ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ] รักวุ่นๆ ชุลมุนยกแก๊ง[KYUMIN]

    ลำดับตอนที่ #43 : Part 13 : ฮีบอมแช่แข็ง?? ภาค 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.48K
      11
      22 ก.ค. 52




        Part 13 : ฮีบอมแช่แข็ง??
     
     
     
     
    อีกวันเดียวเท่านั้นที่ชะตากรรมของฮยอกแจจะถูกตัดสิน วันนี้เป็นวันที่สองในการทำงานของฮยอกแจ แต่เงินที่มีอยู่นั้นมันช่างน้อยนิดเหลือเกิน วันนี้ฮยอกแจเลยรีบไปที่บ้านของฮีชอลทันทีเมื่อเลิกเรียนโดยมีฮันคยองขับรถมารับเช่นเคย เหล่าเพื่อนๆในแก๊งก็ได้แต่มองดูด้วยความสงสาร จะมีก็แต่ซีวอนเท่านั้นที่ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย
     
    เหล่าอดีตสมาชิกแก๊งหน้าหวานทั้งสามคนมองตามฮยอกแจที่กำลังขึ้นรถของฮันคยองด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความสงสาร
     
    “พรุ่งนี้ก็วันสุดท้ายแล้วนี่นา ไม่รู้ว่าฮยอกแจจะเก็บเงินได้พอหรือยัง” เรียวอุกพูดแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาเพราะถ้าให้เดา ยังไงซะฮยอกแจก็ไม่มีทางหาเงินได้ทันอยู่แล้ว เพราถ้าเป็นตัวเขาเองให้พยายามแค่ไหน จำนวนเงินมากมายขนาดนั้นก็คงไม่มีทางหาได้ทัน
     
    “ทำไมพี่ฮันไม่คิดจะช่วยฮยอกแจบ้างเลยนะ ทั้งที่กำลังตามจีบอยู่แท้ๆ” ซองมินพูดเมื่อรถของฮันคยองแล่นออกไปจากโรงเรียนแล้ว ทั้งดงเฮและเรียวอุกต่างหันมามองเมื่อซองมินพูดจบ
     
    “นั้นสินะ ทำไมไม่ช่วยอะไรเลย” ดงเฮพูดแล้วทำท่าคิดหนัก ทั้งที่จริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
     
    “เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็คงจะรู้เองนั่นแหละ แต่ฉันว่าพี่ฮันคยองเขาคงไม่มองดูฮยอกแจอยู่เฉยๆแบบนี้หรอก...เยซองมาพอดีเลย ฉันไปก่อนนะ” เรียวอุกเหลือบไปเห็นรถของเยซองเลี้ยวเข้ามาพอดีเลยบอกลาเพื่อนๆแล้วเดินลงไปจากอาคารเรียน
     
    ตอนนี้เหลือก็แต่ซองมินกับดงเฮที่นั่งรอแฟนหนุ่มอยู่ วันนี้คิบอมกับคยูฮยอนต้องเคลียร์งานให้เสร็จและต้องส่งก่อนห้าโมงเย็น แถมยังต้องช่วยทำในส่วนของฮยอกแจด้วย แต่ที่ซองมินกับดงเฮไม่ไปรอที่ห้องนั้นก็เพราะกลัวว่าแฟนของตัวเองจะไม่เป็นอันทำงานเลยเรียกที่จะรอบนห้องเรียนดีกว่า
     
    “ทำงานกับพี่ฮีชอลได้ชั่วโมงละห้าพันวอน บวกกับที่พวกเราให้ไปอีก มันก็ยังไม่ถึงแสนเลยนะ!” ดงเฮยกนิ้วขึ้นมานับแล้วก็ร้องออกมา
     
    “เฮ้อ~ เรื่องของตัวเองก็ไม่ใช่ ที่ฉันเครียดก็เพราะว่าเราเป็นเพื่อนกับฮยอกแจ แต่ดูเหมือนว่าซีวอนจะไม่ค่อยเป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องนี้เลยนะ” ซองมินพูดอย่างปลงๆแล้วก็พาลไปถึงซีวอนที่กำลังวุ่นอยู่ในห้องกรรมการนักเรียน
     
    “ฉันว่าอย่างหมอนั่นคงไม่รู้สึกรู้สาอะไรหรอก บ้านก็ออกจะรวย ฮยอกแจหาเงินมาไม่ทันก็เอาเงินตัวเองออกไปก่อน แล้วให้ฮยอกแจผ่อนทีหลังพร้อมกับเก็บดอกเบี้ยแพงๆ ทีนี้ซีวอนก็จะได้กำไรไง คิดดูนะกว่าฮยอกแจจะใช้หมด แค่ดอกฉันว่าก็....”
     
