ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่3 ทะเลสาปและป่าละเมาะ(2)
(ต่อจากตอนที่แล้ว)
"เฮ้ ดูอะไรนี่สิ"จินที่บินนำหน้าไปร้องขึ้นมาอย่างตื่นเต้น ทำให้มินรีบบินตรงไปอย่าง
รวดเร็วโดยมีเมิร์ฟทั้งสองวิ่งตามไปติดๆด้วยความสงสัย
เมื่อไปถึงจุดที่อีกาทั้งสองบินร่อนลงไปเกาะ ว็อกเกอร์กับกร็อดก็อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจกับสิ่งที่เห็น
พื้นที่ที่อีกาทั้งสองเกาะอยู่ เป็นที่ว่างที่ถูกถางจนเรียบ มีรอยแปลกๆอยู่ทั่วบริเวณ
เป็นรอยกลมๆขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือของพวกเขา และรอยเรองเท้าขนาดใหญ่
นอกจากนี้ยังมีแผ่นโลหะแวววาวที่ถูกฉีกออกหล่นกระจัดกระจายอยู่หลายชิ้น
รวมเศษผ้าคลุมและร่องรอยของกองไฟอยู่ด้วย
"นี่มันอะไรกันน่ะ"กร็อดพูดขึ้นอย่างสงสัย
ว็อกเกอร์เองก็สงสัยเช่นกัน เขาหันไปถามอีกาทั้งสองว่า "พวกเจ้ารู้ไหมว่า นี่คืออะไร"
"ไม่รู้สิ เราเองก็ไม่เคยเห็นของพวกนี้มาก่อน"จินพูด
เมิร์ฟทั้งสองคุกเข่าลงเพื่อพิจารณาชิ้นส่วนโลหะที่อยู่บนพื้น กร็อดหยิบของชิ้นหนึ่งที่ตกอยู่ขึ้นมาดู
ของนั้นเป็นเหรียญเงินที่ขัดจนขึ้นเงาแวววาวขนาดเท่ากับฝ่ามือมีเชือกร้อยอยู่
ตรงกลางเหรียญนั้นมีรูปสลักเป็นรูปกวางตัวผู้สีแดงอยู่ด้วย " ดูสิ ว็อกเกอร์ ของนี่สวยดีนะ"กร็อดยื่นเหรียญนั้นให้เพื่อนดู
"ข้าคิดว่าข้าจะเก็บมันเอาไว้"เมิร์ฟอ้วนพูดก่อนจะเก็บแผ่นโลหะนั้นเข้าไปในอกเสื้อ
"เก็บของของคนอื่นที่ไม่ใช่ของเราไว้น่ะ ไม่ใช่เรื่องที่ดีนะกร็อด"ว็อกเกอร์เตือน
"ไม่เห็นเป็นไรเลย ข้าว่าเจ้าของเขาคงไม่กลับมาเอาอีกแล้วล่ะ ถ้าเราปล่อยมันทิ้งไว้ก็จมดินเสียเปล่าๆ"กร็อดพูด" ไม่รู้ว่า ใครกันนะที่เป็นเจ้าของของพวกนี้"
"หรือจะเป็นของพวกมนุษย์"จินออกความเห็น
"ใช่แล้ว ของพวกนี้ต้องเป็นของพวกมนุษย์แน่"มินร้องเสริมอย่างนึกขึ้นได้
"พวกเจ้าหมายถึงพวกมนุษย์ ที่มีข่าวว่าเข้ามาใกล้เบรนวู้ดเมื่อตอนก่อนปีใหม่น่ะหรือ"ว็อกเกอร์ว่า
"ก็ใช่น่ะสิ"อีกาทั้งสองพยักหน้า
"ถ้าของพวกนี้เป็นของพวกนั้น แล้วตอนนี้พวกเขาหายไปไหนกันล่ะ"ว็อกเกอร์ถาม
"ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร บางทีในทุ่งหญ้านี่อาจจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้พวกเขาหายไปก็ได้"จินว่า
