ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    : Thanks : ขอบคุณที่รักกัน

    ลำดับตอนที่ #2 : 2.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 708
      7
      19 พ.ค. 61

    2.



        วันต่อมายูซูรุมาทำงานตามปกติ แต่ก็หงอยจนคนในร้านทัก แถมยังเลี่ยงไม่ค่อยเฉียดเข้าไปพูดคุยกับแขกเหมือนคืนอื่นๆ ด้วย

        ตาโตก็เฝ้าจับอยู่ตรงทางเข้าทุกครั้งที่ว่าง แต่วันนี้ลูกค้าก็เยอะจนต้องทำงานมือเป็นระวิง ที่อยากจะเหลือบมองก็เลยไม่ค่อยได้ทำเท่าไหร่

        “ยูซูรุ โต๊ะ 5 เรียก”

        คนตัวเล็กตาโตทันทีที่เพื่อนร่วมงานมากระซิบบอก รีบยื่นถาดอาหารในมือส่งต่อให้เพื่อนช่วยแล้วจัดการเสยผมลวกๆ ก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปโต๊ะเป้าหมาย

        ทุกครั้งที่หมอมา หมอจะนั่งโต๊ะนั้นแล้ววันนี้ก็ไม่ผิด

        แค่ได้เห็นด้านหลังร่างบางก็ยิ้มเต็มแก้ม ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องดีใจขนาดนี้

        “หวัดดีครับ” ยูซูรุทักเสียงใส ก่อนจะลากเก้าอี้แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้าม

        พอเห็นหน้า หัวใจมันก็เต้นแรงราวจะแหวกกระดูก และเนื้อหน้าอกออกมาเยี่ยมชมโลกภายนอกเสียให้ได้

        ใบหน้าขาว สวมแว่นกรอบดำตัดกันชัดเจน ตาคู่โตกับคิ้วคมๆ ช่างดูดีในสายตาคนที่รอคอย

        “ทานอะไรมั้ย” โชเอ่ยทัก แต่ยูซูรุส่ายหน้าผึบผับ แค่เห็นหน้าหมอมันก็อิ่มแล้ว

        “หมอทานอะไรมั้ยครับ”

        “ผมเองก็ยังไม่คอยหิว สั่งพวกของทานเล่นแล้วกันนะ”

        ยูซูรุพยักหน้าหงึกหงักแล้วหันไปเรียกเด็กเสิร์ฟ สั่งพวกของทอดมาสองสามอย่าง

        “ดีใจจังที่หมอมา” ร่างบางบอกออกไปจากใจจริง รอยยิ้มกว้างยังเคลือบอยู่บนใบหน้าน่ารัก

        “เมื่อวานก็มา แต่คุณติดแขกประจำ”

        ยูซูรุยิ้มแหย “ใครบอกคุณครับ”

        “คุณมากิ” ชายหนุ่มเอ่ยถึงเจ้าของร้านที่มาแจ้งให้เขาทราบตั้งแต่เพิ่งมาถึงว่าวันนี้คนที่ตั้งใจมาหาน้ันโดนจองล่วงหน้าไปเรียบร้อย แถมหลังเลิกงานก็ต้องออกไปด้วยกันอีก แต่เขาก็ยังนั่งรอจนได้เห็นกับตานั้นแหละว่ายูซูรุถูกพาไปจริงๆ

        “ผมต้องออกไปกับทาบานาตะซังทุกวันเสาร์” ร่างบากบอกเสียงอ่อย หมอจะโกรธรังเกียจเค้ามั้ยนะ

        นักศึกษาแพทย์สุดหล่อยิ้มบาง “ก็ไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย”

        บรรยากาศที่ควรจะมาคุกลับดูสบายๆ เพราะหมอเองก็ไม่ติดใจอะไรแถมยูซูรุที่เป็นกังวลในตอนแรกก็ผ่อนคลายมากขึ้น

