ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #240 : NO SLEEP TILL TOKYO (part 1, หวานเหมือนขนมอินเดียที่ริวกะกินเต้มช้อนแล้วบอก...ก้อร่อยดีหนิ)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 52
      0
      4 พ.ค. 67

    NO SLEEP TILL TOKYO (A)
    Playlist: KAT-TUN – Honey on me

    _________________________________________________________________________________________________________________________________

     











    .

    เฮียคุตะ รินเนะ ได้รู้ซึ้งถึงคำว่า ชีวิตตกอับพ่วงมาด้วยคำว่า อับอายขายขี้หน้าอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งที่สุดหลังจากเหตุการณ์อันน่าอดสูในชีวิตเอาก็วันนี้นี่เอง

    เธอหมายถึงวันประกาศรางวัลของนิตยสารแฟชั่นวัยรุ่นระดับแนวหน้าของประเทศ ที่รินเนะมั่นใจเลยว่าพวกเขาคงไม่มีทางยอมเชิญเธอมาด้วยแน่ถ้าไม่ใช่เพราะต้นสังกัดไปต่อรองเอาไว้หากอยากให้นางแบบดาวรุ่งพุ่งแรงในสังกัดอย่างฮายานะมาร่วมงานนี้ด้วย ไม่ใช่เพราะเหตุผลที่ว่าเธอเคยเป็นอดีตนางแบบประจำเล่มสมัยที่ยังเรียนอยู่ชัันไฮสคูล แม้จะไม่เคยขึ้นถึงอันดับหนึ่งแต่ความนิยมก็อยู่ในท๊อปห้ามาตลอดสองปีไม่มีตก และดูอย่างไรชีวิตของเธอก็น่าจะไปได้ไกลกว่านี้มาก ถ้าไม่ใช่เพราะภาพหลุดตอนออกจากเลิฟโฮเต็ลกับสมาชิกวงไอดอลชื่อดัง ซึ่งจะตามมาด้วยคำด่าทอสารพันจากแฟนคลับของเขา ต่อให้อยากด่ากลับด้วยนามแฝงแม้แค่หลังคีย์บอร์ดก็ทำไม่ได้ ที่แย่ที่สุดคือรินเนะไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเลยด้วยซ้ำนอกจากคู่นอนคืนเดียวหลังจากถ่ายแบบในคอนเซปต์คู่รักด้วยกันแค่เพราะอารมณ์พาไป และข้อความจริงที่อาจเป็นข้อแก้ตัวที่เลวร้ายที่สุดก็ทำให้รินเนะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จำยอมต้องปิดปากเงียบตามคำสั่ง และพวกเขาก็ช่วยยืนยันให้เธอเงียบอีกแรงหนึ่งด้วยการไม่ป้อนงานให้อยู่นานหลายเดือน กระทั่งถูกบีบให้ต้องจบการศึกษาไปทั้งที่ไม่ได้ต้องการเลยในที่สุด

    ทั้งอย่างนั้นรินเนะก็ยังพอมีโชคอันน้อยนิดเหลืออยู่ เมื่อมีค่ายเล็กๆ ติดต่อมาหลังหมดสัญญา ช่วยหางานให้เธอได้เล่นเป็นนักแสดงตัวประกอบในละครเล็กๆ (ส่วนใหญ่เป็นละครฉายรอบห้าทุ่มที่ใครมันจะไปดูก่อน) ไม่ก็นางเอกเอ็มวีวงอินดี้ไม่ค่อยจะดัง นานทีปีหนถึงจะมีงานถ่ายแบบอย่างที่เธอรักเข้ามาบ้าง ส่วนตอนไหนที่ไม่มีงานเข้ามาเลยก็ไปรับจ๊อบรับเงินเป็นสาวเสิร์ฟที่ร้านอาหารอิตาเลียนของพี่สาวกับพี่เขย ไม่รับอย่างเดียวคือคำด่าที่เธอจะทำหูทวนลมไม่ก็จึ๊จ๊ะใส่จนโดนโบกเข้าให้ตลอด

    หลากหลายความรู้สึกระคนปนเปกันไปในตอนที่รินเนะแหงนคอมองดูการแสดงบนเวทีของวงไอดอลชายล้วน แม้ว่าพวกเขาจะเพิ่งเดบิวต์มาได้แค่สามเดือน แต่ก็กำลังได้รับความนิยมในหมู่เด็กสาววัยรุ่นมาก...เหมือนอย่างที่ครั้งหนึ่งเธอก็เคยเป็น

    เป็นเพราะสถานะที่พลิกกลับหัวกลับหางกันนี้เอง รินเนะถึงได้ขุ่นข้องระคายใจเหมือนกับมีเสี้ยนหนามมาทิ่มแทง นับตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เห็นใบหน้าของ...เขา

