ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    K I L L - S H O T

    ลำดับตอนที่ #3 : mellifluous

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 455
      0
      2 เม.ย. 64


    ll your rhythm like mine. It's completely compatible. ll

    ____________________________________________________

    APPLICATION



    " การพยายามอาจไม่ได้ทำให้เราประสบผลสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์
    แต่สุดท้ายเเล้วมันก็เป็นเรื่องดีที่ครั้งหนึ่งเคยได้ลองพยายามดูนะคะ "

    " เป็นเรื่องที่ไม่อยากให้รีบร้อนเกินไปเลยค่ะ..รักที่ยืนยาว ก็ต้องมาจากหลาย ๆ ปัจจัยใช่ไหมล่ะคะ?
    เพราะฉะนั้น ฉันเลยคิดว่าความสัมพันธ์ของคนสองคนน่ะ จะขึ้นอยู่กับเรื่องของความรู้สึกอย่างเดียวไม่ได้หรอกค่ะ "

    [ Role: 05 Pragma l Midorima Shintaro ]
    _________________________________________________

    ชื่อ TH | ENG : ไคโย ทาคาระ l Kaiyo Takara


    ชื่อเล่น : ทาคาระ l Takara [เฉพาะครอบครัว เพื่อน และคนสนิท]


    อายุ : 18 - year - old


    โรงเรียน : Rakuzan High School


    ชั้นปี : 3rd


    ส่วนสูง / น้ำหนัก : 163cm. l 46 kg.


    วันเกิด : 23th, Oct


    กรุ๊ปเลือด : A


    ลักษณะภายนอก :

    ไคโย ทาคาระ เปรียบเสมือนกับ 'มณีน้ำงามจากก้นสมุทร' ด้วยความสมบูรณ์พร้อมของเธอในหลากหลายด้าน รวมไปถึงรูปร่างหน้าตาผิวพรรณที่ได้รับการบำรุงดูแลอย่างดีเสมอ ทาคาระนั้นอาจไม่ใช่สาวที่มีรูปร่างทรวดทรงองค์เอวโดดเด่นอะไร เธอค่อนข้างตัวเล็กเมื่อเทียบกับเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้ผอมแห้งจนน่าเกลียด ผิวของเธอขาวสะอาดสะอ้าน ดูนุ่มนิ่มน่าสัมผัสและอมชมพูอย่างคนสุขภาพดี ทาคาระไม่มีร่องรอยบาดแผลด่างพร้อยใดบนร่างกายของเธอเลย ยิ่งใบหน้าที่สมบูรณ์แบบนั่นยิ่งแล้วใหญ่ ประกอบเหมาะกับเครื่องหน้าที่ทำให้รู้สึกจิ้มลิ้มน่าเอ็นดู แต่ดวงตาสีน้ำเงินสวยสดงดงามก็แฝงด้วยแววจริงจังอยู่เสมอ ให้อารมณ์แบบพวกผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือ ริมฝีปากอิ่มสีเชอร์รี่บลอสซั่มคลี่ยิ้มบ้างเป็นครั้งคราวไม่ตึงจนเกินไป จมูกโด่งสวย กับคิ้วเรียวที่พาดตรง เส้นผมสีน้ำตาลอมส้มเข้ากันได้ดีกับฤดูใบไม้ร่วง ทาคาระตัดมันให้สั้นประบ่า ทำให้ผมนุ่มนั้นคลอเคลียอยู่กับลำคอขาวได้อย่างเหมาะเจาะ ตัวของเธอมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยออกมาเสมอ เป็นกลิ่นของแชมพูและแฮนด์ครีมที่ใช้ไปในโทนกลิ่นเดียวกันอย่างพวกกลิ่นส้ม ให้ความรู้สึกสดชื่นไม่น้อยเลยล่ะ

