ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -My Sweetheart..You're Everything -KiHae HanHyuk SJ-

    ลำดับตอนที่ #65 : :: Chapter 45 : ออกหัวเธอมาเป็นแฟนฉัน ออกก้อยนั้นฉันจะเป็นแฟนเธอ ::

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.49K
      33
      26 มี.ค. 53

     

     




    ออกหัวเธอมาเป็นแฟนฉัน  ออกก้อยนั้นฉันจะเป็นแฟนเธอ

     

     

     

     

     

     

     

    โทรศัพท์ของคยูฮยอนร้องลั่นภายในรถที่เงียบสงัด   ร่างสูงคงจะรีบร้อนตามซองมินไปหลังจากวนหาที่จอดรถได้เพราะแอบขับตามมาตั้งแต่ที่ออกจากมหาวิทยาลัย   แต่ก็ดันคลาดสายตาระหว่างทางอีก   นับเป็นโชคร้ายของซองมินที่โอกาสสุดท้ายของเขาหลุดมือไปซะแล้ว

    “เฮ้ย   แกทำอะไรน่ะ”   หนึ่งในพวกมันจับพิรุธของคนในอาณัติได้   “พี่กอซอง   ไอ้กระต่ายน่าฟัดนี่มันโทรให้คนมาช่วย”

    “ร้ายนักนะ   เดี๋ยวพ่อจะเอาให้ร้องไม่ออกเลยคอยดูสิ”

    “ทุ๊ย!!   ซองมินพ่นน้ำลายใส่หน้า   “งั้นก็ไปเอากับพ่อแกเถอะไอ้สารเลว!!!

    “หน็อย    ลองดีใช่มั๊ยมึง”

    เพี๊ยะ!!

    กอซองตวัดมือลงบนใบหน้าขาวเต็มแรง   ซองมินแสบร้อนไปทั่วทั้งหน้าราวกับโดนอุ้งตีนหมีตะปบใส่

    “หมดฤทธิ์ง่ายจริง   ทำมาปากดี   เก็บเสียงไว้เถอะนังกระต่ายน้อย”

    “พี่   แล้วอีกคนนี่เอาไงล่ะ   สภาพมันดูไม่จืดจริงๆ”

    สมุนอีกคนเดินเข้ามาถาม   ดงเฮถูกจับมัดแยกไว้อีกมุมโกดัง   ด้านหน้าของร่างเล็กที่มีสภาพดูไม่ได้เพราะใบหน้าซีดเซียวที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักมันชวนให้หมดอารมณ์จริงๆ

    “อย่าทำอะไรเพื่อนชั้นนะ!  ซองมินเดือดดาล

    “เพื่อนแกน่ะยังไม่ทำตอนนี้หรอก   แต่แกต่างหากที่จะโดนก่อน   หึๆๆ”

    “ไอ้ชั่ว!!   ซองมินสบถลั่นแล้วถลาเข้าใส่สวะกอซอง   แต่โดนลูกน้องของมันเข้ามาสกัดแล้วรวบตัวเอาไว้

    “ถอดเสื้อผ้ามันแล้วเอากล้องไปถ่ายเก็บไว้ก่อน   ถึงหน้าจะซีดไปหน่อยแต่ก็คงขาวทั้งตัวแน่ๆ” 

    “ผมขอทำนะลูกพี่   สวยๆ แบบนี้น่ะของชอบ”

    “เออ   แต่อย่าทำอะไรมากกว่านั้นนะ   ไม่งั้นแกเจอดีแน่”

    มันทำหน้าเหมือนไม่พอใจแต่ก็ยอมทำตามที่กอซองสั่งเป็นอย่างดี   กอซองสืบเท้ามาใกล้ร่างบางที่ถูกจับตรึงโดยสมุนของมันด้วยสายตาหื่นกระหายจนซองมินอยากจะอาเจียน

    “ปล่อยชั้นนะเว๊ย!   ไอ้เวร!  ไอ้เลว   จัญไร   เศษสวะ   เดนนรก   ปล่อยชั้น!!

    “อุดปากมันไว้”  

    “อื้อ!!  อื้อ!!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    คิบอมหันซ้ายขวาด้วยท่าทางที่ร้อนใจจนแทบจะเป็นบ้า   ที่นี่แน่ๆ   สวนนี่แน่ๆ  

    สถานที่ที่เขาบอกรักดงเฮเป็นครั้งแรก

    แต่อยู่ที่ไหนกัน!!

    ร่างสูงเตะดินเตะลมกัดฟันอย่างคับแค้นใจและออกตามหาอีกครั้งไปทั่วทั้งบริเวณ   ร้อนรนทรมานใจจนแทบจะบ้าตาย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “อยู่นิ่งๆ สิวะ”  ชายที่พยายามจะถอดเสื้อเขาออกสั่งอย่างหงุดหงิด   ดงเฮปัดป้องสัมผัสน่าขยะแขยงอย่างบ้าคลั่งและรังเกียจสุดแรงจนมันเซล้มไปบ่อยครั้ง

    “ออกไปให้พ้น!   ร่างเล็กยันโครมสุดแรง   จังหวะเดียวกับที่มันกระชากเสื้อติดมือไปจนกระดุมหลุมออกมาหมดทั้งแผง   “อย่ามายุ่งกับร่างกายของชั้นนะไอ้ชั่ว!

    ดงเฮสบถลั่น   ถลาจะไปช่วยซองมินที่ดีดดิ้นและขืนตัวเองพยายามจะเตะนัมกอซองให้พ้นออกไปแต่ก็ทำไม่ได้เพราะไอ้คนข้างหลังที่ฟื้นตัวได้แล้วมันมาล็อกตัวเอาไว้

    ร่างที่เล็กและบางกว่าสวนเข้าให้ที่จุดศูนย์กลางของเพศชายด้วยเข่าแหลมจนมันหน้าเขียว   ทรุดลงไปกุมเป้าตัวเองแล้วครางเสียงหลง

    “ซองมิน!

    คนหน้าหวานแสนบอบบางของคิบอมกระโดดถีบไปเต็มๆ ที่กลางหลังของกอซองให้ร่างยักษ์ของมันปะทะไปทางด้านหน้า  แม้จะชนกับซองมินแต่ก็เป็นโอกาสที่จะให้คนที่ถูกพันธนาการรอดตัวมาได้

    ร่างอวบถลามายืนเคียงข้างกับเพื่อนรัก   แม้บทบู๊จะไม่ถนัดแต่ก็ใช่ว่าจะไม่เป็นเลย   ยังไงพวกเขาก็เป็นผู้ชาย    เลือดบ้าในตัวมันก็มีอยู่แล้ว   อ่อนหวานน่ารักหน่อมแน้มไปก็เพราะอยากจะให้คนที่รักปกป้อง   แต่ถ้าหากสูญเสียสิ่งสำคัญที่อยากถนอมไว้คงไม่มีหน้าไปเจอคิบอมได้อีก  

    แม้ตอนแรกจะกลัวจนหัวหด   แต่พอหนูมันจนมุมก็ขอเอาขาตั้งสู้มันสักตาละวะ!!!

