ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มหากาพย์แห่งแกลนดาเลเซีย ตอน หุบเขาสายรุ้ง

    ลำดับตอนที่ #6 : ผู้ถูกเลือก(5)จบบท

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 192
      0
      2 มี.ค. 50

    ความตื่นเต้นกับภารกิจสุดพิเศษที่ได้รับทำให้เมิร์ฟหนุ่มวุ่นวายกับการเตรียมตัวทั้งวัน
    จนลืมที่จะไปหากร็อดที่บ้านตามที่บอกไว้ ว็อกเกอร์หยิบของหลายอย่างออกมาจากตู้เก็บของ
    แล้วก็ยัดลงไปในย่ามหลังใบใหญ่ ก่อนจะหยิบเอาบางชิ้นออกมาและหยิบใส่เข้าไปอีก อย่างตัดสินใจไม่ถูก
    "
    ก๊อกๆๆๆๆ ปังๆๆๆๆ " เสียเคาะประตูบ้านดังรัวขึ้นจนกลายเป็นการทุบ
    พร้อมกับมีเสียงกร็อดร้องเรียกชื่อเขาอยู่ที่หน้าบ้าน

    ว็อกเกอร์รีบไปเปิดประตูบ้านก่อนที่เพื่อนของเขาจะทุบจนบานประตูหลุดออกมา
    "
    เฮ้ เจ้ามัวทำอะไรอยู่น่ะ ไหนบอกว่าจะไปหาข้าที่บ้านไง" กร็อดว่าเมื่ออีกฝ่ายเปิดประตูให้
    "
    ข้าขอโทษน่ะ พอดีว่าข้ากำลังยุ่งอยู่"ว็อกเกอร์ตอบ
    "
    ยุ่งเหรอ.."กร็อดมองดูข้าวของที่ถูกรื้อออกมาจากตู้ พร้อมกับย่ามหลังใบใหญ่ที่วางบนพื้น
    "
    แล้วนี่เจ้าทำอะไรน่ะ ยังกับจะเดินทางไกลยังงั้นแหละ"
    "
    ก็…."ว็อกเกอร์กำลังจะเล่าเรื่องที่เขาได้รับงานมาให้อีกฝ่ายฟังแต่ก็นึกขึ้นได้ว่ารับปากกับพ
    ่อมดลมว่าจะไม่บอกใครจึงยั้งปากไว้ทัน"ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่จะทำความสะอาดของพวกนี้เท่านั้นเอง
    มันสกปรกมากแล้ว เลยว่าจะจัดการเสียที"
    "
    แน่ใจหรือว่าไม่มีอะไร" กร็อดทำหน้าสงสัย"แล้ววันนี้ ที่น็อกซ์เรียกเจ้าไปพบน่ะ
    เรื่องอะไรเหรอ"
    "
    ไม่มีไม่มีอะไรเลย"ว็อกเกอร์ปฎิเสธ
    "
    เจ้ามีอะไรปิดบังข้าอยู่ใช่ไหม"กร็อดพูด
    "
    ไม่มีจริงๆ" ว็อกเกอร์สั่นหน้า
    "
    โกหกชัดๆ "กร็อดพูด" สีหน้ากับแววตาเจ้ามันบอกชัดๆว่าเจ้ามีเรื่องปิดบังข้าอยู่
    ว็อกเกอร์ พวกเราเป็นเพื่อนกันมานานแล้วนะ เจ้าไม่ไว้ใจข้าหรือ ถึงไม่ยอมเล่าให้ข้าฟังน่ะ"
    "
    เอ่อ..คือ"ว็อกเกอร์มีท่าทางอึดอัดใจ เขาไม่อยากผิดคำพูดกับวาโลคาน
