ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ] รักวุ่นๆ ชุลมุนยกแก๊ง[KYUMIN]

    ลำดับตอนที่ #49 : Part18 : May be I Love You~ ภาค 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.97K
      13
      9 เม.ย. 54



    Part
    18 : May be I Love You~
     
     
     
     
     
                    หลังจากที่พาเรียวอุกออกมาจากคอนโดคังอินกับลีทึก เยซองก็พาคนตัวเล็กมาส่งที่บ้าน ระหว่างที่อยู่บนรถก็เกิดการถกเถียงกันอยู่เล็กน้อย เนื่องจากเรียวอุกยังเกิดอาการไม่พอใจที่เพื่อนๆของตัวเองไปชกต่อยอนยูแบบนั้น แต่ดูเหมือนว่าการเถียงกันครั้งนี้เยซองจะเป็นคนเริ่มประเด็นขึ้นก่อน
                    “อุกกี้ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”    เยซองยังเอาแต่ถามประโยคเดิมๆตั้งแต่ออกมาจากคอนโด แต่เพราะความเป็นห่วงจึงทำให้เขาเฝ้าถามอยู่อย่างนี้
                    “ไม่เป็นไรซักอย่าง บอกไปตั้งหลายครั้งแล้วนี่”    เรียวอุกตอบกลับมาเหมือนจะหงุดหงิดเล็กน้อย
                    “ก็เยเย่เป็นห่วงอุกกี้นี่นา”    เยซองหันมาส่งสายตาน่าสงสารให้เรียวอุกก่อนจะหันไปมองถนนด้านหน้าอย่างเดิม
                    “เขายังไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย ทำไมถึงไม่มีใครฟังบ้างเลยนะ แล้วไปต่อยเขาแบบนั้นได้ยังไงกัน”    เรียวอุกพูดด้วยเสียงที่ฟังดูหงุดหงิด ตอนนี้เขารู้สึกเป็นห่วงอนยูอยู่พอสมควร เพราะไม่รู้เพื่อนๆจะลงไม้ลงมือกันหนักแค่ไหน
                    “นี่อุกกี้เป็นห่วงคนที่จับตัวอุกกี้ไปด้วยเหรอ”    เยซองถามแล้วขมวดคิ้วมุ่น ทั้งๆที่คนๆนั้นเป็นคนที่จับตัวเรียวอุกและมันคงคิดอะไรไม่ดีกับเรียวอุกแน่ๆ แต่เรียวอุกกลับเป็นห่วงมัน
                    “เขายังไม่ได้ทำอะไรอุกกี้เลยนะ พวกเราก็ไปทำร้ายเขาซะแล้ว”    เรียวอุกเห็นสีหน้าของเยซองเริ่มไม่ค่อยดี แล้วเหมือนจะส่อแววว่าเยซองกำลังจะโกรธเลยต้องหาเหตุผลมาอธิบายให้ฟัง
                    “แล้วต้องรอให้มันทำอะไรก่อนหรือไง อุกกี้ถึงจะรู้ ทุกคนเขาเป็นห่วงถึงได้ทำแบบนั้น แล้วอุกกี้ไม่เป็นห่วงตัวเองบ้างเลยเหรอ”    เยซองบอกด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง เพราะทุกคนเป็นห่วงถึงได้ทำแบบนั้นลงไป แต่เรียวอุกกลับมองเป็นอีกอย่าง
                    “เอ่อ....ขอโทษนะเยเย่”    เรียวอุกเงียบซักพักก่อนจะเอ่ยออกมา เขาคงจะมองข้ามความเป็นห่วงของเพื่อนๆไปจริงๆ
                    “วันนี้เยเย่จะไปขออุกกี้กับคุณพ่อคุณแม่นะ”    เมื่อเห็นว่าเรียวอุกเข้าใจแล้ว เยซองก็เริ่มพูดถึงประเด็นต่อไป พอเกิดเรื่องเมื่อกี้ขึ้นเขาก็คิดว่า ตอนนี้เขาดูแลเรียวอุกได้ดีขนาดไหนกัน ถึงปล่อยให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ แล้วเขาก็ไม่อยากคบกับเรียวอุกแบบหลบๆซ่อนพ่อแม่ต่อไปอีกแล้วด้วย
                    “พูดเป็นเล่นน่า อย่าเลย”    เรียวอุกโผลงออกมาเมื่อได้ฟัง แต่ก็คิดว่าเยซองคงจะพูดเล่นๆ
                    เยซองไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ตั้งใจขับรถจนไปถึงบ้านของเรียวอุก แต่ทุกทีเขาจะส่งเพียงแค่หน้าบ้านเท่านั้น แต่วันนี้เขาเอาจริง
                    เยซองเดินเข้าไปหาคุณพ่อคุณแม่ของเรียวอุกที่ด้านใน โดยที่เรียวอุกไม่สามารถจะรั้งเยซองไว้ได้เลย เลยทำได้แค่วิ่งตามเยซองเข้าไปในบ้านเท่านั้น
                    “สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ ผมคิมจองอุน เป็นแฟนของเรียวอุกครับ กรุณาให้เราสองคนคบกันด้วยนะครับ”    เยซองคุกเข่าลงตรงหน้าพ่อกับแม่ของเรียวอุกแล้วสารภาพออกมาว่ากำลังคบกับเรียวอุกอยู่ ทั้งๆที่เรียวอุกไม่เคยบอกพ่อกับแม่เลยว่าคบกับผู้ชาย ความคิดของเยซองนั้นมันกะทันหันจนไม่มีใครตั้งตัวทัน ทั้งที่เรียวอุกคิดว่าเยซองแค่พูดเล่นเท่านั้น
                    “เยเย่!~”    เรียวอุกดุออกมาเบาๆ แล้วหน้าก็เริ่มถอดสี เมื่อพ่อกับแม่จ้องมาที่เขา สีหน้าของท่านบ่งบอกถึงความตกใจและไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน
