ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -My Sweetheart..You're Everything -KiHae HanHyuk SJ-

    ลำดับตอนที่ #4 : :: Chapter 2 : New look ::

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 13.55K
      19
      26 มี.ค. 53

     

     

     

     

     

    2

    New look

     

     

     

     

     

     

    ตุบ!

     

    บางอย่างกระทบกับแผ่นรองพื้นหนาๆ ป้องกันอันตราย

     

    ตุบ!!

     

    สิ่งนั้นถูกรั้งตัวขึ้นมาก่อนถูกจับทุ่มลงไปอีกรอบ

     

    ตุ้บ!!!

     

    แอ้ก!!!

     

    และยังคงเป็นสิ่งนั้นที่นอนอย่างหมดสภาพ แผ่หราอย่างอ่อนแรง หอบหายใจถี่ๆ เนื้อตัวเกิดรอยแดงขึ้นเพราะออกกำลังจัด เรียกให้รอยยิ้มพอใจเกิดขึ้นกับผู้กระทำ

     

    “ฮันกยอง ชนะ!

     

    หนุ่มบ้าพลังคังอินที่แม้เรียนจบไปแล้วสองปีจากระดับมัธยมยังคงแวะเวียนมาดูแลชมรมของตนอยู่เสมอประกาศชัยชนะ

     

    ร่างสูงที่ยิ้มๆ ส่งมือให้ร่างบางตรงหน้าที่หายใจติดๆ ขัดๆ แต่ก็ถูกแรงอันน้อยนิดปัดออกอย่างไม่แยแส

     

    “มะ ไม่ต้องมายุ่ง แฮ่กๆ”

     

    เหนื่อยชะมัด! ผิดแปลกไปจากที่เขาบอกกับดงเฮที่ไหน ไอ้โหดนี่มันเล่นงานแต่เขา คู่ซ้อมของมันทำไมต้องมีแค่เขาคนเดียว!

     

    “อย่าดื้อน่า เจอทุ่มทีสองทีแค่นี้ก็ทำสำออย เอาแรงไปทำอะไรหมดล่ะ ฮึ”

     

    เสียงแข็งประชดประชันจนฮยอกแจสังเกตได้ แล้วไอ้คำนั่นน่ะ มันหมายความว่ายังไง?

     

    เขาหมั่นไส้หน้าทะเล้นนี่นัก! ยังจะมาทำหน้างงใส่เขาอีก ก็เมื่อวานไอ้รุ่นน้องที่มันมาขอเบอร์นั่นไง! ฮึ่ย น่าโมโห มีหน้าไปแจกยิ้มให้มันอีก อย่านึกว่าเขาไม่เห็นนะว่าเดินไปไหนต่อด้วยกัน!

     

    “อะไรของนายไอ้โหด”

     

    ยังมีหน้ามาถาม ฮันกยองที่ปกติมีนิสัยโวยวายเอาเรื่องเตรียมจะชวนทะเลาะ ถ้าไม่เหลือบไปเห็น...

     

    ชุดประจำการฝึกศิลปะป้องกันตัวเทควันโดนั้นหลุดลุ่ย สายรัดเอวสีเขียวคลายตัวออกจากกัน เจ้าของร่างบางที่กึ่งนั่งกึ่งนอนหอบหายใจเหนื่อยไม่ได้สนใจกับสภาพของตัวเองเท่าไรนัก และคนในชมรมคนอื่นๆ ก็ต่างหันไปฝึกซ้อมกันอย่างขะมักเขม้น

     

    แผงอกบางๆ เล็กๆ กับจังหวะการหายใจที่ถี่ชัดเจนนั้นชวนให้หัวใจคนมองเต้นระรัว จินตนาการถึงสิ่งของใต้ผ้าสีขาวสะอาดนั่น นึกอยากจะเข้าไปกระชากชุดที่ดูรุ่มร่ามมากที่สุดในโลกให้หลุดพ้นจากกายขาวๆ น่าสัมผัสนั้น แต่ก็แสดงออกได้เพียงทำทีเป็นไม่ใส่ใจแล้วเดินหายเข้าห้องน้ำไป...

     

    เจอแบบนี้เข้าไป เขาก็ใส่อารมณ์(รุนแรง) ไม่ลง!

