ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -My Sweetheart..You're Everything -KiHae HanHyuk SJ-

    ลำดับตอนที่ #22 : :: Chapter 17 : Thinking of you ::

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.09K
      46
      26 มี.ค. 53

     

     

     

     

    17

    Thinking of you

     

     

     

                ดวงตาคู่สวยบวมช้ำเล็กน้อยจากอาการนอนไม่พอ   ผสมกับนอนไม่หลับ

     

     

    แกยอมเหรอ   ฮะ!!    แกยอมเหรอ!!!’   ประโยคที่ฮีซอลโกรธจนควันขึ้นหูดังก้องไปมาหลังจากเค้าเล่าเรื่องราวให้ฟัง   ใครจะไปคิดว่าพี่ชายคนสวยของเขาจะถึงขั้นอาฆาตแค้นกันเลยทีเดียว   เมื่อมีหญิงสาวมาประกาศความเป็นเจ้าของต่อคนที่น้องชายหมายตา(?)

     

     

    ดงเฮนั่งเท้าคางอยู่ที่โต๊ะในห้องอาหารมหาวิทยาลัย   หลังถูกฮีซอลบังคับให้ลาเรียนครึ่งวันแล้วลากตัวมาพบกับอิทึก

     

     

    “เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ   โหย   ชั้นของขึ้นว่ะ   ดูน้องชั้นดิ๊   ยอมให้แม่นั่นมาข่มอยู่ได้   ไม่ได้ดั่งใจเลย”   ฮีซอลหัวเสียกับความไม่สู้คนของดงเฮ   ทั้งๆที่พี่ชายอย่างเขาออกจะมาดแมนซะขนาดนี้

     

     

    “ใช่   ด๊อง   เรื่องนี้ยอมไม่ได้เด็ดขาด   ผู้ชายของเราก็คือผู้ชายของเรา   เข้าใจมั้ยจ๊ะ”   อิทึกยิ้มหวาน   แต่ไฟในตามันพุ่งริ้วๆ   ดงเฮเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วคิดไปพลางๆ  

     

     

    “ค..ครับๆ”   รู้แล้วทำไมพี่คังอินถึงเลิกเจ้าชู้…’

     

     

    “แต่จะดีเหรอ   เราว่าซอลลี่กับทึกกี้อย่าเพิ่งไปทำอะไรเค้าเลยนะ   ยังไงมันก็เป็นเรื่องของด๊องกับผู้ชายคนนั้น  แล้วก็..  เอ่อ  อ้อ    แล้วก็ทิฟฟานี่”   จุนกิผู้เรียบร้อยดั่งผ้าขาวที่พับไว้เอ่ยทัดทาน   แต่โดนคนสวยอีกสองคนตะโกนกลับมาทันทีว่า

     

     

    “ไม่ได้!!!

     

     

    “ไอ้ปลาเน่านี่น้องชั้น   น้องชั้นต้องแรง!!    ใครกล้ามาแหยมพ่อจะเตะมันกลับนรกเลย   คอยดู!   สมควรอย่างยิ่งที่จะเป็นเหตุผลของคิมฮีซอล

     

     

    อาจจะดูไร้สาระ   แต่ฮีซอลรู้ความหมายในการเปิดศึกของทิฟฟานี่ดี   มันหมายความได้ว่าแม่นั่นกำลังวางตัวให้ตีสูงกว่าน้องเขาด้วยคำว่าคนรู้จัก  ให้ดงเฮรู้สึกแย่และหลีกหนี   เปิดทางให้เจ้าหล่อนได้ช่วงชิงคิบอมได้ง่าย

     

     

    แต่คิมฮีซอลไม่โง่!   ตามเกมส์ทันเว้ย!!

     

     

    “ชั้นต้องทำให้ด๊องยั่วผู้ชายคนนั้นจนผู้ชายคนนั้นโงหัวไม่ขึ้นให้ได้ลีกิ    แล้วก็จะไม่ยอมให้ตัวมารตัวไหนมาขัดขวาง   เด็ดขาด!   เหตุผลของอิทึกทำเอาเลือดฝาดพุ่งขึ้นมารวมกันอยู่ที่ใบหน้าหวานจนอายม้วน   อยากจะแทรกให้หนีให้จมไปกับธรณีเสียเดี๋ยวนั้น    รู้สึกขัดเขินเมื่อเป็นเหมือนคนช่างยั่ว

     

     

    “เดี๋ยวนะครับ    เราเรียกแต่ผู้ชายคนนั้นๆ   เค้าไม่มีชื่อเหรอ”   ซีวอนผู้จองพื้นที่นั่งข้างๆคนรักเอ่ยขึ้นมา   โดยมีฮีซอลสำทับ

     

     

    “เออ   นั่นสิ    ตกลงไอ้เด็กนั่นมันชื่ออะไร”

     

     

    “อ่า   คิบอมครับ   เค้าชื่อคิมคิบอม”   

     

     

    “ฮะ!   คิบอม! / เฮ้ย!   ไอ้น้ำแข็งเดินได้นั่นน่ะเหรอ”

     

     

    เป็นคังอินกับฮีซอลที่ตะโกนขึ้นพร้อมกันจนคนรอบข้างสงสัย

     

     

    “จะตะโกนทำห่าอะไรวะ   เค้ามองกันเต็มร้านแล้ว”   เจย์ด่าเรียบๆ

     

     

    “ไอ้น้ำแข็งเดินได้?”   ดงเฮทวนแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ   “ครับ   คนเดียวกัน”

     

     

    “แล้วงี้ทำไมแกไปยั่วมันขึ้นวะ   ไอ้นั่นมันนิ่งจะตาย   ชั้นด่าเท่าไหร่มันยังไม่รู้สึกเลย”   ฮีซอลเพ้อเบาๆถึงความหลังครั้งก่อน

     

     