                    “เป็นแฟนกัน เธอสองคนคบกันอยู่งั้นเหรอ”    คุณแม่ของเรียวอุกมองหน้าลูกชายของเธอกับเยซองสลับกันไปมา เรียวอุกที่น่ารักของเธอมีแฟนเป็นผู้ชาย
                    “ครับ เราคบกันอยู่ แล้วเราก็เคยมีอะไรที่ลึกซึ้งกันแล้วด้วย อนุญาตให้เราคบกันนะครับ ผมอยากดูแลอุกกี้ของผมให้ดีกว่านี้ ผมสัญญาว่าจะดูแลเรียวอุกอย่างดีครับ”    เยซองก้มหัวลงอยู่นานกว่าจะเงยขึ้นมา ท่ามกลางความตกตะลึงของเรียวอุกรวมไปถึงพ่อกับแม่ของเรียวอุกด้วย เขาเพียงแค่คิดว่าเขาอาจจะดูแลเรียวอุกได้ไม่ดีพอ เลยอยากให้การคบกันระหว่างเขาสองคนอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ และพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาจะสามารถดูแลเรียวอุกได้จริงๆ
                    “ลึกซึ้งกันแล้ว แสดงว่า...แม่จะเป็นลม”    แม่ของเรียวอุกได้ฟังแล้วก็แทบจะลมจับ เอนไปหาสามีเพื่อหาที่พิง ลูกชายเธอมีแฟนเป็นผู้ชายแถมยังเคยมีอะไรกันแล้วด้วย
                    “จริงเหรอเรียวอุก”    พ่อของเรียวอุกหันไปคาดคั้นเอาความจริงกับลูกชายตัวเอง เพราะตัวเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน มีแฟนเป็นผู้ชายยังพอว่า แถมนี่ยังเคยมีอะไรกันแล้วด้วย คนเป็นพ่ออย่างก็ยากจะรับได้เหมือนกัน
                    “ครับ ผมคบอยู่กับเยซอง แล้วเราก็ลึกซึ้งกันแล้ว....ให้เราคบกันเถอะนะครับ”    เรียวอุกตอบออกมาเสียงอ่อยๆ เขาไม่คิดว่าเยซองจะลากเขามาสารภาพกับพ่อแม่แบบนี้ มันเลยตั้งตัวไม่ติด และก็ไม่รู้ด้วยความพ่อกับแม่จะกีดกันหรือเปล่า นี่แหละที่เขากลัวที่สุด
                    “เฮ้อ~ ลูกรักผู้ชายคนนี้งั้นเหรอ”    แล้วคุณพ่อของเรียวอุกก็ถอนหายใจออกมายาวพรืด มีลูกชายคนเดียวแถมยังไปชอบผู้ชายด้วยกันอีก ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี เขาไม่ได้โกรธหรือเกลียดลูกที่รักชอบเพศเดียวกัน เขาเป็นถึงพ่อคนย่อมมีความคิดและไม่ควรใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา จึงไม่ได้ว่าเรียวอุกออกไปแรงๆ ทั้งที่จริงๆแล้วมันสมควรจะเป็นแบบนั้น
                    “ครับ ผมรักเยซอง”    เรียวอุกตอบออกมาเสียงอ้อมแอ้ม เพราะยังกลัวว่าพ่อจะผิดหวังในตัวเขา และพ่ออาจจะโกรธเขาได้
                    “อนุญาตเถอะนะครับ ผมจะดูแลเรียวอุกอย่างดี ผมจะไม่มีวันทำให้เรียวอุกเสียน้ำตาเด็ดขาด ผมรักเรียวอุกครับ”    เยซองพูดด้วยความมุ่งมั่น เขารักเรียวอุกจริงๆ ยังไงคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องเห็นถึงความรักของเขา
                    “แต่ลูกฉันเป็นผู้ชายนะ นายจะอยู่กับผู้ชายด้วยกันไปตลอดชีวิตหรือยังไงกัน!”    พ่อของเรียวอุกขึ้นเสียงใส่เยซองเล็กน้อย เขาไม่ได้อยากจะสนับสนุนลูก แต่ถึงยังไงเขาก็อยากจะทำให้ลูกมีความสุข การอยู่กิบกับผู้ชายด้วยกัน คงไม่มีใครทำได้อยู่แล้ว
                    “ให้ผมได้พิสูจน์นะครับ ผมจะทำให้คุณพ่อได้เห็น”    สายตาที่ดูมุ่งมั่นของเยซองเริ่มทำให้คุณพ่อของเรียวอุกดูอ่อนลง แต่ถึงยังไงคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ยากที่จะรับเรื่องแบบนี้ได้เหมือนกัน
                    “ลูกมีความสุขหรือเปล่า”    เขาหันไปถามลูกชาย เพราะอยากจะได้ยินจากปากของเรียวอุกกว่าใครทั้งสิ้น
                    “ครับ ผมมีความสุข”    เรียวอุกนิ่งไปซักพักก่อนจะตอบออกมา
                    “อนุญาตเถอะนะครับ”    เยซองก้มหัวลงอีกรอบ
                    “ฉันจะรับรู้แล้วกันว่าคบกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันยอมรับนายหรอกนะ”    คุณพ่อของเรียวอุกบอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ถึงจะคบผู้ชายด้วยกัน แต่ก็ยังอยู่ในสายตา เป็นเรื่องที่ดีอยู่ไม่น้อยที่กล้ามาสารภาพ มันก็ดีกว่าเรียวอุกไปทำตัวเถลไถล ถึงแม้สองคนนี้จะเคยลึกซึ้งกันแล้วก็ตาม
                    “ขอบคุณมากครับ ผมจะไม่ทำให้คุณพ่อกับคุณแม่ผิดหวัง”    เยซองยิ้มจนตาหยีเมื่อได้รับอนุญาตให้คบกับเรียวอุกได้โดยอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ ถึงแม้ว่าคุณพ่อคุณแม่ของเรียวอุกจะยังไม่ยอมรับเขา แต่ซักวันเขาจะทำให้ยอมรับให้ได้
     