    แต่ก็ไม่อยากให้เพื่อนรู้สึกว่าเขาไม่เชื่อใจเพื่อน กร็อดเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดเพียงคนเดียวของเขา
    และเขาก็ไม่อยากให้เพื่อนรู้สึกไม่ดีกับเขา "น็อกซ์ต้องการให้ข้าทำงานชิ้นหนึ่งให้เขา"
    "
    งาน ..งานอะไรเหรอ"กร็อดถามอย่างสนใจ
    ว็อกเกอร์เล่าเรื่องภารกิจที่เขาได้รับจากน็อกซ์ให้กร็อดฟังยกเว้นเรื่องกุญแจศิลาที่เขาไม่ได้เล่าให้ฟัง
    เท่านั้น ซึ่งถ้าจะว่าไป
    เขาก็ไม่ได้ผิดคำพูดที่ให้กับวาโลคานเพราะเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องกุญแจสักคำและกร็อดเองก็ไม่ได้สนใจที่จะถ
    ามต่อด้วย เพราะกำลังตื่นเต้นที่ได้รู้ว่า
    เพื่อนของตนกำลังจะเดินทางออกจากเบรนวู้ดไปยังดินแดนอันแสนไกลทางใต้
    เนื่องจากกร็อดเองก็เหมือนกับว็อกเกอร์อยู่อย่างหนึ่งตรงที่มีความฝันอยากออกไปยังโลกภายนอกสักครั้งหนึ่ง
    บ้าง และนั่นก็ทำให้เมิร์ฟอื่นๆมองว่าพวกเขาเป็นคนแปลก
    "
    ฟังดูน่าตื่นเต้นมากเลย"กร็อดว่า" ขอข้าไปกับเจ้าด้วยได้ไหม"
    "
    ไม่ได้หรอก"ว็อกเกอร์ปฎิเสธ "ข้าต้องไปคนเดียวเท่านั้น"
    "
    แต่น็อกซ์ไม่ได้พูดนี่นา ว่าห้ามเจ้ามีเพื่อนร่วมทางไปด้วย"กร็อดพูด"
    อีกอย่างถ้าเจ้ากลัวเขาจะว่า เราก็ไม่ต้องบอกเขาสิ"
    "
    แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้อยู่ดี" ว็อกเกอร์พูด"แล้วแม่ของเจ้าล่ะ
    นางคงไม่มีทางยอมให้เจ้าไปแน่"
    "
    ก็แล้วใครว่าข้าจะบอกนางเล่า"กร็อดพูด"
    ข้าจะบอกแม่ว่าข้าจะไปเยี่ยมญาติบางคนที่อยู่ทางใต้ของเบรนวู้ดและพักอยุ่กับพวกนั้นสักพักหนึ่ง
    นางคงไม่ว่าอะไรแน่"
    "
    เจ้าลืมไปแล้วหรือ ว่าตอนนี้เป็นช่วงเทศกาลปีใหม่
    และพวกญาติของเจ้าก็มาชุมนุมกันอยู่ที่นี่หมดแล้ว"ว็อกเกอร์เตือน "เจ้าจะบอกว่า
    ไปเยี่ยมใครอีก"
    "
    ยังมีญาติอีกหลายคนของข้าที่ไม่ได้มาที่บ้านในปีนี้"กร็อดพูด" เอาเถอะน่า
    ข้าหาเรื่องอ้างกับแม่ได้ก็แล้วกัน "
    ว็อกเกอร์ฟังเพื่อนพูดก่อนจะนิ่งคิดอยู่ครู่ใหญ่ๆ จะว่าไปแล้วเขาก็เห็นว่าการเดินทางไกลแบบนี้
