ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -My Sweetheart..You're Everything -KiHae HanHyuk SJ-

    ลำดับตอนที่ #20 : :: Chapter 15 : Only you ::

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.45K
      21
      26 มี.ค. 53

     

     

     

     

    15

    Only you

     

     

     

     

    “ด๊อง   ฮยอก   วันนี้เห็นว่าคาบสุดท้ายปีสามไม่ต้องเรียนอ่ะ   อาจารย์ประชุมไรกันไม่รู้   ไปดูหนังกันป่ะ”    ซองมินชวน   ฮยอกแจหันมามองอย่างสนใจ

     

     

    “ดูเรื่องไรอ่ะ   หนังใหม่ๆมีไรมั่ง   พักนี้ไม่ได้เช็คเลย”

     

     

    Prince or Princess อ่ะ    อยากดู   เห็นเค้าบอกสนุก   นายเอกหน้าหว๊านหวาน”   ซองมินตอบแล้วหันไปหาดงเฮ   “ไปป่ะด๊อง”

     

     

    “อือ   ก็ได้   แต่ขอโทรบอกพี่ฮีซอลก่อนแล้วกัน”   เพื่อนหน้าหวานตอบแล้วหยิบโทรศัพท์มากดโทรออก  

     

     

    “พี่ซอลล่าไม่รับเหรอ”   ฮยอกแจถามเมื่อเห็นดงเฮวางโทรศัพท์ลง   คนหน้าหวานทำเพียงพยักหน้าเบาๆ  ขมวดคิ้วสงสัยแล้วกดเบอร์อีกคนเพื่อโทรออก

     

     

    “พี่ซีวอนก็ไม่รับ   อยู่ด้วยกันมั้ง   ไม่รับทั้งคู่เลย”   ดงเฮพูดแล้ววางโทรศัพท์

     

     

    “ไปกันเหอะ   ประตูเปิดแล้วมั้งป่านนี้”   ซองมินบอกแล้วคว้ากระเป๋าเดินนำไปคนแรก   ฮยอกแจแยกตัวไปหาฮันกยองที่ห้องเพื่อบอกว่าวันนี้จะกลับเองไม่ต้องไปส่ง   เพราะนับจากที่คบกัน   ก็ถูกฮันกยองบังคับว่าไม่ต้องนั่งรถที่บ้านมาโรงเรียน    เขาจะเป็นคนไปรับเอง

     

     

    “ไปด้วยไม่ได้เหรอ”   คนเสียงเข้มใช้น้ำเสียงอ้อนๆ   ทำให้เพื่อนของตนที่ยืนอยู่ด้วยกันทำท่าอยากอ้วกเต็มทน

     

     

    “จะไปทำไม   ชั้นไปเที่ยวกับเพื่อน”    ฮยอกแจยังไม่ยอม  

     

     

    “ไปเที่ยวกับแฟนด้วยจะเป็นไรไปล่ะฮยอกแจ”   ฮันกยองดื้อดึงจะเอาให้ได้   แทบไม่อยากให้คนตัวเล็กคลาดสายตา    เขาบอกกันว่าคนมีความรักจะสวยวันสวยคืน    ฮยอกแจเองก็ไม่ต่างกัน    น่ารักขึ้นทุกวันจนทำเขาต้องคอยหวงคอยห่วงอยู่ตลอดเวลา    กลัวใครจะมาแย่งไป

     

     

    “ไม่ได้   เมื่อวานชั้นก็เพิ่งไปกินไอติมกับนายมานะ   วันนี้ห้าม”  

     

     

    ฮยอกแจทำใจแข็ง   ใช่ว่าไม่อยากเที่ยวเล่นกับฮันกยอง   แต่ก็อยากจะสนุกกับเพื่อนบ้างเท่านั้น

     

     

    “นัดใครไว้รึเปล่า”    เปลี่ยนท่าทางเป็นนิ่งขรึมแล้วถามเสียงเข้มเลียนแบบเพื่อนรักทันที    แต่เพราะคำถามแบบนั้นเลยโดนมือเล็กๆฟาดเข้าให้

     

     

    “จะบ้าเหรอ   ที่พูดเนี่ยคิดป่ะ   จะไปกับเพื่อน    กับซองมินกับดงเฮ   ชัดมะ”   ฮยอกแจเองก็เริ่มของขึ้น   มีอย่างที่ไหนจะถูกกล่าวหาว่านอกใจ   ฮันกยองพอจะรู้สึกถึงอารมณ์มาคุของคนตัวเล็กเลยรีบเอาน้ำเย็นเข้าลูบทันที

     

     

    “ไม่นัดก็ไม่นัดครับ   ให้ไปก็ได้   แต่ก่อนไปต้องจุ๊บก่อน”     นั่น   เรื่องเก็งกำไรเข้าตัวไม่มีใครเกินฮันกยอง

     

     

    ป้าบ...!   

     

     

    “ทะลึ่งนะฮัน   จะบ้าเหรอ    นี่หน้าห้องเลยนะ”   ฮยอกแจพูดเสียงสูง   หน้าขึ้นสีเรื่อ  แล้วก็ต้องบ่นอุบกับประโยคง่ายๆจากปากชายคนนี้ที่เอาชนะเค้ามาได้แล้วครั้งหนึ่ง   และคงจะได้ทุกครั้งไป

     

     

    “ผมไม่ถือหรอก”

     

     

    “หน้าด้านจริงๆนายนี่   ก็ได้ๆ”    ในที่สุดคนหน้าบางก็ต้องตกเป็นเหยื่อของคนหน้าหนา    คว้ามือร่างสูงแล้วพาเดินไปยังทางเดินใกล้ๆที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน     ฮยอกแจใช้มือโอบรอบคอร่างสูงแล้วเขย่งตัวขึ้น

     

     

    ริมฝีปากประกบกันเบาๆ   ขบเม้มริมฝีปากล่างของฮันกยองสองสามทีอย่างเอาใจแล้วผละออก   ภาพที่เห็นคือผู้ชายที่ยิ้มจนแก้มปริกำลังแลบลิ้นมาเลียคราบรักจากกิจกรรมเมื่อครู่

     

     

    “พอใจยัง”    ฮยอกแจแกล้งถาม   เขินนิดๆกับท่าทางของฮันกยอง

     

     

