ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -My Sweetheart..You're Everything -KiHae HanHyuk SJ-

    ลำดับตอนที่ #34 : :: Chapter 24 : Say that you 'OK' ::

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.84K
      31
      26 มี.ค. 53

     

     

     

     

    24

    Say that you 'OK'

     

     

     

     

    “ถ้าพวกเธอตั้งใจ   อาจารย์เชื่อว่าพวกเธอต้องทำได้   เอาละ   อย่าลืมกลับไปอ่านหนังสือนะ”   อาจารย์จองมินบอกแล้วเดินออกไป   จบเสียทีการติวนอกโรงเรียน   ทุกคนล่ำลากันแล้วแยกย้ายกลับบ้าน   คนหน้าหวานเดินออกมาจากบ้านหัวหน้าห้องอย่างเยซองที่ใช้เป็นสถานที่ติวหนังสือพร้อมกับคิบอม

     

     

    “หิวจัง”   ดงเฮลูบหน้าท้องแบนราบไปมา  แล้วพูดลอยๆพร้อมเหล่สายตามองคนข้างๆ   “อยากกินแฮมเบอร์เกอร์”

     

     

    คนตัวสูงหันมามองแต่ไม่ได้พูดอะไร   ร่างบางที่เห็นอย่างนั้นจึงทำแก้มป่องอย่างเด็กถูกขัดใจแล้วอ้อนเบาๆ   “ไปกินกันนะ”

     

     

    คิบอมยิ้มมุมปาก  นึกอยากจะบีบจมูกคนช่างอ้อนนักเชียว

     

     

    “ดงเฮครับ”   นิชคุณเรียกคนหน้าหวานให้หันไปหา  ตลอดเวลาที่ติวหนังสือทั้งสองก็ไม่ได้พูดคุยกัน  เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะเจ้าคนหน้าตึงที่หน้าเริ่มบึ้งแล้วก็เป็นได้

     

     

    “หืม   มีอะไรเหรอคุณ”

     

     

    “ผมเอาเลคเชอร์ที่ซีร็อกเพิ่มเอาไว้มาให้ด๊องน่ะครับ   ดีมากเลยนะ”   นิชคุณบอกอย่างจริงใจแล้วยื่นปึกกระดาษหนาๆส่งให้

     

     

    ดงเฮยิ้มบางๆให้อย่างซึ้งใจ   แต่ก็ทำอะไรให้ไม่ได้มากไปกว่านี้   “ขอบคุณมากนะ”

     

     

    “ครับ   ผมเต็มใจทำให้ด๊อง   แล้วนี่ด๊องจะกลับเลยรึเปล่าครับ   ให้ผมไปส่งมั้ย”

     

     

    “อ๋อ   ยังหรอก   ชั้นกำลังจะไปหาอะไรกินน่ะ   หิวมากเลย  ไปด้วยกันมั้ย”

     

     

    “แล้ว.. เอ่อ   คิบอมล่ะครับ”

     

     

    “ก็ไปกันหมดนี่แหละ   เพื่อนกันทั้งนั้น”   ดงเฮยิ้มไม่คิดอะไร   แต่คิบอมน่ะยืนหน้าบึ้งโกรธไปเสียแล้ว

     

     

    “ดีจังเลยครับ   ผมก็หิวแล้วเหมือนกัน   งั้นผมขอเข้าไปเอาของก่อนนะครับ”   นิชคุณยิ้มดีใจ   ดงเฮพยักหน้ารับแล้วมองร่างที่โปร่งกว่าเขานิดหน่อยวิ่งกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง

     

     

    “ตกลงเราไปกินแฮมเบอร์เกอร์กันนะ”  หันกลับมาพูดกับคิบอมถึงเรื่องที่คุยค้างไว้อยู่  

     

     

    “ไม่”  

     

     

    “อ้าว   ทำไมล่ะ   ไม่ชอบกินเหรอ” 

     

     

    “จะไปชวนมันทำไม   ไปแค่นี้ก็พอ”   คิบอมถามเสียงแข็ง

     

     

    “ไปกินกันเยอะๆสนุกดีออก  ตอบแทนที่นิชคุณเค้าให้เลคเชอร์ชั้นมาด้วย   เดี๋ยวชั้นเอาไปซีร็อกเผื่อนายด้วยดีมะ   นายก็อย่างกนักเลยน่า   ตัวเองมีตังค์เยอะแท้ๆ”  ดงเฮส่ายหน้าน้อยๆ  ใช้นิ้วชี้วนที่รอบหางคิ้วเบาๆให้ใบหน้าบึ้งตึงของคิบอมคลายลง

     

     

    “ยิ้มหน่อยสิ  ก็แค่ไปกินข้าวเอง  ยิ้ม~  พูดจบก็ยิ้มหวานกว้างๆให้ดูเป็นตัวอย่าง  ภาพน่ารักๆที่ชวนให้คิบอมกลายสภาพเป็นลิ้มแก้มแตกไปอีกจนได้

