ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ] รักวุ่นๆ ชุลมุนยกแก๊ง[KYUMIN]

    ลำดับตอนที่ #46 : Part 15 : เริ่มแผนแทมิน ภาค2

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.22K
      11
      11 ส.ค. 52



    Part 15 : เริ่มแผนแทมิน
     
     
     
                    วันนี้เป็นวันเริ่มงานวันที่สองของฮยอกแจที่ต้องไปทานข้าวกับฮันคยองตามที่ตกลงกันไว้ เพียงไม่นานที่เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น รถของฮันคยองก็เลี้ยวเข้ามาในเขตโรงเรียน เมื่อฮยอกแจเดินออกมาเห็นก็ถอนหายใจออกมายาวพรืดแล้วหันไปบอกลาเพื่อนๆ
                    “คิบอม คยู ฉันไปก่อนนะ อ้าว!”    ฮยอกแจหันหลังไปหาเพื่อนสนิททั้งสองแต่แล้วก็ต้องร้องเสียงหลงออกมา เพราะคนที่ยืนอยู่นั้นมีเพียงคิบอมคนเดียว ส่วนคยูฮยอนั้นเดินลิ่วไปที่บันไดเรียบร้อยแล้ว
                    “วันนี้คยูมันดูยุ่งๆนะ เห็นคุยโทรศัพท์ทั้งวันเลย”    คิบอมมองตามหลังเพื่อนไปแล้วก็พูดออกมา
    “มันคงมีธุระสำคัญมั้ง ฉันเองก็ต้องไปก่อนนะคิบอม เจอกันพรุ่งนี้”    ฮยอกแจบอกลาคิบอมก่อนจะรีบลงไปหาฮันคยองที่รออยู่
    “อย่างนายจะโดนข่มขืนจริงเหรอเนี่ย”    คิบอมได้แต่บ่นอยู่กับตัวเองเมื่อมองตามหลังฮยอกแจไป แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้หรอก อย่างฮยอกแจจะโดนข่มขืนได้ยังไง
     
     
    ฮยอกแจเดินตีสีหน้าเรียบไปหาฮันคยองที่ยืนยิ้มดูมีความสุขรออยู่ที่รถ เมื่อคนที่รอเดินมาถึงก็เอ่ยทักทันที
    “วันนี้เรียนเป็นไงบ้างครับว่าที่แฟน”    ฮันคยองเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม แต่ฮยอกแจกลับหน้าบึ้งทันทีที่ได้ยิน
    “เมื่อไหร่นายจะเลิกเรียกฉันแบบนี้ซักที”    ฮยอกแจว่าหน้ายู่
    “ไม่ให้เรียกว่า ว่าที่แฟน แล้วจะให้เรียกว่าอะไรล่ะครับ เรียกว่าแฟนเลยไหม”    ฮันคยองยิ้มกรุ่มกริ่มอย่างผู้ชนะ เขารอเวลาแบบนี้มานานแล้ว ต้อนฮยอกแจให้จนมุม แบบนี้มันดูน่าสนุกดี
    “ไม่ต้องเรียกว่าอะไรทั้งนั้นแหละ!! จะแฟนหรือว่าที่แฟน! นายก็ไม่มีสิทธิทั้งนั้น!!”    ฮยอกแจโวยวายเสียงดังใส่ฮันคยอง แถมใบหน้ายังขึ้นสีเรื่อยๆอีกต่างหาก ไม่รู้เพราะว่าโกรธหรืออายกันแน่
    “ครับๆ ฉันเรียกนายตามปกติของเราแล้วกัน แต่อีกไม่นานนายคงได้เปลี่ยนสถานะแน่ฮยอกแจ”
    ฮันคยองพูดกลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แล้วความมั่นใจจนเกินไปของเขาก็เริ่มทำให้ฮยอกแจหมั่นไส้
    “จะไปกินมั้ยข้าวน่ะ!! เสียเวลา!!”    เสียงแหลมๆของฮยอกแจแว๊ดใส่ฮันคยองอีกครั้งแล้วเดินขึ้นไปนั่งประจำที่นั่งข้างคนขับ ตอนนี้รถของฮันคยองก็เปรียบเสมือนรถของฮยอกแจไปเรียบร้อยแล้ว เพราะฮยอกแจนั่งบ่อยจนเกิดความเคยชินจนไม่ต้องให้เจ้าของรถอนุญาต
    “ทำเป็นโวยวาย อยากกินข้าวกับฉันใช่มั้ยล่ะ”    ฮันคยองหัวเราะอารมณ์ดีแล้วเข้าไปประจำที่นั่งคนขับ
    ฮยอกแจหันมามองค้อนใส่ฮันคยองแล้วก็หันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง ถึงตอนนี้จะรู้สึกโกรธแค่ไหนเขาก็ต้องไปกับฮันคยองอยู่ดี เพราะถ้าไม่ไปก็จะไม่มีเงินไปใช้หนี้ให้กับซีวอน แถมงานแบบนี้หาได้ง่ายๆที่ไหน
     