        ทั้งคู่คุยกันเรื่อย อาการตาใส ปากถามจ้อยๆ อยากรู้โน่นนี่ น่ารักนักแหละ ปกติหน้าตาของเจ้าโฮสต์เด็กก็น่ามองมากอยู่เเล้ว พอมาอยู่กับหมอแล้วเจ้าตัวเลิกใส่หน้ากากโฮสต์ ไม่บวกจริตจก้านเพิ่มเวลาพูดคุย แต่กลับใช้นิสัยที่เป็นเนื้อแท้จริงๆ ออกมา ทำให้มันดูน่าเอ็นดูขึ้นไปอีก 
    หมออมยิ้มในความช่างพูดช่างคุยของคนตัวเล็กตรงหน้า แถมมือก็ยังส่งของกินเข้าปากไม่หยุดแต่ไม่ยักจะอ้วนแหะ เอวนี่หยิบแค่ฝ่ามือเดียวคงเอาอยู่ สูงก็ไม่เท่าไหร่เอง น่าจะราวๆ 170 cm. ผิดกับหมอที่แตะไป 185 cm.

         “แล้วอยู่ๆ มาทำงานที่นี้ได้ไง” หมอถาม

        “ขี้โกงนะเนี่ยะถามแบบเนี๊ยะ คุณก็ต้องเล่าเรื่องของคุณให้ผมฟังด้วยนะ จะได้เจ๊าท์กัน”

        “โอเคครับ~” หมอลากเสียงทะเล้น
       
        “เอาหละ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว…”

        ยูซูรุเริ่มเล่าว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้า อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กของโบสถ์คาทอลิคแห่งหนึ่ง พอโตก็เรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนในโบสถ์นั้นแหละ เรียนได้แค่ม.3 ก็หยุดแล้วออกมาหางานทำ โบสถ์ยังต้องเลี้ยงน้องๆ อีกหลายคน เขาทำงานมาหลายอย่างแต่เด็กตัวเล็กๆ จะทำอะไรได้ซักเท่าไหร่ แถมเขายังอยากได้เงินเยอะๆ ส่งไปให้หลวงพ่อเป็นค่าใช้จ่ายในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วย

        “ตอนแรกก็ทำงานตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป แต่ตอนอายุ 17 ผมไปเดินเตร่อยู่ในย่านอย่างว่าก็เลยมีคนมาขอซื้อให้ไปนอนด้วย โดยให้เงินครั้งเเรกเยอะมากๆ”

        ยูซูรุเล่าเรียบๆ ไม่รู้เพราะเป็นหมอรึเปล่าเลยกล้าเล่าเรื่องที่ไม่ควรเล่าแบบนี้ออกมา แต่เขาก็ไม่ใช่คนดีอะไรอยู่แล้ว แล้วก็รู้อยู่เต็มอกว่าตัวเองยินดีที่จะทำอาชีพแบบนี้ ไม่ได้มีข้ออ้างอะไรเลิศหรูที่จะต้องขายตัว ก็แค่อยากมีเงินเท่านั้น

        “ตอนแรกๆ ผมก็ไมปลื้มหรอกนะ แต่นานๆ ไปคงเริ่มชิน แล้วก็ค่อยมาทำงานที่นี้”

        “ทำที่นี้แล้วยังเอ่อ..ขายอยู่ใช่มั้ย”

        เด็กหนุ่มพยักหน้าเบาๆ “ที่จริงมากิจังเค้าก็ไม่หนับหนุนหรอกนะ แต่..ก็มันได้ตังค์นี่นา ผมเลยออกไปกับบางคนที่เงินดีดีหน่อย”

        “งั้นคืนนี้ผมขอซื้อยู” 

         คำว่า 'ซื้อ' หรอ เหมือนเสียงเพลงและเสียงจอเเจรอบตัวจะหายไป ยูซูรุได้ยินแค่คำว่า. 'ซื้อ' ย้ำซ้ำๆ อยู่ในหัว 

     
         ยูซูรุรู้สึกได้ถึงอาการเจ็บแปล๊บที่หัวใจ

        ทำไมเจ็บจังนะ!! แค่เค้าขอซื้อร่างกายเราเอง

        คำนี้ได้ยินออกจะบ่อย ขายมาก็นับครั้งไม่ถ้วน…แต่…ไม่เคยมีครั้งไหนรู้สึกเจ็บได้เท่าครั้งนี้เลย