    ปกติแล้วทาคาระจะเเต่งตัวด้วยชุดที่ค่อนข้างเรียบง่ายเน้นไปทางสุภาพมากกว่าจะเป็นชุดปราดเปรียวสดใสสมวัย เธอมักสวมเดรสหรือเสื้อเชิ้ตเเละกระโปรง เน้นไปที่สีโทนสว่างเป็นหลัก ไม่ค่อยมีใครเห็นทาคาระใส่สีดำหรือสีโทนเข้มเลย ตัวเธอเองรู้ดีว่าตนนั้นไม่เหมาะกับโทนสีพวกนั้นสักเท่าไหร่ เด็กสาวเป็นคนที่ไม่ค่อยแต่งหน้านักนอกจากการทาครีมบำรุง ครีมกันแดด และลิปปาล์มพอเป็นพิธี พวกเครื่องประดับก็ไม่ได้สวมอะไรให้มากมาย เว้นแต่สร้อยห้อยพลอยสีน้ำเงินที่คุณแม่ซื้อให้ตอนอายุสิบสี่ที่ใส่ติดตัวอยู่ตลอด ทาคาระไม่ชอบสวมส้นสูงเพราะเธอทรงตัวไม่สะดวก ปกติเเล้วจะสวมคัทชูหรือรองเท้าหุ้มส้นซะมากกว่าเป็น อีกทั้งยังสวมถุงเท้าหรือถุงน่องตลอดเวลาด้วย กระเป๋าหิ้วเป็นสิ่งที่ทาคาระพกติดตัวไว้ ด้านในนั้นจะประกอบไปด้วย ทิชชู่เปียก ผ้าเช็ดหน้า โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าเงิน ยาแก้แพ้ สเปรย์พริกไทย กับของจุกจิกอีกนิดหน่อยตามแต่วันที่จะเตรียมไป

    สุดท้ายนี้จะสังเกตได้ว่าทาคาระห้อยพวงกุญแจหมีไหมพรมถักไว้ที่กระเป๋านักเรียนกับโทรศัพท์มือถือตลอด ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าเธอเป็นลัทธิน้องหมีลิซึ่มอะไรหรอก แค่ว่าถักไหมพรมเป็นงานอดิเรกเฉย ๆ ก็เลยเอามาห้อยเล่นบ้าง เปลี่ยนตัวตุ๊กตาไปเรื่อยตามแต่อารมณ์ก็แค่นั้นแหละ


    ลักษณะการพูด : 

    ไคโย ทาคาระ, รูปเสียงของเธอนั้นมีความใสกระจ่างมาก ใครต่อใครที่ได้ยินต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธองดงามทั้งรูปลักษณ์และรูปเสียง เนื้อเสียงที่มีความไพเราะเเละนุ่มเบา ทำให้ผู้ฟังชื่นชอบที่จะรับฟังเธอเอื้อนเอ่ยถ้อยคำต่าง ๆ แม้ว่าทาคาระจะมีลักษณะการสนทนาที่ค่อนข้างเป็นทางการพอสมควร พวกเขาก็ยังบอกว่ามันคุ้มค่าที่ฟังอยู่ดี โดยปกติแล้วโทนเสียงของทาคาระจะค่อนข้างนิ่งพอสมควรเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดว่าฟังดูตึงเครียดจนเกินไปหรอก ทาคาระมักพูดรูปประโยคด้วยภาษาที่ชัดถ้อยชัดคำ ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบจนเกินไป เนื่องจากไม่เห็นความจำเป็นว่าการพูดเร็ว ๆ จนคนฟังฟังไม่รู้เรื่องจะมีประโยชน์ตรงไหน เป็นคนสุภาพ เช่นเดียวกับภาษาพูดของเธอ โดยปกติทาคาระมักแทนตัวเองว่า 'ฉัน' หรือแทนตัวคำว่า 'หนู' กับพวกผู้สูงวัยกว่า ไม่ก็คำว่า 'ดิฉัน' กับการพูดที่เป็นทางการ เธอมักแทนสรรพนามเรียกผู้อื่นด้วยการเรียกนามสกุลของพวกเขาเเล้วต่อท้ายว่า 'ซัง' แต่ถ้าเป็นคนอายุน้อยกว่า ก็จะต่อท้ายนามสกุลด้วยคำว่า 'คุง' หรือ 'จัง' เเทน ไม่ก็เรียกอีกฝ่ายว่า 'เธอ' โดยปกติทาคาระจะมีหางเสียงอยู่ในรูปประโยคเสมอไม่ว่าพูดกับใคร เรียกว่าเป็นความเคยชินก็ไม่ผิดนักหรอก (CV.)

    example 1; at morning.