    คนขับรถอย่างฮันคยองมองแล้วก็อดขำไม่ได้กับท่าทางของฮยอกแจ แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้เดี๋ยวจะโดนโกรธไปมากกว่านี้ และเมื่อทุกอย่างลงตัวฮันคยองก็ขับรถออกจากโรงเรียนเพื่อตรงไปยังร้านอาหารที่จะพา ‘ว่าที่แฟน’ ไปดินเนอร์ในเย็นนี้
     
     
    ในอีกมุมหนึ่งบนอาคารเรียนแทมินกับมินโฮกำลังมองดูฮันคยองกับฮยอกแจอยู่ สายเตากลียดชังจากเด็กหนุ่มที่ดูน่ารักแต่เพียงภายนอกถูกส่งไปยังฮยอกแจตั้งแต่ที่เห็นทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน
    “สนิทกันจังเลยนะ”    เสียงเล็กๆใสๆ ดังรอดไรฟันออกมาจนฟังดูแล้วน่ากลัว ต่างจากใบหน้าที่ดูสดใสน่ารักนั่นอย่างมาก
    “หยุดความคิดนั้นไปซะเถอะ”    เพียงคนเดียวที่อยู่ข้างกายแทมินเสมอพูดเตือนขึ้นด้วยความหวังดี แต่มันก็คงไม่มีผลอะไรเลย มินโฮมองฮยอกแจแล้วก็เกิดความสงสารขึ้นมาบวกกับความมีศีลธรรมทำให้เขาไม่อยากจะทำในเรื่องที่แทมินได้วางแผนเอาไว้
    “นายน่ะหยุดพูดได้แล้วน่ามินโฮ พรุ่งนี้ฉันจะลงมือ แล้วเราจะได้เห็นดีกันฮยอกแจ”    แทมินมองตามรถของฮันคยองออกไปจนสุดสายตา หลายครั้งแล้วที่เห็นฮันคยองมารับฮยอกแจเลิกเรียน และมันก็ทำให้เขารู้สึกอิจฉาและเกลียดชังฮยอกแจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
    เมื่อแทมินตอบออกมาแบบนี้ มินโฮเลยทำได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมาเบาๆ ถ้าแทมินยังยืนยันที่จะทำแบบนี้ เขาก็คงต้องทำทุกอย่างไม่ให้คนๆนี้ทำอะไรที่มันรุนแรงมากเกินไป เพราะถ้าหากโดนจับได้ขึ้นมา แทมินจะต้องเป็นคนรับความผิดทั้งหมดเอาไว้ เมื่อลองเอามาคิดดู พวกเขาเป็นถึงแก๊งที่มีอิทธิพลที่สุดในโรงเรียน บทลงโทษที่จะตามมาคงไม่ใช่น้อยๆ แน่
     