    ทำไมเราไม่เท่ห์ให้ได้ครึ่งของหมอนี่มั่งนะ   คนบ้า

     

     

    “พอใจแล้วคร้าบ   จุ๊บ”   ฮันกยองจุ๊บที่แก้มนิ่มๆอีกครั้งหนึ่งแล้วดุนหลังร่างบางเหมือนเด็กๆเพื่อพาไปส่งตรงบันได

     

     

    “ข้าไม่นึกว่าแกจะยอมปล่อยเค้าไปจริงๆนะไอ้ฮัน   เอ้า”     

     

     

    คิบอมที่ไม่รู้เดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่พูดออกมาพร้อมโยนกระเป๋าของฮันกยองให้

     

     

    “ฮ่าๆๆ   แกนี่สมกับเป็นเพื่อนข้าจริงๆ”

     

     

    ฮันกยองหัวเราะร่าแล้วเดินมากอดคอเพื่อนรัก    ใครจะไปยอมให้ไอ้หน้าไหนมามองมาจ้องน้องอ่อนแอของเค้ากัน   ถึงจะไม่ได้ไปเดินข้างๆแต่ก็ขอตามไปสอดแนมหน่อยก็ยังดีวะ

     

     

    “แล้วแกจะไปป่ะ”

     

     

    “ไป...  ทำไม   จำเป็น     ข้าไม่มีเรื่องให้ไปซะหน่อย”   คิบอมตอบเรียบๆ    ฮันกยองหรี่ตาลงจับผิด

     

     

    “ไม่ไปแน่เรอะ   เออๆ   งั้นก็ไม่เป็นไร   ข้าไม่อยากบังคับแกเหมือนกัน”   ฮันกยองแกล้งพูดแล้วเหลือบมอง   โธ่  ผู้ชายเหมือนกันทำไมจะมองกันไม่ออก    ตั้งแต่กลับมาจากแคมป์อะไรนั่นเพื่อนเค้าก็ท่าจะอาการหนัก   แต่ก็ติดที่นิสัยมันเป็นคนที่ปากแข็งได้โล่   จะให้ยอมตามติดสถานการณ์แบบเค้าก็คงจะไม่ใช่คิบอม   เจ้าชายไร้หัวใจหรอก

     

     

    ไอ้คิบอมเอ๊ย   ไม่ได้รู้ตัวเล๊ย   ว่าคนๆนั้นเค้าไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่    ออกจะสวยซะด้วยซ้ำไป    เดี๋ยวถูกใครแย่งไปละจะหาว่าไม่เตือน

     

     

    เหอะๆ   แต่ข้าก็เกือบลืม    คนอย่างคิมคิบอม   ถ้าถูกใจอะไรแล้ว   คงไม่ยอมให้ใครมาตัดหน้าแย่งไปง่ายๆแน่นอน    แกเจ๋งก็ตรงนี้แหละว่ะ    คิบอมเพื่อนยาก

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - My Sweetheart.. You’re Everything. - - - -

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “อะไรฟะ   มีแต่รอบสี่โมง   นี่เพิ่งสามโมงเอง”  

     

     

    ฮยอกแจโวยวาย   หลังดูเวลาโปรแกรมหนังแล้วไม่ได้ดั่งใจ

     

     

    “เอาน่า   จะได้ไปหาไรกินกันก่อน    หิวจะตายแล้ว”  

     

     

    “จะกินอะไรอ่ะมินนี่    เค้กมั้ย    ร้านเดิมน่ะ”   ดงเฮชวนคนที่บ่นหิว    ใบหน้าและท่าทางที่จัดว่าค่อนข้างดีจนถึงขั้นดีมากนั้นทำให้คนกลุ่มนี้เป็นจุดสนใจไม่น้อย  

     

     

    “ร้านที่มีแม่สาวเสิร์ฟดาวยั่วนั้นน่ะเหรอ”    

     

     

    “ช่าย    ไปกันเหอะ    ถ้าวันนี้โชคดีอาจเห็นเธอแจกขนมหวานให้ลูกค้าก็ได้นะ   เหอๆ”   ฮยอกแจพูดแล้วล็อคคอลากไปด้วยกัน   มืออีกข้างก็สอดเข้าไปในแขนดงเฮแล้วออกเดิน  กริยาเล่นกันในหมู่เพื่อนฝูงนั้นชวนมองจนไม่อยากละสายตาในความรู้สึกของคนบริเวณนั้น    โดยเฉพาะคนที่ลงทุนตามมา สอดแนม

     

     

    “อา   ฮยอกแจน่ารักจัง”    ฮันกยองเพ้อลอยๆ   รอยยิ้มกว้างที่เผยเหงือกสีชมพูอย่างคนสุขภาพดีนั้นยังติดตาติดใจเขาไม่คลาย

     

     

    “ก็งั้นๆแหละ”  

     

     

    ใครอีกคนที่อยู่ด้วยกันพูดมาเรียบๆ   สายตาคมมองตามแผ่นหลังเล็กๆของบุคคลหนึ่งในกลุ่มไก่กระต่ายปลาไป

     

     

    “เหอ   ไอ้คิบอม   แล้วนี่แกจะตามข้ามาทำไม   ไหนบอกไม่มีกิจอันใดไงท่านเจ้าชาย”   ฮันกยองหมั่นไส้   พูดประชดในประโยคสุดท้าย    คิบอมที่กระตุกกับคำกล่าวนั้นถามเหมือนเอาเรื่อง

     

     

    “อะไรของแก   ไอ้ฮัน   พูดมากว่ะ”   ฮันกยองยิ้มขำ   ตบบ่าคิบอมแรงๆแล้วพูดสบายๆ

     

     

    “ปากแข็งเข้าไปเว้ย    ปากแข็งเข้าไป    งั้นแกก็ยืนต่อไปเหอะ    ข้าจะไปตามสุดที่รักของข้าแล้ว   จะตามมาหรือจะกลับบ้าน   เลือกเอา”   ฮันกยองพูดเหมือนคนชนะอยู่ในทีที่จับจุดเพื่อนรักออก   คิบอมแยกเขี้ยวใส่แผ่นหลังกว้างของคนที่เดินจากไป  

     

     

    คิบอมหันมองคนรอบข้างที่กำลังจ้องเขาด้วยสายตาเพ้อฝันปนละลาย    ผละสายตาออกแล้วเดินไปช้าๆพร้อมคำถามที่อยู่ในหัว    แต่ตอบเท่าไหร่ก็ยังตอบไม่ได้สักที