    ช่วงเช้าของวันเริ่มต้นอาทิตย์ใหม่ เด็กสาวก็ยังคงวุ่นวายอยู่กับการเตรียมตัวเหมือนอย่างเช่นเคย หากแต่แม้มือจะวุ่นอยู่กับการต้มซุปมิโสะพลางหยิบจับนู่นนี่เป็นระวิง ใบหน้าของ ไคโย ทาคาระ ก็ยังคงสงบนิ่ง สัมผัสได้ถึงรสกลมกล่อมกำลังดีหลังตักซุปขึ้นชิม เมื่อชิมรสเเล้วก็ตักขึ้นใส่จานให้เรียบร้อย ระหว่างนั้นเองที่ทาคาระเริ่มได้ยินเสียงปึงปังดังมาจากชั้นบนของบ้าน เด็กสาวขมวดคิ้ว ก่อนเปล่งเสียงออกไปว่า

    "อาโออิ! อย่าวิ่งไปมาในบ้านสิคะ" พี่สาวคนสวยของบ้านเอ่ยปากบ่น ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ เมื่อได้ยินเสียงตะโกนขอโทษกลับมา ประจวบเหมาะกับตอนที่สมาชิกอีกคนของบ้านเดินเข้ามาในห้องครัวพอดี นัทสึโกะมีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม เว้นแต่ตอนที่เธอเอ่ยปากทักทายก็เท่านั้น

    "อรุณสวัสดิ์ค่ะ นอนหลับสบายรึเปล่าคะ นัทสึโกะ"

    "อื้อ" เด็กสาววัยสิบสี่ตอบกลับเสียงแผ่ว รับแก้วน้ำส้มของโปรดที่พี่สาวเทให้ขึ้นจิบ "แต่ว่าหนูหากระเป๋าดินสอไม่เจอ.."

    ทาคาระเอียงคอน้อย ๆ เหมือนแสดงท่าทีครุ่นคิด พิจารณาอยู่ครู่ก่อนตอบกลับไปว่า "ถ้าจำไม่ผิด เมื่อวานนัทสึโกะทำการบ้านที่ห้องนั่งเล่นใช่ไหมล่ะคะ อาจจะลืมไว้เเถวนั้นก็ได้ ยังไงเดี๋ยวพี่ไปดูให้นะ" พูดจบ ทาคาระก็ปลดผ้ากันเปื้อนออก เธอเดินออกไปจากห้องครัว แต่เกือบชนเข้าให้กับน้องสาวคนรองของบ้านที่วิ่งลงมาพอดี รอยยิ้มแหย่แย้มขึ้นบนใบหน้าของอีกฝ่ายทันใดเมื่อเจอสายตาแกมดุของคนเป็นพี่

    "ถ้าล้มขึ้นมามันจะแย่เอานะคะ" ทาคาระบ่นน้องสาวพลางถอนหายใจออกมา หากเธอก็ไม่ได้ดุด่าเด็กสาวไปมากมายกว่านั้นหรอก "พี่ทำกับข้าวไว้ให้เเล้ว แต่ถ้าอยากได้ของหวานก็บอกได้นะคะ ในตู้เย็นมีพุดดิ้งอยู่ค่ะ"

    ถือว่าเป็นเช้าที่วุ่นวายอีกหนึ่งวัน แต่ก็ไม่ได้ยากกว่าการรับมือล่ะนะ


    example 2; please, focus on the work.