     
    ฮันคยองเลี้ยวรถเข้าร้านติ่มซำที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านฮยอกแจมากนัก แต่เพียงแค่ฮยอกแจเห็นหน้าร้านก็โวยวายออกมาทันที
    “ติ่มซำเหรอ! ไม่เอาอ่ะ! ไหนนายจะให้ฉันเลือกร้านไม่ใช่เหรอ!!”
    “ถ้านายไม่กินร้านนี้ วันนี้ฉันจะไม่จ่ายเงินให้นาย”    ฮันคยองยืนคำขาด แล้วเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่ลานจอดรถทันที ก่อนจะเดินลงมาจากรถ
    “เผด็จการที่สุด”    ฮยอกแจบ่นก่อนจะเดินตามลงมา ใบหน้าหวานดูบึ้งตึงเล็กน้อย เพราะวันนี้ฮันคยองไม่ค่อยจะตามใจเขาเท่าไหร่นัก ไม่เหมือนวันแรกที่เริ่มงาน
    “วันนี้กินที่นี่แหละ ถ้านายทำตัวดีๆ ฉันจะคิดเพิ่มให้ห้าสิบเปอร์เซ็น”    ฮันคยองเดินนำไปยังโต๊ะที่อยู่ด้านใน ซึ่งเป็นโต๊ะที่จัดไว้พิเศษสำหรับเขากับฮยอกแจโดยเฉพาะ
    สำหรับโต๊ะที่จัดไว้นั้นไม่ได้พิเศษมากมายกว่าแขกคนอื่นแต่อย่างใด เพียงแต่มุมที่ดีที่สุดของร้าน และที่สำคัญ ลูกชายของเจ้าของร้านมาทั้งที การบริการต้องดีเลิศ
    “สั่งเลยครับ วันนี้อารมณ์ดีให้นายสั่งเลยแล้วกัน”    ฮันคยองยิ้มกว้างเมื่อเมนูอาหารวางลงตรงหน้า
    ฮยอกแจ นี่ครั้งแรกเลยนะที่เขาพาเพื่อนๆมาที่ร้าน แต่คนนี้น่ะพิเศษกว่าเพื่อนทั่วๆไป
    “ขอเป็น....”
    “อย่าลืมนะ ถ้ากินไม่หมดหักตัง”    ฮันคยองเตือนขึ้นก่อนที่ฮยอกแจจะได้สั่งอะไรออกมา
    “รู้แล้วน่า!!....เอา ติ่มซำรูปกุ้งล้อบสเตอร์ ติ่มซำรูปปลาแซลมอล กระดูกหมูอ่อนกับซอสเต้าเจี้ยวแดง กล้ามปูนึ่ง ก๋วยเตี๋ยวหลอดไส้เป๋าฮื้อ ปีกไก่นึ่งสไตล์เซี่ยงไฮ้   ฮยอกแจกระแทกเสียงใส่ฮันคยองก่อนจะหันมาสั่งเมนูอาหารยาวเหยียดกับพนักงานร้าน
    “สั่งเยอะขนาดนี้กินหมดเหรอ”
    “กินหมดอยู่แล้วล่ะน่า! วันนี้ไม่ได้กินข้าวเที่ยง กะจะมากินกับนายนี่แหละ”    ฮยอกแจปิดเมนูแล้วส่งคืนให้พนักงาน วันนี้ทั้งวันแทบจะไม่ได้กินอะไรเลยซะด้วยซ้ำ
    ฮันคยองไม่รู้ว่าจะต่อล้อต่อเถียงกับคนๆนี้ต่อยังไง เลยทำได้แค่ส่งยิ้มหวานๆไปให้เท่านั้น และไม่นานอาหารที่ฮยอกแจเพิ่งสั่งไปก็วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ
    “อย่าลืมนะ กินไม่หมดหักตัง”    ฮันคยองเตือนอีกครั้งก่อนจะเริ่มรับประทาน ฮยอกแจหันมาค้อนใส่แล้วก็ไม่สนใจฮันคยองอีกเลย ก้มหน้าก้มตากินของที่ตัวเองสั่งมาด้วยความหิว
    เวลาเพียงไม่นานอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะก็หมดลง ฮยอกแจเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วลูบท้องตัวเองด้วยความอิ่ม ที่สามารถยัดอาหารมากมายเข้าไปจนหมดได้
    “ไปอดอยากมาจากไหนเนี่ย ถ้าได้นายเป็นสะใภ้แม่ฉันต้องบ่นแน่เลย”    ฮันคยองพูดกลั้วหัวเราะเหมือนเป็นเรื่องตลก แต่พอฮยอกแจได้ยินกลับหน้าบึ้งทันที
