันสักทีมันทำให้คยูฮยอนกระชุ่มกระชวยหัวใจไม่หยอก

    “ถ้ามันกลับมา   อย่ากลับไปหามันนะ”   เขายังคงระแวงในใจ   รักแรกของซองมินยังเป็นหนามยอกอกคาใจเขาเรื่อยมา

    “อืม”  

    “สัญญากับชั้นสิมินมิน”

    “นายนี่ชักจะเด็กขึ้นทุกวันแล้วนะ   มาสัญญาอะไรเนี่ย”   ตากลมหรี่ลงก่อนเบนไปสบกับอีกคนที่เสหน้ามามองตน

    “ถ้านายไม่ได้คิดที่จะกลับไปหามัน   ก็ให้สัญญากับชั้นสิ”

    “เออๆๆ   ก็ได้ๆๆ   สัญญาๆ   พอใจยัง”

    “ก็โอเค”

    คนปากดีก็ยังคงเป็นคนปากดีอยู่วันยังค่ำ   ซองมินไม่ปล่อยกอดคยูฮยอนก็ไม่อึดอัดกาย   ร่างเล็กแอบลอบมองใบหน้าลอบยิ้มปริ่มสุขของคยูฮยอนจากทางด้านหลังแล้วก็ได้แต่นิ่ง   ถ้าเมื่อก่อนคยูฮยอนมอบความรักแบบนี้ให้เขาบ้างก็คงจะดี   เขาจะได้ไม่ต้องส่งคืนความเจ็บปวดตอบแทนให้เหมือนตอนนี้  นายผิดเองนะคยูฮยอน

    “ช่าง...  ทำอาหารได้ไม่น่ากินเอาซะเลย - -”   เอ่ยพลางมองไปที่ชามใบใหญ่ที่มีเส้นบะหมี่และน้ำสีแดงข้นจากปลากระป๋องที่เพิ่งใส่ลงไปผสมรวมกัน

    “เงียบน่า”

    “อันที่จริงนายทำแค่ซุปฟักทองก็ได้นะ    นายทำอร่อยดี”

    “มันพอสำหรับนายนี่   ชั้นไม่ได้กินฟักทองเป็นอาหารหลักนะมินมิน”

    “ก็ตามใจ”   ร่างอวบยักไหล่พลางคลายอ้อมกอด  “แล้วนี่เรียกว่าอะไรล่ะเนี่ย   ง่ะ   เหมือนอ้วกเลย”

    “รามยอนปลากระป๋อง”   คยูฮยอนตอบยิ้มแย้ม  ไม่สนใจท่าทางชวนน่าหงุดหงิดใจของซองมินที่บอกอาหารของเขาเป็นสิ่งปฏิกูล

    “ไม่น่ากินจริงๆ ด้วย”

    “อย่ามาแย่งชั้นกินก็แล้วกัน   ไปจัดโต๊ะเลยเจ้ากระต่ายอ้วน!~

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ประกาศ ,,,ตัวใหญ่ๆ

    เพื่อฉากโคมไฟในสวีทฮาร์ท Believe คิเฮ   กรุณาไปอ่านข้อตกลงระหว่างเราในตอนที่ 1 นะคะ

     

     

     

     

     

    เค.ดี.มินตาซี   เวอร์ชั่น   สติแตก   รับไม่ได้แนะนำให้เม้นท์เลยไม่ต้องอ่าน :P

     

     

    อาทิตย์ ที่ผ่านมาขอบอกว่าโคตรๆๆๆๆๆๆ เครียด   ที่ว่าจะไปไบเทคก็ไม่ได้ไป T^T  ฟิคโดนแบนก็ต้องมานั่งแก้ซึ่งไม่มีแจ้งตรงไหนเลยว่าส่วนไหนที่มันต้องแก้ไข   ไอ้เราก็แก้ไปเหอะ   แต่ก็ยังไม่ได้ปลดแบนเพราะพี่เว็บบอกว่ายังเหลือเนื้อหาส่วนนั้นอยู่   อยากจะบ้า   หงุดหงิดจนเกินไปแล้วในตอนนั้น   ลบมัน..ให้หมดเลย  สิ้นเรื่อง

    จากนั้น จันทร์ถึงศุกร์กับเคมี ชีวะ ฟิสิกส์ เป็นอะไรที่โคตรจะต้องปรับตัว   สถานการณ์รอบข้างกดดันมินมากๆ จนเครียดลงกระเพาะ   รู้สึกเหมือนกับทนไม่ได้แล้วในช่วงนั้น   เรื่องเรียนทั้งที่ตั้งใจแต่ก็ยังถูกดุ   คนบางคนก็ไม่เคยเห็นความสำคัญ   มันน่า...จับมาบีบคอกระชากๆๆๆ ซะจริงๆ

    มินไม่รู้สึกอะไรกับการที่คนบอกว่ามินโง่ = =  อ่านะก็มันจริง   แต่รับไม่ได้กับการที่บอกว่า  ขี้เกียจ   อารมณ์นั้นโกรธมาก   ทุกอย่างมันมาทับๆๆๆๆกันและไม่สามารถระบายออกไปได้สักทาง   มึงมาเป็นกูบ้างมั๊ย   ฮ่าๆๆ  ทะเลาะกันไปเลย - -* 

    รู้สึกเหมือนกำลัง learn to be alone   ตาบวมสามวันติดๆ   ตั้งใจว่าจะไม่อ่อนแอแล้วนะ   แต่ไม่ไหวจริงๆ   มันโคตรจะเดียวดาย   คิดจะทิ้งสวีทฮาร์ทแล้วไม่สนใจอะไรอีกเลยให้รู้แล้วรู้รอด   แต่ก็ทำไม่ได้   พยายามไม่ฟุ้งซ่านจนโอเคขึ้นมานิดหน่อย   แต่มันก็โหวงๆอยู่นะ   เวลามองไปข้างๆแล้วไม่เห็นใคร   แม้แต่คนที่ขึ้นชื่อว่ารักเราที่สุดก็ยังไม่อยู่ตรงนั้น   รู้สึกเหมือนถูกทิ้งจริงๆเลย

    เง่อๆ

     

     

     

     

     

     

    รักนะ  อ๊อดอ๊อด!!~

                ปล้ำเฮแมน *- -,,   ผม T^T   กล้าม  TTOTT   แมนไม่ไหวแล้วโว๊ย ยยยยย  อ๊ากกกกกกกกกกกกก  =[]=!!!!

     

     

    ึง.วิว ,,,  กำลังจะถามเชียวว่าหายวงเล็บหัวไปไหนมา   วะฮ่าๆๆ   แต่ยังไม่ทันได้ถามก็รายงานตัวซะดิบดี   ดีมาก!!!  กรั่กๆๆๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×