ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -My Sweetheart..You're Everything -KiHae HanHyuk SJ-

    ลำดับตอนที่ #18 : :: Chapter 13 : Gift for you ::

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.43K
      14
      26 มี.ค. 53

     

     

     

     

    13

    Gift  for  you

     

     

     

     

    สองวันนับจากดงเฮกลับจากแคมป์เคิร์ส   คนหน้าหวานยังรู้สึกแปลกๆกับบรรยากาศใหม่ๆของคนรอบข้าง   ฮยอกแจที่มีแฟนแล้วรักกันหวานชื่น   ฮันกยองที่เห็นเป็นคนไม่ค่อยพูดเวลาอยู่กับเพื่อนของเค้าละเปลี่ยนเป็นคนละคน     ญาติผู้พี่อย่างฮีซอลที่ไม่รู้ไปเสียท่าให้พี่ซีวอนตั้งแต่เมื่อไหร่   ก็ดูเหมือนซีวอนจะเอาใจฮีซอลมากขึ้น   แต่พี่ของเขาก็ยังไม่เปลี่ยน    ก่อนคบกับหลังคบ    ไม่ค่อยต่างกัน   กดขี่ข่มเหงซีวอนเหมือนเดิม

     

     

    ซองมินดูท่าจะปรับตัวเร็ว  รายนั้นคอยจ้องแต่จะแซวฮยอกแจให้หน้าแดงเขินอายเวลาฮันกยองมาหาที่ห้อง   ดงเฮก็พอจะเล่นไปด้วยหรอก    ถ้าไม่ติดว่าเจ้าของหน้าเซ็งๆนั่นจะเป็นประเภทพกพา  ติดตามฮันกยองมาด้วยทุกครั้ง

     

     

    “โฮ  จบซะทีคณิตอันแสนน่าเบื่อ   หิวแล้ว   ไปกินข้าวกันเหอะ”   คนน่ารักเอ่ยชวนพร้อมยัดหนังสือเรียนใส่โต๊ะ    เด็กนักเรียนในห้อง A เริ่มบางตาเมื่อแต่ละคนทยอยกันออกไป

     

     

    “เอ้อ   ฮยอก   ชั้นว่าวันนี้กินไก่อบกันมั้ย   ด๊องว่าไง”

     

     

    “โอย   จะกินไรก็เอาเหอะ   หิวจะตายอยู่แล้ววว”   ดงเฮตอบกลับแล้วลูบหน้าท้องแบนราบเบาๆ

     

     

    “งืม   เอานั่นก็ได้”   ฮยอกแจพูดบ้าง    ทั้งสามพากันเดินออกไปหน้าห้องเรียนเหมือนเช่นทุกวัน   แตกต่างกันก็ตรงที่เดี๋ยวนี้   จะมีชายหนุ่มอีกสองคนมายืนคอย

     

     

    “อ้าว   มาแล้วเหรอ   เลิกเร็วทุกวันเลยนะ”  ฮยอกแจเอ่ยทักกับฮันกยอง   ได้รับคำตอบเป็นการยีหัวพร้อมรอยยิ้มสนุกของร่างสูง

     

     

    ดงเฮเหลือบไปมองร่างสูงอีกคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆแล้วเบะปาก   เมื่อคนๆนั้นยืนเก๊กล้วงมือไปในกระเป๋ากางเกงเฉยๆไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร    ประมานว่าแค่ตามเพื่อนของตนมาเท่านั้น

     

     

    “ฮันกยอง!   อย่าเล่นผมสิ   เดี๋ยวชั้นไม่หล่อ”   ฮยอกแจว่าคนรักที่ยังชอบแกล้งตนไม่เปลี่ยน

     

     

    “ยังไงก็ไม่หล่ออยู่แล้ว   ไม่เป็นไรหรอกน่า”   

     

     

    ...เพราะคุณน่ารักต่างหาก

     

     

    “อะไร  หล่อออก   ไม่งั้นด๊องไม่หลงหรอก   จริงม้า”   เพื่อนตัวดีหันมายิ้มเผล่ให้ดงเฮแล้วแลบลิ้นให้ฮันกยองอย่างล้อเลียน    แต่ร่างสูงก็ทำเพียงบีบแก้มนิ่มเบาๆเป็นการลงโทษด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

     

     

    ซองมินกับดงเฮหันมามองหน้ากันประมาณว่า...   เนี่ยนะหรอ    (อดีต)ไอ้โหดของฮยอกแจ     โหด....   ตรงไหนไม่ทราบ

     

     

    “จะชักช้าอีกนานมั้ย”  

     

     

    คนเสียงเข้มที่ไม่ได้พูดอะไรมาแต่แรกเอ่ยออกมาเรียบๆ  

     

     

    “ไม่อยากรอแล้วจะมาทำไม”   คนเสียงหวานหันไปถามเสียงฉุน      แต่คนถูกถามไม่ใส่ใจ   ยักไหล่อย่างไม่แยแสแล้วเดินออกไป   ดงเฮกัดริมฝีปากล่างอย่างโกรธๆ

     

     

    “เอ่อ   ดงเฮ   ผมขอโทษแทนไอ้คิบอมมันด้วยนะ   ตอนชวนก็ไม่เห็นพูดอะไร   ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้น่ะ    ไม่รู้ไปโมโหอะไรมา”  

     

     

    “อ่อ    เอ้อ   ไม่เป็นไรหรอกฮันกยอง    แหะๆ   เราก็แค่หมั่นไส้ไปงั้นแหละ   ไปกินข้าวกันเหอะ   เรากับซองมินขอนำไปก่อนน้า”   ดงเฮพูดยิ้มๆแล้วลากซองมินไปด้วยกัน    ทิ้งให้คู่รักคู่ดังของโรงเรียนตามมาทีหลัง

