ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ] รักวุ่นๆ ชุลมุนยกแก๊ง[KYUMIN]

    ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 11 : จุดจบของซินเดอเรลล่าและเจ้าชาย แถมด้วยสโนว์ไวท์จ้า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.95K
      10
      22 มิ.ย. 52



    Chapter 11 : จุดจบของซินเดอเรลล่าและเจ้าชาย แถมด้วยสโนว์ไวท์จ้า
     
     
                “นายทำอะไรของนายเนี่ย”    ยุนโฮวิ่งมาหาลีทึกแล้วพูดสีหน้าเครียดสุดๆ ไม่ต่างอะไรกับคนอื่นๆที่ได้เห็นเหตุการณ์เมื่อกี้นี้ ล่มแน่ๆ งานนี้ล่มแน่ๆ
                “ก็มันถอดไม่ออกนี่ แล้ววิกนั่นมันก็หล่นไปเอง ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้มันหล่นซักหน่อย แล้วจะให้ฉันทำยังไง”    ลีทึกกุมขมับสีหน้าตอนนี้ก็เครียดไม่แพ้กัน              
                “งั้นนายไปเปลี่ยนชุดก่อนเถอะ เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน”    ในเมื่อแก้ไขอะไรไม่ได้ก็คงต้องเลยตามเลย
                 
                
                -- บนเวที –
     
                 “ประกาศ!! นางผู้ใดที่สามารถสวมวิกผมนี่ได้พอดี...เอ่อ...สวมวิกพอดี?”    คิบอมที่ยืนอยู่กลางเวที เกาหัวแกรกๆ จะพูดยังไงดีฟะเนี่ย
                 “วิกผมมันมีพอดีกับไม่พอดีด้วยหรอ คิบอม”  คยูฮยอนที่ยืนอยู่ข้างๆคิบอมพูดแล้วเอามือเกาหัวเช่นกัน เล่นไม่ถูกเลยคราวนี้ จากรองเท้าแก้วเป็นวิกผม คนละแนวเลยนะนั่น
                “แล้วจะให้พูดอะไรเล่า!”
                “ก็บอกไปเลยว่าจะได้แต่งงานกับเจ้าชายไม่ต้องไปอธิบายอะไรมันแล้ว!”
                ภาพขององครักษ์ 2 คนที่เถียงกันไปมาบนเวที ทำให้ผู้ชมอมยิ้มได้ไม่น้อย บ้างก็หัวเราะออกมากับความน่ารักของทั้ง 2 คน
                ส่วนคังอินก็ทำอะไรไม่ถูก วิกผม? แล้วมันจะพิสูจน์ยังไงเนี่ย
               “ขอฉันลองใส่หน่อยได้มั้ย”    ฮีชอลที่เห็นท่าไม่ดีเลยเดินเข้ามาแล้วดึงวิกผมไปลองใส่
               “ไม่เหมือนๆ” คิบอมมองแล้วส่ายหัวไปมา ทำให้คนดูอมยิ้มอีกครั้งกับความน่ารัก
               “งั้นฉันลองบ้าง”    ฮงกิหยิบจากมือฮีชอลไปลองใส่บ้าง
                “นายก็ไม่เหมือนๆกันนั่นแหละ”    คยูฮยอนพูดทำเอาคนทั้งหอประชุมหัวเราะออกมา ก็ในเมื่อลูกเลี้ยงเป็นผู้หญิงแต่กลับพูดทำว่านายออกมา
                 “พูดอะไร คิดซะบ้างเซ่!”    คังอินกระชิบที่ข้างหูคยูฮยอน
                 “ฉันลองบ้าง”    แจจุงหยิบวิกผมจากมือฮงกิไปใส่
                 “ไม่มีใครเหมือนซักคนนั่นแหละ”    คังอินพูดแล้วดึงวิกกลับคืนมา
                “แล้วเจ้าชายมีหลักฐานอะไรมาพิสูจน์แค่คำพูดอย่างเดียวน่ะมันไม่พอหรอกนะ”    ฮีชอลพูดแล้วยิ้มที่มุมปาก
                “เวลาเครียดๆยังไม่เว้นนะนาย”    คังอินกัดฟันพูดเบาๆ คนยิ่งเครียดๆอยู่ ยังจะมาหาเรื่องให้อีก แล้วจะเอาอะไรมาพิสูจน์ล่ะคราวนี้