"อะไร ที่เจ้าว่าน่ะหมายถึงอะไรกัน"กร็อดถามขึ้นบ้าง เมิร์ฟอ้วนมองไปรอบๆอย่างรู้สึกไม่ดีนัก
อุปาทานทำให้เขารู้สึกว่าอากาศรอบๆมันหนาวยะเยือกขึ้นกว่าเดิม
"ก็สัตว์ประหลาดแห่งทุ่งหญ้าน่ะสิน่ะสิ มันจะคืบคลานมาในยามราตรี"จินทำเสียงน่ากลัว"คืบคลานมาอย่างช้าๆและจู่โจมในเวลาที่พวกมนุษย์หลับและกลืนกินร่างของพวกเขาไปจนหมด"
"เจ้าพูดจริงหรือ" กร็อดกลืนน้ำลายเอื้อก ด้วยความหวาดกลัว
"เปล่า" จินตอบหน้าตาเฉย"ข้าหลอกเล่นน่ะ"
"เจ้าบ้านี่!" กร็อดร้องอย่างโมโหก่อนจะเข้าตะครุบตัวจิน แต่อีกฝ่ายไวกว่าจึงบินหนีได้ทัน พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะขึ้นอย่างขบขัน
ว็อกเกอร์ลุกขึ้นและมองไปทั่วบริเวณอย่างใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจบอกให้เพื่อนร่วมทางทั้งสามออกเร่งเดินทางต่อเพื่อหาที่พักก่อนฟ้าจะมืด
ความรู้สึกบางอย่างบอกกับเขาว่า ว่าการพักใกล้ๆกับที่ที่มีร่องรอยพวกนี้ ไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก
อย่างไรก็ดี ตลอดหลายวันและหลายคืนของการเดินทางข้ามทุ่งหญ้านั้น ทุกอย่างผ่านไปอย่างเป็นปกติ ไม่มีสัตว์ประหลาดอะไรโผล่ออกมาแม้แต่ตัวเดียว จนเมื่อทั้งสี่มาถึงริมฝั่งทะเลสาปมรกต ซึ่งอยู่ลาดลงไปจากบริเวณทุ่งหญ้าเล็กน้อย
ว็อกเกอร์กับกร็อดนั้นเคยได้ยินชื่อของทะเลสาปแห่งนี้มานานแล้วในฐานะที่มันเป็นสุดเขตพรมแดนของดินแดนที่พวกเขาอยู่ แต่การได้ยินกับการได้มาเห็นและสัมผัสนั้นมันต่างกันมาก
นี่ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตของทั้งว็อกเกอร์และกร็อด แม้แต่จินกับมินด้วย ที่ได้เห็นผืนน้ำที่กว้างขวางสุดลูกหูลูกตาเช่นนี้ น้ำในทะเลสาปเป็นสีเขียวดังมรกตสมชื่อ
สายลมพัดไล่ผิวน้ำเป็นระลอกคลื่นจากกลางทะเลสาปเข้ากระทบฝั่ง ชั่วขณะนั้นเอง
ว็อกเกอร์ก็รู้สึกหนักใจขึ้นมาที่จะต้องข้ามทะเลสาปแห่งนี้ไป
อันที่จริงพวกเมิร์ฟนั้นก็พอจะคุ้นเคยกับการเดินทางทางน้ำอยู่พอสมควร
เพราะในเบรนวู้ดนั้นมีบึงน้ำอยู่มากและยังมีแม่น้ำอีกสามสายด้วย
แต่ทั้งบึงและแม่น้ำเหล่านั้นก็เทียบกันไม่ได้กับทะเลสาปที่อยู่ตรงหน้า
ว็อกเกอร์มองไปรอบ เพื่อดูว่าจะหาไม้มาผูกเพื่อต่อเป็นแพ ได้หรือไม่
ทันใดนั้นเอง จินก็ร้องขึ้นว่า" ดูนั่นสิ พวกเรา"
พวกที่เหลือมองตามที่จินบอก และได้พบว่ามีแพใหญ่ลำหนึ่งถูกผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่ริมฝั่ง