     

     

    “ดงเฮครับ”  ผู้มาใหม่อีกคนเอ่ยทักทำลายโลกส่วนตัวของคนสองคน

     

     

    “ใครอีกล่ะ”  คิบอมพึมพำเบาๆอย่างหงุดหงิดใจ  ทำไมแถวนี้ตัวมารมันเยอะนักวะ

     

     

    “อ้าว   มินโฮ   มีอะไรเหรอ”

     

     

    “คิบอมกับดงเฮจะไปเที่ยวด้วยกันเหรอครับ”  หนุ่มตัวสูงพอๆกับคิบอมกลบรัศมีส่วนสูงของดงเฮลงจนมิด   ปกติยืนกับพวกพี่ๆอย่างฮีชอลกับซีวอนเค้าก็หมองแล้ว   เจออย่างนี้ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่

     

     

    “ไม่ได้ไปเที่ยวหรอก   แค่ไปหาอะไรกินน่ะ   ไปด้วยกันมั้ยมินโฮ”  ดงเฮยิ้มหวานให้อย่างคนอัธยาศัยดีเป็นเลิศ 

     

     

    นี่ก็ชวนคนอื่นไปทั่ว รู้บ้างมั้ยว่าชั้นอยากไปกับเธอแค่สองคนน่ะ  คิบอมคิดในใจแล้วมองคนตัวเล็กข้างๆ

     

     

    “คงไม่ละครับ  ผมแค่มาบอกว่าคิบอมกับดงเฮไปทานข้าวกันเถอะครับ   เดี๋ยวผมจะพานิชคุณเค้าไปหาอะไรกินเอง”  คำพูดทำนองแบบนี้แหละที่คิบอมรอฟังมานาน

     

     

    “เอ๋?”   ดงเฮร้องงงๆ   คนแก้มป่องได้ทีจัดการทุกอย่างให้ได้ดั่งใจ

     

     

    “เอางั้นก็ได้  พวกชั้นไปก่อนแล้วกัน”  คิบอมบอกห้วนๆแต่น้ำเสียงเริงร่าเต็มที่   พูดแค่นั้นแล้วจัดการคว้าคนข้างกายให้เดินไปด้วยกันอย่างรวดเร็ว   มินโฮมองภาพนั้นแล้วยิ้มบางๆ   นึกถึงหน้าใครบางคนที่คงจะโวยวายเมื่อไม่พบดงเฮ

     

     

    “ด๊องไปกันเถอะครับ..    นาย!  ไอ้เสาไฟฟ้า    นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง  แล้วด๊องไปไหนแล้ว”  นิชคุณชักสีหน้าหงุดหงิดทันทีที่เห็นผู้ชายคนนี้   มองไปทั่วแต่ไม่พบคนในดวงใจ

     

     

    “ด๊องของนายเค้าก็ไปกับแฟนเค้าน่ะสิ   แล้วก็ถามหน่อยเหอะ   จะไปยุ่งอะไรกับเค้านักหนาฮะ   อยากจะเจ็บนักหรือไง”  มินโฮถามด้วยสีหน้ากวนประสาท  แต่ความคิดจริงๆใครเล่าจะหยั่งรู้   นอกจากตัวเขาเอง

     

     

    “ชั้นชอบเค้า  อย่างอื่นชั้นไม่สนหรอกว่าจะเป็นยังไง   อีกอย่าง   คิบอมกับด๊องก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน”  นิชคุณเชิดหน้าตอบ  ไม่ชอบสายตาหยันๆของมินโฮเลยจริงๆ

     

     

    “แล้วนายก็เลิกมาขัดขวางชั้นได้แล้ว  ตั้งแต่ที่แคมป์นายก็ก่อกวนชั้นตลอด  เลิกยุ่งกับเรื่องของชั้นได้แล้วชอยมินโฮ   ถ้านายชอบด๊องก็ชอบไป  แต่อย่ามาขวางทางชั้น!   นิชคุณประกาศลั่น   ถ้อนคำที่หนุ่มร่างสูงนึกขำในใจ

     

     

    “นายคิดเกินไปไกลแล้วนิชคุณ   ชั้นก็แค่สงสารดงเฮ   คบกับนายไป   ก็คงได้แค่เพื่อนสาวมาร่วมเตียง”  มินโฮพูดเย้ยๆ

     

     

    “ไอ้มินโฮ!  นิชคุณตวาดอย่างเหลืออด   หลายครั้งแล้วที่ไอ้บ้านี่เอาแต่มาหาว่าเค้าเป็นเคะ   ทั้งที่ใจเขาเมะเต็มร้อย

     

     

    “นายมันก็แค่หลงผิด  คิดว่าตัวเองเป็นเมะ  แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่” 

     

     

    ผัวะ!!

