คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #65 : :: Chapter 45 : ออกหัวเธอมาเป็นแฟนฉัน ออกก้อยนั้นฉันจะเป็นแฟนเธอ ::
ออกหัวเธอมาเป็นแฟนฉัน ออกก้อยนั้นฉันจะเป็นแฟนเธอ
โทรศัพท์ของคยูฮยอนร้องลั่นภายในรถที่เงียบสงัด ร่างสูงคงจะรีบร้อนตามซองมินไปหลังจากวนหาที่จอดรถได้เพราะแอบขับตามมาตั้งแต่ที่ออกจากมหาวิทยาลัย แต่ก็ดันคลาดสายตาระหว่างทางอีก นับเป็นโชคร้ายของซองมินที่โอกาสสุดท้ายของเขาหลุดมือไปซะแล้ว
“เฮ้ย แกทำอะไรน่ะ” หนึ่งในพวกมันจับพิรุธของคนในอาณัติได้ “พี่กอซอง ไอ้กระต่ายน่าฟัดนี่มันโทรให้คนมาช่วย”
“ร้ายนักนะ เดี๋ยวพ่อจะเอาให้ร้องไม่ออกเลยคอยดูสิ”
“ทุ๊ย!!” ซองมินพ่นน้ำลายใส่หน้า “งั้นก็ไปเอากับพ่อแกเถอะไอ้สารเลว!!!”
“หน็อย ลองดีใช่มั๊ยมึง”
เพี๊ยะ!!
กอซองตวัดมือลงบนใบหน้าขาวเต็มแรง ซองมินแสบร้อนไปทั่วทั้งหน้าราวกับโดนอุ้งตีนหมีตะปบใส่
“หมดฤทธิ์ง่ายจริง ทำมาปากดี เก็บเสียงไว้เถอะนังกระต่ายน้อย”
“พี่ แล้วอีกคนนี่เอาไงล่ะ สภาพมันดูไม่จืดจริงๆ”
สมุนอีกคนเดินเข้ามาถาม ดงเฮถูกจับมัดแยกไว้อีกมุมโกดัง ด้านหน้าของร่างเล็กที่มีสภาพดูไม่ได้เพราะใบหน้าซีดเซียวที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักมันชวนให้หมดอารมณ์จริงๆ
“อย่าทำอะไรเพื่อนชั้นนะ!” ซองมินเดือดดาล
“เพื่อนแกน่ะยังไม่ทำตอนนี้หรอก แต่แกต่างหากที่จะโดนก่อน หึๆๆ”
“ไอ้ชั่ว!!” ซองมินสบถลั่นแล้วถลาเข้าใส่สวะกอซอง แต่โดนลูกน้องของมันเข้ามาสกัดแล้วรวบตัวเอาไว้
“ถอดเสื้อผ้ามันแล้วเอากล้องไปถ่ายเก็บไว้ก่อน ถึงหน้าจะซีดไปหน่อยแต่ก็คงขาวทั้งตัวแน่ๆ”
“ผมขอทำนะลูกพี่ สวยๆ แบบนี้น่ะของชอบ”
“เออ แต่อย่าทำอะไรมากกว่านั้นนะ ไม่งั้นแกเจอดีแน่”
มันทำหน้าเหมือนไม่พอใจแต่ก็ยอมทำตามที่กอซองสั่งเป็นอย่างดี กอซองสืบเท้ามาใกล้ร่างบางที่ถูกจับตรึงโดยสมุนของมันด้วยสายตาหื่นกระหายจนซองมินอยากจะอาเจียน
“ปล่อยชั้นนะเว๊ย! ไอ้เวร! ไอ้เลว จัญไร เศษสวะ เดนนรก ปล่อยชั้น!!”
“อุดปากมันไว้”
“อื้อ!! อื้อ!!!”
คิบอมหันซ้ายขวาด้วยท่าทางที่ร้อนใจจนแทบจะเป็นบ้า ที่นี่แน่ๆ สวนนี่แน่ๆ
สถานที่ที่เขาบอกรักดงเฮเป็นครั้งแรก
แต่อยู่ที่ไหนกัน!!
ร่างสูงเตะดินเตะลมกัดฟันอย่างคับแค้นใจและออกตามหาอีกครั้งไปทั่วทั้งบริเวณ ร้อนรนทรมานใจจนแทบจะบ้าตาย
“อยู่นิ่งๆ สิวะ” ชายที่พยายามจะถอดเสื้อเขาออกสั่งอย่างหงุดหงิด ดงเฮปัดป้องสัมผัสน่าขยะแขยงอย่างบ้าคลั่งและรังเกียจสุดแรงจนมันเซล้มไปบ่อยครั้ง
“ออกไปให้พ้น!” ร่างเล็กยันโครมสุดแรง จังหวะเดียวกับที่มันกระชากเสื้อติดมือไปจนกระดุมหลุมออกมาหมดทั้งแผง “อย่ามายุ่งกับร่างกายของชั้นนะไอ้ชั่ว!”
ดงเฮสบถลั่น ถลาจะไปช่วยซองมินที่ดีดดิ้นและขืนตัวเองพยายามจะเตะนัมกอซองให้พ้นออกไปแต่ก็ทำไม่ได้เพราะไอ้คนข้างหลังที่ฟื้นตัวได้แล้วมันมาล็อกตัวเอาไว้
ร่างที่เล็กและบางกว่าสวนเข้าให้ที่จุดศูนย์กลางของเพศชายด้วยเข่าแหลมจนมันหน้าเขียว ทรุดลงไปกุมเป้าตัวเองแล้วครางเสียงหลง
“ซองมิน!”
คนหน้าหวานแสนบอบบางของคิบอมกระโดดถีบไปเต็มๆ ที่กลางหลังของกอซองให้ร่างยักษ์ของมันปะทะไปทางด้านหน้า แม้จะชนกับซองมินแต่ก็เป็นโอกาสที่จะให้คนที่ถูกพันธนาการรอดตัวมาได้
ร่างอวบถลามายืนเคียงข้างกับเพื่อนรัก แม้บทบู๊จะไม่ถนัดแต่ก็ใช่ว่าจะไม่เป็นเลย ยังไงพวกเขาก็เป็นผู้ชาย เลือดบ้าในตัวมันก็มีอยู่แล้ว อ่อนหวานน่ารักหน่อมแน้มไปก็เพราะอยากจะให้คนที่รักปกป้อง แต่ถ้าหากสูญเสียสิ่งสำคัญที่อยากถนอมไว้คงไม่มีหน้าไปเจอคิบอมได้อีก
แม้ตอนแรกจะกลัวจนหัวหด แต่พอหนูมันจนมุมก็ขอเอาขาตั้งสู้มันสักตาละวะ!!!