    คนที่เป็นเจ้าของชื่อนามสกุลเต็มว่าอิวาซากิ ไทโช คนที่ฝากฝังคำด่าให้เธอเมื่อสองปีก่อนอย่างเจ็บแสบเข้าไปถึงทรวงจนน้ำตาร่วงเผาะด้วยความคับแค้นใจพร้อมกับข้าวของในห้องของเขาที่ก็ร่วงระเนระนาด คนที่เป็นแฟนคนแรกตั้งแต่ชั้นมัธยมต้นปีที่สามจนถึงก่อนขึ้นชั้นไฮสคูลปีที่สอง คนที่รินเนะเคยตกหลุมรักรอยยิ้มน่ารักและความใจดีมากกว่ารูปร่างหน้าตาหมดทั้งใจ ทว่าสุดท้ายมันก็เปลี่ยนกลายเป็นความน่าเบื่อหน่าย ไม่ว่าจะท่าทางเหยาะๆ แหยะๆ หรือหน้าตาจืดๆ ชืดๆ ถึงอาจไกลห่างจากคำว่าแย่ แต่ก็ไม่ได้ดูดีเหมาะสมกับนางแบบวัยรุ่นหน้าตาน่ารักอย่างเธอ ให้รินเนะที่อยากสลัดทิ้งแทบแย่แต่ใจไม่กล้าพอเพราะกลัวถูกคนอื่นมองไม่ดีได้ทีสบโอกาสในตอนที่ใช้ความมีชื่อเสียงไปขอบอกเลิก ด้วยเหตุผลที่ว่าการได้เข้าวงการบันเทิงคือความฝันของเธอและการมีแฟนก็อาจไม่ส่งผลดีกับความนิยม แน่นอนว่าผู้ชายแสนดีอย่างไทโชย่อมยอมหลีกทางให้โดยไม่เรียกร้อง นอกจากขอคบเป็นเพื่อนกับเธอต่อไปแค่เพียงเพื่อให้ได้อยู่เคียงข้างแม้จะไม่ได้อะไรเลยก็ยังดี เพราะไทโชรักเธอตั้งมากมายขนาดนั้น รินเนะถึงได้คิดว่าเขาจะต้องเป็นฝ่ายยอมรับและคอยปลอบใจเธอเหมือนอย่างที่เป็นมาตลอด

    เด็กสาวที่คิดถึงแต่เรื่องของตัวเองในตอนนั้นไม่สนใจหรอกว่าความอดทนของคนเราย่อมมีขีดจำกัด อย่างการที่ไทโชจะแสดงด้านที่รินเนะไม่เคยเห็นตลอดสี่ปีที่รู้จักกันมาอย่างการตะโกนคำหยาบคายใส่หน้าเธอคืนกลับไป แล้วเตะโต๊ะที่เธอกวาดข้าวของไปทั่วห้องจนมันล้มเพื่อให้อีกฝ่ายหยุดการกระทำหยาบคายที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อนต่างหาก คำพูดทิ้งท้ายที่ว่า “จากนี้อยากไปคบกับใครไปเอากับใครที่ไหนก็ไปเลย ริน ฉันพอแล้ว ฉันเลิกโง่งมงายกับคนเห็นแก่ตัวอย่างเธอแล้ว!” ก็จะได้แต่ทำให้รินเนะกำหมัด กัดริมฝีปาก เดินปึงปังผลักหน้าอกของเขาที่ยืนขวางทางแล้วออกจากห้องไปโดยไม่คิดเหลียวหลังกลับมาอีก เหมือนกับที่ไทโชเองก็ไม่แม้แต่จะมองหน้าเธออีก ทั้งที่ก็ยังต้องเรียนร่วมห้องเดียวกันในช่วงชั้นปีสุดท้ายต่อไปอีกสามเดือน

    ทั้งใบหน้าและบุคลิกของไทโชในตอนนี้เปลี่ยนไปจากเด็กหนุ่มน่ารักใสซื่อที่รินเนะคุ้นเคยดีจนดูราวกับเป็นคนละคน เขาดูโตขึ้นมาก เท่ขึ้นมาก แมนขึ้นมาก เป็นเพราะเสื้อผ้าแฟชั่นทันสมัยที่ดูดีกว่าเสื้อยืดกางเกงขายาวธรรมดาและทรงผมแสกกลางที่ไม่ใช่หน้าม้ายาวจนเกือบปรกตาเหมือนตอนที่ยังเด็กหรือเปล่านะ?  แม้ว่านัยน์ตาจะกำลังจดจ้องมองดู หากความคิดมากมายกลับวนเวียนอยู่ในหัวของรินเนะตลอดเวลาเหล่านั้น

    กระทั่งบทเพลงดำเนินมาถึงท่อนหลัง กับท่าเต้นเตะขาตั้งไมค์จนแฟนคลับหวีดร้องกันแทบทั้งฮอลล์ พาให้รินเนะหวนย้อนกลับไปนึกถึงเหตุการณ์ที่เธอปณิธานว่าชาตินี้ชาติไหนก็จะไม่มีวันอภัยให้ผู้ชายที่ทำร้ายจิตใจเธอคนนี้เป็นอันขาด!