    ถ้าหากมีเพื่อนร่วมทางไปด้วยสักคนก็คงจะดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็ช่วยให้ไม่เหงาได้บ้าง
    แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ยังมีเรื่องที่ยังเป็นห่วงอยู่ "แต่การเดินทางครั้งนี้ อาจมีอันตรายก็ได้นะ
    ข้าว่า เจ้าอย่าไปเสี่ยงจะดีกว่า กร็อด"
    "
    ถ้าอย่างนั้น ข้ายิ่งต้องไปด้วยใหญ่ "กร็อดพูด "เพราะถ้าหากเจ้าเจออันตรายระหว่าง
    เราจะได้ช่วยกันได้ไงเล่า"
    "
    แต่ข้าว่าเจ้าจะเป็นตัวถ่วงข้ามากกว่าน่ะสิ"ว็อกเกอร์พูดกับตัวเอง
    "
    เมื่อกี้ เจ้าว่าอะไรนะ"
    "
    เปล่า ไม่มีอะไรหรอก"ว็อกเกอร์สั่นหน้า
    "
    ดี ถ้างั้นตกลงตามนี้นะ เดี๋ยวข้าจะกลับไปเตรียมของ แล้วพรุ่งนี้เช้า
    ข้าจะไปดักรอเจ้าที่นอกหมู่บ้าน จากนั้นเราจะออกไปผจญภัยด้วยกัน" กร็อดสรุปอย่างร่าเริง
    จนว็อกเกอร์อดรู้สึกไม่ได้ว่าเพื่อนของเขาคงคิดว่าการเดินทางอันแสนไกลครั้งนี้
    เป็นเรื่องง่ายๆเหมือนกับการเดินไปตลาดยามเช้าอย่างไรอย่างนั้น
    อันที่จริงแล้วเขาและเพื่อนไม่มีทางรู้ได้เลยว่าการเดินทางครั้งนี้มีความสำคัญมากเพียงไรและมีสิ่งใดรอพว
    กเขาอยู่บ้าง
    เช้ามืดของวันต่อมา ในป่าหมอกลงหนา อากาศเย็นยะเยือก
    ขณะที่เมิร์ฟทั้งหมู่บ้านกำลังหลับสบายใต้ผ้าห่มที่แสนอบอุ่น
    ว็อกเกอร์ถือตะเกียงดวงเล็กเดินดุ่มๆตามทางเดินไปยังบ้านของน็อกซ์เพียงลำพัง
    บนหลังของเขามีย่ามหลังสีเขียวใบใหญ่สะพายอยู่
    เขาแต่งตัวด้วยเสื้อและกางเกงสีน้ำตาลอมเขียวคาดด้วยผ้าคาดเอวลายประจำตระกูลและคลุมทับชุดของเขาด้วยเสื้
    อคลุมสั้นสีดำพร้อมฮู้ดคลุมศรีษะ เขาใส่รองเท้าหนังแพะคู่โตสีดำสนิท
    เมิร์ฟหนุ่มเลือกเดินบนพื้นดินเพราะเงียบกว่าเดินตามทางเดินบนต้นไม้ วันนี้เขาตื่นเร็วกว่าทุกวันมาก
    แต่อันที่จริง จะว่าไปแล้วตลอดคืนที่ผ่านมานี้ เขานอนแทบไม่หลับมากกว่าเนื่องจากความตื่นเต้น
    ดังนั้นเมื่อได้ยินเสียงไก่ป่าร้อง ว็อกเกอร์ก็ลุกขึ้นจากที่นอนในทันที
    เมื่อมาถึงต้นโอ๊คใหญ่ที่บ้านของน็อกซ์หัวหน้าพวกเมิร์ฟตั้งอยู่