     

    “เฮ้ย จะไปไหนน่ะ  เฮ้!   อะไรวะ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ตายละ ไก่น้อย ไปทำอะไรมาเนี่ย ชั่วโมงชมรมคาบเช้าทำอ่วมขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”

     

    เสียงหวานติดแหลมแต่ฟังไม่รู้เบื่อเอ่ยทักก่อนเข้าประคองเพื่อนสนิทที่อุตส่าห์ลากสังขารตนกลับมาสู่ห้องเรียนได้

     

    “ก็ใช่น่ะสิมินนี่ ชั้นล่ะอยากจะบ้า ไอ้โหดนั่นมันซ้อมชั้น!

     

    คำกล่าวเกินจริงเรียกสายตาสงสัยจากซองมินให้มองมาแบบงงๆ ซ้อมแล้วทำไมไม่เลือดตกยางออก แค่ดูอ่อนแรงเท่านั้นเอง...?

     

    “แล้วดงเฮล่ะ เมื่อเช้าก็ไม่เห็น”

     

    เมื่อหายเหนื่อยแล้วก็ถามถึงเพื่อนอีกคน

     

    “ลาครึ่งวัน เห็นว่าไปทำอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ ว่าแต่ไก่นั่นแหละ ไอ้โหดนั่นมันทำไร”

     

    นั่งมองตาแป๋วแหวว นึกสนุกนิดๆ กับสิ่งที่ตนแอบคิดแอบจินตนาการไว้เล่นๆ

     

    “ฮึ จะอะไรล่ะ พอมันซ้อมชั้นเสร็จก็มาด่าว่าสำออย หาว่าเอาแรงไปทำอะไรนักหนา เนี่ย ดูสิ น่าโมโหชะมัด พูดจบไม่ทันเคลียร์ก็เดินหนีออกไป บ้า”

     

    อะฮ้า หรือจะเป็นเมื่อวานที่รุ่นน้องเกรดสิบเอ็ดมาขอเบอร์โทรศัพท์ติดต่อประธานชมรมอย่างพี่คังอินเกี่ยวกับการไปแข่งระดับเขตกับเพื่อนของเขาระหว่างทางกลับบ้าน หรือว่าไอ้โหดที่ฮยอกแจหมายถึงนั่นมันจะชอบ...

     

    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

     

    “เฮ้ยๆๆๆๆ น่ารักๆ”

     

    “อ๊ายยย สุดยอด”

     

    “ใครฟะ น่ารักชิบหายเลยโว้ย เข้าไปจีบดีมั้ยวะ”

     

    เสียงกรี๊ดกร๊าดอื้ออึงมาจากทางเดินหน้าห้องเรียน เรียกให้เพื่อนสนิททั้งสองละจากความสนใจเดิมของตัวเองก่อนหันหน้ามองกันงงๆ แล้วเดินออกไปหน้าห้องด้วยความสงสัย

     

    หนุ่มร่างบางหน้าหวานที่วันนี้ดูเปล่งประกายกว่าปกติเดินมาเรื่อยๆ ตามทางเดิน ผมสีดำสนิทที่บัดนี้ถูกตัดเปลี่ยนเป็นทรงใหม่ที่เข้ากับรูปหน้าได้ดีกว่าเดิม เพื่อนของพวกเขาเดินมาอย่างมั่นใจพร้อมรอยยิ้มหวานๆ ที่ส่งไปให้ทุกคน

     

    ปลาเพื่อนเขาสำลักน้ำจนสติแตกไปแล้วใช่มั้ย! ถึงได้เปลี่ยนตัวเองมาแบบนี้เนี่ย!

     

    สาบเสื้อถูกดึงออกมาไว้ข้างนอกแบบมีสไตล์ กระดุมสองเม็ดบนก็ไม่ได้ติด เผยให้เห็นเนื้อขาวๆ บริเวณลำคอ ผมที่ถูกซอยระต้นคอนั้นดูน่าสัมผัส...