    ไม่รู้หรือไง    เฮน้อยต่อยหนักนะเว่ยเฮ่ย!!!

    “แน่ะ   แมนซะด้วย”   กอซองยิ้มเยาะ   “ตลบหลังพวกชั้นไปได้คนนึงก็ถือว่าฝีมือดี”

    “ไอ้สวะเอ๊ย    เก็บปากแกไว้เห่าเถอะ    พูดภาษาหมาคนฟังไม่รู้เรื่อง!   ซองมินตะโกนลั่น

    “หน็อย   ปากดี!

    “ส้นตีนชั้นก็ดีด้วย!   สิ้นเสียง   ผ้าใบไร้แบรนด์ของซองมินก็ฟาดหน้ากอซองเข้าให้อย่างจัง   มันโกรธจนเลือดขึ้นหน้าแล้วพุ่งตัวเข้ามาหมายจะทำร้าย   แต่ดงเฮสกัดขามันจนล้มลงไปกองแล้วปล่อยให้ซองมินกระทืบซ้ำที่อก   ตามด้วยคว้าเก้าอี้   ลังเบียร์   และไม้แถวนั้นมากระหน่ำฟาดลงไป

    อาศัยช่วงที่ชุลมุนคนหน้าหวานคว้าเอาขวดเบียร์ผัวะเข้าให้กลางกบาลสมุนหนึ่งในสองที่เหลือ    เศษแก้วที่ฝังเข้าไปในศีรษะคงจะทำให้มันปวดจนร้องโอดโอยระงม    ชายร่างหนาอีกคนตรงเข้ามาจะจับตัวเหยื่อที่กลายมาเป็นผู้ล่าให้อยู่หมัดแต่โดนปากฉลามยื่นมาขู่เอาไว้

    “ขืนพวกแกเข้ามาอีกนิดเดียว   โดนไอ้นี่แน่”   ดวงตากลมจ้องสู้ดุเดือด   ลูกน้องของกอซองมองอย่างประเมินสถานการณ์แล้วเหยียดยิ้ม  

    “ถ้าคิดว่ากล้าก็เอาสิ”   มันหัวเราะหึๆ ในลำคออย่างตัวโกง   นายเอกเกาหลีที่เตรียมจะผันบทมาเป็นพระเอกหนังไทยถือเศษขวดที่แตกแล้วชะงัก    แค่นยิ้มที่มองแล้วราวคนโรคจิตก็ไม่ปาน

    “ถ้าคิดว่าชั้นไม่กล้าก็ลองดู”   ดงเฮระบายยิ้มร้าย   “ร่างกายของชั้นเก็บเอาไว้ให้แค่คนๆ เดียว   ใครหน้าไหนมันจะเอาไปก็ลองเข้ามาสิ!!!

    “ฮึ่ม...”   มันกัดฟันกรอด   เห็นท่าทางเอาจริงของร่างบางแล้วก็โกรธจัด   ยังไม่กล้าทำอะไรเพราะตัวเองก็ไม่มีอาวุธ   แถมได้ขยับตอนนี้ก็คงจะถูกปลายแหลมอันตรายเสียบให้ที่ร่างแน่

    ปัง!!

    ปัง!!!

    ประตูโกดังถูกทุบด้วยแรงมหาศาล   จังหวะที่ร่างบางผู้เป็นต่อกำลังตกใจนั้นเพียงเสี้ยววินาทีกอซองก็พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส   จากที่ถูกฟาดด้วยของแข็งจนรู้สึกน็อคไปชั่วครู่ก็ตวัดขาซองมินจนเขาเสียหลักล้มไปกองแล้วยกตัวมาขึ้นคร่อม

    มันกดคอขาวเอาไว้ด้วยแรงอาฆาตจนร่างบางแทบหายใจไม่ออก  

    “แสบนักนะมึง   กูจะเอาแม่งให้ตายเลย”

    “ซองมิน!

    เพียงแค่ดงเฮละความสนใจ   ศัตรูตัวเลวก็ฉวยโอกาสหักแขนไขว้ไปข้างหลังอย่างแรงจนร่างบางร้าวไปทั้งข้อ

    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!!!

    “น้ำหน้าอย่างแกน่ะเหรอจะมาสู้พวกชั้น”   เดนนรกกระหยิ่มยิ้ม

    “ไอ้สารเลว”   ดงเฮกัดฟันพูดคำนี้อย่างยากลำบาก   น้ำตามันคลอหน่วยอย่างเจ็บปวดไปทั้งร่าง   โดยเฉพาะแขนเล็กที่โดนบิดและบีบอย่างแรงตอนนี้มันเหมือนจะแหลกไปซะให้ได้   ภาวนาให้ใครสักคนที่กำลังระดมทุบประตูก้องนี้คือคนที่จะมาช่วยพวกเขา

    “ร้องไปเถอะนังตัวดี   ของที่แกจะเก็บไว้ให้ใครของแกนั่นน่ะต้องผ่านมือชั้นไปก่อน   แล้วก็ต้องเป็นแบบไม่เหลือชิ้นดีด้วย   หึๆๆ”           

    มันไม่สนใจเสียงรบกวนที่ดังปึงปัง   ผลักร่างบางให้ล้มลงไปนอนแผ่อย่างหมดสภาพที่จะขัดขืนหรือต่อกร   มือหนาสะบัดเสื้อที่ขาดวิ่นของลูกแกะน้อยออกด้วยใบหน้าสาแก่ใจ   ก้มลงจูบไซร้ไปทั่วทั้งลำคอขาวผ่องของดวงใจคิบอมที่กำลังร่ำไห้น้ำตานองหน้า

    คิบอม   ช่วยชั้นด้วย...

    ไม่แตกต่างกับซองมินเท่าไหร่นัก   อีกร่างที่ถูกตรึงไว้ด้วยพละกำลังมหาศาลยังคงดีดดิ้นและแหกปากขอให้คนที่กำลังพังประตูเข้ามาช่วยตัวเองอย่างสุดความสามารถ   ยิ่งมองเห็นดงเฮที่ตกเป็นเบี้ยล่างของมันก็ยิ่งแค้นใจจนอยากจะฆ่าไอ้ชั่วนรกสั่งมาเกิดนี่ให้ตายบรรลัยไปทั้งตระกูลนัก

    “น้ำตาแกไม่มีสักหยดเลยนะลีซองมิน   แต่ก็ดี   ชั้นชอบ”  กอซองกระหยิ่มยิ้ม    นิ้วกร้านกรีดลงบนรอบดวงตากลมอย่างเยาะเย้ย

    “ผู้ชายที่ทำให้ชั้นร้องไห้ได้มีคนเดียวก็เกินพอแล้ว   ไอ้ควาย!!!  