ไม่รู้หรือไง เฮน้อยต่อยหนักนะเว่ยเฮ่ย!!!
“แน่ะ แมนซะด้วย” กอซองยิ้มเยาะ “ตลบหลังพวกชั้นไปได้คนนึงก็ถือว่าฝีมือดี”
“ไอ้สวะเอ๊ย เก็บปากแกไว้เห่าเถอะ พูดภาษาหมาคนฟังไม่รู้เรื่อง!” ซองมินตะโกนลั่น
“หน็อย ปากดี!”
“ส้นตีนชั้นก็ดีด้วย!” สิ้นเสียง ผ้าใบไร้แบรนด์ของซองมินก็ฟาดหน้ากอซองเข้าให้อย่างจัง มันโกรธจนเลือดขึ้นหน้าแล้วพุ่งตัวเข้ามาหมายจะทำร้าย แต่ดงเฮสกัดขามันจนล้มลงไปกองแล้วปล่อยให้ซองมินกระทืบซ้ำที่อก ตามด้วยคว้าเก้าอี้ ลังเบียร์ และไม้แถวนั้นมากระหน่ำฟาดลงไป
อาศัยช่วงที่ชุลมุนคนหน้าหวานคว้าเอาขวดเบียร์ผัวะเข้าให้กลางกบาลสมุนหนึ่งในสองที่เหลือ เศษแก้วที่ฝังเข้าไปในศีรษะคงจะทำให้มันปวดจนร้องโอดโอยระงม ชายร่างหนาอีกคนตรงเข้ามาจะจับตัวเหยื่อที่กลายมาเป็นผู้ล่าให้อยู่หมัดแต่โดนปากฉลามยื่นมาขู่เอาไว้
“ขืนพวกแกเข้ามาอีกนิดเดียว โดนไอ้นี่แน่” ดวงตากลมจ้องสู้ดุเดือด ลูกน้องของกอซองมองอย่างประเมินสถานการณ์แล้วเหยียดยิ้ม
“ถ้าคิดว่ากล้าก็เอาสิ” มันหัวเราะหึๆ ในลำคออย่างตัวโกง นายเอกเกาหลีที่เตรียมจะผันบทมาเป็นพระเอกหนังไทยถือเศษขวดที่แตกแล้วชะงัก แค่นยิ้มที่มองแล้วราวคนโรคจิตก็ไม่ปาน
“ถ้าคิดว่าชั้นไม่กล้าก็ลองดู” ดงเฮระบายยิ้มร้าย “ร่างกายของชั้นเก็บเอาไว้ให้แค่คนๆ เดียว ใครหน้าไหนมันจะเอาไปก็ลองเข้ามาสิ!!!”
“ฮึ่ม...” มันกัดฟันกรอด เห็นท่าทางเอาจริงของร่างบางแล้วก็โกรธจัด ยังไม่กล้าทำอะไรเพราะตัวเองก็ไม่มีอาวุธ แถมได้ขยับตอนนี้ก็คงจะถูกปลายแหลมอันตรายเสียบให้ที่ร่างแน่
ปัง!!
ปัง!!!
ประตูโกดังถูกทุบด้วยแรงมหาศาล จังหวะที่ร่างบางผู้เป็นต่อกำลังตกใจนั้นเพียงเสี้ยววินาทีกอซองก็พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส จากที่ถูกฟาดด้วยของแข็งจนรู้สึกน็อคไปชั่วครู่ก็ตวัดขาซองมินจนเขาเสียหลักล้มไปกองแล้วยกตัวมาขึ้นคร่อม
มันกดคอขาวเอาไว้ด้วยแรงอาฆาตจนร่างบางแทบหายใจไม่ออก
“แสบนักนะมึง กูจะเอาแม่งให้ตายเลย”
“ซองมิน!”
เพียงแค่ดงเฮละความสนใจ ศัตรูตัวเลวก็ฉวยโอกาสหักแขนไขว้ไปข้างหลังอย่างแรงจนร่างบางร้าวไปทั้งข้อ
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!!!”
“น้ำหน้าอย่างแกน่ะเหรอจะมาสู้พวกชั้น” เดนนรกกระหยิ่มยิ้ม
“ไอ้สารเลว” ดงเฮกัดฟันพูดคำนี้อย่างยากลำบาก น้ำตามันคลอหน่วยอย่างเจ็บปวดไปทั้งร่าง โดยเฉพาะแขนเล็กที่โดนบิดและบีบอย่างแรงตอนนี้มันเหมือนจะแหลกไปซะให้ได้ ภาวนาให้ใครสักคนที่กำลังระดมทุบประตูก้องนี้คือคนที่จะมาช่วยพวกเขา
“ร้องไปเถอะนังตัวดี ของที่แกจะเก็บไว้ให้ใครของแกนั่นน่ะต้องผ่านมือชั้นไปก่อน แล้วก็ต้องเป็นแบบไม่เหลือชิ้นดีด้วย หึๆๆ”
มันไม่สนใจเสียงรบกวนที่ดังปึงปัง ผลักร่างบางให้ล้มลงไปนอนแผ่อย่างหมดสภาพที่จะขัดขืนหรือต่อกร มือหนาสะบัดเสื้อที่ขาดวิ่นของลูกแกะน้อยออกด้วยใบหน้าสาแก่ใจ ก้มลงจูบไซร้ไปทั่วทั้งลำคอขาวผ่องของดวงใจคิบอมที่กำลังร่ำไห้น้ำตานองหน้า
คิบอม ช่วยชั้นด้วย...
ไม่แตกต่างกับซองมินเท่าไหร่นัก อีกร่างที่ถูกตรึงไว้ด้วยพละกำลังมหาศาลยังคงดีดดิ้นและแหกปากขอให้คนที่กำลังพังประตูเข้ามาช่วยตัวเองอย่างสุดความสามารถ ยิ่งมองเห็นดงเฮที่ตกเป็นเบี้ยล่างของมันก็ยิ่งแค้นใจจนอยากจะฆ่าไอ้ชั่วนรกสั่งมาเกิดนี่ให้ตายบรรลัยไปทั้งตระกูลนัก
“น้ำตาแกไม่มีสักหยดเลยนะลีซองมิน แต่ก็ดี ชั้นชอบ” กอซองกระหยิ่มยิ้ม นิ้วกร้านกรีดลงบนรอบดวงตากลมอย่างเยาะเย้ย
“ผู้ชายที่ทำให้ชั้นร้องไห้ได้มีคนเดียวก็เกินพอแล้ว ไอ้ควาย!!!”