                 “ผมว่าให้คนนั้นมาลองใส่บ้างดีกว่า”  คิบอมชี้ไปที่ลีทึกที่นั่งหน้าเครียดทำเป็นถูบ้านอยู่ กลัวละครจะล่มไม่เป็นท่า
                  “เหมือน! คนนี้แหละใช่”    เมื่อลีทึกใส่วิกเสร็จ คยูก็ชี้หน้าซินเดอเรลล่ากระโดดเหยงๆ ทำเอาคนดูหัวเราะออกมา
                 “ไม่มีหลักฐานซักหน่อย!”    ฮีชอลตะคอกใส่หน้าคยูฮยอน
                 “เหมือนก็เหมือนสิเจ๊ จะทำให้เรื่องมันยุ่งยากทำไมเล่า!”    เมื่อโดนตะคอกมามีหรือที่คนอย่างคยูฮยอนจะยอม เลยตะคอกกลับ ทำเอาผู้ชมอึ้งไปเล็กน้อย
                  “นี่บนเวทีนะเว้ย!”    คิบอมพูดที่ข้างหูคยูฮยอนเบาๆ
                 “เจ้าชายไหนล่ะหลักฐาน”    ฮีชอลยักคิ้วให้คังอินที่ยืนกัดฟันกรอดๆ ให้จบงานก่อนเถอะ นายเสร็จฉันแน่ลีทึก อ้าว! ไหงเป็นงั้นไป
                 “นี่ไงหลักฐาน ดูซะให้เต็มตา”    คยูฮยอนยื่นโทรศัพท์มือถือของคิบอมที่ถ่ายรูปตอนเต้นรำของซินเดอเรลล่ากับเจ้าชายไว้ให้ฮีชอลดู
                 “สมัยนี้ไม่มีโทรศัพท์มือถือนะเว้ย! เก็บเลย!”    คิบอมดึงมือถือของตัวเองคืนมาแล้วเก็บใส่กระเป๋า
                ผู้ชมก็เริ่มงงกันเล็กน้อยถึงปานกลางและมาก ทำไมเจ้าชายกับซินเดอเรลล่าถึงยืนนิ่งอย่างนั้นล่ะ ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกันแน่ องครักษ์ถึงมายืนเถียงกับแม่เลี้ยงปาวๆ
                “เออๆ ยอมก็ได้ ไปแต่งงานกันได้แล้วไป”    ฮีชอลพูดส่งๆแล้วเดินเข้าหลังเวทีไป ทิ้งกันอย่างนี้เลยหรอฮีชอล  ยุนโฮอยากจะร้องไห้
                และฉากสุดท้ายของเรื่องก็มาถึง ฉากแต่งงานของเจ้าชายกับซินเดอเรลล่า ฉากนี้สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมอย่างมาก ถึงจะงงๆกับไอ้ฉากเมื่อกี้ก็เถอะ แต่ละครก็จบลงไปได้ด้วยดี
                 “โอ๊ย!! อยากจะบ้าตาย นั่นมันเรื่องซินเดอเรลล่าหรืออะไรกันแน่เนี่ย นายเป็นองครักษ์แต่กลับไปเถียงกับแม่เลี้ยงเนี่ยนะ เจ้าชายกับซินเดอเรลล่าก็ยืนเป็นคนใบ้กันอยู่ได้ เซ็งๆๆ!!!”    พอนักแสดงทุกคนลงมาจากเวที ยุนโฮก็เดินมาบ่นๆแล้วก็เดินจากไป พาลเดินเตะข้าวของไปทั่ว ล่มไม่เป็นท่าเลย ขายหน้าชะมัด
                 “อะไรของมันวะ!” ฮีชอลบ่นเซ็งๆก่อนจะไปเปลี่ยนชุด
                 “เล่นได้ก็ดีขนาดไหนแล้วยังจะมาบ่นอีก!”    คยูฮยอนพูดก่อนจะเดินไปเปลี่ยนชุดเหมือนกัน
     
                 “ฉันมีเรื่องต้องเคลียกับนาย”    คังอินลากลีทึกที่กำลังถอดชุดออกเหลือเพียงเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นเท่านั้นตรงไปยังห้องน้ำที่ๆเคยเป็นที่ของเรา
                 “เฮ้ย! อะไรของนายเนี่ย!”    เมื่อมาถึงที่หมายลีทึกก็สะบัดมือออก ยืนกอดอกจ้องหน้าคังอิน มันพาฉันมาที่นี่ทำไมฟะ! ลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
                 “ฮีชอลมันทำฉันไว้เยอะบนเวที นายต้องรับผิดชอบ”    ในเมื่อลงกับฮีชอลไม่ได้ก็ลงกับคนๆนี้แล้วกัน  
    ไม่คิดว่าพี่หมีแกจะเอาจริง
                 “แล้วมันมาเกี่ยวอะไรกับฉันเล่า!”