    ซองมินตะโกนลั่น   “ไอ้สถุล!   อย่ามาแตะตัวชั้นนะไอ้ชั่ว   ไอ้สันดานหมาหน้าส้นตีน!!!

    คำด่าทอแจรงจิตนั้นคงแรงเสียจนกอซองทนไม่ไหวอีกต่อไป   มันก้มลงจูบปิดปากซองมินอย่างหยาบคายจนร่างบางแทบจะอาเจียนออกมาเป็นคำว่าเสนียดจัญไรและหายนะ

    ปัง!!!

    ตึง!!!!!!

    แสงสว่างวาววาบเข้ามาในม่านตาจากประตูที่ถูกพังจนมันเปิดอ้าและกระแทกกับผนังดังโครมใหญ่    คนชั่วทั้งสองสะดุ้งเฮือกและผละออกจากร่างกายหอมหวานที่กำลังลิ้มลองอย่างตกใจ   ดวงตาวาวโรจน์ที่จ้องมาจากชายหนุ่มร่างกำยำสองคนที่ยืนอยู่มันทำให้ความหวาดกลัวแผ่ซ่านไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย

    และเพียงแค่ชายหนุ่มสองคนนั้นผู้เป็นดั่งพ่อพระมาโปรดขจัดมารออกไปจากร่างกายเบือนสายตามองไปยังร่างที่ถูกคุกคาม   เพียงเท่านั้น    เลือดร้อนของคิบอมกับคยูฮยอนก็เดือดพล่านขึ้นมาจนอยากจะสับร่างของไอ้ชาติชั่วสองคนนี้ให้แตกเป็นชิ้นๆ!

    เสียงของการต่อสู้ดังอึกทึกจนใครอีกคนที่ตามมาทีหลังและยืนอยู่เฉยๆ ต้องปิดประตูนั้นซะ   ฝุ่นตลบอบอวลไปหมดจนมองแทบไม่เห็นว่าใครเป็นใครที่กำลังต่อยตีกันนัวเนีย   แต่ไม่เดาก็ต้องรู้ว่าทั้งคิบอมและคยูฮยอนต่างก็กำลังได้เปรียบเพราะเสียงโอดโอยที่ดังออกมามันไม่ใช่เสียงที่เหยื่อผู้โชคร้ายคุ้นเคย

    “คยูฮยอน”   ซองมินเปล่งเสียงเรียกออกมาเบาๆ    ตอนนี้ทั้งเขาและดงเฮอยากจะได้อ้อมกอดที่อบอุ่นและช่วยเยียวยาดวงใจที่บอบช้ำมากกว่าอะไรทั้งสิ้น   ติดก็ตรงที่ว่าดงเฮไม่มีเรี่ยวแรงพอจะส่งเสียงและกระทำการใดๆ

    “มินมิน”   คยูฮยอนพาร่างตัวเองออกมาหาคนที่ใจเป็นห่วงอย่างรวดเร็ว   ตรงเข้ามาประคองและกอดรัดร่างที่ดูจะอ่อนเพลียนั้นอย่างสงสารจับใจ

    “นายมานี่ได้ยังไง   รู้ได้ไงว่าชั้นอยู่ที่นี่”  

    “มันเรียกชั้นมา”   คยูฮยอนพยักพเยิดไปทางฮยอนจุงที่ยืนเฝ้าต้นทางอยู่หน้าโกดังและไม่ขอมีส่วนร่วมใดๆ ในการใช้กำลัง

    คยูฮยอนก็นึกเจ็บใจอยู่หรอกที่จู่ๆ ถูกเรียกว่า ไอ้ตูบกลางห้าง    แต่พอฮยอนจุงบอกว่าซองมินกำลังจะถูกส่งไปขายชายแดนด้วยสีหน้าตื่นๆ เขาก็ไม่มีอารมณ์จะรู้สึกอะไรนอกจากความต้องการที่จะมาช่วยเหลือร่างในอ้อมแขนอีกแล้ว

    “ดงเฮ”

    คิบอมถลาเข้ามาคว้าร่างที่เกือบจะเปลือยท่อนบน   มุมปากของร่างสูงมีเลือดไหลซิบนิดๆ จากวงต่อยตีเมื่อครู่   คิบอมถอดเสื้อและสวมมันทับลงไปบนเรือนร่างอ่อนแรงด้วยสายตาเจ็บปวดรวดร้าว   พรั่งพรูถ้อยคำจากหัวใจออกมาไม่หยุด

    “ฮือ   คิบอม...”   ทำนบน้ำตาพังทลายในทันที   แม้พยายามข่มมันมาตลอดเพื่อไม่ให้พวกคนเลวเห็นว่าเขาอ่อนแอแต่มันก็ไม่ไหวแล้วกับตอนนี้  

    “ผมขอโทษ   ผมขอโทษ   ผมขอโทษที่ไม่อยู่กับคุณ”

    คิบอมจูบซ้ำๆ ลงบนเรือนผมของร่างที่ฝังตัวอยู่ในอ้อมกอด   ดงเฮร้องไห้ออกมาเงียบๆ ด้วยใจที่ร้าวรานไม่ต่างกัน   ร่างสูงรู้สึกเหมือนจะขาดใจตายเมื่อเห็นสภาพของดวงใจอันเป็นที่รัก  

    “ไม่เป็นไร   ฮึก..   อยู่ตรงนี้กับชั้นก็พอแล้ว   อย่าทิ้งกันไปไหนอีกนะ   ฮึก..”

    “ขอโทษนะคนดี   ผมมันแย่มากใช่มั๊ย”

    หากผมมาช้ากว่านี้...   ช้ากว่านี้อีกนาทีหรือแค่วินาทีคนดีของผมคงจะต้องมีตราบาปที่ลบไม่ออกไปตลอดชีวิต   ผมจะทนเห็นเขาเสียใจจะเป็นจะตายแบบนั้นได้ยังไงกัน

    “ไม่   ไม่นะ   อย่าพูดแบบนั้น”   นิ้วขาวเอื้อมมาปิดที่ริมฝีปากสั่นระริกเหมือนห้ามปรามไม่ให้เขาพูดคำนั้น   “แค่อย่าใจร้ายกับชั้นอีก    นะ   ได้มั๊ย     ชั้นขอแค่นี้    ขอร้องนะ    อย่าทิ้งให้ชั้นอยู่คนเดียวอีก    ฮึก...   ชั้นกลัว   กลัว    กลัวเหลือเกิน...”   เสียงหวานสั่นพร่าอ้อนวอนทั้งน้ำตา   คิบอมกกกอดอีกร่างแน่นไปอีกแล้วพูดพร่ำข้างหูให้คนฟังใจชื้นไม่มีหยุด

    “ผมสัญญา   ผมสัญญา”

    ซองมินมองภาพของเพื่อนรักที่กำลังซบอิงในอกอุ่นของคิบอมแล้วระบายยิ้มออกมาน้อยๆ   ตั้งใจจะหันไปพูดดีๆ กับคยูฮยอนและขอบคุณที่เขาเข้ามาช่วยเหลือตัวเองอย่างจริงใจ   ทว่า...