     

     

    “นี่ด๊อง   ตั้งแต่กลับมาจากแคมป์   ด๊องกับคิบอมดูแปลกๆเนอะ    สนิ๊ทสนิทกัน”    ซองมินเอ่ยมาตามที่เห็นและที่ตนคิด

     

     

    “หา   บ้าเหรอมินนี่   ใครจะไปสนิทกับเจ้านั่นกัน”  

     

     

    “แล้วทำไมต้องรีบปฏิเสธด้วย   สนิทกับคนหล่อๆไม่ดีตรงไหน”   ซองมินตั้งท่าจับผิด

     

     

    “ก็ไม่ดีตรงที่เป็นหมอนั่นน่ะสิ”   ดงเฮบ่นอุบ

     

     

    “อะฮ้า    พูดงี้แปลว่าต้องไปเจออะไรดีๆมาแน่เลย   บอกเค้ามานะ”   ซองมินชี้นิ้ว   จะเค้นเอาความให้ได้

     

     

    “บ..บ้า    เจออะไรดีล่ะ    ไม่มีซักหน่อย    อยู่กับไอ้ลิ้มบอมนั่นน่ะเหรอจะดี   ถ้าดีจริงเราไม่ได้แผลมาหรอก”   ดงเฮพูดเสียงดังดูรนๆพิกล    ชี้ไปที่ขาขาวภายใต้กางเกง   ถึงแม้แผลจะตกสะเก็ดใกล้หายแล้วก็ตาม

     

     

    “แน่ะ   มีพิรุธจริงๆด้วย   เค้าจำได้นะว่าด๊องไปแคมป์เพื่อยั่วคิบอมน่ะ    เล่ามาซะดีๆ   เล่ามาให้หมดนะ”    เสียงใสๆของซองมินเปลี่ยนเป็นเข้มๆตามนายลิ้มบอมของดงเฮไปแล้ว

     

     

    “เอ่อ...”

     

     

    “ถ้าไม่เล่าก็ไม่ต้องไปกินข้าวเลยนะ   เค้าเห็นเรื่องนี้สำคัญมากกว่าอยู่แล้ว”   ซองมินบอกรั้นๆ   ดงเฮถอนหายใจ   ลองมีอาการแบบนี้แล้ว   ถ้าเค้าไม่บอก   ก็คงจะตาย   ...มือเบาตีนเบาซะที่ไหนล่ะ

     

     

    ไอ้กระต่ายบ้า!

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - My Sweetheart.. You’re Everything. - - - -

     

     

     

     

     

     

     

     

    “โอ๊ย!   ร้อนๆๆ   ร้อนนน   ร้อนโว้ยยยย”

     

     

    “นั่นดิ   เส้นศูนย์สูตรย้ายมาอยู่ที่โซลแล้วรึไงเนี่ย   ร้อนได้ใจจริงๆ”   อิทึกสำทับเพื่อนหน้าสวยที่แหกปากบ่น   วางขนมในมือลงแล้วคว้าสมุดมาโบกพัดไปมา   กลุ่มของชาลีแองเจิ้ลนั่งพักร้อนกันอยู่ที่ใต้ตึกบริหาร   รอซีวอนและจุนกิแองเจิ้ลอีกหนึ่งคนที่จะลงมาทานข้าวด้วย

     

     

    “ร้อนเหรอทึกกี้   ไปที่ห้องผมมั้ย   เย็นนะ”   คังอินพูดพร้อมส่งสายตาบางอย่างที่ปิดไม่มิดมาที่นางฟ้าคนสวยของเขา

     

     

    “อย่ามาหื่นแต่วันนะแบลร์   ร้อนจะตาย   ใครจะไปมีอารมณ์”   อิทึกตอบกลับฉุนๆ   แบลร์เลยฉวยสมุดในมือบางมาพัดให้แทน   ปรนนิบัติพัดวีเป็นการใหญ่

     

     

    “ไอ้พวกนี้นี่มันหน้าไม่อายเลยจริงๆ   ต่อหน้าพวกชั้นยังจะพูดกันซะเต็มปากเต็มคำ”  

     

     

    “อะไรกันซอลลี่    อีกไม่นานเธอก็ต้อง...กับซีวอนอยู่ดี   ทำเป็นอายไปได้”   อิทึกพูดสบายๆ  อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย   แหงละ   มีทาส(รัก)รับใช้ส่วนตัวนี่

     

     

    “หน้าด้าน!   พูดมาได้ไง   หน้าไม่อายๆๆ”    ฮีซอลพูดเสียงดังกลบเกลื่อน   คำด่าทอนั้นไม่ได้ทำให้คนอย่างอิทึกที่คบมานานนมโกรธ   แต่สะใจซะมากกว่า   ที่ทำให้เจ้าแม่ซินเดอเรลล่าอายม้วนต้วนได้

     

     

    “โถๆๆ   แค่นี้ทำเป็นอาย   ชั้นจะรอดูว่าเธอจะหนีมันได้ซักกี่น้ำ   โฮะๆๆ”

     

     

    “ไอ้ทึกกี้   แกก็ไปล้อมัน”   เจย์ปราม   ฮีซอลแลบลิ้นแบร่ๆ แล้วหันไปทางเจย์ทันที   มีพวกแล้วเฟ้ย...