ซองมินตะโกนลั่น “ไอ้สถุล! อย่ามาแตะตัวชั้นนะไอ้ชั่ว ไอ้สันดานหมาหน้าส้นตีน!!!”
คำด่าทอแจรงจิตนั้นคงแรงเสียจนกอซองทนไม่ไหวอีกต่อไป มันก้มลงจูบปิดปากซองมินอย่างหยาบคายจนร่างบางแทบจะอาเจียนออกมาเป็นคำว่าเสนียดจัญไรและหายนะ
ปัง!!!
ตึง!!!!!!
แสงสว่างวาววาบเข้ามาในม่านตาจากประตูที่ถูกพังจนมันเปิดอ้าและกระแทกกับผนังดังโครมใหญ่ คนชั่วทั้งสองสะดุ้งเฮือกและผละออกจากร่างกายหอมหวานที่กำลังลิ้มลองอย่างตกใจ ดวงตาวาวโรจน์ที่จ้องมาจากชายหนุ่มร่างกำยำสองคนที่ยืนอยู่มันทำให้ความหวาดกลัวแผ่ซ่านไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย
และเพียงแค่ชายหนุ่มสองคนนั้นผู้เป็นดั่งพ่อพระมาโปรดขจัดมารออกไปจากร่างกายเบือนสายตามองไปยังร่างที่ถูกคุกคาม เพียงเท่านั้น เลือดร้อนของคิบอมกับคยูฮยอนก็เดือดพล่านขึ้นมาจนอยากจะสับร่างของไอ้ชาติชั่วสองคนนี้ให้แตกเป็นชิ้นๆ!
เสียงของการต่อสู้ดังอึกทึกจนใครอีกคนที่ตามมาทีหลังและยืนอยู่เฉยๆ ต้องปิดประตูนั้นซะ ฝุ่นตลบอบอวลไปหมดจนมองแทบไม่เห็นว่าใครเป็นใครที่กำลังต่อยตีกันนัวเนีย แต่ไม่เดาก็ต้องรู้ว่าทั้งคิบอมและคยูฮยอนต่างก็กำลังได้เปรียบเพราะเสียงโอดโอยที่ดังออกมามันไม่ใช่เสียงที่เหยื่อผู้โชคร้ายคุ้นเคย
“คยูฮยอน” ซองมินเปล่งเสียงเรียกออกมาเบาๆ ตอนนี้ทั้งเขาและดงเฮอยากจะได้อ้อมกอดที่อบอุ่นและช่วยเยียวยาดวงใจที่บอบช้ำมากกว่าอะไรทั้งสิ้น ติดก็ตรงที่ว่าดงเฮไม่มีเรี่ยวแรงพอจะส่งเสียงและกระทำการใดๆ
“มินมิน” คยูฮยอนพาร่างตัวเองออกมาหาคนที่ใจเป็นห่วงอย่างรวดเร็ว ตรงเข้ามาประคองและกอดรัดร่างที่ดูจะอ่อนเพลียนั้นอย่างสงสารจับใจ
“นายมานี่ได้ยังไง รู้ได้ไงว่าชั้นอยู่ที่นี่”
“มันเรียกชั้นมา” คยูฮยอนพยักพเยิดไปทางฮยอนจุงที่ยืนเฝ้าต้นทางอยู่หน้าโกดังและไม่ขอมีส่วนร่วมใดๆ ในการใช้กำลัง
คยูฮยอนก็นึกเจ็บใจอยู่หรอกที่จู่ๆ ถูกเรียกว่า ‘ไอ้ตูบ’ กลางห้าง แต่พอฮยอนจุงบอกว่าซองมินกำลังจะถูกส่งไปขายชายแดนด้วยสีหน้าตื่นๆ เขาก็ไม่มีอารมณ์จะรู้สึกอะไรนอกจากความต้องการที่จะมาช่วยเหลือร่างในอ้อมแขนอีกแล้ว
“ดงเฮ”
คิบอมถลาเข้ามาคว้าร่างที่เกือบจะเปลือยท่อนบน มุมปากของร่างสูงมีเลือดไหลซิบนิดๆ จากวงต่อยตีเมื่อครู่ คิบอมถอดเสื้อและสวมมันทับลงไปบนเรือนร่างอ่อนแรงด้วยสายตาเจ็บปวดรวดร้าว พรั่งพรูถ้อยคำจากหัวใจออกมาไม่หยุด
“ฮือ คิบอม...” ทำนบน้ำตาพังทลายในทันที แม้พยายามข่มมันมาตลอดเพื่อไม่ให้พวกคนเลวเห็นว่าเขาอ่อนแอแต่มันก็ไม่ไหวแล้วกับตอนนี้
“ผมขอโทษ ผมขอโทษ ผมขอโทษที่ไม่อยู่กับคุณ”
คิบอมจูบซ้ำๆ ลงบนเรือนผมของร่างที่ฝังตัวอยู่ในอ้อมกอด ดงเฮร้องไห้ออกมาเงียบๆ ด้วยใจที่ร้าวรานไม่ต่างกัน ร่างสูงรู้สึกเหมือนจะขาดใจตายเมื่อเห็นสภาพของดวงใจอันเป็นที่รัก
“ไม่เป็นไร ฮึก.. อยู่ตรงนี้กับชั้นก็พอแล้ว อย่าทิ้งกันไปไหนอีกนะ ฮึก..”
“ขอโทษนะคนดี ผมมันแย่มากใช่มั๊ย”
หากผมมาช้ากว่านี้... ช้ากว่านี้อีกนาทีหรือแค่วินาทีคนดีของผมคงจะต้องมีตราบาปที่ลบไม่ออกไปตลอดชีวิต ผมจะทนเห็นเขาเสียใจจะเป็นจะตายแบบนั้นได้ยังไงกัน
“ไม่ ไม่นะ อย่าพูดแบบนั้น” นิ้วขาวเอื้อมมาปิดที่ริมฝีปากสั่นระริกเหมือนห้ามปรามไม่ให้เขาพูดคำนั้น “แค่อย่าใจร้ายกับชั้นอีก นะ ได้มั๊ย ชั้นขอแค่นี้ ขอร้องนะ อย่าทิ้งให้ชั้นอยู่คนเดียวอีก ฮึก... ชั้นกลัว กลัว กลัวเหลือเกิน...” เสียงหวานสั่นพร่าอ้อนวอนทั้งน้ำตา คิบอมกกกอดอีกร่างแน่นไปอีกแล้วพูดพร่ำข้างหูให้คนฟังใจชื้นไม่มีหยุด
“ผมสัญญา ผมสัญญา”
ซองมินมองภาพของเพื่อนรักที่กำลังซบอิงในอกอุ่นของคิบอมแล้วระบายยิ้มออกมาน้อยๆ ตั้งใจจะหันไปพูดดีๆ กับคยูฮยอนและขอบคุณที่เขาเข้ามาช่วยเหลือตัวเองอย่างจริงใจ ทว่า...