    ว็อกเกอร์เห็นแสงไฟลอดออกมาจากช่องหน้าต่างของบ้านหลังนั้น บันไดของบ้านชักลงไว้แล้ว
    แสดงว่าเจ้าของบ้านตื่นนานแล้วคงเตรียมตัวรับการมาของเขาเรียบร้อยแล้ว
    ว็อกเกอร์ก้าวขึ้นบันไดจนถึงชานบ้านและเคาะประตูสามที
    "
    เข้ามาสิ"เสียงของน็อกซ์ดังออกมา
    ว็อกเกอร์เปิดประตูและก้าวเข้าไป น็อกซ์และวาโลคานกำลังรอเขาอยู่ที่โต๊ะตัวเดิมที่เขาเห็นเมื่อวานนี้
    เทียนไขแท่งใหญ่ส่องสว่างอยู่บนโต๊ะ
    และยังมีเหยือกน้ำชาใบใหญ่พร้อมกับถ้วยชาอีกสามใบและขนมปังอบร้อนควันฉุยวางอยู่ด้วย
    "
    เจ้ามาเร็วดีนี่นา"น็อกซ์กล่าวชม" กินอะไรเสียก่อนสิ"
    "
    ข้ากินมาจากที่บ้านแล้วครับ"ว็อกเกอร์พูด
    "
    อย่างนั้นก็ดื่มชาสักถ้วยก็แล้วกัน"น็อกซ์ว่าพร้อมกับรินชาใส่ถ้วยและส่งให้เมิร์ฟหนุ่ม
    ว็อกเกอร์กล่าวขอบคุณก่อนรับมาดื่ม
    วาโลคานกล่าวขึ้นว่า "เจ้าเตรียมตัวมาพร้อมแล้วใช่ไหม"
    "
    ครับ ท่านผู้เฒ่า"ว็อกเกอร์ตอบพร้อมกับวางถ้วยชาลง
    วาโลคานหันไปพยักหน้าให้น็อกซ์
    ฝ่ายนั้นหยิบสร้อยด้ายถักเส้นหนึ่งพร้อมกับล็อกเก็ตขึ้นมาและส่งให้กับเมิร์ฟหนุ่ม
    "
    รับไปสิ" น็อกซ์กล่าว
    ว็อกเกอร์รับสร้อยนั้นมา ทันทีที่มือสัมผัสกับตัวล็อกเก็ต เขาก็รู้สึกชาวูบไปทั้งตัว
    แต่นั่นก็เพียงแค่ชั่วขณะเดียวเท่านั้น เขาพลิกดูของที่เขาได้รับมา
    ตัวล็อกเกอร์เป็นผลึกใสสีขาวรูปวงรีภายในมีพลอยสีน้ำเงินเม็ดเดียวกับที่เขาเห็นเมื่อวานบรรจุอยู่
    เพียงแต่วันนี้เมื่ออยู่ในผลึกแก้ว ดูมันจะมัวลงกว่าเดิมและไม่มีประกายเหมือนอย่างเมื่อวาน
    "
    ล็อกเก็ตนั่นจะช่วยพรางตา ไม่ให้กุญแจเป็นที่สังเกตแก่คนทั่วไป
    แต่ถ้าเมื่อใดที่มีอันตรายเข้ามาใกล้ กุญแจศิลาจะเปล่งแสงเตือน"วาโลคานอธิบาย
    เมื่อเห็นสีหน้าที่แสดงความสงสัยของเมิร์ฟหนุ่ม" สวมสร้อยนี้เอาไว้กับตัว
    และอย่าให้มันคลาดสายตาเจ้าเด็ดขาด จนกว่าจะไปถึงแอสการ์ธ และส่งมันถึงมือเวอร์ธังแล้ว"
    ว็อกเกอร์ทำตามที่อีกฝ่ายหนึ่งบอก เขาสวมสร้อยเส้นนั้นไว้ที่คอ
    "