     

     

    “แกก็รู้อยู่แล้วว่าเดี๋ยวมันก็ต้องเสร็จไอ้ซีวอน   ฮ่าๆๆ”

     

     

    “ฮ่าๆๆ”

     

     

    “อ๊ากกกก    บ้านแกสิไอ้เวรเจย์   หัวเราะทำซากไร   อย่างชั้นเนี่ยนะเสร็จไอ้สิงโตมัน   ไม่มีทาง!   ฮีซอลประกาศกร้าว    ไม่สนใจคนรอบข้าง    ไม่เห็นแม้กระทั่งผู้มาใหม่

     

     

    “เอ๊า   ถ้าแกไม่เสร็จมันแล้วใครจะเสร็จ”   เจย์ยังไม่เลิกก่อกวน   แม้จะเห็นใครสองคนข้างหลังฮีซอลแล้วก็ตาม

     

     

    คนสวยกอดอก   เชิดหน้า   แล้วพูดด้วยความมั่นใจ    จากนั้นจึงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

     

     

    “ไอ้ซิมบ้าต่างหากที่ต้องเสร็จชั้น    วะฮ่าๆๆๆ”

     

     

    ทุกคนพากันส่ายหน้าอย่างปลงๆกับความดื้อด้านของคนหน้าสวย   พากันยิ้มขำๆแล้วลุกไปทางห้องอาหารตึกบริหาร    ทิ้งให้คนที่เพิ่งหยุดหัวเราะตะโกนเรียกไว้แทบไม่ทัน

     

     

    “เฮ้ย!   ถึกกี้!   คังอิน!   ไอ้เจย์!   จุนกิ!   ซีว๊อนนน   รอด้วยเซ่     เอ๋...   ซีวอน...   ว๊ากกกก”

     

     

    ฮีซอลสะดุ้งสุดตัว    เมื่อคนที่เดินรั้งท้ายหันขวับเดินกลับมาหาทันทีพร้อมสายตา...   แปลกๆ

     

     

    “พี่ฮีซอลครับ   เมื่อกี้เหมือนผมจะได้ยินว่า   พี่อยากให้ผมเสร็จพี่เหรอ”   เสียงหล่อพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์   ร่างสูงๆที่สาวเท้าเข้ามาใกล้บัดนี้ไม่มีความน่าไว้วางใจเลยซักนิด!

     

     

    “อ...อะไร!   ใคร   ใคร๊    ใครพูด   ไม่มี๊    นายอ่ะหูฝาด”   

     

     

    “ผมว่าไม่นะ   พี่สนใจมั้ย   ตอนนี้เลยก็ได้นะ   ผมพร้อมแล้ว”   ซีวอนยิ้มกรุ้มกริ่ม    ท่าทางที่ฮีซอลนึกสยอง   และเขินอาย

     

     

    “หิวแล้ว  หิว  ร้อนด้วย   หยิบของแล้วตามมาเร็วๆด้วยไอ้ซิมบ้า”   ร่างบางถอยหลังกรูดแล้วพูดแว๊ดๆ   ออกคำสั่งกับคนรักให้หยิบของๆตนบริเวณม้านั่งแล้วรีบชิ่งหนี   ทิ้งให้คนรักยืนยิ้มอยู่คนเดียวกับใบหน้าแดงๆของคนหน้าสวย

     

     

    เดี๋ยวก็ได้รู้ครับ   ว่าใครจะเสร็จใคร  หึๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - My Sweetheart.. You’re Everything. - - - -

     

     

     

     

     

     

     

     

    “โหย    ด๊องสุดยอด!!!   แล้วไงต่ออ้ะ”   เสียงใสซักต่อเมื่อผู้เล่าเหตุการณ์เงียบไปด้วยใบหน้าแดงๆ

     

     

    “เอ่อ   ก็...   ก็แค่นอนบนเตียงเดียวกันเฉยๆ   พอตื่นมาคิบอมก็นั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาแล้ว”

     

     

    “อ้าว   ชิ   แค่นี้เองเหรอ   แต่ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆว่าคนอย่างคิบอมจะปล่อยให้ด๊องหลุดมือไปได้”   ซองมินพูดอย่างครุ่นคิด  

     

     

    “ทำไมคิดงั้นล่ะ   มินนี่ไปรู้อะไรดีๆมาใช่มั้ย   บอกเรามั่งสิ”

     

     

    “ก็คิบอมอ่ะ   เป็นเจ้าชายไร้หัวใจของโรงเรียนเชียวนะ   ใครๆก็เรียกอย่างงั้น   ควงผู้หญิงไม่มากหรอก   ถ้าไม่เจ๋งเกินร้อยอ่ะ  หมดสิทธิ์”

     

     

    “งั้น...   ที่มินนี่บอกก็หมายความว่าเรา...   ไม่เจ๋งน่ะเหรอ”   ดงเฮพูดเสียงแผ่ว   สำหรับคิบอม    เค้าไร้ค่าไม่น่าแตะต้องขนาดนั้นเชียวเหรอ...

     

     

    “เค้าก็ไม่รู้หรอก    แต่ที่ผ่านๆมาคิบอมไม่เคยเอาใครมาเป็นแฟนนะ   ส่วนใหญ่ก็อยู่ได้สองสามวัน   แล้วเค้าก็ตีจาก    มีที่นานหน่อยก็ทิฟฟานี่อะไรเนี่ย   ห้าวัน   แต่ตอนนี้แม่นั้นอยู่อเมริกา”   สำนักข่าวใหญ่กระต่ายอวบรายงาน   “แต่ด๊อง...   เค้าสงสัยอ่ะ”

     

     

    “...หืม  อะไรเหรอ”   ดงเฮพูดเสียงอ่อยๆ   ไม่รู้ทำไม   มันรู้สึกไม่ค่อยมีแรงขึ้นมาเฉยๆ  

     

     

    สงสัยจะหิวจนเพี้ยนไปแล้วมั้ง...

