ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    : Thanks : ขอบคุณที่รักกัน

    ลำดับตอนที่ #6 : 6

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 717
      3
      21 พ.ค. 61

    6.

        “จะไปไหน” โชละสายตาจากหนังสือเรียนเล่มใหญ่ หันหน้าไปถามคนตัวเล็กที่กำลังขยับออกไปไกลเกินที่มือเขาจะเอื้อมถึง แม้คำถามจะดูน่ากลัวแต่คนพูดกับทอดน้ำเสียงอ้อนได้น่าฟังนัก

        “ออกไปเดินเล่น” ยูซูรุเอียงคอตอบ แอบฉงนที่อยู่ๆ หมอที่ดูเหมือนมีสมาธิจดจ่อกับหนังสือจะรู้สึกได้เพียงแค่เขาขยับตัวจะลงจากเตียงเท่านั้น

        “ถ้ายูไปผมก็อ่านหนังสือไม่รู้เรื่องซิ”

        “ทำไมอ่ะ” คิ้วเรียวขมวดน้อยๆ พอให้น่ารักน่าเอ็นดู คุณนักศึกษาสุดหล่อยเลยยิ้มบางๆ ให้แล้วตอบด้วยเสียงไม่อ้อมค้อมนัก

        “ก็ไม่มีกำลังใจจะอ่านนี่นา”

        ยูซูรุงงหนัก เลยรีบตะกายกลับมานั่งทับขาอยู่ใกล้ๆ คนที่ชอบพูดอะไรให้เข้าใจยาก ท่านั่งกึ่งนอนพิงกองหมอนแล้วมีหนังสือภาษาอังกฤษเล่มโตโตอยู่ในมือมันดูดีชะมัด

        “นั่งเป็นกำลังใจให้ก่อนซิ เดี๋ยวตอนบ่ายๆ เราค่อยออกไปปิคนิคที่สวนสาธารณะกัน…ดีมั้ย”

        จะว่าเขินก็ไม่ใช่แต่ทำไมต้องรู้สึกอยากยิ้มด้วยก็ไม่รู้ ใบหน้าหวานกดลงเป็นอันว่าตกลง เอวบางเลยถูกเกี่ยวเข้าไปจนเนื้อแนบกับคนที่สายตาหันไปสนใจหนังสือแล้ว

        จนปัญญาจะกระดุกกระดิก ไม่ใช่ว่าอยากอยู่ท่านี้นะ แต่แค่กลัวหมอจะเสียสมาธิต่างหาก
    .
    .
    .
        หมอทำตามสัญญา พอตกบ่ายแซนวิชหมูทอดชิ้นเล็กก็เรียงตัวอยู่ในกล่องพลาสติกได้อย่างน่ากินที่สุด ยูซูรุเองก็รินชาร้อนใส่กระติก ขณะที่หมอกำลังเตรียมตัดแตงโมเป็นชิ้นพอคำใส่ลงในกล่องอีกใบ
    .
    .
    .
        ดูเหมือนสวนสาธารณะจะเป็นคำตอบสำหรับบ่ายวันอาทิตย์ของคนเมืองไปเสียแล้ว หมอและยูซูรุหันมามองหน้ากันอย่างอึ้งๆ เมื่อมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูซุ้มไม้ดัดขนาดใหญ่ มองไปทางซ้ายก็เห็นแต่คน มองไปทางขวาก็กำลังเฮฮาปาร์ตี้ จะมีที่ว่างให้เขาสองคนมั้ยเนี่ยะ

        โชสูดลมหายใจคล้ายจะให้กำลังใจตัวเองก่อนจะหันไปจูงคนตัวเล็กเพื่อฝ่าด่านหาที่เงียบๆ ให้ได้

        แม้คนจะมากแต่ลมอุ่นๆ ที่พัดมาพร้อมกลิ่นหญ้าสดและดอกไม้นานาพันธุ์ก็ทำให้จิตใจไม่ว้าวุ่นเกินไปนัก ทั้งสองเดินลึกเข้าไปไกลพอสมควรกว่าจะหาที่ปูผ้าลายสวยแล้วถอดรองเท้าลงหลักปักฐานกันได้

        ใต้ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่รอบด้านมีสวนไม้ดัดและดอกไม้สีสด เบื้องหน้าเป็นทะเลสาบที่ระยิบระยับด้วยไอแดด ช่างเป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลายจริงๆ
       
        โชจัดการเปิดกล่องอาหาร พร้อมกับยูซูรุก็เทชาร้อนจากกระติกใส่แก้ว

        คนตัวเล็กยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ การได้อยู่กับหมอในสถานที่แปลกใหม่แบบนี้ก็ทำให้รู้สึกดี

        หลังจากจัดการอาหารแสนอร่อย เจ้าของฝีมือก็เริ่มงอแงอยากนอนหนุนตักคนหน้าหวานทันที ยูซูรุนั่นว่าง่ายอยู่แล้ว เลยยอมเสียสละตักนิ่มๆ ให้หมอได้จับจอง

        ไม่มีอะไรมากมายไปกว่าการจ้องหน้ากันและกันแล้วก็หัวเราะออกมา จะลวนลามกันได้มากที่สุดก็ตอนที่หมอซุกหน้าลงไปกับหน้าท้องแบนราบ แต่ยูซูรุก็ใช้ความสามารถพิเศษในการทำลายบรรยากาศโรแมนติกไปได้อย่างสวยงามนั้นคือบ้าจี้ และหัวเราะหนักจนหมอต้องลุกขึ้นมานั่งดูอาการ กลัวจะหายใจหายคอไม่ทันเสียเปล่าๆ

        พอแดดร่มลมตกหน่อย กิจกรรมสุดหวานก็บังเกิด ร่างสูงเร่งคนตัวเล็กยิกๆ ให้รีบเก็บของแล้วพาจูงไปยังจุดบริการให้เช่ารถจักรยาน

        “ยูขี่เป็นมั้ย”

        “อื้อ..”