        เจ็บ…เหมือนมีใครเอามีดมากรีดที่หัวใจ

        ปวด…แผ่ซ่านไปทั่วร่าง วิ่งวนราวกับโรคระบาด

        หรือเพราะเป็นหมอ!! เป็นคนที่ทำให้เขารู้สึกปั่นป่วนมาตลอดสี่วันที่รู้จักกัน

        หรือเพราะเป็นคนที่หวังจะให้สัมผัสมากกว่าแค่ร่างกาย

        เขาคาดหวังอะไรอยู่ หมอก็เป็นผู้ชายคนนึง มีสิทธิ์ที่จะซื้อเขาไปทำอะไรต่อมิอะไรที่ลูกค้ารายอื่นเขาทำกัน

        “ได้มั้ย..” คนตัวโตกว่าถามย้ำ เมื่อเห็นว่าดวงตาคู่โตที่เคยสดใสหมองไป ยูซูรุค่อยๆ เงยหน้ามองคนถาม ใบหน้าของโชนิ่งมากจนอดคิดไม่ได้ว่าเจนสังเวียนแล้ว

        ทั้งที่ดูเรียบร้อยติดจะหงิมด้วยซ้ำ ไม่เคยทำท่าเจ้าชู้ สุภาพทุกการกระทำแต่เอ่ยคำขอซื้อร่างกายเขาได้อย่างหน้าตาเฉย

        ไม่ดีหรือไง ได้ทอดร่างให้เขากอด เขาเล่น อยากได้รับสัมผัสจากเขาก็สมหวังแล้วนี่นาแล้วจะเจ็บอะไรอีกนักหนา

        ทำเป็นเหมือนไม่เคยไปได้ เจ็บมากกว่านี้ก็เคยไม่ใช่หรอ แล้วน้ำตาบ้านี้จะรื่นขึ้นมาทำซากอะไร!!

        “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ แล้วร้านปิดเจอกันข้างหน้านะ” พยายามฝืนยิ้มให้แล้วแต่มันกลับดูเหมือนแค่ยกมุมปากขึ้นเท่านั้น

        ร่างบางลุกออกมาอย่างรวดเร็ว ขืนอยู่นานกว่านี้น้ำตาที่ไม่ไหลมานานมันอาจจะร่วงลงมาก็ได้

       ยูซูรุรู้สึกว่ามันล้าเหลือเกิน แค่คุยกันแค่นั่งเฉยๆ ทำไมมันเหนื่อยหัวใจได้มากขนาดนี้นะ ขอหลบเข้าไปนั่งในห้องแต่งตัวซักพักเถอะ

        ไม่นานเจ้าของร้านคนสวยก็ตามเข้ามา

        “ยูซูรุไหวมั้ย หน้าซีดจัง”

        ตากลมโตเหลือบมองคนที่เป็นทั้งนายเเละเพื่อน

        มากินั่งลงข้างคนตัวเล็ก ที่ดูท่าตอนนี้จะตัวเล็กลงกว่าเดิมมาก

        “หมอ..เค้า..ขอซื้อผม ไม่รู้ทำไมแค่ฟังเขาพูดแล้วผมถึงต้องเจ็บตรงนี้” ยูซูรุกำเสื้อตรงตำหน่งหัวใจเเน่น

        “เจ็บไปหมดเลย” น้ำเสียงราวกับคนบาดเจ็บกับดวงหน้าหมองทำเอาคนเป็นนายต้องเอื้อมไปเอาตัวเล็กๆ นั้นมา กอดไว้

        “ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป ผมไปบอกให้มั้ย”

        ยูซูรุส่ายหน้า “ไม่ใช่ไม่อยากไป แค่..” เขาเองก็บอกไม่ถูกว่าทำไม

        “ไม่อยากให้เค้าซื้อใช่มั้ย” มากิถามอย่างเข้าใจ

        ใบหน้าหวานกดลงเป็นการรับคำ ใช่แล้วเขาไม่อยากให้หมอซื้อเพียงร่างกายของเขา

        “อย่าคิดมากเลยยูซูรุ มันอาจจะไม่ได้แย่แบบนั้นก็ได้ เเต่ถ้าไม่ไหวก็บอกนะ อย่าฝืน”

        “ครับ” คนตัวเล็กยิ้มบาง “ขอนั่งพักซักแปป เดี๋ยวผมก็ออกไปทำงานต่อได้แล้ว”