     
                    “คยู~”    ซองมินที่เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาโดยที่สติกลับมาสมบูรณ์ หันไปมองคยูฮยอนแล้วก็ยิ้มออกมาบางๆ งงอยู่ว่าตัวเองมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง แต่พอเห็นคยูฮยอนอยู่ด้วยแค่นี้ก็รู้สึกอุ่นใจแล้ว
                    คยูฮยอนไม่ได้พูดอะไรออกมาเพียงแค่หันมายิ้มตอบ แล้วก็กลับไปตั้งใจขับรถอย่างเดิม เขาไม่แน่ใจว่าซองมินจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าโดนทำอะไรไปบ้าง แต่ก็ไม่อยากพูดออกไปเหมือนกัน เขาไม่อยากจะรื้อฟื้นเรื่องแบบนี้ขึ้นมาให้มันเจ็บใจเปล่าๆ ที่ไม่สามารถปกป้องซองมินได้
                    “แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ไง”    ซองมินหันไปถามคยูฮยอน เขาจำได้แค่ลางๆเท่านั้น รู้ว่าโทรให้คยูฮยอนออกมารับแต่ก็ไม่รู้ว่าคยูฮยอนมารับตอนไหน แต่มันมีความรู้สึกอยู่ตลอดเวลาเหมือนตัวเองโดนใครซักคนอุ้มไป แต่ก็ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า
                    “เอ่อ...”    คยูฮยอนไม่รู้ว่าจะตอบอะไรออกไปดี ดูเหมือนว่าซองมินจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองนั้นโดนทำอะไรไปบ้าง แล้วเขาก็ไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ซักเท่าไหร่ ในเวลาแบบนี้การที่จะควบคุมให้อารมณ์อยู่ในระดับปกติมันยากมากจริงๆ
                    ทั้งรถตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะ คยูฮยอนไม่อยากจะรื้อฟื้นสิ่งที่เขาได้เห็นขึ้นมา และก็ไม่อยากให้ซองมินได้รับรู้เรื่องบ้าๆแบบนี้ด้วย
                    “กลับไปบ้านแล้วฉันจะเล่าให้ฟังแล้วกันนะ”    คยูฮยอนหันมาแสร้งยิ้มให้ก่อนจะกลับไปมองถนนด้านหน้าเหมือนเดิม แล้วถ้าต้องเล่าจริงๆเขาก็ต้องโกหกสินะ
                    “อืม”    ซองพยักหน้ารับรู้แล้วก็ไม่ถามอะไรอีก ในหัวของซองมินตอนนี้กำลังพยายามประมวลเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันรู้สึกมึนงงเลยยากที่จะจำอะไรได้อย่างรวดเร็วจริงๆ คงต้องค่อยๆนึกไป
                    หลังจากที่ซองมินโทรหาคยูฮยอนเพื่อให้มารับที่โรงเรียน ตอนที่ยืนรอคยูฮยอนอยู่ที่หน้าโรงเรียนกับเรียวอุก อยู่ๆก็มีคนสองคนเดินลงมาจากรถ และหลังจากนั้นเขาก็รู้สึกมึนมากๆ รู้ตัวว่าโดนอุ้มไป และรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองโดนใครบางคนสัมผัสไปทั่วทั้งตัว แต่เขากลับคิดว่าน่าจะเป็นคยูฮยอน
                    “นายได้ทำอะไรฉันหรือเปล่าคยู”    หลังจากที่เงียบไปพักใหญ่ซองมินก็ถามออกมา ก่อนจะก้มลงมองตัวเอง เพราะเขารู้สึกเหมือนว่าโดนสัมผัสจริงๆ
                    คยูฮยอนหยุดรถทันทีที่ซองมินพูดจบ ดีที่รถเลี้ยวเข้ามาในตัวบ้านแล้ว คยูฮยอนหันไปมองหน้าซอง
    มินนิ่ง เขาไม่รู้ว่าสถานการณ์แบบนี้ควรจะทำยังไง คำถามนี้เหมือนโดนชกเข้าเต็มๆ
                    “ทำไมที่คอฉันมันมีรอยล่ะ”    เมื่อเห็นรอยแดงจ้ำๆ บริเวณต้นคอของตัวเองซองมินจึงหันไปถาม
    คยูฮยอนทันที คงไม่ใช่ว่าคยูฮยอนลักหลับเขาหรอกนะ มันนานอยู่เหมือนกันที่คยูฮยอนไม่ได้ฝากร่องรอยใดๆไว้บนตัวเขาเลย
                    คยูฮยอนกำพวงมาลัยแน่นและไม่ยอมพูดอะไรออกมาเลย เขาอยากจะกลับไปฆ่าไอ้เลวจงฮยอนนั้นจริงๆ ตอนแรกเขาไม่ได้สังเกตว่ามีรอยอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นเขาไม่ปล่อยมันไว้แน่ๆ
                    “ว่าไงคยู”    ซองมินยังคงถามต่อไปเรื่อยๆ เพราะคงไม่มีใครแล้วล่ะที่จะทำแบบนี้กับเขาได้
                    “รอยนั่นไม่ใช่ของฉัน”    พูดจบคยูฮยอนก็เดินลงจากรถไป เขาเดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งที่ซองมินนั่งอยู่ และดึงซองมินให้ลงมาจากรถด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวเล็กน้อย เนื่องจากอารมณ์โกรธ
                    “ไม่ใช่ของนาย หมายความว่าไง”    ซองมินขมวดคิ้วมุ่นเมื่อได้ยิน แต่คยูฮยอนไม่ได้คิดจะตอบคำถามนี้เลยแม้แต่น้อย เขาพาซองมินเดินเข้าบ้านและพาขึ้นไปบนห้องนอนทันที
     