    เสียงหาวหวอดดังขึ้นในช่วงเย็นที่สายลมกำลังพัดเย็นสบาย ร่างของเด็กหนุ่มวัยมัธยมปลายทำท่าเหมือนจะเลื้อยลงไปนอนซบโต๊ะเรียนอยู่รอมร่อ หากแต่แล้วในตอนที่ศีรษะเขาสัมผัสกับความอุ่นของเอกสารบนโต๊ะไปได้ไม่ทันไร เสียงของใครบางคนก็ดังขัดขึ้นเสียก่อนว่า

    "อย่านอนในเวลางานสิคะ อาซามิซัง"

    ดวงตาสีน้ำเงินคมปลาบจ้องมายังเขาจนตัวแทบทะลุในฉาบเดียว ใบหน้าสะสวยของรองประธานสภานักเรียนดูเรียบตึงครั้นเห็นท่าทีเหยาะแหยะเหล่านั้น อาซามิซังที่ว่าก็รีบทำการขอโทษขอโพยเเล้วกลับไปจดจ่อกับงานช่วงเย็นต่อทันที ท่าทีเหล่านั้นตกอยู่ในสายตาของทุกคน และมันเป็นเรื่องปกติไปแล้วกับการเห็นทาคาระเอ่ยปากดุคนที่ทำตัวขี้เกียจอย่างออกนอกหน้าแบบนั้น

    "ไคโยซังเนี่ย ดุกว่าที่ฉันคิดอีกนะเนี่ย" แต่ก็ไม่วายมีใครสักคนเอ่ยปากเย้าหยอกเธออยู่ดี มันทำให้เด็กสาวต้องเอียงคอน้อย ๆ อย่างไม่เข้าใจเสียไม่ได้

    "ฉันก็แค่เตือนเท่านั้นเองค่ะ ไม่ได้จะดุด่าอะไรมากมายสักหน่อย" เด็กสาวแก้รูปประโยค ขณะเดียวกันก็ใช้คลิปหนีบเอกสารทั้งหมดเเล้วยื่นมันให้กับคนข้างตัวก่อนจะลุกขึ้นยืน "อย่าลืมเอาเอกสารเรื่องของบจากแต่ละชมรมไปให้อาคาชิคุงด้วยนะคะ"

    "อะ — โอ้, ว่าแต่นั่นเธอจะไปไหนน่ะ?"

    ทาคาระที่ยืนมองนาฬิกาข้อมือบนเรียวแขนตนอยู่นั้นเหลือบสายตากลับมายังผู้ถาม แล้วตอบกลับด้วยคำตอบที่ทำให้หลายคนยิ้มแห้งว่า

    "ว่าจะไปดูพวกเด็ก ๆ ที่ชมรมสักหน่อยน่ะค่ะ พอฉันไม่อยู่ก็ชอบอู้กันเป็นประจำ ปล่อยให้อยู่กันเองนาน ๆ ไม่ได้หรอกค่ะ"

    เอาเป็นว่าใครก็ตามที่โดดซ้อมของชมรมประสานเสียงวันนี้ก็ขอให้โชคดีเเล้วกันนะ..


    example 3; are you angry?

    "รุก" ปลายนิ้วเรียวยาวของคนอายุน้อยกว่าตรงหน้าคีบเอาตัวหมากบนกระดานหมากรุกญี่ปุ่นวางลงในตำแหน่งที่เหมาะสม ก่อนจะเอ่ยคำ ๆ นั้นออกมาที่ได้ยินซ้ำมาประมาณหกเจ็ดรอบแล้วในช่วงเย็นวันนี้ ทาคาระจ้องกระดานโชงิตรงหน้านิ่ง ๆ ไม่ปรากฏรอยยิ้ม ไม่มีร่องรอยสั่นไหวในแววตา มีแค่การเอื้อมมือไปหยิบเอาตัวหมากออก แล้วเริ่มเรียงมันอีกครั้งเงียบ ๆ ก็เท่านั้น

    "เหมือนว่าผมจะชนะอีกแล้วนะ" น้ำเสียงเอ่ยพูดแบบที่แสดงออกว่าไม่ได้แปลกใจแม้แต่น้อยเอ่ยออกมาจากคนตรงหน้า