ว็อกเกอร์นึกประหลาดใจว่าใครกันที่มาผูกแพทิ้งเอาไว้ เขาคิดว่าบางที
เจ้าของแพอาจเป็นพวกเดียวกับเจ้าของร่องรอยที่เขาพบในทุ่งหญ้าก็เป็นได้
"ว็อกเกอร์ เราไปดูแพนั่นกันดีกว่า" กร็อดชวน ก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปที่แพ
ซึ่งในตอนนี้จินกับมินได้ไปเกาะอยู่ก่อนแล้ว
ทั้งสองพบว่าแพนี้ต่อขึ้นอย่างแข็งแรงและค่อนข้างใหม่ มีการทำคอกไม้เตี้ยล้อมไว้บนแพและยังมีไม้สำหรับใช้พายและถ่ออีกหลายอันอยู่ด้วย
"แพนี่ แข็งแรงมากเลย"กร็อดพูดขณะขึ้นไปยืนขย่มตัวบนแพ "ไม่รู้ว่าใครกันนะ
ที่มาผูกเอาไว้"
"นั่นสิ" ว็อกเกอร์ว่า
"ข้าว่าใครจะเป็นคนผูกเอาไว้ ก็ช่างเถอะ แต่ที่แน่ๆนะ พวกเราใช้มันข้ามทะเลสาปนี่ได้อย่างสบายเลย" จินออกความเห็น
"แต่ถ้าเราเอาของของเขาไปแล้วเกิดเจ้าของ เขากลับมาล่ะ จะทำอย่างไร"ว็อกเกอร์แย้ง เขารู้สึกอยู่เสมอว่า การเอาของของคนอื่นมาใช้โดยพลการนั้นไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง
"ถ้างั้นเจ้าจะต่อแพเองเหรอ"มินว่า "ข้าบินขึ้นไปดูมาแล้วนะ รอบๆนี่นะไม่มีไม้ที่พอจะใช้ได้เลย"
คำพูดของมินทำให้ว็อกเกอร์เห็นสถานการณ์ที่เป็นปัญหาขึ้นมาทันที
เมิร์ฟหนุ่มมองแพและเม้มริมฝีปากทำหน้านิ่วอย่างใช้ความคิด
"ข้าก็เห็นด้วยกับเจ้าอีกาสองตัวนั่นนะ ถึงข้าจะไม่ชอบพวกมันนักก็เถอะ"กร็อดเอ่ยขึ้นบ้าง"เอาอย่างนี้สิ เจ้าลองใช้ไม้บอกทางของเจ้าดูสิ จะได้รู้ว่าพวกเราจะข้ามทะเลสาปนี้ไปได้อย่างไร"
"นั่นสิ" ว็อกเกอร์นึกขึ้นได้ จึงหยิบไม้บอกทางขึ้นมาและถือเอาไว้ด้วยมือซ้าย
ก่อนจะตั้งคำถามในใจว่าจะข้ามทะเลสาปมรกตไปได้อย่างไร
ทันที่ที่ตั้งคำถามเสร็จ ไม้บอกทางในมือของว็อกเกอร์ก็ขยับไปมาก่อนจะชี้ลงไปที่แพนั้น
"แบบนี้ก็ไม่ต้องสงสัยอะไรแล้วล่ะ"กร็อดว่า"ข้าว่าเรารีบไปกันเลยดีกว่า"
"จะเอาอย่างนั้นหรือ"ว็อกเกอร์ยังไม่แน่ใจ
"หรือเจ้าไม่เชื่อใจไม้วิเศษนี่ล่ะ"กร็อดย้อนถาม
ว็อกเกอร์นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ ไม้วิเศษที่วาโลคานพ่อมดลมให้เขามานั้น สามารถบอกทางเขาได้อย่างถูกต้องมาโดยตลอด บางทีครั้งนี้เขาก็น่าจะเชื่อไม้นั่นอีกและใช้แพนี้เดินทางข้ามทะเลสาปมรกตไป
อย่างไรก็ดี ว็อกเกอร์ก็ยังไม่อยากจะเอาของของคนอื่นๆไปใช้อย่างง่ายๆเพราะนั่นไม่ใช่นิสัยของเขาเลย
