โลภมาก....ลาภหาย
วันหนึ่งนกอิทรีซึ่งเป็นหัวหน้าและเป็นนกตัวใหญ่ที่สุดในบรรดานกทั้งหลายเกิดบินไปติดที่คบไม้รูปสามง่ามของต้นไม้ต้นหนึ่ง ไม่ว่ามันจะพยายามดิ้นรนเอาตัวเองออกมาจากตบไม้นั้นสักเท่าใดก็ไม่ประสบความสำเร็จ นกอื่น ๆ จำนวนมากต่างพากันมาช่วยมัน นกเหล่ารี้ต่างช่วยกันดึงตัวนกอิทรีออกมาจนกระทั่งขนของมันหลุดออกมาหมด เหลือแต่ลำตัวที่เปล่าเปลือยและแดงช้ำ
สักครู่หนึ่ง มีนกหมีน้ำตัวหนึ่งบินมายังที่เกิดเหตุและพูดกับนกทั้งหลายว่า “พวกเจ้าไม่ควรทำเช่นนั้น” แล้วมันก็บอกให้นกทั้งหมดแบ่งกันไปเกาะด้านซ้ายและด้านขวาของกิ่งไม้ซึ่งเป็นกิ่งกลางของคบไม้รูปสามง่ามที่นกอินทรีติดอยู่น้ำหนักตัวของนกเหล่านั้นทำให้คบไม้รูปสามง่ามนั้นแยกออกจากกันและทำให้นกอินทรีหลุดออกมาได้
นกอินทรีตัดสินใจจะจัดงานฉลองที่สามารถรอดชีวิตมาได้ครั้งนี้ นกหมีน้ำบอกว่ามันจะนำอาหารสำหรับกินในงานเลี้ยงนี้มาเองทั้งหมด แล้วมันก็บินไปทางภูเขา
ในไม่ช้า นกหมีน้ำก็เห็งหมูป่าตัวหน่งเดินมาทางที่มันกำลังบินอยู่ จึงิบนเข้าไปในหูข้างหนึ่งของหมูป่าและบินโฉบไปมาอยู่ในนั้น หมูป่าเจ็บปวดมากจนทนไม่ไหวและล้มลงขาดใจตาย นกหมีน้ำจึงนำหมูป่ามายังที่ที่นกทั้งหลายยังคงชุมนุมกันอยู่ด้วยความภาคภูใจในการกระทำของมัน
นกเหยี่ยวตัวหนึ่ง กล่าวว่า “เอาละ ข้าจะแสดงให้พวกเจ้าเห็นว่าข้าสามารถจับหมูป่าได้สองตัว” แล้วนกเยี่ยวก็บินไปที่แม่น้ำ
อีกไม่นานนัก นกเยี่ยวก็เห็นหมป่าสองตัวกำลังเดินคู่กันมาตามทางที่มันบินผ่านไป “มาพอดีทีเดียว ข้าจะจับเจ้าหมูสองตัวนี้ให้ได้ในราวเดียวกัน” แล้วนกเยี่ยวก็ฝังเล็บคบกริบของเท้าซ้ายของมันลงบนหลังหมูป่าตัวหนึ่งและเท่าขวาของมันลงบนหลังหมูป่าอีกตัวหนึ่ง ด้วยความหวังว่าจะสามารถจับหมูป่าทั้งสองตัวได้ในคราวเดียวกัน
หมู่ป่าทั้งตกใจมาก จึงวิ่งเผ่นไปคนละทางหากนกเยี่ยวพยายามจับหมูป่าเพียงตัวเท่านั้นก็อาจประสบความสำเร็จ แต่เนื่องจากมันพยายามจับหมูป่าทั้งสองตัวในคราวเดียวกัน ขาของมันจึงหักและเล็บของมันจึงหลุดออกมา
เรืองนี้คือกำเนิดของสุภาษิตญี่ปุ่นที่ว่า “นกเยี่ยวต้องสูญเสียเล็บทั้งหมดของมันไปเพราะความโลภ”
ความคิดเห็น