     

     

    แล้วเราจะมาเดินตามอย่างไอ้ฮันมันทำไมวะ 

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - My Sweetheart.. You’re Everything. - - - -

     

     

     

     

     

     

     

     

    “อืม”

     

     

    คนหน้าสวยครางเบาๆเมื่อรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังรุกรานบนอกเปลือยเปล่า    ฮีซอลค่อยๆปรือตาแล้วเพ่งจุดโฟกัสไปยังร่างสูงที่กำลังขึ้นคร่อมเค้าอยู่พร้อมพรมจูบไปทั่ว

     

     

    “อื้อ   ซีวอน”     ฮีซอลครางเสียงหวานเมื่อยอดปทุมสีสวยกำลังถูกบี้บดด้วยเรียวปากหนาของซีวอน   ส่วนอีกข้างก็ถูกสะกิดสะเกาปั่นป่วนอารมณ์โดยดัชนีพิฆาตอย่างไม่มีหยุดหรือสะดุดอารมณ์ใดๆ

     

     

    เสียงดูดจ๊วบจ๊าบพร้อมน้ำอุ่นๆจากโพรงปากชื้นแฉะอยู่บนยอดอก   แต่กลับแห้งเหือดและเจ่อนองอีกครั้งสลับไปมาเพราะร่างสูงที่ขบดูดไม่หยุด   ฮีซอลที่ถูกยั่วยุอารมณ์ใช้มือของเขาสอดเข้ากับเรือนผมของซีวอนเพื่อระบายความอัดอั้น

     

     

    “จ..จะต่ออีกแล้วเหรอ   สามรอบแล้วนะซิมบ้า”  

     

     

    ฮีซอลถามเสียงอ่อย    แม้จะรู้ดีว่าคงหยุดไม่ได้อีกแล้วเมื่อทั้งเขาทั้งซีวอนเองต่างก็ต้องการไม่แพ้กัน

     

     

    “นี่ก็จะเป็นรอบที่สี่ไงครับ”

     

     

    “ฮื้อ   ถ..ถ้างั้น   ก็เบาๆหน่อยนะ”   ฮีซอลบอกเสียงอ้อน   ก็รอบที่ผ่านๆมาตัวเองเป็นคนบอกซีวอนให้แรงบ้างละ  ลึกบ้างละ  จนลืมความเจ็บหลังร่วมรักไปเลย   ความสุขปนแสบเลยจำต้องขอให้เพลาเรื่องความรุนแรงไว้บ้าง

     

     

    “อื้ม   ได้ครับ”  

     

     

    ซีวอนรับคำแล้วเคลื่อนกายมาประกบจูบหวานล้ำแก่คนรัก    ละเลียดความหวานจากกายแสนสวยนี้อีกครั้งอย่างไม่รู้หน่าย    เรี่ยวแรงที่หดหายคืนกลับมาในไม่นานหลังจากนอนกกกอดในอ้อมกอดของกันและกัน   เสริมสร้างแรงกายพลังรักให้เพิ่มพูน   เรื่อยๆและเรื่อยๆ

     

     

    บทเพลงรักเล่นประสานเป็นเวลาตั้งแต่บ่าย...   จนถึงกาลท้องฟ้าเปลี่ยนสีเลยกระมัง

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - My Sweetheart.. You’re Everything. - - - -

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ฟักทองเค้ก   บราวนี่   มิลค์เชค   วานิลาซันเดย์   ชูครีม   สกินนี่ชิฟ   วิปปิ้งชิค   โกโก้วิปครีม   แล้วก็น้ำฟักทองค่ะ”    พนักงานทวนรายการที่สั่งแล้ววางของว่างท่าทางน่ากินลงบนโต๊ะ    เธอยิ้มเอ็นดูท่าทางของลูกค้าอ่อนวัยกว่า

     

     

    “ขอบคุณครับ”

     

     

    โต๊ะทางกระจกใสฝั่งหน้าร้านที่มีเด็กชายมัธยมปลายหน้าตาดีสามคนกำลังจัดการของกินตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย   พูดคุยกันอย่างออกรสจนมีเสียงหัวเราะคิกคักดังไม่หยุด    สร้างบรรยากาศสดใสของร้านให้น่านั่งได้ดีทีเดียว

     

     

    แต่หากเปรียบเทียบกับโซนสดใสหน้าร้าน    โต๊ะนี้คงเป็นโซนอึมครึม

     

     

    “กาแฟกับทีไทม์ได้แล้วค่ะ”    พนักงานอีกคนของร้านวางถ้วยกาแฟและถ้วยชาลงบนโต๊ะ   เพราะชุดเก้าอี้ที่ค่อนข้างเตี้ยทำให้เธอต้องก้มลงเล็กน้อย   แต่ก็ดูเหมือนเกินความจำเป็นเมื่อเจ้าหล่อนเล่นก้มลงราวจะเช็ดโต๊ะด้วยปาก    โน้มตัวลงต่ำจงใจให้ยูนิฟอร์มที่ใส่อยู่เผยถึงเนื้ออกอวบอิ่มของหล่อน    บริการของว่างสายตาให้ฟรีๆไม่คิดตังค์

     

     

    แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลกับหนุ่มชาวจีนที่มองผ่านหลังเธอไปชะเง้อหาอะไรซักอย่าง   ไม่แม้แต่จะชายตาแลสาวฮ็อตของร้านอย่างเธอเลยด้วยซ้ำ  

     

     

    หญิงสาวเบะปากไม่พอใจ   แล้วหันมาสนใจกับเหยื่ออีกคน  

     

     

    “น้ำตาลค่ะ”     แผนเดิมอีกครั้ง   โน้มซะสุดโก่งแล้วช้อนสายตาขึ้นสบ   ไม่ลืมที่จะแกล้งปัดมือผ่านหน้าขาของคิบอมเสียด้วย

     

     