เขาจึงขอให้จินกับมินบินออกไปสำรวจดูโดยรอบว่ามีใครอยู่แถวนี้บ้าง
เผื่อว่าพวกนั้นอาจจะพบเจ้าของแพตัวจริงแล้วเขาจะได้บอกกล่าวขอยืมให้เป็นเรื่องเป็นราว
แต่หลังจากบินออกไปนาน จนล่วงเข้าก่อนมืดเล็กน้อย อีกาทั้งสองก็กลับมาและบอกกับเขาว่า ไม่พบใครเลยในรัศมีสิบไมล์รอบๆบริเวณนี้ เมื่อได้ฟังดังนั้น ว็อกเกอร์จึงตัดสินใจจะใช้แพนี้ข้ามทะเลสาป ทว่าเนื่องจากเป็นเวลาใกล้ค่ำและการเดินทางข้ามทะเลสาปในตอนกลางคืนไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก
ทั้งสี่จึงต้องค้างแรมที่ริมทะเลสาปอีกคืนหนึ่ง
หลังกินอาหารค่ำเสร็จ ว็อกเกอร์กับกร็อดนั่งคุยกันอยู่ข้างกองไฟไม่ห่างจากฝั่งทะเลสาปมากนักเนื่องจากยังนอนไม่หลับ โดยมีจินกับมินซุกตัวหลับสนิทอยู่ในถุงผ้าที่วางอยู่บนพื้นใกล้กองไฟ
การที่ต้องบินไปสำรวจเกือบครึ่งวันทำให้อีกาทั้งสองเหนื่อยอ่อนและหลับไปหลังกินอาหารเสร็จไม่นาน
ลมหนาวพัดมาทำให้เมิร์ฟทั้งคู่ต้องห่มผ้าเพิ่มอีกพร้อมกับสุมเศษไม้เข้าไปในกองไฟเพิ่มขึ้น
โครมมม ซ่าาาา ..เสียงน้ำแตกกระจาย ดังมาจากทางทะเลสาป ก่อนจะมีระลอกคลื่นพัดเข้ามาถึงฝั่ง
สองสหายหยุดคุยกันทันที ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ ทั้งคู่ได้ยินเสียงเหมือนสัตว์ขนาดใหญ่กำลังแหวว่ายอยู่ในทะเลสาปและดูเหมือนว่าสัตว์นั้นจะอยู่ไม่ห่างจา
กฝั่งมากนัก เพราะมีระลอกคลื่นพัดเข้ามายังชายฝั่งเป็นระยะ อยู่เป็นครู่ใหญ่ก่อนจะเงียบหายไป
"คงจะเป็นปลาละมั้ง"กร็อดพูดทำลายความเงียบ
"ปลาอย่างนั้นหรือ"ว็อกเกอร์กล่าวอย่างไม่แน่ใจ ถ้าสิ่งที่แหวกว่ายอยู่เมื่อกี้เป็นปลาจริงๆ มันก็ต้องเป็นปลาที่ตัวใหญ่มากๆบาง ทีอาจจะใหญ่กว่าแพของพวกเขาด้วยซ้ำไป
"ถ้าไม่ใช่ปลา แล้วจะเป็นอะไรล่ะ"กร็อดพูดต่อขณะที่ใจเริ่มนึกไปถึงตำนานน่ากลัวของสัตว์ประหลาดภายใต้ผืนน้ำแล้ว
"ข้าว่าเรานอนดีกว่า พรุ่งนี้จะได้รีบเดินทางแต่เช้า"ว็อกเกอร์กล่าวตัดบท เพื่อไม่ให้ต้องมานั่งเดาเรื่องสัตว์ใหญ่ลึกลับในทะเลสาปยามราตรีกันอีก ให้เกิดเสียขวัญกันเปล่าๆ ซึ่งก็ดูเหมือนกร็อดจะเห็นด้วย ทั้งสองจึงล้มตัวลงนอนข้างกองไฟด้านที่อยู่ตรงข้ามกับทะเลสาป
พวกเขานอนหันหลังชนกันโดยคนหนึ่งหันไปทางทุ่งหญ้าและอีกคนหันไปทางทะเลสาป และในเวลาไม่นานนักทั้งสองก็หลับสนิท (มีต่อ).