     
                    “วันนี้นายคงเหนื่อย อาบน้ำแล้วก็นอนซะ”    คยูฮยอนดันซองมินเข้าไปในห้องน้ำทันทีเมื่อขึ้นมาถึงห้องนอน เขากดล็อกประตูให้เรียบร้อยและยืนพิงบานประตูอยู่อย่างนั้น อารมณ์โกรธที่เขาพยายามจะควบคุมเอาไว้เริ่มจะเอาไม่อยู่ เขาไม่ได้โกรธซองมิน แต่โกรธตัวเองที่ไม่สามารถปกป้องซองมินได้
                    คยูฮยอนไม่รู้ว่าตอนนี้เขาควรจะทำยังไงดี ความโกรธมักจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างพังหมด เขาไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น ร่องรอยที่เห็นถึงมันจะไม่ได้มีมากมายมันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่เขาได้จากซองมิน แต่เขาก็อยากเป็นเจ้าซองมินเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
                    ซองมินที่โดนผลักเข้ามาในห้องน้ำก็พยายามที่จะเปิดประตูออกแต่ประตูมันถูกล็อกจากด้านนอก เคาะเรียกคยูฮยอนอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าประตูจะถูกเปิดออกเลยแม้แต่น้อย
                    “ไม่ใช่รอยของนายงั้นเหรอ”    ซองมินก้มลงมองรอยแดงๆนั้นอีกครั้ง เขาเดินไปที่หน้ากระจกและถอดเสื้อนักเรียนออก ลูบไล้บริเวณรอยไปมาและพยายามนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาจำมันได้แค่ลางๆเท่านั้น
                    “ผู้ชายสองคนนั้น”    ซองมินพึมพำออกมาเบาๆ แล้วความทรงจำลางๆก็ผุดขึ้นมาเต็มหัวสมอง เขาอยู่ในอาการสะลึมสะลือและโดนผู้ชายสองคนนั้นอุ้มขึ้นรถไปพร้อมกับเรียวอุก
                    “รอยนี่ไม่ใช่ของนายงั้นเหรอ สัมผัสทั้งหมดก็ไม่ใช่ของนายเหมือนกันงั้นสิ”    ซองมินพูดแล้วยิ้มให้ตัวเองในกระจกพร้อมกับน้ำตาที่ไหลผ่านแก้มใส มันไม่ใช่รอยยิ้มที่น่าดูเท่าไหร่ แต่มันเป็นรอยยิ้มที่ยิ้มให้ความความน่าสมเพชของตัวเองเสียมากกว่า สมเพชตัวเองที่โดนชายอื่นซึ่งไม่ใช่คยูฮยอนสัมผัส
                    ซองมินเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง ถึงมันจะไม่ชัดเจนแจ่มแจ้งก็ตาม น้ำตาหยดใสๆไหลลงมาไม่ขาดสาย พร้อมกับคำพูดที่พร่ำด่าตัวเองออกมาไม่หยุดหย่อน
                    “ฉันมันคงสกปรกไปแล้วใช่มั้ย นายถึงได้ทำท่ารังเกียจฉันแบบนี้”    พูดไปน้ำตาก็ยังคงไหลอยู่อย่างนั้น และดูเหมือนว่ามันจะไม่ยอมหยุดไหลง่ายๆซะด้วย ไม่น่าล่ะ คยูฮยอนถึงทำท่าทางไม่สนใจเขาแบบนี้
                    ซองมินลุกขึ้นยืนเปิดน้ำจากฝักบัวแล้วถอดเสื้อผ้าออกจนหมด มือทั้งสองข้างถูไปตามร่างกายอย่างแรงจนแดงไปหมด เพื่อหวังจะให้สัมผัสที่น่ารังเกียจของคนอื่นออกไปจากร่างกายซะ น้ำตาก็ยังคงไหลออกมาอยู่อย่างนั้น เผื่อว่ามันจะช่วยลบความเสียใจและความน่าสมเพชใจออกไปได้บ้าง
     