    ผัวะ!!!

    คยูฮยอนล้มลงไปต่อหน้าต่อตาหลังถูกฟาดด้วยท่อนไม้เข้าที่กลางหลังเต็มกำลังแรง   นัมกอซองตามมาคร่อมแล้วกระหน่ำซัดไปบนใบหน้าหล่อเหลาด้วยความรวดเร็วจนคยูฮยอนตั้งตัวตีกลับไม่ทันได้แต่นอนน็อคเป็นเป้านิ่งให้มันยำ  

    ซองมินตะเกียกตะกายดึงขากอซองให้พ้นรัศมีการทำร้ายแต่ก็โดนมันเหวี่ยงซ้ำจนกระแทกพื้นจุกเจ็บไปหมด   “คิบอม   ช่วยคยูด้วย...”

    ถึงจะไปช่วยคนที่ซองมินร้องขอแต่คิบอมก็ต้องแน่ใจก่อนว่าคนรักของเขาอยู่ในสภาพที่ช่วยเหลือตัวเองได้   ซึ่งพอถึงตอนที่คิบอมคว้าไอ้ร่างยักษ์ออกมากระทืบให้จมตีนใบหน้าของหมาป่าแสนร้ายกาจของคยูฮยอนก็แดงฉานเต็มไปด้วยรอยเลือดเสียแล้ว

    “คยูฮยอน!

     

     

     

     

     

    ซองมินเดินวุ่นเป็นหนูติดจั่นอยู่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยใจที่ระส่ำระส่ายและหวาดกลัว   กลัวคยูฮยอนจะเป็นอันตราย   อาจถึงขึ้นพิการ   ตาบอด   หรือพิการซ้ำซ้อน   ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วเขาจะทำยังไง ...   นายอย่าเป็นอะไรนะคยูฮยอน   ห้ามเป็นอะไรนะ

    ฮยอนจุงพูดกับคนในสายเบาๆ พลางลอบมองปฏิกิริยาที่ซองมินกำลังเป็นอันเนื่องมาจากคนในห้องไอซียู   เมื่อชั่วโมงก่อนเทย่าโทรศัพท์มาบอกเขาว่าเห็นพวกสมาคมโจรทำตัวลับๆ ล่อๆ ซ้ำยังมีแววว่าจะเข้าไปทำร้ายซองมินกับดงเฮให้เขารีบมา   ทั้งที่ตอนแรกคิดว่ายัยคุณย่าคงจะวีนแตกแกล้งเล่นแต่ก็ต้องเปลี่ยนความคิดเพราะเผอิญนึกได้ว่าซองมินเคยเลียบๆ เคียงๆ ถามเรื่องไอ้อุกกาบาตจากเขาไป   คงเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นจริงๆ

    ที่นึกไม่ถึงคือระหว่างทางก็ดันเจอไอ้ตูบยืนคว้างอยู่กลางห้าง   ไม่รู้จะอธิบายยังไงเลยบอกว่าซองมินถูกจับไปขาย   ได้ผลทันตาเมื่อคยูฮยอนตาลีตาเหลือกวิ่งตามมาแทบไม่ทัน   พอถึงโกดังเก็บสินค้าเก่าก็ดันเจอคิบอมวนเวียนหน้าตื่นอยู่แถวนั้นอีก   โชคช่วยฮยอนจุงขึ้นมาแล้วที่สองคนนี้ออกโรงปกป้องคนของตัวเองเลยไม่ต้องเดือดร้อนออกไปต่อยตีมีเรื่องตามประสาคนไม่ถนัดใช้กำลัง

    ระหว่างที่ปล่อยให้คิบอมกับคยูฮยอนจัดการเรื่องก็คอยดูต้นทางและคุมเชิงเดนนรกสองตัวที่สลบอยู่ให้   รู้ดีว่าสองตัวนั้นคงไม่ลุกขึ้นมากร่างเลยใจกล้าที่จะเข้าไปดูหน้าและเป็นคนทำลายกล้องวิดีโอบันทึกภาพอันเลวร้ายที่มันเหยียดหยามดงเฮรุ่นน้องคนดีของเขาด้วยน้ำมือของตัวเอง

    “อือ  อือ  อือ”

    ฮยอนจุงพูดเป็นครั้งสุดท้ายแล้ววางสาย   คิบอมกับดงเฮพากันกลับไปได้เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วเพราะหมอบอกว่าสภาพร่างกายของดงเฮต้องได้รับการพักผ่อนอย่างเร่งด่วน   เหลือไว้เพียงแต่ฮีโร่สุดหล่อของเขาที่คงจะโคม่าอยู่ในห้องฉุกเฉิน

    “หมอฮะ!   คยูฮยอนเป็นยังไงบ้าง”

    ซองมินหน้าตื่นถลาเข้าไปสอบถามอาการของคนที่ใจเป็นห่วง   แพทย์พยักหน้าให้เบาๆ แล้วเอ่ย

    “คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ   ไม่เป็นอะไรมาก   ร่างกายบอบช้ำและบาดเจ็บภายนอก”   

    “คุณหมอตรวจดีแน่แล้วนะฮะ”   ซองมินร้อนรนเป็นห่วง

    “ครับ   ผมตรวจดีแล้วครับ   ยังไงให้นอนพักที่นี่คืนนึงแล้วพรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้วล่ะครับ    หมอขอตัวก่อนนะครับ”

    ซองมินถอนหายใจอย่างโล่งอกและกล่าวขอบคุณนายแพทย์   คงเป็นเขาเองที่เป็นห่วงอาการของคยูฮยอนจนตื่นตูมเป็นบ้าเป็นหลังอยู่คนเดียวทั้งที่หมอนั่นก็ไม่ได้เป็นอะไรมากมาย  

    ที่กังวลมากมายขนาดนี้นี่เพราะเขาเป็นห่วงหมอนั่นมากเกินไปหรือไงนะ   ตาบอด  พิการซ้ำซ้อน   คิดไปได้ -*-