    "นั่นสินะคะ" และเด็กสาวเองก็ขยับปากตอบ, เพียงแค่นั้นนั่นแหละ

    บรรยากาศเงียบสงัดทันทีหลังจากนั้น ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก มีเพียงเสียงวางหมากดัง แป้ก! แป้ก! แป้ก! ลงบนกระดานอย่างต่อเนื่องเท่านั้น เด็กหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีแดงจ้องคนตรงหน้านิ่ง สังเกตอาการท่าทีเหล่านั้นอยู่เงียบ ๆ ก่อนจะโพล่งออกไปว่า

    "โกรธเหรอทาคาระซัง"

    "ไม่นะคะ ไม่ได้โกรธอะไร"

    แป้ก! 

    แป้ก! 

    แป้ก!

    "โกรธอยู่จริง ๆ ด้วยสินะ"

    "ไม่ได้โกรธค่ะ!"


    example 4; I am very impressed.

    "ของขวัญวันเกิดเหรอคะ" ทาคาระทวนถามคำถามที่อีกฝ่ายเอ่ยถามออกมาด้วยสีหน้ามึนงงเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำเงินฉายประกายแววครุ่นคิดเช่นเดียวกับท่าทางที่ดูเคร่งเครียดมากขึ้น จนผ่านไปแล้วหลายนาทีก็ยังคงไม่ได้คำตอบ สุดท้ายก็เป็นอีกฝ่ายที่เอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจซะเองว่า

    "ไม่มีของที่อยากได้เลยเหรอ..?"

    "ไม่มีนะคะ"

    "เป็นของแพง ๆ ก็ได้นะ ฉันซื้อให้ได้อยู่เเล้ว"

    "..แต่ของส่วนมากก็ไม่ได้ราคาแพงจนขนาดที่ว่าฉันจะซื้อไม่ไหวนะคะ"

    เหมือนกับมีอะไรหนัก ๆ สักอย่างตกใส่หัวคนตรงหน้าดังตุ้บ เพื่อนแสนรักร้องพึมพำออกมาประมาณว่า 'อ่า..นั่นสินะ ก็ทาคาระนี่นา' ด้วยเสียงอันเบาหวิวจนเหมือนกับว่ากำลังอายที่เพิ่งนึกขึ้นมาได้ ก็เพราะว่าตัวเธอเองก็ลืมนึกไปซะสนิทใจเลยน่ะสิว่าเด็กสาวตรงหน้าไม่ได้แค่หน้าตาดีและเก่งรอบด้านเท่านั้น เธอยังเป็นลูกสาวตระกูลร่ำรวยแห่งหนึ่งของประเทศนี้ด้วยอีกต่างหาก

    ทาคาระมองท่าทีหงอยเศร้านั้นอยู่แวบหนึ่ง ก่อนเธอจะหลุดรอยยิ้มเล็ก ๆ ขึ้นมาประดับใบหน้าสะสวยของเธอ เสียงหัวเราะแผ่วเบาที่ดังขึ้นเรียกให้สายตาเหลือบมามอง ก่อนที่จะได้สบกับดวงตาสีน้ำเงินสวยเป็นประกายระยับด้วยความยินดี ใบหน้าซึ่งเมื่อประดับด้วยรอยยิ้มก็ดูน่ามองขึ้นเป็นกอง ทาคาระเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเพื่อนสาวเบา ๆ เอ่ยบอกกับเธอว่า

    "แค่คุณตั้งใจจะซื้อของให้ ฉันก็ดีใจมากเเล้วล่ะค่ะ..ไม่ต้องคิดมากไปหรอกนะคะ"


    example 5; I just...