    “พอแล้วดงเฮ นายคิดว่าซีวอนจะทำแบบนั้นจริงๆหรือไง” ซองมินต้องรีบห้ามดงเฮไว้ก่อนที่ความคิดอันไม่เข้าท่าของเจ้าเพื่อนร่วมแก๊งจะเตลิดไปไกลกว่านี้
     
    “ฉันก็แค่ยกตัวอย่างเฉยๆ” ดงเฮแก้ตัวออกมาทันที เขาก็แค่อยากจะบอกว่าถ้าเขารวยเหมือนซีวอนก็คงจะดี แต่คงจะร่ายบทนำเข้าเรื่องยาวไปหน่อยก็เท่านั้นเอง
     
    “ตอนนี้สี่โมง คยูกับคิบอมจะทำงานเสร็จหรือยังน้า~” ซองมินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูนาฬิกาแล้วพึมพำออกมา ตอนนี้เขาอยากกลับบ้านจะแย่อยู่แล้ว เพราะอยู่ที่นี่ก็ไม่มีอะไรทำ
     
    “ลงไปดูกันมั้ยล่ะ เผื่อว่าถ้ายังไม่เสร็จจะได้ช่วยทำไง” ดงเฮเสนอ แต่ดูเหมือนซองมินจะไม่ค่อยเห็นด้วยซักเท่าไหร่
     
    “จะดีเหรอ”
     
    “ดีสิ ฉันรู้ว่านายเบื่อ ฉันเองก็เบื่อเหมือนกัน”
     
    “อืม” ซองมินพยักหน้าเป็นคำตอบให้ดงเฮ จากนั้นทั้งสองหนุ่มก็ตรงไปที่ห้องเรียนของคิบอมกับคยูฮยอน ที่กำลังหัวหมุนอยู่กับการทำงาน เพราะเวลาที่ผ่านมาเอาแต่ไปทำอย่างอื่นจนลืมเรื่องงานที่ต้องส่งไปซะสนิท
     
     
     
     
     
    วันนี้ก็เป็นเหมือนอย่างเมื่อวานสำหรับการทำงานวันที่สอง ฮยอกแจนั่งเฝ้าฮีบอมอย่างไม่คลาดสายตา ไม่ว่าเจ้าแมวจอมซนจะย่างกายไปไหนก็จะเห็นฮยอกแจเดินตามไปด้วยเสมอ ส่วนฮันคยองก็นั่งเล่นอยู่กับหรงหรงที่สวน บ้างก็เข้ามาหาฮยอกแจแต่ไม่กล้าแม้แต่จะวางหรงหรงลงเพราะกลัวว่าหรงหรงจะโดนฮีบอมรังแกเอา
     
    ฮีบอมเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อกินอาหารของมัน ส่วนฮยอกแจก็เดินตามไปไม่ห่าง มันออกจะน่าเบื่อแต่ยังไงมันก็คืองาน ถึงจะเป็นงานเล็กๆน้อยๆ แต่ฮยอกแจก็อยากจะทำมันออกมาให้ดีที่สุด
     
    ฮยอกแจละสายตาจากฮีบอมเดินไปยังตู้เย็นที่เขาเอาขนมเค้กมาแช่ไว้ อีกหนึ่งชั่วโมงคือเวลาเลิกงาน คนที่ไม่ได้ทานข้าวกลางวันอย่างเขาเลยหิวเป็นธรรมดา ดีที่ขนมพวกนี้ฮันคยองเป็นคนซื้อมาให้ เพราะเขาต้องเก็บเงินให้ได้เยอะที่สุด อะไรประหยัดก็จะประหยัด
     
    ขนมเค้กสองชิ้นแรกถูกหยิบออกมาวางที่โต๊ะใกล้ๆ ในตู้เย็นยังเหลือขนมเค้กอยู่อีกชิ้น ฮีบอมที่เพิ่งละจากอาหารของตัวเองเดินเข้าไปคลอเคลียฮยอกแจอยู่ซักพักแต่เหมือนจะไม่ได้รับความสนใจ เจ้าแมวจอมซนเลยกระโดดเข้าไปในตู้เย็นเพื่อจะเรียกร้องความสนใจในขณะที่ฮยอกแจกำลังหันไปมองเค้กทั้งสองชิ้นที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ
     
    ฮยอกแจนึกลังเลอยู่ซักพักจึงปิดตู้เย็น ในหัวเขาตอนนี้เห็นแต่หน้าของฮันคยองลอยเต็มไปหมด เขาควรจะเอาเค้กไปให้ฮันคยองหรือจะกินคนเดียวหมดเลยดี สองความคิดของฮยอกแจตอนนี้มันเริ่มตีกันยุ่ง แต่ไม่นานนักก็ได้ข้อสรุป
     
    ฮยอกแจเดินออกจากห้องครัวพร้อมเค้กอีกสองชิ้นตรงไปยังสนามหน้าบ้าน โดยลืมหน้าที่การงานของตัวเองไปเสียสนิท ไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้เจ้าฮีบอมน้อยโดนขังไว้ในตู้เย็นด้วยฝีมือของตัวเอง
     