     

     

    หมัดลุ่นๆ เสยเข้ากับใบหน้าคมคายของมินโฮจนเลือดซิบ   กำปั้นจากคนที่เขาเพิ่งบอกไปว่าหลงผิด   ร่างสูงทำเพียงใช้นิ้วโป้งปาดคราบเลือดนั้นออกเบาๆ  ยั่วโมโหคนที่กำลังเดือดสุดขีด

     

     

    “จำเอาไว้นิชคุณ ชั้นนี่แหละ จะสอนให้นายรู้เอง   ว่า เมะน่ะ เค้าเป็นกันยังไง!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - My Sweetheart.. You’re Everything. - - - -

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ห้างสรรพสินค้าในเครือชเวกรุ๊ปที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย   บัดนี้มีหนุ่มหน้าหวานกับชายหน้าตึงเดินเคียงคู่กัน   จุดหมายคือร้านแมคโดนัล

     

     

    “เอาอีกแล้ว   ทำหน้าบึ้งอีกแล้ว   ยิ้มหน่อยสิ”  

     

     

    เสียงหวานเอ่ยอย่างขัดใจเมื่อหันไปเห็นคนข้างๆทำหน้าตึง   คิบอมไม่มีอารมณ์จะยิ้ม   ก็จะให้เขาทำหน้าชื่นตาบานได้ยังไง   เมื่อคนรอบๆต่างก็กำลังให้ความสนใจลิ้มหน้าหวานของเขาอยู่ทั้งนั้น

     

     

    “ไม่มีอารมณ์”  คิบอมตอบเรียบๆ  แล้วจัดการส่งสายตาเย็นชาพิฆาตต่อ  ข้าศึกที่ได้เห็นก็ถึงขนาดร่นทัพถอยออกไปเลยทีเดียว  ลิ้มแก้มแตกยังสามารถปกป้องอาณาเขตหัวใจอย่างลิ้มหน้าหวานเอาไว้ได้

     

     

    “นายนี่เอาใจยากจริง”   ดงเฮบ่นอุบเบาๆ

     

     

    “ทำไม   อยากเอาใจชั้นงั้นเหรอ”   คิบอมแอบลิงโลดกับประโยคที่ได้ยิน   แต่แสร้งตีหน้าเครียดต่อ

     

     

    “ก็นะ   อุตส่าห์มีน้ำใจพามากินแฮมเบอร์เกอร์ทั้งที   ใจดีแล้วก็ทำหน้าให้มันดีๆด้วยสิ”  

     

    คิบอมสะกิดใจกับคำพูดนี้   แผนการร้ายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนไม่รู้ผุดออกมาจากไหนมากมายในจิตใต้สำนึก

     

     

    “งั้นก็มานี่สิ”  คิบอมพูดแล้วหยุดเดิน  ดงเฮที่ก้าวนำไปนิดหน่อยก็หยุดตามที่เสียงแข็งบอก   เอียงหน้างงๆ   แต่ก็ยอมเดินเข้าไปใกล้ๆตามที่บอกแต่โดยดี

     

     

    หมับ!  

     

     

    ไม่พูดพร่ำทำเพลง   คิบอมคว้าเอวคอดที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมเข้ามาไว้ในอ้อมกอดทันที   โอบแน่นรอบเอวเล็กอย่างหวงแหน

     

     

    “เฮ้ย   คิบอม!   นายทำอะไร”  ดงเฮร้องแล้วผละตัวหนี   หน้าแดงซ่านเมื่อพบกับสายตาหลายคู่ที่มองมา   แต่สาเหตุหลักๆก็คงหนีไม่พ้นเจ้าคนหน้าตายนี่หรอก

     

     

    “อยากให้ชั้นยิ้มไม่ใช่เหรอ  อยู่นิ่งๆสิ”  คิบอมพูดเรียบๆพร้อมรอยยิ้มมุมปากบางๆ

     

     

    ...ทีอย่างนี้ละยิ้มแก้มแตกเชียวนะ  คิบอม

     

     

    ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว   ทั้งได้ประกาศความเป็นเจ้าของ  ทั้งได้เนียนแต๊ะอั๋งร่างกายนุ่มนิ่มนี่อีก   ไม่คุ้มดับเบิ้ลคุ้มก็ไม่รู้จะเรียกอะไรแล้ว

     

     

    “ไม่อายเค้าหรือไง   แล้วนายจะมากอดชั้นทำไมเล่า”  

     

     

    “อายอะไร   แต่ถ้าเธอยังโวยวายอยู่แบบนี้ละก็ไม่แน่นะ”   คิบอมพูดมีเลศนัยแล้วจ้องมองริมฝีปากบางบ่งบอกความนัยน์   ดงเฮเห็นแบบนั้นได้แต่ขบริมฝีปากแน่นอย่างไม่พอใจ   รู้ดีว่าคิบอมต้องทำอย่างที่อยากจะทำได้แน่ๆ

     

     

    ฮึ่ย!   น่าโมโหชะมัดเลย!!