"เฮ้ ดูอะไรนี่สิ"จินที่บินนำหน้าไปร้องขึ้นมาอย่างตื่นเต้น ทำให้มินรีบบินตรงไปอย่าง
รวดเร็วโดยมีเมิร์ฟทั้งสองวิ่งตามไปติดๆด้วยความสงสัย
เมื่อไปถึงจุดที่อีกาทั้งสองบินร่อนลงไปเกาะ ว็อกเกอร์กับกร็อดก็อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจกับสิ่งที่เห็น
พื้นที่ที่อีกาทั้งสองเกาะอยู่ เป็นที่ว่างที่ถูกถางจนเรียบ มีรอยแปลกๆอยู่ทั่วบริเวณ
เป็นรอยกลมๆขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือของพวกเขา และรอยเรองเท้าขนาดใหญ่
นอกจากนี้ยังมีแผ่นโลหะแวววาวที่ถูกฉีกออกหล่นกระจัดกระจายอยู่หลายชิ้น
รวมเศษผ้าคลุมและร่องรอยของกองไฟอยู่ด้วย
"นี่มันอะไรกันน่ะ"กร็อดพูดขึ้นอย่างสงสัย
ว็อกเกอร์เองก็สงสัยเช่นกัน เขาหันไปถามอีกาทั้งสองว่า "พวกเจ้ารู้ไหมว่า นี่คืออะไร"
"ไม่รู้สิ เราเองก็ไม่เคยเห็นของพวกนี้มาก่อน"จินพูด
เมิร์ฟทั้งสองคุกเข่าลงเพื่อพิจารณาชิ้นส่วนโลหะที่อยู่บนพื้น กร็อดหยิบของชิ้นหนึ่งที่ตกอยู่ขึ้นมาดู
ของนั้นเป็นเหรียญเงินที่ขัดจนขึ้นเงาแวววาวขนาดเท่ากับฝ่ามือมีเชือกร้อยอยู่
ตรงกลางเหรียญนั้นมีรูปสลักเป็นรูปกวางตัวผู้สีแดงอยู่ด้วย " ดูสิ ว็อกเกอร์ ของนี่สวยดีนะ"กร็อดยื่นเหรียญนั้นให้เพื่อนดู
"ข้าคิดว่าข้าจะเก็บมันเอาไว้"เมิร์ฟอ้วนพูดก่อนจะเก็บแผ่นโลหะนั้นเข้าไปในอกเสื้อ
"เก็บของของคนอื่นที่ไม่ใช่ของเราไว้น่ะ ไม่ใช่เรื่องที่ดีนะกร็อด"ว็อกเกอร์เตือน
"ไม่เห็นเป็นไรเลย ข้าว่าเจ้าของเขาคงไม่กลับมาเอาอีกแล้วล่ะ ถ้าเราปล่อยมันทิ้งไว้ก็จมดินเสียเปล่าๆ"กร็อดพูด" ไม่รู้ว่า ใครกันนะที่เป็นเจ้าของของพวกนี้"
"หรือจะเป็นของพวกมนุษย์"จินออกความเห็น
"ใช่แล้ว ของพวกนี้ต้องเป็นของพวกมนุษย์แน่"มินร้องเสริมอย่างนึกขึ้นได้
"พวกเจ้าหมายถึงพวกมนุษย์ ที่มีข่าวว่าเข้ามาใกล้เบรนวู้ดเมื่อตอนก่อนปีใหม่น่ะหรือ"ว็อกเกอร์ว่า
"ก็ใช่น่ะสิ"อีกาทั้งสองพยักหน้า
"ถ้าของพวกนี้เป็นของพวกนั้น แล้วตอนนี้พวกเขาหายไปไหนกันล่ะ"ว็อกเกอร์ถาม
"ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร บางทีในทุ่งหญ้านี่อาจจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้พวกเขาหายไปก็ได้"จินว่า
"อะไร ที่เจ้าว่าน่ะหมายถึงอะไรกัน"กร็อดถามขึ้นบ้าง เมิร์ฟอ้วนมองไปรอบๆอย่างรู้สึกไม่ดีนัก