    “กลับบ้านกันเต๊อะ”    ฮยอนจุงเดินมาจูงมือรุ่นน้องให้ไปกับตน   ซองมินมีสีหน้าลังเลเล็กน้อย   แต่พอเห็นโจวยูนาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนรนก็ตัดสินใจเดินไปบอกอาการของคยูฮยอนว่าไม่เป็นอะไรมากแล้วและกลับบ้านไป

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “หิวมั๊ย”

    “ทานยานะ”

    “เดี๋ยวผมเอานมมาให้  จะได้หลับสบาย”

    “หนาวหรือเปล่า”

    ตากลมของร่างเล็กบนเตียงใหญ่มองตามร่างสูงที่กุลีกุจอดูแลนู่นนี่ไม่มีหยุดให้เขานับตั้งแต่ที่อาบน้ำ   ทานอาหาร   ทานยา  และดื่มนมก่อนนอนจนกระทั่งลุกไปปิดประตูระเบียงที่เปิดให้ลมพัดเข้ามา   ดงเฮจ้องมองทุกๆ การกระทำของคิบอมอย่างตั้งใจด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสุข  

    แม้จะผ่านพายุร้ายที่โหมซัดเข้าใส่แต่พอมาเจอฟ้าหลังฝนที่สงบและงดงามแบบนี้มันก็คงจะคุ้มกว่า

    ยิ่งผ่านเหตุการณ์ที่ต้องเจ็บปวดร่วมกันก็ยิ่งได้รู้ว่าตัวเองสำคัญต่อกันและกันมากแค่ไหน

    ร่างเล็กเงียบเสียงและไม่เอ่ยอะไรเพื่อรอดูพฤติกรรมน่ารักของคิบอมต่อ   แต่พอจ้องเขานานๆ แล้วก็เห็นความเสียใจและหดหู่อยู่ในม่านตานั้น   อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงเรียก  กางแขนน้อยๆ ออกอย่างน่ารัก

    “คิบอม   มากอดเค้าหน่อย”

    เพราะใจที่รู้สึกผิดและย่ำแย่ที่ปล่อยให้ดงเฮต้องเผชิญเรื่องอันตรายเพียงลำพังมันยากเกินทำให้ตัวเองกลับมาเป็นปกติ   มองเห็นร่างที่นอนอยู่บนเตียงทีไรใจมันก็หล่นวูบและเสียศูนย์จนตั้งรับกับความรู้สึกผิดแทบไม่ทัน

    คิบอมเข้ามาหาอย่างว่าง่าย   น้ำตาลูกผู้ชายพาลจะไหลออกมาซะให้ได้เมื่อเห็นมุมปากบางช้ำบวมจากแรงตบ  

    “อย่าคิดมากนะ”   เสียงหวานเปล่งออกมาเบาๆ แล้วเอื้อมมือมากอดร่างหนาเอาไว้ด้วยใจที่ปลอบโยน   “คิบอมไม่ผิดหรอกนะ   เรื่องมันผ่านไปแล้ว   อีกอย่างเค้าก็ไม่ได้เป็นอะไรด้วย”

    “ผมขอโทษนะ”

    “เค้ารับไว้ด้วยใจนะ”   รอยยิ้มกว้างที่สดใสจากคนที่พร้อมจะเข้าใจและให้อภัยถูกส่งมา   คิบอมยิ้มบางๆ กลับไปแล้วก้มหน้าลงเป่าลมเบาๆ บนบาดแผลที่ดงเฮยังรู้สึกตึงๆ เวลาขยับปากพูดจนร่างบางจั๊กจี้

    “จากนี้ไป   ผมจะไม่ปล่อยให้คุณคลาดสายตาไปไหนอีก”

    “หวา   จะเป็นคุณพ่อจอมหวงเลยเหรอ”   คนสวยเล่นลิ้น   ทั้งที่ใจยังหดหู่แต่พอเห็นคิบอมเครียดหนักเขาก็ต้องเป็นฝ่ายเริงร่าและยิ้มแย้มเพื่อให้อีกคนได้คลายทุกข์   ไม่ใช่พากันด่ำดิ่งลงสู่หุบเหวโศกาอาดูร

    “เป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น   ขอแค่ไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีกก็พอ”   คิบอมกดจูบผะแผ่วบนหน้าผากเนียนราวให้คำมั่นสัญญา   “ถ้าผมไม่ปกป้องหัวใจตัวเอง   แล้วผมจะอยู่ต่อไปได้ยังไง”

    “เรื่องพี่ซอนยี...”   ร่างบางยังกังวล

    “ผมเชื่อแล้ว   เชื่อทุกอย่าง”   คิบอมชิงพูดแทรก   นิ้วยาวแตะบนกลีบปากเล็กอย่างนุ่มนวล   “ทุกคำพูดที่ออกมาจากริมฝีปากนี้    ผมจะเชื่อทุกอย่าง”

    “จริงๆ นะ”

    “อื้ม”

    “คิบอมน่ารักที่สุด”

    “น่ารักแล้วอย่าหนีไปรักใครนะ”

    “อื้อ   คิบอมคนเดียวเลย   สัญญาๆๆ”

    ตัวเล็กยื่นนิ้วก้อยมาให้เกี่ยว   พอนิ้วหนาเอื้อมมาพันก็บิดขึ้นแล้วเอานิ้วหัวแม้มือมาแปะโป้งกัน   เอียงคอแล้วยิ้มอย่างน่ารักจนคิบอมนึกอยากจะดึงมากอดให้หายหมั่นเขี้ยว

    ดงเฮกระแซะเข้าออเซาะในอ้อมอกหนาที่โหยหา   ร่างเล็กหลับตาพริ้มยิ้มตาหยี   เรื่องสะเทือนใจที่เกิดขึ้นคงถือเป็นบทเรียนที่สอนให้คนสองคนรู้จักที่จะรัก  เชื่อใจ  และทะนุถนอมความรู้สึกของกันและกันเอาไว้ให้มากกว่าตอนที่ใช้อารมณ์เข้ามาข้องแวะเหมือนเก่า   คิบอมกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอย่างอ่อนโยนเพราะกลัวคนรักจะเจ็บปวดที่ส่วนไหนอีก   พรำจูบหวานซ้ำๆ ลงบนเรือนผมนุ่มและกดร่างบางให้นอนลงกับเตียงอย่างเชื่องช้า

    ริมฝีปากหนาเคลื่อนตัวลงท่ามกลางดวงตาหวานที่หลับพริ้ม   คิบอมแตะเรียวปากอิ่มของตนลงบนสิ่งที่พรั่งพรูคำพูดน่ารักมากมายออกมาจนร่างบางใจสั่นและหวั่นไหวไปกับสัมผัสคุ้นเคยที่มีสถานที่ผิดแผกไปจากทุกครั้ง