     

     

    “สามคืนสี่วันที่ด๊องเข้าแคมป์    ด๊องไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวอะไรเลยจริงๆนะเหรอ”   

     

     

    ซองมินถามน้ำเสียงจริงจัง   คำถามที่คนตอบก็ยังไม่รู้   เพียงแต่ว่าพอได้ฟัง   ก็รู้สึกเหมือนสปาร์คกับอะไรเข้าซักอย่าง    เหมือนซองมินจะพูดถูก   แต่ก็ไม่ถูก

     

     

    “เราว่าคงไม่   เราคงแค่หลงไปกับความดีเล็กๆน้อยๆในอีกด้านของคิบอมล่ะมั้ง   ยังมีอีกหลายด้านของเค้าไม่ใช่เหรอ   ที่เรายังไม่รู้น่ะ”   ดงเฮยิ้ม   ยิ้มให้กับสิ่งที่พูดออกไป   ใช่   คนอื่นๆจะพบเห็นคิบอมในด้านเย็นชาไม่สนใจใคร   แต่สำหรับดงเฮ   เค้ากลับรู้สึกไว้ใจในตัวคิบอม   พบคิมลิ้มบอมคนหน้าตาย  ปากร้าย  แต่ใจดี...   ไม่ทอดทิ้งเขาให้อยู่คนเดียว...   เป็นห่วง...   แม้ทั้งหมดจะอยู่ภายใต้การกระทำที่สุดแสนจะเอาเปรียบเค้าก็เถอะ

     

     

    แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลย    ไม่เลยซักนิด

     

     

    “เฮ้อ   เข้าใจยากจริงจริ๊ง   น่าเสียดายที่วันนี้ลืมเอาพายฟักทองมา    ไม่งั้นพอเค้ากินแล้วต้องช่วยด๊องคิดออกแน่ๆเลย   อิๆๆ”

     

     

    “ติงต๊องจังเลยมินนี่   ไปเหอะ   หิวแล้ววว”    แล้วทั้งสองก็พากันวิ่งดุ๊กๆไปโรงอาหาร

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - My Sweetheart.. You’re Everything. - - - -

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ดงเฮ   ซองมิน   ทางนี้ครับ”   ฮันกยองโบกมือเรียกอีกสองคนที่เพิ่งเดินเข้าโรงอาหารมา   อันที่จริงฮยอกแจก็ยกมือเรียกแล้ว   แต่เพราะตัวที่เล็กเกินไป    อะไรๆเลยไม่เอื้ออำนวยเสียเท่าไหร่

     

     

    “ไปไหนกันมาเหรอ   มาก่อนเราแท้ๆแต่ทำไมมาถึงทีหลังล่ะ”   ฮยอกแจถาม   ดันอาหารสองจานที่ซื้อเผื่อไว้แล้วไปให้

     

     

    “ไปคุยกันมาน่ะ   ไว้จะเล่าให้ฟังนะ”   ดงเฮตอบ   ฮยอกแจพยักหน้ารับหงึกหงักก่อนจะเดินไปล้างมือ   โดยมีฮันกยองขอติดสอยห้อยตามไปด้วย

     

     

    “ด๊อง   เอาน้ำไร   เดี๋ยวไปซื้อมาให้”   ซองมินหันมาถาม

     

     

    “เอ่อ   เดี๋ยวเราไปซื้อด้วยๆ”   ดงเฮรีบบอกแล้วลากเพื่อนไปด้วยกัน   ไม่ค่อยอยากจะอยู่ลำพังกับคิบอมซักเท่าไหร่   รีบดุนหลังซองมินให้เดิน   ทิ้งให้ผู้ชายร่างสูงที่ถูกหลายสายตาจับจ้องมองตามแล้วนั่งคิดอะไรเงียบๆคนเดียว

     

     

    ...เหอะ   คิมคิบอม   เจ้าชายไร้หัวใจอย่างนาย   ไม่มีใครอยากจะอยู่ด้วยนักหรอก...

     

     

    “ด๊อง   จะรีบไปไหนเนี้ย”  

     

     

    “เฮ่อ   ไม่ค่อยกล้าอยู่กับหมอนั่นเลย    ชอบมาล้อเราเรื่องนั้นอยู่เรื่อย”

     

     

     

     

    ย้อนกลับไปวันเกิดเหตุ...

     

     

    กินมั้ย   ชั้นซื้อมาเยอะแยะเลย   เผื่อนายด้วยนะ   เสียงหวานเอ่ย   แต่ร่างสูงที่กำลังฟังเพลงจากไอพอดไม่ได้สนใจอะไร  

     

     

    นี่   ได้ยินชั้นรึเปล่า  หา   มือบางไปกระตุกหูฟังไร้สายอย่างเอาเรื่องที่คิบอมมัวแต่สนใจทัศนียภาพนอกหน้าต่างระหว่างเส้นทางกลับสู่โซล

     

     

    อยู่เงียบๆเป็นบ้างมั้ยฮะ  ชั้นกำลังใช้ความคิด   คิบอมหันมาดุ   ดึงหูฟังกลับมาแล้วดำเนินกิจกรรมเดิมต่อ

     

     

    ก็ถ้าอยากอยู่คนเดียวเงียบๆแล้วจะลากชั้นมาทำซากอะไร    ให้ชั้นไปนั่งกับแจจินแต่แรกก็จบ   ชิ   ดงเฮพูดงอนๆ   ลิ้มบอมบ้า   ลากเค้ามานั่งด้วยแล้วยังทำเมินอีก   ฮึ่ย!