ผัวะ!!!
คยูฮยอนล้มลงไปต่อหน้าต่อตาหลังถูกฟาดด้วยท่อนไม้เข้าที่กลางหลังเต็มกำลังแรง นัมกอซองตามมาคร่อมแล้วกระหน่ำซัดไปบนใบหน้าหล่อเหลาด้วยความรวดเร็วจนคยูฮยอนตั้งตัวตีกลับไม่ทันได้แต่นอนน็อคเป็นเป้านิ่งให้มันยำ
ซองมินตะเกียกตะกายดึงขากอซองให้พ้นรัศมีการทำร้ายแต่ก็โดนมันเหวี่ยงซ้ำจนกระแทกพื้นจุกเจ็บไปหมด “คิบอม ช่วยคยูด้วย...”
ถึงจะไปช่วยคนที่ซองมินร้องขอแต่คิบอมก็ต้องแน่ใจก่อนว่าคนรักของเขาอยู่ในสภาพที่ช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งพอถึงตอนที่คิบอมคว้าไอ้ร่างยักษ์ออกมากระทืบให้จมตีนใบหน้าของหมาป่าแสนร้ายกาจของคยูฮยอนก็แดงฉานเต็มไปด้วยรอยเลือดเสียแล้ว
“คยูฮยอน!”
ซองมินเดินวุ่นเป็นหนูติดจั่นอยู่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยใจที่ระส่ำระส่ายและหวาดกลัว กลัวคยูฮยอนจะเป็นอันตราย อาจถึงขึ้นพิการ ตาบอด หรือพิการซ้ำซ้อน ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วเขาจะทำยังไง ... นายอย่าเป็นอะไรนะคยูฮยอน ห้ามเป็นอะไรนะ
ฮยอนจุงพูดกับคนในสายเบาๆ พลางลอบมองปฏิกิริยาที่ซองมินกำลังเป็นอันเนื่องมาจากคนในห้องไอซียู เมื่อชั่วโมงก่อนเทย่าโทรศัพท์มาบอกเขาว่าเห็นพวกสมาคมโจรทำตัวลับๆ ล่อๆ ซ้ำยังมีแววว่าจะเข้าไปทำร้ายซองมินกับดงเฮให้เขารีบมา ทั้งที่ตอนแรกคิดว่ายัยคุณย่าคงจะวีนแตกแกล้งเล่นแต่ก็ต้องเปลี่ยนความคิดเพราะเผอิญนึกได้ว่าซองมินเคยเลียบๆ เคียงๆ ถามเรื่องไอ้อุกกาบาตจากเขาไป คงเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นจริงๆ
ที่นึกไม่ถึงคือระหว่างทางก็ดันเจอไอ้ตูบยืนคว้างอยู่กลางห้าง ไม่รู้จะอธิบายยังไงเลยบอกว่าซองมินถูกจับไปขาย ได้ผลทันตาเมื่อคยูฮยอนตาลีตาเหลือกวิ่งตามมาแทบไม่ทัน พอถึงโกดังเก็บสินค้าเก่าก็ดันเจอคิบอมวนเวียนหน้าตื่นอยู่แถวนั้นอีก โชคช่วยฮยอนจุงขึ้นมาแล้วที่สองคนนี้ออกโรงปกป้องคนของตัวเองเลยไม่ต้องเดือดร้อนออกไปต่อยตีมีเรื่องตามประสาคนไม่ถนัดใช้กำลัง
ระหว่างที่ปล่อยให้คิบอมกับคยูฮยอนจัดการเรื่องก็คอยดูต้นทางและคุมเชิงเดนนรกสองตัวที่สลบอยู่ให้ รู้ดีว่าสองตัวนั้นคงไม่ลุกขึ้นมากร่างเลยใจกล้าที่จะเข้าไปดูหน้าและเป็นคนทำลายกล้องวิดีโอบันทึกภาพอันเลวร้ายที่มันเหยียดหยามดงเฮรุ่นน้องคนดีของเขาด้วยน้ำมือของตัวเอง
“อือ อือ อือ”
ฮยอนจุงพูดเป็นครั้งสุดท้ายแล้ววางสาย คิบอมกับดงเฮพากันกลับไปได้เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วเพราะหมอบอกว่าสภาพร่างกายของดงเฮต้องได้รับการพักผ่อนอย่างเร่งด่วน เหลือไว้เพียงแต่ฮีโร่สุดหล่อของเขาที่คงจะโคม่าอยู่ในห้องฉุกเฉิน
“หมอฮะ! คยูฮยอนเป็นยังไงบ้าง”
ซองมินหน้าตื่นถลาเข้าไปสอบถามอาการของคนที่ใจเป็นห่วง แพทย์พยักหน้าให้เบาๆ แล้วเอ่ย
“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ ไม่เป็นอะไรมาก ร่างกายบอบช้ำและบาดเจ็บภายนอก”
“คุณหมอตรวจดีแน่แล้วนะฮะ” ซองมินร้อนรนเป็นห่วง
“ครับ ผมตรวจดีแล้วครับ ยังไงให้นอนพักที่นี่คืนนึงแล้วพรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้วล่ะครับ หมอขอตัวก่อนนะครับ”
ซองมินถอนหายใจอย่างโล่งอกและกล่าวขอบคุณนายแพทย์ คงเป็นเขาเองที่เป็นห่วงอาการของคยูฮยอนจนตื่นตูมเป็นบ้าเป็นหลังอยู่คนเดียวทั้งที่หมอนั่นก็ไม่ได้เป็นอะไรมากมาย
ที่กังวลมากมายขนาดนี้นี่เพราะเขาเป็นห่วงหมอนั่นมากเกินไปหรือไงนะ ตาบอด พิการซ้ำซ้อน คิดไปได้ -*-
“กลับบ้านกันเต๊อะ” ฮยอนจุงเดินมาจูงมือรุ่นน้องให้ไปกับตน ซองมินมีสีหน้าลังเลเล็กน้อย แต่พอเห็นโจวยูนาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนรนก็ตัดสินใจเดินไปบอกอาการของคยูฮยอนว่าไม่เป็นอะไรมากแล้วและกลับบ้านไป
“หิวมั๊ย”
“ทานยานะ”
“เดี๋ยวผมเอานมมาให้ จะได้หลับสบาย”
