ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มหากาพย์แห่งแกลนดาเลเซีย ตอน หุบเขาสายรุ้ง

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่3 ทะเลสาปและป่าละเมาะ(2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 185
      0
      23 มี.ค. 50

    (ต่อจากตอนที่แล้ว)
    "เฮ้ ดูอะไรนี่สิ"จินที่บินนำหน้าไปร้องขึ้นมาอย่างตื่นเต้น ทำให้มินรีบบินตรงไปอย่าง
    รวดเร็วโดยมีเมิร์ฟทั้งสองวิ่งตามไปติดๆด้วยความสงสัย
     
    เมื่อไปถึงจุดที่อีกาทั้งสองบินร่อนลงไปเกาะ    ว็อกเกอร์กับกร็อดก็อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจกับสิ่งที่เห็น

    พื้นที่ที่อีกาทั้งสองเกาะอยู่ เป็นที่ว่างที่ถูกถางจนเรียบ มีรอยแปลกๆอยู่ทั่วบริเวณ
    เป็นรอยกลมๆขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือของพวกเขา และรอยเรองเท้าขนาดใหญ่

    นอกจากนี้ยังมีแผ่นโลหะแวววาวที่ถูกฉีกออกหล่นกระจัดกระจายอยู่หลายชิ้น
    รวมเศษผ้าคลุมและร่องรอยของกองไฟอยู่ด้วย

    "นี่มันอะไรกันน่ะ"กร็อดพูดขึ้นอย่างสงสัย

    ว็อกเกอร์เองก็สงสัยเช่นกัน เขาหันไปถามอีกาทั้งสองว่า "พวกเจ้ารู้ไหมว่า นี่คืออะไร"

    "ไม่รู้สิ เราเองก็ไม่เคยเห็นของพวกนี้มาก่อน"จินพูด

    เมิร์ฟทั้งสองคุกเข่าลงเพื่อพิจารณาชิ้นส่วนโลหะที่อยู่บนพื้น กร็อดหยิบของชิ้นหนึ่งที่ตกอยู่ขึ้นมาดู

    ของนั้นเป็นเหรียญเงินที่ขัดจนขึ้นเงาแวววาวขนาดเท่ากับฝ่ามือมีเชือกร้อยอยู่

    ตรงกลางเหรียญนั้นมีรูปสลักเป็นรูปกวางตัวผู้สีแดงอยู่ด้วย " ดูสิ ว็อกเกอร์ ของนี่สวยดีนะ"กร็อดยื่นเหรียญนั้นให้เพื่อนดู

    "ข้าคิดว่าข้าจะเก็บมันเอาไว้"เมิร์ฟอ้วนพูดก่อนจะเก็บแผ่นโลหะนั้นเข้าไปในอกเสื้อ

    "เก็บของของคนอื่นที่ไม่ใช่ของเราไว้น่ะ ไม่ใช่เรื่องที่ดีนะกร็อด"ว็อกเกอร์เตือน

    "ไม่เห็นเป็นไรเลย ข้าว่าเจ้าของเขาคงไม่กลับมาเอาอีกแล้วล่ะ  ถ้าเราปล่อยมันทิ้งไว้ก็จมดินเสียเปล่าๆ"กร็อดพูด" ไม่รู้ว่า ใครกันนะที่เป็นเจ้าของของพวกนี้"

    "หรือจะเป็นของพวกมนุษย์"จินออกความเห็น

    "ใช่แล้ว ของพวกนี้ต้องเป็นของพวกมนุษย์แน่"มินร้องเสริมอย่างนึกขึ้นได้
    "พวกเจ้าหมายถึงพวกมนุษย์   ที่มีข่าวว่าเข้ามาใกล้เบรนวู้ดเมื่อตอนก่อนปีใหม่น่ะหรือ"ว็อกเกอร์ว่า

    "ก็ใช่น่ะสิ"อีกาทั้งสองพยักหน้า

    "ถ้าของพวกนี้เป็นของพวกนั้น แล้วตอนนี้พวกเขาหายไปไหนกันล่ะ"ว็อกเกอร์ถาม

    "ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร  บางทีในทุ่งหญ้านี่อาจจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้พวกเขาหายไปก็ได้"จินว่า