    จุมพิตแผ่วเบาและนิ่มนวลประทับซ้ำๆ แต่อ้อยอิ่งและเนิบนาบ   คิบอมทะนุถนอมกลีบปากสีเชอร์รี่อย่างอ่อนหวาน   ละเลียดความหวานที่เปี่ยมไปด้วยความรักล้นปรี่เต็มหัวใจส่งต่อไปยังร่างข้างใต้ด้วยใจที่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึก

    ร่างสูงถอนริมฝีปากแล้วเคลื่อนดวงหน้าไปมาเพื่อใช้ปลายจมูกแหลมชนเล่นกับสิ่งเดียวกันบนใบหน้าหวาน   ดงเฮหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจแล้วเป็นฝ่ายเลื่อนจมูกขาวไปหอมแก้มป่องแรงๆ หนึ่งที   ดึงผ้าห่มที่ไหลไปกองอยู่ปลายเตียงให้คลุมสองร่างแล้วกระแซะตัวเข้าไปเบียดเนื้อที่ทั้งรอยยิ้ม

    “อากาศหนาวจัง   กอดเค้าแน่นๆ นะ”

     

     

     

     

     

     

    เช้าของอีกวันคนที่มาทุบประตูโดยไม่แม้แต่จะกดอินเตอร์โฟนไม่ผิดแผกไปจากสิ่งที่คิบอมคาดการณ์ไว้นัก    ฮีซอลโกรธจนเลือดขึ้นหน้าทันทีที่รู้ข่าว   ฮันกยองกับฮยอกแจก็ไม่รู้เรื่องเพราะคนในเหตุการณ์ตัวจริงยังไม่มีเวลาได้บอกใคร   เรื่องที่รั่วไหลไปจึงไม่พ้นจอมปากมากอย่างคิมฮยอนจุง

    คนสวยรัวทุบประตูจนมือแดงไปหมดแต่ยังไม่หายแค้นเคือง  ยิ่งเห็นสภาพของน้องชายตัวเองแล้วยิ่งทวีความโกรธ   ชนิดที่ว่าจะออกไปลากคอไอ้นัมกอซองมากระทืบให้จมตีนโดยไม่สนว่าหน้าไหนที่คอยหนุนหลัง

    และคนใจร้อนคงจะไม่ยอมสงบถ้าดงเฮไม่ร้องไห้ให้หยุดมาอีกระลอก   ไม่อยากให้เกิดเรื่องกับคนที่เขารักอีกแล้ว   หากฮีซอลเสียท่าพลาดพลั้งถูกมันทำร้ายขึ้นมาเขาจะทำยังไง    

    ท้ายที่สุดคิมฮีซอลก็ได้แต่หายใจฟึดฟัดอย่างคนโมโหจัดและมีดงเฮกอดเขาแน่นไม่ยอมปล่อย

    “อย่าให้ถึงทีชั้นก็แล้วกัน    พ่อจะเล่นให้แม่งตายคาตีนเลย!

    คิมฮีซอล ..   พูดคำไหนต้องเป็นคำนั้น!!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    คยูฮยอนออกจากโรงพยาบาลด้วยสีหน้าบูดบึ้งจนถึงขีดสุด   โจวยูนามองสภาพสะบักสะบอมของลูกชายที่ริอ่านทำตัวเป็นพระเอกขี่ม้าขาวพิทักษ์เจ้าหญิงกระต่ายจนตัวเองได้รับบาดเจ็บด้วยสายตาเวทนาปนขำขัน  

    หลังจากที่ซองมินเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังกระต่ายตัวน้อยของหล่อนก็กลับบ้านไปกับชายหนุ่มหน้าตาดีอีกคน   มองแรกๆ ก็ตกใจนึกว่าซองมินชิงมีแฟนไปแล้ว   แต่พอเห็นท่าทีห่างเหินและสายตาปกติก็ไม่ได้เอะใจอะไรมากกว่านั้น   ยังไงสายตาซุกซนแบบนั้นของซองมินก็คงยังไม่ได้ใช้ไปมองใครนอกจากลูกชายตัวเองเป็นแน่

    แต่จะให้บอกคยูฮยอนให้ดีใจเล่นมันก็กระไรอยู่   รอลุ้นต่อไปอีกสักพักคงจะสนุกกว่า   คึๆๆ

    “ก็ช่วยเพราะอยากดูแลเค้าไม่ใช่หรือไง   แค่หนูมินมินไม่มาสนใจนี่ทำหน้าบูดเชียวนะ”   โจวยูนาหยิกแกมหยอก

    “อะไรล่ะแม่”   ลูกชายตัวแสบยังอารมณ์ค้างไม่หาย   กระแทกประตูรถเสียงดังสนั่นจนถูกมารดาเอ็ดไปอีกหนึ่งทีโทษฐานทำลายข้าวของ   

    คยูฮยอนลงจากรถพร้อมถุงยาเล็กๆ   ยูนาเดินอ้อมมาช่วยประคองแต่เพราะการก้าวเท้าที่ไม่มั่นคงทำให้ร่างกายที่ยังบอบช้ำเสียการทรงตัวและเซล้มไปอีกทาง

    “...ระวังหน่อยสิ”

    ร่างอวบถลาเข้ามาประคอง   คยูฮยอนยิ้มกริ่มทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร   ร่างหนาปล่อยน้ำหนักตัวทั้งหมดลงไปกับร่างบอบบางจนซองมินเกือบจะล้ม

    “ยืนดีๆ สิคยูฮยอน”   ตากลมตวัดมาดุ   แต่ก็ยังใจดีเอื้อมมือน้อยๆ มาโอบเอวหนาไม่ให้เขาต้องลำบาก

    ยูนาส่ายหัวเนือยๆ กับพฤติกรรมของคยูฮยอน      แต่ก็อดยิ้มไม่ได้เพราะท่าทางออดอ้อนของลูกชายตัวโตที่กระแซะหาร่างเล็กให้เขาใส่ใจมันก็น่ารักน่าหมั่นไส้ไม่หยอก  

    “ซองมินจ๊ะ    ช่วยพาตาคยูขึ้นไปบนห้องหน่อยนะ   ป้าต้องรีบออกไปซื้ออาหารคนป่วยน่ะ”   หล่อนหันมาบอก   แต่ประโยคสุดท้ายแอบปรายสายตาไปทางคนป่วยที่ส่งตาหวานกลับมาเป็นอันรู้กัน

    แม่เปิดโอกาสให้แกได้แค่นี้นะ   ที่เหลือก็จัดการเอาเอง   ไหนๆ ก็เจ็บตัวเพื่อเขาแล้ว   เอาใจหนูมินมินมาให้ได้ละกัน

    “ไม่ไปเรียนเหรอ”

    “ชั้นลาป่วย”

    “แค่จะมาดูแลกันนี่ต้องลาป่วยเลยเหรอ   ลงทุนนะเนี่ย”

    “หุบปากไปเถอะนายน่ะ   เจ็บแล้วยังไม่เจียม”   ซองมินแหวใส่ร่างสูงที่ส่งเสียงกวนประสาทไม่หยุดหย่อน   ตั้งแต่หน้าบ้านกระทั่งถูกประคองลงบนเตียง   สายตากรุ้มกริ่มจ้องมองสำรวจทั่วร่างแล้วอมยิ้มเลศนัยให้ใจดวงน้อยสั่นเล่น   ก็ในห้องนี้...   บนเตียงนี้...   มันเคย...