    “แบลร์   คิบอมนี่ใครน่ะ   รู้จักเหรอ”   อิทึกฉงน

     

     

    “ครับ   ตอนผมอยู่ม.ปลายปีสาม   คิบอมเค้าอยู่ม.ต้นปีสาม  เค้ากับฮันกยองมาเข้าชมรมเทควันโด   ฮีซอลชอบไปหาเรื่องเค้าบ่อยๆเพราะคิบอมไม่ค่อยพูด   พอขึ้นม.ปลายคิบอมเลยออกไปอยู่ชมรมอื่นแทน   ฮะๆ   เห็นว่าทนรำคาญคุณแม่ของชมรมไม่ไหว”

     

     

    “โลกแม่งกลมว่ะ   ใครจะไปรู้ว่าที่ด๊องไปยั่วจะเป็นคิบอมนั่น   โคตรจะวันเดอร์เลย”    ฮีซอลพูดเครียดๆ   ก่อนเปลี่ยนโหมดแล้วกระตุกยิ้มสวย   ...รอยยิ้มของคิมฮีซอล

     

     

    “คิดแผนด่วน!   ยังไงชั้นก็ต้องทวงไอ้น้ำแข็งนั่นมาให้ไอ้ปลาเน่าให้ได้!!   ..หึๆ   สนุกแน่”

     

     

    รอยยิ้มชวนผวานั้นได้รับการตอบรับเป็นเสียงดีดนิ้วอันถูกใจของอิทึก   และคำพูดชวนเข้าโบสถ์ของจุนกิ

     

     

    “ซอลลี่   เราว่าอย่าเลยนะ   มันอาจจะทำให้ด๊องลำบากก็ได้    ไม่เป็นห่วงด๊องเหรอ”    ดงเฮพยักหน้าหงึกๆอย่างเห็นด้วย  

     

     

    “ลำบาก?   ลำบากอะไร   ชั้นจะช่วยขจัดตัวมารออกไปต่างหาก”   ฮีซอลยืนยันเสียงแข็ง   เหมือนจุนกิจะรู้ว่าไม้นี้ไม่ได้ผล    แต่ก็น่าจะมีอะไรที่พอช่วยได้    ดีกว่าให้ฮีซอลบุ่มบ่ามทำอะไรตามใจแล้วเกิดผลเสีย

     

     

    เป็นห่วง   เพราะคนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้มากที่สุดคือดงเฮ...

     

     

    “งั้นก่อนที่ซอลลี่กับทึกกี้จะทำอะไร   เราไปดูทิฟฟานี่กันก่อนดีมั้ยว่าเค้าเป็นคนยังไง   สมควรจะ... เอ่อ   รุนแรงด้วยหรือเปล่า”

     

     

    “นั่นสิครับ    ผมว่าเราไปดูสถานการณ์ก่อนก็ดีนะครับ   จะได้ไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง”   ซีวอนค่อยๆพูดแล้วทำเนียนวาดแขนไปโอบรอบเอวโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว  

     

     

    “เออว่ะ   ความคิดเข้าท่า    จะได้ไปดูหน้าไอ้น้ำแข็งนั่นหน่อย   ฮันกยองก็เหมือนกัน   ไอ้จีนนั่นไม่พูดอะไรซักแอะ   เลยลืมเรื่องนี้ไปเลย”   ฮีซอลคาดโทษไปที่เขยอีกคนที่ไม่ได้ทักทายเขาอย่างสนิทสนมตอนพบกัน   มันน่านัก

     

     

    “เอาจริงเหรอพี่ฮีซอล”   ดงเฮถามเสียงอ่อย   ฮีซอลได้ยินก็ส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างขัดใจ

     

     

    “จริงสิ!   หน้าชั้นล้อเล่นรึไง   แกก็เหมือนกันดงเฮ    อย่าไปยอมให้ใครมารังแกรู้มั้ย   ดูซองมินซิ   ไอ้กระต่ายอ้วนนั่นมันยังด่าซะเสียไปเลย”   ฮีซอลเปรียบ   อยากจะสอนให้น้องเข้มแข็งซะบ้าง   ยิ่งฟังเรื่องของเพื่อนกระต่ายมาแล้วยิ่งชอบใจ

     

     

    “ครับๆ”  

     

     

    น้องชายหน้าหวานได้แต่รับเสียงอ่อยๆ   ถอนหายใจออกมาเบาๆ

     

      

    เขาคงจะต่อกรกับคิบอมได้แค่คนเดียวล่ะมั้ง   ทั้งๆที่หมอนั่นเป็นคนที่สมควรจะกลัวมากที่สุด    แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม   ตัวเองถึงกล้าทำทุกอย่างที่ใจคิดเวลาอยู่ต่อหน้าคิบอม

     

     

    'คอยดูเถอะไอ้น้ำแข็ง   มาทำให้น้องชั้นหวั่นไหวแล้วอย่าหวังว่าจะรอด!!!'

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - My Sweetheart.. You’re Everything. - - - -

     

     

     

     

     

     

     

     

    อีกด้านหนึ่งในเวลาเดียวกัน   ซองมินกำลังเล่าเรื่องที่ทิฟฟานี่มาประกาศความเป็นเจ้าของคิบอมกับดงเฮให้ฮยอกแจฟัง   หลังไก่ตัวเล็กเล่าเรื่องของยุนอาให้กระต่ายอวบฟังจนจบ

     

     

    “หา!   นี่เล่นมาหยามหน้ากันถึงถิ่นเลยเหรอ   แล้วด๊องว่าไง”   ฮยอกแจเกิดอาการทนไม่ได้    

     

     