    ในขณะที่ไฟทั่วทั้งตัวบ้านปิดสนิทและเวลาเองก็ล่วงเข้าวันใหม่มาได้หลายชั่วโมงแล้ว ร่าง ๆ หนึ่งกลับยังคงนั่งเหยียดขาอยู่ตรงระเบียงฝั่งสวนญี่ปุ่นด้านนอกนั่น วันนี้เป็นวันที่ฟ้าเปิด ทาคาระสามารถมองเห็นพระจันทร์ดวงโตได้อย่างชัดเจน เหมือนกับแสงจันทร์ที่ส่องลงมากระทบผิวหน้าเนียนได้อย่างพอเหมาะ ภาพที่เห็นช่างแสนสวยงาม เว้นก็เสียแต่ว่าแววตาของเธอช่างหม่นหมองเสียเหลือเกิน

    "พี่" พลันเสียงร้องทักของใครสักคนดังขึ้น เป็นอาโออินั่นเองที่ออกมาเห็นเธอเข้า "ทำอะไรน่ะ ทำไมยังไม่นอนอีก"

    ทาคาระกะพริบตาเบา ๆ ก่อนก้มลงมองกระดาษสีบนตักของเธอ "พี่อยากพับนกกระเรียนน่ะค่ะ" ริมฝีปากขยับตอบออกไปเสียงแผ่ว ปลายนิ้วเริ่มขยับพับกรีดกระดาษเหล่านั้นให้ออกมาเป็นรูปทรงอีกครั้งท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด

    อาโออิจ้องมองใบหน้าเสี้ยวข้างของพี่สาวด้วยสายตากังวล ถึงจะไม่พูดอะไร เธอก็รู้ดีเลยว่าทาคาระกำลังเหนื่อยและเศร้ามากแค่ไหน อีกทั้งตัวเด็กสาวเองก็พอจะรู้ด้วยว่าสาเหตุของร่องรอยความอิดโรยเหล่านี้มาจากอะไรกันแน่

    "พี่คิดถึงแม่ใช่ไหม..?"

    ปลายนิ้วที่กำลังขยับพับนกกระเรียนอยู่นั้นหยุดชะงักลงแทบทันที กลายเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดอย่างหนึ่ง อาโออิถอนหายใจเเผ่วเบา เธอเอื้อมมือไปกุมมือของพี่สาวเอาไว้ ดึงให้ร่างที่ดูเล็กบอบบางกว่าเธอแท้ ๆ แต่กลับดูแลเรื่องต่าง ๆ มากมายได้อย่างสมบูรณ์แบบเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ไหล่เล็กนั้นที่สั่นสะท้านขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับเสียงสะอื้นที่เล็ดรอดออกมาแม้ว่าจะพยายามสะกัดกลั้นเอาไว้ มันทำให้เธออดเศร้าไปด้วยไม่ได้เลยจริง ๆ

    ต่อให้ทาคาระจะพยายามแสร้งเป็นเข้มแข็งสักแค่ไหน..กับเรื่องของความเสียใจนี้ก็ไม่เคยเป็นสิ่งที่เธอสามารถรับมือมันได้ดีเลย

    เพียงแค่ถูกทักกถามหรือได้ยินคำว่า "ไม่เป็นไรนะ" นั้น — น้ำตามันก็ไหลออกมาได้อย่างง่ายดายเสียแล้ว..


    อุปนิสัย : 

    • she is the number one lady.

    ไคโย ทาคาระ, พูดถึงชื่อนี้คงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครไม่รู้จัก เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่หลายคนให้สมญานามว่า 'กุลสตรีหมายเลข1' ซึ่งไม่ได้มาจากแค่ท่าทาง การวางตัว กิริยามารยาทของเธอที่สมบูรณ์พร้อมเท่านั้น แต่ยังหมายถึงองค์ประกอบอื่น ๆ ในตัวเธอที่ยอดเยี่ยมเสียจนน่าตกตะลึง ว่าพระเจ้าโปรดปรานใด ๆ ในเด็กสาวนักหรือจึงมอบความวิเศษให้เธอถึงขนาดนี้ ทาคาระเป็นผู้หญิงที่มีความเป็นสุภาพสตรีมาก ๆ เพราะเธอเติบโตมาในครอบครัวร่ำรวยที่เคร่งระเบียบ อีกทั้งยังเป็นตระกูลเก่าแก่ตระกูลหนึ่งของญี่ปุ่น ทาคาระจึงได้รับความปลูกฝังเรื่องการวางตัวมาอย่างดี อีกทั้งเมื่อเธอเป็นพี่สาวคนโตของบ้าน เธอจึงเรียนรู้ที่จะดูแลผู้คนรอบตัวเธอ ดังนั้นเธอจึงเป็นคนที่พึ่งพาได้เสมอ เผลอ ๆ บางทีอาจจะมากกว่าพวกผู้ใหญ่บางคนด้วยซ้ำไป