    แต่เพราะอวัยวะที่เรียกว่าหัวใจไม่ได้มีเหตุผลเหมือนกับสมอง รินเนะถึงไม่สามารถห้ามจังหวะการเต้นที่รัวแรงขึ้นมาเพราะความเท่เป็นบ้าอย่างไม่น่าให้อภัยนั่นได้

    และในวินาทีที่มุมริมฝีปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มเมื่อมองลงมาสบตากับเธอหลังจากนั้น รินเนะก็จำจดวินาทีแรกสุดที่รอยยิ้มของไทโชเคยทำให้เธอตกหลุมรักขึ้นมาได้

    อย่างที่กำลังรู้สึกอีกครั้ง ณ วินาทีนี้

     

    “ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะ ริน”

    มือไม้ของรินเนะที่กำลังยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจ่อริมฝีปากสีแดงเผลอสั่นเทาไปเล็กน้อย หลังจากได้ยินคำทักทายผ่านน้ำเสียงที่คุ้นเคยดีถึงดีมากโดยไม่จำเป็นต้องหันมองดูเลยด้วยซ้ำ อีกทั้งไทโชยังเป็นคนเดียวบนโลกที่เรียกชื่อเธอสั้นๆ เพราะไม่อยากเรียกชื่อต้นที่เหมือนกับเพื่อนผู้ชายสมัยเด็กของเขา (ผู้ชายชื่อรินเนะฟังดูน่าตงิดอยู่ไม่น้อยสำหรับเธอ) ตามมาด้วยรอยยิ้มกว้างของเจ้าตัวที่จะเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างกันที่โต๊ะสุดมุมหนึ่งซึ่งมีแค่เธอกำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศลำพัง เพราะฮายานะที่มาด้วยกันถูกเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางเรียกตัวไปคุยด้วยตั้งแต่เมื่อหลายนาทีก่อน

    ด้วยความที่เป็นงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้เฉพาะคนใน พวกเขาจึงสามารถพูดคุยกันได้ตามสบายโดยไม่มีนักข่าวมาแอบถ่ายหรือแฟนคลับมาจับผิด หากรินเนะก็ไม่คิดว่าตัวเองมีความกล้าพอที่จะไปทักทายอดีตคนรักที่จบกันด้วยไม่ดี เหมือนกับที่ก็ไม่คิดว่าเขาซึ่งเคยโกรธเกลียดเธอพอๆ กับที่เคยรักเธอตั้งมากมายขนาดนั้นจะเป็นฝ่ายมาทักทายก่อน

    แต่ไทโชก็ทำแบบนั้น

    “ก็...ราวๆ สองปีได้แล้ว” รินเนะงึมงำตอบรับด้วยเสียงแผ่วค่อย

    “ดูเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ สวยขึ้นกว่าเดิมตั้งเยอะ ผมสีทองแบบนั้นก็เข้ากับรินมากเลย”

    “ไทโชเองก็ดูเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ” รินเนะสวนย้อนด้วยคำพูดเดียวกันกลับคืนไป พยายามข่มอกไม่ให้พูดว่าเขาเองก็หล่อขึ้นกว่าเดิมมาก! และทรงผมนี้ก็เข้ากับเขามาก! เหมือนกับที่ต้องข่มใจตัวเองไม่ให้ยกมือขึ้นลูบผมสีทองยาวดัดเป็นลอนสลวยที่เขาเพิ่งจะออกปากชื่นชมเป็นการแก้เก้อ เพราะไม่อย่างนั้นมันจะดูโจ่งแจ้งเกินไปจนส่อพิรุธ รินเนะเลยได้แต่เสยกแก้วเครื่องดื่มไปอีกหนแทน

    “ก็ถ้าฉันยังเป็นคนเดิมอยู่ เธอคงเดินหนีไม่อยากคุยด้วยตั้งแต่แรกแล้วมั้ง”

    คิ้วของเธอเลิกขึ้น ทั้งอย่างนั้นก็ไม่ได้ขยับริมฝีปากที่กำลังซ่อนอยู่หลังแก้วเครื่องดื่มเป็นคำถาม

    “ตอนนี้ฉันเป็นไอดอลแล้ว มีชื่อเสียงแล้ว ไม่ได้ท่าทางปวกๆ เปียกๆ หน้าตาก็ซื่อๆ บื้อๆ เหมือนเมื่อก่อนที่เธอไม่ชอบแล้ว จริงไหมล่ะ?”