    “ฮันคยอง” ฮยอกแจวางเค้กลงบนโต๊ะตัวเล็กในสนามหน้าบ้านแล้วเอ่ยเรียกฮันคยองเบาๆ ฮันคยองหันมายิ้มให้ก่อนจะเดินมาหา พร้อมกับหรงหรงที่วิ่งตามมาด้วย
     
    “มีอะไรครับ”
     
    “กินเค้กกัน” ฮยอกแจนั่งลงแล้วเอ่ยชวน ฮันคยองเลิกคิ้วแล้วยิ้มก่อนจะนั่งลงตาม
     
    “ฉันซื้อมาให้นายกินนะ นายกินไปเถอะ ฉันรู้ว่านายไม่ได้กินข้าวเที่ยง” ฮันคยองพูดยิ้มๆ ใช้มือข้างหนึ่งท้าวคางไว้แล้วมองไปยังฮยอกแจ
     
    “ก็กินด้วยกันสิ” ฮยอกแจดันเค้กชิ้นหนึ่งไปตรงหน้าฮันคยองแล้วพูดแกมบังคับ
     
    “ครับๆ” ฮันคยองตอบรับแล้วยิ้มกว้าง พร้อมกับตักเค้กที่ตัวเองซื้อมาเข้าปาก แต่ฮยอกแจกลับเอาแต่จ้องเขาอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมกินเสียที
     
    “ไม่กินเหรอ”
     
    “อ่ะ!...กินสิ” เมื่อโดนทักฮยอกแจเลยรีบตักเค้กเข้าปาก เมื่อกี้เขามองฮันคยองจนลืมไปเลยว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ จะเรียกว่ารู้สึกเพลินที่ได้มองฮันคยองก็น่าจะได้
     
    “แล้วฮีบอมล่ะ” ฮันคยองถามขึ้นเมื่อมองไปรอบๆแล้วไม่เจอฮีบอมที่จะต้องอยู่กับฮยอกแจตลอดเวลา
     
    “จริงสิ!” ฮยอกแจร้องขึ้นมาด้วยความตกใจแล้วก็วิ่งเข้าไปในห้องครัวทันที ทำไมเขาถึงลืมฮีบอมไปได้กันนะ
     
    ฮยอกแจเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องครัวซักพักแต่กลับไปเจอฮีบอม เลยเดินออกมาดูที่ห้องรับแขกก็ไม่เจอเช่นกัน แต่มันก็ไม่มีที่ไหนแล้วที่ฮีบอมจะไปนอกจากสองที่นี้ ฮยอกแจเลยวิ่งเข้าวิ่งออกสองห้องนี้เป็นว่าเล่น แต่ก็ยังไม่เจอฮีบอมยู่ดี
     
    “ฮันคยอง! ฮีบอมหายไป!” ฮยอกแจวิ่งออกมาบอกฮันคยองหน้าตาตื่นแล้วจึงวิ่งกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง เขาวิ่งวนไปมาเหมือนคนที่สติแตกไปแล้ว จนฮันคยองต้องเข้าไปล็อกตัวไว้ เพื่อถามถึงเรื่องราวความเป็นมา
     
    “ใจเย็นสิ นึกดีๆ นายอยู่กับฮีบอมครั้งสุดท้ายที่ไหน” ฮันคยองจับไหล่ฮยอกแจให้หันหน้าเข้าหาตัวเอง ใบหน้าหล่อเหล่าตอนนี้ก็มีความกังวลใจไม่แพ้ฮยอกแจ
     
    “ห้องครัว แต่หาแล้วไม่เจอ! ฮันคยอง! ฉันจะทำไงดี ถ้าพี่ฮีชอลรู้ล่ะก็! ฉันตายแน่!” ฮยอกแจพูดรัวออกมา อาการจิตตกเริ่มเข้ามาครอบงำฮยอกแจทีละนิด เขาไม่ได้กลัวว่าจะโดนไล่ออก แต่ถ้าฮีชอลรู้ว่าเขาดูแลฮีบอมไม่ดี ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
     
    “งั้นเราก็ไปที่ห้องครัว หาให้เจอก่อนที่พี่ชินดงจะรู้เรื่อง” ฮันคยองมาฮยอกแจไปยังห้องครัวอีกครั้ง แล้วทั้งสองคนก็แยกย้ายกันหา แต่ก็ยังไม่มีวี่แววอยู่ดี
     
    “ฮีบอม~ นายอยู่ไหนล่ะเนี่ย” ฮยอกแจครางออกมาเสียงหงอยเหมือนคนผิดหวัง แล้วทรุดตัวลงที่โต๊ะทานข้าว
     
    “บางทีฮีบอมอาจจะไปเดินเล่นที่อื่นก็ได้ล่ะมั้ง ลองไปหารอบบ้านดูก่อนมั้ย” ฮันคยองเดินเข้าไปหาฮยอกแจพูดเพื่อให้กำลังใจ แต่ฮยอกแจกลับส่ายหน้าไปมา
     