อุปาทานทำให้เขารู้สึกว่าอากาศรอบๆมันหนาวยะเยือกขึ้นกว่าเดิม
"ก็สัตว์ประหลาดแห่งทุ่งหญ้าน่ะสิน่ะสิ มันจะคืบคลานมาในยามราตรี"จินทำเสียงน่ากลัว"คืบคลานมาอย่างช้าๆและจู่โจมในเวลาที่พวกมนุษย์หลับและกลืนกินร่างของพวกเขาไปจนหมด"
"เจ้าพูดจริงหรือ" กร็อดกลืนน้ำลายเอื้อก ด้วยความหวาดกลัว
"เปล่า" จินตอบหน้าตาเฉย"ข้าหลอกเล่นน่ะ"
"เจ้าบ้านี่!" กร็อดร้องอย่างโมโหก่อนจะเข้าตะครุบตัวจิน แต่อีกฝ่ายไวกว่าจึงบินหนีได้ทัน พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะขึ้นอย่างขบขัน
ว็อกเกอร์ลุกขึ้นและมองไปทั่วบริเวณอย่างใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจบอกให้เพื่อนร่วมทางทั้งสามออกเร่งเดินทางต่อเพื่อหาที่พักก่อนฟ้าจะมืด
ความรู้สึกบางอย่างบอกกับเขาว่า ว่าการพักใกล้ๆกับที่ที่มีร่องรอยพวกนี้ ไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก
อย่างไรก็ดี ตลอดหลายวันและหลายคืนของการเดินทางข้ามทุ่งหญ้านั้น ทุกอย่างผ่านไปอย่างเป็นปกติ ไม่มีสัตว์ประหลาดอะไรโผล่ออกมาแม้แต่ตัวเดียว จนเมื่อทั้งสี่มาถึงริมฝั่งทะเลสาปมรกต ซึ่งอยู่ลาดลงไปจากบริเวณทุ่งหญ้าเล็กน้อย
ว็อกเกอร์กับกร็อดนั้นเคยได้ยินชื่อของทะเลสาปแห่งนี้มานานแล้วในฐานะที่มันเป็นสุดเขตพรมแดนของดินแดนที่พวกเขาอยู่ แต่การได้ยินกับการได้มาเห็นและสัมผัสนั้นมันต่างกันมาก
นี่ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตของทั้งว็อกเกอร์และกร็อด แม้แต่จินกับมินด้วย ที่ได้เห็นผืนน้ำที่กว้างขวางสุดลูกหูลูกตาเช่นนี้ น้ำในทะเลสาปเป็นสีเขียวดังมรกตสมชื่อ
สายลมพัดไล่ผิวน้ำเป็นระลอกคลื่นจากกลางทะเลสาปเข้ากระทบฝั่ง ชั่วขณะนั้นเอง
ว็อกเกอร์ก็รู้สึกหนักใจขึ้นมาที่จะต้องข้ามทะเลสาปแห่งนี้ไป
อันที่จริงพวกเมิร์ฟนั้นก็พอจะคุ้นเคยกับการเดินทางทางน้ำอยู่พอสมควร
เพราะในเบรนวู้ดนั้นมีบึงน้ำอยู่มากและยังมีแม่น้ำอีกสามสายด้วย
แต่ทั้งบึงและแม่น้ำเหล่านั้นก็เทียบกันไม่ได้กับทะเลสาปที่อยู่ตรงหน้า
ว็อกเกอร์มองไปรอบ เพื่อดูว่าจะหาไม้มาผูกเพื่อต่อเป็นแพ ได้หรือไม่
ทันใดนั้นเอง จินก็ร้องขึ้นว่า" ดูนั่นสิ พวกเรา"
พวกที่เหลือมองตามที่จินบอก และได้พบว่ามีแพใหญ่ลำหนึ่งถูกผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่ริมฝั่ง