“หนาวหรือเปล่า”
ตากลมของร่างเล็กบนเตียงใหญ่มองตามร่างสูงที่กุลีกุจอดูแลนู่นนี่ไม่มีหยุดให้เขานับตั้งแต่ที่อาบน้ำ ทานอาหาร ทานยา และดื่มนมก่อนนอนจนกระทั่งลุกไปปิดประตูระเบียงที่เปิดให้ลมพัดเข้ามา ดงเฮจ้องมองทุกๆ การกระทำของคิบอมอย่างตั้งใจด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสุข
แม้จะผ่านพายุร้ายที่โหมซัดเข้าใส่แต่พอมาเจอฟ้าหลังฝนที่สงบและงดงามแบบนี้มันก็คงจะคุ้มกว่า
ยิ่งผ่านเหตุการณ์ที่ต้องเจ็บปวดร่วมกันก็ยิ่งได้รู้ว่าตัวเองสำคัญต่อกันและกันมากแค่ไหน
ร่างเล็กเงียบเสียงและไม่เอ่ยอะไรเพื่อรอดูพฤติกรรมน่ารักของคิบอมต่อ แต่พอจ้องเขานานๆ แล้วก็เห็นความเสียใจและหดหู่อยู่ในม่านตานั้น อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงเรียก กางแขนน้อยๆ ออกอย่างน่ารัก
“คิบอม มากอดเค้าหน่อย”
เพราะใจที่รู้สึกผิดและย่ำแย่ที่ปล่อยให้ดงเฮต้องเผชิญเรื่องอันตรายเพียงลำพังมันยากเกินทำให้ตัวเองกลับมาเป็นปกติ มองเห็นร่างที่นอนอยู่บนเตียงทีไรใจมันก็หล่นวูบและเสียศูนย์จนตั้งรับกับความรู้สึกผิดแทบไม่ทัน
คิบอมเข้ามาหาอย่างว่าง่าย น้ำตาลูกผู้ชายพาลจะไหลออกมาซะให้ได้เมื่อเห็นมุมปากบางช้ำบวมจากแรงตบ
“อย่าคิดมากนะ” เสียงหวานเปล่งออกมาเบาๆ แล้วเอื้อมมือมากอดร่างหนาเอาไว้ด้วยใจที่ปลอบโยน “คิบอมไม่ผิดหรอกนะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว อีกอย่างเค้าก็ไม่ได้เป็นอะไรด้วย”
“ผมขอโทษนะ”
“เค้ารับไว้ด้วยใจนะ” รอยยิ้มกว้างที่สดใสจากคนที่พร้อมจะเข้าใจและให้อภัยถูกส่งมา คิบอมยิ้มบางๆ กลับไปแล้วก้มหน้าลงเป่าลมเบาๆ บนบาดแผลที่ดงเฮยังรู้สึกตึงๆ เวลาขยับปากพูดจนร่างบางจั๊กจี้
“จากนี้ไป ผมจะไม่ปล่อยให้คุณคลาดสายตาไปไหนอีก”
“หวา จะเป็นคุณพ่อจอมหวงเลยเหรอ” คนสวยเล่นลิ้น ทั้งที่ใจยังหดหู่แต่พอเห็นคิบอมเครียดหนักเขาก็ต้องเป็นฝ่ายเริงร่าและยิ้มแย้มเพื่อให้อีกคนได้คลายทุกข์ ไม่ใช่พากันด่ำดิ่งลงสู่หุบเหวโศกาอาดูร
“เป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น ขอแค่ไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีกก็พอ” คิบอมกดจูบผะแผ่วบนหน้าผากเนียนราวให้คำมั่นสัญญา “ถ้าผมไม่ปกป้องหัวใจตัวเอง แล้วผมจะอยู่ต่อไปได้ยังไง”
“เรื่องพี่ซอนยี...” ร่างบางยังกังวล
“ผมเชื่อแล้ว เชื่อทุกอย่าง” คิบอมชิงพูดแทรก นิ้วยาวแตะบนกลีบปากเล็กอย่างนุ่มนวล “ทุกคำพูดที่ออกมาจากริมฝีปากนี้ ผมจะเชื่อทุกอย่าง”
“จริงๆ นะ”
“อื้ม”
“คิบอมน่ารักที่สุด”
“น่ารักแล้วอย่าหนีไปรักใครนะ”
“อื้อ คิบอมคนเดียวเลย สัญญาๆๆ”
ตัวเล็กยื่นนิ้วก้อยมาให้เกี่ยว พอนิ้วหนาเอื้อมมาพันก็บิดขึ้นแล้วเอานิ้วหัวแม้มือมาแปะโป้งกัน เอียงคอแล้วยิ้มอย่างน่ารักจนคิบอมนึกอยากจะดึงมากอดให้หายหมั่นเขี้ยว
ดงเฮกระแซะเข้าออเซาะในอ้อมอกหนาที่โหยหา ร่างเล็กหลับตาพริ้มยิ้มตาหยี เรื่องสะเทือนใจที่เกิดขึ้นคงถือเป็นบทเรียนที่สอนให้คนสองคนรู้จักที่จะรัก เชื่อใจ และทะนุถนอมความรู้สึกของกันและกันเอาไว้ให้มากกว่าตอนที่ใช้อารมณ์เข้ามาข้องแวะเหมือนเก่า คิบอมกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอย่างอ่อนโยนเพราะกลัวคนรักจะเจ็บปวดที่ส่วนไหนอีก พรำจูบหวานซ้ำๆ ลงบนเรือนผมนุ่มและกดร่างบางให้นอนลงกับเตียงอย่างเชื่องช้า
ริมฝีปากหนาเคลื่อนตัวลงท่ามกลางดวงตาหวานที่หลับพริ้ม คิบอมแตะเรียวปากอิ่มของตนลงบนสิ่งที่พรั่งพรูคำพูดน่ารักมากมายออกมาจนร่างบางใจสั่นและหวั่นไหวไปกับสัมผัสคุ้นเคยที่มีสถานที่ผิดแผกไปจากทุกครั้ง
จุมพิตแผ่วเบาและนิ่มนวลประทับซ้ำๆ แต่อ้อยอิ่งและเนิบนาบ คิบอมทะนุถนอมกลีบปากสีเชอร์รี่อย่างอ่อนหวาน ละเลียดความหวานที่เปี่ยมไปด้วยความรักล้นปรี่เต็มหัวใจส่งต่อไปยังร่างข้างใต้ด้วยใจที่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึก
ร่างสูงถอนริมฝีปากแล้วเคลื่อนดวงหน้าไปมาเพื่อใช้ปลายจมูกแหลมชนเล่นกับสิ่งเดียวกันบนใบหน้าหวาน ดงเฮหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจแล้วเป็นฝ่ายเลื่อนจมูกขาวไปหอมแก้มป่องแรงๆ หนึ่งที ดึงผ้าห่มที่ไหลไปกองอยู่ปลายเตียงให้คลุมสองร่างแล้วกระแซะตัวเข้าไปเบียดเนื้อที่ทั้งรอยยิ้ม
“อากาศหนาวจัง กอดเค้าแน่นๆ นะ”
เช้าของอีกวันคนที่มาทุบประตูโดยไม่แม้แต่จะกดอินเตอร์โฟนไม่ผิดแผกไปจากสิ่งที่คิบอมคาดการณ์ไว้นัก ฮีซอลโกรธจนเลือดขึ้นหน้าทันทีที่รู้ข่าว ฮันกยองกับฮยอกแจก็ไม่รู้เรื่องเพราะคนในเหตุการณ์ตัวจริงยังไม่มีเวลาได้บอกใคร เรื่องที่รั่วไหลไปจึงไม่พ้นจอมปากมากอย่างคิมฮยอนจุง
คนสวยรัวทุบประตูจนมือแดงไปหมดแต่ยังไม่หายแค้นเคือง ยิ่งเห็นสภาพของน้องชายตัวเองแล้วยิ่งทวีความโกรธ ชนิดที่ว่าจะออกไปลากคอไอ้นัมกอซองมากระทืบให้จมตีนโดยไม่สนว่าหน้าไหนที่คอยหนุนหลัง
และคนใจร้อนคงจะไม่ยอมสงบถ้าดงเฮไม่ร้องไห้ให้หยุดมาอีกระลอก ไม่อยากให้เกิดเรื่องกับคนที่เขารักอีกแล้ว หากฮีซอลเสียท่าพลาดพลั้งถูกมันทำร้ายขึ้นมาเขาจะทำยังไง
ท้ายที่สุดคิมฮีซอลก็ได้แต่หายใจฟึดฟัดอย่างคนโมโหจัดและมีดงเฮกอดเขาแน่นไม่ยอมปล่อย
“อย่าให้ถึงทีชั้นก็แล้วกัน พ่อจะเล่นให้แม่งตายคาตีนเลย!”
คิมฮีซอล .. พูดคำไหนต้องเป็นคำนั้น!!!
คยูฮยอนออกจากโรงพยาบาลด้วยสีหน้าบูดบึ้งจนถึงขีดสุด โจวยูนามองสภาพสะบักสะบอมของลูกชายที่ริอ่านทำตัวเป็นพระเอกขี่ม้าขาวพิทักษ์เจ้าหญิงกระต่ายจนตัวเองได้รับบาดเจ็บด้วยสายตาเวทนาปนขำขัน
หลังจากที่ซองมินเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังกระต่ายตัวน้อยของหล่อนก็กลับบ้านไปกับชายหนุ่มหน้าตาดีอีกคน มองแรกๆ ก็ตกใจนึกว่าซองมินชิงมีแฟนไปแล้ว แต่พอเห็นท่าทีห่างเหินและสายตาปกติก็ไม่ได้เอะใจอะไรมากกว่านั้น ยังไงสายตาซุกซนแบบนั้นของซองมินก็คงยังไม่ได้ใช้ไปมองใครนอกจากลูกชายตัวเองเป็นแน่
แต่จะให้บอกคยูฮยอนให้ดีใจเล่นมันก็กระไรอยู่ รอลุ้นต่อไปอีกสักพักคงจะสนุกกว่า คึๆๆ
“ก็ช่วยเพราะอยากดูแลเค้าไม่ใช่หรือไง แค่หนูมินมินไม่มาสนใจนี่ทำหน้าบูดเชียวนะ” โจวยูนาหยิกแกมหยอก
“อะไรล่ะแม่” ลูกชายตัวแสบยังอารมณ์ค้างไม่หาย กระแทกประตูรถเสียงดังสนั่นจนถูกมารดาเอ็ดไปอีกหนึ่งทีโทษฐานทำลายข้าวของ
คยูฮยอนลงจากรถพร้อมถุงยาเล็กๆ ยูนาเดินอ้อมมาช่วยประคองแต่เพราะการก้าวเท้าที่ไม่มั่นคงทำให้ร่างกายที่ยังบอบช้ำเสียการทรงตัวและเซล้มไปอีกทาง
“...ระวังหน่อยสิ”
ร่างอวบถลาเข้ามาประคอง คยูฮยอนยิ้มกริ่มทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร ร่างหนาปล่อยน้ำหนักตัวทั้งหมดลงไปกับร่างบอบบางจนซองมินเกือบจะล้ม
“ยืนดีๆ สิคยูฮยอน” ตากลมตวัดมาดุ แต่ก็ยังใจดีเอื้อมมือน้อยๆ มาโอบเอวหนาไม่ให้เขาต้องลำบาก
ยูนาส่ายหัวเนือยๆ กับพฤติกรรมของคยูฮยอน แต่ก็อดยิ้มไม่ได้เพราะท่าทางออดอ้อนของลูกชายตัวโตที่กระแซะหาร่างเล็กให้เขาใส่ใจมันก็น่ารักน่าหมั่นไส้ไม่หยอก
“ซองมินจ๊ะ ช่วยพาตาคยูขึ้นไปบนห้องหน่อยนะ ป้าต้องรีบออกไปซื้ออาหารคนป่วยน่ะ” หล่อนหันมาบอก แต่ประโยคสุดท้ายแอบปรายสายตาไปทางคนป่วยที่ส่งตาหวานกลับมาเป็นอันรู้กัน
แม่เปิดโอกาสให้แกได้แค่นี้นะ ที่เหลือก็จัดการเอาเอง ไหนๆ ก็เจ็บตัวเพื่อเขาแล้ว เอาใจหนูมินมินมาให้ได้ละกัน
“ไม่ไปเรียนเหรอ”
“ชั้นลาป่วย”
“แค่จะมาดูแลกันนี่ต้องลาป่วยเลยเหรอ ลงทุนนะเนี่ย”
“หุบปากไปเถอะนายน่ะ เจ็บแล้วยังไม่เจียม” ซองมินแหวใส่ร่างสูงที่ส่งเสียงกวนประสาทไม่หยุดหย่อน ตั้งแต่หน้าบ้านกระทั่งถูกประคองลงบนเตียง สายตากรุ้มกริ่มจ้องมองสำรวจทั่วร่างแล้วอมยิ้มเลศนัยให้ใจดวงน้อยสั่นเล่น ก็ในห้องนี้... บนเตียงนี้... มันเคย...