        “แต่ผมขี่ไม่เป็นนะ” โชบอกหน้าตาย

        “แล้วชวนมาขี่ทำไมง่ะ”

        “ก็อยากสวีทเหมือนในหนังบ้างนี่นา ซ้อนท้ายจักยานแล้วจะได้กอดเอวกัน”

        อ๋อ…ที่อยากจะบอกคือ อยากกอดเอวยูซูรุว่างั้น

        ทั้งคู่จัดการฝากตะกร้าปิกนิคไว้ที่เคาร์เตอร์ ก่อนยูซูรุจะจูงจักรยานแม่บ้านออกมาคันหนึ่ง ใจจริงเจ้าตัวน้อยอยากได้เสือภูเขาใจจะขาด แต่คนออกกระตังค์ท่านบอกว่าเดี๋ยวมันไม่สวยงาม ไม่โรมานซ์เหมือนในหนังทั่วไป

        ยูซูรุขึ้นนั่งบนอาน จับแฮนด์เป็นแม่นมั่น คะเนน้ำหนักหมอแล้วคิดว่าไหว…สู้เว้ย!!

        ยอมลำบากเพื่อตามใจเค้าหน่อย

        โชยิ้มขำเมื่อเห็นท่าทางจริงจังสุดฤทธิ์ เขาวาดขาขึ้นนั่งซ้อนท้ายเรียบร้อย จัดการเนียนใช้แขนโอบรอบเอวบางๆ แถมยังซบหน้ากับหลังหอมๆ ทันที

        “สู้เค้านะยู” บอกให้กำลังใจไปหน่อย แค่นั้นเสียง ‘อื้ม!!’ ดังๆ ก็ตามมา

        เท้าเล็กๆ เกร็งและออกแรงเต็มที่เพื่อให้เจ้พาหนะสองล้อขยับ ใบหน้าหวานเคร่งเครียดจนน่ากลัวว่าจะฆ่าใครที่ผ่านมาได้ง่ายๆ

        หนักอย่างเดียวจะไม่ว่าเลย แต่ไอมือที่กอด กับลมอุ่นๆ ตรงหลังนี้มันเกินห้ามใจจริงๆ เกิดเผลอปล่อยแฮนด์แล้วหันไปจูบจนรถเสียหลักตกทะเลสาบใครจะรับผิดชอบหละ

        ยูซูรุรบราฆ่าฟันกับความคิดอกุศลของตัวเองอยู่นานจนรถเป๋ไปเป๋มาและเกือบจะไปมีจุดจบตรงกอกุหลาบอยู่ชนิดเส้นยาแดงผ่าสิบ

        ทุลักทุเลกู้ทั้งซากคนซากรถจนโชทนไม่ไหว คว้าจักรยานมาขี่เองแล้วไล่สารถีคนเก่าไปซ้อนท้าย

        “หมอขี่ไม่เป็นไม่ใช่หรอ”

        “อื้อ แต่ถ้าให้ยูขี่ต่อไป เราทั้งสองคนอาจลงไปนอนที่โคนต้นไม้อีกก็ได้นะ”

        ยูซูรุทำปากยื่นแค่พองามก่อนจะหน้ามุ่ยขึ้นไปซ้อนหลังคนตัวโต โอกาสซบมาแล้ว!! ทำหงุดหงิดกลบเกลื่อนไปแบบนั้นแหละ

        หมอค่อยๆ ออกตัวช้าๆ ตอนแรกมีส่ายไปส่ายมาให้คนร่วมเส้นทางโวยนิดหน่อย แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี

        พอไม่ต้องลุ้นให้เหนื่อย ใบหน้าหวานก็คลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ ซบหน้าลงไปบนแผ่านอกกว้าพร้อมทั้งโอบเอวสอบไว้หลวมๆ แบบนี้ซิมันถึงจะเหมือนภาพในหนัง

        “ห้ามน้ำลายไหลนะ” เสียงเเซวลอยมาตามลม จนยูซูรุละอยากสวนทำตามคำห้ามนั้นจัง แต่ที่ทำได้คือกระชอบอ้อมเเขนให้แน่นขึ้นไปอีก นานๆ จะได้กอดหมอบ้างนี่นา ปกติโดนเป็นหมอนข้างให้เขากอดอยู่ฝ่ายเดียวทุกทีเลย

        ปั่นกันจนท้องฟ้ากลายเป็นสีส้มก็ได้วาระที่จะจอดมองก้อนไข่แดงจมน้ำ หมอจัดการพิงรถไว้ที่โคนต้นไม้แล้วชวนยูมานั่งลงบนยอดหญ้าอ่อนนุ่มตรงริมทะเลสาบ

        ยิ่งแสงสลัวลงอากาศก็เริ่มหนาว ร่างเล็กเบียดเข้าหาไออุ่นด้วยความคุ้นชิน มือใหญ่ได้โอกาสวางลงตรงแก้มนุ่ม เชิดเชยให้ปากอิ่มเข้ามาอยู่ในองศาที่ต้องการแล้วโน้มหน้าลงสัมผัสความนุ่มหวานเนิ่นนาน

        จะว่าไปยูซูรุเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น บรรยากาศรอบตัวมันดูฟุ้งชวนฝันเสียเหลือเกิน เขากับหมอกำลังลอยอยู่บนปุยเมฆใช่ไหม

        อบอุ่น อ่อนโยนเป็นที่สุด ไม่เคยรุกเร้าแต่คล้ายว่าจะค่อยๆ ปูทางให้คนตัวน้อยออดอ้อน ขอเอาเสียมากกว่า

        “อันนี้มันก็เป็นฉากในหนังด้วยรึเปล่า” ยูซูรุถามเบาหลังหมดอาการหอบแล้วกำลังซุกหน้าอยู่กับอกกว้าง

        “อื้อ” โชตอบพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้อีกคนหลงนักหลงหนา “แต่ถ้าไม่ใช่ยู ผมก็ไม่อยากเล่นบทนี้หรอกน๊า…”
    .
    .
    .
        ช่วงสายๆ ของวันจันทร์ยูซูรุก็ไปยืนกดกริ่งอยู่หน้าคอนโดของมากิ เสียงประตูไม้เนื้อดีเปิดออก แต่คนที่เยี่ยมหน้าออกมารับกลับเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ท่าทางภูมิฐานหน้าตาก็หล่อขนาดไม่ควรใส่สูทผูกไทด์แต่ควรสวมเชิ้ตเปลือยอกแล้วใส่กางเกงยีนส์เอวต่ำนอนทอดร่างอยู่บนนิตยสารดังซักหลายๆ เล่มมากกว่า