    “โหย   รายนั้นจะว่าอะไรล่ะ   ก็อึ้งน่ะสิ   คิดดูนะ   ทิฟฟ่าทิฟฟี่อะไรนั่นมาบอกว่าตัวเองเป็นแฟนส่วนด๊องเป็นคนรู้จัก   ด๊องงี้อึ้งเลย   คงจะคิดอยู่แหละว่าทำไมคิบอมถึงพูดแบบนั้น   ชั้นว่าด๊องต้องหวั่นไหวชัวร์   เซ็งจริ๊ง   คนนึงปากแข็งอีกคนไม่รู้ใจตัวเอง”   

     

     

    “หมายความว่าไง”   ฮยอกแจยังไม่เข้าใจนักกับความเหนื่อยใจของเพื่อน

     

     

    “ชั้นดูๆแล้วด๊องเค้าคงไม่กล้าพูดไม่กล้าทำอะไรเพราะคิบอมนั่นแหละ   คิดดูนะ   ถ้าคิบอมบอกว่าด๊องเป็นคนรู้จัก   แล้วด๊องจะกล้าไปมีปากมีเสียงกับแฟนเค้ารึไงเล่า”   เหตุผลซองมินตรงกับความจริงทุกประการ   ดงเฮเป็นกังวลเรื่องนั้นจริงๆ

     

     

    “อาจจะรู้สึกเหมือนชู้มั้ง   ไปยั่วให้คิบอมให้นอกใจแฟนอะไรแบบนั้น   ด๊องของเรา Sensitive จะตายไป”   ซองมินเปรียบเปรยให้ฮยอกแจเข้าใจถึงอารมณ์อ่อนไหวของดงเฮ    แต่คนตัวเล็กก็อดค้านไม่ได้

     

     

    “แต่ถึงจะเป็นแค่คนรู้จักก็พูดได้นะ   แบบว่าไม่ต้องห่วงไม่คิดจะแย่ง   ไม่ได้รู้สึกอะไรกับคิบอมเงี้ย”

     

     

    “แล้วถ้ารู้สึกล่ะ”

     

     

    คำพูดง่ายๆของซองมินหักล้างทฤษฎีของฮยอกแจเสียสิ้น

     

     

    “งั้นเราไปถามกันดีมะ   ชั้นว่าคิบอมเค้าอาจจะตอบก็ได้นะ”   ฮยอกแจเสนอทางเลือกที่จะเพิ่มความมั่นใจให้เพื่อนของตน  

     

     

    “เอาวะ    เพื่อปลาน้อย   เป็นไงเป็นกัน!

     

     

     

     

     

     

     

     

    “เป็นอะไรวะคิบอม   เห็นทำหน้าเครียดๆ”   ฮันกยองเอ่ยทักเพื่อนสนิทที่ปั้นหน้านิ่งแล้วหันหน้าไปทางหน้าต่าง   เวลาพักเที่ยงแบบนี้คนในห้องค่อนข้างบางตาไม่เหมือนเวลาเรียน

     

     

    “ข้า...”   คิบอมตั้งใจจะพูดอะไรซักอย่าง   แต่ก็เกิดเปลี่ยนใจ   “เปล่า   ไม่มีอะไร”

     

     

    ฮันกยองส่ายหัวกับอาการบ้าๆบอๆของคิบอมพลางหยิบไอพอดขึ้นมาฟัง   ในหัวคิดไปเรื่อยเปื่อยตามประสาคนมีแฟน   ไม่สนใจคนไร้คู่อย่างคิบอมอีก

     

     

    หลังจบรายการเคิร์ส   คิบอมกับดงเฮก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันอีกเลย   เป็นดงเฮผู้เริ่มเกมส์ซะด้วยซ้ำที่อยากจะถอนตัวออกจากเกมส์ปั่นหัวใจนี้   ยิ่งมีทิฟฟานี่มาแสดงตัวเป็นคนรักด้วยแล้ว   เขาก็ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับคิบอมให้มากความ   จะกลายเป็นคนหน้าหนาแย่งคนรักของคนอื่นไม่ได้

     

     

    และเพราะคำพูดของทิฟฟานี่เมื่อวานก็ทำให้ดงเฮกับซองมินย้ายไปนั่งทานข้าวโต๊ะอื่น  ฮยอกแจเลยติดตามมาด้วยแล้วบอกกับฮันกยองว่าแยกโต๊ะกันก่อน   ทีแรกคนดื้อดึงทำท่าจะไม่ยอม   แต่ท้ายที่สุดก็ต้องตามใจน้องอ่อนแอของเขา   แล้วจ้องตากันตลอดพักเที่ยงแทน...

     

     

    คิบอมที่ไม่ค่อยใส่ใจรายละเอียดรอบข้างตัวยังรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ   ทิฟฟานี่มานั่งข้างๆเขาในวันนั้นและยุนอาที่ประกบตัวฮันกยองไม่ยอมห่าง    เข้าใจดีว่าเป็นนิสัยของพวกผู้หญิงที่ชอบจับมือถือแขนเลยรำคาญที่จะพูด   ได้แต่ปล่อยๆไป

     

     

    แต่ท่าทางของคนหน้าหวานนี่สิที่ชวนให้หงุดหงิด   ตอนเผลอสบตากันก็เอาแต่เลี่ยงเขาตลอด   หนีหน้าจากตอนกลางวันได้แล้วก็ในตอนเย็นอีก   เหมือนไม่อยากจะเห็นหน้าเขาที่เดินไปเป็นเพื่อนฮันกยองเพื่อรับฮยอกแจเหมือนทุกวัน   เลยแกล้งทำอะไรวุ่นวายบนโต๊ะไม่เลิก

     

     

                ไหนจะเมื่อเช้าที่ไม่ยอมมาเรียน   ไม่ยอมให้แม้แต่จะเห็นหน้า

     

     

    เธอจะหนีชั้นทำไม   เป็นอะไรไปอีก...