    เธอมักสงบนิ่งอยู่เสมอ นั่นคือสิ่งที่ทุกคนบอกกันมา ม่ใช่ว่าเย็นชาไร้อารมณ์หรือแข็งกระด้างจนเกินพอดี ทาคาระเพียงแค่ใส่ใจและพิถีพิถันกับเรื่องรอบตัวของเธอมาก อีกทั้งทาคาระยังจริงจังกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิต เมื่อลงมือทำอะไรสักอย่าง เธอมักทำมันด้วยความขมักเขม้นตั้งใจอย่างถึงที่สุด ทาคาระคิดว่าความพยายามเป็นส่วนหนึ่งในการประสบผลสำเร็จ ถึงแม้ว่าบางครั้งความพยายามอาจไม่ได้ช่วยทำให้เราได้ทุกอย่างมา แต่อย่างน้อยที่สุดเเล้ว คนที่ได้ลองพยายามอย่างเต็มที่ก็ย่อมดีกว่าคนที่ไม่คิดพยายามอะไรเลย ทาคาระคิดว่าเเม้อาจล้มเหลว แต่เธอก็จะได้ประสบการณ์บางอย่างกลับมาด้วยอย่างแน่นอน ดังนั้นเเม้สุดท้ายเเล้วอาจต้องร้องไห้เสียใจกับความล้มเหลว ก็ขอให้เธอได้มีความสุขกับการลองทำสิ่งต่าง ๆ เท่าที่ใจเธอปรารถนาก่อนเถอะนะ

    นอกจากนี้การพูดจาของทาคาระยังเป็นอะไรที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ไม่น้อย เธอติดนิสัยชอบพูดเป็นทางการกับทุก ๆ คนรอบตัวเธอ และเติมหางเสียงเพื่อให้ความสุภาพเเม้กับคนที่สนิทด้วยดีเเล้ว จะมีผ่อนคลายลงมาบ้างก็แค่ตอนที่คุยกับครอบครัวเท่านั้น แต่ทุกทีก็ยังคุยด้วยศัพท์ทางการเหมือนเดิม ไม่ค่อยมีการหยอกเย้าล้อเล่นสักเท่าไหร่ เพราะเจ้าตัวก็ไม่ใช่พวกมีอารมณ์ขันมากมายขนาดนั้นอยู่เเล้ว นอกจากนี้ยังแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเห็นทาคาระสบถด่าหรือหลุดคำหยาบออกมา ต่อให้อยากด่าคน เธอก็ยังด่าด้วยถ้อยคำแบบที่สุภาพชนเขาใช้พูดกันเป็นการตักเตือนอยู่ดี

    • never let things out of the line that they should be.

    ทาคาระนั้นเหมือนกับนกตัวหนึ่ง เธอโบยบิน และโลดแล่นไปกับสายลมบนฟากฟ้าโดยอิสระ ทาคาระไม่เคยให้มาตัดสินใจเเทนเธอ สิ่งต่าง ๆ ที่ทำนั้นก็ทำไปตามความต้องการของตัวเองทั้งสิ้น ทาคาระมีความมั่นใจในตัวเอง หากก็ไม่ใช่ความถือดี เธอฉลาดมากพอจะวิเคราะห์พิจารณาได้ว่าเรื่องไหนที่ตนสามารถทำได้ และเรื่องไหนที่ตนไม่สมควรจะทำ ดังนั้นเธอจึงไม่เคยทำให้ใครหนักใจเลยว่าเธอนั้นจะออกนอกลู่นอกทาง ตรงกันข้าม ทาคาระเเทบจะเป็นคนที่อยู่ในกฎระเบียบตลอดเวลาเสียด้วยซ้ำ จะบอกว่าทาคาระเองนั่นแหละที่เป็นคนคุมกฎก็ยังได้ เธอมักคอยเตือนการกระทำที่ไม่ดีของคนรอบตัวอยู่เสมอ ซึ่งบางครั้งเธอก็อาจจะบ่นเก่งไปบ้าง แต่เชื่อเถอะว่าทั้งหมดที่บ่นที่ว่าไปน่ะเธอหวังดีด้วยทั้งนั้นเลยนะ