        “มาหามากิหรือ ยูซูรุจัง” ไฮต์ทักด้วยรอยยิ้มชนิดที่ใครได้รับก็ยอมละลายเป็นเนยโดนเข้าไมโครเวฟ แต่ตอนนี้เสน่ห์อันนั้นอย่าได้เอามาใช้กับโฮตส์ตัวน้อยเพราะมันไม่ได้ผล

        “ครับ”

        “เข้ามาก่อนซิ” คนรักของเจ้านายเปิดทางให้ “เมื่อกี๊ฉันปลุกไปรอบนึงเเล้ว แต่ท่าทางคงต้องเข้าไปปลุกใหม่ นั่งรอแปปนึงนะ”

        ยูซูรุพาตัวเองเข้าไปนั่งตรงกลางห้องรับแขกที่ไม่หรูเว่อร์แต่ก็รู้ว่าเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดรวมราคาแล้วคงซื้อรถยุโรปได้ซักสามคันอยู่

        ไฮต์เดินหายเข้าไปในห้องนอน อมยิ้มกับก้อนกลมที่กองกระจุกอยู่กลางเตียง ไม่รู้จะเลือกเปิดผ้าตรงไหนดีหนอที่จะได้เจอกับเจ้าตัวจ้อยของเขา

        ร่างสูงนั่งลงบนเตียงก่อนจะวางมือเบาๆ ลงไปในกองขยุกขยัย อา…โชคดีจังจับเจอแขน

        มากิงัวเงียโผล่หน้าออกมาจากนวมผ้าผืนหนา ผมยาวยุ่งฟูแต่ยิ่งกลับทำให้น่าเอ็นดู

        “ไฮต์กลับมาไวจัง” ถามพร้อมหน้ามึนสุดๆ แต่ยังมิวายส่งยิ้มตาหยีมาให้เขาด้วย
       
        อยากจะหัวเราะให้กับความน่ารักนี้จัง เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาเขาเพิ่งมาลามากิไปทำงาน แต่พอเข้ามาปลุกอีกครั้งเจ้าตัวน้อยกลับคิดว่าเขากลับมาจากทำงานเสียแล้ว

        “ยังไม่ได้ไปเลย”

        “อ้าว” มากิขยับตาให้โตขึ้น ก่อนจะมุ่นคิ้วคล้ายจะถามว่าเเล้วเข้ามาอีกทำไม

        “ยูซูรุมาหาแน่ะ รออยู่ข้างนอก”

        “อ๋อ” คนงัวเงียเข้าพยักหน้ารับแล้วก็มุดกลับเข้ารังเสียอย่างนั้น

        “แล้วกัน…” ไฮต์ถอนหายใจ สงสัยต้องปลุกแบบขั้นเด็ดขาดซะแล้วมั้ง

        มือใหญ่จัดการดึงศัตรูหัวใจตัวฉกาจของเขาออกจากการปกคลุมเรือนร่างสุดที่รัก โน้มใบหน้าหล่อคมลงไปหมายงับริมฝีปากที่เผยอรับอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว

        หยอกเหย้ากันจนหนำใจแล้วจึงปล่อยให้เป็นอิสระ… ดู๊ดู ยังมีกระใจมาทำหน้าอ้อนชวนให้หัวใจเต้นเป็นจังหวะแทงโก้เล่นอีก

        “อีกนิดซิ..” มากิออดจนชวนถอดสูทลางานเพื่อทำภารกิจกระชับความสัมพันในครอบครัวยิ่งนัก

        “คืนนี้นะ”

        “รอคืนนี้ก็ไปมีชู้แล้ว” เจ้าตัวน้อยทำหน้างอนแถมประชดประชันได้จี๊ดหัวใจจริงๆ

        ไฮต์จุ๊บหน้าผากมนเบาๆ เป็นการปลอบและสงบใจตัวเองไปด้วย “ผมต้องไปทำงาน แถมยูซูรุก็รอนานแล้ว… คืนนี้ผมไปรับที่บาร์นะ”

        มากิพยักหน้าพอเป็นพิธี แต่พอไฮต์จะลุกกลับยึดข้อมือไว้แน่น “อุ้มไปห้องน้ำหน่อย”

        ชายหนุ่มถอนหายใจ ชินแล้วกับอาการขี้ออดขี้อ้อนจนชวนหัวใจกระเด็นกระดอนออกนอกอกแบบนี้ เขาจัดการถอดสูทตัวเนี้ยบพาดไว้ตรงเก้าอี้ ก่อนจะมานั่งลงริมเตียงให้สิ่งมีชีวิตที่น่ารักที่สุดในโลกกระโดดขึ้นมาเกาะหนึบอยู่ตรงหลัง แล้วพาเดินช้าๆ ไปปล่อยไว้หน้าห้องน้ำ

        “เจอกันคืนนี้นะ…จุ๊บ” ไฮต์แถมท้ายให้ด้วยการฟอดเข้าที่แก้มอย่างละทีก่อนจะเดินไปหยิบสูทแล้วหายออกไปจากห้อง

        ยูซูรุนั่งจิบน้ำไปหลายอึกกว่าจะเห็นสุดที่รักของเจ้านายออกมา แล้วต้องจิบน้ำรออีกหนึ่งแก้วกว่าคุณมากิของเขาจะออกมาได้

        แหม! ขนาดใส่แค่เสื้อยืดพิมพ์ลายกับกางเกงขาสั้นแล้วมัดผมสีดำยาวไว้ลวกๆ ยังน่ารักได้ถล่มทลายขนาดนี้ มิน่า เมื่อตะกี๊จึงเข้าไปปลุกกันนานเหลือเกิน

        “หายหน้าไปเลยนะยูจัง” มากิทักด้วยรอยยิ้มเหี้ยม จนคนโดนทักชักเริ่มอยากถอนคำชมเมื่อซักครู่คืน

        เจ้าของบ้านเดินหายเข้าไปในครัวแล้วกลับมาพร้อมถาดกาแฟกับขนมอบท่าทางน่าทานหลายชิ้น ก่อนจะนั่งลงและรู้ว่าต้องฟังอะไรบางอย่างจากลูกน้องที่สนิทไม่ต่างจากเพื่อน