     

     

    ดงเฮจำต้องเดินไปในอ้อมแขนนั้น   ใบหน้าหวานก้มงุดๆอย่างเขินอายไม่สบสายตากับใครทั้งสิ้น   ผิดกับคิบอมที่สบตากับทุกคน ณ บริเวณนั้นด้วยสายตาท้าทาย

     

     

    กล้าแย่งก็เข้ามาสิ  พ่อจะเล่นไม่เลี้ยงเลย...

     

     

    “คนเยอะอ่า”   ดงเฮมองผู้คนที่อัดแน่นอยู่เต็มร้านแมคโดนัล  

     

     

    “อืม”  คิบอมรับเบาๆ  ใจเขาไม่ชอบที่ๆมีคนพลุกพล่านสักเท่าไหร่  ยิ่งอัดกันเหมือนปลากระป๋องแบบนี้ละเขาแทบจะเบือนหน้าหนี  มองนานๆแล้วรู้สึกรำคาญอย่างบอกไม่ถูก

     

     

    “นี่   แล้วนายน่ะ   จะเนียนอีกนานมะ   ปล่อยชั้นซะทีสิ”   เสียงหวานหมายถึงแขนหนาที่พาดอยู่รอบเอวคอดของตน   แต่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์  คนหน้าตายแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้เสียอย่างนั้น

     

     

    “กลับกันเถอะ   คนเยอะมากเลย”   ดงเฮพูดอย่างเสียดาย  หันหลังเตรียมจะเดินกลับ  แต่ดูเหมือนคิบอมจะไม่ยอมให้ทำแบบนั้น

     

     

    “อยากกินก็กินสิ”  คิบอมพูดเรียบๆ  มองคนรอบข้างสายตาขวางๆ   “รออยู่นี่   อย่าไปไหน”   สั่งความด้วยเสียงแข็งๆแล้วเดินเข้าไปในร้านที่แออัดไปด้วยผู้คนมากมาย  

     

     

    เพื่อลิ้มหน้าหวานของเขา...

     

     

    ดงเฮมองตามร่างสูงที่เดินจากไปด้วยใบหน้าแดงเรื่อ   เขินอายกับการกระทำของคิบอมที่แสดงออกถึงความเอาใจใส่ในตัวเขา

     

     

    ลิ้มแก้มแตกน่ารักจัง...

     

     

    รอยยิ้มเขินๆเฉิดฉายบนใบหน้าหวานอย่างกลั้นไม่อยู่  ชักชวนให้ใครต่อใครที่สนใจในใบหน้านี้อยากจะเข้ามาทำความรู้จักนักเชียว

     

     

    คิบอมยืนต่อแถวเซ็งๆ   เมื่อกี้ก็ลืมถามว่าดงเฮอยากจะกินอะไร   เขาก็เลยตัดปัญหาด้วยการสั่งทุกอย่างในเมนูมาให้หมด   สิ้นเรื่อง

     

     

    คิบอมถือถุงใหญ่ๆสองถุงออกมาด้วยใบหน้าอมยิ้มนิดๆ  นึกถึงใบหน้าหวานที่ทำตาโตแล้วกินแฮมเบอร์เกอร์อย่างมีความสุขก็พลอยรู้สึกดีไปด้วย...     แต่ในความเป็นจริงมันกลับตรงกันข้าม   ภาพที่เห็นกลับทำให้คิบอมหงุดหงิดใจ   แทบอยากจะตรงเข้าไปกระชากให้คนที่มีอิทธิพลต่อหัวใจอย่างมากมายมาไว้ข้างกายโดยเร็ว

     

     

    ดงเฮกำลังยืนคุยอยู่กับชายท่าทางนิสัยดีคนหนึ่ง   รอยยิ้มเป็นมิตรของเขาชวนให้ดงเฮพูดคุยได้ไม่ขาดปากระหว่างรอคิบอม  

     

     

    แต่เขาสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ทำให้ดงเฮร้องไห้อีก   และเขาจะไม่ผิดสัญญา...

     

     

    ด้วยความที่ตอนนี้ดงเฮกำลังอารมณ์ดีบวกกับนิสัยเข้ากับคนง่ายอยู่เป็นทุน   ทำให้ชายที่เข้ามาทำความรู้จักเผลอคิดเข้าข้างไปเองว่าเขาคงมีภาษีดี   หนุ่มน้อยหน้าหวานร่างบางคนนี้ถึงได้เป็นมิตรกับเขานัก

     

     

    “จะรังเกียจมั้ยครับ   ถ้าผมอยากจะพบกันคุณอีกวัน..”  วอนบินออกตัวสปีดทำคะแนน   แต่รู้สึกฟ้าจะไม่เป็นใจ   เมื่อจู่ๆก้างร่างสูงโผล่มาขัดขวาง   แถมยังเป็นก้างชิ้นใหญ่เสียด้วยสิ  

     

     

    คนที่คุณก็รู้ว่าใคร...