“มองบ้าอะไร”
“มองคนน่ารัก” สายตาเจ้าชู้วิววับทันที “ให้มองได้มั๊ยล่ะ?”
“จะเอาคำตอบหรือไงล่ะ”
คยูฮยอนหน้ายิ้มเจื่อนทันทีที่เจอซองมินตอกกลับมาแทบหน้าหงาย ปกติเคยจีบแล้วมีแต่สาวทำท่าเอียงอายให้ได้เห็น แต่ประโยคยอกย้อนที่ได้ยินเมื่อกี้มัน ... เจ็บว่ะ ยังไม่เคยเจอ -*-
“จำวันนั้นได้มั๊ย” คนป่วยที่ตอนนี้ซองมินชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันสำออยหรือเปล่ายังไม่ละความพยายาม จะย้อนวันวานยังหวานอยู่ซะให้ได้
“จำไม่ได้”
“วันนั้นไง” ว่าจะแซวให้เขินอาย แต่ก็เปลี่ยนใจเป็นกวนประสาทแทน “...วันที่ฝนตกพรำๆ ที่กระท่อมชายป่าตอนนายรถเสีย แล้วเราก็บังเอิญเจอกัน เพราะว่าบรรยากาศเป็นใจก็เลย...”
“ไม่ใช่แล้ว” ซองมินตัดบทกลางอากาศ ก่อนจะกัดเป็นภาษาไฮโซด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “นายนี่มัน Sick as a dog ชัดๆ ขนาดสภาพเป็นแบบนี้ยังมีแรงมาป่วนชั้นอีกนะ”
“ก็ทำเพื่อนายมาขนาดนี้แล้ว อีกนิดเดียวจะเป็นไรไป”
คยูฮยอนพูดด้วยสีหน้าและสายตาจริงจังจนร่างเล็กหยุดขำ ตั้งใจว่าจะไม่ชวนทะเลาะและพูดไม่สนใจเรื่องเก่าเพื่อตอบแทนน้ำใจที่มาช่วยเขาไว้แล้วแท้ๆ ไม่รู้จะรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีกทำไม
“...”
“ไอ้เลวนั่น มันทำอะไรนายไปบ้าง”
“...”
“มาใกล้ๆ ชั้นหน่อยได้มั๊ย”
ร่างเล็กชั่งใจ สายตาเว้าวอนและปราศจากแววตากรุ้มกริ่มที่ทอดมองมาทำให้ซองมินใจอ่อน
แพ้... แพ้สายตาอ่อนโยนของผู้ชายคนนี้ ซองมินรู้ตัวดี
“มันตบนายใช่มั๊ย” มือหนาสัมผัสแผ่วเบาบนแก้มนวลที่ยังคงรอยช้ำให้ร่างสูงได้เจ็บใจและแค้นเคืองทุกครั้งที่เห็นมัน “ชั้นขอโทษที่ไม่ได้ดูแลนาย”
“ช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว อย่าลืมนะว่าถ้าไม่มีนายชั้นก็คงไม่รอด”
“มันจูบนายด้วย”
“อย่าพูดถึงจะได้มั๊ย ชั้นขยะแขยงตัวเองจะบ้าตายอยู่แล้ว โธ่เอ๊ย” ร่างเล็กเอามือถูแรงๆ กับริมฝีปากจนมันขึ้นสี
“ให้ชั้น... ลบรอยให้มั๊ย”
“นี่มันไม่ใช่นิยายนะ อย่ามาฉวยโอกาสกับชั้น” แขนขาวสะบัดหนี แต่คยูฮยอนเอื้อมมารั้งไว้
“นะ”
“ไม่” สั้นๆ แต่ได้ใจความ
“นะ” อีกคนก็ต่อรองง๊ายยยยยง่าย
“ไม่เอาโว๊ย”
“มินมิน”
ร่างเล็กถูกดึงให้ตกลงบนเตียงในระดับสายตาเดียวกันกับคยูฮยอน ร่างสูงกดท้ายทอยเล็กเข้ามาให้แล้วยื่นหน้าเข้าไปหา ซองมินดีดดิ้นแต่ไม่รุนแรงเพราะยังนึกสงสารคนเจ็บ ไม่เหมือนกับตอนที่ผลักไสกอซอง ทั้งถีบทั้งเตะและต่อยยับ เพียงแต่ว่ามันสร้างความเสียหายน้อยเกินไปจนถูกมันล่วงเกินก็เท่านั้นเอง
สายตาคมคายที่อยู่ห่างกันไม่ถึงฝ่ามือนั้นราวมนต์สะกดที่สั่งให้ซองมินหยุดทุกความเคลื่อนไหว คยูฮยอนสอดนิ้วยาวเข้าไปใต้เรือนผมสีทองแสบตาแล้วกดใบหน้าหวานให้แนบชิดเข้ามา ตัดรอนช่องว่างที่เหลืออยู่ให้น้อยลง... น้อยลง... น้อยลง... จนไม่เหลือ
น่าแปลก ... ตอนถูกไอ้ระยำมันย่ำยีเขารู้สึกเหมือนจวนเจียนจะอ้วกใส่เพราะขยะแขยงเต็มทน แต่พอเป็นคยูฮยอนกลับไม่รู้สึกแม้แต่จะรังเกียจ ลิ้นหนาที่สอดเข้ามาภายในโพรงปากนอกจากจะสร้างความตื่นเต้นแล้วหนำซ้ำยังไล่ต้อนเขาจนแทบจนมุมด้วยรสจูบแสนพิเศษ
ยิ่งเขาอ่อนหวาน อ่อนโยน ทะนุถนอมตัวเองราวเป็นสิ่งของที่เปราะบางก็ยิ่งปล่อยตัวปล่อยใจยินยอมให้เขาล่วงล้ำก้ำเกินได้โดยง่าย
คยูฮยอนถอนจุมพิตอย่างอ้อยอิ่งและเนิบนาบ กว่าซองมินจะรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เขารู้สึกชาไปทั้งปากและมีผู้ชายคนหนึ่งจ้องมองอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาจริงจังอีกแล้ว
“ยังรักกันอยู่ใช่มั๊ย”
“...”