        “มีอะไรก็ว่ามา” คนเป็นนายเปิดประเด็นอย่างไม่อ้อมค้อม ยูซูรุกระแอมเรียกขวัญตัวเองเสียทีนึงแล้วเริ่มต้นเล่า
        ตอนแรกเริ่มด้วยเรื่องของหมอ เล่าไปก็หน้าแดงไป หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว มากิยกถ้ายกาแฟขึ้นจิบเป็นระยะ ไม่อยากจะขัดโลกสีชมพูของเจ้าลูกน้องตัวดีซักเท่าไหร่

        ที่มาของความใจดีของหมอค่อยๆ เผยออกมาเรื่อยๆ สุดท้ายภาพสีหวานจึงกลายเป็นละครบทโศกในพริบตา

        “ทานาบาตะซัง จะมากไปแล้วนะ” มากิตะโกนพรวดขึ้นมาเมื่อยูซูรุเล่าจบ

        “ผมไม่น่าทำให้หมอต้องมาเจ็บตัวด้วยเลย” คนตัวเล็กโอดด้วยใบหน้าหมอง ดวงตากลมทำท่าจะรื่นน้ำอยู่มะรอมมะร่อ “เพราะผม ไม่ดีเอง…ทำไมร่างกายผมถึงสกปรกจัง…” เสียงพ้อเบาๆ แต่เนื้อความนั้นน่าสงสารจนมากิต้องรั้งทั้งตัวบางจ้อยเข้ามากอดไว้ มือเรียวลูบผมอ่อนนุ่มนั้นเบาๆ อย่างปลอบประโลม

        “อย่าว่าตัวเองแบบนั้นซิ หมอเค้าคงไม่ดีใจหรอกนะถ้ารู้ว่ายูซูรุดูถูกตัวเองแบบนี้”

        “ก็มันจริงนี่นา ทานาบาตะซังเค้าเป็นลูกค้าของผม จะทำอะไรมันก็ไม่ผิดอยู่แล้ว ผิดที่ผมเองต่างหาก” ยูซูรุเริ่มสะอื้น “ผมรักหมอ…ฮึก”

        มากิทำอะไรไม่ได้มากนอกจากกอดปลอบต่อไป “ผมไม่อยากให้ตัวเองสกปรกไปมากกว่านี้อีกแล้ว ผมไม่อยากโดนใครกอดอีก… ผม…ผม..ไม่อยากให้หมอรู้สึกแย่”

        “แล้วหมอเค้ารู้สึกละยัง หึ”

        ดวงตากลมกลอกไปมา จะว่าไปหมอก็ไม่เคยสนใจเรื่องนั้นเลยนี่นา แถมดูแลเขาเสียดีจนไม่น่าเชื่อว่าจะมีผู้ชายแบบนี้อยู่ในโลกอีก

        ใบหน้าหวานส่ายดุ๊กดิ๊กอยู่กับบ่าเล็กที่ตัวเองซบอยู่

        “เห็นมั้ยหมอเค้าไม่ได้รู้สึกไม่ดีซักหน่อย เราหนะคิดมาก”

        “แต่…ก็ไม่อยากรับแขกคนไหนแล้ว” ยูซูรุบอกเสียงอ่อย ละตัวเองออกมาจากอ้อมแขนเล็กๆ แต่อบอุ่นเหลือเกิน

        “อืม ไม่รับก็ไม่มีปัญหามันเป็นสิทธิ์ของยูจังอยู่แล้ว”

        “แล้วทานาบาตะ…เค้าจะยังมาหาเรื่องอีกมั้ย”

        มากิเองก็เงียบไปเหมือนกัน รู้ๆ กันอยู่ว่าผู้ชายที่มีดีแค่รวยนั้นไร้เหตุผลแค่ไหน แถมความเป็นมนุษย์ก็ยังต่ำอีกด้วย
       
        “อย่ากังวลไปเลยนะ ผมจะลองปรึกษากับไฮต์ดู”

        “ผมทำให้คนอื่นลำบากอีกแล้ว”

        “ลำบากอะไรกัน”

        “ก็คุณมากิก็งานยุ่ง คุณไฮต์ก็ยุ่ง แล้วยังจะต้องมาปวดหัวกับผมอีก”

        คนเป็นนายหัวเราะคิก “โอ๊ย รายนั้นหนะเค้าชอบใจอยู่แล้วหละ ได้ช่วยเด็กๆ หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูหนะ”

        ยูซูรุถอนหายใจกับความเลื้อนเปื้อนของเจ้านาย ดูเถอะ เเฟนตัวเองยังจะเอามาล้อเล่นอยู่ได้ ขืนคุณไฮต์ทำแบบที่ว่าจริงคงมีคนเเถวนี้ร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่ๆ แต่ที่แน่กว่านั้นคือไอคนก่อเหตุคงต้องอัปเปหิสังขารไปนอนหยอดน้ำหยอดข้าวที่โรงพยาบาลเสียก่อน
    .
    .
    .
        หลังจากนั่งคุยกันต่ออีกซักพัก มากิก็ชวนยูซูรุออกมาทานมื้อเที่ยงข้างนอก ก่อนจะขับรถวนเอาเจ้าตัวเล็กไปหย่อนไว้ตรงหน้ามหาวิทยาลัยของรัฐชื่อดัง ด้วยเหตุผลที่ว่า “ผมอยากเห็นโลกที่หมออยู่”

        มากิหละกลัวเหลือเกินว่าเจ้าเด็กดื้อมันจะหลง สถานที่เขาใหญ่โตน้อยเสียเมื่อไหร่ ตึกแต่ละคณะก็กินพื้นที่ไปหลาย ไหนจะลานจอดรถ สวนหย่อมต่างๆ นานา กว่าจะเดินทัวร์ครบคงหาทางกลับบ้านไม่เจอกันพอดี

        “ไม่หลงหรอกน่า” ยูซูรุยืนยันเพราะเห็นใบหน้าไม่ไว้วางใจของเจ้านายคนสวย “คุณมากิรีบไปร้านเถอะ”

        “แล้วเราหนะจะกลับไปทำงานเมื่อไหร่”

        “ก็..ก็…พรุ่งนี้ละกัน” คนตัวเล็กทำหน้าอูฐ ไม่อยากไปทำเท่าไหร่หรอก อยากนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอ้อนคนบางคนเสียมากกว่า

        มากิยิ้มอย่างรู้ทัน “ถ้ายังเหนื่อยอยู่ก็ไม่ต้องรีบ ที่ร้านก็แค่ยุ่งๆ นิดหน่อย”

        คนสวยเค้าทิ้งท้ายไว้แค่นั้นและก็ออกรถปรู๊ดปร๊าดจากไป …

    แล้วจะไม่ให้รีบได้ยังไงกันเล่า!!