    เอาสิ่งนี้ไปด้วย มันจะเป็นประโยชน์กับเจ้าเมื่อออกสู่โลกภายนอกแล้ว
    "
    น็อกซ์พูดขึ้นพร้อมกับส่งถุงหนังใบใหญ่ให้กับว็อกเกอร์
    "
    ในนี้มีเหรียญทองคำอยู่ทั้งหมดสองร้อยเหรียญ
    น่าจะพอสำหรับค่าใช้จ่ายการเดินทางและก็ยังมีนี่"
    เมิร์ฟเฒ่าเดินไปที่ตู้ใบใหญ่และหยิบผ้าคลุมบางๆผืนหนึ่งออกมาส่งให้กับว็อกเกอร์"ผ้าผืนนี้
    เจ้าสามารถใช้มันพรางตัวเองได้ในทุกที่ตามที่เจ้าต้องการ"
    เมิร์ฟหนุ่มวางถุงทองคำลงบนโต๊ะและมองผ้าผืนนั้นอย่างตื่นเต้น นี่เขาจะได้มีของวิเศษไว้ใช้ด้วยหรือนี่
    ว็อกเกอร์รับผ้าผืนนั้นมาและลองใช้มันคลุมแขนซ้ายของเขา ปรากฎว่าแขนซ้ายของเขาหายวับไปในพริบตา
    "
    วิเศษไปเลย.. นี่มันยิ่งกว่ามายากลชั้นยอดเสียอีก" เขาอุทานด้วยความตื่นเต้น"ข้าขอบคุณ
    ท่านผู้เฒ่าน็อกซ์มากครับ"
    "
    ไม่เป็นไรหรอก"น็อกซ์กล่าว "เก็บเอาไปเสียสิ แล้วก็อย่าลืมถุงทองคำด้วยล่ะ"
    ว็อกเกอร์พับผ้าสอดไว้ในอกเสื้อด้านในและเก็บถุงทองคำใส่ลงย่ามหลังก่อนจะถามผู้เฒ่าทั้งสองอย่างมีความหว
    ังว่าอาจจะได้ของวิเศษอะไรเพิ่มอีกว่า" พวกท่านมีอะไรจะมอบให้ข้าอีกไหมครับ "
    "
    ไม่มีแล้ว"วาโลคานกล่าว"เพียงแค่นี้ เจ้าก็ไปถึงแอสการ์ธได้แล้ว"
    "
    ข้าขอถามท่านอีกสักอย่าง ได้ไหม"ว็อกเกอร์พูดกับวาโลคาน
    "
    เรื่องอะไร"นกเค้าแมวชราพูด
    ว็อกเกอร์หยิบเส้นขนออกมาจากกระเป๋าเสื้อ" แล้วขนเส้นนี้ใช้อย่างไรหรือครับ"
    "
    ถึงเวลา เจ้าก็จะรู้เองน่ะแหละ"นกเค้าแมวชรากล่าว
    "
    แล้วทำไม ท่านไม่บอกเสียตอนนี้ล่ะ"น็อกซ์สงสัย
    "
    ข้าต้องเก็บเรื่องประหลาดใจเอาไว้ให้เจ้า บ้างสิ"วาโลคานกล่าวยิ้มๆ"เอาล่ะ
    ใกล้สว่างแล้ว
    เจ้าไปเถอะ ขอให้โชคดีล่ะ "
    "
    ขอให้เจ้าเดินทางโดยปลอดภัยนะ"น็อกซ์กล่าวบ้าง
    เมิร์ฟหนุ่มกล่าวขอบคุณและอำลาทั้งสองก่อนจะเดินออกมาจากบ้าน จากชานบ้านบนต้นไม้ ไกลไปทางทิศตะวันออก
    ว็อกเกอร์มองเห็นแสงสีทองของยามเช้าเริ่มปรากฏให้เห็น แต่ที่เบื้องล่างนั้นไอหมอกยังปกคลุมพื้นดินอยู่
    เขาสูดลมหายใจลึกๆหนึ่งครั้งก่อนจะก้าวลงบันไดบ้าน…..