     

     

     มันต้องมีอะไรสักอย่างสิ   ให้เค้ากับหน้าหวานได้อยู่ด้วยกัน    เอ่อ..   ก็ไม่ได้อยากจะอยู่ด้วยซะหน่อย   แค่อยากจะดูหน้ากับท่าทางตลกๆเท่านั้นน่ะแหละ  

     

     

    ...ไม่ได้การละ    ถ้านิชคุณมันเกิดสงสัยว่าเขากับดงเฮไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆล่ะ   

     

     

    โธ่เว้ย!   อุตส่าห์หลอกกันมันออกไปได้แล้วนะ

     

     

    คิบอมเริ่มหัวเสียกับตัวเอง   ไม่พอใจกับการทำตัวของดงเฮที่เอาแต่หลบหน้าหลบตา    ไม่ยอมแม้แต่จะเฉียดกรายเข้ามาใกล้เขา

     

     

    เค้าจะต้องหาทางเข้าใกล้หน้าหวานให้ได้   สถานการณ์แบบนี้มันน่ารำคาญจนทำให้เขากระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก  

     

     

    แต่จะทำยังไงล่ะ...

     

     

    คนอย่างคิมคิบอมไม่เคยต้องคิดถึงแผนการเพื่อเข้าหาใครมาก่อนในชีวิต  

     

     

    ...นายเป็นคนแรกนะลิ้มหน้าหวาน    ถ้ารู้ก็ดีใจซะด้วยล่ะ

     

     

    “ไอ้ฮัน   ข้าถามไรหน่อยสิ”

     

     

    ฮันกยองเป็นเพียงคนเดียวที่พอจะช่วยได้   เนื่องจากเค้ารู้มาก่อนว่าไอ้เพื่อนคนนี้เคยทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้แนบชิดสนิทใจกับฮยอกแจ   จนในที่สุดของความพยายาม   มันก็ทำสำเร็จจนได้

     

     

    “ฮะ   จะถามไร”    ฮันกยองยัดไอพอดใส่กระเป๋า   เมื่อคิบอมยอมที่จะปริปากในเรื่องที่กังวล   คงจะเป็นอะไรที่สำคัญ

     

     

    “ตอนแกเข้าใกล้ฮยอกแจน่ะ   แกทำยังไงวะ   เค้าถึงได้...”   รู้สึกแปลกใจในคำถามนิดหน่อย   แต่ก็ต่อความให้

     

     

    “คบข้าน่ะเหรอ”  

     

     

    “เออ   นั่นแหละ”    ฮันกยองหรี่ตาสงสัย    แต่ก็ยอมเล่าให้คิบอมฟัง  

     

     

    “ก็ไม่มีไรมาก   แค่หาเรื่อง   ทะเลาะกัน   ประมาณนั้น”

     

     

    ง่าย   สั้น   กระชับ    ได้ใจความ   แต่คิมคิบอมก็ยังไม่  Get

     

     

    หาเรื่องงั้นเหรอ...   สำหรับฮันกยองอาจจะทำแล้วฮยอกแจรัก   แต่สำหรับเค้าถ้าทำ...   อาจจะถูกเกลียด    คิบอมไม่ได้อยากให้เกลียดซะหน่อย...

     

     

    “คิบอม   มีคนมาหานายน่ะ”    เยซองตะโกนเรียก   คิบอมพยักหน้ารับเนือยๆก่อนลุกเดินมา

     

     

    “มีอะไร”   คิบอมถามเสียงเรียบเมื่อเห็นซองมินและฮยอกแจ   ไม่เสียเวลามองหาคนหน้าหวานเพราะรู้ดีว่าดงเฮไม่มาเรียนตั้งแต่เช้าแล้ว

     

     

    “ชั้นมีเรื่องจะถาม”   ซองมินเปิดประเด็นทันที   แม้แปดสิบเปอร์เซ็นต์ในใจจะรู้ดีว่าคงไม่ได้คำตอบ   แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว    ใจกล้าถามซักทีเถอะวะ!

     

     

    “อะไร”

     

     

    “นายคบอยู่กับทิฟฟานี่เหรอ”  

     

     

    คำถามที่ได้ยินทำเอาคนต้องตอบเลิกคิ้ว   เตรียมหันหลังกลับเพราะไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่จะต้องบอก   แต่ในหัวมันกลับคิดอะไรบางอย่างได้ซะก่อน   คำตอบของคิบอมเลยเปลี่ยนเป็นคำถามพร้อมรอยยิ้มมุมปาก

     

     

    “เพื่อนใช้ให้มาถามเหรอ”

     

     

    ซองมินนิ่ง   ส่วนฮยอกแจอึ้ง   ก็ไอ้ท่าทียิ้มๆเวลาพูดถึงเพื่อนเขาแบบนี้น่ะ...  

     

     

    มันชอบชัดๆ!!

     

     

    คิบอมยิ้มบางๆพึงพอใจกับสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นเรื่องจริง   ฝากคำพูดไปถึงใครอีกคนแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าห้องด้วยใจที่เบิกบานกว่าครั้งไหนๆ

     

     

    “งั้นฝากไปบอกเค้าด้วยว่าถ้าอยากรู้ก็ให้มาถามเอง   ยินดีตอบทุกอย่าง”

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - My Sweetheart.. You’re Everything. - - - -

     

     

     

     

     

     

     

     

    เมื่อพลพรรคเคะหน้าสวยและเมะหน้าหล่อมาถึงโรงเรียนในช่วงบ่าย   ดงเฮแยกไปเข้าชั้นเพื่อเรียนวิชาช่วงบ่าย    ปล่อยให้เหล่าพี่ชายไปวางแผนซุ่มดูหน้าของศัตรู      ห้องชมรม

     

     

    “ยังไม่เปลี่ยนเลยแฮะ   สกปรกเหมือนเดิม   เหม็นเหมือนเดิม    เก่าเหมือนเดิม    นี่ชั้นทนอยู่ได้ไงวะตั้งสามปี”

     

     