    “พูดเรื่องแบบนี้อีกแล้ว นายเลิกตู่ว่าฉันจะยอมเป็นแฟนนายซักทีได้มั้ย”    ฮยอกแจบอกเสียงแข็ง
    “อย่าทำหน้าแบบนี้สิฮยอกแจ ที่ฉันทำมาทุกอย่างฉันทำมันด้วยความจริงใจ รอแค่นายจะยอมรับความจริงใจของฉันเมื่อไหร่ก็เท่านั้น แต่ถ้าเกิดนายไม่ยอมรับมัน ฉันก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว”    เสียงที่ฟังดูจริงจังของฮันคยองทำให้ฮยอกแจดูสงบนิ่งลง ใบหน้าของฮยอกแจเบือนหลบหน้าฮันคยองเมื่อโดนจ้องด้วยสายที่ดูจริงจัง
    “จะกลับบ้านได้ยัง”    ฮยอกแจเอ่ยถามเสียงเบา ตอนนี้เขาแทบจะไม่กล้ามองหน้าฮันคยองเลย เพราะสายตาและน้ำเสียงที่ดูจริงจังนั่นมันทำให้เขาเริ่มคิดหนักอีกครั้งว่าฮันคยองจริงจังกับเขาจริงๆเหรอ
    “อืม”    ฮันคยองลุกขึ้นแล้วเดินนำไปที่รถ ฮยอกแจได้แต่ทำหน้าเหรอหราแล้ววิ่งตามออกไป เพราะฮันคยองยังไม่ได้จ่ายเงินค่าอาหารเมื่อกี้นี้เลย
    “เดี๋ยวก่อนสิ!! นี่นายยังไม่ได้จ่ายเงินเลยนะ”    ฮยอกแจวิ่งเข้าไปเกาะแขนฮันคยองไว้
    “เงินของนายน่ะเหรอ เดี๋ยวให้บนรถก็ได้”
    “ไม่ใช่! เงินค่าอาหารเมื่อกี้ตางหาก นายยังไม่ได้จ่ายเลย”    ฮยอกแจบอกด้วยสีหน้าตื่นๆ เพราะถ้าหากเจ้าของร้านออกมาทวงจะซวยเอาได้
    “นายไม่ต้องทำหน้าเดือดร้อนขนาดนี้ก็ได้ ฉันจัดการไปเรียบร้อยแล้ว อยากกลับบ้านไม่ใช่เหรอ ขึ้นรถสิ”    ฮันคยองเดินนำไปที่รถแล้วเปิดประตูฝั่งข้างคนขับให้ฮยอกแจ
    เมื่อทั้งสองขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว รถของฮันคยองก็แล่นออกไปจากร้าน มุ่งหน้าไปยังบ้านของ
    ฮยอกแจที่อยู่ไม่ไกลออกไปมากนัก
    “ขอบคุณนะ”    ฮยอกแจหันไปบอกฮันคยองเมื่อรถจอดเทียบอยู่หน้าประตูบ้าน ฮยอกแจรับเงินจากฮันคยองมาก่อนจะลงจากรถไป
    “ฝันดีนะ”    ฮันคยองบอกก่อนจะขับรถออกไป
    “อืม...ฝันดี”    ฮยอกแจเอ่ยออกมาเบาๆกับตัวเอง สายตามองตามรถของฮันคยองจนลับสายตาไป เขาคงไม่กล้าเอ่ยคำแบบนี้ออกมาต่อหน้าฮันคยองหรอก เพราะอะไรตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะเขายังไม่สามารถเปิดใจรับฮันคยองก็เป็นได้
    ฮยอกแจเดินเข้ามาในบ้านก็เห็นพ่อของเขานั่งดูทีวีอยู่ ขณะที่ฮยอกแจกำลังจะเดินผ่านไปก็โดนเรียกเอาไว้ซะก่อน
    “วันนี้ฮันคยองก็มาส่งเราอีกใช่มั้ย”    พ่อของฮยอกแจถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูมีเลศนัยแปลกๆ ทำให้
    ฮยอกแจต้องรีบหันไปมองยังที่ๆพ่อของเขานั่งอยู่
     “เอ่อ...ครับ”
    “ทำตัวติดกันเชียวนะเดี๋ยวนี้ คบกันอยู่หรือไง”    คำถามของพ่อทำให้ฮยอกแจตอบอะไรไม่ถูก ไอ้สิ่งที่เขากับฮันคยองทำอยู่มันเหมือนคนที่กำลังคบกันอยู่ขนาดนั้นเลยเหรอ
    “เอ่อ....เปล่านี้ครับ”    ฮยอกแจตอบปัดๆไป ก่อนจะเดินขึ้นห้องกันพ่อถามอะไรอีก เพราะเขาเองก็ไม่อยากจะตอบคำถามแบบนี้เท่าไหร่นัก
     