    เมื่อแสงแดดส่องลงถึงพื้นดิน ว็อกเกอร์ก็เดินจนพ้นเขตหมู่บ้านมาถึงจุดนัดพบ พอดี
    เมิร์ฟหนุ่มนั่งลงบนโขดหินและวางย่ามหลังลงบนพื้น ก่อนจะมองดูรอบๆบริเวณนั้น
    แต่ก็ไม่เห็นร่างของกร็อดอยู่เลย หลังจากรออยู่ครู่ใหญ่ ว็อกเกอร์ก็สงสัยว่า
    เพื่อนของเขาอาจจะไม่มาหรือไม่ก็มาไม่ได้ เป็นแน่ เขาถอนหายใจเก่อนจะหยิบย่ามขึ้นมาผูกไว้กับไหล่สองข้าง
    น่ากลัวว่าเขาคงต้องเดินทางคนเดียวเสียแล้ว ว็อกเกอร์คิด แต่ก่อนที่เขาจะออกเดินต่อนั้นเอง
    เขาก็เห็นร่างอ้วนกลมของกร็อดกำลังวิ่งมาตามทางเดินในป่า กร็อดแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีเขียวเข้ม
    พร้อมกับเสื้อคลุมติดหมวกปิดหน้าสีน้ำตาลเข้ม มีย่ามหลังใบใหญ่ติดมาด้วย
    กร็อดร้องตะโกนเรียกเพื่อนเสียงดังเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะไปแล้ว
    "
    ว็อกเกอร์! รอข้าด้วยสิ"
    ว็อกเกอร์ยิ้มออกเมื่อเห็นเพื่อน เขานั่งลงและรอจนอีกฝ่ายวิ่งมาถึง ซึ่งก็อีกเพียงครู่เดียว
    กร็อดก็มายืนหอบหายใจอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว แม้อากาศยามเช้าจะค่อนข้างหนาวเย็น
    แต่ใบหน้าของกร็อดก็เต็มไปด้วยเหงื่อ เมิร์ฟอ้วนปาดเม็ดเหงื่อออกจากใบหน้า ก่อนจะนั่งลงที่โขดหินข้างๆ
    "
    เหนื่อยเป็นบ้าเลย" กร็อดพูด" ข้า..รีบวิ่งมาจากบ้าน เลยนะนี่ แทบตายแน่ะ"
    "
    ก็แล้วทำไมเจ้าต้องวิ่งมาด้วยเล่า"ว็อกเกอร์ถาม
    "
    ก็กลัวว่าจะไม่ทันเจ้าน่ะสิ เมื่อเช้าข้าตื่นมา ก็สว่างแล้ว
    พอคว้าของได้ก็เลยรีบมานี่แหละ"กร็อดว่า
    "
    ขนาดนี้ เจ้ายังตื่นสายอีกนะ"ว็อกเกอร์ส่ายหน้าก่อนจะถามต่อ"
    ว่าแต่เจ้าบอกแม่เจ้าเรียบร้อยแล้วหรือ"
    "
    เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องห่วงน่า ข้าน่ะโตแล้ว แม่ไม่ซักไซ้อะไรมากนักหรอก"กร็อดตอบ
    "
    ถ้าอย่างนั้น ก็ไปกันได้แล้ว "ว็อกเกอร์ชวนพร้อมกับลุกขึ้น
    "
    ให้ข้าพักหายใจสักครู่ก่อนไม่ได้เหรอ"กร็อดต่อรอง
    ทีแรกว็อกเกอร์จะไม่ยินยอมตามคำขอแล้ว
    แต่เมื่อเห็นสภาพเหนื่อยหอบของอีกฝ่ายก็นึกเห็นใจขึ้นมา"ก็ได้ แต่ครู่เดียวเท่านั้นนะ"
    เขาพูด
    "
    ครู่เดียวเท่านั้นแหละ" กร็อดบอก ก่อนจะหยิบถุงหนังใส่น้ำที่แขวนอยู่ข้างเอวขึ้นมาดื่ม
    "
    เจ้าเอาอะไรมาบ้างนะ" ว็อกเกอร์สงสัยเมื่อเห็นของที่อีกฝ่ายหอบมา นอกจากย่ามหลังใบใหญ่แล้ว
    เขายังเห็นถุงหนังใบใหญ่อีกสองใบและถุงใบย่อมกว่าอีกสามใบรวมอยู่ด้วย
    "