    ให้รินเนะที่ตกใจสะดุ้งเฮือกสำลักเครื่องดื่มแล้วไอค่อกแค่กออกมาเล็กน้อย ขณะที่ไทโชก็จะฉีกยิ้มกว้างด้วยความขบขัน ก่อนเปลี่ยนเป็นความเย้ยหยันในตอนที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เอ่ยประโยคต่อไปผ่านระยะห่างเพียงแค่คืบว่า

    “ตอนนี้ฉันคู่ควรกับนางแบบตกอับอย่างเธอเแล้วนะ ริน หรือควรต้องบอกว่าเกินกว่าจะคู่ควรดี?”

    ทั้งใบหน้าและใบหูของเธอขึ้นเป็นสีแดงก่ำเพราะคำพูดตอกย้ำซ้ำเติมของเขา ส่วนหนึ่งมาจากความอับอายที่ย่อมต้องมีความโกรธเจืออยู่ด้วยแหงล่ะ! แต่รินเนะจะไม่ปฏิเสธว่ามันมีความน่าตื่นเต้นบางอย่างในสีหน้า ท่าทาง คำพูดของเขาที่ทำให้อกใจสั่นไหวได้เคลือบแฝงอยู่ เหมือนอย่างที่รินเนะแอบคาดหวังจากอิวาซากิ ไทโชบนเวที...คนนั้น

    “ฉันดูละครที่เธอเล่นหมดทั้งสามเรื่องเลยนะ กี่เรื่องๆ ก็มีแต่ฉากเปลืองตัวน่าดู อยากรู้จังเลยนะว่าอารมณ์ของเธอจะพาไปจนต้องชวนกันไปต่อเหมือนอย่างตอนที่มีข่าวกับคุณฟุคุโมโตะทุกครั้งไหม?”

    ไทโชยังคงทำไขสือกับสายตาเย็นเยียบที่เธอทำเป็นแสดงออกมา แล้วพูดต่อไปด้วยรอยยิ้มในระดับเดิมไม่มีตกหล่นว่า

    “ตื่นเต้นเหรอตอนที่โดนฉันพูดจาดูถูก? หน้าแดง มือสั่น หัวใจก็เต้นดังมาถึงฉันที่อยู่ตรงนี้ซะขนาดนั้น”

    “หลงตัวเองชะมัดยาด!

    ซึ่งจะเรียกเสียงหัวเราะจากเขาที่รินเนะก็อยากบอกว่า โอ๊ย! น่าฟังชะมัดยาด!

    “ฉันรู้จักเธอดีกว่าตัวเธอเองอีกนะ ริน”

    “น้ำหน้าอย่างนายจะมารู้อะไร

    “ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าเธอใจเต้นตอนที่ฉันเตะขาตั้งไมค์บนเวที เพราะมันทำให้เธอนึกถึงตอนที่เราทะเลาะกันเมื่อสองปีก่อน ทั้งที่อยากเกลียดแทบตายเพราะเธอโกรธฉันในตอนนั้นมาก แต่ก็ดันทำใจไม่ได้เพราะฉันในตอนนี้น่ะเท่เป็นบ้า จริงไหมล่ะ?”

    ครั้นหย่อนระเบิดเรียบร้อยแล้วก็ขยับตัวผละไปหยิบแก้วโคล่าจากบริกรแล้วยกขึ้นดื่มอึก ด้วยไม่เห็นว่าการตอบรับหรือปฏิเสธให้ยิ่งเข้าเนื้อตัวเองจะเป็นเรื่องดี เพราะถึงยังไงเขาก็อ่านเธอออกอยู่วันยังค่ำจริงๆ นั่นแหละ รินเนะจึงไม่ได้เปิดปากพูดอะไรออกมาอีกแม้แต่คำเดียว นอกจากเบือนหน้าหลบสายตาไปทางอื่นที่ก็ไม่ยักจะเป็นการพรวดพราดเผ่นหนีไปอย่างที่ไทโชแอบคิดว่าจะเป็น ให้เขาที่ก้มหน้ามองดูเธออดไม่ได้ที่จะหลุดยิ้มออกมา

    “ยังจำเกมเซนเตอร์ที่เราเคยชอบไปได้อยู่ไหม?”

    ใบหน้าที่ยังเป็นสีเรื่ออ่อนของรินเนะหันกลับมา เมื่อตอบกลับเสียงเรียบเรื่อยราวกับไม่ใส่ใจทั้งที่ไม่ใช่สักหน่อยไปว่า “จำได้ แล้วยังไง?”

    “เราไปรื้อฟื้นความหลังด้วยกันเถอะ!”

    “ใครจะไป...”