“ให้โอกาสชั้นเถอะนะ”
“...นายคิดว่าชั้นสมควรที่จะให้โอกาสนายแล้วหรือไง สำหรับชั้นเรื่องของเรามันจบลงไปแล้ว”
“นั่นมันสำหรับนาย” คนเอาแต่ใจเถียงทันควัน “แต่สำหรับชั้นมันเพิ่งเริ่มต้น แล้วชั้นก็ไม่ยอมให้มันจบด้วย”
“คิดว่าชั้นจะยอม?”
“ก็ชั้นจะเอา”
“หน้าด้าน”
“อื้ม~”
คยูฮยอนลากเสียงยาวอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร ร่างหนาบนเตียงยิ้มกริ่มแล้วดึงร่างเล็กมาจุ๊บเบาๆ บนแก้มอีกครั้ง
“ไอ้บ้า”
ซองมินถูแก้มตัวเองเบาๆ อย่างไม่จริงจังนัก มองคนที่กำลังรอคำตอบจากปากตัวเองด้วยสายตาที่หวั่นไหวเพราะใจที่สั่นไปทั้งดวง แค่คำพูดที่ว่าเริ่มต้นระหว่างเรามันก็ช่วงชิงเอาใจที่ยึดกลับคืนมาให้ลอยไปหาเขาอีกแล้ว และครั้งนี้... มันถูกนำไปด้วยใจที่เต้นรัวเพราะความหมายที่แปลได้แค่ทางเดียว
เหตุผลเดียวที่ทำให้ลึกๆ แล้วใจชั้นมันโหยหาสัมผัสของนายอยู่เสมอ คงเป็นเพราะความรักของชั้นที่มีให้นายมันไม่เคยหมดไปเลยจริงๆ
“ไม่เห็นจำเป็นต้องให้โอกาส มันเป็นหน้าที่ของนายที่จะพิสูจน์ให้ชั้นเห็นว่านายจริงจังมากขนาดไหน”
“ไม่” ร่างสูงยืนกรานเสียงแข็ง
“อย่าเรื่องมาก”
“มันก็ไม่ต่างอะไรกับก่อนหน้านี้น่ะสิ ชั้นไม่มีสิทธิ์อะไรกับนายเลยนะที่ผ่านมาน่ะ เวลานายไปทำอะไรก็พูดไม่ได้ว่าเป็นอะไรกัน บอกว่าเมีย..นายก็จะมาโกรธชั้นอีกน่ะสิ แล้วก็เข้าอีหรอบเดิม เป็นอย่างงั้นแล้วเมื่อไหร่นายจะยกโทษให้ชั้นสักที” คยูฮยอนร่ายยาว “หาจุดหมายหน่อยสิ”
“ก็แล้วจะเอาไง” สิ้นเสียง คยูฮยอนก็ล้วงเอาบางอย่างออกมาจากกระเป๋า ชูมันขึ้นตรงหน้าแล้วดีดให้ลอยสูงลิ่ว
“ออกหัวนายมาเป็นแฟนชั้น แต่ถ้าออกก้อยชั้นจะเป็นแฟนนาย”
“เฮ๊ย!!!”
ไม่ทันการ... คยูฮยอนเอื้อมแขนยาวไปคว้าเหรียญสีเงินแล้วแบหราให้โชว์ตรงหน้า
“ชั้นจะยอมเป็นแฟนนายให้เอง” คนเจ้าเล่ห์ยิ้มกริ่ม
“ขี้โกง!!”
“ตรงไหนกัน กติกามันก็บอกอยู่โต้งๆ”
“กติกาบ้าบออะไร ชั้นยังไม่ได้ตกลงอะไรกับนายเลยสักนิด!!” ซองมินโวยวาย มีอย่างที่ไหนไอ้กติกาบ้าบอแบบนั้นน่ะ!!!
“มันก็ไม่แฟร์น่ะสิ จะให้ชั้นไม่มีสิทธิ์ในตัวนายเลยหรือไงล่ะ จะยกเลิกใช่มั๊ย ได้ เดี๋ยวพ่อจับปล้ำให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยก็ได้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ต้องเป็นแล้วฟงแฟนอะไรเนี่ย เป็นผัวนายล่ะง่ายสุด” คยูฮยอนทำท่าจะกระโจนเข้ามาหา สนุกเสียจนลืมเจ็บไปเลยว่าตัวเองสมควรจะบอบช้ำตรงไหน ยิ่งเห็นซองมินตาลีตาเหลือกก็ยิ่งน่าแกล้งเข้าไปใหญ่
“หยุดเลยนะหยู๊ดดดดดด !!!” ซองมินต้านคนที่จะเข้ามาประกาศศักดาสิทธิ์ในตัวเขาเต็มที่ “เออๆๆๆ เป็นแฟนก็ได้ เลิกเข้ามาใกล้ชั้นซะที!”
“ก็แค่เนี๊ยะ!” ร่างหนายิ้มแป้นแล้วถอยกลับไปนอนพิงเตียงตามเดิม สีหน้าเปี่ยมสุขเสียเต็มประดา
“แต่...”
“ยังมีอะไรอีกล่ะ” คยูฮยอนขมวดคิ้ว แต่ใบหน้าหล่อเหลาก็ยังเต็มไปด้วยประกายแห่งความสุขและสมหวังอยู่ดี
“ถึงชั้นจะยอมเป็นแฟนนาย แต่ก็ไม่ได้แปลว่าชั้นจะลืมสิ่งที่นายทำนะ”
ซองมินทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยคำพูดกำกวม วางถุงยาลงข้างเตียงแล้วบอกให้คยูฮยอนนอนพัก แม้ร่างสูงจะยังติดใจในคำพูดนั้น แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรให้มากความเพราะแค่เขายอมเป็นแฟนด้วยก็สุขใจจนแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว
ซองมิน... ซองมิน... มินมินของชั้น... มินมินของคยู...
ร่างอวบเหลือบสายตาไปทางประตูสีครีมที่เพิ่งถูกปิดลงด้วยสายตาแพรวพราวที่อ่านไม่ออก รอยยิ้มสมใจผุดขึ้นที่มุมปากบางสีหวาน
“คยูกี้ แล้วนายจะได้เจอฤทธิ์ชั้น คอยดูแล้วกัน!”
วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2553
ความคิดเห็น