    เสบียงไง" กร็อดกล่าว "ของที่ข้าเอามานี่น่ะ พอกินไปได้ตั้งเป็นเดือนเชียวนะ
    มีทั้งขนมปังแห้ง เนยแข็ง เนื้อแห้ง ลูกเกด และก็อีกสารพัดเลย"
    "
    ไม่เห็นจะต้องขนมาขนาดนี้เลย"ว็อกเกอร์พูด"โลกภายนอกน่ะ
    ไม่ถึงกับหาอะไรกินไม่ได้ซักหน่อย ไม่อย่างนั้น พวกมนุษย์จะอยู่กันได้อย่างไร"
    "
    เจ้าอย่าลืมสิ ว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราออกจากเบรนวู้ดนะ
    ใครจะไปรู้ว่าข้างนั่นมีอะไรรออยู่บ้าง อีกอย่างนะถึงยังไง
    ข้าก็ไม่ยอมไปอดตายที่ข้างนอกนั่นเด็ดขาด"กร็อดยืนกราน
    "
    เอาล่ะ เอาล่ะ ข้ายอมเจ้าแล้ว" ว็อกเกอร์พูด
    ที่จริงแล้วเขาก็รู้สึกว่าที่กร็อดพูดนั้นก็นับว่ารอบคอบพอใช้
    เขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะหาอาหารจากโลกภายนอกได้ดีเพียงไร ถ้ามีเสบียงติดตัวไปมากๆ
    ก็น่าจะทำให้อุ่นใจเรื่องปากท้องได้
    "
    เฮ้ พวกเจ้าจะไปไหนกันน่ะ"เสียงทักจากบนยอดไม้ดังขึ้น
    เมิร์ฟทั้งสองเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นจินกับมินสองอีกาคู่หูเกาะอยู่
    ก่อนที่ทั้งสองตัวจะบินลงมาเกาะที่รั้วไม้เก่าๆข้างทางเดิน
    "
    กร็อด เจ้าขนของเยอะแยะเชียว จะไปไหนกันเหรอ"จินถาม
    "
    ไม่ใช่เรื่องของอีกาอย่างเจ้า" กร็อดตอบ
    "
    แล้วมันเป็นเรื่องของเจ้าหรือเปล่าล่ะ"มินพูดขึ้นบ้าง "
    เจ้าเองก็ไม่มีส่วนกับเรื่องนี้ด้วยเหมือนกันนั่นแหละ"
    "
    หมายความว่าไง" กร็อดข้องใจ
    "
    ก็หมายความว่า เจ้าเองก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับการเดินทางไปแอสการ์ธของว็อกเกอร์
    ด้วยเหมือนกันน่ะสิ"จินตอบ
    "
    พวกเจ้ารู้ได้อย่างไรกัน ว่าข้ากำลังจะไปที่ไหน"ว็อกเกอร์พูดขึ้นอย่างประหลาดใจ
    "
    มีอะไรบ้างที่พวกเราไม่รู้น่ะ"จินตอบ
    "
    ถูกต้อง"มินเสริม
    "
    พวกแกแอบฟังที่เราคุยกันเมื่อวานใช่ไหม เจ้าพวกนกไร้มารยาท"กร็อดพูด
    "
    เราไม่ได้แอบฟังนะ"มินตีหน้าซื่อ"
    พวกเราแค่บังเอิญบินไปเกาะอยู่ตรงช่องลมบ้านของว็อกเกอร์ แล้วก็บังเอิญว่าช่องลมนั้นเปิดอยู่
    เราก็เลยได้ยินว็อกเกอร์เล่าเรื่องภารกิจให้ฟังเท่านั้น"
    "
    ช่างบังเอิญได้เหมาะเหลือเกินนะ"กร็อดกล่าวประชดอย่างหมั่นไส้
    ว็อกเกอร์มองอีกาทั้งสองตัวและถามทั้งคู่ว่า" ในเมื่อพวกเจ้าก็รู้แล้วว่าเราจะไปไหน
    แล้วพวกเจ้าตามเรามาที่นี่ทำไมกันหรือ"
    "
    เราอยากไปด้วยน่ะสิ" จินตอบ
    "
    ช่ายยย.."มินสนับสนุน" เราอยากออกไปผจญภัย"
    "