    ทว่ารินเนะก็หลุดปากพูดออกมาได้แค่นั้น เมื่อไทโชจะคว้ามือของเธอแล้วพาฝ่าแขกเหรื่อในงานออกไปด้วยกัน มันเย็นเพราะไอจากแก้วเครื่องดื่ม แต่สัมผัสที่คุ้นเคยของมือที่ใหญ่กว่าซึ่งเลื่อนมาสอดปลายนิ้วกระชับจับกับเธอไว้แน่นไม่ช้ามันจะกลายเป็นความอบอุ่น หรืออาจเปลี่ยนกลายเป็นความร้อนฉ่าอย่างที่ผิวหน้าของรินเนะกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้ เช่นเดียวกับหัวใจที่ทำท่าว่าจะระเบิดออกมาก็ได้

     

    รินเนะคิดว่ามันเป็นเรื่องบ้าบอมากที่เกมเซนเตอร์เล็กๆ ขนาดไม่กี่คูหา ซ่อนตัวอยู่ในซอกหลืบของชั้นใต้ดินอย่างกับร้านลับ มีแต่ตู้เกมเก่ารุ่นพระเจ้าเหาซึ่งล้าสมัยไปแล้ว แถมลูกค้าก็ใช่ว่าจะมากมายอะไรขนาดที่บางคืนมีแค่เธอกับไทโชด้วยซ้ำ — อย่างเช่นในคืนนี้ — จะสามารถอยู่ยั้งยืนยงมาได้จนถึงทุกวันนี้ ทั้งที่บรรยากาศมืดสลัวของแสงนีออนสีม่วงน้ำเงินนั้นออกจะเป็นใจ แต่เธอกับไทโชก็ไม่เคยมาเพื่อเป้าหมายอื่นใด นอกจากการเล่นเกมตู้ด้วยกันบ้าง ช่วยกันบ้าง มากกว่าคือแข่งกันบ้าง และเขาที่เล่นเก่งกว่าก็จะยอมอ่อนให้เธอชนะแทบทุกครั้งไป

    รินเนะได้หวนรำลึกถึงช่วงเวลาเดิมๆ กับคู่หูคนเดิม เว้นก็แต่เขาที่เป็นคู่แข่งในเกมไฟท์ติ้งจะไม่ยอมอ่อนข้อให้เหมือนเดิม แถมยังหัวเราะชอบใจเมื่อได้เห็นเธอฟึดฟัดเพราะกดท่าไม้ตายไม่เคยทันจนแพ้เรียบตลอด!

    เพราะอย่างนั้นพอหมดเหรียญที่สามปุ๊บ รินเนะก็จะเดินสะบัดหน้าพรืดหนีไปที่โซนพักผ่อนตรงสุดมุมปั๊บ แม้ว่าจะไม่ได้รู้สึกกระหาย แต่เธอก็กดเครื่องดื่มกระป๋องเย็นเฉียบจากในตู้มาเผื่อว่าจะช่วยดับร้อนในหัวได้บ้าง ก่อนทิ้งตัวนั่งแหมะลงไปบนโซฟาคร่ำคร่าตัวยาวใกล้กันนั้น หากดูเหมือนว่าความต้องการของเธอจะไม่เป็นผล เมื่อไทโชจะตามมานั่งลงข้างกัน มือหนึ่งก็ฉวยคว้ากระป๋องโคล่าขึ้นดื่มจ่อปาก...ต่อจากเธอ!

    ความร้อนในหัวดับของเธออาจดับลงไปแล้ว ตรงกันข้ามกับเนื้อตัวที่กลับมาร้อนวูบวาบจนต้องเบือนใบหน้าเสมองดูบรรยากาศภายในร้านแทน

    “รู้ไหมว่าเวลามาที่นี่ ฉันจะคิดว่าอยากจูบเธอตลอดเลย”

    จังหวะของรินเนะเชื่องช้ากว่าไทโชที่ขยับเข้ามาใกล้ เช่นเดียวกับลมหายใจอุ่นร้อนของเขาที่รดลงมาใกล้กับริมฝีปากของเธอซึ่งแหงนเงยขึ้น

    “ทั้งที่เราสองคนเป็นแฟนกันแท้ๆ แต่ดันเคยแค่จูบแตะปากกันไม่กี่ครั้ง แล้วตอนนั้นเธอคาดหวังจะให้ฉันรับได้ยังไงที่เธอไปนอนกับผู้ชายที่ไม่ได้เป็นคนรักด้วยซ้ำนอกจากแค่อารมณ์พาไป?”

    “ก็นายไม่กล้าเริ่มเองนี่” รินเนะย้อน

    “พูดอย่างกับว่าเธอกล้า” ไทโชเองก็สวน “หรือเพราะจูบของฉันมันแย่จนเธอคิดว่าเราคงไปต่อไม่ได้?”