        มากิลูบผมเด็กในความปกครองเพื่อปลอบอีกครั้งก่อนเดินออกไปส่วนยูซูรุยังนั่งนิ่ง น้ำอุ่นๆ ค่อยๆ หยดลงแตะหลังมือ

        ทั้งที่เคยคิดว่าลืมวิธีร้องไห้ไปแล้วด้วยซ้ำ แค่คำไม่กี่คำจากปากคนที่เพิ่งรู้จัก ทำเอายูซูรุที่เคยเข้มแข็งอ่อนแอได้ขนาดนี้เลยหรือ

        “ฮึก..ไม่ร้อง..ฮึก” บอกตัวเองทั้งที่น้ำตาเปรอะเต็มแก้ม

        “บอกว่า..ไม่ร้อง..ไงเล่า” อาละวาดกับตัวเองเงียบๆ สะอื้นจนหอบแต่ก็หยุดน้ำที่ไหลออกมาจากดวงตาคู่โตไม่ได้
    .
    .
    .
        พอร้านปิด ยูซูรุก็เปลี่ยนชุดยูคาตะเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้นที่ใส่มาจากบ้าน ดูแล้วไม่ต่างจากเด็กกะโปโลเลย แตกต่างจากคาเเรคเตอร์ทรงเสน่ห์ในร้านลิบลับ ล้างหน้าล้างตาเสียใหม่แต่สภาพก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย ฝืนยิ้มส่งไปก่อนแต่ก็รู้สึกว่าทำได้แค่แยกเขี้ยว

        “รอนานมั้ยครับ” ถามไปตามมารยาทแต่ก็ได้รับรอยยิ้มอ่อนโยนกลับมา อย่าทำแบบนี้ได้มั้ย มันโกรธไม่ลง

        โชเรียกแท็กซี่แล้วก็ไล่ให้ร่างบางขึ้นไปนั่งก่อน ตลอดทางนัยน์ตากลมเบือนมองทิวทัศน์ด้านนอกตลอด ร้านรวงต่างๆ ปิดไฟไปมากแล้ว แต่มันก็เป็นภาพชินตาสำหรับเขา ชีวิตที่มีแต่กลางคืนและเรื่องราวคาวโลกีย์

        ถูกดึงลงมาจากรถตอนไหนมั้ยรู้ แต่ที่แน่ๆ โดนจูงเข้ามาในห้องพักของหมอเรียบร้อยแล้ว

        คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความงง เขาไม่เคยเจอลูกค้าที่พามาที่พักอาศัยของตัวเองมาก่อน ส่วนมากก็โรงเเรมทั้งนั้นไม่ว่าจะหรูหรือโลว์ก็ตาม

        “ห้องผมเอง” โชแนะนำ ขณะพาเขามาปล่อยไว้ที่ตรงโซฟาหนังสภาพไม่ดีนัก

        ตากลมๆ กวาดมองไปทั่วห้องพักระดับกลางไม่กว้างมากแต่มีทุกอย่างครบตั้งแต่เตียงนอน โซฟาเดี่ยว โต๊ะกินข้าวตัวเล็กกับห้องครัว แม้มันจะรวมกันในห้องเดียวแต่ก็แบ่งแยกเป็นสัดส่วน

        นี่มันหอพักนักศึกษาโดยสมบูรณ์แบบเลยนี่นา

        จะทำเรื่องอย่างว่าในที่แบบนี้หรือไง!? มันก็ได้อ่ะนะ แต่รู้สึกผิดเหมือนกำลังล่อลวงอนาคตของชาติอย่างไรไม่รู้

        “หิวแล้วหละซิ เดี๋ยวผมไปทำอะไรให้ยูทานนะ จะอาบน้ำก่อนมั้ย อาบเสร็จกับข้าวก็คงเสร็จพอดี”

        ว่าไงก็ว่างั้นและอยากให้ทำอะไรก็บอกมา

        ทำไมจะไม่หิวหละ ก็ตัวเองเล่นมาทิ้งระเบิดไว้ให้คิดมากเลยไม่มีอารณ์ไปขโมยของกินจากห้องครัวเลย

        หมอเดินนำเข้าไปในส่วนของห้องนอนที่ถูกกั้นด้วยชั้นหนังสือกับตู้เสื้อผ้าเพื่อแยกกับส่วนอื่นๆ จัดการควานหาแปรงสีฟันอันใหม่มายื่นให้กับผ้าขนหนู