ว็อกเกอร์นึกประหลาดใจว่าใครกันที่มาผูกแพทิ้งเอาไว้ เขาคิดว่าบางที
เจ้าของแพอาจเป็นพวกเดียวกับเจ้าของร่องรอยที่เขาพบในทุ่งหญ้าก็เป็นได้
"ว็อกเกอร์ เราไปดูแพนั่นกันดีกว่า" กร็อดชวน ก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปที่แพ
ซึ่งในตอนนี้จินกับมินได้ไปเกาะอยู่ก่อนแล้ว
ทั้งสองพบว่าแพนี้ต่อขึ้นอย่างแข็งแรงและค่อนข้างใหม่ มีการทำคอกไม้เตี้ยล้อมไว้บนแพและยังมีไม้สำหรับใช้พายและถ่ออีกหลายอันอยู่ด้วย
"แพนี่ แข็งแรงมากเลย"กร็อดพูดขณะขึ้นไปยืนขย่มตัวบนแพ "ไม่รู้ว่าใครกันนะ
ที่มาผูกเอาไว้"
"นั่นสิ" ว็อกเกอร์ว่า
"ข้าว่าใครจะเป็นคนผูกเอาไว้ ก็ช่างเถอะ แต่ที่แน่ๆนะ พวกเราใช้มันข้ามทะเลสาปนี่ได้อย่างสบายเลย" จินออกความเห็น
"แต่ถ้าเราเอาของของเขาไปแล้วเกิดเจ้าของ เขากลับมาล่ะ จะทำอย่างไร"ว็อกเกอร์แย้ง เขารู้สึกอยู่เสมอว่า การเอาของของคนอื่นมาใช้โดยพลการนั้นไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง
"ถ้างั้นเจ้าจะต่อแพเองเหรอ"มินว่า "ข้าบินขึ้นไปดูมาแล้วนะ รอบๆนี่นะไม่มีไม้ที่พอจะใช้ได้เลย"
คำพูดของมินทำให้ว็อกเกอร์เห็นสถานการณ์ที่เป็นปัญหาขึ้นมาทันที
เมิร์ฟหนุ่มมองแพและเม้มริมฝีปากทำหน้านิ่วอย่างใช้ความคิด
"ข้าก็เห็นด้วยกับเจ้าอีกาสองตัวนั่นนะ ถึงข้าจะไม่ชอบพวกมันนักก็เถอะ"กร็อดเอ่ยขึ้นบ้าง"เอาอย่างนี้สิ เจ้าลองใช้ไม้บอกทางของเจ้าดูสิ จะได้รู้ว่าพวกเราจะข้ามทะเลสาปนี้ไปได้อย่างไร"
"นั่นสิ" ว็อกเกอร์นึกขึ้นได้ จึงหยิบไม้บอกทางขึ้นมาและถือเอาไว้ด้วยมือซ้าย
ก่อนจะตั้งคำถามในใจว่าจะข้ามทะเลสาปมรกตไปได้อย่างไร
ทันที่ที่ตั้งคำถามเสร็จ ไม้บอกทางในมือของว็อกเกอร์ก็ขยับไปมาก่อนจะชี้ลงไปที่แพนั้น
"แบบนี้ก็ไม่ต้องสงสัยอะไรแล้วล่ะ"กร็อดว่า"ข้าว่าเรารีบไปกันเลยดีกว่า"
"จะเอาอย่างนั้นหรือ"ว็อกเกอร์ยังไม่แน่ใจ
"หรือเจ้าไม่เชื่อใจไม้วิเศษนี่ล่ะ"กร็อดย้อนถาม
ว็อกเกอร์นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ ไม้วิเศษที่วาโลคานพ่อมดลมให้เขามานั้น สามารถบอกทางเขาได้อย่างถูกต้องมาโดยตลอด บางทีครั้งนี้เขาก็น่าจะเชื่อไม้นั่นอีกและใช้แพนี้เดินทางข้ามทะเลสาปมรกตไป
อย่างไรก็ดี ว็อกเกอร์ก็ยังไม่อยากจะเอาของของคนอื่นๆไปใช้อย่างง่ายๆเพราะนั่นไม่ใช่นิสัยของเขาเลย
เขาจึงขอให้จินกับมินบินออกไปสำรวจดูโดยรอบว่ามีใครอยู่แถวนี้บ้าง