    ฮีซอลบ่นแล้วนิ่วหน้ากับตัวเอง   ผิดกับซีวอนที่มองอะไรไปเรื่อยเปื่อยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

     

     

    “ซอลลี่   มาดูนี่!   เร็วๆ”   อิทึกยื่นหน้าเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุดของชมรมแล้วหันมาตะโกนเรียกฮีซอลอย่างเร่งด่วน

     

     

    “อะไรๆ”  

     

     

    “ผู้หญิงคนนั้น”  คนตาสวยชี้ให้ดู   ฮีซอลขมวดคิ้วงงๆ

     

     

    “ทำไม   ก็แค่ผู้หญิง”   อิทึกจิ๊ปากขัดใจ   แล้วเล่าสิ่งที่เห็นเมื่อครู่ให้ฟัง

     

     

    “มันจะปกติมากกก    ถ้าเมื่อกี้หล่อนไม่เทผงสีขาวลงไปในขวดน้ำของแฟนน้องลีกิ”

     

     

    “ฮะ!?”   ฮีซอลตั้งท่าจะเข้าไปเคลียร์กับหญิงสาวที่รีบเขย่าขวดน้ำเกลือแร่อย่างเร่งรีบเพื่อไม่ให้ฮันกยองที่เพิ่งเข้าไปอาบน้ำเมื่อครู่ออกมาเห็นเสียก่อน    แต่ยังดีที่ถูกอิทึกกักตัวไว้ได้ทัน

     

     

    “อย่าเพิ่งผลีผลามสิ   เด็กนั่นชั้นว่าคงมีแผนอะไรแน่ๆ   ไม่ใช่แค่น้องนายแล้วที่มีปัญหา   ฮยอกแจก็เหมือนกัน”   อิทึกพูดเสียงเครียด    เบือนสายตาไปยังจุนกิที่อยู่อีกมุม

     

     

    “แล้วจะเอาไงวะ   แต่เห็นแล้วอยากซัดซะที   ไม่รู้ว่าที่ยัยนั่นผสมลงไปเป็นอะไร”   ฮีซอลอารมณ์ร้อน   ผิดกับอิทึกที่โกรธแต่ประโลมใจตนให้เย็น   มือวางอันดับหนึ่งผู้เป็นเจ้าแม่แผนการอย่างเขา...   จะตลบแผนเด็กฝึกหัดให้ชมเป็นขวัญตา

     

     

    ยุนอารู้ดีว่าฮันกยองไม่ดื่มน้ำเกลือแร่พวกนี้   หากจะใส่ในน้ำเปล่าก็ไม่ได้   สีมันขุ่นจนผิดสังเกต   แต่ถ้าเป็นน้ำเกลือแร่ที่ข้างขวดมี Post it แปะไว้ว่าจากฮยอกแจล่ะ

     

     

    “ทีนี้แหละ   นายก็หนีชั้นไปไหนไม่พ้น   ฮันกยอง”   หญิงสาวเอ่ยกับตัวเอง   เหยียดยิ้มเย้ยๆให้กับชื่อท้ายข้อความ    อิทึกกับฮีซอลได้ยินชัดเจนทุกคำ   พอจะเดาได้เลาๆแล้วว่าจุดประสงค์ของผู้หญิงคนนั้นคืออะไร

     

     

    ถ้าไม่ใช่ยานอนหลับ...   ก็ไม่พ้นยาปลุก Sex

     

     

    ยุนอายัดขวดน้ำลงกระเป๋าฮันกยองแล้วเดินออกมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น    ผ่านหน้าอิทึกและฮีซอลที่แกล้งทำเป็นยืนคุยกันออกไปอย่างไม่ใส่ใจ

     

     

    ...เมื่อได้เวลาแล้วเธอคงจะกลับมาหาฮันกยองเพื่อทำตามแผนเป็นแน่

     

     

    “เรื่องของด๊องเอาไว้ก่อนซอลลี่   ชั้นว่าเรามีเหยื่อรายใหม่ต้องจัดการ”   อิทึกยิ้มสวย   รอยยิ้มที่น่ากลัวนักยามประดับเคียงคู่กับรอยยิ้มของฮีซอล

     

     

    ยุนอาเดินอย่างสง่าผ่านคนทั้งชมรมไปอย่างเชิดๆ   แต่สายตาเธอก็ไปสะดุดกับใบหน้าคมสันของซีวอนเสียก่อน   

     

     

    หญิงสาวยิ้มร้ายเดินเฉียดกรายเข้าไปใกล้ร่างสูงที่ยืนมองเด็กในชมรมซ้อมเทควันโดกันอย่างสนใจ    แล้วแกล้งสะดุดกับเบาะหนานิ่ม    เซล้มไปในอ้อมกอดของซีวอนที่เผลอตวัดรับด้วยความเคยชินทันที    ภาพที่เห็นทำเอาคนมองอย่างฮีซอล...

     

     

    อารมณ์พุ่งปรี๊ดดด~!!!

     

     

    “อุ๊ย    ขอโทษค่ะ”  

     

     

    ยุนอากล่าวเสียงหวานแล้วค่อยๆผละตัวออกจากอ้อมกอดด้วยท่าทางเอียงอาย   ค่อยๆช้อนสายตามองเทพบุตรสุดหล่ออย่างมีจริต

     

     

    ฟิ้ว~

     

     

    เคร้ง!!

     

     

    กระติกน้ำที่ใช้บรรจุน้ำสำหรับคนในชมรมนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นอย่างไม่เหลือสภาพ   ฝาแตก   ตัวกระติกเกิดเป็นรอยร้าว   โชคดีที่น้ำในนั้นถูกดื่มไปหมดแล้ว   พื้นจึงไม่ได้เปียกแฉะ  

     

     

    สิ่งที่เกิดขึ้นโดยคนที่คุณก็รู้ว่าใคร...