     

     

    คิบอมส่ายหัวอย่างจนปัญญา   แต่ก็ยอมเก็บไอพอดเข้ากระเป๋า

     

     

    พอใจรึยัง

     

     

    ยัง    กินนี่สิ   อร่อยนะ   ดงเฮยื่นบราวนี่หน้าตาน่าทานมาให้   แต่คิบอมดันกลับด้วยเหตุผลง่ายๆ

     

     

    ชั้นไม่ชอบของหวาน   กินเองเหอะ

     

     

    นายไม่รู้จักมารยาทรึไงกัน    ชั้นอุตส่าห์ซื้อมาเผื่อนาย   แทนที่จะบอกว่า   โอ้   ขอบคุณคุณลีดงเฮสุดหล่อมากเลยครับที่นึกถึงผม   น้ำใจของคุณยิ่งกว่ามิสเกาหลี   ขอให้มีแฟนสวยๆรวยๆนะครับ...   แบบนี้   แล้วดูซิ   ดงเฮร่ายยาว   บทสวดที่คิบอมนึกจำไปท่องก่อนนอนเพื่อกันผีร้าย   รับบราวนี่ท่าทางหวานเลี่ยนมาเสียไม่ได้    แต่ก็ยังไม่วายพูดสิ่งที่ใจตนคิด

     

     

    ฝันไปเถอะ

     

     

    ใช่  ให้พูดอย่างนั้นน่ะ   ฝันไปเถอะ

     

     

    นายนี่มัน   ฮึ่ย!   จริงๆเลย   เอ้า   เอาไป   ชั้นจะไปนั่งกับแจจินแล้ว   ร่างบางทำท่าจะยืนแต่ก็ต้องนั่งลงกับที่อีกครั้งด้วยแรงฉุดจากร่างสูง   พร้อมสายตาดุที่คนอย่างลีดงเฮมีรึจะกลัว

     

     

    ให้สนใจก็สนใจแล้ว   เรื่องมากจริง   นั่งเฉยๆเหอะน่า      แล้วนี่อะไร   คิบอมหยิบถุงสีฟ้าขึ้นมาดู  

     

     

    ของฝาก   ดงเฮตอบสั้นๆ   คว้ากระเป๋าคิบอมมาแล้วล้วงหาไอพอด   เพลงในเครื่องของเค้าฮีซอลเป็นคนใส่มาให้   เลือกเพลงอะไรมาก็ไม่รู้   ที่รู้ๆมีแต่เพลงรักเลือดสาด   รักโหดๆ   รักซาดิสม์   รักโรคจิต   รักรุนแรง

     

     

    ให้ทำไม   คิบอมถามเสียงแข็ง   มาก็มาด้วยกัน   จะให้ทำไม

     

     

    เงินเหลือ     ...ใครจะไปบอกว่าเป็นของตอบแทนที่ช่วยดูแลกันเล่า   แต่เอ๊ะ   ที่หมอนั่นดูแลเรา    ก็ได้กำไรไปเยอะไม่ใช่หรอ    ทั้งจูบ   ทั้งหอม   ทั้ง...   อ๊ากกก

     

     

    ชั้นเอาคืน   ชั้นไม่ให้แล้ว   ดงเฮริบของคืน   ใบหน้าบึ้งๆตึงๆเพราะตนนั้นถูกเอาเปรียบ   อันที่จริงเค้าสมควรจะได้รับของตอบแทนจากคิบอมมากกว่าซะอีก

     

     

    นี่ปล่อยสิ   ชั้นไม่ให้แล้ว   ชั้นจะเอาคืน

     

     

    ไม่มีใครที่ไหนให้ของแล้วเอาคืนหรอกนะ    มันเสียมารยาท  คิบอมพูดเสียงเรียบทั้งที่ใจนึกขำ   ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าดงเฮคิดอะไร   แต่สงสัย   ว่าคิดไปได้ยังไง   ก็ทั้งหมดที่เค้าได้รับ   ตัวเองเป็นคนจงใจเอามายั่วแท้ๆ

     

     

    เสียก็เสียสิ   กับนายไม่เห็นต้องรักษามารยาทเลย   รู้ไส้รู้พุงหมดแล้ว

     

     

    รู้แล้วงั้นเหรอ   หึๆ   นั่นสินะ   ตรงไส้ตรงพุง   ชั้นเคยสำรวจมาแล้ว  

     

     

    อะ   ไอ้บ้าลิ้มบอม!   หยุดพูดบ้าๆนะ    ความโกรธ   อาย  เขินผสมปนเปจนใบหน้าขึ้นสี   คิบอมยิ้มอย่างพอใจแล้วหัวเราะเบาๆในลำคอ

     

     

    คนอุตส่าห์ทำดีด้วย   ยังมีหน้ามาแกล้งกันอีก   เอามาล้อให้อายอยู่ได้   แล้วชั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะ    คนบ้าเอ๊ย

     

     

     

     

       ปัจจุบัน   ในขณะที่ซองมินกับดงเฮไปซื้อน้ำ   คิบอมนั่งทานข้าวอยู่ที่โต๊ะ   อีกสองคนที่เดินออกมา...