        ยูซูรุเดินเข้าห้องน้ำไปด้วยอารมณ์กึ่งกลางระหว่างหงุดหงิดกับไม่เข้าใจ ไม่รู้เป็นอะไร ก็มันไม่มีกลิ่นอายของเรื่องอย่างว่าเลยสักนิดหนะซิ พวกเสี่ยแก่ๆ ที่เคยซื้อเขาไปไม่มานั่งทำอะไรอ่อนโยนบบนี้หรอก พอถึงห้องปุ๊บก็แก้ปั๊บ หรือแม้แต่พนักงานบริษัทที่หนุ่มหน่อยก็ตามที บรรเลงเพลงรักกันตั้งแต่ไม่ถึงเตียงด้วยซ้ำ

        แล้วนี่อะไรบอกให้เขาอาบน้ำแล้วไปเตรียมอาหารให้ อย่างกับเป็นคนที่อยู่ด้วยกันอย่างนั้นล่ะ

        อยากจะหลอกให้เขาหลงมากกว่านี้รึไง!!

        ยูซูรุอาบน้ำในห้องน้ำธรรมดาๆ ที่ไม่ต่างจากหอพักของเขา มีชักโครก อ่างล้างหน้าแล้วก็ฝักบัวเบสิคๆ

        พอเช็ดตัวเเห้งแล้วทาแป้งเด็กที่วางไว้ในห้องน้ำก็เริ่มเกิดปัญหาใหม่แล้วจะนุ่งอะไรออกไป ก็ถ้าไปโรงแรมมันจะมีเสื้อคลุมผ้าขนหนูให้นี่นา สถานที่มันต่างเลยงง

        นุ่งผ้าเช็ดตัวไปก่อนแล้วกัน

        ร่างบางคาดผ้าสีฟ้าไว้แค่เอวแล้วเปิดประตูออกไปด้านนอก หอมจัง!! กลิ่นกับข้าวฟุ้งมาเชียว

        บนเตียงที่เขาวางเสื้อผ้าเดิมไว้มันอันตรธานหายไปอยู่ในตระกร้าเรียบร้อย รวมทั้งกางเกงในด้วย เง้อ~

        มีชุดนอนแขนยาวขายาวลายทางสีขรึมมาวางไว้แทน “ให้ใส่ชุดนี้หรอ” ร่างบางย่นคิ้ว แต่ก็คงเป็นงั้นแหละ

        จัดการเปลี่ยนชุดเรียบร้อย ชั้นในก็ไม่มีให้ใส่ กะจะได้ถอดกันง่ายๆ ใช่มั้ยหละ พาลเขาอีก  ตอนนี้อะไรขวางหูขวางตาก็ขอให้ได้ใส่อารมณ์หน่อยเถอะ

        ว่าแต่อีตาหมอนี่สูงจังแถมแขนขาก็ยาวพอเขาใส่ชุดนอนเข้าไป มันเลยรุ่มร่ามไปหมด ที่จริงเขาเตี้ยเองมากว่า แต่ก็อยากให้เจ้าของห้องหน้าซื่อนี่ผิด ใครจะทำไม

        “ยู เสร็จรึยัง” ร่างสูงที่สวมผ้ากันเปื้อนโผล่หน้าเข้ามาถาม ให้อารมณ์พ่อบ้านมากมาย

        “เสร็จแล้วครับ” ตอบไปทั้งที่ยังพับแขนเสื้อวุ่นวาย

        “แขนยาวไปหรอ เดี๋ยวผมช่วยนะ” หมอเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าแล้วจัดการพับแขนสองข้างให้แถมยังก้มลงไปพับขากางเกงให้ด้วย ก่อนจะถอยออกไปยืนชื่นชมผลงานตัวเอง

        น่ารักเสียไม่มีหละ กางเกงที่พับขึ้นมาจนสั้นกลายเป็นกางเกงห้าส่วน เสื้อตัวหลวมโพรกก็ทำให้คนใส่น่าเอ็นดูเข้าไปใหญ่ แต่ปากแดงๆ ตาโตๆ นี่ยังไง ทำท่าจะหาเรื่องกันอยู่เรื่อย

        “ไปกินข้าวกัน”

        “ครับ!!” กระแทกเสียงใส่ไปโดยไม่รู้ตัว เพราะอะไรก็ไม่รู้ มันหงุดหงิดนี่นาอยากอ่อนโยนใส่กันทำไมเล่า อย่ามาทำตัวแสนดีได้มั้ยหละ จะปล้ำก็ปล้ำเลยได้มั้ย จะได้เเยกย้ายกลับ!!