        คนตัวเล็กส่ายหน้า แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก เอาหละกำลังจะได้ไปสัมผัสดินแดนที่หมออยู่แล้ว พยายามเข้า ยูซูรุ!!

        สองขาเล็กๆ เดินไปตามทางเท้า แค่เห็นสระน้ำขนาดใหญ่ กำลังปล่อยให้น้ำพุเต้นระบำตาเขาก็ลุกวาวเเล้ว ต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้สองข้างทางช่างดูร่มรื่นนักแล้วจะสวนดอกไม้สีสันสดใสนั้นอีก ที่ที่หมออยู่สวยจัง

        ยูซูรุเดินผ่านตึกหน้าตาแปลกๆ รถราคาคันละหลายล้าน และนักศึกษาหน้าตาหมดจดหลายคน ยิ่งเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ ความรู้สึกฟูฟ่องในใจก็ค่อยๆ แฟบลงทีละน้อย

        สิ่งแวดล้อมรอบตัวหมอมันดูสว่างไสวเกินกว่าที่จุดดำๆ อย่างเขาจะแทรกเข้ามาอยู่ได้

        ร่างน้อยทิ้งตัวลงตรงกลุ่มโต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ ลมเย็นๆ พัดมาพร้อมเสียงเฮฮาของนักศึกษาโต๊ะข้างๆ  ดวงตากลมทอดมองสิ่งต่างๆ รอบตัวอย่างอ้างว้าง

        เมื่อกี้ยังมีความสุขอยู่แท้ๆ แต่พอได้เห็นความจริงบางอย่างกลับรู้สึกว่า…หัวใจมันล้าเหลือเกิน
    .
    .
    .
        “ไฮต์วันนี้เลิกงานกี่โมง อยากกอดคุณไวไวจัง” ส่งข้อความมาให้คนอ่านได้หัวใจเต้นตั้งเเต่บ่ายเชียว ไฮต์หละอยากจะพับแฟ้มตรงหน้า โยนปากกาไปไกลๆ แล้วขับรถแล่นฉิวไปหาคนขี้อ้อนนัก แต่ติดตรงที่ว่าสายตาคมๆ ของคุณเลขาตวัดมาเสียก่อน

        ชีวิตมันช่างเศร้า!!
    .
    .
    .
        ยูซูรุนั่งอยู่นานเท่าไหร่ไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก็เห็นคนจำนวนมากกำลังลงบันไดหน้าตึกใกล้ๆ กับที่เขานั่งอยู่เต็มไปหมด

        แล้วตากลมก็สบเข้ากับอะไรบางอย่างหลังกรอบแว่นที่คุ้นเคย

        หัวใจดวงน้อยเต้นเร็วพร้อมฝ่ามือเย็นเฉียบ แต่เท้าก็ไวพอที่จะสั่งให้นายมันลุกขึ้นและพาตัวไปหลบ

        ร่างเล็กหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ คอยชะโงกหน้ามองเป็นระยะว่าคนตัวสูงที่ตนคิดถึงอยู่นักหนาหายไปหรือยัง

        ขืนเห็นว่าเขามายุ่มย่ามแบบนี้คงไม่พอใจ แต่มันคงจะเจ็บกว่า หากหมอจงใจเมินเขาใส่หน้าทุกคน

        แค่หมอทำเป็นไม่รู้จัก…ยูซูรุอาจตายได้เลยจริงๆ นะ

        กลุ่มคนตรงหน้าตึกจางลงเรื่อยๆ แล้ว…คนคนนั้นก็หายไปแล้วด้วย

        ไม่เห็นกันก็ดีแล้ว…

        ยูซูรุพาตัวเองออกมา ตัดสินใจว่าจะหันหลังกลับแต่ก็ต้องตกใจจนแทบจะลงไปกองกับพื้น

        ก็ใครใช้ให้เอารอยยิ้มอุ่นๆ กับหน้าหล่อๆ มาวางอยู่ใกล้ตัวเขาขนาดนี้หละ

        “มาได้ไงยู” เสียงทุ้มเอ่ยทัก ทำท่าจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิมแต่ก็มีเสียงโวยวายจากคนที่ยูซูรุจำได้ว่าเมื่อกี้เดินลงมาด้วยกัน

        “นี่หรอ คนที่ทำให้สาวๆ อกหักกันค่อนมหาวิทยาลัย”

        ยูซูรุเพิ่งเห็นว่าท่าที่หมอหันไปจุ๊ปากกับเพื่อนนั้นน่ารักที่สุด

        “สวัสดีฉันชื่อ แทมิน เป็นคนเกาหลี แต่อยู่ที่ญี่ปุ่นนานเเล้ว ยังไม่มีเเฟน สนใจติดต่อได้” เจ้าของร่างผอมสูงและหน้าตาประหนึ่งนายเเบนิตยสารวัยรุ่นถูกมือของอีกคนกระชากออกไปให้พ้นทาง

        “นายกำลังทำให้ยูตกใจอยู่เห็นมั้ย” โชหันไปโวยเพื่อนตัวเอง ฝ่ายนั้นก็หัวเราะคิกคักใหญ่ คงมีแต่คนตัวเล็กคนเดียวละมั้งที่ยังทำหน้าเหวอหันมองคนนู่นทีคนนี่ที

        “ยูนี่แทมิน เพื่อนผมแล้วก็…นี่ยูซูรุ..”