                 “พวกนายเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือไง เพื่อนก็ต้องรับผิดแทนกันได้สิ”    คังอินดึงลีทึกเข้าไปในห้องน้ำแล้วปิดประตูลงกลอนเรียบร้อย ห้องเดียวกับวันนั้นซะด้วยสิ
                “เฮ้ย! แกจะทำอะไรฉัน! ปล่อยนะเว้ย!”    ลีทึกที่พยายามจะเปิดประตูห้องน้ำ กลับโดนคังอินกอดไว้แน่น
                 “รังเกียจขนาดนั้นเลยหรือไง”    คังอินจ้องหน้าลีทึกนิ่ง ทำให้คนในอ้อมกอดหยุดดิ้นทันที
                 “เอ่อ...”    ลีทึกพูดอะไรไม่ออกกับสายตาที่ถูกส่งมา จริงๆก็ไม่ได้รังเกียจอะไรมากมาย แค่ที่นี้มันไม่เหมาะก็เท่านั้น?...หรอ?...ตกลงคือยอมมันใช่มั้ยเนี่ย?
                 “ถ้านายไม่ขัดขืน ฉันจะทำจริงๆแล้วนะ”
                 “อ๊ะ!”
                คังอินไม่รอช้าปลดกางเกงลีทึกออกครอบครองส่วนอ่อนไหวของลีทึกด้วยมือใหญ่ แล้วจัดการจนคนในอ้อมกอดเริ่มเคลิบเคลิ้มตามไปด้วย
                “คังอินอย่า...อะ...อื้มมมม”    ถึงปากจะพูดไปอย่างนั้นแต่มือกับจับไหล่คังอินแน่น
                คังอินเมื่อได้ยินเสียงครางของอีกฝ่ายก็ยิ่งได้ใจ ซุกหน้าลงไปที่ซอกคอขาวขบเม้นจนเกิดรอย แล้วกดจูบแรงๆไปที่ปากบาง อยากเป็นเจ้าของมากกว่านี้
                “อ๊ะ!” อยู่ดีๆคังอินก็หยุดการกระทำทั้งหมด ทำเอาลีทึกที่เริ่มมีอารมณ์ถึงกับค้าง มองหน้าคังอินแล้วเบ้ปากอย่างขัดใจ
                “ทำไมนายไม่ขัดขืนล่ะ” คังอินกดไหล่ของลีทึกไว้ จ้องใบหน้าหวานที่ตอนนี้เริ่มขึ้นสี
                  “อ่ะ..เ.อ่อ...” ลีทึกตอบอะไรไม่ถูก ได้แต่ก้มหน้าก้มตา
                “ให้ตายสิ...ฉันชอบนายนะ”    คังอินเสยคางลีทึกให้เงยหน้าขึ้น จูบที่ปากเบาๆแล้วกระซิบที่ข้างหูก่อนจะกอดคนตัวเล็กไว้
                “ฉันไม่เชื่อนายหรอก”    ลีทึกซบลงที่ไหล่ของคังอินแล้วแอบยิ้มน้อยๆ ขอให้คำพูดเมื่อกี้เป็นความจริง ไม่ใช่แค่คำพูดที่ต้องการจะแกล้งกัน
                “ทำไมไม่เชื่อล่ะ”    คังอินผละออกเล็กน้อย สายตาบอกบ่งว่าจิงจังกับคำพูดเมื่อกี้
                 “เชื่อก็โง่แล้ว อย่างนายน่ะหรอจะมาชอบฉัน”
                “แล้วถ้าฉันบอกว่า ฉันเริ่มชอบนายตั้งแต่ตอนงานเลี้ยง แล้วก็เริ่มชอบมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งตอนที่ซ้อมละครฉันก็ใกล้ชิดนายมากขนาดนั้น ฉันคงรักนายไปแล้วล่ะมั้ง...แต่มันติดอยู่ที่เรื่องแก๊ง...แค่นั้นแหละ...ฉันถึงไม่ได้บอกนาย”    คังอินพูดแล้วก้มหน้า หมีก็เขินเป็นเหมือนกัน