    “มองบ้าอะไร”

    “มองคนน่ารัก”   สายตาเจ้าชู้วิววับทันที   “ให้มองได้มั๊ยล่ะ?”

    “จะเอาคำตอบหรือไงล่ะ”

    คยูฮยอนหน้ายิ้มเจื่อนทันทีที่เจอซองมินตอกกลับมาแทบหน้าหงาย   ปกติเคยจีบแล้วมีแต่สาวทำท่าเอียงอายให้ได้เห็น    แต่ประโยคยอกย้อนที่ได้ยินเมื่อกี้มัน ...     เจ็บว่ะ  ยังไม่เคยเจอ -*-

    “จำวันนั้นได้มั๊ย”   คนป่วยที่ตอนนี้ซองมินชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันสำออยหรือเปล่ายังไม่ละความพยายาม   จะย้อนวันวานยังหวานอยู่ซะให้ได้

    “จำไม่ได้”

    “วันนั้นไง”  ว่าจะแซวให้เขินอาย   แต่ก็เปลี่ยนใจเป็นกวนประสาทแทน    “...วันที่ฝนตกพรำๆ   ที่กระท่อมชายป่าตอนนายรถเสีย   แล้วเราก็บังเอิญเจอกัน   เพราะว่าบรรยากาศเป็นใจก็เลย...”

    “ไม่ใช่แล้ว”   ซองมินตัดบทกลางอากาศ  ก่อนจะกัดเป็นภาษาไฮโซด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม   “นายนี่มัน Sick as a dog ชัดๆ   ขนาดสภาพเป็นแบบนี้ยังมีแรงมาป่วนชั้นอีกนะ”  

    “ก็ทำเพื่อนายมาขนาดนี้แล้ว   อีกนิดเดียวจะเป็นไรไป”

    คยูฮยอนพูดด้วยสีหน้าและสายตาจริงจังจนร่างเล็กหยุดขำ   ตั้งใจว่าจะไม่ชวนทะเลาะและพูดไม่สนใจเรื่องเก่าเพื่อตอบแทนน้ำใจที่มาช่วยเขาไว้แล้วแท้ๆ   ไม่รู้จะรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีกทำไม

    “...”

    “ไอ้เลวนั่น   มันทำอะไรนายไปบ้าง”

    “...”

    “มาใกล้ๆ ชั้นหน่อยได้มั๊ย”

    ร่างเล็กชั่งใจ   สายตาเว้าวอนและปราศจากแววตากรุ้มกริ่มที่ทอดมองมาทำให้ซองมินใจอ่อน

    แพ้...   แพ้สายตาอ่อนโยนของผู้ชายคนนี้    ซองมินรู้ตัวดี

    “มันตบนายใช่มั๊ย”   มือหนาสัมผัสแผ่วเบาบนแก้มนวลที่ยังคงรอยช้ำให้ร่างสูงได้เจ็บใจและแค้นเคืองทุกครั้งที่เห็นมัน   “ชั้นขอโทษที่ไม่ได้ดูแลนาย”

    “ช่างมันเถอะ   เรื่องมันผ่านไปแล้ว   อย่าลืมนะว่าถ้าไม่มีนายชั้นก็คงไม่รอด”  

    “มันจูบนายด้วย”  

    “อย่าพูดถึงจะได้มั๊ย   ชั้นขยะแขยงตัวเองจะบ้าตายอยู่แล้ว   โธ่เอ๊ย”  ร่างเล็กเอามือถูแรงๆ กับริมฝีปากจนมันขึ้นสี  

    “ให้ชั้น...  ลบรอยให้มั๊ย”

    “นี่มันไม่ใช่นิยายนะ  อย่ามาฉวยโอกาสกับชั้น”   แขนขาวสะบัดหนี   แต่คยูฮยอนเอื้อมมารั้งไว้

    “นะ”  

    “ไม่”   สั้นๆ แต่ได้ใจความ

    “นะ”   อีกคนก็ต่อรองง๊ายยยยยง่าย

    “ไม่เอาโว๊ย”

    “มินมิน”

    ร่างเล็กถูกดึงให้ตกลงบนเตียงในระดับสายตาเดียวกันกับคยูฮยอน    ร่างสูงกดท้ายทอยเล็กเข้ามาให้แล้วยื่นหน้าเข้าไปหา   ซองมินดีดดิ้นแต่ไม่รุนแรงเพราะยังนึกสงสารคนเจ็บ    ไม่เหมือนกับตอนที่ผลักไสกอซอง   ทั้งถีบทั้งเตะและต่อยยับ   เพียงแต่ว่ามันสร้างความเสียหายน้อยเกินไปจนถูกมันล่วงเกินก็เท่านั้นเอง

    สายตาคมคายที่อยู่ห่างกันไม่ถึงฝ่ามือนั้นราวมนต์สะกดที่สั่งให้ซองมินหยุดทุกความเคลื่อนไหว   คยูฮยอนสอดนิ้วยาวเข้าไปใต้เรือนผมสีทองแสบตาแล้วกดใบหน้าหวานให้แนบชิดเข้ามา   ตัดรอนช่องว่างที่เหลืออยู่ให้น้อยลง...  น้อยลง...   น้อยลง...   จนไม่เหลือ

    น่าแปลก ...   ตอนถูกไอ้ระยำมันย่ำยีเขารู้สึกเหมือนจวนเจียนจะอ้วกใส่เพราะขยะแขยงเต็มทน  แต่พอเป็นคยูฮยอนกลับไม่รู้สึกแม้แต่จะรังเกียจ   ลิ้นหนาที่สอดเข้ามาภายในโพรงปากนอกจากจะสร้างความตื่นเต้นแล้วหนำซ้ำยังไล่ต้อนเขาจนแทบจนมุมด้วยรสจูบแสนพิเศษ

    ยิ่งเขาอ่อนหวาน  อ่อนโยน   ทะนุถนอมตัวเองราวเป็นสิ่งของที่เปราะบางก็ยิ่งปล่อยตัวปล่อยใจยินยอมให้เขาล่วงล้ำก้ำเกินได้โดยง่าย

    คยูฮยอนถอนจุมพิตอย่างอ้อยอิ่งและเนิบนาบ   กว่าซองมินจะรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เขารู้สึกชาไปทั้งปากและมีผู้ชายคนหนึ่งจ้องมองอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาจริงจังอีกแล้ว

    “ยังรักกันอยู่ใช่มั๊ย”

    “...”