        “ไม่เห็นแนะนำเลยว่าเป็นไรกัน”

        “ยุ่งนา” หมอตอบปัดๆ “นายหนะไปรับเฮเลนได้แล้ว เดี๋ยวก็โดนวีนอีกหรอก”

        แทมินแลบลิ้นทีหนึ่ง ทำท่าตะเเบ๊ะใส่พร้อมทั้งส่งยิ้มหวานจ๋อยมาให้ยูซูรุก่อนจะหันหลังใส่เกียร์หมาวิ่งไปทางคณะอักษรทันที

        “มีแฟนดุแล้วยังจะกะล่อนอีก” โชส่ายหน้าอย่างระอา

        “เพื่อนหมอ..น่ารักดี” ยูซูรุหลุดออกมาประโยคเเรกก็ทำเอานักศึกษาหนุ่มเครียด ตาคมวาวใส่พร้อมอาการเขกหัวป๊อกเข้าให้หนึ่งที
       
        “ไปชมมันทำไม”

        “ก็น่ารักจริงๆ นี่นา” คนตัวเล็กทำปากยื่น ลืมไปเสียสนิทว่าเมื่อกี๊กำลังหลบใครบางคนอยู่

        “ว่าแต่ทำไมอยู่ๆ ก็โผล่มาตรงนี้ได้หละเรา” โชเริ่มคั้น

        “แหะ…ก็แบบว่า…อยากเห็นว่าที่ที่หมออยู่เป็นยังไงนี่นา”

        ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม ยิ้มแบบที่ทำเอาคนที่หลังยังพิงต้นไมอยู่แทบละลายลงไปกองได้เลยทีเดียว

        “แล้วได้ดูอะไรแล้วบ้าง”

        “ก็เดินมาจากประตูที่มีสระน้ำ เดินตรงมาเรื่อยๆ จนถึงตรงนี้”

        หมอพยักหน้า ก็แปลว่ายังไม่เห็นอะไรดีดีหนะซิ “งั้นเดี๋ยวผมพายูทัวร์ดีมั้ย จะพาไปกินข้าวร้านที่ชอบด้วย”

        ใบหน้าหวานพยักหงึกหงัก ตอนแรกนึกว่าหมอจะโกรธซะอีกที่เขามาวุ่นวาย ที่ไหนได้ดันชอบซะนี่ แถมยังจับมือจูงไปนูนนี่ตามใจชอบซะอีก

        “ว่างๆ ก็มานั่งเรียนด้วยกันได้นะ คลาสรวมใหญ่ๆ หนะ อาจารย์เค้าไม่เช็คชื่อหรอก”

        ยูซูรุตาโต เดี๋ยวมาจริงแล้วจะขำ คอยดู

        สองคนเดินไปด้วยกันอย่างเปิดเผย …

        คนมองเยอะชะมัด!! แต่เพราะไออุ่นๆ ที่มือรึเปล่านะทำให้ยูซูรุกล้าเดินอยู่เคียงข้างโชแบบนี้
    .
    .
    .
        เสียงดนตรีดังอึกทึก พร้อมกับไฟสีที่สาดส่องไปทั่วบริเวณทำเอามากินึกเบื่อขึ้นมาตะงิด จะเที่ยงคืนอยู่แล้วคนที่บอกว่าจะรีบมาหายังไม่โผล่หน้ามาให้เห็นเลย คนสวยนั่งหน้างออยู่หลังเคาร์เตอร์ อารมณ์จะคิดเงินยังไม่มี

        “คุณมากิครับ คุณไฮต์ฝากบอกมาว่าอยู่บนห้องนะครับ” เด็กหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งแวบเข้ามาบอก

        ร่างบางลุกพรวดทันที หันไปสั่งความกับเด็กหลังเคาร์เตอร์อีกคนแล้วก็เดินดุ๊กดิ๊กจากไป

        มองตามหลังร่างน้อยๆ นั้นแล้วก็ให้นึกเอ็นดู ชุดยูคาตะที่ปกติจะแหวกกว้างกลับโดนใครบางคนสั่งให้เย็บซะ เหลือผ่าข้างเอาไว้นิดเดียวพอให้
    เดินได้เท่านั้น ดูซิจะไปไหนมาไหนทีก็ต้องซอยเท้าถี่ๆ เหมือนเด็กเล็กๆ ยังไงยังงั้น

        มากิเคาะประตูตามมารยาทแล้วเปิดเข้าไป ห้องนอนตัวเองยังมืดสนิท พอยื่นมือจะไปเปิดสวิตซ์เท่านั้นแหละ ก็ถูกมือดีคว้าเอว สวมกอดแนบแน่นจากด้านหลัง เหลือช่องว่างให้ดิ้นได้สองสามที ก็โดนจับอุ้มขึ้นแล้วไปปล่อยอีกทีบนเตียง

        “ไฮต์บ้านี่!! ทำเอาตกใจหมด” คนหน้าหวานแว้ดใส่ชายหนุ่มที่ยืนยิ้มกริ่ม

        ความสุขเขาหละที่ได้แกล้งลูกแมวขนฟูให้ได้หงุดหงิด งุ้งงิ้งใส่

        “อ่ะให้หอมแก้มเป็นการไถ่โทษ” ร่างสูงยองตัวลงมานั่งตรงหน้า แถมยังเอียงคอยื่นเเก้มให้ด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้ที่สุด

        “ไม่หอม… ยังไม่อาบน้ำ ตัวเหม็น”

        มากิบู้ปาก แล้วลากไฮต์ขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยกัน “ทำไมมาช้าจัง”

        “แวะหากิ๊กรายทางมา” ชายหนุ่มตอบเสียงทะเล้น เลยได้หมัดน้อยๆ ทุบที่หน้าขาแก้อาการไปหนึ่งที

        “มือหนักจริงเชียว ล้อเล่นเเค่นี้” ไฮต์บ่นพำ คว้าเอามือน้อยที่ประทุษร้ายเขาเมื่อครู่ขึ้นมาไล่จูบไปทีละนิ้ว

        ทั้งที่โดนทำบ่อยๆ แต่แก้มใสก็กลับขึ้นริ้วสีเลือดอย่างห้ามไม่ได้ แถมจะชักมือกลับก็ไม่ทัน จำยอมให้เขาลวนลามเสียอย่างนั้น

        “มีเรื่องจะพูดด้วย”

        “เรื่องอะไรครับ”

        “กลับไปพูดที่คอนโดเถอะ ไปกัน”