    “ไม่หรอก ฮีบอมจะอยู่แค่สองที่เท่านั้น ไม่ห้องนั่งเล่นก็ห้องครัว หรือก็ห้องพี่ฮีชอล แต่ตอนนี้พี่ฮีชอลไม่อยู่ มันก็ไม่น่าจะไปไหนได้นี่นา” ฮยอกแจทำท่าครุ่นคิดหนัก มองไปรอบๆห้องแล้วสายตาก็ไปหยุดที่ตู้เย็น สถานที่ที่เขาอยู่กับฮีบอมเป็นที่สุดท้าย แต่แล้วฮยอกแจก็มองผ่านมันไป
     
    “จะครึ่งชั่วโมงอยู่แล้วนะ” ฮยอกแจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูนาฬิกาแล้วก็เริ่มคิดหนักอีกครั้ง อีกเพียงครึ่งชั่วโมงก็จะได้เวลาเลิกงานของเขาแล้ว
     
    “แน่ใจเหรอว่าอยู่กับฮีบอมที่นี่” ฮันคยองลองถามย้ำอีกครั้ง เผื่อว่าบางทีฮยอกแจอาจจะลืมก็เป็นได้
     
    “ฉันไม่ใช่คนความจำสั้นขนาดนั้นซักหน่อย ก็ฉันเดินมาเอาเค้กที่ตู้เย็นก่อนจะเอาออกไปไง!” ฮยอกแจชี้ไปที่ตู้เย็น แล้วก็กลับมานั่งกุมขมับอีกครั้ง
     
    “ตู้เย็น” ฮันคยองพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเดินไปที่ตู้เย็น เขาหยุดคิดซักพักก่อนจะเปิดมันออกมา ส่วนฮยอกแจก็หันไปมองตามการกระทำของฮันคยองเช่นกัน
     
    “ฮีบอม!!” ฮยอกแจร้องออกมาเสียงดัง พร้อมกับถลาเข้าไปที่ตู้เย็นทันที
     
    ฮยอกแจอุ้มฮีบอมที่ขดตัวอยู่ในตู้เย็นออกมาแล้วรีบรนรานหาผ้ามาห่อตัวของฮีบอมเอาไว้ ฮันคยองก็ได้แต่ยืนมองแล้วส่ายหน้ากับความสะเพร่าของฮยอกแจ วันนี้คงเป็นวันทำงานวันสุดท้ายของฮยอกแจแน่ๆ
     
    “ฉันว่าไปบอกพี่ชินดงดีกว่า ดูท่าทางแล้วฮีบอมน่าจะป่วยนะ” ฮันคยองหย่นตัวลงนั่งข้างๆฮยอกแจที่ห้องรับแขก ฮยอกแจที่กำลังกอดฮีบอมไว้แน่นหันมามองแล้วก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
     
    “มันจะตายมั้ยอ่ะฮันคยอง” คำถามเด็กๆถูกส่งออกมา ฮยอกแจมองหน้าฮันคยองกับฮีบอมสลับกันไปมา แล้วใบหน้าหวานก็เริ่มหม่นวูบลง
     
    “มันไม่เป็นอะไรหรอก พามันไปหาพี่ชินดง จะได้พามันไปหาหมอ”
     
    “อืม” ฮยอกแจยอมทำตามคำแนะนำของฮันคยอง ทั้งคู่เดินขึ้นไปหาชินดงที่ห้องทำงานและเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟัง
     
    หลังจากนั้นฮีบอมก็ถูกพาไปยังโรงพยาบาลสัตว์และในเวลาต่อมาชินดงก็โทรไปแจ้งเรื่องให้ฮีชอลรู้ แน่นอนว่าฮยอกแจโดนไล่ออกจากงานทันที
     
    เมื่อฮยอกแจรับเงินค่าแรงก้อนสุดท้ายฮันคยองก็ทำหน้าที่ขับรถไปส่งที่บ้านเหมือนทุกวัน ฮยอกแจนั้นนั่งเงียบและเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่างตลอดทางไม่ได้สนใจหรงหรงที่นอนอยู่บนตักตัวเองเลยซักนิด จนฮันคยองเริ่มรู้สึกเป็นห่วง เพราะหลังจากที่พาฮีบอมไปโรงพยาบาลฮยอกแจก็ร้องไห้ออกมาทันที
     
    “ไม่ต้องคิดมากน่า โดนไล่ออกจากงานนี้ก็หางานใหม่ได้” ฮันคยองพยายามชวนคุยเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันดูน่าอึดอัดจนเกินไป แต่ไม่รู้ว่าเรื่องที่เขาชวนคุยนั้นมันจะทำให้บรรยากาศดูแย่ลงไปกว่าเดิมหรือเปล่า
     