                 “เอ่อ...แล้วตอนนี้นายมาบอกฉันทำไมเล่า!”    ลีทึกเองก็เขินไม่แพ้กัน
                 “มันอึดอัดไง ฉันเป็นพวกเก็บความรู้สึกไม่ค่อยเก่ง”    คังอินพูดแล้วมองหน้าลีทึก หมีก็อ่อนโยนเป็นเหมือนกันอีกนั่นแหละ
                 “อ๋อหรอ...”    ลีทึกก้มหน้าอีกรอบ ไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะโดนหมอนี่สภาพรัก ทำอะไรไม่ถูกเลย
                 “นายคิดยังไงกับฉัน...บอกได้มั้ย”
                “เอ่อ...ก็...เมื่อกี้อารมณ์มันค้างนะรู้มั้ย นายมาหยุดแบบนี้น่ะ”    ลีทึกกระซิบที่ข้างหูคังอิน ก่อนจะจูบเบาๆที่ปากของคังอิน
                แค่นี้ก็คงไม่ต้องบอกแล้วว่ารู้สึกยังไง คังอินยิ้มจนตาหายก่อนจะทำภารกิจที่ค้างไว้เมื่อกี้ต่อ
              “อื้มมมมมม...คังอิน...ฉันก็...รักนาย”
                
     
                การแสดงเรื่องสโนว์ไวท์ของนักเรียนปี 2 และปี 1 ห้อง D-F เป็นไปอย่างราบรื่นสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก และก็มาถึงจุดไคล์แมคของเรื่อง ฉากที่เจ้าชายจะต้องจุมพิตสโนว์ไวท์
                 ซีวอนที่รับบทเจ้าชาย ค่อยๆโน้มตัวลงไปใกล้ซองมินที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ตรงหน้า สายตาของซีวอนมองไปเห็นฮีชอลที่ยืนดูอยู่หลังเวที ความคิดแผลงๆก็แล่นเข้ามาในหัว
                 ปากของซีวอนประกบกับปากของซองมินเต็มๆ ซองมินลืมตาขึ้นอย่างตกใจ ลุกขึ้นผลักซีวอนออกก่อนเอามือเช็ดปากยกใหญ่
                “เฮ้ย! จูบจริงนี่หว่า”    ฮยอกแจที่นั่งติดขอบเวที ลุกขึ้นชี้ไม้ชี้มือไปที่ซีวอนกับซองมิน ทำให้ผู้ชมต่างลุกขึ้นมอง รวมทั้งฮันคยองที่ยืนจ้องไปที่ซีวอนเขม็ง
                 “แกทำอะไรน้องฉันห๊า!!!”    ฮีชอลที่ดูอยู่หลังเวทีเห็นฉากเมื่อกี้ ก็ตรงเข้าไปตบหน้าซีวอนฉากใหญ่ก่อนจะเดินไปดูซองมินที่ยังถูปากไม่เลิก จนมันแดงไปหมด
                “คิบอม! ปล่อยดิวะ!”    คยูฮยอนที่กำลังโวยวายอยู่หลังเวที เพราะอยากจะเข้าไปต่อยหน้าหล่อๆของซีวอนซักที แต่กลับโดนคิบอมล๊อกตัวไว้ ถึงจะเป็นรุ่นพี่แต่เรื่องแบบนี้มันไม่เข้าใครออกใคร
                 ซีวอนที่โดนฮีชอลตบจนหน้าหัน ปรากฏรอยนิ้วมือบนหน้าหล่ออย่างชัดเจน จึงตรงเข้าไปกระชากฮีชอลเข้ามาจูบอย่างรุนแรง ฮันคยองและฮยอกแจที่เห็นดังนั้นก็รีบวิ่งขึ้นมาบนเวที
                 “ปล่อยพี่ฮีชอลนะเว้ย!!!”    ฮยอกแจโวยวายลั่น ชี้หน้าซีวอนอย่างไม่เกรงกลัวอะไร