        ไฮต์ถอนหายใจ “นึกว่าจะได้…กันที่นี้ซะอีก…จะว่าไปเราก็ไม่ได้…กันที่นี้นานแล้วนะ”

        “ฝันไปเถอะเจ้าคนลามก ทั้งเด็กๆ ทั้งแขกเต็มไปหมด” มากิหน้าแดงแปร็ดว่าเข้าให้

        ชายหนุ่มยิ้มขำ รีบสาวเท้าตามสุดที่รักเขาไปโดยเร็ว ขืนไปไม่ทันจะได้นั่งแท็กซี่กลับหนะซิ
    .
    .
    .
         ไฮต์ขับรถปรื๊ดเดียวก็มาถึงคอนโดหรูใจกลางเมือง รีบจูงมือคนตัวเล็กกว่าที่ได้แต่เดินก้าวสั้นๆ เพราะชุดที่ใส่อยู่มันคอยบังคับไม่ให้ก้าวได้กว้างเท่าใครบางคน ยิ่งมองก็ยิ่งน่าเอ็นดู แต่ไอคนใส่ดูเหมือนจะไม่ได้อารมณ์ดีด้วยเลย เพราะมือบางนั้นร่ำๆ จะกระชากรอยด้ายให้มันขาดออกจากกันเสียให้ได้

        เข้ามาในห้อง ร่างสูงก็รู้ตัวรีบเอาตัวเองเข้าห้องน้ำ ทำเวลาให้เร็วที่สุด พอๆ กับที่อีกฝ่ายจะจัดการล้างตัวเปลี่ยนชุดนอน

        ร่างสูงสวมเสื้อคลุมผ้าขนหนูออกมา ตัวก็ไม่ทันจะแห้งดีแต่รีบตรงรี่เข้ามานั่งปุลงที่พื้นข้างเตียง ใช้สายตาคมๆ มองคนสวยแป๋ว

        “อาบน้ำ ตัวหอมๆ แล้ว คราวนี้หอมแก้มได้ยัง”

        มากิเบ้หน้ากับอาการขี้อ้อนที่ไม่ได้เข้ากับขนาดตัวแต่ก็ยอมเสียริมฝีปากให้แก้มซ้ายไปหนึ่งที แก้มขวาอีกหนึ่งที

        “ได้แล้วก็มานั่งคุยกันดีดีเลย” มากิปีนขึ้นไปนั่งตรงกลางเตียง พอหันมาจะตบที่นอนแปะๆ ให้อีกคนมานั่งใกล้ๆ ก็กลายเป็นว่าถูกหมีตัวเบ้อเร้อตะปบจนหน้าหงาย แถมมันยังมือเร็ว จัดการถอดชุดเขาออกอย่างไม่ทันตั้งตัว

        “ไอบ้าไฮต์…โอ๊ย อย่าทำเสียเรื่องซิ!!”

        “อื้อ…อย่า..บอกว่า…อุ๊บ”

        ไฮต์อมยิ้ม เรื่องอะไรคืนนี้เขาจะยอมเสียกำไรหละ ขอหมียักษ์กินคนสวยก่อนเถอะ แล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากัน
    .
    .
    .
        ระหว่างที่ห้องนอนหรูมีคนสองคนกำลังฟัดกันอุตลุด อีกห้องที่ห่างออกไปหลายช่วงถนนกลับมีแต่อากาศหวานๆ อุ่นๆ พัดเข้ามาแทนที่สายลมหนาวเย็นยามค่ำคืน

        ร่างบางถูกกระชับกอดจากอ้อมแขนที่ใหญ่กว่า ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่า รอยยิ้มกับจูบราตรีสวัสดิ์ที่โอนโยนเหลือเกิน

        ‘ตรงเนี่๊ยะ ไม่ว่าใครก็มาขอพร บางคนก็ขอให้สอบเข้าที่นี้ได้ ขอให้ได้เกรดดีดี หรือไม่ก็ขอเรื่องความรัก’ เสียงทุ้มน่าฟังบอก ขณะจูงมือคนอีกคนเลียบสนามหญ้า มีจุดหมายคือรูปปั้นผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัย ที่นั่งตระหง่านมองทอดสายตาไปสู่ท้องฟ้าแต้มสีแดงส้ม ดอกไม้หลากพันธ์ที่ปลูกโดยรอบเริ่มขยับกลีบเข้าหากัน มีเพียงไม้ใบเท่านั้นที่ยังล้อเล่นกับลมเพื่อเตรียมรับแสงจันทร์ในเวลาถัดไป

        ‘ขอแล้วได้จริงมั้ย’ ยูซูรุเงยหน้าถามคนข้างๆ เงาดำที่ทับหน้าหมอหนุ่มไปข้างช่างเป็นภาพที่น่าจำไปอีกแบบ

        ‘อืมไม่รู้ซิ แต่ผมเห็นเจ้าแทมินมาขอให้จีบสาวติดออกบ่อย แล้วมันก็ได้ควงทุกคนเลยนะ’   
       
        คนตัวเล็กพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหยุดเท้ามองรูปปั้นที่นั่งสงบพร้อมใครอีกคน

        ‘อธิฐานซิยู’ รอยยิ้มบางเบาเหมือนสายลมช่วยแต้มความหวังบางอย่างให้เนื้อตรงกลางอก ยูซูรุก้มหน้าลง ยกมือขึ้นประสาน ขอร้องเบาๆ ในใจ เงยหน้ามาก็เห็นคนข้างๆ กำลังทำเช่นเดียวกัน

        ไม่มีคำถามว่าระหว่างสิ่งที่สองคนขอคืออะไร นอกจากจะเดินจากไปเงียบๆ แต่มือเล็กยังโดนมือใหญ่กอบกุมไว้เหมือนเดิม
    .
    .
    .
        มากิโดนปรนนิบัติอย่างดีไม่ต่างจากองค์ชายน้อยผู้สูงศักดิ์จากประเทศร่ำรวย เริ่มจากการอุ้มลงจากเตียงเพื่อล้างตัว พาลงอ่างน้ำวนที่อุ่นกำลังดีแถมยังมีเกลือหอมส่งกลิ่นผ่อนคลาย มีมือใหญ่นวดให้อย่างรู้จุดว่าตรงไหนจะปวดเมื่อย ก่อนจะนำขึ้นตัวขึ้นมาซับให้อย่างถนอม กลัวว่าเนื้ออ่อนขาวนั้นจะชำ้ สุดท้ายก็สวมชุดนอนเเบบเสื้อปกเชิ้ตกับกางเกงห้าส่วนลายน้องหมีขยี้หัวใจ ก่อนจะมีคนจูงให้เดินต้อยๆ มานอนที่เตียงนุ่ม แถมคุณชายท่านยังนึกคึกปีนขึ้นมานอนบนตัวคนที่ช่างมีน้ำอดน้ำทนในการปรนนิบัติอีก