     

     

    ...ฝีมือของคิมฮีซอล

     

     

    “เฮ้ย   นาย    มีสิทธิอะไรมาทำลายข้าวของ”   ใครคนหนึ่งที่ประดับสายเขียวชี้นิ้วมาที่ฮีซอล   เป็นเพียงคนเดียวที่กล้าขยับตัว   คังอิน   อิทึก   เจย์และจุนกิได้แต่อยู่นิ่งๆเพราะอารมณ์โกรธของฮีซอล...  

     

     

    ใครจะไปเสี่ยง    พวกเขายังรักชีวิต

     

     

    ซีวอนอยู่ในโหมดงงปนอึ้งเล็กน้อย   เห็นโมโหเห็นโกรธมาก็เยอะ   แต่ทุกครั้งคนสวยของเขาก็จะใช้กำลังเข้าจัดการทั้งนั้น   ไม่ใช่ความเงียบและสายตาเย็นเยียบแบบนี้

     

     

    “หุบปากซะ”

     

     

    เสียงเรียบเอ่ยช้าๆ...   ชัดๆ    ทุกคนได้ยินมันดีเพราะ    ที่นี้มีแต่ความเงียบ

     

     

    “อะไรวะ   พี่คังอิน    ถึงหมอนี่จะเป็นเพื่อนพี่แต่ให้มัน...”

     

     

    “ชั้นบอกให้หุบปาก!!!    ฮีซอลกระชากเสียงสั่ง    ราวกับว่าถ้าไม่ยอมหุบปากด้วยตัวเอง   เขานี่แหละจะเป็นคนปิดปากให้เอง

     

     

    คนอย่างคิมฮีซอล...

     

     

    รักแรง

     

     

    โกรธแรง

     

     

    เกลียดแรง

     

     

    โมโหแรง

     

     

    แร๊งงงงง...!!!

     

     

    สมาชิกชมรมคนอื่นๆเป็นเด็กรุ่นเก่าตั้งแต่สมัยฮีซอลยังเป็นรองประธานชมรมกันทั้งนั้น   ไม่มีใครลืมคนหน้าสวยนี่ได้ลงแน่นอน   รวมถึงกฎเหล็กของชมรมของเมื่อสามปีก่อนที่ทุกคนเคยปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดและต้องทำกันต่อไปก็คือ...   

     

     

    สิ่งที่สมควรจะทำเมื่ออยากจะไปนอนเล่นที่โรงพยาบาล    คือทำให้รองประธานคิมฮีซอลไม่พอใจ...!

     

     

    เพราะคนอย่างเขา...   เล่นไม่ยั้งแน่

     

     

    ตาคู่สวยตวัดไปมองผู้หญิงเพียงคนเดียวในชมรม   ปฏิกิริยาที่ทำให้ทุกคนมองตามอย่างเลี่ยงไม่ได้

     

     

    อิมยุนอา...   หญิงสาวผู้ล่วงละเมิดกฎเหล็กของชมรม  

     

     

    ต้นเหตุของความอารมณ์เสีย...  

     

     

    ...มายุ่งกับผู้ชายของคิมฮีซอล

     

     

    ยุนอาเริ่มจะรู้สึกตัวว่าบุคคลอันตรายคนนี้กำลังไม่พอใจเธอ    แต่ยังไม่รู้ว่าเรื่องอะไร

     

     

    “มีซก   มานี่ซิ”   ฮีซอลเรียกรุ่นน้องที่คุ้นหน้าค่าตากันดีเรียบๆ

     

     

    “ค...ครับ”

     

     

    “นายว่า   เบาะกันกระแทกนี่หนามั้ย”  

     

     

    ไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่ฮีซอลกำลังแสดงออกมา   ทำได้เพียงเฝ้ามองต่อไปเรื่อยๆเท่านั้น

     

     

    “ห..หนาครับ”

     

     

    “เหรอ   หนางั้นเหรอ”   ฮีซอลทวน   ยิ้มมุมปากบางๆแต่บ่งบอกถึงสัญญาณอันตรายได้เป็นอย่างดี   ใช้เท้าขาวๆย่ำไปบนเบาะหนาตามที่รุ่นน้องบอก   เหมือนพิสูจน์ว่ามัน หนาจริงหรือไม่

     

     

    อิทึกแย้มรอยยิ้ม   เข้าใจฮีซอลแล้วว่ากำลังจะทำอะไร

     

     

    “เธอชื่ออะไร”   ฮีซอลถามเรียบๆ   สรรพนามว่าเธอใช้สำหรับผู้หญิง   ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหมายถึงใคร   แต่ยุนอาแกล้งทำหูทวนลมไม่รู้เรื่อง   แม้ภายนอกจะเชิดหน้ารั้นๆแล้วยืนต่อไป   แต่เธอปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอกำลังกลัว...    กลัวความกดดันของคิมฮีซอล

     

     

    “เธอชื่อยุนอา   อิมยุนอา”   คังอินเป็นคนตอบแทน   แม้จะพบเจอสถานการณ์แผ่ซ่านความกดดันจากฮีซอลที่มอบให้คนอื่นโดยมีตัวเองเป็นผู้ร่วมเหตุการณ์มามาก   แต่ก็ยังทำใจชินไม่ได้   อะไรบางอย่างในตัวเพื่อนคนนี้แตกต่างกว่าคนอื่นมากมายนัก

     

     

    จะตลกเกินไปมั้ย...   ถ้าซีวอนกำลังจะบอกกับตัวเองว่าหลงใหลใบหน้านี้ของฮีซอล...      ไม่สิ    เขาหลงใหล   หลงรักจนถอนตัวไม่ขึ้น   แค่ลองนึกไปว่าคนๆนี้มีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยรักให้เขา   มันก็ชวนให้หัวใจพองโตได้ไม่หยอก

     

     

    ต้องตกหลุมรักลงไปอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า...   