    “ฉันไม่คิดเรื่องนั้นซักหน่อย” ฮยอกแจตอบโดยไม่ได้มองคู่สนทนา เขาไม่ได้ห่วงเรื่องงาน แต่ห่วงความรู้สึกของฮีชอลมากกว่าที่ให้งานดีๆ เขาทำ แต่เขายังทำมันพลาด ต่อไปนี้ก็คงไม่มีใครไว้ใจให้เขาทำอะไรอีกแน่ๆ
     
    “จะเรื่องอะไรก็ไม่ต้องคิดทั้งนั้นแหละ นายที่เป็นแบบนี้ฉันไม่ชอบเลย”
     
    “ไม่ชอบก็ไม่ต้องชอบสิ!” ฮยอกแจกระแทกเสียงกลับมาแล้วเอนหัวพิงเบาะก่อนจะหลับตาลง
     
    ฮันคยองมองแล้วก็ต้องส่ายหน้าอีกรอบ เวลานี้เขาคงไม่ควรที่จะกวนใจฮยอกแจให้มากนัก หน้าที่ตอนนี้ก็คือขับรถไปส่งฮยอกแจที่บ้านเท่านั้น
     
     
     
     
     
    เช้าวันศุกร์สุดสัปดาห์ที่แสนสดใสแต่จิตใจของฮยอกแจกลับดูหม่นหมองยิ่งนัก เหล่าสมาชิกแก๊งต่างมองดูด้วยความเป็นห่วง จะเว้นก็แต่ซีวอนที่ติดประชุมคณะกรรมการนักเรียนตั้งแต่เช้า เลยไม่ได้อยู่ร่วมกับเพื่อนๆในแก๊งตอนนี้
     
                    “เอาน่า! ไม่ต้องคิดมากหรอก ฉันว่าพี่ซีวอนคงจัดการให้แกแล้วนั่นแหละ” คิบอมตบบ่าฮยอกแจเพื่อให้กำลังใจ แต่ดูท่าทางของฮยอกแจจะไม่ได้ดีขึ้นเลย
     
                    “ฉันไม่ห่วงเรื่องนี้ซักหน่อย” ฮยอกแจปัดมือของคิบอมออกเบาๆ แล้วนั่งท้าวคางถอนหายใจหนักๆแกมา
     
                    “แล้วห่วงเรื่องอะไร...แต่แกนี่ก็จริงๆเลย ทำยังไงถึงปล่อยให้แมวเข้าไปอยู่ในตู้เย็นได้” คยูฮยอนถามเพื่อนออกมาบ้าง ไม่เคยเลยซักครั้งที่ฮยอกแจจะทำอะไรแล้วออกมาเป็นผลสำเร็จ มันต้องมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นทุกที
     
                    “ก็ห่วงพี่ฮีชอลไง แค่แมวฉันยังดูแลไม่ได้ พวกแกก็คิดดูดิว่าพี่เค้าจะคิดยังไงกับฉัน” ฮยอกแจบอกสีหน้าเครียด
     
                    “พี่ฮีชอลไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำซักหน่อย ถ้าฮีบอมไม่เป็นอะไรพี่เขาก็ไม่คิดอะไรมากหรอก” ซองมินช่วยพูดอีกแรง
     
                    “ใช่ ถ้าพี่ฮีชอลกลับมา นายก็ไปขอโทษเขา” ดงเฮพูด
     
                    “พี่เขาโกรธไม่นานหรอกน่าเชื่อสิ” เรียวอุกพูดปิดท้าย แต่ฮยอกแจก็ยังคงมีท่าทีเหมือนเดิม
     
                    “ขอบคุณพี่ๆแล้วก็นายมากเลยนะ” ฮยอกแจเอ่ยขอบคุณทุกๆคนออกไป ถึงแม้เขาจะไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเท่าไหร่นัก แต่มันก็คือความห่วงใยที่ทุกคนมอบให้เขา
     
                    “แล้วเย็นนี้ก็อย่าลืมไปหาซีวอนที่ห้องคณะกรรมการนักเรียนด้วยล่ะ” ซองมินเตือนก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปเรียน ฮยอกแจเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินตามสองเพื่อนซี้ขึ้นห้องเรียนของตัวเองไป
     
                   
     
     
     
                    ภายในห้องของประธานนักเรียนตอนนี้มีชายหนุ่มร่างสูงกำลังพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ถึงความสัมพันธ์ที่ลดระดับลงมาจากคนรักกลายเป็นพี่น้อง แต่ความสนิทสนมก็ไม่ได้ลดลงไปตาม
     
                    “รู้มั้ยครับพี่ว่าพี่ฮีชอลน่ะโกรธแค่ไหนที่ฮยอกแจปล่อยให้ฮีบอมเข้าไปแช่ในตู้เย็นตั้งครึ่งชั่วโมง” ซีวอนเอ่ยปากถามอย่างอารมณ์ดี ฮันคยองเพียงแค่มองแล้วอมยิ้มน้อยๆ
     
                    “แต่อาการของฮยอกแจก็น่าเป็นห่วงนะซีวอน ดูท่าเขาจะห่วงความรู้สึกของฮีชอลมากๆเลย”
     