     
                    คยูฮยอนนอนแผ่ลงบนเตียงแล้วหลับตาลง ตอนนี้เขาแทบไม่อยากจะมองหน้าซองมินด้วยซ้ำ ถ้าหากซองมินรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองแล้วซองมินจะทำตัวกับเขายังไง แล้วเขาล่ะจะทำตัวยังไง ที่จริงเรื่องนี้มันอาจจะไม่มีอะไรยากเลยกับการตัดสินใจ แต่เพราะเขาคงจะห่วงเรื่องความรู้สึกมากเกินไปเลยไม่กล้าตัดสินใจทำอะไรซักอย่าง บางทีเขาอาจจะเด็กเกินไปสำหรับเรื่องความรักก็ได้ บางทีเขาอาจจะยังไม่ดีพอที่จะหมั้นกับซองมินก็ได้
                     คยูฮยอนเด้งตัวลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปที่ประตูห้องน้ำ ผ่านไปซักพักแล้วที่ซองมินเข้าไปในนั้น เขาควรจะไปปลดล็อกลูกบิดได้แล้วสินะ
                    สายตาของคยูฮยอนกวาดมองไปรอบห้องก่อนจะลุกขึ้นไปปลดล็อกลูกบิดประตูที่เขาล็อกจากนอกห้องไว้ แล้วจึงเดินลงไปข้างล่าง หาอะไรทำเพื่อไม่ให้เห็นหน้าซองมินและไม่ให้ตัวเองคิดมาก ถ้าเขาขึ้นไปบนห้องตอนดึกๆ คิดว่าซองมินคงจะหลับไปแล้วนะ บางทีพรุ่งนี้เช้าอะไรๆมันอาจจะดีขึ้นก็ได้
     
     
                    เวลาผ่านไปนานกว่าซองมินจะออกมาจากห้องน้ำ ตามเนื้อตัวมีแต่รอยแดงจากการขัดถูเต็มไปหมด ดวงกลมโตที่เคยสดใสกลับบวมแดงจากการร้องไห้อย่างหนัก
                    ซองมินกวาดสายตามองไปรอบห้องแต่ไม่พบคยูฮยอนที่สมควรจะอยู่ในห้อง ความรู้สึกผิดก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง ทั้งที่พยายามทำใจอยู่นาน แต่สุดท้ายน้ำตามันก็ไหลออกมาอีกรอบ
                    “ไหนนายบอกว่าจะไม่ทิ้งฉันไง”    ซองมินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิว แล้วฝืนยิ้มออกมาบางๆทั้งน้ำตา เขารู้ว่าเรื่องแบบนี้มันคงยากที่จะทำใจ ไม่ว่าจะตัวเขาเองหรือคยูฮยอนก็ตาม
                    ซองมินหยิบชุดนอนของตัวเองมาใส่ตามปกติแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงฝั่งของตัวเองเหมือนอย่างทุกวัน เพียงแต่วันนี้ไม่มีคยูฮยอนนอนอยู่ข้างๆเท่านั้น
                    “หวังว่านายคงไม่ปล่อยให้ฉันนอนคนเดียวหรอกนะ”    ซองมินพูดกับที่นอนที่ว่างเปล่า เขาเชื่อว่าเรื่องเพียงแค่นี้คยูฮยอนคงจะไม่ทิ้งเขาไปจริงๆ และเขาจะไม่ยอมแพ้ให้เรื่องแค่นี้เหมือนกัน
                    ซองมินซบหน้าลงกับหมอนแล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาช้าๆ ทำยังไงมันก็ไม่หยุดไหลซักที หวังเพียงแค่ว่าคืนนี้คยูฮยอนจะนอนกอดเขาเหมือนเดิมก็พอ
     