เผื่อว่าพวกนั้นอาจจะพบเจ้าของแพตัวจริงแล้วเขาจะได้บอกกล่าวขอยืมให้เป็นเรื่องเป็นราว
แต่หลังจากบินออกไปนาน จนล่วงเข้าก่อนมืดเล็กน้อย อีกาทั้งสองก็กลับมาและบอกกับเขาว่า ไม่พบใครเลยในรัศมีสิบไมล์รอบๆบริเวณนี้ เมื่อได้ฟังดังนั้น ว็อกเกอร์จึงตัดสินใจจะใช้แพนี้ข้ามทะเลสาป ทว่าเนื่องจากเป็นเวลาใกล้ค่ำและการเดินทางข้ามทะเลสาปในตอนกลางคืนไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก
ทั้งสี่จึงต้องค้างแรมที่ริมทะเลสาปอีกคืนหนึ่ง
หลังกินอาหารค่ำเสร็จ ว็อกเกอร์กับกร็อดนั่งคุยกันอยู่ข้างกองไฟไม่ห่างจากฝั่งทะเลสาปมากนักเนื่องจากยังนอนไม่หลับ โดยมีจินกับมินซุกตัวหลับสนิทอยู่ในถุงผ้าที่วางอยู่บนพื้นใกล้กองไฟ
การที่ต้องบินไปสำรวจเกือบครึ่งวันทำให้อีกาทั้งสองเหนื่อยอ่อนและหลับไปหลังกินอาหารเสร็จไม่นาน
ลมหนาวพัดมาทำให้เมิร์ฟทั้งคู่ต้องห่มผ้าเพิ่มอีกพร้อมกับสุมเศษไม้เข้าไปในกองไฟเพิ่มขึ้น
โครมมม ซ่าาาา ..เสียงน้ำแตกกระจาย ดังมาจากทางทะเลสาป ก่อนจะมีระลอกคลื่นพัดเข้ามาถึงฝั่ง
สองสหายหยุดคุยกันทันที ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ ทั้งคู่ได้ยินเสียงเหมือนสัตว์ขนาดใหญ่กำลังแหวว่ายอยู่ในทะเลสาปและดูเหมือนว่าสัตว์นั้นจะอยู่ไม่ห่างจา
กฝั่งมากนัก เพราะมีระลอกคลื่นพัดเข้ามายังชายฝั่งเป็นระยะ อยู่เป็นครู่ใหญ่ก่อนจะเงียบหายไป
"คงจะเป็นปลาละมั้ง"กร็อดพูดทำลายความเงียบ
"ปลาอย่างนั้นหรือ"ว็อกเกอร์กล่าวอย่างไม่แน่ใจ ถ้าสิ่งที่แหวกว่ายอยู่เมื่อกี้เป็นปลาจริงๆ มันก็ต้องเป็นปลาที่ตัวใหญ่มากๆบาง ทีอาจจะใหญ่กว่าแพของพวกเขาด้วยซ้ำไป
"ถ้าไม่ใช่ปลา แล้วจะเป็นอะไรล่ะ"กร็อดพูดต่อขณะที่ใจเริ่มนึกไปถึงตำนานน่ากลัวของสัตว์ประหลาดภายใต้ผืนน้ำแล้ว
"ข้าว่าเรานอนดีกว่า พรุ่งนี้จะได้รีบเดินทางแต่เช้า"ว็อกเกอร์กล่าวตัดบท เพื่อไม่ให้ต้องมานั่งเดาเรื่องสัตว์ใหญ่ลึกลับในทะเลสาปยามราตรีกันอีก ให้เกิดเสียขวัญกันเปล่าๆ ซึ่งก็ดูเหมือนกร็อดจะเห็นด้วย ทั้งสองจึงล้มตัวลงนอนข้างกองไฟด้านที่อยู่ตรงข้ามกับทะเลสาป
พวกเขานอนหันหลังชนกันโดยคนหนึ่งหันไปทางทุ่งหญ้าและอีกคนหันไปทางทะเลสาป และในเวลาไม่นานนักทั้งสองก็หลับสนิท (มีต่อ).
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น