                    “เห็นพี่ฮีชอลบอกว่ากลับมาแล้วจะคิดบัญชี” ซีวอนยังคงพูดด้วยท่าทางที่ดูอารมณ์ดีไม่เปลี่ยน ส่วนฮันคยองก็ยังคงอมยิ้มน้อยๆอยู่เหมือนเดิม
     
                    วันนี้หลังจากที่เลิกเรียนฮันคยองก็มาหาซีวอนที่โรงเรียนพอดีกับที่ซีวอนเพิ่งประชุมเสร็จ ทั้งสองเลยเข้ามาคุยกันในห้องประธานนักเรียนของซีวอน เรื่องส่วนใหญ่ที่คุยก็หนีไม่พ้นเรื่องของฮีชอลกับฮยอกแจ
     
                    “ที่จริงวันนี้ผมยังไม่ได้เจอฮยอกแจเลยนะครับ”
     
                    ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
     
                    จบคำพูดของซีวอนยังไม่ทันถึงวินาทีเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ทั้งฮันคยองและซีวอนต่างหันไปมองพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วซีวอนก็เป็นฝ่ายพูดขึ้น
     
                    “ผมว่าต้องเป็นฮยอกแจแน่เลย....เข้ามา!” ประโยคแรกซีวอนพูดขึ้นกับฮันคยองก่อนจะหันไปตะโกนบอกคนที่รออยู่หน้าห้อง
     
                    ประตูห้องประธานนักเรียนถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของฮยอกแจที่เดินเข้ามา ฮยอกแจกวาดสายตามองไปรอบห้องแล้วก็มาหยุดอยู่ที่ฮันคยอง
     
                    “นายหาเงินมาให้ฉันครบแล้วใช่มั้ย” ซีวอนถามคำถามที่ตัวเองก็รู้ดีอยู่แล้วว่าคำตอบมันคืออะไร ที่จริงเขาก็แค่อยากกวนประสาทฮยอกแจเล่นเท่านั้น
     
                    “นายก็รู้นี้แล้วยังจะถามอีก” ฮยอกแจตอบกลับมานิ่งๆ
     
                    “เรื่องเงินน่ะฉันจัดการเรียบร้อยแล้วนะ ถ้านายมีเมื่อไหร่ค่อยใช้คืนทีหลังหรือไม่ก็ค่อยๆผ่อนก็ได้ ฉันให้เวลาทั้งปีเลย จนกว่าฉันจะจบการศึกษา” ซีวอนหันไปมองฮันคยองเมื่อได้รับการพยักหน้ากลับมาจึงหันมาตอบฮยอกแจ ความลับเรื่องที่ฮันคยองเป็นคนออกเงินให้ฮยอกแจยังคงถูกเป็นความลับระหว่างคนสองคน
     
                    “ขอบใจนะ ตอนนี้ฉันมีเงินอยู่เท่านี้ ส่วนที่เหลือฉันจะหามาให้ครบก่อนที่นายจะจบก็แล้วกัน” ฮยอกแจยื่นเงินที่หามาได้ก่อนหน้านี้ให้ซีวอน แล้วก็ได้แต่พูดอย่างปลงๆกับชีวิตของตัวเอง หลังจากนี้เขาคงต้องหางานทำตัวเป็นเกลียวอย่างแน่นอน
     
                    “เอาอย่างนี้มั้ย ฉันมีข้อเสนอให้” ฮันคยองที่เงียบฟังคนสองคนคุยกันอยู่นานพูดขึ้นมาบ้าง วิธีนี้แหละเป็นหนทางที่จะทำให้เขาอยู่ใกล้ชิดกับฮยอกแจ และเขาก็จะทำให้ฮยอกแจยอมรับให้ได้ว่า เขานี่แหละคือว่าที่แฟนหรือแฟนในอนาคต
     
                    “ฉันไม่ขายตัวให้นายหรอกนะ” ฮยอกแจหันไปมองหน้าฮันคยองแล้วก็พูดขึ้น คำตอบที่ได้ฟังทำเอาคนฟังกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่
     
                    “ผมว่าผมออกไปข้างนอกดีกว่า” พูดจบซีวอนก็เดินออกจากห้องไปทันที ตอนนี้ก็เหลือฮันคยองที่ยังคงอมยิ้มอยู่กับฮยอกแจที่ทำหน้าบึ้งตึง
     
                    “ฉันไม่คิดอะไรบ้าๆแบบนั้นหรอกน่า....ไปทานข้าวเย็นกับฉันทุกเย็น แล้วก็ยอมให้ฉันไปรับไปส่ง โอเคหรือเปล่า” ฮันคยองบอกรายละเอียดให้ฮยอกแจฟังคร่าวๆ แต่ฮยอกแจกลับทำหน้าบึ้งยิ่งกว่าเดิม
     