     

    “เราดูเป็นไงมั่ง”

     

    เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเพื่อนทั้งสองก่อนถามด้วยรอยยิ้มหวานๆ เรียกเสียงกรี๊ดให้ดังเป็นระงม

     

    “ไอ้ด๊อง! นี่ด๊องเหรอ”

     

    ฮยอกแจว่า เรี่ยวแรงเริ่มกลับมาดังเดิม ผิดกับมินนี่น้อย ที่ตาดูแพรวพราวสั่นระริก

     

    “น่ารักสุดๆ ไปเลยด๊อง อ๊า ได้ไงๆๆ ขโมยซีนของเค้าไปหมดเลยนะ ให้เค้าน่ารักคนเดียวซี่” คนน่ารักท้วงงอนๆ แบบไม่จริงจังใส่คนหน้าหวานแบบแกล้งๆ

     

    “โธ่ ซองมิน เค้าน่ะเหรอจะไปน่ารักเท่าซองมินน่ะ ทั้งตัวเค้านะหาอะไรดีเท่ามินนี่ไม่มีเลยน้า”

     

    พูดเสียงแป๋ว ร่างที่บางเกือบจะเท่าๆ กันของดงเฮขยับเข้าอ้อน พูดไม่ได้นึกถึงความเป็นจริงเล้ย ตนทั้งหน้าหวาน ร่างบาง ผิวสวย รูปพรรณครบถ้วนไปด้วยความงามแบบหญิงสาว แล้วยังจะมายอเขาอีก

     

    มินนี่ยิ้มกว้างแบบไม่คิดอะไรและง๊องแง๊งกันไปสองคน เอ่ยชมถึงรสนิยมทรงผมใหม่ที่ทำให้เพื่อนดูหวานขึ้นไปอีก

     

    “ทำแบบนี้ทำไมน่ะดงเฮ?”

     

    “หืม อ๋อ คือว่าเราอยากจะทำตัวให้สมกับเป็นคนสมัครเคิร์สหน่อยน่ะ” ดงเฮตอบ นึกหาเหตุผลตั้งนานในระหว่างที่พี่อิทึกพาไปแปลงโฉม ใจจริงก็ไม่อยากปิดบังเพื่อน แต่กลัวว่าเพราะเหตุผลของเขาอาจทำให้คนทั้งสองมองว่ามันไร้สาระ

     

    “อย่าน่าดงเฮ มีอะไรก็บอกกันสิ ถึงด๊องไม่ทำขนาดนี้ยังไงก็ต้องได้เป็นเคิร์สอยู่แล้ว บอกพวกเราเถอะนะ”

     

    สายตาของฮยอกแจไม่ได้มีแววกดดัน เขาแค่อยากจะเข้าใจเพื่อนของเขาเท่านั้นเอง

     

    ใบหน้าหวานอึ้งไป เขาก็อยากจะบอก อยากจะบอกมากๆ ด้วย

     

    ร่างบางดึงมือเพื่อนทั้งสองออกมาและพาไปที่ห้องน้ำชายหลังตึกเรียนที่ไม่ค่อยมีผู้คน ดงเฮไม่อยากให้แผนการที่เขาเองยอมทุ่มสุดตัวนี้ต้องพัง

     

    เมื่อลากเพื่อนมาในที่ลับตาคนได้สำเร็จ หน้าหวานจึงเริ่มๆ เกริ่น

     

    “คือว่า...”

     

    “อะไรปลาน้อย?”

     

    “จำที่มินนี่บอกกับเราที่โรงอาหารได้มั้ยล่ะ คือว่าเราอยากจะทำมันแล้วจริงๆ”

     

    “หา!!! / ดีจัง!!!

     

    สองเสียงอุทานพร้อมกัน ใครเป็นใครคงพอจะทายกันถูก

     

    “ชู่ว์ เบาๆ สิ”

     

    ดงเฮจุ๊ปาก ซองมินดิ้นเร่าๆ อย่างถูกใจ ผิดกับฮยอกแจที่ยังคงอึ้งไม่หาย

     

    “เยี่ยมไปเลยด๊อง บอกแล้วว่าวิธีนี้เจ๋ง อิๆ”

     

    ซองมินสนับสนุน เขย่าแขนเล็กๆ อย่างเห็นด้วยกับแผนการปั่นหัวคิมคิบอม

     

    “จะดีเหรอด๊อง จะล้อเล่นกับความรู้สึกของเขาจริงๆ น่ะเหรอ”

     

    ฮยอกแจเหมือนมีสติสัมปชัญญะที่น่าเชื่อถือมากที่สุด เขาไม่ค่อยเห็นด้วยกับความคิดของเพื่อนเท่าไหร่ รู้ดีเลยว่า คนอย่างเพื่อนเขา ทำให้คนสักคนหลงรักไม่ใช่เรื่องยาก