     

     

    และที่ขาดไม่ได้เลย    ซีวอนกำลังอึ้ง   กับอารมณ์หึงของคนรัก  

     

     

    “งั้นเหรอ    ยุนอางั้นเหรอ   ช่วยอะไรชั้นหน่อยสิ”    ร่างบางสาวเท้าเข้าประชิดอีกร่างที่กำลังสั่น...   ฮีซอลรู้สึกถึงมันได้ดี

     

     

    นิ้วเรียวจับคางเล็กๆไว้แล้วบิดไปซ้าย    ไปขวา    ท่าทางสบายๆแต่แฝงอันตรายไว้อย่างปิดไม่มิด

     

     

    “อ..อะไร”   แม้จะกลัวขนาดไหนแต่ก็ยังพอคิดได้ว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่เธอ   หากผู้ชายคนนี้ทำอะไรเธอก็ต้องมีคนช่วยเหลืออย่างแน่นอน

     

     

    ฮีซอลยิ้มหวาน    ปลดมือออกจากใบหน้าสวยๆนั่น   แล้วพูดเสียงเรียบกรีดหัวใจคนฟังให้ดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ     แค่เรื่องง่ายๆ

     

     

    “ช่วยเอาหน้ามาเป็นมาตรฐานวัดความหนาให้ชั้นหน่อย    เผื่อเบาะกันกระแทกนี่มันหนาไม่ได้ครึ่งของหน้าเธอชั้นจะได้เปลี่ยนอันใหม่    ดูท่ามันจะบางเกินไป    ดูซิ   ขนาดชั้นใช้ ตีนเหยียบๆดูแล้ว    มันยังหนาไม่เท่าหน้าเธอที่ชั้นจับเมื่อกี้เลย        

     

     

    ช่วยหน่อยนะ    สงสารรุ่นน้องในชมรมของชั้น”

     

     

    “ก..กรี๊ดดดดด……!!!!!!

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - My Sweetheart.. You’re Everything. - - - -

     

     

     

     

     

     

     

     

    ดงเฮเดินเข้าห้องเรียนมาด้วยความเหนื่อยอ่อน   เหนื่อยกายและเหนื่อยใจ   นี่เค้ากำลังหาเรื่องไปให้ทิฟฟานี่กับคิบอมหรือเปล่าเนี่ย    เค้าไม่สมควรจะทำให้เรื่องมันยุ่งยากเลยจริงๆ    ถ้าคิบอมพอใจที่จะทำอะไรแล้ว   เค้าจะเข้าไปยุ่งทำไม...

     

     

    ในเมื่อเขากับคิบอม...

     

     

    ...ไม่ได้เป็นอะไรกัน

     

     

    “ด๊อง   เมื่อเช้าไปไหนมาอ่า”   ฮยอกแจวิ่งเข้ามาหาทันทีที่เพื่อนหน้าหวานเดินเข้ามาในห้อง   หลังจากที่ตนก็เพิ่งกลับเข้ามาในห้องได้ซักพักเพราะไปห้อง B มา

     

     

    “ตายแน่ๆฮยอกแจ   ซองมิน   พี่ฮีซอลรู้ว่าทิฟฟานี่มาพูดแบบนั้นกับเรา”   ดงเฮเป็นกังวล   กลัว...   ไม่ใช่กลัวที่ทิฟฟานี่จะมาโวยวาย   แต่กลัวว่าใครอีกคนจะรำคาญ   ที่เค้าเข้าไปยุ่งวุ่นวายก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว

     

     

    “ดีสิ   ผู้หญิงแบบนั้นต้องให้พี่ฮีซอลจัดการซะให้เข็ด”   ซองมินไม่ทุกข์ร้อนอะไร   เช่นเดียวกับฮยอกแจที่ยิ้มอย่างสะใจ   ถ้าเป็นเรื่องอะไรทำนองนี้   ซองมินเปรียบเป็นเหมือนสมอง   ฮยอกแจเป็นร่างกายที่ทำงานเข้าขากับสิ่งที่ควบคุมเป็นอย่างดี

     

     

    ส่วนดงเฮ...   เป็นเหมือนหัวใจที่ขาดไปไม่ได้   แต่เพราะหัวใจมันมีความรู้สึกมากเกินไป   เลยทำให้บางครั้งก็ดูจะไม่แน่ใจและไม่แน่นอนเพราะจำต้องนึกถึงหลายๆสิ่งหลายๆอย่างรอบตัว   ข้อแตกต่างของสามสิ่งที่สำคัญในมนุษย์   เปรียบได้กับคนทั้งสามที่คบหาเป็นเพื่อนรักเพื่อนตายกันมาหลายปี    ขาดสิ่งใดไปหนึ่งอย่างแล้วก็เหมือนคนพิการ   สมองตาย   หัวใจได้หยุดเต้น

     

     

    หัวใจ...   ที่สมควรได้รับแรงกระตุ้นเสียบ้าง

     

     

    เพราะงั้นจึงไม่แปลกเลย   ที่หนึ่งสมอง   หนึ่งหัวใจ   และหนึ่งร่างกายจะกล้าทำอะไรต่อมิอะไรเพื่อรักษากันและกันเอาไว้    ในฐานะเพื่อน   ด้วยมิตรภาพที่งดงาม

     

     

    “ไม่ดีเลยซักนิดมินนี่   อย่าคิดอะไรง่ายๆไปซะหมดสิ”   เป็นอีกครั้ง   ที่หัวใจตรึกตรองแตกต่างจากสมอง   แต่จะสมบูรณ์ได้อย่างไรถ้าไม่มีร่างกายอย่างฮยอกแจมาประกอบ

     

     

    “เอาเถอะน่าด๊อง   มันไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก   เราให้พี่ซอลล่าจัดการไปก่อนก็ได้   แต่ถ้าทิฟฟานี่เลิกมายุ่งกับด๊องเมื่อไหร่   ขอให้พี่ซอลล่าหยุดก็ไม่เสียหายนี่   อีกอย่าง   ใครจะไปยอมถูกรังแกล่ะ   ด๊องชอบเหรอที่มีคนมาดูถูกน่ะ”   ฮยอกแจรั้นขัดกับดงเฮ   แต่เหตุผลน่าเชื่อถือไม่น้อย

     

     

    “เดี๋ยวนะฮยอก   ทิฟฟานี่เค้ามาดูถูกอะไรเรา”    ผู้ที่เปรียบเสมือนว่าเป็นแก่นหัวใจไม่เข้าใจ

     

     

    “ก็ยัยนั่นมาบอกว่าด๊องเป็นแค่คน...”