                    “อยู่กับนายอีกแล้วเหรอ นี่นายจะเกาะติดฉันไปถึงไหน!” ฮยอกแจพูดอย่างอารมณ์เสีย ฮันคยองนั้นพยายามจะตามติดเขาอยู่ตลอดเวลาซึ่งมันไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่นัก เพราะหากเขาเผลอใจไปแล้วจะทำยังไง เพราะยังไงตอนนี้เขาก็เป็นเมะไม่ใช่เคะ
     
                    “ก็แล้วแต่นายนะ ฉันจะให้เงินตามค่าอาหารที่ฉันพานายไปกินในแต่ละมื้อ ร้านอาหารฉันจะให้นายเป็นคนเลือก ส่วนเมนูอาหารฉันจะเลือกเอง นายเลือกอาหารได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ตกลงหรือเปล่า” ฮันคยองบอกรายละเอียดเพิ่มเติม งานดีๆแบบนี้ใครไม่ทำก็บ้าเต็มที
     
                    ฮยอกแจมองหน้าฮันคยองแล้วก็เริ่มคิดหนัก ไม่รู้ว่าฮันคยองจะมาทุ่มเททำอะไรเพื่อตัวเองแบบนี้ หรือว่าฮันคยองจะรักเขาจริงๆ
     
                    “ฉันตกลง แล้วจะเริ่มงานวันไหน” แล้วฮยอกแจก็ได้ข้อสรุป ลองเสี่ยงกับผู้ชายคนนี้ดูซักตั้งมันคงจะไม่เสียหายอะไร
     
                    “งั้นเริ่มงานวันนี้เลยแล้วกัน” เมื่อได้คำตอบฮันคยองก็ยิ้มกว้างแล้วพาฮยอกแจออกไปจากห้องประธานนักเรียนของซีวอนทันที
     
                    ปฏิบัติการพิชิตใจฮยอกแจได้เริ่มขึ้นอีกครั้งแล้ว
     
     
     
     
     
                    เวลาตอนนี้เกือบจะห้าทุ่มแล้วแต่แทมินก็ยังคงเพลิดเพลินอยู่กับการดูละครรอบดึกโดยมีมินโฮนั่งอยู่ข้างๆ เมื่อเข้าช่วงโฆษณาแทมินหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ข้างตัวขึ้นมากดเบอร์เพื่อนรักต่างโรงเรียนที่ได้นัดแนะแผนการกันเอาไว้ โดยการกระทำทุกอย่างนั้นอยู่ในสายตามินโฮตลอดเวลา
     
                    “พวกนายพร้อมจะเริ่มงานหรือยัง....อืม....โอเคเลย....จัดการให้เรียบร้อยนะ” เสียงใสๆถูกกรอกลงไปอย่างอารมณ์ดี เพราะแผนการที่ได้วางเอาไว้ใกล้จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
     
                    “อนยูแค่นี้ก่อนนะ ละครมาแล้ว เดี๋ยวฉันจะโทรไปใหม่” แทมินกดวางสายแล้วกลับมาดูทีวีเหมือนเดินด้วยความอารมณ์ดี
     
                    “ไม่คิดว่ามันจะแรงไปเหรอ” มินโฮที่มักจะเงียบอยู่ตลอดเวลาเอ่ยปากถาม เขาคิดว่าสิ่งที่แทมินคิดจะทำมันดูรุนแรงเกินไป ภาพของแทมินถูกส้รางให้เป็นเด็กที่ใสซื่อน่ารัก แต่จะมีใครรู้ว่าจริงๆแล้วภาพเหล่านั้นแทมินต่างแสร้งทำมันขึ้นมาทั้งนั้น
     
                    “นายก็น่าจะเห็นนะ วันนี้พี่ฮันกับไอ้ฮยอกแจนั่นขึ้นรถไปด้วยกัน ฉันสังเกตมานานแล้วว่าเขามารับกันที่โรงเรียนทุกวัน แล้วนายจะให้ฉันมองดูอยู่เฉยๆแบบนี้น่ะเหรอ” แทมินหันไปมองมินโฮตาขวาง ไม่บ่อยเท่าไหร่นักที่มินโฮจะพูดอะไรขัดหูเขาแบบนี้
     
                    “หนทางอื่นยังมีอีกเยอะ สัญญาได้มั้ยว่าจะไม่ทำอะไรรุนแรงแบบนี้ เพราะถ้าคนอื่นๆในแก๊งรู้เรื่อง นายนั่นแหละที่จะซวย” คราวนี้มินโฮไม่ได้ยอมอ่อนให้แทมินง่ายๆ เขาทั้งสองคนเรียนอยู่ชั้นเดียวกันก็จริง แต่มินโฮมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่าแทมินอยู่มาก
     
                    “มินโฮ!!” แทมินตะคอกใส่มินโฮเสียงดังที่บังอาจมาขัดใจ แต่เมื่อเจอมินโฮจ้องกลับ สายตาขวางโลกของแทมินก็ดูอ่อนลงทันที เพราะไม่บ่อยนักที่มินโฮจะแสดงอาการแบบนี้ใส่เขา
     