    ให้พวกเจ้าไปกับข้าเนี่ยน่ะ ฝันไปเถอะ ไม่มีทางเสียหรอก"กร็อดพูด
    "
    เราไม่ได้ขอร้องเจ้าซักหน่อย"จินว่า" และก็อีกอย่างนะ
    เจ้าไม่มีสิทธิตัดสินใจว่าใครจะไปด้วยได้หรือไม่ได้
    เพราะนี่เป็นการเดินทางของว็อกเกอร์เขาต่างหาก"
    "
    ขอพวกเราไปด้วยเถอะนะ ว็อกเกอร์"มินขอร้อง "เราอยากไปเห็นดินแดนภายนอกบ้าง"
    "
    ใช่.. ขอร้องเถอะนะ"จินอ้อนวอน
    "
    แต่ข้าว่า ถ้าไปกันมากเกินไปมันจะไม่สะดวกนะ และที่สำคัญ พวกเจ้ากับกร็อดไม่ถูกกันด้วย
    ข้ากลัวว่าจะทำให้การเดินทางมีปัญหาน่ะสิ"ว็อกเกอร์พูด
    "
    พวกเราสัญญาจะไม่ก่อเรื่องเด็ดขาด"จินรับปาก
    "
    แล้วเราก็จะไม่ทะเลาะกับเจ้ากร็อดนั่นด้วย"มินพูด
    "
    ให้เราไปด้วยเถอะนะ การเดินทางไกลแบบนี้ ถ้ามีผู้ร่วมทางหลายคนก็ยิ่งอุ่นใจนะ"จินพูด
    "
    อืมที่เจ้าว่ามาก็จริงอยู่ "ว็อกเกอร์ทำท่าคิดก่อนจะหันไปถามความเห็นของเพื่อน
    "
    เจ้าล่ะว่าไง กร็อด จะให้สองคนนี่ไปกับเราหรือเปล่า"
    "
    ถ้าเป็นลำพังข้าคนเดียว ข้าไม่มีทางยอมเด็ดขาด "กร็อดว่า"
    แต่นี่เป็นการเดินทางของเจ้านี่ ก็แล้วแต่เจ้าก็แล้วกัน"
    ว็อกเกอร์มองอีกาทั้งสองตัวที่ตอนนี้ทำสายตาวิงวอนอย่างเต็มที่ จนเขาเริ่มใจอ่อน"เอาล่ะ
    ถ้าอย่างนั้นให้พวกเจ้าไปด้วยก็ได้"
    "
    วิเศษไปเลย" จินกับมินร้องอย่างดีใจ
    "
    แต่พวกเจ้าต้องรักษาคำพูดนะ
    ห้ามก่อเรื่องแล้วก็ห้ามกวนโมโหเพื่อนข้าด้วย"ว็อกเกอร์บอก"พวกเจ้าจะให้สัญญาได้ไหม"
    "
    พวกเราขอสาบานด้วยขนหางทั้งหมดของเรา"ทั้งสองกล่าวพร้อมกันอย่างหนักแน่น
    "
    ขนหางของพวกเจ้าต่อให้มีมากกว่านี้อีกสามเท่าก็ไม่พอกับคำสาบานหรอก"กร็อดแอบพูดกับตัวเองเบาๆ
    โดยไม่ให้จินกับมินได้ยิน
    เมื่อการสนทนาได้ข้อสรุปแล้ว ว็อกเกอร์ลุกขึ้นยืน พร้อมกับขยับย่ามหลังของตนให้เข้าที่ "เอาล่ะ
    ในเมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ข้าว่าเราออกเดินทางต่อเถอะ พวกเราเสียเวลากันไปมากแล้ว"
    กร็อดที่ยังนั่งอยู่กับที่เอ่ยถามขึ้น" ถ้าจะไปกันตอนนี้เลย ข้าก็ไม่ว่าหรอกนะ
    ว่าแต่เจ้ารู้แล้วหรือว่าจะไปทางไหนน่ะ ว็อกเกอร์"
    "
    จริงสินะ"ว็อกเกอร์นึกขึ้นได้ เขาหยิบแท่งไม้บอกทางออกมาจากอกเสื้อ และถือมันไว้ในมือซ้าย
    แท่งไม้เคลื่อนไปมาสองสามครั้ง ก่อนจะชี้ตรงไปยังทิศใต้ ว็อกเกอร์มองไปยังทิศที่ไม้บอกทางชี้ไป
    ก่อนจะบอกผู้ร่วมทางอีกสามคนว่า
    "
    เราจะไปทางทิศใต้กัน "

           (ต่อบทที่3)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×