     

     

     

     

    “รอนานมั้ยครับ...   ที่รัก”

     

     

    เสียงนุ่มทุ้มที่ดูอ่อนหวานดังขึ้นพร้อมกับสัมผัสหนักๆบริเวณเอวบาง    ลิ้มหน้าหวานถูกดึงให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของลิ้มแก้มแตกด้วยความรวดเร็ว

     

     

    “มาแล้วเหรอ  รอตั้งนานแน่ะ”  ดงเฮยิ้มกว้างแล้วหันไปหาคิบอม   แต่ทันทีที่นึกได้ว่าเพิ่งจะถูกเรียกว่าอะไรนั้น   คนหน้าหวานก็ไม่เหลือเวลาแม้แต่ให้ตกใจ   เมื่อคนหน้าตายกลับยิ้มแย้มแล้วโอบเขาไว้แน่น  

     

     

    “น..นายเรียกชั้นว่าอะไรนะ”

     

     

    “ก็ที่รักไงครับ   แน่ะ   ถามแบบนี้   อยากได้ยินอีกล่ะสิ” คิบอมบิดจมูกเล็กเบาๆ

     

     

    บทจะนิ่งก็นิ่งจะน่ากลัว  บทจะหลงตัวเองก็ไม่มีใครเกิน    ลิ้มหน้าหวานตามไม่ทันนะ!!!

     

     

    “นายเป็นอะไรไปน่ะ   ผีเข้าหรือไงฮะ”   ดงเฮใช้หลังมืออังหน้าผากร่างสูง   แต่กลับถูกคิบอมดึงออกเอาไปกุมไว้แทน

     

     

    “เอาอีกแล้วนะที่รัก   ดื้อกับผมอีกแล้วนะ   พูดไม่เพราะเลย   ไหนลองทำตัวว่าง่ายๆซิ   รู้มั้ย  ถ้าน่ารักให้ได้ตลอดน่ะ   ผมรักตายเลย”  คิบอมพูดไม่อายฟ้าอายดิน   ไม่อายผีสางเทวดามนุษย์คนไหน   ก็หน้าที่ที่ต้องเขินอายน่ะ   มันตกไปอยู่ที่ดงเฮหมดน่ะสิ!

     

     

    “คนบ้า!   ทำแบบนี้อีกแล้วนะ!

     

     

    เหมือนกันไม่มีผิด   กับตอนที่นิชคุณมาพูดคุยกับเค้าครั้งนั้น   คิบอมก็ใช้มุกทำนองที่ว่าคู่รักหวานชื่นกับเขามาแล้ว   แล้วไหนจะยังครั้งนี้อีก   นายกำลังเล่นอะไรอยู่กันแน่คิมคิบอม

     

     

    “แบบไหนครับ   หืม   แบบนี้รึเปล่า   จุ๊บ”   แก้มที่ขึ้นสีอยู่แล้วแดงจัดขึ้นไปอีกเมื่อถูกขโมยความหอมอย่างโจ่งแจ้ง  

     

    จะโวยวายมากไปกว่านี้ก็ไม่ได้   เขาถูกจับจ้องด้วยสายตานับสิบๆคู่

     

     

    คิบอมกำลังสนุกกับการเล่นละครฉากใหญ่ที่อาศัยฟีลลิ่งของจริงมาแสดงได้อย่างแนบเนียน

     

     

    “เอ่อ   ขอโทษนะครับ   นี่แฟนคุณเหรอครับ”   วอนบินหน้าเสียนิดๆ  คนน่ารักแบบนี้ต้องมีเจ้าของตลอดเลยสิน่า

     

     

    “ฮะ   ไม่ใช่ครับ   ไม่ใช่นะวอนบิน”   ดงเฮปฏิเสธพัลวัน   โบกไม้โบกมือปฏิเสธ   แต่มือทั้งสองก็ถูกรวบไว้   วงแขนหนาของร่างสูงกระชับกอดให้แน่น   เอวคอดแนบชิดกับเอวหนา   คิบอมไม่สนใจสิ่งใด    ตอบคำถามที่ตรงข้ามกับของหน้าหวานอย่างผู้ชนะ

     

     

    “เป็นคนสำคัญ   ชัดมั้ย”   คิบอมยิ้มเยาะ  คนๆนี้เป็นของเขา  ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์ช่วงชิงเอาไปทั้งนั้น!

     

     

    “คิบอม!  