                    “พี่ฮันเป็นของนายแน่ แต่ไม่ใช่วิธีนี้ หยุดความคิดบ้าๆแบบนี้ซะ” มินโฮบอกเสียงแข็ง แทมินมีอาการฮึดฮัดเล็กน้อย แต่ก็ยอมแต่โดยดี
     
                    “รู้แล้วน่า งั้นนายก็หาวิธีใหม่มาให้ฉันก็แล้วกัน” แทมินตอบออกไปส่งๆ จริงๆแล้วเขาไม่คิดจะหยุดเพียงเท่านี้หรอก คนอย่างฮยอกแจต้องได้รับอะไรที่มันรู้สึกเจ็บปวดที่สุด
     
     
     
     
     
                    “ดึกแล้ว ไม่ง่วงเหรอ” คยูฮยอนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องยังเห็นซองมินนั่งดูทีวีอยู่จึงเอ่ยถามเพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว
     
                    “ก็รอนอนพร้อมนายไง กลับซะดึกเชียว” ซองมินหันมาค้อนใส่เมื่อคนที่รอคอยกลับมาซักที เพราะตั้งแต่หลังเลิกเรียนคยูฮยอนก็ไปทำงานอยู่ที่บ้านคิบอมจนดึกดื่น
     
                    “ครับๆ จะรีบอาบน้ำนะ” คยูฮยอนยิ้มหวานกลับมาแล้วรีบหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ
     
                    “ขออย่าให้มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาเลย” ซองมินมองไปที่ประตูห้องน้ำแล้วก็บ่นพึมพำอยู่เบาๆ รู้สึกเหมือนกับว่าการรอคยูฮยอนอาบน้ำเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นที่สุด
     
                    ไม่นานคยูฮยอนก็ออกมาจากห้องน้ำ ท่าทางของซองมินนั้นใกล้จะหลับเต็มที ร่างสูงเลยรีบแต่งตัวแล้วกระโดดขึ้นเตียงทันที ทำให้ซองมินที่กำลังสะลึมสะลือจะหลับสะดุ้งตื่นขึ้นมา
     
                    “กอดหน่อยสิ” เมื่อเห็นคยูฮยอนอยู่ตรงหน้าซองมินก็ออกอาการอ้อนทันที ก็คนเคยนอนกอดกันอยู่ทุกวัน แถมเวลานี้ก็เลยเวลานอนปกติมานานพอสมควร มันก็เลยมีความรู้สึกว่าขาดอะไรไปซักอย่าง
     
                    คยูฮยอนขยับไปใกล้ๆซองมินแล้วดึงเข้ามากอดไว้แน่น ซองมินเองก็ซุกหน้าลงกับแผ่นอกกว้างของคยูฮยอนอย่างคุ้นเคย
     
                    “พรุ่งนี้ไปบ้านฉันกันนะ” ซองมินถามออกมาด้วยรอยยิ้ม ซึ่งคยูฮยอนก็ยิ้มตอบกลับมา
     
                    “ไปสิ”
     
                    “ไปแต่เช้าเลยนะ”
     
                    “งั้นก็รีบนอนสิ จะได้ตื่นแต่เช้า”
     
                    ซองมินยิ้มกลับมาแทนคำตอบก่อนจะขยับตัวเข้าใกล้คยูฮยอนมากขึ้นแล้วหลับตาลง ไม่นานก็เข้าสู่ห้วงของนิทราเนื่องจากเริ่มมีอาการง่วงมานานแล้วเหมือนกัน
     
                    “ฝันดีครับ” 





    kr...Talk
    สวัสดีจ้าทุกคน
    ต้องขอโทษด้วยนะ ที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้มาอัพ
    ก็คอยแต่ติดตามเก็บภาพ&คลิป แฟนแคม Super Show 2 ของโอปป้าSJทั้งหลายอยู่
    เลยไม่มีเวลาได้ทำอะไรเลย วันๆเอาแต่นั่งหน้าคอม
    แล้วก็เรื่องที่มานั่งจัดเรียงและออกแบบ ทำฟิคเล่ม2อีก
    เลยไม่ค่อยได้มาอัพเลย อย่าโกรธ อย่างอนเค้านะ
    เพราะเค้าต้องเสร็จให้ทันงานฟิค ขอมุ่งไปทางได้เงินก่อนล่ะกัน

    เราจะต้องเก็บเงินเพื่อไปดูคอนSS2ให้ได้เลย
    รู้นะว่าเพื่อนๆหลายคนก็กำลังเก็บเงินอยู่เหมือนกัน
    มาสู้ๆด้วยกันนะ เพื่อพี่ๆ Fighting for Oppa
    แต่ถ้าฟิคเล่ม2เสร็จ คนที่มีเงิน ไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็ช่วยซื้อกันบ้างนะจ๊ะ

    รักษาสุขภาพกันด้วยนะทุกคน และ รัก
    Super Junior กันให้มากๆนะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×