    คิบอมที่ไม่ได้สนใจอะไรแต่แรกหันมามองด้วยสายตาเรียบนิ่งของเขา    ปกเสื้อที่จงใจแหวกออกกว้างนั้นอยู่ในระดับสายตาเพราะสาวพนักงานเสิร์ฟยื่นน้ำตาลมาให้ซะใกล้    สบตาสื่อความนัย   กัดริมฝีปากล่างเบาๆอย่างยั่วยวน    รู้สึกขัดใจนิดหน่อยที่ยังไม่เห็นสายตาของคิบอมเปลี่ยนไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อย    ยื่นน้ำตาลเข้าไปใกล้อีกพร้อมกายบางจนแทบจะเกยตัก

     

     

    สายตาคมสบมองอย่างเรียบนิ่ง   นิ่งจนน่ากลัวและน่าหลงใหลอยู่ในที   หญิงสาวเพ้อไปไกลว่าหากได้หนุ่มคนนี้มาควงแล้วจะโชคดีขนาดไหน  

     

     

    “ไม่ต้อง”

     

     

    แค่เพียงถ้อยคำเรียบๆและสายตาเฉยชาที่ตอบกลับมาก็ทำให้หญิงสาวอ้าปากค้าง    สายตาไม่พอใจที่ถูกเมินอย่างไม่ไยดี    เธอกรีดร้องในใจอย่างคับแค้น    คิบอมไม่สนใจ   หยิบกาแฟที่ไร้นมและน้ำตาลขึ้นดื่มแล้วหันหน้าไปทางอื่น   ภาพเมื่อครู่ที่เห็น   หากเป็นอีกคนที่ทำ   เขาจะปฏิเสธหรือเปล่านะ...

     

     

    “ฮึ่ย!   หญิงสาวฟึดฟัดแล้วกระแทกเท้าเดินกลับเข้าหลังร้านไปด้วยความโมโห     ฮันกยองก็ยังคงไม่สนใจ    เป็นเรื่องปกติที่เขาและคิบอมเจอกับเรื่องแบบนี้   

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ว้า    น่าเสียดายเนอะ    วันนี่ไม่มีลูกค้าหล่อหม้อ   เอ๊ย   หน้าหล่อเลยซักคน    เลยอดดูของดีเลย”   ซองมินพูดอย่างเสียดาย   ฮยอกแจกับดงเฮเลยหัวเราะขึ้นมาเบาๆ

     

     

    “ไว้ไปดูในโรงดิ   เห็นว่าเรื่องนี้มีตัวอิจฉาบานเลย”    ฮยอกพูดแล้วตักวานิลาซันเดย์ของดงเฮมากิน   เลยถูกเพื่อนหน้าหวานแย่งโกโก้ไปดื่มบ้าง

     

     

    “เออนี่   คิดว่าใครจะได้แชมป์เคิร์ส”   ซองมินเปิดหัวข้อใหม่   ฮยอกแจพูดตอบมาคนแรก

     

     

    “คิบอม    คะแนนสูงมากเลยที่เพจโหวตอ่ะ   เพิ่งปิดไปเมื่อวานแต่นำลิ่วๆ   ด๊องได้ที่สองอ่ะ   แล้วก็ใครไม่รู้”

     

     

    “คิบอมเนี่ยนะได้ที่หนึ่ง   โหวตไปได้เนอะ”  

     

     

    “ทำไมอ่ะด๊อง   เค้าก็ออกจะหล่อ   อ๋อ   เค้าลืมไป   ด๊องแด๊งไม่ถูกกับนายคิบอมนี่เนอะ”   ซองมินพูดเหมือนล้ออยู่ในที

     

     

    “ซองมิน!   ไม่ใช่เลยนะ    เรากับหมอนั่นไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ”     ดงเฮรีบปฏิเสธ

     

     

    “แต่ร้อนตัวจังนะด๊อง   สงสัยต้องบอกฮันให้ไปบอกคิบอมแล้วสิเนี่ย”    ฮยอกแจรับช่วงต่อจากซองมินล้อเลียนดงเฮ

     

     

    “อย่านะ!   ..เอ่อ   บอกก็บอกสิ   เราไม่เห็นสนเลย”    คนถูกล้อห้ามเสียงดังในตอนแรกแล้วอึกอัก   พูดเสียงแผ่วในตอนสุดท้าย    เสียงหวานบ่นอุบงอนๆ    “มินนี่กับฮยอกชอบแกล้งเราอยู่นั่นแหละ”

     

     

    “อ้ะๆๆ   ไม่ล้อก็ได้ๆ   ง้อแล้วนะ   ให้กินเค้กคำนึงก็ได้”   ซองมินรีบง้อแล้วสละเค้กให้ดงเฮหนึ่งคำ   สำหรับคนที่รู้จักคนน่ารักและรักฟักทองยิ่งชีพอย่างซองมินแล้วนั้น   การที่กระต่ายน้อยจะแบ่งของกินที่ประกอบจากฟักทองไม่ใช่เรื่องง่ายเลย   ไม่รักจริงไม่สละขนาดนี้

     

     

    “ก็ได้   เราหายงอน   อ้ามมม”

     

     

    “โห  ไรว้า   ทีชั้นต้องขโมยแกกินนะถึงจะให้    ไอ้กระต่ายบ้า”   เป็นคราวถึงฮยอกแจที่เล่นบทงอนเง้าบ้าง    ทั้งดงเฮทั้งซองมินเลยประเคนของกินมาป้อนถึงปากให้อย่างเอาใจ   เรียกรอยยิ้มกว้างจากฮยอกแจให้ปรากฏมาเหมือนเดิม

     

     

    “ดูดิ   เค้าป้อนกันด้วย     ข้าอิจฉาว่ะไอ้คิบอม”   ฮันกยองทั้งหึงทั้งอิจฉา

     

     

    “บ้าน่าไอ้ฮัน    เค้าเพื่อนกัน”   แม้จะดูหยาบกระด้าง   แต่นั่นคือคำปลอบโยนที่ดีที่สุดของคิมคิบอม

     

     

    “แต่ถ้าเพื่อนคิดจะเล่นเพื่อนล่ะ”   ฮันกยองยังไม่เลิก   หันมาถามสีหน้ากังวล   แต่ดูปัญญาอ่อนเต็มทนในสายตาคิบอม

     

     

    “แกก็กระโจนลงไปเล่น 3P กับเค้าซะสิ   ถามควายๆ”  

     

     

    “เฮ้ย   ไอ้เวร   จะบ้าเหรอ   ข้ารักแค่ฮยอกแจเว้ย”   ฮันกยองพูดแน่วแน่

     