     

    “ฮยอก...” ดงเฮรู้สึกเมือนโดนตำหนิ ใบหน้าหวานหงอยซึม น้ำใสๆ รื้นที่ขอบตาเหมือนคนมีความผิดใหญ่หลวง

     

    “ดงเฮ อย่าร้องไห้สิ เราแค่อยากให้ดงเฮคิดให้ดีเท่านั้น ไม่ได้จะว่านะ” เสียงทุ้มหวานเอ่ยประโลม เมื่อเห็นร่างบางเริ่มมีอาการสะอื้น

     

    “เราทนไม่ได้นี่นา คนแบบนั้นน่ะต้องให้รู้สำนึกซะบ้าง เราไม่ชอบสายตาที่เขามองเราเลย เขามันนิสัยไม่ดี” เสียงหวานติดสะอื้น แต่ดวงตาเต็มไปด้วยความดื้อเงียบตามวิสัยคนเป็นน้อง

     

    “เฮ้อ เอาเถอะ เราแค่ไม่อยากให้ดงเฮมาเสียใจทีหลังก็เท่านั้นเอง ไม่ว่าด๊องจะเลือกแบบไหนนะ เราก็จะเอาใจช่วย”

     

    ฮยอกแจเอ่ยจากใจจริง ดงเฮดูสงบลงหลังจากมีซองมินโอ๋อยู่ข้างๆ

     

    “งั้นไหนๆ ก็ไหนๆ ด๊องเล่าแผนการปั่นหัวคิมคิบอมให้หลงรักจนโงหัวไม่ขึ้นให้เราฟังหน่อยนะ”

     

    ซองมินลั้ลลาตื่นเต้น เพราะเป็นห้องน้ำที่น้อยคนนักจะแวะเวียนมา เลยทำให้เขาพูดได้อย่างไม่ต้องหรี่เสียง แต่ทว่า...

     

    เหมือนโชคจะไม่เข้าข้าง!

     

    เจ้าของชื่อที่ถูกกล่าวถึงสะดุ้งเล็กๆ เพราะน้ำเสียงที่ยังคุ้นเคยอยู่ในหัวมีอาการเหมือนคนร้องไห้ ทำให้เขาไม่ได้เดินออกไปจากห้องน้ำหลังจากล้างมือเสร็จ เขาอยากรู้ว่าเจ้าของเสียงนั่นคือใคร ใช่คนที่เขาสงสัยหรือเปล่า แต่คนสนทนาทั้งหมดมีตั้งสามคน ทำให้เขาจับใจความไม่ได้สักที จนชื่อดงเฮผ่านเข้ามาในโสตประสาท

     

    นายหน้าหวานนั่นร้องไห้ทำไม...

     

    ด้วยความสงสัยจึงยืนฟังต่อไป และประโยคที่ทำให้เขาอึ้งสุดๆ ก็คงเป็นคำพูดของคนที่เขาไม่เคยรู้จัก

     

    ปั่นหัวคิมคิบอมให้หลงรักจนโงหัวไม่ขึ้น...

     

    คิบอมแอบฟังคำสนทนาต่อไปโดยเดินเข้าไปที่ห้องน้ำห้องข้างๆ ปล่อยประตูให้เปิดค้างไว้และยืนอยู่หลังประตู อิงหลังกับผนังห้องน้ำ นึกขอบคุณที่โรงเรียนมัธยมนี้รักษาความสะอาดของสถานที่ต่างๆ ไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

     

    “ก็... เราคิดว่าหมอนั่นต้องถูกเลือกให้ลงสมัครเคิร์สแน่ๆ เราก็เลยจะเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้เข้ารอบ แล้วคนที่เข้ารอบก็จะได้เข้าแคมป์ เราจะเริ่มแผนแรกตอนนั้น”

     

    ใช่ หน้าหวานเดาถูกเรื่องที่เขาถูกบังคับให้ลงสมัครเคิร์ส แต่มีหรือที่คนอย่างคิมคิบอมจะยอม เขาปฏิเสธเยซองหัวหน้าห้องของเขาไปอย่างไร้เยื่อใย แต่เห็นที เขาคงต้องเปลี่ยนใจ ยอมสมัครลงแข่งขันเคิร์สเทอมนี้ซะแล้ว

     