    “เพราะตอนนั้นฉันมีความรักที่บริสุทธิ์กับนายต่างหาก!” หนนี้รินเนะขึ้นเสียงกลับไปด้วยความพยายามบังคับไม่ให้สั่น แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากเย็นเต็มทีเช่นเดียวกับแววตาที่จ้องสบกับเขาโดยไม่หลุบหลบ “อีกอย่างนะ แค่จูบแตะปากจะเอาอะไรมาพิสูจน์ได้!

    และในวินาทีที่ไทโชเปล่งเสียงหัวเราะออกมา ทั้งที่แค่เพียงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้นก่อนเขาจะจับท่อนแขนข้างหนึ่งของเธอเอาไว้แล้วกดริมฝีปากลงมา รินเนะก็รู้สึกว่าเวลาช่างแสนเชื่องช้า หากจูบแรกกับรักแรกที่มากกว่าแค่การแตะปาก ด้วยปลายลิ้นที่เกาะเกี่ยวและมอบรสชาตินับพันให้เธอซับซาบจากจูบที่หวานล้ำและลึกซึ้งราวกับโหยหาต่อช่วงเวลาที่ขาดหายไปนั้นอยากให้เป็นนิรันดร์

    _________________________________________________________________________________________________________________________________

    NO SLEEP TILL TOKYO (B)
    Playlist: Travis Japan – T.G.I. Friday Night

     

    _________________________________________________________________________________________________________________________________

    NO SLEEP TILL TOKYO (C)
    Playlist: SixTONES – Strawberry Breakfast

     
    _________________________________________________________________________________________________________________________________

    NO SLEEP TILL TOKYO (D)
    Playlist: Sexy Zone – Cream

     


    2024年03月09日
    _______________
     จองวันตั้งแต่บีทูบสัปดาห์ก่อน (ที่เค้าทำคุกกี้ไวท์เดย์กัน ส่วนมึงติดคุกอย่าลืมมาเยี่ยมเค้าน่ะ >_<) ที่ก่อนหน้านั้นวันศุกร์ไทโชมาอัพบล็อก มีรายการนิวเจเน และปล่อยภาพวิชวลบุไตทงคัตสึร็อก (ไทโชนาสุอิสเส!) แต่ได้ฤกษ์มาเขียนทอล์กดีๆ ในสัปดาห์ต่อมาวันที่ 16 ที่ลงคลิปทีจีซีจริงๆ ละจ้า (และเป็นวันเปิดคอนฯ Gates+ เย่!) / ขอบคุณ Mynavi TGC 2024 S/S สำหรับซีเคร็ตเกสต์บชนอีกหนึ่งปีและท่าเตะไมค์ใน Wild at Heart (ลัคกี้เซเว่น!) ที่ทำให้ได้ฟิคเรื่องนี้มา เป็นสเตจที่ทุกคนหล่อจริตกูมาก ดีงามมาก คอนเส้ปชุดเดนิมจ้าา ถ้าพูดแบบไม่อวยเมนก็ยกให้อิสเสที่สุดแล้วในวันนั้น หวีดกันทั้งไทม์ไลน์ ตายกันให้หมด
     รู้ป่ะว่ากูตั้งใจให้วงนางเอกดังในหมู่คนญี่ปุ่นหมดเลยนะ เช่นเคปเล่อร์ ไอฟ์ บิลลี่ก็เคยขึ้น TGC ปีโน้น ส่วนฟรอมิสกูว่ายังไงก็ดังต่อให้ไม่ได้เดบิวต์ที่โน่น และเพราะเพลงฟีลกู๊ดที่ฟังยังไงกูก็นึกถึงแนวแฟชั่น JP เสมอ (น่าจะเพราะเป็นตอนที่เรื่อง Followers มาพอดีด้วยแหละมั้งนะ) ดังนั้นอีกแรงบันดาลใจก็คือเรื่องนี้ที่กูย้อนกลับไปดู...แล้วก็หยุดดูที่ตอนเดิมเป๊ะเพราะรำคาญตัวละคร ฮ่าๆๆ / เล่าก่อนจะเอามาลงละกันเพราะกูแต่งพาร์ทไทโชจบแล้ว แค่ยังไม่ว่างเกลา เรื่องราวของทุกพาร์ทเริ่มต้นในงานประกาศรางวัลของนิตยสารแฟชั่นเหมือนในละคร (ที่กูเคยแต่งเรื่องเด็กเสิร์ฟไล่ควายสมัยสโตรง่ะ) บชนอยู่วงเดียวกันแล้วได้ไปขึ้นโชว์ในงานนี้ (ฟีลอันอันอะหวอดมากกว่าทีจีซี เป็นงานเล็กๆ ไม่ใหญ่แน่นะวิ) นางเอกทุกคนอยู่ในวงการบันเทิงหมด นักร้อง ดารา นางแบบ ตามแต่จะคิดออก แต่มันคือฟิคสั้น ไม่ต้องถามหาอะไรมาก อย่างแรกที่ไม่ต้องถามหาเลยคือความสมจริงไม่มีแล้วหนึ่ง มันจะมาเมื่อมันจะมา ชีวิตช่วงนี้กูอาจมีสองอย่างคือท้อแท้แขนขาอ่อนแรง ไม่เคยมีครูท่านใดนั่งเก้าอี้ผอ.มาก่อน หรือไม่ก็ไฟลุกพรึ่บ เดือดพล่าน ลั่น ใครไม่ชอบหน้าผมก็ต่างคนต่างอยู่!
     และขอบคุณชื่อเรื่องจากเพลงของ Miyavi (ว่าไป้ นานๆ ทีเพลงของมิยาบิจะถูกจริตกู ว่าไม่ได้) เอ้า จะมีใครมาโนสลีปทิลล์บรุกลินด้วยกันไหม คูลๆ งับ