     

    “เออ”

     

     

    “แล้วทำไมเป็น 3P วะ   ต้อง 4P ดิ”   ฮันกยองยังสงสัย   แต่ไม่ได้คิดลึกถึงขั้นจริงจัง  แค่งงว่าทำไมถึงเป็นสาม    อันที่จริงมันต้องเป็นสี่สิ   ถึงจะถูกตามที่พูดมาแต่แรก

     

     

    “เอ่อ...”   นั่นสิ   คิบอมเองก็เพิ่งรู้ตัวว่าเขาตัดใครบางคนออกจากกองมรดก 3P ไป   “แกจะอะไรวะ   นู่น   ดูแฟนแกนู่น   เดินไปไหนแล้ว”   คิบอมเปลี่ยนเรื่อง   เผลอไปเห็นฮยอกแจที่เดินออกไปพร้อมซองมินแล้วทิ้งดงเฮไว้คนเดียวพอดี

     

     

    “อ้าวเฮ้ย   แล้วเค้าไปไหนวะ”

     

     

    “จะรู้เรอะ   อยากรู้ก็ตามไปสิ”

     

     

    “เออๆ   งั้นถ้าข้าไม่กลับมาก็ทางใครทางมันนะ   ทางแกอยู่นี่นิ   เหอๆ   ไปละ”   ฮันกยองเดินไปพร้อมหย่อนระเบิดลูกโตเอาไว้

     

     

    “จะไปตายที่ไหนก็ไปเลย    ไอ้เวร”

     

     

    ซองมินเดินออกไปคุยโทรศัพท์เพราะแม่ของเขาโทรมา   ฮยอกแจที่จะไปเข้าห้องน้ำพอดีเลยเดินออกไปด้วยกัน   ดงเฮเลยเป็นฝ่ายนั่งคอยอยู่ที่ร้านกันการเข้าใจผิดข้อหาชักดาบ   กินแล้วชิ่ง

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - My Sweetheart.. You’re Everything. - - - -

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ชั้นไปเข้าห้องน้ำนะ”   ฮยอกแจบอกเบาๆแล้วเดินแยกไป   ปล่อยให้ซองมินคุยโทรศัพท์ได้สะดวก   พักนี้ซองมินคุยกับแม่เขาบ่อย   คงจะมีปัญหาหรือเรื่องอะไรซักอย่างกระมัง  

     

     

    ตุบ

     

     

    “เฮ้ย   อะไรวะ”   คนร่างเล็กที่กำลังเลี้ยวเข้าทางห้องน้ำชนเข้ากับร่างหนาของใครบางคนที่เดินออกมาพอดี    ด้วยขนาดกายที่ต่างกันทำเอาฮยอกแจเซจนเกือบล้ม    ยังดีที่จับมุมผนังประคองตัวเองไว้ได้ทัน    เพราะเป็นห้างเปิดใหม่   และห้องน้ำแถวนี้ก็ไม่มีคนพลุกพล่าน    จึงไม่มีใครอยู่เลยในบริเวณนี้

     

     

    “น้องเป็นไรป่ะจ๊ะ   ไหนให้พี่ดูหน่อย”   ชายฉกรรจ์ใช้สายตากะลิ้มกะเหลี่ยพร้อมเอื้อมมือมาหมายจะจับเนื้อต้องตัวฮยอกแจ  

     

     

    “ไม่เป็นไรครับ   ผมขอตัวก่อนนะครับ”  ฮยอกแจเบี่ยงตัวหลบ    แต่ท่าทางชายคนนี้ดูจะไม่วางมือง่ายๆซะแล้ว

     

     

    “เดี๋ยวเซ่    หึๆ    หน้าตาน่ารักขนาดเนี้ย    ปล่อยไปง่ายๆก็กระไรอยู่นะน้อง”    แขนเล็กถูกยึดไว้แน่นพร้อมหลังมือใหญ่ที่มาไล้แก้มนิ่ม

     

     

    “ปล่อยชั้นนะ!

     

     

    “ทำอะไรวะ!      ฮันกยองผลักให้ชายตัวใหญ่ถอยออกไปโดยแรง   คว้าตัวฮยอกแจมาไว้ด้านหลัง    ฮยอกแจรู้สึกใจชื้นขึ้นทันทีที่ฮันกยองโผล่มาช่วยเค้าไว้ได้ทัน

     

     

    “แม่ง   อะไรวะ!   แกเป็นใคร”    ชายตัวใหญ่พูดลอดไรฟัน   ไม่พอใจ

     

     

    “ทำไม   จะรู้ไปทำไม   ถ้าแกไปนอนโรงบาลซักสองสามเดือนแน่ใจเหรอว่าจะจำชื่อชั้นได้!

     

     

    ฮันกยองพูดเสียงดัง   มันโกรธตั้งแต่ที่ไอ้บ้าคนนี้มันกล้ามาแตะต้องฮยอกแจแล้ว

     

     

    “สัดเอ๊ย    มีผัวแล้วก็ไม่บอก    เล่นตัวอยู่ได้       ก็แล้วทำไมวะ    ไอ้เด็กนี่มันมาอ่อยกูก่อน   มึงจะทำไม!

     

     

    “ก็ทำอย่างงี้ไง”

     

     

    พลั่ก!

     

     

    ฮันกยองเลือดขึ้นหน้ากับคำพูดดูถูกฮยอกแจแล้วกระแทกหมัดเข้าไปที่กรามแข็งๆอย่างแรงจนผู้ชายคนนั้นล้มไป   

     

     

    ร่างสูงตามเข้าไปชกหน้าเหียกๆต่อไม่ยั้ง    ด้วยแรงมหาศาลของฮันกยองนั้นชายผู้โชคร้ายจึงสลบไปทันทีหลังถูกระดมหมัดเข้าใส่

     

     

    “พอได้แล้วฮัน    เค้าสลบไปแล้ว    พอเถอะนะ”   ฮยอกแจวิ่งเข้ามากอดร่างสูงแล้วดึงออกมาเบาๆ

     

     

    “ปล่อยผมฮยอกแจ    ผมจะฆ่ามัน!   ฟื้นสิวะ!!  ฮันกยองตะโกนกร้าวอย่างหมดความอดทน    แต่ไม่กล้าพอที่จะสะบัดคนที่ยื้อเขาไว้ออกไป

     