     

     

    ดงเฮหน้าเหวอ   ทั้งโกรธทั้งอายทั้งเขิน   ยิ่งเมื่อคิบอมหันหน้ามายิ้มกวนๆ เป็นทำนองถามก็ยิ่งทำให้เค้าแทบอยากจะแทรกธรณีหนี

     

     

    ก็แล้วมันไม่จริงหรือไง   หึๆ

     

     

     

     

     

     

     

    “เมื่อกี้นายทำบ้าอะไรของนายฮะ   รู้มั้ยว่าชั้นอายแค่ไหน”

     

     

    ดงเฮโวยวายทันทีที่ทั้งสองเดินมาถึงสวนสาธารณะใกล้ๆ   เมื่อเห็นผู้คนไม่พลุกพล่านเท่าเดิมแล้วก็ถึงเวลาเคลียร์

     

     

    “อายอะไร   ไม่เห็นมีอะไรต้องอาย”   คิบอมยักไหล่   อารมณ์ดีเกินเก็บ

     

     

    “แหงสิ   หน้านายทำจากคอนกรีตผสมยางมะตอยนี่”   คิบอมกระตุกกับคำพูดจาแกนๆนั้น   ช่างสรรหาคำเปรียบเทียบซะจริงๆเลย

     

     

    “ชั้นไปทำอะไรให้เธออีกล่ะ”

     

     

    “ยังจะมาทำเป็นไม่รู้เรื่องอีก    ก็ที่นายมาตู่ว่าเป็นคนสำคัญชั้นน่ะสิ” 

     

     

    “ไม่จริง?   หรือจะบอกว่าชั้นไม่ใช่คนสำคัญของเธอ”   คิบอมถามเสียงเรียบ   ลองได้ฟังคำตอบที่ไม่ถูกใจสิ   พ่อจะจับกดพิสูจน์ฐานะกันไปเลย

     

     

    ไม่ไหวจะเคลียร์  เพลียที่จะพูด   เมื่อคนเอาแต่ใจไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลยสักนิด

     

     

    “มันคนละแบบนี่    วอนบินเค้าหมายถึงแฟน   ไม่ใช่คนสำคัญซะหน่อย”   ปฏิเสธก็ปฏิเสธไม่ได้   ให้ยอมรับเต็มปากเต็มคำก็อายอีก   ไม่เหลือทางให้เดินบ้างเลย...   ดงเฮโอดครวญในใจ

     

     

    ...ทั้งสองจะรู้บ้างไหม  ว่าคนรักกับคนสำคัญ  อยู่ห่างกันเพียงแค่เส้นบางๆลากผ่าน

     

     

    “แล้วไง   จะไปแคร์ทำไมล่ะ”   คิบอมพูดเสียงตึงๆ

     

     

    “แคร์สิ   มีคนตั้งเยอะที่ได้ยิน  ถ้าชั้นขายไม่ออกขึ้นมาจะว่ายังไงล่ะ”   ดงเฮเถียงไปเรื่อย   อยู่กับคนนี้ทีไรมีเรื่องให้ต่อปากต่อคำกันได้ตลอดสิน่า

     

     

    “จะขายทำไมล่ะ   มีชั้นอยู่ทั้งคนแล้วนี่”  คิบอมพูดง่ายๆแล้วเบือนหน้ามาสบตา   ล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงแล้วยืนพิงกับต้นไม้

     

     

    “บ..บ้าเหรอ   ชั้นยังอยากมีแฟน   มีคนรักกับเค้าบ้างนะ”   เสียงหวานพูดตะกุกตะกัก เสมองอย่างอื่นให้หลบพ้นจากสายตาเรียวคมนั่น

     

     

    “วุ่นวายจริง    ถ้าอยากจะมีแฟน   ...เราก็มาคบกันซะสิ   สิ้นเรื่อง”  

     

     

    จบประโยค   เป็นฝ่ายคนพูดเสียเองที่หันหน้าหนีไปอีกทาง   ส่วนคนฟังนั้นเบิกตากว้างแล้วทำตาโต

     

     

    คิบอมกำมือเข้าหากันแน่นภายในกระเป๋า   แกล้งหันไปทางอื่นทั้งที่ใจจดจ่ออยู่ที่สิ่งเดียว   รู้สึกเหมือนเขากำลังจะขาดอากาศหายใจเมื่อก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายมันดันเต้นเร็วผิดจังหวะ   ปั่นป่วนการทำงานของระบบร่างกายให้วุ่นไปหมด

     

     

    ใจเต้นแรงชะมัด...   