    "อะไร ที่เจ้าว่าน่ะหมายถึงอะไรกัน"กร็อดถามขึ้นบ้าง เมิร์ฟอ้วนมองไปรอบๆอย่างรู้สึกไม่ดีนัก

    อุปาทานทำให้เขารู้สึกว่าอากาศรอบๆมันหนาวยะเยือกขึ้นกว่าเดิม

    "ก็สัตว์ประหลาดแห่งทุ่งหญ้าน่ะสิน่ะสิ มันจะคืบคลานมาในยามราตรี"จินทำเสียงน่ากลัว"คืบคลานมาอย่างช้าๆและจู่โจมในเวลาที่พวกมนุษย์หลับและกลืนกินร่างของพวกเขาไปจนหมด"

    "เจ้าพูดจริงหรือ" กร็อดกลืนน้ำลายเอื้อก ด้วยความหวาดกลัว

    "เปล่า" จินตอบหน้าตาเฉย"ข้าหลอกเล่นน่ะ"

    "เจ้าบ้านี่!" กร็อดร้องอย่างโมโหก่อนจะเข้าตะครุบตัวจิน แต่อีกฝ่ายไวกว่าจึงบินหนีได้ทัน  พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะขึ้นอย่างขบขัน
     
    ว็อกเกอร์ลุกขึ้นและมองไปทั่วบริเวณอย่างใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะตัดสินใจบอกให้เพื่อนร่วมทางทั้งสามออกเร่งเดินทางต่อเพื่อหาที่พักก่อนฟ้าจะมืด
     
    ความรู้สึกบางอย่างบอกกับเขาว่า ว่าการพักใกล้ๆกับที่ที่มีร่องรอยพวกนี้ ไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก

    อย่างไรก็ดี ตลอดหลายวันและหลายคืนของการเดินทางข้ามทุ่งหญ้านั้น ทุกอย่างผ่านไปอย่างเป็นปกติ  ไม่มีสัตว์ประหลาดอะไรโผล่ออกมาแม้แต่ตัวเดียว จนเมื่อทั้งสี่มาถึงริมฝั่งทะเลสาปมรกต  ซึ่งอยู่ลาดลงไปจากบริเวณทุ่งหญ้าเล็กน้อย

    ว็อกเกอร์กับกร็อดนั้นเคยได้ยินชื่อของทะเลสาปแห่งนี้มานานแล้วในฐานะที่มันเป็นสุดเขตพรมแดนของดินแดนที่พวกเขาอยู่ แต่การได้ยินกับการได้มาเห็นและสัมผัสนั้นมันต่างกันมาก

    นี่ถือเป็นครั้งแรกในชีวิตของทั้งว็อกเกอร์และกร็อด แม้แต่จินกับมินด้วย  ที่ได้เห็นผืนน้ำที่กว้างขวางสุดลูกหูลูกตาเช่นนี้ น้ำในทะเลสาปเป็นสีเขียวดังมรกตสมชื่อ

    สายลมพัดไล่ผิวน้ำเป็นระลอกคลื่นจากกลางทะเลสาปเข้ากระทบฝั่ง ชั่วขณะนั้นเอง
    ว็อกเกอร์ก็รู้สึกหนักใจขึ้นมาที่จะต้องข้ามทะเลสาปแห่งนี้ไป

    อันที่จริงพวกเมิร์ฟนั้นก็พอจะคุ้นเคยกับการเดินทางทางน้ำอยู่พอสมควร
    เพราะในเบรนวู้ดนั้นมีบึงน้ำอยู่มากและยังมีแม่น้ำอีกสามสายด้วย
    แต่ทั้งบึงและแม่น้ำเหล่านั้นก็เทียบกันไม่ได้กับทะเลสาปที่อยู่ตรงหน้า

    ว็อกเกอร์มองไปรอบ  เพื่อดูว่าจะหาไม้มาผูกเพื่อต่อเป็นแพ ได้หรือไม่

    ทันใดนั้นเอง จินก็ร้องขึ้นว่า" ดูนั่นสิ พวกเรา"
    พวกที่เหลือมองตามที่จินบอก และได้พบว่ามีแพใหญ่ลำหนึ่งถูกผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่ริมฝั่ง