        ก็ขืนลองไม่ทำแบบนี้ซิ แมวเหมียวขนปุยจะแปลงร่างขั้นแอดวานซ์เป็นสิงโตผสมมังกรไฟ!! (แล้วก็พ่นลมฟู่ๆ ใส่ให้ไฮต์จั๊กจี้เล่น~)

        “ว่ามา มีอะไรจะปรึกกับษา”

        “เรื่องยูซูรุ” คนน่ารักยิ้มหวานจ๋อย เงยหน้าขึ้นมาจากแผ่นอกกว้าง หันมาจ้องคนหน้าตาดีอีกคนตาแป๋ว

        “ก็ว่ามา” ไฮต์ทำเสียงขรึมใส่

        เจ้าตัวน้อยย่นจมูกใส่อย่างน่ารักแล้วก็เริ่มเล่าเรื่องเหมือนที่ได้รับฟังมาอย่างไม่ผิดเพี้ยน”

        “สรุปได้ว่า… เจ้าหนูยูของเรากำลังมีความรัก”

        “อื้อ”

        “หนูยูเลยไม่อยากออกไปกับแขกคนอื่นแล้ว”

        “อื้อ”

        “แต่แขกประจำของหนูยูก็ไม่ยอม”

        “อื้อ”

        “แถมทำร้ายคนที่หนูยูชอบแล้วก็ทำร้ายหนูยูด้วย”

        “อื้อ”

        “แต่แขกคนนั้นก็ดันรวยและมีอิทธิพล”

        “อื้อ”

        “เจ้านายของหนูยูก็เลยไม่รู้ทำยังไงดี”

        “อื้อ”

        “เจ้านายของหนูยูเลยต้องมาขอให้ท่านไฮต์สุดหล่อคนนี้จัดการ”

        “น่ารักที่สุด”

        “เฮ้อ….” สองคนถอนหายใจออกมาพร้อมกัน มากิซบหน้าลงไปที่เดิม ใช้นิ้วมือเล็กๆ เกลี่ยเนื้อผ้าบนอกกว้างเล่น “ไฮต์ช่วยคิดหน่อยว่าจะทำยังไงดี”

        “แล้วคนที่หนูยูรักเขาว่าไงบ้าง”

        “ไม่ว่าไร”

        “แล้วเค้ารักหนูยูรึเปล่า”

        “ไม่รู้”

        “อ่าว..”

        “ก็ยูซูรุเค้าบอกมาแบบนี้นี่นา”

        “จ้าๆ… อย่างอนซิ” ไฮต์ลูบผมนิ่มไปหนึ่งที เจ้าตัวขี้อ้อนแถมขี้น้อยใจนี่พูดอะไรผิดนิดนึงก็ไม่ได้เชียว “แล้ว หมอ..เหมอ..อะไรนั้นชื่อจริงๆ ว่าอะไรหละ”

        “โช”

        “นามสกุล?”
       
        “ไม่รู้” มากิตอบเสียงสูง พลางส่ายหน้าดุ๊กดิ๊กให้อีกคนจั๊กจี้เล่น “เดี๋ยวโทรไปถามให้” ร่างบางตั้งท่าจะตะกายตัวลงไปแต่ไฮต์ก็ยึดแขนไว้เสียก่อน

        “นี่ ป่านนี้แล้ว ชาวบ้านชาวช่องเค้าปิดไฟนอนกันหมดแล้วจ้า ไม่มีใครมายอมนอนถ่างตาเป็นที่นอนให้หมูน้อยๆ ทับแบบนี้หรอก”

        “ปากดี!” มากิว่าเสียคำนึง แถมกำหมัดน้อยๆ นั้นทุบลงไปตรงบ่าให้พอสะดุ้งเล่น “ระวังเถอะ ผมจะไปกินเยอะๆ ให้ตัวอ้วนเป็นช้างแล้วมานอนทับคุณ แบนแต๊ดแต๋ไปเลย ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่า”

        ไฮต์มองคนตัวเล็กกว่าอย่างเอ็นดู จะพูดจะจาอะไรก็น่ารักไปหมดหละ

        “เอาหละ ง่วงแล้ว นอนดีกว่า” ปากบางเจรจา

        “แล้วเรื่องยูซูรุหละ”

        “ไม่คิดแล้ว เมื่อย ล้า” ร่างบางๆ ตะกายลงมานอนตะแคงอยู่ข้างๆ “ไฮต์คิดด้วยนะ ว่าจะทำยังไง มากินอนละ”

        ชายหนุ่มส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มวาดเเต้มปาก เขาหันตามมากิ จัดการเอามือหนึ่งสอดเข้าไปใต้เอวบาง อีกมือก็เอื้อมไปคว้ามือเล็กกว่าไว้ จัดการกระตุกทั้งตัวหอมๆ นั้นเข้าแนบจนชิดอก ปลายจมูกโด่งไล้เกลี่ยตรงหลังคอกับข้างเเก้มพอให้เป็นกระสัยยาฝันดี

        มากิเองก็จำได้ว่าพอเคลิ้มๆ ก็จัดการพลิกตัวเข้าไปซุกหน้ากับอกอุ่นๆ อย่างตั้งใจ

       

       
    """""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""" be con""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""


    มีนักอ่านหน้าใหม่แวะมาบ้างป่าวจ๊ะ!!

    เราตั้งชื่อว่าเป็น yaoi แล้วนะ แต่เวลาเสริซ yaoi  ทามมายมันไม่ขึ้นก็ไม่รู้ หงุดหงิดเลยนะเนี๊ยะ!!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×