    “ว้าวๆ แผนของด๊องเจ๋งไปเลย แล้วด๊องจะทำยังไงล่ะ ยั่วเขาหรือเปล่า”

     

    เพื่อนดงเฮส่งเสียงวี๊ดว้าย คำถามของอีกคนทำให้คิบอมมีอาการแปลกๆ

     

    ตื่นเต้น... ไม่สิ ไม่ใช่ แค่นึกสนุกกับแผนการปั่นหัวเขาของหน้าหวานเท่านั้นเอง ...คิมคิบอมบอกกับตัวเองแบบนั้น ทั้งที่ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายกลับเต้นถี่ เร็วระรัวจนเขานึกกลัว...

     

    “แต่เราไม่ค่อยกล้าเลยอ่ะมิน เราไม่มั่นใจ เราไม่น่าจะทำได้”

     

    เสียงหวานแปร่งๆ เพราะไม่มั่นใจตามที่พูด คิบอมเหมือนได้ยินเสียงตบไหล่เบาๆ

     

    “ครั้งแรกก็แบบนี้แหละด๊อง ด๊องไม่เคยมีแฟนนี่นา เอางี้ ด๊องลองบอกมินมาก่อนว่าด๊องสนใจผู้หญิงหรือผู้ชาย”

     

    คิบอมรู้สึกว่าตนจะหูผึ่งไปกับคำถามนั้นแบบช่วยไม่ได้ เพื่อนนายหน้าหวานถามอะไรแต่ละอย่าง

     

    “เอ่อ...”

     

    ดงเฮอึกอัก เขาเองก็ไม่รู้ แต่ตามสภาวะของเพศชายแล้วนั้น เขาก็ต้องสนใจ...

     

    “ผู้หญิงสิ”

     

    ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม คิบอมรู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างในกายเขากระตุกวูบหลังจากที่มันเพิ่งทำงานอย่างหนัก นับแต่ฟังคำตอบของหน้าหวาน

     

    “อ้าว ดงเฮไม่ได้เป็นเคะหรอกหรอ?”

     

    ฮยอกแจถาม เหมือนประสาทการรับรู้ของคิบอมจะทำงานอีกแล้ว แต่ครานี้เขาต้องผิดหวัง เมื่อดงเฮส่ายหน้าแทนคำตอบ ทำให้เขาไม่ได้ยินว่าอีกฝ่ายตอบว่าอย่างไรกันแน่

     

    คิบอมขมวดคิ้วเล็กๆ อย่างคนถูกขัดใจ

     

    “เรื่องช่างเหอะ แต่เค้าว่า ด๊องยั่วคิบอมได้ชัวร์”

     

    ซองมินเอ่ยอย่างมั่นใจ จนคนทั้งสอง(บวกหนึ่ง) นั้นปั้นหน้างง

     

    “ยังไง?”

     

    “อะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้ามีด๊องปริก้า”

     

    “ไอ้มินบ้า” ฮยอกแจแหวไปที

     

    “แต่เรารู้สึกจริงๆ นะฮยอก เราว่าด๊องน่ะ ต้องเป็นคนที่ยั่วเก่งแน่ๆ” น่ารักยืนยันคำเดิม สรรพนามที่ใช้กับเพื่อนทั้งสองนั้นต่างกันไปตามธรรมชาติ(ของความห่าม)

     

    “”ทำไมคิดแบบนั้นล่ะมิน” คราวนี้เจ้าตัวถามเอง ซองมินทำท่าคิดหนัก

     

    “ไม่รู้นะ งั้นเอางี้สิ พอด๊องไปยั่วคิบอมเมื่อไหร่ ด๊องก็กลับมาบอกพวกเค้าแล้วกันว่าเป็นยังไง”

     

    ทั้งสามยังคงสนทนาอย่างไม่รู้จบ คิบอมที่ฟังจนหนำใจแล้วนั้นเดินออกมาจากห้องน้ำก่อนเข้าตึกเรียนไป

     

    นายจะปั่นหัวให้ชั้นหลงรักหัวปักหัวปำสินะลีดงเฮ... หึ น่าสนุกดีนี่ ชั้นจะลองเดินไปตามเกมที่นายวางไว้ก็แล้วกัน แล้วนายจะได้รู้ ว่าใคร... จะปั่นหัวใครได้!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “จริงเหรอวะ! ไอ้คิบอม แกไม่ได้ล้อข้าเล่นใช่มั้ย?”