    ว็อกเกอร์นึกประหลาดใจว่าใครกันที่มาผูกแพทิ้งเอาไว้ เขาคิดว่าบางที
    เจ้าของแพอาจเป็นพวกเดียวกับเจ้าของร่องรอยที่เขาพบในทุ่งหญ้าก็เป็นได้

    "ว็อกเกอร์ เราไปดูแพนั่นกันดีกว่า" กร็อดชวน ก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปที่แพ
    ซึ่งในตอนนี้จินกับมินได้ไปเกาะอยู่ก่อนแล้ว
    ทั้งสองพบว่าแพนี้ต่อขึ้นอย่างแข็งแรงและค่อนข้างใหม่   มีการทำคอกไม้เตี้ยล้อมไว้บนแพและยังมีไม้สำหรับใช้พายและถ่ออีกหลายอันอยู่ด้วย
     
    "แพนี่ แข็งแรงมากเลย"กร็อดพูดขณะขึ้นไปยืนขย่มตัวบนแพ "ไม่รู้ว่าใครกันนะ
    ที่มาผูกเอาไว้"

    "นั่นสิ" ว็อกเกอร์ว่า

    "ข้าว่าใครจะเป็นคนผูกเอาไว้ ก็ช่างเถอะ แต่ที่แน่ๆนะ  พวกเราใช้มันข้ามทะเลสาปนี่ได้อย่างสบายเลย" จินออกความเห็น

    "แต่ถ้าเราเอาของของเขาไปแล้วเกิดเจ้าของ เขากลับมาล่ะ จะทำอย่างไร"ว็อกเกอร์แย้ง   เขารู้สึกอยู่เสมอว่า การเอาของของคนอื่นมาใช้โดยพลการนั้นไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง

    "ถ้างั้นเจ้าจะต่อแพเองเหรอ"มินว่า "ข้าบินขึ้นไปดูมาแล้วนะ  รอบๆนี่นะไม่มีไม้ที่พอจะใช้ได้เลย"

    คำพูดของมินทำให้ว็อกเกอร์เห็นสถานการณ์ที่เป็นปัญหาขึ้นมาทันที
    เมิร์ฟหนุ่มมองแพและเม้มริมฝีปากทำหน้านิ่วอย่างใช้ความคิด

    "ข้าก็เห็นด้วยกับเจ้าอีกาสองตัวนั่นนะ  ถึงข้าจะไม่ชอบพวกมันนักก็เถอะ"กร็อดเอ่ยขึ้นบ้าง"เอาอย่างนี้สิ   เจ้าลองใช้ไม้บอกทางของเจ้าดูสิ จะได้รู้ว่าพวกเราจะข้ามทะเลสาปนี้ไปได้อย่างไร"
    "นั่นสิ" ว็อกเกอร์นึกขึ้นได้ จึงหยิบไม้บอกทางขึ้นมาและถือเอาไว้ด้วยมือซ้าย
    ก่อนจะตั้งคำถามในใจว่าจะข้ามทะเลสาปมรกตไปได้อย่างไร
     ทันที่ที่ตั้งคำถามเสร็จ  ไม้บอกทางในมือของว็อกเกอร์ก็ขยับไปมาก่อนจะชี้ลงไปที่แพนั้น

    "แบบนี้ก็ไม่ต้องสงสัยอะไรแล้วล่ะ"กร็อดว่า"ข้าว่าเรารีบไปกันเลยดีกว่า"
    "จะเอาอย่างนั้นหรือ"ว็อกเกอร์ยังไม่แน่ใจ

    "หรือเจ้าไม่เชื่อใจไม้วิเศษนี่ล่ะ"กร็อดย้อนถาม

    ว็อกเกอร์นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ ไม้วิเศษที่วาโลคานพ่อมดลมให้เขามานั้น   สามารถบอกทางเขาได้อย่างถูกต้องมาโดยตลอด   บางทีครั้งนี้เขาก็น่าจะเชื่อไม้นั่นอีกและใช้แพนี้เดินทางข้ามทะเลสาปมรกตไป

    อย่างไรก็ดี  ว็อกเกอร์ก็ยังไม่อยากจะเอาของของคนอื่นๆไปใช้อย่างง่ายๆเพราะนั่นไม่ใช่นิสัยของเขาเลย