     
                    หลังบานประตูสีขาวบานใหญ่บุคคลภายในห้องนั้นกำลังเพลิดเพลินอยู่กับการวางแผนและความคิดของตัวเอง โดยไม่รู้เลยว่ามีอีกคนกำลังแอบฟังบทสนทนาทั้งหมดที่ตนกำลังพูดอยู่
                    “เริ่มพรุ่งนี้เลยก็ได้นะจงฮยอน ฉันชักจะไม่ไหวกับนายฮยอกแจนั่นซะแล้วล่ะ”    เสียงของแทมินที่ดังเล็ดรอดออกมา ทำให้มินโฮเริ่มรู้สึกทนไม่ไหวกับความสิ้นคิดของแทมิน อยากได้จนไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตัวเองหรือกับคนอื่น
                    “โอเคเลยนะ เอาเป็นพรุ่งนี้เลยนะ”    จบประโยคนี้ของแทมิน มินโฮเปิดประตูเข้าไปภายในห้องด้วยความโมโห
                    แทมินหันมามองบุคคลที่บุกรุกเข้ามาโดยไม่เคาะประตูแล้วก็เหยียดยิ้มไปให้ คนตัวเล็กวางโทรศัพท์ที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะข้างเตียง แล้วจึงเดินเข้าไปหามินโฮ ที่ยินทำหน้านิ่งอยู่หน้าประตู
                    “หยุดทำแบบนี้เถอะ”    มินโฮบอกเสียงเรียบ แต่มีหรือที่คนอย่างแทมินจะฟังเขา
                    “นายนั่นแหละเลิกพูดไปเลย!! เป็นแค่ลูกคนใช้! อย่ามาทำปากดี!!”    แทมินตะคอกใส่หน้ามินโฮด้วยความโมโห ไม่เคยมีใครที่สามารถขัดใจลีแทมินคนนี้ได้หรอก
                    “เลิกความคิดชั่วๆแบบนี้ได้แล้ว!!!”    เมื่อโดนแทมินตะคอกใส่ มินโฮจึงตะคอกกลับ ไม่บ่อยนักที่เขาจะทำมารยาทแบบนี้ใส่แทมิน แต่ครั้งนี้มันเกินไปจริงๆ เขามีหน้าที่เป็นทั้งเพื่อนและคนดูแลของแทมิน เพราะฉะนั้นเขาปล่อยให้แทมินทำเรื่องเลวๆแบบนี้ไม่ได้
                    “นายกล้าตะคอกใส่หน้าฉันเหรอห๊ะ!!~ ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!!! ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย!!!~”  
     แทมินกระหน่ำทุบตีมินโฮไม่ยั้งด้วยความโมโห
                    “ฉันเตือนนายด้วยความหวังดีนะ!”    มินโฮรวบมือของแทมินไว้ จ้องหน้าแทมินด้วยสายตาที่ดุดันซึ่งแทมินไม่เคยเห็นมันมาก่อน
                    “นายไม่อยากให้ฉันมีความสุขใช่มั้ยล่ะ! ปล่อย! ฉันเกลียดนายมินโฮ!!”    แทมินสะบัดแขนอย่างแรง ผลักมินโฮออกจากห้องแล้วปิดประตูใส่มินโฮเสียงดัง
                    “นายไม่เคยเห็นความหวังดีของฉันเลยใช่มั้ย”    มินโฮพึมพำขึ้นกับตัวเองเบาๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เขาอยู่กับแทมินมาตั้งแต่เด็กๆ รู้ดีว่าแทมินเป็นคนยังไง แต่นับวัน ความเอาแต่ใจของแทมินก็เริ่มจะมากขึ้นเรื่อยๆ
     