     

    ฮันกยองร้องลั่นถามเพื่อนสนิท หลังจากได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมด เห็นมันยิ้มๆ คบกันมาตั้งนานทำไมจะไม่รู้ แต่พอได้ฟังเรื่องทั้งหมด กลับเป็นเขาเองที่ต้องยิ้มตื่นๆ

     

    “เออ ข้าล้อเล่น” คิบอมตอบนิ่งๆ ตามนิสัย แอบประชดเล็กน้อยติดรำคาญ

     

    “ไอ้บ้าเอ๊ย! แต่ดีชิบ เวลาที่ชมรมข้าว่ามันน้อยไปหน่อย ทีนี้ข้าจะได้รุกซะที รำคาญไอ้เด็กเปรตนั่นเต็มทนละ”

     

    ฮันกยองหมายมั่น คิบอมเหลือบตามองก่อนเบือนหน้าไปทางหน้าต่าง ไม่สนใจอาการของเพื่อนรักที่ไปแอบรักเพื่อนของหน้าหวาน แทนที่จะเข้าไปจีบดีๆ กลับหาเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน คงจะได้แอ้มเขาหรอก

     

    คิบอมนึกสงสัยกับตัวเองเบาๆ เริ่มงงๆ ว่าทำไมพอเขาก้าวเข้ามาในห้อง เขาถึงเดินไปหาเยซองเรื่องการลงสมัครเคิร์สทันที

     

    จะเพราะอะไรซะอีกล่ะ ไม่ต้องคิดมากคิมคิบอม นายแค่อยากรู้เฉยๆ ว่าไอ้หน้าหวานนั่นจะยั่วนายยังไงก็เท่านั้นเอง

     

    ยังไงเขาก็ไม่ได้ชอบผู้ชาย...

     

    แล้วเจอกัน ลีดงเฮ

     

     

     

    อะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้ามีด๊องปริก้า หึๆ~

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    แค่ได้ยินเสียงของหน้าหวานเท่านั้นในวันนี้ แต่เขาก็ยังไม่ได้เห็นนิวลุคนั่นเลย อยากจะรู้นักว่า เพื่อที่จะได้ยั่วเขา ลีดงเฮคนนั้นจะยอมทำอะไรได้บ้าง

     

    คิมคิบอมคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ไม่สนใจสิ่งที่อาจารย์หน้าชั้นสาธยายสักเท่าไหร่ เอี้ยวตัวไปทางหน้าต่างที่ติดชิดกับขอบโต๊ะเรียนตัวสูง กวาดสายตาไปทั่วทั้งอาณาบริเวณเบื้องล่าง กิจกรรมกลางแจ้งมีผู้คนร่วมอยู่มากมาย พลันสายตาคมไปสะดุดกับภาพๆ หนึ่ง บุรุษที่อีกไม่นานคงคุ้ยเคยถูกรายล้อมด้วยผู้ชายมากหน้าหลายตา สนทนากันอย่างออกรส รสยิ้มหวานแย้มถี่ ไม่ใช่ปั้นหน้าบึ้งแบบที่เขาเคยเห็น

     

    นี่คงไม่ได้เปลี่ยนตัวเองเพื่อมายั่วเขาแค่คนเดียวเสียล่ะมั้ง ฮึ สนุกดีมั้ยล่ะ ลีดงเฮ

     

    สายตาคมเย้ยหยัน ยิ้มเหยียดๆ ที่ริมฝีปากหนา เบือนหน้าไปทางอื่นอย่างไม่อยากจะสนใจ แต่จนแล้วจนรอด ด้วยความอยากรู้ที่มีมากกว่า ทำให้คิบอมหันกลับไปมองภาพนั้นอีกครั้ง เพ่งสายตาไปยังคนที่ถูกรายล้อม สังเกตความเปลี่ยนไปของหน้าหวาน

     

    เรือนผมสีดำสนิทที่ซอยระต้นคอ บางส่วนข้างหน้าตกลงมาระบริเวณหน้าผากมน ร่างบางๆ ภายใต้ยูนิฟอร์มโรงเรียนนั้นดูอ้อนแอ้นยิ่งกว่าเดิมจนคิบอมเองก็ยังรู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไปมากจริงๆ มากเสียจนไอ้พวกนั้นอดรนทนไม่ไหว รีบรุดเข้ามาทำความรู้จักกันหน้าสลอน