    “ให้โอกาสชั้นเถอะนะ”

    “...นายคิดว่าชั้นสมควรที่จะให้โอกาสนายแล้วหรือไง   สำหรับชั้นเรื่องของเรามันจบลงไปแล้ว”

    “นั่นมันสำหรับนาย”   คนเอาแต่ใจเถียงทันควัน   “แต่สำหรับชั้นมันเพิ่งเริ่มต้น   แล้วชั้นก็ไม่ยอมให้มันจบด้วย”

    “คิดว่าชั้นจะยอม?”

    “ก็ชั้นจะเอา”

    “หน้าด้าน”

    “อื้ม~

    คยูฮยอนลากเสียงยาวอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร   ร่างหนาบนเตียงยิ้มกริ่มแล้วดึงร่างเล็กมาจุ๊บเบาๆ บนแก้มอีกครั้ง

    “ไอ้บ้า”

    ซองมินถูแก้มตัวเองเบาๆ อย่างไม่จริงจังนัก   มองคนที่กำลังรอคำตอบจากปากตัวเองด้วยสายตาที่หวั่นไหวเพราะใจที่สั่นไปทั้งดวง   แค่คำพูดที่ว่าเริ่มต้นระหว่างเรามันก็ช่วงชิงเอาใจที่ยึดกลับคืนมาให้ลอยไปหาเขาอีกแล้ว   และครั้งนี้...   มันถูกนำไปด้วยใจที่เต้นรัวเพราะความหมายที่แปลได้แค่ทางเดียว

    เหตุผลเดียวที่ทำให้ลึกๆ แล้วใจชั้นมันโหยหาสัมผัสของนายอยู่เสมอ   คงเป็นเพราะความรักของชั้นที่มีให้นายมันไม่เคยหมดไปเลยจริงๆ

    “ไม่เห็นจำเป็นต้องให้โอกาส   มันเป็นหน้าที่ของนายที่จะพิสูจน์ให้ชั้นเห็นว่านายจริงจังมากขนาดไหน”

    “ไม่”   ร่างสูงยืนกรานเสียงแข็ง

    “อย่าเรื่องมาก”

    “มันก็ไม่ต่างอะไรกับก่อนหน้านี้น่ะสิ    ชั้นไม่มีสิทธิ์อะไรกับนายเลยนะที่ผ่านมาน่ะ   เวลานายไปทำอะไรก็พูดไม่ได้ว่าเป็นอะไรกัน   บอกว่าเมีย..นายก็จะมาโกรธชั้นอีกน่ะสิ   แล้วก็เข้าอีหรอบเดิม    เป็นอย่างงั้นแล้วเมื่อไหร่นายจะยกโทษให้ชั้นสักที”   คยูฮยอนร่ายยาว   “หาจุดหมายหน่อยสิ”

    “ก็แล้วจะเอาไง”   สิ้นเสียง   คยูฮยอนก็ล้วงเอาบางอย่างออกมาจากกระเป๋า   ชูมันขึ้นตรงหน้าแล้วดีดให้ลอยสูงลิ่ว

    “ออกหัวนายมาเป็นแฟนชั้น   แต่ถ้าออกก้อยชั้นจะเป็นแฟนนาย”

    “เฮ๊ย!!!

    ไม่ทันการ...   คยูฮยอนเอื้อมแขนยาวไปคว้าเหรียญสีเงินแล้วแบหราให้โชว์ตรงหน้า

    “ชั้นจะยอมเป็นแฟนนายให้เอง”   คนเจ้าเล่ห์ยิ้มกริ่ม

    “ขี้โกง!!

    “ตรงไหนกัน   กติกามันก็บอกอยู่โต้งๆ”

    “กติกาบ้าบออะไร   ชั้นยังไม่ได้ตกลงอะไรกับนายเลยสักนิด!!   ซองมินโวยวาย   มีอย่างที่ไหนไอ้กติกาบ้าบอแบบนั้นน่ะ!!!

    “มันก็ไม่แฟร์น่ะสิ   จะให้ชั้นไม่มีสิทธิ์ในตัวนายเลยหรือไงล่ะ    จะยกเลิกใช่มั๊ย   ได้   เดี๋ยวพ่อจับปล้ำให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยก็ได้ว่าอะไรเป็นอะไร   ไม่ต้องเป็นแล้วฟงแฟนอะไรเนี่ย   เป็นผัวนายล่ะง่ายสุด”   คยูฮยอนทำท่าจะกระโจนเข้ามาหา   สนุกเสียจนลืมเจ็บไปเลยว่าตัวเองสมควรจะบอบช้ำตรงไหน   ยิ่งเห็นซองมินตาลีตาเหลือกก็ยิ่งน่าแกล้งเข้าไปใหญ่

    “หยุดเลยนะหยู๊ดดดดดด !!!   ซองมินต้านคนที่จะเข้ามาประกาศศักดาสิทธิ์ในตัวเขาเต็มที่   “เออๆๆๆ   เป็นแฟนก็ได้   เลิกเข้ามาใกล้ชั้นซะที!

    “ก็แค่เนี๊ยะ!   ร่างหนายิ้มแป้นแล้วถอยกลับไปนอนพิงเตียงตามเดิม   สีหน้าเปี่ยมสุขเสียเต็มประดา

    “แต่...”

    “ยังมีอะไรอีกล่ะ”    คยูฮยอนขมวดคิ้ว   แต่ใบหน้าหล่อเหลาก็ยังเต็มไปด้วยประกายแห่งความสุขและสมหวังอยู่ดี

    “ถึงชั้นจะยอมเป็นแฟนนาย   แต่ก็ไม่ได้แปลว่าชั้นจะลืมสิ่งที่นายทำนะ”

    ซองมินทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยคำพูดกำกวม   วางถุงยาลงข้างเตียงแล้วบอกให้คยูฮยอนนอนพัก   แม้ร่างสูงจะยังติดใจในคำพูดนั้น   แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรให้มากความเพราะแค่เขายอมเป็นแฟนด้วยก็สุขใจจนแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว

    ซองมิน...  ซองมิน...   มินมินของชั้น...   มินมินของคยู...

     

    ร่างอวบเหลือบสายตาไปทางประตูสีครีมที่เพิ่งถูกปิดลงด้วยสายตาแพรวพราวที่อ่านไม่ออก   รอยยิ้มสมใจผุดขึ้นที่มุมปากบางสีหวาน   

     

    “คยูกี้   แล้วนายจะได้เจอฤทธิ์ชั้น   คอยดูแล้วกัน!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2553

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×