                ฮันคยองที่วิ่งขึ้นมาบนเวทีอยากจะเดินไปกระชากฮีชอลออกใจจะขาด แต่เมื่อหันไปเห็นซองมินเลยต้องไปหาคนน่ารักที่นั่งมองดูเหตุการณ์อยู่เงียบๆแทน
                เยซองกับเรียวอุกที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ตลอดก็จับผ้าม่านด้านหลังเวทีไว้แน่น กลัวว่าขามันจะยืนไม่ไหว อ้าปากค้างกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอุตส่าห์ซ้อมกันมาเป็นอาทิตย์แต่กลับล่มไม่เป็นท่า
                ส่วนนักเรียนและอาจารย์ที่มองดูเหตุการณ์อยู่ก็ฮือฮากันใหญ่  งานละครปีนี้มันยุ่งว่นวายจริงๆเกิดแต่เรื่อง ฮันคยองที่ไม่อยากเห็นภาพบาดตาบาดใจจึงพาซองมินออกไปข้างนอก
                                     
                เมื่อซีวอนผละออกจากฮีชอลก็ลากร่าบางออกไปออกไปจากหอประชุมทันทีโดยไม่สนใจฮยอกแจที่ยืนชี้หน้าด่าตัวเองอยู่ปาวๆ
                พลั่ก!
                คยูฮยอนที่เห็นฮันคยองพาซองมินออกไปแต่เพื่อนตัวดีก็ยังไม่ยอมปล่อย เลยต่อยเข้าที่หล่อของเพื่อนซี้เต็มๆจนลงไปนอนกองกับพื้น
                 “ขอโทษนะเว้ย! คิบอม!”    คยูฮยอนหันมาพูดกับคิบอมก่อนจะวิ่งตามฮันคยองออกไป
                 “บอม!”    ดงเฮรีบวิ่งมาดูคิบอมทันทีหลังจากที่คยูฮยอนออกไป
                 “สงสัยไอ้คยูมันจะชอบเพื่อนด๊องจิงๆแล้วล่ะมั้ง”    คิบอมพยุงตัวเองขึ้นตามแรงของดงเฮ
                 “อืมๆ...ไปห้องพยาบาลนะ เลือดไหลด้วย”    ดงเฮพยักหน้ารับส่งๆ ไม่อยากจะสนใจอย่างอื่นแล้ว ตอนนี้เป็นห่วงคนตรงหน้าที่สุด เป็นเพื่อนกันแท้ๆดันต่อยมาได้ ดูท่าหมัดจะหนักใช่เล่น
                ดงเฮพยุงคิบอมตรงไปยังห้องพยาบาลส่วนเยซองกับเรียวอุกยังคงอึ้งไม่เลิก
                 “นี่นาย...อุกกี้”    เยซองที่ได้สติก่อนหันไปเรียกเรียวอุกที่ดูจะยังตะลึงไม่เลิก
                  “อุกกี้!” จากพูดเสียงธรรมดาก็เริ่มตะคอกนิดๆ
                 “อุกกี้!”    คราวนี้ยื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วตบแก้มเรียวอุกเบาๆ
                “ห๊ะ!”    เรียวอุกเมื่อได้สติก็หันหน้ามา จมูกเลยชนกับจมูกของเยซอง
                “นับวันยิ่งน่ารักนะนายน่ะ”    เยซองยิ้มให้เรียวอุกทำเอาคนตรงหน้าๆเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ
                ฮันคยองลากซองมินออกมาจากหอประชุมแล้วตรงไปยังประตูโรงเรียน
                “พี่ฮันจะพามินไปไหนน่ะ...มินยังไม่ได้เปลี่นยชุดเลยนะ”    ซองมินก้มลงมองสภาพตัวเองที่ยังคงอยู่ในชุดของสโนว์ไวท์