     
                    เช้าวันมาโรงเรียนที่แสนน่าเบื่อของนักเรียนม.ปลาย วันนี้นักเรียนปีสามส่วนใหญ่มีสีหน้าไม่ค่อยสดใสนัก เพราะงานที่มากขึ้นทุกวัน แถมยังเรื่องสอบที่เริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
                    เยซองขับรถมาส่งเรียวอุกที่โรงเรียนตามปกติ สีหน้าคนตัวเล็กดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก คงเพราะเมื่อคืนนอนไม่พอ เยซองจึงดูเป็นห่วงมากเป็นพิเศษ
                    “ให้ไปส่งที่ห้องมั้ย”    เยซองหันไปมองเรียวอุกแล้วเอ่ยถาม แต่เรียวอุกกลับส่ายหน้าปฏิเสธกลับมา
                    “ไม่ต้องหรอก แล้วตอนเย็นไม่ต้องมารับนะ เดี๋ยวกลับกับซองมิน เพราะต้องทำงานกว่าจะเสร็จก็คงจะเย็นมาก”
                    “ไม่เป็นไรครับ เยเย่มารับได้ เย็นแค่ไหนก็มาได้”    เยซองทำท่าจะไม่ยอม แต่เรียวอุกกลับถลึงตาใส่
                    “ไม่ต้องมาก็ไม่ต้องมาสิ!”    เรียวอุกทำเสียงดุใส่ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไป
                    “แล้วจะโทรหานะ”    เยซองชะโงกหน้าไปบอกเรียวอุก แล้วขับรถออกไปเพื่อไปมหาวิทยาลัย
                    เรียวอุกยืนรอจนรถของเยซองเลี้ยวออกไปจากโรงเรียนจึงเดินตรงไปยังอาคารเรียน ระหว่างทางเจอ
    คยูฮยอนกับซองมินกำลังเดินมาพอดี
                    “เจอเรียวพอดี นายก็ขึ้นเรียนได้แล้วนะคยู”    ซองมินแยกตัวออกจากคยูฮยอนเดินเข้าไปเกาะแขนเรียวอุกแทน
                    “เจอเพื่อนแล้วทิ้งกันเลยนะ”    คยูฮยอนว่าอย่างงอนๆ แต่อีกสองคนกลับหัวเราะกันใหญ่
                    “เย็นนี้นายกลับบ้านไปก่อนเลยนะ ฉันต้องทำงานกับเรียวอุกคงจะเสร็จเย็นๆ เดี๋ยวจะให้คนที่บ้านมารับ”    ซองมินบอกกับคยูฮยอนแล้วยิ้มให้ ซึ่งคยูฮยอนก็เข้าใจเป็นอย่างดี
                    “อืม...จะโทรเรียกฉันมารับแทนก็ได้นะ”
                    “แล้วจะโทรไปแล้วกันนะ ขึ้นเรียนได้แล้ว”    ซองมินดันหลังคยูฮยอนให้เดินไปที่อาคารเรียนของตัวเอง ส่วนเขากับเรียวอุกก็ต้องรีบขึ้นห้องเรียนเหมือนกัน
                    “แล้วตอนเที่ยงจะไปรับที่ห้องนะ”    พูดจบคยูฮยอนก็แยกตัวออกมาเพื่อขึ้นห้องเรียนของตัวเอง
                    “ดูคยูฮยอนจะเชื่อฟังนายดีนะ ไม่เห็นเหมือนเยซองเลย”    ระหว่างที่กำลังเดินขึ้นห้องเรียนเรียวอุกก็พูดขึ้น ถ้าเปรียบคยูฮยอนกับเยซองแล้ว เขาว่าคยูฮยอนน่าคบกว่าเยอะเลย
                    “ก็ไม่เสมอไปหรอกนะ ถ้านายรู้จักคยูมากกว่านี้ นายต้องบอกว่าเยซองดีกว่าแน่ๆ”    พูดจบซองมินก็หัวเราะออกมา ถ้าเรียวอุกได้รู้จักกับคยูฮยอนจริงๆต้องบอกว่าเยซองดีกว่าอยู่แล้ว ไม่งั้นจะคบกันได้เหรอ
                    “มันก็ไม่แน่หรอกนะ”    เรียวอุกบอกแล้วยิ้มบางๆ ออกมา
                    “ถ้าพี่เยซองได้ยินนายพูดแบบนี้คงน้อยใจแย่เลย”
                    “พูดเล่นหรอกน่า ยังไงเยซองก็คงดีที่สุด...มั้ง”    เรียวอุกหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วจึงเดินนำหน้าซองมินไป
                    ซองมินได้แต่ส่ายหน้าไปมากับความคิดของเพื่อนตัวเอง ก่อนจะรีบเดินตามไปให้ทันเรียวอุก เพราะอีกไม่กี่นาทีก็จะได้เวลาเริ่มคาบแรกของวันนี้แล้ว
     