     

     

    “อื้อ   ฮันกยอง  มันเปียกนะเห็นมั้ย   นี่แน่ะ   เอาคืนไปเลย”  

     

     

    “ฮยอกแจ   ผมแค่ดีดน้ำใส่คุณนะ   ทำไมทีผมมันอย่างงี้ล่ะ”    คนตัวสูงโวยวายเมื่อร่างเล็กวักน้ำจนเต็มมือแล้วสาดมาทางเขา  

     

     

    “ฮ่าๆๆ   ทำไมล่ะ   ขี้แกล้งดีนักนี่”    ฮยอกแจหัวเราะชอบใจ  ก่อนจะโดนร่างสูงโอบรัดจากด้านหลังไว้แน่น

     

     

    “อ๊ะ    ฮันกยองปล่อยนะ    ไอ้บ้า”   ร่างเล็กดีดดิ้น  ทั้งเขินทั้งอาย   แต่ร่างสูงก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย   ยังโผล่หน้ามาหอมแก้มเขาเสียอีก

     

     

    จุ๊บ

     

     

    “แก้มใครน้า   ทั้งหอมทั้งนิ่ม   เอ...   ที่อื่นจะนิ่มกว่านี้รึเปล่าเนี่ย”   ฮันกยองพูดยิ้มๆแล้วพลิกตัวให้ฮยอกแจหันมา   ก้มหน้าสูดดมความหอมบริเวณต้นคออย่างแกล้งๆ

     

     

    “อ๊า    ฮันกยอง   จั๊กจี๋อ่า   คิกๆ   อื้อ   อย่าแกล้ง”   ฮยอกแจอายม้วนตีแขนฮันกยองเบาๆ   หดคอไม่ยอมให้แกล้งเค้าต่อ   โธ่   มันทั้งจั๊กจี๋   ทั้ง...เสียว

     

     

    “จูบก่อนสิ”   คนต่อรองพูดออกมาหน้าด้านๆ  

     

     

    “บ้า!   ทะลึ่งจริงๆ”   ฮยอกแจดันตัวเองออกจากอ้อมกอด   แต่มีรึฮันกยองจะยอม  

     

     

    “ปล่อยสิฮัน   หิวข้าวแล้วนะ”

     

     

    “จูบก่อน   เรายังไม่เคยจูบกันเลยนะ”

     

     

    “จ..จะบ้ารึไงเล่า    ใครจะไปจูบ”   ฮยอกแจพูดเสียงแข็ง   หน้าขึ้นสีเรื่อยิ่งเพิ่มความน่ารัก    ผู้ชายคนนี้ชอบแกล้งให้เค้าได้อายอยู่เรื่อย   ขออะไรแต่ละอย่าง    ฮันกยองบ้า!

     

     

    “คนนี้ไง  คนนี้จะจูบ”

     

     

    “นี่โรงเรียนนะ”   เอาวะ   ลองเอาเหตุผลที่มีน้ำหนักมาอ้างหน่อย   ยังไงฮันกยองคนจะไม่หน้าหนาขนาดนั้น...

     

     

    “ก็โรงเรียนไง   หึๆ  เอาน่า    ผมไม่ถือหรอก”   ฮันกยองตอบหน้าตายแล้วหัวเราะในลำคอ   เวลาฮยอกแจของเค้าเขิน  น่ารักน่ามองมากกว่าอะไรทั้งนั้น

     

     

    อ๊ากกกกกก     ชั้นไปรักคนหื่นๆบ้าๆอย่างนายได้ยังไงกัน   ทีเรื่องอื่นละทำเป็นเอาใจ   เรื่องนี้ละมาหน้าทนขอเค้า   ฮันกยองบ้า!

     

     

    “ถ้าคุณไม่จูบ   ผมจูบนะ”   ฮันกยองทอดเสียงนุ่ม   อยากจะแสดงความรักต่อคนๆนี้อย่างชัดเจน   ให้รับรู้ให้ได้ว่าเค้ารักฮยอกแจมากขนาดไหน

     

     

    “ต...แต่...”

     

     

    “หืม   ทำไมเหรอ”   ถามทั้งที่เลื่อนหน้ามาคลอเคลียที่แก้มนิ่ม  

     

     

    ไอ้ผีจีน!   ถามมาได้   ก็อายน่ะสิฟะ    ชั้นไม่ได้หน้าหนาแบบนายนะ

     

     

    “อุ๊บ   อื้อ...”

     

     

    ไม่ปล่อยให้คนตัวเล็กตั้งตัว   ฮันกยองฉกริมฝีปากลงที่กลีบปากนุ่ม   ไม่เร่าร้อน   แต่อ่อนโยนและอบอุ่น   ไม่ให้ฮยอกแจปฏิเสธสัมผัสอันอ่อนหวานนี้ได้เลย

     

     

    “อืม...”

     

     

    สองแขนเล็กจากที่ผลักดันคนตัวสูงก็เปลี่ยนเป็นโอบรัดรอบคอ   สองปากเข้าพัวพันไร้การควบคุม   ฮันกยองสอนให้คนตัวเล็กเพลิดเพลินในรสจูบแล้วคล้อยตามไปกับมันโดยง่ายดายด้วยเทคนิคของเขาจนฮยอกแจอดคิดไม่ได้ว่า   จูบเก่งเป็นบ้า   ไปฝึกมากับคนอื่นซะเยอะล่ะสิ...

     

     

    อารมณ์หึงเกิดขึ้นเล็กๆพร้อมกับอากาศที่เริ่มเหลือน้อยเต็มทน

     

     

    “อื้อ   พ..พอแล้วฮัน”   ฮยอกแจต้องประท้วงแล้วบอกให้หยุดเมื่อตนเป็นฝ่ายที่หายใจหายคอไม่ทัน   เพิ่งจะมารู้สึกตัวเหมือนกันว่ามืออีกข้างของฮันกยองมาลูบไล้อยู่แถวๆบั้นท้าย

     

     

    “อ..ไอ้บ้า   มาจับทำไมตรงนี้   หื่น”   บริภาษที่คำท้ายให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของคนตัวโต

     

     

    “หึๆๆ   พอแล้วเหรอ”   ฮันกยองถามน้ำเสียงเจ้าเล่ห์  

     

     

    “ก็พอแล้วน่ะสิ    เอาใหญ่แล้วนะ    ทะลึ่ง”

     

     

    “น่านะ   ขอต่ออีกนิดนะ”

     

     

    “ไม่   อ...อื้อ...”