     

     

    คิบอมยิ้มบางๆ   ไม่ได้มองคนตรงหน้าแต่อย่างใด  ยังคงจ้องมองพื้นดินที่ห่างออกไป   ในใจก็นึกสงสัย   เขาจะยืนนิ่งอีกนานไหม...   ไม่ยอมพูดอะไรซะที

     

     

    “ร..รู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”

     

     

    ประโยคที่หลุดออกจากริมฝีปากบางทำเอาคิบอมรู้สึกสะดุดในอารมณ์ไม่ได้   นึกว่าจะได้ฟังเสียงหวานๆตอบรับเสียอีก

     

     

    “รู้สิ”   คิบอมตอบไม่มองหน้า   เหลือบขึ้นมามองนิดหน่อยก็ผละสายตาไปอีก   ดงเฮรู้สึกขัดใจที่ร่างสูงทำแบบนี้นัก   มือบางจัดการรั้งให้ใบหน้าคมคายหันมาทางตัวเองทันที

     

     

    ใบหน้าขึ้นสีเพราะอาการเขินอายของร่างสูงที่เห็นทำให้ร่างบางนึกอยากจะย้อนเวลากลับไปไม่ให้ทำแบบนั้น   สายตาระริกของคิบอมในยามนี้ทำให้หน้าหวานรู้สึกสั่นไหวไปทั้งร่าง   เลือดสูบฉีดขึ้นทั่วใบหน้าเมื่อคิบอมตัดสินใจไม่หันหน้าหนีไปไหนอีก   จ้องมองเขาราวกับจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัวอย่างค้นหาคำตอบ

     

     

    “เอาไง ตกลงเอาไง”   คิบอมพยายามปรับแต่งน้ำเสียงให้ดูเรียบที่สุดเท่าที่จะทำได้   ดงเฮแทบไม่เชื่อหูตัวเอง   เจ้าชายไร้หัวใจอย่างที่ใครๆพากันพูดถึงกำลัง... ขอคบกับเขา    จะเห็นเป็นเรื่องล้อเล่นก็คงไม่ใช่   เมื่อคิบอมมีท่าทางเขินอายให้เห็นชัดที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา

     

     

    “จะคบกับชั้นมั้ย..” 

     

     

    สองลิ้มพากันแข่งทำหน้าขึ้นสี   เวลาหน้าหวานอายจะชอบทำตาโตๆ   แต่เวลาคนแก้มป่องอายจะชอบทำกริยาเหลือบสายตามามองชั่วครู่แล้วเบือนหนีเขินๆ

     

     

    “นาย...  นายขอคบกับชั้นเพราะอะไรล่ะ”   อยากจะฟังคำว่ารัก    อยากจะได้ยินจากปาก  ไม่อยากเป็นคนที่คิดไปเองฝ่ายเดียว

     

     

    คนจะคบกันมันมีเหตุผลอื่นนอกจากรักอีกเหรอ...

     

     

    คิบอมพูดในใจ   เหลือบสายตามองแล้วก็เบือนหน้าหนีไปอีก   เขินอายที่สุดในชีวิตเท่าที่เคยเป็นกับความคิดของตัวเอง

     

     

    ...เวลาอยู่ต่อหน้าคนๆนี้   เค้าเป็นแบบนี้เองงั้นเหรอ...

     

     

    คิบอมนิ่งไปสักพัก   ตัดสินใจสบตากับดงเฮตรงๆ  เดินเข้าไปหาแล้วจับมือบางมากุมไว้แนบอก  

     

     

    “ผมขอคบกับคุณ   เพราะผมรักคุณ”

     

     

    คิบอมเอ่ยความสัตย์   พร้อมเสียงหัวใจที่ถี่รัวเป็นการยืนยัน  

     

     

    รักจนไม่อยากเสียไป...  

     

     

    รักจนอยากจะเก็บเอาไว้กับตัวแค่คนเดียว...

     

     

    ร่างบางถูกรั้งเข้าสู่อ้อมกอดหนา  สัมผัสที่ดงเฮรู้สึกว่าอบอุ่นที่สุดเท่าที่เคยได้รับมา   แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลยจริงๆ   โลกทั้งโลกลอยคว้าง   แต่บัดนี้กับหยุดนิ่งเพราะคำพูดเบาๆจากคน(เคย)ปากแข็ง

     

     

    ร่างสูงกอดร่างบางแน่น   จูบเบาๆบนเรือนผมหอม

     

     

    ครั้งแรกที่เอ่ยคำว่ารักในชีวิต   รักที่ไม่คิดว่าคนๆนี้จะเป็นผู้ช่วงชิงมันเอาไว้ได้   ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลที่ร่างบางคนนี้ทำให้เขารู้สึก   หึงและหวง   หวงและเป็นห่วง   รักแสนรัก...   อย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน

     

     

    ถ้ามีคนถามเขาในตอนนี้ว่าความรักคืออะไร   คิบอมสามารถตอบได้เต็มปาก  

     

     

    ...รักของเขาคือลีดงเฮ...