        หมอทำไข่ตุ๋น น้ำแกงเห็ดหอมแล้วก็หมูสับปั้นเป็นก้อนทอดให้ทาน ข้าวสวยสองถ้วยส่งควันฉุย แค่นั้นท้องทรยศก็ร้องโครกแล้ว

        “กับข้าวแบบนี้ทานได้มั้ย”

        “ทำไมจะไม่ได้หละครับ” ยูซูรุตอบปัดๆ แต่ก็อดยิ้มไม่ได้ อีตาหมอนี่น่ารักดีแหะ กับข้าวแบบนี้ให้อารมณ์อบอุ่นยังไงก็ไม่รู้

        พอของกินเข้าปากความหมองใจก็ละลายไปเรียบร้อย แถมยังชมฝีมือการทำอาหารของคนตัวสูงตรงหน้าไม่ได้ขาดปาก

        “อร่อยจัง”

        “แล้วจะทำให้กินอีกบ่อยๆ ดีมั้ย” โชเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ 

        ยูซูรุพยักหน้า แถมยังยิ้มเต็มแก้มด้วยความเบิกบาน พอทานเสร็จก็ไปเป็นลูกมือช่วยเขาล้างจานเสียด้วย

        ใจง่ายจริงๆ เลยเรา แค่เค้าเอาของกินมาล่อก็เดินตามต้อยๆ แล้ว

        “เสื้อผ้าเดี๋ยวจะส่งซักให้นะ พรุ่งนี้ก็ใส่ชุดผมกลับไปก่อนแล้วกัน”

        คนตัวเล็กพยักหน้ารับ แต่นึกขึ้นมาได้เลยขอตัวไปซักชั้นในตัวจิ๋วตากไว้ก่อน ของส่วนตัวแบบนั้นจะยืมกันใส่ก็กระไร

        คิดว่าหลังกินอิ่มหมอคงจะเริ่มแต่ก็เปล่า ลากไปนั่งเล่นเกมอยู่นานสองนานจนเขาเองหาวหวอดๆ นั้นแหละเลยได้ชวนกันเข้านอน

        ขึ้นมานอนเบียดๆ กันบนเตียง 3.5 ฟุตแบบนอนคนเดียวเรียบร้อยแต่อะไรๆ ที่ว่าก็ไม่ยักเกิด เเล้วซื้อตัวเค้ามาทำไมเนี่ยะ 

        นั่งมองตากันแล้วจะท้องมั้ยครับพี่!?

        “หมอ..ไม่ทำ..หรือครับ” ถามไปก็อายปาก ความพาลมันเริ่มจะมาอีกแล้วนะ

        “ทำอะไรหละ”

        “ก็หมอซื้อผมมาทำอะไรหละ” คิ้วเรียวขมวดปมซะแน่นจนนิ้วยาวต้องยื่นมาช่วยคลายให้

        “ก็ทำอยู่นี่ไง”

        กอดไว้หลวมๆ เนี่ยะนะ

        “ซื้อหมอนข้างมา ไม่กอดแล้วจะให้ทำอะไรครับ หึ”

        แป่ว!!

        ซื้อหมอนข้างแบบนี้แพงไปมั้ยครับ!!

        อยากจะโวยแต่ก็โดนเขากอดแน่นขึ้นอีกนิดแถมด้วยบอกราตรีสวัสดิ์เบาๆ ด้วย

        ละลายหมดแรงอยู่ตรงนั้นแหละ แถมยังขยับไปซุกอกเขาอีก เห้อ… ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจแต่รู้สึกว่าอุ่นดีจัง 

         ยูซูรุแอบลอบยิ้มอยู่เบาๆ กับอกกว้างของอีกฝ่าย 




     
    :: be con ::

    #หมอกับยู  #นิยายวาย 
    ให้หน่อยนะคะ ใครเอ็นดูยูซูรุก็เม้นบอกน้องหน่อยน๊า ^^ 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×