     
                    ในช่วงพักกลางวันของวันนี้ดูเหมือนเหล่าสมาชิกแก๊งจะยุ่งวุ่นวายกันเป็นพิเศษ คยูฮยอนต้องซื้ออาหารมาให้ซองมินบนห้องเพราะซองมินยุ่งอยู่กับงานกับเรียวอุกจนไม่มีเวลาลงไปทานข้าวกลางวัน ดงเฮเองก็ต้องทำโครงงานกับเพื่อนในห้องจนคิบอมก็คอยบริการไม่ต่างจากคยูฮยอนเท่าไหร่นัก ซีวอนก็ยุ่งอยู่กับงานของคณะกรรมการนักเรียนรวมไปถึงเรื่องเรียนด้วย เหลือก็แต่ฮยอกแจที่ต้องลงไปทานข้าวที่โรงอาหารคนเดียว
                    หลังเลิกเรียนวันนี้คิบอม ดงเฮ และคยูฮยอนกลับบ้านกันไปก่อน ส่วนฮยอกแจก็ลงมารอฮันคยองที่หน้าอาคารเรียน แต่ดูเหมือนวันนี้ฮันคยองจะมาช้ากว่าปกติ ฮยอกแจจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทรไปหา แต่ปรากฏว่าแบตโทรศัพท์มันหมดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
                    ฮยอกแจเก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋าด้วยความเซ็งเพราะไม่รู้ว่าต้องรอฮันคยองไปถึงเมื่อไหร่ แต่ระหว่างที่รอบุคคลที่ฮยอกแจไม่ค่อยจะชอบหน้าเท่าไหร่ก็เดินเข้ามาหา
                    “ขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย”    มินโฮถามออกไป แต่ฮยอกแจกลับทำหน้างงๆกลับมา เพราะฮยอกแจกับมินโฮยังไม่เคยคุยกันเลยซักครั้ง จะว่าไม่ค่อยชอบหน้ากันก็เกือบใช่
                    “มีเรื่องอะไรเหรอ”    ดูท่าทางมินโฮแล้วอยากจะคุยกับฮยอกแจเป็นการส่วนตัว แต่ฮยอกแจกลับรู้สึกไม่ปลอดภัย เลยอยากให้อยู่ในที่ๆไม่ลับตาคนมากนัก มีอะไรก็คุยกันตรงนี้น่าจะดีกว่า
                    “ขอเวลาแค่แป๊บเดียว ผมไม่ทำอะไรหรอก”
                    “อืม”    ฮยอกแจใช้เวลาคิดซักพักจึงตอบตกลงไป
                    มินโฮเดินนำหน้าฮยอกแจไปที่ด้านข้างของอาคารเรียน เพราะมินโฮไม่อยากให้แทมินเห็นว่าเขามาพบกับฮยอกแจ
                    “ผมอยากให้คุณระวังตัวไว้”    มินโฮบอกแค่เพียงเท่านี้แล้วเดินจากไป ยิ่งทำให้ฮยอกแจงงหนักเข้าไปใหญ่
                    “ระวังตัวเรื่องอะไร”    ฮยอกแจยกมือขึ้นเกาศีรษะด้วยความงง เพราะไม่รู้ว่าเขาต้องระวังไปเพื่ออะไร หรือจะมีใครมาทำร้ายเขาอย่างนั้นเหรอ
     