     

     

    “ดงเฮ...  ผมรักคุณนะครับ   รักมากด้วย   ...ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆ   แต่พอได้มาเจอกับคุณ   คุณกลับทำให้โลกของผมเปลี่ยนไป   และผมคงทนไม่ได้   ถ้าต้องเสียคุณไปให้ใคร”  

     

     

    ความรู้สึกถูกถ่ายทอดออกมาทั้งหมด   จากหัวใจสู่ใครอีกคน

     

     

    “เป็นแฟนกันนะ”  

     

     

    เสียงทุ้มรำพันข้างหู   ใจดงเฮเต้นถี่ระรัว   สองแขนตวัดกอดร่างสูงช้าๆ   กลไกที่เป็นไปตามเสียงเรียกร้องของหัวใจโดยอัตโนมัติ

     

     

    “นาย..   รักชั้นจริงๆน่ะเหรอ”

     

     

    “จริงสิ  เพราะเป็นคุณ   ผมถึงรัก..”   คำหวานที่ได้ยินทำเอาร่างบางเผลอตัวซุกหน้าเข้ากับอกแกร่งอย่างเขินอาย   ไม่ยอมพูดอะไร   แต่ยิ่งเค้าเงียบ   คนเผด็จการที่ทำตัวน่ารักมาตลอดทั้งวันก็แผลงฤทธิ์อีกครั้ง   รั้งตัวดงเฮออกมาแล้วสบตากันตรงๆ

     

     

    “อย่าเงียบสิ    พูดขนาดนี้แล้วห้ามตอบอย่างอื่นนอกจากตกลงนะ”   คิบอมรวบรัดพูดเอาแต่ใจ   “พูดสิว่าคุณจะคบกับผม”

     

     

                …Say that you ‘OK’…

     

     

    ดงเฮกัดริมฝีปากล่างเบาๆ อย่างเขินอาย   พยักหน้ารับหงึกหงักแล้วหลับตาปี๋ทันที  ก็คนมันอายนี่นา...

     

     

    คิบอมยิ้มกว้างกับท่าทาง ‘OK’   แต่ยังรู้สึกตงิดๆอย่างอดไม่อยู่จนต้องประท้วง

     

     

    “ยังไม่ได้บอกผมเลยนะครับ”

     

     

    “บอกไปแล้วไง”

     

     

    “ยังเลย  ผมบอกว่ารักคุณ   แต่คุณยังไม่บอกว่ารักผมเลยสักนิด”

     

     

    “ก็แล้วเวลาคนเค้าตอบตกลงน่ะ   มีเหตุผลอื่นนอกจากรักอีกเหรอ...”   ดงเฮบอกเขินๆ   ประโยคที่เมื่อครู่ก้องอยู่ในหัวคิบอมถูกหน้าหวานยกเอามาพูด

     

     

    “ชั้นรักนายนะ”   เสียงหวานเผยความตามใจร่างสูง   พูดจบแล้วเขย่งตัวหอมแก้มป่องเบาๆไปที    “รู้หรือยังว่ารักน่ะ”

     

     

    ไม่ไหวที่จะพูด   คิบอมคว้าคนตรงหน้ามากอดเอาไว้แน่น   พรมจูบไปทั่วใบหน้าอย่างรักใคร่   ดงเฮหัวเราะเบาๆกับการกระทำของร่างสูง   แต่ก็ยอมให้คิบอมจูบจนพอใจ   แต่ลิ้มแก้มแตกก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยสักนิด   โดยเฉพาะตรงริมฝีปากเนี่ย   อ้อยอิ่งนานเป็นพิเศษเลย

     

     

    ดงเฮ   คุณน่ารักขนาดนี้    ผมคงปล่อยมือไปจากคุณไม่ได้แล้วละ...

     

     

    “นี่   พอแล้วนะ   คนเยอะแยะ”   น่ากลัวตรงไหนกัน   กับสีหน้าแดงๆเขินอายที่ห้ามปรามเขาน่ะ   คิบอมยกคิ้วกวนๆ   ก่อนเผยรอยยิ้มกว้างอย่างสุขใจหลังเอ่ยคำพูดจบ

     

     

    “รักซะอย่าง    ใครจะทำไม”

     

     

     

     

     

     

     

     

    แกล้งไปแกล้งมา   ยั่วกันไปยั่วกันมา   ผ่านรอยยิ้มและหยดน้ำตา   จนท้ายที่สุด   ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่   ที่เผลอใจไปกับเกมส์รักครั้งนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น   เข้าทำนองพาทีที่ว่า

     

     

    ยั่วนักรักซะให้เข็ด! 

     

     

    ลีดงเฮ   ภายนอกสดใสร่าเริง   แก่นแก้วกะโหลกกะลา   แต่ลึกๆ แล้วอ่อนโยนเจ้าน้ำตา

     

     

    คิมคิบอม   ภายนอกเย็นชาเจ้าอารมณ์   ภายในอบอุ่นนุ่มนวล  

     

     

    บางที...  นี่อาจเป็นความแตกต่างของสองหัวใจที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว   คงจะถูกอย่างที่คิบอมบอก

     

     

    รักซะอย่าง   ใครจะทำไม

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    - My sweetheart.. You’re everything. -

     

     

     

     

     

     

     

     

    วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2552

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×