    2024年03月22日
    _______________
     kiseki ga okiru toki ได้เกิดขึ้นอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่แร้วกับชีวิตกูเอง! อย่างที่มึงรู้ว่าครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 12 พ.ย. ปี 2020 กูเคยได้งานแปลเรื่อง Disney's Newsies (2017) ของโมโน (ที่กูไม่เคยได้ดูเพราะเค้าไม่เคยฉาย...เอวัง) สมัยที่กูยังเมนสโตนส์ ยังจำได้อยู่เลยว่าตื่นมาเปิดเมลแล้วกรี๊ดมากที่ได้ทำเพราะไทกะจะได้เล่นบุไตเรื่องนี้! ที่กูไม่คิดไม่ฝันว่าเมื่อวานก่อนจะนอน กูก็ได้เห็นข่าวที่ไทโชจะได้รับไม้ต่อเล่นบุไตเรื่องนี้! แถมยังเป็นฉากนิวหยอกเหมือนสมัยเรื่องเอลฟ์ที่ไทโชเคยเล่นบุไตอีก! ตรองดูเองว่าเว่อร์ไม่เว่อร์นะคุร T_T แต่นี่คือเรื่องที่เว่อร์มากเหลือเชื่อมากที่สุดตั้งแต่กูเคยเจอมาแล้ว เห้อออ นึกถึงตอนร้องนิวหยอกๆ กับอะโฮลนิวเวิลด์ขึ้นมาเลย นี่สิคนที่เสียงดีที่สุด มีเอกลักษณ์ที่สุด ฟังเพลินที่สุดในจูเนียร์สำหรับกูจริง (นำหน้าทาคุมิที่เคยเป็นอันดับหนึ่งในใจกูตั้งแต่เค้าร้องคานาชิมิฯในเลิฟอิท! T_T) ส่วนคนที่เดแล้วก็ต้องเจสสี้ที่สุดแหละเนาะ กูตะบ้า ผัวเก่ามึง T_T
     เกลาแบบลวกๆ จบไปแล้วตั้งแต่วันก่อน แต่เพราะงานยุ่ง ไม่มีเวลาเขียนเมาท์เลยทิ้งไว้ก่อน แต่วันนี้ไม่ได้จริงว่ะ กูต้องมาเพื่อเล่าเรื่องบังเอิญหนึ่งในล้านนี้ / เนื้อเรื่องตัดฉึบฉับ อารมณ์เปลี่ยนโชะๆ อ่านแล้วอาจคิดว่าทำไมมันดูไม่ค่อยต่อเนื่องกันวะ ก็ขอให้คิดว่ามันคือฟิคสั้น ฟีลการ์ตูนรายเดือนโควต้าหกสิบหน้า จบไม่จบก็ต้องจบ และอย่างที่ได้บอกไปว่าไม่ต้องถามหาความสมจริง เพราะกูอยากแต่งอะไรก็แต่ง อย่างน้อยเราก็รู้ตัวดีเวลาแต่งอะไรปลอมๆ หารสิบหารร้อย ไม่ได้มั่นหน้าว่าโอ้โห สมจริงมากแม่ทั้งที่ (จี๊ฟมินเนี่ยนหัวเราะ) ก็แล้วกัน / พูดกันตรงนี้ว่าทีแรกมันจะลงไปเวย์เอโระ เดี๋ยวไปต่อที่โรงแรมห้องข้างบนเลยเนี่ย แต่พอกลับไปดู Followers แล้วไม่ได้จริงว่ะ เสียดายฉากโตเกียวตอนดึกมาก แต่ก็ไม่อยากให้คู่นี้ไปชมนกชมไม้ ก็ให้บังเอิญนึกถึงฉากเก(ม)เซ็น(เตอร์) ใน Tokyo Vice ขึ้นมา ทีนี้ก็หวนรำลึกถึงเอ็มวีของซอรีเพลงเลิ้บเวอร์อินเดอะไนท์ที่มึงเคยเขียนถึงเมื่อสามปีก่อนในฟิคไทกะ จำได้อยู่ไหมวะ 55555 เลยได้ตอนจบมาแบบที่เบาลงมากกกก แต่กูก็ชอบมากกก น่ารักมากกก หรือแบบมาม่าเผ็ดประถมนี่แหละคือที่ใช่กับใจกูแล้ววะ TvT / ส่วนพี่ไทเส เผ็ดวัยทำงานของเรา แม้ตัวอาจไปแล้ว แต่มารับเชิญแค่ชื่อในฐานะผัวเก่าผกก.