ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โน๊ตไวโอลิน ( free sheet music )

    ลำดับตอนที่ #52 : 3.พื้นฐานทฤษฏีดนตรี เครื่องหมาย Sharp, Flat, Natural

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.72K
      2
      4 พ.ค. 52

    การใส่เครื่องหมายชาร์ป (#) ที่โน้ตตัวใดตัวหนึ่งเพื่อแสดงว่าเสียงของโน้ตจะสูงขึ้นครึ่งเสียง (Half-step) และมีผลต่อโน้ตตัวนั้นๆ ทุกตัวที่อยู่ในห้องนั้นๆ

    การใส่เครื่องหมายแฟลท (b) ที่โน้ตตัวใดตัวหนึ่งเพื่อแสดงว่าเสียงของโน้ตลดลงขึ้นครึ่งเสียง (Half-step) และมีผลต่อโน้ตตัวนั้นๆ ทุกตัวที่อยู่ในห้องนั้นๆ

    การใส่เครื่องหมายแนทเชอรัล ใช้เพื่อแสดงว่าโน้ตตัวนั้นกลับไปสู่เสียงเดิมของโน้ตตัวนั้น และมักจะใช้ตามหลังเครื่องหมายชาร์ป (#) และแฟลท (b) 

     เครื่องหมายชาร์ป (#) หรือเครื่องหมายแฟลท (b) ที่แสดงอยู่หน้าบรรทัด 5 เส้น เรียกว่าบันไดเสียง (Key signature) ในภาพเป็นกุญแจเสียง เอฟ ชาร์ป (F#) แสดงว่าโน้ตตัว F ทุกตัวในเพลงนี้ต้องเล่นเป็นเสียง F#

    กุญแจเสียงนี้มีโน้ตตัว B และ E แฟลท (b) แสดงว่าโน้ตตัว B และ E ทุกตัวในเพลงนี้ต้องเล่นเป็นเสียง B แฟลท และ E แฟลท 

     บันไดเสียงใช้เพื่อจัดระเบียบบทเพลง เช่น เพลงที่เขียนในบันไดเสียง C จะเน้นโทนเสียง C และใช้โน้ตในสเกล C (ไม่มีชาร์ปและแฟลท)

    วงจรเสียงคู่ 5 (Circle of fifth) คือการเรียบเรียงกุญแจเสียงโดยเพิ่มขึ้นทีละคู่ 5 แสดงให้เห็นว่าในแต่ละบันไดเสียงมีกี่ชาร์ปกี่แฟลท ในบันไดเสียงที่เป็นเมเจอร์ (Major) จะใช้อักษรตัวพิมพ์ใหญ่ ซึ่งจะอยู่นอกวงกลม เช่น C, G, D และบันไดเสียงไมเนอร์ (Minor) จะเป็นตัวพิมพ์เล็กด้านในวงกลม เช่น a, e, b 


    อ้างอิงจาก http://learners.in.th/blog/visitme/170630

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×