     
                    หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านฮันคยองก็ขับรถไปส่งฮยอกแจที่บ้านเหมือนทุกๆวัน เมื่อขึ้นรถมาฮยอกแจก็ทำท่าจะหลับทันทีฮันคยองเลยหยิบเสื้อของตัวเองไปห่มให้ เพราะเขาเปิดแอร์ค่อนข้างแรง และในรถตอนนี้ก็ค่อนข้างเย็น
                    “ฉันจะนอนนะ ถึงบ้านแล้วปลุกด้วย”    ฮยอกแจบอกแล้วดึงเสื้อของฮันคยองมาห่มตัวไว้แล้วหลับตาลง ไม่ใช่ว่าเขาง่วงนอนอะไรมากมาย แต่รู้สึกไม่อยากคุยกับฮันคยองมากกว่า
                    “อืม”    ฮันคยองหันไปมองฮยอกแจยิ้มๆแล้วตั้งใจขับรถให้ไปถึงบ้านของฮยอกแจให้เร็วที่สุด เขาคิดว่าฮยอกแจคงจะเหนื่อยกับวันนี้เลยไม่อยากจะรบกวน
                    ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะมาถึงบ้านฮยอกแจ ตอนแรกฮยอกแจไม่ได้คิดจะหลับแต่ไปๆมาๆกลับหลับไปจริงๆ เพราะอากาศมันเย็นน่านอน แถมวันนี้ยังรู้สึกเหนื่อยมากๆ
                    “ฮยอกแจ ตื่นได้แล้วนะ”    ฮันคยองเข้าไปกระซิบที่ข้างหูฮยอกแจเบาๆ อยู่หลายรอบ กว่าฮยอกแจจะลืมตาขึ้นมา
                    “อืม...ถึงแล้วเหรอ”    ฮยอกแจสะลึมสะลือต่นขึ้นมาก่อนจะหันหน้ามาทางฮันคยองเลยทำให้แก้มของตัวเองโดนกับจมูกของฮันคยองเข้าเต็มๆ แต่แทนที่จะรีบผละออกมาฮยอกแจกลับค้างอยู่ท่านั้น มองฮันคยองที่ยิ้มหวานมาให้ตนเอง
                    เมื่อฮันคยองเห็นว่าฮยอกแจยังคงนั่งนิ่งไปขยับเขยื้อนไปไหน จากปลายจมูกจึงเปลี่ยนเป็นริมฝีปากที่สัมผัสกับแก้มของฮยอกแจแทน
                    “เฮ้ย!! ทำไรเนี่ย!”    เหมือนฮยอกแจเพิ่งจะรู้ตัวจึงถอยออกห่างจากฮันคยองจนติดประตูรถ แต่ก็ไปไหนไม่ได้ไกล
                    “ก็ปลุกนายไง ส่วนแก้มนายน่ะเอามาชนจมูกฉันเองนะ”    ฮันคยองพูดยิ้มๆ ก่อนจะถอยกลับมาที่นั่งของตัวเองแล้วเดินลงจากรถไปเปิดประตูให้ฮยอกแจ
                    “อ้าว! กลับมากันแล้วเหรอจ๊ะ”    เมื่อฮยอกแจก้าวลงมาจากรถก็เจอแม่ของฮยอกแจที่กำลังเอาขยะออกมาทิ้งพอดี
                    “สวัสดีครับ”    ฮันคยองก้มหัวทักทายผู้ใหญ่ก่อนจะโปรยยิ้มไปให้
                    “สวัสดีจ๊ะ ขอบใจนะที่มาส่งฮยอกแจ แม่ว่าพรุ่งนี้ฮันคยองมากินข้าวเย็นที่บ้านด้วยกันดีมั้ย...มากินเลยแล้วกันนะ ถือว่าแม่ชวน รับปากแล้วด้วยนะจ๊ะ”    แม่ของฮยอกแจพูดเองเออเองคนเดียวโดยไม่ได้ดูหน้าลูกชายเลยว่าบึ้งตึงไปเรียบร้อยแล้ว
                    “ได้ครับ”
                    “กินข้าวที่บ้านก็ไม่ได้เงินน่ะสิ”    ฮยอกแจบ่นพึมพำขึ้นมาเบาๆ ถ้าฮันคยองมาทานข้าวเย็นที่บ้านเขาก็อดได้เงินน่ะสิ
                    “ฮยอกแจอยู่ส่งฮันคยองก่อนนะลูก แม่เข้าบ้านก่อนนะ”    พูดจบแม่ของฮยอกแจก็เดินเข้าบ้านไป
                    “รีบๆกลับบ้านไปได้แล้วไป”    เมื่อแม่เข้าบ้านไปแล้วฮยอกแจก็ออกปากไล่ทันที
                    “รู้แล้วล่ะน่า แล้วจะโทรหานะ พรุ่งนี้ระวังตัวด้วยล่ะ อย่าให้มันจับนู้นจับนี่นะรู้มั้ย”
                    “รู้แล้วน่า”    ฮยอกแจดันฮันคยองให้เดินไปขึ้นรถแล้วปิดประตูรถให้เรียบร้อย
                    ฮันคยองโบกมือให้ฮยอกแจก่อนจะขับรถออกไป ฮยอกแจมองตามจนรถของฮันคยองแล่นออกไปพ้นจากสายตาจึงยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะเดินเข้าบ้านแต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหนโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาซะก่อน
                    “โทรมาทำไม”    ฮยอกแจเห็นเบอที่โชว์ก็ถอนหายใจออกมายาวพรืดก่อนจะกดรับ เพิ่งจะจากเมื่อกี้ยังจะโทรมาอีก
                    (ก็บอกแล้วไงว่าจะโทรมา เป็นห่วงนะ พรุ่งนี้ระวังตัวด้วย) ปลายสายตอบกลับมา ฮยอกแจไม่รู้ว่าควรจะทำหน้ายัง จะยิ้มหรือจะโมโหดี
                    “ฉันรู้แล้วน่า โทรศัพท์ตอนขับรถเดี๋ยวก็เกิดอุบัติเหตุหรอก”
                    (ห่วงฉันด้วยเหรอ)     ฮันคยองแซวกลับมา ฮยอกแจที่กำลังจะยิ้มเลยหุบยิ้มทันที
                    “ไม่คุยกับนายแล้ว!”    พูดจบฮยอกแจก็ตัดสายทิ้งทันที ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป ฮยอกแจรู้สึกเดาอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยจะถูก รู้สึกดี มีเขินอายบ้าง เป็นห่วง แบบนี้จะเรียกว่าอะไรดี
     