     

    ฮยอกแจยังไม่คลายกอดออกเพื่อสงบสติอารมณ์ของฮันกยอง   รู้ดีว่าทำไมฮันกยองถึงโมโหได้ขนาดนี้   ชายคนนั้นมีจิตใจที่สกปรกเหลือเกิน    กมลสันดานในคำพูดที่สบถออกมาแสดงถึงความต่ำทรามอย่างปิดไม่มิด    ถ้าฮันกยองไม่มา   เขาคงจะถูกผู้ชายเลวๆคนนั้นทำลายไม่มีเหลือแน่ๆ

     

     

    “มันทำอะไรคุณหรือเปล่า”   ร่างสูงถาม   จับเนื้อตัวสำรวจไปทั่วอย่างเป็นห่วง   นึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าน้องอ่อนแอของเค้าโดยทำร้ายแล้วเขาจะเป็นยังไง    

     

     

    “ไม่เป็นไรฮัน”  

     

     

    ฮันกยองคว้าคนตัวเล็กเข้ามากอดปลอบ   กดหัวเล็กๆให้แนบกับไหล่แกร่งซึ่งฮยอกแจก็ไม่คัดค้านอะไร

     

     

    “ตอนเห็นไอ้เลวนั่นมันจับคุณแบบนั้น    ผมโมโหตัวเอง    ทำไมผมไม่ปกป้องคุณ...      ผมอยากจะฆ่ามัน”   ฮันกยองแค้น   พูดอย่างอ่อนโยนในคราแรกแล้วใช้น้ำเสียงต่ำน่ากลัวในตอนท้าย    ฮยอกแจลูบหลังกว้างเบาๆ    ฮันกยองผละตัวออก    ดึงมือคนตัวเล็กเข้าไปในห้องน้ำชาย

     

     

    “ทำอะไรน่ะฮัน”   ฮยอกแจถาม   แต่ก็ต้องร้องอ้อเบาๆเมื่อฮันกยองหยิบผ้าเช็ดหน้าไปซับกับน้ำแล้วเอามาเช็ดแก้มเค้าเบาๆ

     

     

    ฮันกยองวางผ้าลงกับอ่างล้างมือ    เอื้อมมือมาลูบไล้กับแก้มนิ่มที่เพิ่งถูกชำระสัมผัสสกปรกออก   ทำอย่างนั้นอยู่นานจนฮยอกแจถอนหายใจ

     

     

    “เฮ้อ   จูบล้างพิษเหอะ   ถูยังไงก็ไม่พอใจนายหรอกชาตินี้”   ฮยอกแจพูดเหมือนรู้ทัน   ฮันกยองที่ได้ยินความก็เผยยิ้มออกมาเบาๆ  

     

     

    “ฮยอกแจ   ผมสัญญา   ผมจะไม่ปล่อยให้ใครมาทำแบบนี้กับคุณอีก”   ฮันกยองให้คำมั่นแล้วจูบหน้าผากมนเบาๆ    เคลื่อนริมฝีปากมาล้างพิษที่แก้มขาวเนิ่นนาน     ฮยอกแจที่อารมณ์ดีกับทุกๆการกระทำของร่างสูงกล่าวติดตลก

     

     

    “รวมนายด้วยป่ะ”  

     

     

    “ฮื้อ   รวมได้ไง   ผมทำแล้วคุณรู้สึกดีต่างหาก    ไม่ได้ขยะแขยงซะหน่อย”   ฮันกยองก็เริ่มจะยิ้มตาม   โมโหไปก็ไม่ได้อะไร   มีแต่จะทำให้ฮยอกแจรู้สึกแย่

     

     

    “แหวะ   หลงตัวเองอ่า”

     

     

    “ใครบอกหลงตัวเอง   หลงคนนี้ต่างหาก”   ฮันกยองพูดแล้วบอกให้รู้ว่าเป็นใคร   กดจูบหนักๆลงบนแก้มนิ่มข้างที่เพิ่งลูบไป    “ล้างพิษเรียบร้อยแล้วนะครับ   ต่อไปนี้ตัวคุณ    จะมีแค่สัมผัสจากผมเท่านั้น”

     

     

    ฮยอกแจยิ้ม   ไม่ใช่ยิ้มกว้างสนุกสนาน   เป็นเพียงยิ้มบางๆที่สุขใจในคำพูดของฮันกยอง

     

     

    “ชั้นก็จะไม่ยอม   ให้ใครมาสัมผัสชั้นเหมือนกัน  นอกจากนาย”

     

     

    ฮันกยองจูบเบาๆที่ปากแดงๆอย่างให้รางวัลสิ่งที่กล่าวคำพูดน่ารักๆออกมา    ก่อนหน้าซีดกับคำถามของคนรัก

     

     

    “นายมานี่ได้ไง     ตามชั้นมาเหรอฮัน”   ฮยอกแจถามเสียงเขียว

     

     

    “แฮ่ๆ”   ฮันกยองยิ้มเจื่อน   รีบอ้างเหตุผลทันที   “ผมตามมาดูเฉยๆนะฮยอกแจ   ถ้าผมไม่มาก็ไม่มีใครช่วยคุณจากไอ้เลวนั่นแน่ๆ   ผมเป็นห่วงคุณหรอกนะ”

     

     

    ฮยอกแจหรี่ตาประเมินคนรัก    ก่อนส่ายหน้าอย่างยอมแพ้

     

     

    “เฮ้อ   ก็ได้ๆ   ให้นายไปด้วยก็ได้”

     

     

    “วู้ว    งั้นเราไปกันเหอะ”

     

     

    “ไปไหน?”   คนตัวเล็กถามงงๆ   และก็ได้รับคำตอบพร้อมรอยยิ้มอาตี๋ตาหยีกลับมา

     

     

    “ดูหนังไง”

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - My Sweetheart.. You’re Everything. - - - -

     

     

     

     

     

     

     

     

    [ด๊อง   เค้ากลับบ้านก่อนนะ   แม่ให้รีบกลับน่ะ]

     

     

    “อ่อ   อื้มๆ    เดี๋ยวเราบอกฮยอกให้นะ   มินนี่กลับบ้านดีๆนะ”   เสียงหวานพูดอย่างเป็นห่วง

     

     

    [คร้าบผ๊ม!   บ๊ายบายนะ]

     

     