     

     

    ในขณะที่ทั้งสองดื่มด่ำกับจูบรสหวานของกันและกัน   ห่างออกไปไม่ไกล   เจ้าของสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองมาด้วยความอิจฉาก็คว้าเอาโทรศัพท์มากดพร้อมไฟริษยาที่โหมอยู่เต็มอก

     

     

    “ทิฟฟานี่   กลับมาได้แล้ว   ก่อนที่คนของเธอกับคนของชั้นจะโดนแย่ง!

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - My Sweetheart.. You’re Everything. - - - -

     

     

     

     

     

     

     

     

     “ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับคุณชาย”   พ่อบ้านประจำคฤหาสน์ตระกูลคิมออกมาต้อนรับพร้อมยื่นมือรับกระเป๋าจากคุณชายเพียงคนเดียวอย่างนอบน้อม

     

     

    “แม่ล่ะ”   เด็กหนุ่มรุ่นหลานถามเสียงเรียบ    คลายปมเนคไทที่เป็นเครื่องแบบนักเรียนออกพอหลวม

     

     

    “ในห้องคุณน่ะครับ   อ้อ   คุณชายครับ    ถุงนี่คนขับรถคุณชายบอกว่าคุณลืมไว้”   ชายชรามอบถุงสีฟ้าในมือส่งให้คุณชายหน้าเฉยแก้มป่อง

     

     

    “อืม”    คิบอมมองถุงในมือแล้วเพิ่งนึกออก   ของฝากของลีดงเฮ...

     

     

    ร่างสูงเดินขึ้นไปยังชั้นสามของคฤหาสน์   ตลอดทางมีสาวใช้ที่ยืนทำหน้าที่ของตนเอ่ยต้อนรับไปไม่หยุด   

     

     

    “คิบอมกลับมาเร็วจัง   มานี่มา   แม่มีของฝากให้ด้วยนะ”    หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยทักลูกชายเมื่อเจ้าของห้องเปิดประตูเข้ามา

     

     

    “แม่เข้ามาทำไมครับ   มีอะไรเหรอ”   พูดกับผู้เป็นแม่เสียงอ่อนนุ่ม   น้ำเสียงที่ไม่ค่อยมีใครได้ฟังบ่อยนัก

     

     

    “ก็แวะเอาของฝากมาให้น่ะสิ   วันนี้กลับเร็วจังนะคิบอม”   มารดาเอ่ยไปเรื่อยๆตามประสาที่ไม่ใช่คนพูดน้อยเหมือนสามี   หล่อนเป็นคนสดใสร่าเริงพูดเก่งและยิ้มง่าย   เป็นเหมือนเสียงเพลงของคฤหาสน์คิม    ที่ไม่ทำให้บ้านหลังใหญ่อันแสนโอ่อ่านี้เงียบเหงา  

     

     

    จนบางครั้ง   คิบอมเองยังมองแม่ของเขาแล้วสะท้อนภาพของใครบางคนออกมา   ใครบางคนที่ร่าเริง   สดใส   ยิ้มง่าย   แต่ก็เปลี่ยนอารมณ์เร็วจนเค้าตามไม่ทัน   คนตัวขาวๆที่ชอบอมลมเต็มแก้ม   หน้าหวานๆที่ทำบูดบึ้งใส่เวลาเค้าดุหรือไม่ตามใจ    แต่ก็ยังดูน่ารัก   มีเสน่ห์ในแบบที่ไม่เหมือนใครดี...

     

     

    “แม่ครับ   ถ้าแม่ซื้อนาฬิกาให้ผม   มันจะหมายความว่ายังไงเหรอครับ”   อยู่ๆคิบอมก็โพล่งขึ้นถาม    มองไปยังถุงสีฟ้าที่เขาวางไว้บนโต๊ะ    แม้จะยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร   แต่คำบอกจากดงเฮที่ห้ามเค้าซื้อนาฬิกาก็ชวนสงสัยไม่น้อย

     

     

    “เอ๋    ถามทำไมเหรอจ๊ะ    หรือมีคนเอานาฬิกามาให้   นั่นแน่    สาวที่ไหนเนี้ย”

     

     

    “เอ่อ   เปล่าหรอกครับ   ผมแค่สงสัย”

     

     

    “หืม”   คุณนายคิมทอดเสียงสนใจลูกชายสุดที่รัก   สายตาล้อๆของหล่อนทำเอาคิบอมต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง

     

     

    “ตกลงว่าไงครับ”

     

     

    “นาฬิกาเป็นเหมือนของต้องห้ามน่ะจ้ะ   ถ้าให้แฟน   ก็อาจหมายถึงเวลาที่คบกัน   แล้วพอนาฬิกานั่นหยุดเดิน   อาจจะต้องเลิกคบกัน   อะไรทำนองนั้นน่ะนะ   แต่ถ้าผู้ชายให้มา   เอ...   เค้าหมายถึงให้เราไปตายเร็วๆรึเปล่าแม่ไม่แน่ใจนะ   ฮะๆ”   หญิงสาวกล่าวติดตลก   เพราะคิบอมได้นิสัยพ่อมาเสียหมด   ทำให้ภายในบ้านมีแต่เสียงคุณผู้หญิงเท่านั้นที่ดังโหวกเหวกในทุกๆวัน

     

     

     

     

     

     

     

     

    คืนนั้น...

     

     

    ทันทีที่คิบอมเปิดถุงใส่ของสีฟ้าออกก็นิ่วหน้า   คิ้วขมวดเป็นปม   ยกของภายในขึ้นมาดู  

     

     

    ไม่ให้เค้าซื้อให้คนอื่น   แต่กลับซื้อมันมาแทนเนี่ยนะ   มิหนำซ้ำยังเอามาให้เค้าอีก  บ้าจริง

     

     

    “แล้วที่นายให้   มันหมายความว่ายังไง   ดงเฮ...”