(กู)ที่ยังมุ้ปอรไปจากใจไม่ได้ก็แล้วกันนะ T_T / ตอนแรกไม่ได้จะให้นางเอกชื่อรินเนะหรอก ไม่ได้จะชื่อรินด้วยเพราะไม่ชอบพิมพ์ชื่อตัวเดียวเฉยๆ แต่ตอนนั้นเห็นเซเว่นเม็นผ่านตามาพอดี ละกูชอบชื่อรินเนะมาก อะไรที่ลงด้วยเนะๆ กูชอบหมด เลยว่างั้นเดี๋ยวให้ทชเรียกชื่อรินคนเดียวก็แล้วกัน กูได้พิมพ์ชื่อที่ชอบ ย่อเป็นชื่อตัวการ์ตูนที่ไทโชชอบ จบ กู๊ดเอนดิ้ง
     และหลังจากที่ได้ลั่นวาจาไปว่าคัตตุนจะมาอีกแน่ก็มาจริงแล้วโว้ย! กูจะบอกเลยว่าฟังเพลงนี้ไปล้านรอบ ปีนี้คัตตุนไม่ติดนักร้องท๊อปไฟว์ในสปอติฟายกูให้ถีบเลยเอ้า! เพราะเพลงฟีลไนท์ไลฟ์ของค่ายนี้ 99% ตรงใจใช่กับกูไม่เกินจริง โลกรู้ มึงรู้ แต่ดูชื่อเพลงที่กูเลือกให้ไทโชอิสเสนาสุแล้วบังเอิญเข้ากันแบบงงๆ ดิ ทั้งฮันนี่, สตรอว์เบอร์รี่, ครีม (ที่ก็แอบลังเลกับชูการ์ของชิ มาว่ะ) มาเป็นแคนดี้ฉ็อปเลยบ่ะ กูก็บ่าตันมึ๊ง 55555 แต่เปลี่ยนอุกิโชให้เข้าก๊วนด้วยไม่ได้จริงๆ เพราะกูชี้จอทีวีตั้งแต่ตอนดูเอ็มวีเพลงทีจีไอครั้งแรก บอกว่าซื้อลิขสิทธิ์เพลงนี้มาลงฟิคนี้! เดี๋ยวนี้!
     เกมที่เล่นในฟิคนี้ก็สตรีทไฟท์เตอร์นี่แหละ เพราะในหัวกูนึกถึงตอนที่สโตรเล่นแล้วไทกะกดดูท่าไม้ตาย คนจริง เพื่อนแม่งงง และไทโชก็เล่นเกมเก่งจริงอย่างในคลิปสปลาตูน (ที่ไดกิชม) หรือซูเปอร์สแมชโบร (ที่นาสุเลือกพี่คลาวด์) แต่พอไปออกเลิฟอิท! ขนาดเอาเกมไปเองยังเล่นแพ้มาห้ารอบ (ขนาดคุรคาวาชิมะพิธีกรยังบอกว่าเกม Wii อีกแล้วเหรอ 55555) จนไม่ได้ร้องเพลงไคจูฯสักที ชีวิตนี้เราจะได้ฟังเค้าไหมคะ เผื่อซัลกี้เบบี้ 2 กูจะได้มาสักทีนิ
     ปล. ให้นึกภาพทชตอนสมัยเด็กที่หน้าซื่อๆ เอานะ เผื่อนึกไม่ออกลองนึกถึงคลิปโยนขวดน้ำ นั่งเก้าอี้ปาลูกดอก แล้วมึงจะเข้าใจว่าเปลี่ยนจากปัจจุบันมากแค่ไหนจริง 55555 แต่ก็ไม่ได้บอกว่าไม่หล่อเลย เพราะที่ไม่หล่อเลยในตอนนั้นคือ... โอ๊ย ง่วงนอน ไปละ
    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×