    “อื้ม   บ๊ายบาย”   ดงเฮยิ้มหวานแล้วเก็บโทรศัพท์   ก่อนหน้านี้ฮยอกแจโทรมาบอกว่าฮันกยองมาแล้วลากไปดูหนังปฏิเสธไม่ได้   บอกขอโทษแล้วจะเลี้ยงขนมเขากับซองมินทีหลัง    ดงเฮไม่ได้บอกเรื่องนี้กับซองมินเพราะเดี๋ยวเพื่อนจะไม่สบายใจ   ก็เท่ากับว่าตอนนี้เหลือเพียงดงเฮแค่คนเดียวแล้วจริงๆ

     

     

    “คนนึงมีแฟน   คนนึงหม่าม๊าสุดที่รักตามกลับบ้าน   เหลือแต่ฟิชชี่คนเดียว    เฮ้อ   จะทำอะไรต่อดีล่ะเนี่ย”   อีกชั่วโมงกว่าๆถึงจะห้าโมงเย็น   ดงเฮมีเวลาเยอะแยะสำหรับเดินเล่น    แต่เขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรนี่สิ    ปัญหา

     

     

    “อย่ามานั่งบ่นคนเดียวได้มั้ย   มันเหมือนคนบ้า   ชั้นอายแทน”

     

     

    คิบอมพูดเสียงเรียบแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามดงเฮ   หลังเฝ้ามองคนหน้าหวานบ่นมาพักใหญ่

     

     

    “น...นาย     นายมานี่ได้ไง”   นึกว่าจะหนีไอ้ลิ้มแก้มระเบิดนี่พ้นแล้วเชียว

     

     

    คิบอมยักไหล่กับคำถามนั้นแล้วตอบง่ายๆ    “มากับฮันกยอง   แต่ตอนนี้มันไปกับเพื่อนเธอ”

     

     

    ดงเฮถอนหายใจแล้วตำหนิตัวเอง    นายคิดว่าคิบอมเค้าตามนายมาเหรอ   กล้ามากเลยดงเฮ   น่าอายจริงๆ

     

     

    “งั้นเหรอ”

     

     

    ดงเฮรับเบาๆในลำคอ    ความเงียบเข้ามาปกคลุม   ดงเฮมองไปนอกหน้าต่างคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย    เค้าเริ่มชินเสียแล้วกับความเฉยชาของคิบอม   หรืออันที่จริงก็ไม่รู้จะทำยังไงกับมันดีนั่นละ

     

     

    ลิ้มแก้มระเบิดของดงเฮถือโอกาสจ้องมองใบหน้าหวานไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว    ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนๆเหมือนมีประกายของน้ำคลออยู่ตลอดเวลา   จมูกโด่งรั้นเข้ากับนิสัยดื้อเหมือนเด็ก   ริมฝีปากเรียวบางสีสวยที่เค้าเคยลิ้มรสความหวานมาแล้ว   และยังติดใจไม่รู้คลาย

     

     

    “ซันเดย์จะละลายแล้ว”   คิบอมบอก   แต่ดงเฮกลับยู่ปากกับไอศกรีมเหมือนเด็กเบื่ออาหาร

     

     

    “อิ่ม”

     

     

    “อืม”    คิบอมรับสั้นๆ

     

     

    “ชั้นว่าชั้นกลับก่อนดีกว่า”   ดงเฮไม่ตระหนักถึงเหตุผลที่จะนั่งอยู่ต่อ   และคงจะได้ลุกออกไปแล้วถ้าคิบอมไม่จับข้อมือเล็กเอาไว้แล้วถามเสียงเครียด

     

     

    “รังเกียจเหรอ    ชั้นมันน่าขยะแขยงขนาดนั้นเลยรึไง   ถึงได้ทำเหมือนชั้นเป็นตัวปรสิต”    ไม่มีความเสียใจหรือน้อยใจใดๆในน้ำเสียงนั้น

     

     

    “เอ่อ   เปล่าหรอก”   ดงเฮนั่งลงที่เดิม   บางครั้งเค้าก็ไม่เข้าใจสิ่งที่คิบอมคิดหรือแสดงออกมาเท่าไหร่นัก   ไม่เข้าใจแม้แต่สายตานิ่งๆหรือน้ำเสียงเรียบๆนั่น    ไม่เข้าใจเลยแม้แต่นิดเดียว

     

     

    “แต่สิ่งที่นายแสดงออกมันฟ้อง”

     

     

    “เอ่อ   ชั้น...”   ดงเฮอึกอัก   เค้ารู้ตัวดีว่าไม่ได้รังเกียจคิบอม   เพียงแต่มันประหม่าและไม่มั่นใจ    เวลาที่ไม่ทะเลาะหรือต่อปากต่อคำกันดงเฮก็เลยไม่รู้จะวางตัวยังไง    มันเป็นความรู้สึกที่เค้าไม่เคยเจอมาก่อน    ไม่รู้ด้วยซ้ำถึงวิธีที่จะรับมือกับมัน

     

     

                ทั้งสองออกมาเดินเล่นหลังจากชำระเงินที่ร้านโดยมีคิบอมเป็นคนออกให้ทั้งหมด   แม้หน้าหวานจะคัดค้าน   แต่คิบอมกลับตอบอย่างสั้นๆและเอาแต่ใจ

     

     

    ชั้นจะจ่าย   เธอไปเดินเล่นเป็นเพื่อนชั้นเพื่อใช้คืนแล้วกัน

     

     

    ตอนแรกดงเฮก็ไม่เข้าใจว่าทำไม   แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรนักที่จะไปเป็นเพื่อน   คนหน้าหวานกับคนแก้มป่องเลยพากันเดินไปเรื่อยๆในสวนสาธารณะใกล้ๆห้างสรรพสินค้าแทนที่จะเดินเล่นในตึกอาคาร

     

     

    “สวัสดีค่ะ   สนใจบริจาคเงินช่วยคนยากไร้หรือเปล่าคะ    ชนบททางใต้ที่ประสบภัยแล้งน่ะค่ะ”   หญิงสาวในชุดนักศึกษาวิ่งมาถามพร้อมกล่องบริจาค    ดงเฮควานหาเศษเหรียญในกระเป๋าแล้วใส่ลงกล่องยิ้มๆ   ผิดกับคิบอมที่หรี่ตาประเมิน