    เขาจึงขอให้จินกับมินบินออกไปสำรวจดูโดยรอบว่ามีใครอยู่แถวนี้บ้าง
    เผื่อว่าพวกนั้นอาจจะพบเจ้าของแพตัวจริงแล้วเขาจะได้บอกกล่าวขอยืมให้เป็นเรื่องเป็นราว

    แต่หลังจากบินออกไปนาน จนล่วงเข้าก่อนมืดเล็กน้อย อีกาทั้งสองก็กลับมาและบอกกับเขาว่า  ไม่พบใครเลยในรัศมีสิบไมล์รอบๆบริเวณนี้ เมื่อได้ฟังดังนั้น ว็อกเกอร์จึงตัดสินใจจะใช้แพนี้ข้ามทะเลสาป   ทว่าเนื่องจากเป็นเวลาใกล้ค่ำและการเดินทางข้ามทะเลสาปในตอนกลางคืนไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก
    ทั้งสี่จึงต้องค้างแรมที่ริมทะเลสาปอีกคืนหนึ่ง

    หลังกินอาหารค่ำเสร็จ ว็อกเกอร์กับกร็อดนั่งคุยกันอยู่ข้างกองไฟไม่ห่างจากฝั่งทะเลสาปมากนักเนื่องจากยังนอนไม่หลับ  โดยมีจินกับมินซุกตัวหลับสนิทอยู่ในถุงผ้าที่วางอยู่บนพื้นใกล้กองไฟ

    การที่ต้องบินไปสำรวจเกือบครึ่งวันทำให้อีกาทั้งสองเหนื่อยอ่อนและหลับไปหลังกินอาหารเสร็จไม่นาน

    ลมหนาวพัดมาทำให้เมิร์ฟทั้งคู่ต้องห่มผ้าเพิ่มอีกพร้อมกับสุมเศษไม้เข้าไปในกองไฟเพิ่มขึ้น

    โครมมม… ซ่าาาา……..เสียงน้ำแตกกระจาย ดังมาจากทางทะเลสาป ก่อนจะมีระลอกคลื่นพัดเข้ามาถึงฝั่ง   

    สองสหายหยุดคุยกันทันที ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ  ทั้งคู่ได้ยินเสียงเหมือนสัตว์ขนาดใหญ่กำลังแหวว่ายอยู่ในทะเลสาปและดูเหมือนว่าสัตว์นั้นจะอยู่ไม่ห่างจา
    กฝั่งมากนัก เพราะมีระลอกคลื่นพัดเข้ามายังชายฝั่งเป็นระยะ อยู่เป็นครู่ใหญ่ก่อนจะเงียบหายไป

    "คงจะเป็นปลาละมั้ง"กร็อดพูดทำลายความเงียบ

    "ปลาอย่างนั้นหรือ"ว็อกเกอร์กล่าวอย่างไม่แน่ใจ ถ้าสิ่งที่แหวกว่ายอยู่เมื่อกี้เป็นปลาจริงๆ   มันก็ต้องเป็นปลาที่ตัวใหญ่มากๆบาง ทีอาจจะใหญ่กว่าแพของพวกเขาด้วยซ้ำไป
    "ถ้าไม่ใช่ปลา  แล้วจะเป็นอะไรล่ะ"กร็อดพูดต่อขณะที่ใจเริ่มนึกไปถึงตำนานน่ากลัวของสัตว์ประหลาดภายใต้ผืนน้ำแล้ว

    "ข้าว่าเรานอนดีกว่า พรุ่งนี้จะได้รีบเดินทางแต่เช้า"ว็อกเกอร์กล่าวตัดบท   เพื่อไม่ให้ต้องมานั่งเดาเรื่องสัตว์ใหญ่ลึกลับในทะเลสาปยามราตรีกันอีก ให้เกิดเสียขวัญกันเปล่าๆ   ซึ่งก็ดูเหมือนกร็อดจะเห็นด้วย ทั้งสองจึงล้มตัวลงนอนข้างกองไฟด้านที่อยู่ตรงข้ามกับทะเลสาป

    พวกเขานอนหันหลังชนกันโดยคนหนึ่งหันไปทางทุ่งหญ้าและอีกคนหันไปทางทะเลสาป   และในเวลาไม่นานนักทั้งสองก็หลับสนิท…(มีต่อ).
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×