                 “ไม่เป็นไรหรอกแบบนี้น่ะน่ารักดี”    หันไปยิ้มให้ซองมินน้อยก่อนจะ มุ่งหน้าเดินต่อไป
                “เฮ้! นาย 2 คนจะไปไหนน่ะ”    ยามเฝ้าประตูโรงเรียนเดินเข้ามาขวางฮันคยองไว้  มือหนึ่งก็ถือกระบองแล้วฟาดลงกับมืออีกข้างเบาๆ
                 “เห็นเดินมาแบบนี้ จะเข้าโรงเรียนมั้ง”    ฮันคยองต่อปากต่อคำกับยามอย่างไม่เกรงกลัว ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะมากลัวแล้ว
                “มินว่ากลับเถอะนะ อย่าไปเถียงเค้าเลย”    ซองมินพยายามเตือนสติฮันคยองที่จ้องหน้ายามอย่างเอาเรื่อง ก็รู้ดีนี่นะ ถ้าขืนออกไป ไอ้กระบองนั้นคงปะทะเข้าที่ส่วนไหนของร่างกายเข้าซักที่
                “จะกลับเข้าไปมั้ยห๊ะ!”    ยามเดินเข้ามาแล้วยกกระบองขึ้นสูง
                “อ๊ากกก!!”    ซองมินร้องเสียงหลงรีบลากฮันคยองที่ตั้งท่าจะต่อยกับยามจนตัวปลิว วิ่งเข้ามาในโรงเรียน
                “มินจะลากพี่มาทำไมเนี่ย”    ฮันคยองหอบนิดๆที่วิ่งตามแรงกระชากของซองมินมา แรงเยอะใช่ย่อยนะเนี่ย
                “พี่ไม่กลัวยามตีเอาหรอ”    ซองมินเองก็หอบไม่แพ้กัน
                 “จะไปกลัวอะไรเล่า! ไปเถอะ”    ฮันคยองจับมือซองมินอีกครั้ง เตรียมจะลากไปยังประตูโรงเรียน แต่ก็ต้องหยุดกะทันหันเมื่อเห็นคยูฮยอนยืนขวางหน้าอยู่
                ฮันคยองจ้องหน้าคยูฮยอนซักพักก่อนจะดึงมือซองมินให้เดินตามมา ผ่านคยูฮยอนไปอย่างไม่สนใจ แต่มีหรือที่คนอย่างคยูฮยอนจะยอมกลับจับไหล่ของฮันคยองให้หันมาเผชิญหน้า ฮันคยองมองหน้าคยูฮยอนอย่างเอาเรื่องก่อนจะปล่อยมือซองมินออก แล้วหมัดก็ถูกปล่อยเข้าหน้าของคยูฮยอนเต็มๆ จนล้มลงไปกับพื้น
                “เอ่อ...พี่ฮัน...” ซองมินที่เห็นท่าไม่ดี จะเดินเข้าไปหาฮันคยอง แต่ช้ากว่าคยูฮยอน หมัดหนักๆ ปะทะเข้าที่หน้าของฮันคยอง จนเซล้มลงไป
                “คยูอย่า!”    ซองมินรีบเข้าไปขวางคยูฮยอนที่กำลังจะลงไปซ้ำฮันคยองที่นั่งจับปากตัวเอง เลือดสีแดงสดค่อยๆ ซึมออกมา คยูฮยอนหยุดการกระทำแล้วลากซองมินออกไป        
                ส่วนฮันคยองก็ได้แต่มองตามทั้งคู่จนสุดเท่าที่สายตาจะมองเห็น ไม่คิดแม้แต่จะตามไป เหนื่อยแล้วพอกันที ยอมรับความจริงซะเถอะฮันคยอง ยังไงนายก็ลืมซีวอนไม่ได้
     
     
    --------------------------------------------------------
     
                
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×