     
                    ฮันคยองขับรถเข้ามาภายในโรงเรียนไม่พบฮยอกแจที่น่าจะรอเขาอยู่ เพราะนี่มันเลยเวลาที่เขาควรจะมารับไปพอสมควร จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทรหาแต่กลับโทรไม่ติด
                    “ทำไมไม่เปิดเครื่องล่ะเนี่ย”    ฮันคยองพึมพำขึ้นกับตัวเองแล้วมองไปรอบๆโรงเรียนเพื่อมองหาฮยอกแจ แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่วี่แวว
                    ทางด้านหนึ่งของอาคารเรียนปีหนึ่ง แทมินกำลังมองดูฮันคยองอยู่ และนี่ก็เป็นโอกาสดีที่จะแยกฮยอกแจออกจากฮันคยอง ต้องขอบคุณมินโฮที่ช่วยพาฮยอกแจออกไป ทำให้แผนของเขานั้นง่ายขึ้น
                    “พี่ฮันคยอง”    แทมินเดินเข้าไปหาฮันคยองพร้อมกับรอยยิ้มหวานที่ส่งไปให้
                    “สวัสดีครับ”    ฮันคยองหันมาเห็นแทมินแล้วก็ยิ้มตอบ จำได้ว่าเด็กคนนี้น่าจะเป็นคนที่ชอบฮยอกแจ
                    “เจอพี่พอดีเลยฮะ ผมจะมาบอกว่าเห็นพี่ฮยอกแจเดินไปกลับผู้ชายคนนึง น่าจะกลับไปแล้วนะฮะ เห็นพี่เขาดูท่าทางเหมือนจะโกรธด้วยล่ะ”    แทมินพูดออกมาสีหน้าตาใสซื่อ ใส่ไฟฮยอกแจเท่าที่จะทำได้แต่ก็ไม่ได้มากจนเกินไปนัก
                    “ไปกับผู้ชายเหรอ กับใครเหรอครับ”    ฮันคยองได้ยินแบบนี้ก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมา นอกจากคนในแก๊งแล้ว ฮยอกแจก็ไม่น่าจะรู้จักกับผู้ชายที่ไหนอีก แล้วก็ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้รู้ได้ยังไงว่าเขามารอฮยอกแจ
                    “คิดว่าน่าจะเป็นเด็กปีหนึ่งนะฮะ”
                    “แล้วน้องรู้ได้ไงครับ ว่าพี่มารอฮยอกแจ”
                    “เอ่อ...พอดีผมเห็นพี่มารับพี่ฮยอกแจบ่อยๆน่ะฮะ”    แทมินตอบออกมาตะกุกตะกัก เพราะดูเหมือนฮันคยองจะไม่ค่อยเชื่อเขาซักเท่าไหร่นัก
                    “ครับ”
                    “ที่จริงบ้านผมกับบ้านพี่ฮันคยองก็อยู่ไม่ไกลกันมากนะฮะ แต่ผมว่าพี่คงไม่รู้ ผมเคยเห็นพี่บ่อยๆ แถวๆบ้านของผม”    แทมินบอกออกมาด้วยรอยยิ้มที่หวังว่าจะมัดใจของฮันคยองได้บ้าง
                    “ครับ....นี่ตกลงว่าฮยอกแจกลับไปแล้วจริงๆเหรอ”    ฮันคยองไม่ได้สนใจคำพูดของแทมินเท่าไหร่นัก ยังพยายามมองหาฮยอกแจ เพราะอย่างฮยอกแจไม่ยอมกลับบ้านไปง่ายๆแบบนี้ ทั้งที่ยังไม่ได้ไปทำงานกับเขา
                    “กลับไปแล้วจริงๆฮะ ว่าแต่พี่ฮันคยองช่วยไปส่งแทมินที่บ้านได้มั้ยฮะ ไหนๆบ้านเราก็ไปทางเดียวกันแล้ว”    แทมินเข้าไปเกาะแขนฮันคยองเอาไว้แล้วออกอาการอ้อน เพื่อให้ฮันคยองยอมทำตามที่ตนเองขอ
                    “เอ่อ...จะดีเหรอครับ”
                    “ดีสิฮะ ไปส่งแทมินหน่อยนะฮะ เพื่อนแทมินก็หนีกลับบ้านไปแล้ว แทมินไม่มีเพื่อนกลับบ้าน”    อาการอ้อนเกินนอกหน้าของแทมินทำให้ฮันคยองรู้สึกลำบากใจไม่น้อย แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธจึงตอบตกลงไป
                    “ก็ได้ครับ”
                    “ขอบคุณฮะ”    แทมินยิ้มแก้มปริแล้วซบลงที่แขนของฮันคยอง ทำให้ฮันคยองรู้สึกลำบากใจเป็นอย่างมาก แถมพวกนักเรียนในโรงเรียนก็เริ่มจะหันมามองกันบ้างแล้ว เพราะถึงแม้ว่าฮันคยองจะจบไปแล้ว แต่เขาก็มีชื่อเสียงอยู่น้อย นักเรียนส่วนใหญ่จึงจำเขาได้ และไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็มักจะเป็นที่จับตามองเสมอ
                    “พี่ว่าเราไปกันดีกว่านะ”    ฮันคยองแกะแขนแทมินที่เกาะเขาอยู่ออก ก่อนจะเดินไปขึ้นรถ
                    เมื่อแทมินโดนกระทำแบบนี้ใส่จึงมีทีท่าไม่พอใจ แต่ก็ทำได้แค่กระฟัดกระเฟียดอยู่คนเดียว ก่อนจะขึ้นรถตามฮันคยองไป เพราะอย่างน้อยเขาก็สามารถแยกฮันคยองออกจากฮยอกแจได้สำเร็จ และแผนการของเขาก็ต้องสำเร็จในเวลาต่อมา ฮันคยองจะไม่มีวันได้เป็นของฮยอกแจเด็ดขาด
     


                                                                             -------------------------------------------------

    kr...Talk

    คราวนี้คงจะต้องงอนกันจิงจังซักทีแล้วล่ะ

    คอมเม้นน้อยเกินไปแล้ว

    มันน่าอัพไหมเนี่ย

    ไรเตอร์วันนี้ไม่มีอารัยจะพูดแหละ

    ขอไปดูน้องแทมเต้นจีนีก่อน

    คราวหน้าถ้าเม้นไม่ถึง 900

    จะไม่มาอัพนะจ๊ะ

    บอกไว้ก่อน

    ไรเตอร์เป็นพวกใจแข็งด้วย

    เซงไม่มีที่อัพฟิค โดนแขวนบอร์ดสยามตลอดไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×