     

    ทางด้านฝ่ายที่ถูกจับจ้องโดยสายตาคมคายพยายามปั้นยิ้มให้ดูสมจริงที่สุด หาทางปลีกตัวออกจากรุ่นน้องทั้งหลายที่แย่งกันมาทำความรู้จัก ซองมินกับฮยอกแจที่อยู่ข้างๆ ก็เหมือนจะถูกทับตาย

     

    “เอ่อ น้องๆ ครับ คือพี่ต้องขึ้นไปเรียน...”

     

    “พี่ดงเฮครับ! ผมอยากได้เบอร์พี่ครับ”

     

    “ไม่ค่ะพี่ด๊อง! ให้เบอร์พี่กับมีอานะคะ”

     

    “แต่ผมมาก่อนนะครับ ผมอยากคบกับพี่...”

     

    รุ่นน้องชายหญิงผลักดันตัวเองเข้ามาจนเกือบจะกลืนร่างบางๆ ของดงเฮเข้าไปทั้งหมด แต่โชคยังดีที่มีซองมินกับฮยอกแจคอยกันท่าให้ ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้คงมีข่าวผู้สมัครเคิร์สดับอนาถคาดงแฟนคลับลงหน้าหนึ่ง

     

    “โว้ย! อย่าเหยียบเท้าชั้นได้มั้ยไอ้เด็กนี่! ถอยออกไปเลยนะก่อนที่ชั้นจะหมดความอดทน!

     

    ฮยอกแจตวาดอย่างเหลืออด สายตาโมโหสุดฤทธิ์ ช่วยชีวิตคนตัวเล็กที่เกือบถูกเหยียบตายอย่างซองมินกับดงเฮให้ดำเนินต่อไปได้อีก เฮ้อ น่าสงสาร

     

    “ใจเย็นสิฮยอกเนี่ย เอ่อ น้องๆ จ๊ะ พอดีพวกพี่มีเรียนพีเรียดหน้านะจ๊ะ พี่ขอตัวก่อนแล้วกันน้า” ซองมินแจกยิ้ม ผิดกลับอีกเสียงหนึ่งที่ค้าน

     

    “อย่าเพิ่งสิคร้าบ พี่มินนี่ พวกผมอยากจะคุยกับพี่ต่ออีกหน่อย”

     

    รุ่นน้องดื้อแพ่ง ซองมินยิ้มแหยๆ ให้ไปที อยากจะบอกไปเหลือเกินว่าตนน่ะไม่สนเด็ก ชอบคนที่เป็นผู้ใหญ่ให้อ้อนเสียมากกว่า แต่พูดไปก็กระไรอยู่ เดี๋ยวคนมีใจเขาจะเสียน้ำใจ

     

    ดงเฮชักหน่าย ตัดปัญหาในที่สุด

     

    “เอางี้นะครับ พีเรียดนี้พวกพี่จะไปเข้าเรียน ขอให้น้องๆ ช่วยหลีกทางด้วยน้า แล้วเดี๋ยวตอนเย็นพี่จะมานั่งคุยด้วย โอเคมั้ยครับ

     

    ถามแบบไม่โยกโย้ เร่งรัดให้คำตอบออกมาในแบบที่ต้องการ

     

    ทุกคนพยักหน้ารับ ยอมถอยห่างให้แต่โดยดี ซองมินยิ้มๆ แล้วลากแขนเพื่อนสุดห้าวที่สีหน้ามึนตึงบอกบุญไม่รับให้ก้าวเท้าออกไปจากวงล้อมนี่ ตามติดๆ กับดงเฮที่ส่งรอยยิ้มหวานแบบแหยเต็มที

     

    เดินฝ่าพวกรุ่นน้องรุ่นพี่จอมวุ่นวายมาได้ แต่เสียงฮือฮาก็ยังดังกระฉ่อน นึกสงสารตัวเองจับใจ ดงเฮไม่ชอบอะไรที่อึกทึกครึกโครม เป็นไปได้พวกงานสังสรรค์นั้นอยากให้นานทีมีปีละหนเสียด้วยซ้ำ แล้วนี้เขาต้องพบกับหมู่คนมากๆ อีกนานมั้ยเนี่ย