     
                    ตอนนี้เวลาเกือบจะตีหนึ่งแล้วคยูฮยอนเดินเข้ามาภายในห้องอย่างเงียบๆและก็หวังว่าซองมินจะหลับไปแล้ว
                    คยูฮยอนเดินไปที่เตียงก็พบว่าซองมินหลับไปเรียบร้อยแล้ว จึงเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำและจัดการธุระส่วนตัวจนเรียบร้อย ก่อนจะล้มตัวนอนลงข้างๆซองมินเหมือนอย่างทุกวัน จะแปลกไปก็ตรงที่เขาไม่ได้ดึงซองมินเข้ามากอดเท่านั้น
                    เปลือกตาของคยูฮยอนปิดลงอย่างช้าๆ เขาพยายามที่จะข่มมันให้หลับอยู่นาน แต่มันก็หลับไม่ลงซักที เลยนอนหลับตาอยู่เฉยๆอย่างนั้น สมองก็เริ่มคิดอะไรไปต่างๆนานา แล้วเรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้ก็เริ่มผุดขึ้นมาทีละนิด
                    ซองมินที่รู้สึกว่าที่นอนข้างๆมันยุบลงจึงลืมตาขึ้น มองดูคยูฮยอนอยู่ภายใต้ความมืด แล้ววันนี้คยูฮยอนก็ไม่ดึงเขาเข้าไปกอดเหมือนทุกๆวันอย่างที่คิดไว้จริงๆ
                    เวลาผ่านไปซักพักจนซองมินแน่ใจว่าคยูฮยอนหลับไปแล้วจึงค่อยๆยันตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างเบาที่สุด ใบหน้าหวานค่อยๆเคลื่อนเข้าใกล้ใบหน้าของคยูฮยอนทีละนิด จนริมฝีปากของทั้งสองสัมผัสกัน คยูฮยอนลืมตาโผลง มองสำรวจใบหน้าของผู้ที่ลักหลับตัวเอง เมื่อเห็นว่าเป็นซองมินด้วยความตกใจจึงรีบผลักออก
                    “ยังไม่หลับอีกเหรอ”    คยูฮยอนถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ เขาตกใจไม่น้อยเลยที่ซองมินมาจูบเขาแบบนี้
                    “นายรังเกียจฉันแล้วใช่มั้ย”    ซองมินพูดออกมาเสียงเบา ใบหน้าหวานตอนนี้กำลังพยายามเก็บความรู้สึกให้มากที่สุด พร้อมกับที่พยายามจะกลั้นน้ำตาไปด้วย
                    “พูดเรื่องอะไรของนายน่ะ”    คยูฮยอนขมวดคิ้วมุ่น แต่ไม่มีการขยับเขยื้อนส่วนใดของร่างกายแม้แต่น้อย ทั้งที่จริงๆแล้วเขาอยากจะดึงซองมินเข้ามากอดแล้วพูดอธิบายออกไป แต่มันกลับทำอะไรไม่ถูก
                    “นายรังเกียจฉันแล้วใช่มั้ยคยู ฉันสกปรกสำหรับนายไปแล้วใช่มั้ย”    พูดไปน้ำตาก็เริ่มไหลลงมาคลอที่ขอบตา ซองมินยกมือขึ้นเช็ดมันออกเบาๆ
                    คยูฮยอนเงียบไปเพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมา ทั้งที่ควรจะรีบปฏิเสธแล้วทำให้ซองมินสบายใจ ว่าเขาไม่ได้รังเกียจซองมิน แต่ก็ทำได้แต่นั่งอยู่นิ่งๆเท่านั้น
                    “ตอบฉันมาสิ”    ซองมินโผเข้ากอดคยูฮยอนไว้แน่น ใบหน้าหวานซบลงกับแผ่นอกที่นอนซบอยู่เป็นประจำ น้ำตากำลังไหลลงมามากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่พยายามกลั้นเอาไว้ แต่มันก็ยังคงไหลลงมา
                    “ฉันไม่ได้รังเกียจนาย ฉันไม่เคยรังเกียจนายซองมิน”    คยูฮยอนกอดซองมินตอบแล้วลูบหัวไปมาเหมือนเป็นการปลอบใจ เขารู้สึกได้ถึงความอุ่นของน้ำตาที่ไหลซึมผ่านเสื้อเข้ามา
                    ซองมินทิ้งน้ำหนักลงบนตัวของคยูฮยอนแล้วดันให้คยูฮยอนนอนราบลงกับตัวเองโดยที่ตัวเองทาบทับอยู่ด้านบน ใบหน้าหวานยังคงซุกอยู่ที่อกของคยูฮยอน อ้อมกอดกระแน่นขึ้นยิ่งกว่าเดิมเช่นเดียวกับคยูฮยอน
                    “ช่วยทำให้รู้ว่านายรักฉันทีเถอะนะ”   ซองมินบอกเสียงเบาหวิวข้างหูคยูฮยอน ครั้งนี้เขาจะไม่รอให้
    คยูฮยอนร้องขออีกแล้ว
                    คยูฮยอนนิ่งไปซักพักเมื่อได้ฟังคำพูดของซองมิน ใบหน้าหล่อเหล่าภายใต้ความมืดเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย มันไม่ได้ดูเจ้าเล่ห์เหมือนทุกๆครั้ง แต่มันกลับดูสุขุมและดูเป็นผู้ใหญ่ คยูฮยอนจัดการพลิกซองมินให้ลงมาอยู่ด้านล่างโดยที่อีกฝ่ายไม่มีการขัดขืนใดๆเลย
                    “นายรู้มั้ยว่าตอนนี้ฉันรู้สึกยังไง ฉันโมโหตัวเองมากที่ไม่สามารถปกป้องนายได้ ฉันไม่อยากจะบังคับขืนใจนาย ไม่ว่าฉันจะต้องการนายขนาดไหน”    คยูฮยอนบอกด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ที่พูดนั้นแค่อยากจะบอกความรู้สึกให้ซองมินได้รับรู้เท่านั้น และเขาคิดว่านี่มันอาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบของซองมินก็เป็นได้ที่ร้องขอออกมาแบบนี้
                    “ถ้านายต้องการแล้วนายจะทนไปเพื่ออะไรคยู ฉันเองก็รู้สึกโมโหนายที่นายไม่คิดจะทำอะไรเลยเหมือนกัน”    น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นแสดงถึงอาการไม่พอใจ ตอนนี้น้ำตาของซองมินหยุดไหลแล้ว แต่ถ้าหากแผลทางร่างกายและจิตใจของเขายังไม่ได้รับการรักษา หยดน้ำตาใสๆคงไหลออกมาอีกในไม่ช้า
                    “ฉันต้องการนายนะคยู นายคนเดียว”    เมื่อซองมินเห็นว่าคยูฮยอนยังคงเงียบ จึงแสดงความต้องการของตัวเองออกไปอีกครั้ง เพราะมันทำให้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตอนนี้คยูฮยอนคิดยังไงกับเขากันแน่
                    “ฉันก็ต้องการนายเหมือนกัน นายคนเดียว อย่าร้องไห้อีกนะ”    คยูฮยอนจบจูบเบาที่ริมฝีปากบาง ใช้ลิ้นเล็มเลียริมฝีปากของซองมินทั้งล่างและบนก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปาก เกี่ยวกวัดพันกับลิ้นเล็กเนิ่นนานกว่าจะผละออกมา 