     

     

    “นี่    ไม่ทำเหรอ”   เสียงหวานถาม    พอจะเดาท่าทางของคนพูดน้อยออกเลยเอ่ยเร่ง

     

     

    “ทำๆไปเหอะน่า   เร็วสิ”    โดนดงเฮพูดมาแบบนั้นเลยไม่รู้จะทำยังไง   คิบอมหยิบธนบัตรหมื่นวอนในกระเป๋าสองสามใบแล้วหย่อนไปในกล่องใหญ่ๆนั่น   หญิงสาวอาสาสมัครตาโตเล็กน้อยกับความใจป้ำของคิบอม    ก้มหัวขอบคุณแล้ววิ่งจากไป

     

     

    “สามหมื่นวอน!    ค่าขนมชั้นตั้งสามอาทิตย์นะนั่น    อ้อ   ไม่รวมที่พี่ฮีซอลแอบเม้มนะ”   เสียงหวานอึ้งเล็กน้อย   แต่บ่นเบาๆในประโยคสุดท้าย

     

     

    “ของจริงรึเปล่าก็ไม่รู้”    คิบอมสงสัยในการบริจาคนั่นอยู่ว่าเป็นการช่วยเหลือจริงหรือไม่    ดงเฮตีแขนคิบอมไปหนึ่งทีกับความคิดนั่น    และได้รับสีหน้ามุ่ยๆหงุดหงิดๆกลับมาพร้อมเสียงแข็งๆ

     

     

    “ตีชั้นทำไม”

     

     

    “นี่    ทำบุญนะ    ถ้ามัวแต่คิดเล็กคิดน้อยจะได้บุญได้ไง    สามหมื่นวอนที่ให้ไปก็ไม่มีค่าหรอก”

     

     

    คิบอมนิ่งฟัง    คิดตาม    จริงอย่างที่หน้าหวานพูดอยู่หรอก    ปกติเวลามีเรื่องแบบนี้คิบอมมักทำเฉยถ้าไม่แน่ใจจริงๆว่านั่นคือการบริจาคเพื่อช่วยเหลือ    คนปากแข็งขัดใจนิดหน่อยในท่าทางของดงเฮที่ทำตัวเหมือนกำลังสอนเด็กหัวดื้ออย่างเขา

     

     

    “อืมๆ   ไม่คิดก็ไม่คิดสิ”

     

     

    “ดี   น่ารักมาก”   เสียงหวานชมเปาะอย่างพอใจ   คิบอมรู้สึกถึงความร้อนบริเวณใบหน้าของตนจึงรีบทำไม่สนใจทันที

     

     

    เดินมาได้พักหนึ่งก็ถึงป้ายรถเมล์   ดงเฮกำลังจะเดินไปขึ้นรถ    แต่ถูกคิบอมรั้งไว้เสียก่อน

     

     

    “มีอะไรเหรอ?”

     

     

    “ชั้นมีเรื่องจะถาม”   

     

     

    “หืม    จะถามอะไร”    ดงเฮเอียงคอสงสัยด้วยท่าทางน่ารักๆเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

     

     

    “นาฬิกานั่น    มันหมายความว่าอะไร”

     

     

    “เอ๋?”

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - My Sweetheart.. You’re Everything - - - -

     

     

     

     

     

     

     

     

    แม้รถจะยังจอดไม่สนิทดี   แต่คุณชายของคฤหาสน์ก็รีบเปิดประตูลงมาอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งขึ้นห้องไป     ไม่สนใจเสียงทักทายของใครๆทั้งสิ้น    มีเพียงประโยคเดียวที่ดังก้องอยู่ในหัว

     

     

    จิ๊ๆๆ    นายนี่ไม่ช่างสังเกตซะเลยนะ   มันก็เขียนบอกไว้ในนั้นแล้วไง

     

     

    ทันทีที่หน้าหวานจากไป     คิบอมบอกตัวเองไว้ว่ากลับมาบ้านแล้วจะรีบหาคำตอบโดยเร็ว    และที่เร่งรีบก็ไม่ใช่อะไร    เพียงแค่ประโยคเบาๆและใบหน้าแดงๆของดงเฮที่บอกเขาเท่านั้นเอง

     

    อ้อ   แล้วชั้นก็ไม่รู้ความหมายของนาฬิกาหรอกนะ   แต่ที่ชั้นให้เพราะรู้สึกว่า...   มันคงเหมาะกับเราดี

     

     

    คิบอมหอบหายใจหนักๆ   คว้านาฬิกาเรือนเล็กบนชั้นลอยขึ้นมาดู    สำรวจในทุกตารางเมตรของนาฬิกาเรือนนี้    จนเห็นประโยคภาษาอังกฤษสองประโยคที่เขียนเป็นตัวเล็กๆไว้ข้างใน    คนหน้าตึงอยู่เป็นนิตย์จึงได้คลี่ยิ้มออกมาบางๆ

     

     

    ...เธอจะน่ารักกับชั้นก็เป็นนี่    ลีดงเฮ

     

     

     

     

    ...Thank you for the good time we have had together, I would not forget

     

     

     

     

     

     

     

     

    เย็นนี้ทุกคนในคฤหาสน์หลังงามต่างแปลกใจกับอารมณ์อันแจ่มใสของคุณชายหน้าบึ้งของพวกเขา   แม้คุณนายคิมจะซักจะถามอย่างไรก็มีเพียงใบหน้ายิ้มๆกลับมาพร้อมคำพูดเดิมๆ

     

     

    ความลับ

     

     

    จะมีใครล่วงรู้ได้เล่า   ว่าสิ่งที่ทำให้คิมคิบอมยิ้มออกตลอดทั้งวัน   เป็นเพียงข้อความเรียบๆที่ไม่มีใครสนใจมันเท่าไหร่    แต่ใครบางคนกลับมองเห็นและชอบใจ    จนอดไม่ได้ที่จะซื้อมันมา   เพื่อมอบให้ใครอีกคนที่เขาคิดว่าเหมาะสมกับมัน

     

     

     

     

     

     

     

     

    ...ขอบคุณสำหรับเวลาดีๆที่เราเคยมีด้วยกัน     ชั้นจะไม่ลืมมันเลย

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - My Sweetheart… You’re Everything. - - - -

     

     

     

     

     

     

     

    วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2552

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×