     

     

    นาฬิกาเรือนสีฟ้าตัดน้ำตาลที่เค้าหยิบมาดูแล้วถูกคนหน้าหวานแย่งไป   ปรากฏอยู่บนมือหนาของคิบอม   สายตาคมฉายแววไม่ค่อยเข้าใจความคิดของคนที่มอบมันให้เค้าซักเท่าไหร่   แล้วนี่แอบไปซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ   หรือจะกลับไปดูตุ๊กตาคู่อะไรนั่นอีกรอบแล้วซื้อมาเพราะดูท่าจะติดใจมันมาก   ไอ้ตุ๊กตาหน้าขาวกับตุ๊กตาหน้าบึ้งอะไรนั่นน่ะ

     

     

    ร่างสูงคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย   จนกระทั่งคำพูดของมารดาลอยเข้ามาในหัว

     

     

    นาฬิกาเป็นเหมือนของต้องห้ามน่ะจ้ะ   ถ้าให้แฟน   ก็อาจหมายถึงเวลาที่คบกัน   แล้วพอนาฬิกานั่นหยุดเดิน   อาจจะต้องเลิกคบกัน   อะไรทำนองนั้นน่ะนะ...’

     

     

    เลิกคบกัน    เมื่อเวลาหยุดเดิน...

     

     

    แต่ถ้าเค้าไม่ใส่ถ่านซะอย่าง    เวลาที่เริ่มไปแล้ว   ก็จะไม่มีวันหยุด

     

     

    แต่ถ้าผู้ชายให้มา   เอ...   เค้าหมายถึงให้เราไปตายเร็วๆรึเปล่าแม่ไม่แน่ใจนะ   ฮะๆ

     

     

    แล้วมันเป็นอย่างนี้...   จะหมายความว่ายังไงฟระ!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    อีกด้านหนึ่ง...

     

     

    “ป่านนี้ตาคิบอมจะเป็นไงมั่งเนี่ย   ฮิๆ”   เสียงหวานพูดกับตัวเองแล้วใช่มือยันกับระเบียงห้อง   ท้องฟ้ามืดสนิทท่ามกลางดวงดาวที่ทอประกายสวยเป็นสิ่งที่ลีดงเฮชอบซะไม่มี

     

     

    “แต่หมอนั่นไม่รู้ความหมายของนาฬิกา   คงจะไม่เป็นไรหรอกมั้ง”    ดงเฮยังคงบ่นกับตัวเองต่อไป

     

     

    “แล้วทำไมเราต้องซื้อนาฬิกาให้หมอนั่นด้วยนะ    อยากให้มันแปลกประหลาดกว่าคนอื่นรึไงนะเรา    ลีดงเฮ    นายนี่เด็กจริงๆ   นายเรียกร้องความสนใจจากหมอนั่นเหรอเนี่ย”  

     

     

    เพียงเท่านั้น    คำพูดของซองมินก็ลอยเข้ามาให้หัว

     

     

    ก็คิบอมอ่ะ   เป็นเจ้าชายไร้หัวใจของโรงเรียนเชียวนะ   ใครๆก็เรียกอย่างงั้น   ควงผู้หญิงไม่มากหรอก   ถ้าไม่เจ๋งเกินร้อยอ่ะ  หมดสิทธิ์  

     

     

    “แล้วเราจะเสียใจทำไมเนี่ย    ดีซะอีก    หมอนั่นจะได้ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวาย”  

     

     

    บางครั้งดงเฮก็อยากจะจบเกมส์นี้ซะที    ถึงทำให้คิบอมหลงรักไป    ก็ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นมา    เพราะเค้าคงใจไม่แข็งพอที่จะปฏิเสธความรักของใครๆ    ไม่เข้มแข็งพอที่จะทนรับความรู้สึกผิดที่ทำให้คิบอมเสียใจไว้ได้

     

     

    ดงเฮไม่ใช่คนที่จะปกป้องใครได้...   ข้อนี้ตัวเค้าเองรู้ดี    เพราะแม้แต่หัวใจตัวเอง    เค้าก็ยังจะเอาไม่รอด

     

     

    สามคืนสี่วันที่ด๊องเข้าแคมป์    ด๊องไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวอะไรเลยจริงๆนะเหรอ

     

     

    “อันที่จริงนะซองมิน   เราก็ไม่แน่ใจ...   เราถึงอยากจะหยุดมันไว้แค่นี้ไงล่ะ   ก่อนที่เรา...  จะแพ้”   ดงเฮรำพันกับตัวเองเบาๆด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา   ความรักของเค้า   ไม่อยากให้มันจบลงที่เกมส์หัวใจนี้เลย   “เราควรจะทำยังไงดีนะ...”

     

     

    “พอๆ   ไม่พูดแล้ว   ไปนอนดีกว่า”

     

     

    ร่างบางกลับเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูระเบียง    สอดตัวเข้าใต้ผ้าห่ม   ฟังเพลงจากไอพอดแล้วผล็อยหลับไป(เพลงรักเลือดสาดของฮีซอลนั่นละ)   ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกจากคนข้างล่างที่ยังไม่คลายร้อนจากตั้งแต่ตอนเที่ยง

     

     

    “ด๊องงงงงง    ร้อนโว้ยยยยยยยยย   ร้อนนนนน   ชั้นร้อนนน~!!!

     

     

     

     

     

     

     

     

    - - - - My Sweetheart..  You’re Everything. - - - -

     

     

     

     

     

     

     

     

    วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2552

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×