    เนื่องจากฉากนี้มีเนื้อหาไม่เหมาะสม
    เพราะฉะนั้นให้หาลิงค์อ่านบนShotBoxจ้า


    ---------------------------------------------

    kr...Talk
    มาแล้วจ้าทุกคน ตามนัดเลย
    พอเม้นครบรีบมาทวงกันใหญ่
    ที่เม้นยังไม่ครบ ไรเตอร์ไม่เห็นมาทวงสักคำ (กระโดดตบไรเตอร์เลย)

    ตอนนี้เด็ดก็คงจะเป็น NCของสามีกับภรรยาคู่หวานแห่งปีนะจ๊ะ
    สังเกตอะไรอีกไหม NCคราวที่แล้วตอนที่9 แต่คราวนี้18 ก็9คูณ2งัย
    แต่ตอนต่อไปคงไม่มีแล้วมั้ง
    ตอนนี้ไรเตอร์กำลังนั่งหัวหมุนกับการนั่งแต่งแบรนเนอร์ลิงค์ฟิคอยู่
    เพิ่งรู้ว่ามันยากมาก ตรงที่ทำงัยให้สวยงัย


    จะมาอัพคราวหน้า เมื่อเม้นครบ 1020 ขอเยอะหน่อย
    เพราะตอนนี้เป็นNC

                                                                            WE LOve Super Junior & KyuMin

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×