     

    หน้าหวานเซ็ง!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    แผนการจะเริ่มต้นจริงๆ ก็ในวันที่เข้าแคมป์เคิร์สเท่านั้น สองวันต่อมาหลังจากนั้นดงเฮก็ได้ทราบข่าวดี มีชื่อคิมคิบอมติดอยู่ในสกอร์บอร์ดจริงๆ คะแนนนำลิ่วในฝั่งของตัวแทนห้องบีจากผู้สมัครเจ็ดคน และดงเฮเอง... ก็คะแนนนำตามมาติดๆ ในฝั่งของนักเรียนห้องเอ จากเพื่อนๆ ที่ร่วมสมัครห้าคน

     

    “พี่ฮีซอล วันนี้พี่อิทึกไม่มาเหรอครับ ก็นัดกันไว้...”

     

    ดงเฮถามพี่ชายที่กำลังง่วงอยู่กับคอมพิวเตอร์ ไม่ใช่ทำรายงาน แต่กำลังเล่นเอ็มเอสเอ็น

     

    “อ้อ มันฝากบอกพี่มานะว่ามีธุระน่ะ แต่เรื่องแผนอะไรนี่จะรีบคิดให้ก่อนเข้าแคมป์ ด๊อง พี่หิวน้ำอ่ะ”

     

    ฮีซอลว่า ไม่ละไปจากจอสี่เหลี่ยม ดงเฮงึมงำรับคำในลำคอก่อนลุกไปรินน้ำดื่มตามที่ญาติผู้พี่กระหาย นำมาวางให้บนโต๊ะ ย่อตัวเล็กน้อยแล้วจ้องมองบทสนทนา

     

    “หืม ใครอ่ะครับ Simba_RL เพื่อนพี่เหรอ?”

     

    ดงเฮถามจากอีเมล์แอดเดรส ก่อนเบือนหน้าไปยังฮีซอลที่ตอนนี้เบ้หน้าสวย เบะปากใส่คอมพิวเตอร์ จิ้มนิ้วลงไปยังแป้นพิมพ์

     

    “ไม่ใช่เพื่อนซะหน่อย ...ก็แค่เด็กบ้าๆ”

     

    และเหมือนอีกฝ่ายที่เป็นคู่สนทนาจะตอบกลับมา ดงเฮหันไปอ่านรายอักษรล่าสุดที่เพิ่งปรากฏ ข้อความที่ทำให้พี่เขามีอาการขบเขี้ยวเคี้ยวฟันหมั่นไส้จอคอมพิวเตอร์นี่ มาจากคนๆ นี้นี่เอง งั้นเขาก็พอจะรู้แล้ว...

     

    ผมยังจำได้น้า อะไรหวานๆ วันนั้น แล้วพี่ก็เคลิ้มไอ้เด็กซิมบ้าอย่างผมจนได้

     

    พี่ซีวอนแหงๆ ...

     

    ดงเฮขันเล็กๆ พี่ซีวอนเทียวง้อเทียวแง้งใส่พี่ฮีซอลมาเกือบสองปี คนนอกยังดูรู้ว่าเพราะอะไร แต่ไม่รู้ทำไม๊ทำไม พี่ชายของเขาถึงได้เชิดใส่ไปแบบนั้น การกระทำดูเหมือนไม่รับรู้ถึงความรู้สึกซีวอนเลยจริงๆ ไม่ได้แกล้งทำแต่อย่างใด

     

    ...นึกแค่ว่าอีกฝ่าย กำลังล้อเล่น เพราะไม่เห็นเคยจริงจังอะไร เลยไม่ได้สนใจให้มากความ...

     

    ...ไม่เคยเลยจริงๆ ที่คนๆ นั้นจะสนใจ แอบเจ็บอยู่ทุกวัน แต่ไม่รู้จะทำยังไง เขากลัว ว่าจะทำให้พี่เปลี่ยนไป...

     

    ทว่า สองหัวใจที่ไม่เคยเข้าใจนั้นมิอาจรับรู้ นอกจากเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีอายุต่ำกว่าพวกเขาทั้งสอง ที่พอจะมองอะไรๆ ได้เลาๆ แต่ทำได้เพียงเฝ้ามองทุกอย่างอยู่เงียบๆ   Simba_RL...

     

     

    …Simba_Rella…

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×