     

     

    “ทุกคนนั่งที่ได้แล้ว”    ยังไม่ทันที่ฮยอกแจจะอธิบายความ   อาจารย์จองมินก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน   ทั้งหมดเลยได้แต่รีบแยกย้ายกันไปตามคำสั่ง

     

     

    ดงเฮนั่งเรียนไปเรื่อยๆ   แต่ท้ายคาบก็มีกระดาษที่ถูกส่งต่อมาเรื่อยๆมายังเขา

     

     

    ด๊อง   เย็นนี้อยู่คุยกันก่อนนะ   อย่าเพิ่งรีบกลับนะจ๊ะ   ...ลีอาห์   

     

     

    ดงเฮหันไปมองเจ้าของจดหมายแล้วส่งยิ้มให้เป็นอันว่าตกลง   ลีอาห์หันหน้ากลับไปแล้วทำใจให้สงบสยบความตื่นเต้น   เตรียมตัวเตรียมใจให้ดี   โดยไม่ได้รู้เลยว่า...   มีใครบางคนบังเอิญได้ยินถึงแผนการนี้เข้าและกำลังนำมันไปใช้ประโยชน์

     

     

    ...หรือสร้างผลเสียก็ไม่รู้สินะ 

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - My Sweetheart.. You’re Everything - - - -

     

     

     

     

     

     

     

     

    ยุนอากระฟัดกระเฟียด   ไฟโมโหมันโหมอยู่เต็มอกแต่ก็ทำอะไรไม่ได้   ความอับอายต่อหน้าคนเป็นสิบที่เธอเพิ่งได้รับมันเลวร้ายสิ้นดี!

     

     

    ใครจะไปรู้ว่าคนหล่อๆแบบนั้นจะรักผู้ชายด้วยกันเอง   ถึงจะสวยยังไงก็เถอะ    ทั้งที่คิดว่าจะต่างจากฮันกยอง   แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นผู้ชายด้วยกัน!

     

     

    คอยดูเถอะ   ถ้าแผนชั้นสำเร็จเมื่อไหร่   ชั้นจะตามประจานพวกแกทุกคน!

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - My Sweetheart.. You’re Everything - - - -

     

     

     

     

     

     

     

     

    “คิบอมคะ    เย็นนี้คิบอมไปเป็นเพื่อนทิฟหน่อยนะคะ    คือทิฟ...”

     

     

    “ไม่ว่าง”

     

     

    เสียงเรียบตอบกลับอย่างไร้เยื่อใย    ทิฟฟานี่หน้าเสีย   แต่ปั้นหน้ายิ้ม   ...อดทนไว้   ถ้าคิบอมเห็นนายนั่นกับลีอาห์    คิบอมเกลียดมันแน่    อดทนไว้ทิฟฟานี่

     

     

    “แล้วถ้าทิฟจะบอกว่าดงเฮนัดให้ทิฟไปพบล่ะคะ”    หญิงสาวกัดฟันข่มความไม่พอใจ   นี่หล่อนไม่มีค่าจนต้องใช้ชื่อไอ้ผู้ชายคนนั้นมาอ้างเพื่อยื้อตัวคิบอมไว้แล้วหรือไง!

     

     

    ทิฟฟานี่ไม่เคยเป็นตัวสำรองของใคร    และจะไม่ยอมเป็น!

     

     

    “เค้าจะนัดเธอไปทำไม”  

     

     

    คิบอมไม่ใช่คนโง่   เขารู้ว่าทิฟฟานี่ต้องการอะไร   แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี   ทำไมจู่ๆดงเฮถึงอยากจะพบทิฟฟานี่จนถึงขั้นนัดแนะกัน

     

     

    หรืออยากจะถามเรื่องนั้นกับทิฟฟานี่นะ   

     

     

    หึๆ   หึงเรางั้นเหรอ...

     

     

    คิบอมหัวเราะให้กับความคิดตัวเอง    ไม่บ่อยนักที่เจ้าชายไร้หัวใจจะคิดเข้าข้างตัวเองแบบนี้    ลีดงเฮมีอิทธิพลต่อเขามากมายขนาดนี้เชียวหรือ    น่าขำชะมัด

     

     

    “ทิฟไม่รู้หรอกค่ะ    ตกลงว่าไงคะ”   ทิฟฟานี่ถามอีกครั้งเมื่อเห็นคิบอมคิดนาน    กลัวแผนจะแตก   คิบอมไม่ใช่คนโง่    ข้อนี้เธอรู้ดี

     

     

    ...แต่บางครั้ง    เมื่อความรักมันเข้ามาบังตา   อาจจะทำให้สิ่งที่กระทำบิดเบือนออกจากตัวตนของตัวเองในบางครั้ง   เพียงแค่คำๆเดียว   คำว่ารัก...

     

     

    คิบอมเบือนสายตามาสบอีกครั้ง   สำหรับเขาทิฟฟานี่ไม่ใช่คนที่รับมือยากอะไร   แล้วเขาก็อยากจะรู้เหมือนกัน    ว่าลิ้มหน้าหวานจะทำอะไร

     

     

    “งั้นก็ได้”

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - My Sweetheart.. You’re Everything. - - - -

     

     

    วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×