    สายตาคมกริบเหมือนกับเหยี่ยว ใครจะรู้ล่ะว่าเธอคนนี้ตาไวอย่างกับอะไรดี ทาคาระเหมือนกับเครื่องสแกนหาจุดผิด แค่คำผิดเล็ก ๆ ไม่ก็การใช้เครื่องหมายผิดประเภทในรายงานเธอก็ยังสามารถหาเจอได้ด้วยซ้ำ นั่นทำให้เพื่อน ๆ ชอบวิ่งเข้ามาขอให้เธอช่วยดูงานให้อยู่เสมอ เพราะทาคาระสามารถให้คำแนะนำที่ดีกับพวกเขาได้ยังไงล่ะ ว่าควรจะทำยังไงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่บางคนก็คงแอบเบะปากแล้วบ่นว่าเธอมันเป็นพวกยุ่งยากน่ารำคาญอยู่เหมือนกัน เพราะทาคาระไม่เคยปล่อยข้อผิดพลาดให้เล็ดรอดไปเลยน่ะสิ ผิดแค่นิดเดียวก็ต้องกลับไปแก้มาใหม่อยู่ดี แถมยังไม่ทำให้ใครอีกต่างหาก ทาคาระถือคติว่ามนุษย์เติบโตได้ด้วยสองมือและสองขาของตัวเอง ดังนั้นไม่ต้องมาออดอ้อนออเซาะกันซะให้ยาก ต่อให้หาของมาติดสินบน เธอก็ไม่คิดช่วยใครทางลัดอย่างเด็ดขาดเลย

    ทาคาระเป็นคนที่ใจเเข็งมาก ๆ แถมยังเป็นคนมองโลกได้เป็นกลางสุด ๆ เธอรับฟังเหตุผลมากกว่าอารมณ์ ใครก็ตามที่ฮึดฮัดเป็นฟืนไฟเข้ามาโวยวายใส่เธอ ทาคาระจะเตะโด้งมันออกไปให้หมด ทาคาระคิดก่อนพูดและก่อนทำเสมอ ดังนั้นเธอจึงมั่นใจกับการตัดสินใจของตนที่สุด เป็นคนที่ถ้าตัดสินใจแน่วแน่ไปเเล้ว จะไม่เอนเอียงกับเสียงไซโครอบตัวใด ๆ ทั้งสิ้น เว้นแต่จะมีเสี้ยวหนึ่งในใจเธอนั่นแหละที่มันเอนเอียงเสียเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้ายังไม่ตัดสินใจ ทาคาระก็จะเอนเอียงตามคำพูดจากคนสนิทมากกว่าคนที่ไม่สนิท เพราะเธอเองก็ค่อนข้างจริงจังกับการเลือกคบเพื่อนอยู่เหมือนกัน ทาคาระเลยมีเพื่อนไม่เยอะสักเท่าไหร่ เธอสนิทกับคนได้ยาก เรียกได้ว่าต้องใช้เวลาก็ไม่ผิด ความสัมพันธ์ที่มันปุบปับเกินไปน่ะมันน่าปวดหัว เเล้วก็ไม่น่าจะยืนยาวสักเท่าไหร่ด้วยนี่สิ

    • she can be more than an eighteen-year-old girl.

    เด็กสาวคนนี้ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา วงศ์ตระกูล หรือแค่กิริยามารยาทเท่านั้น เธอยังเป็นคนที่เก่งอย่างน่าเหลือเชื่อ แถมยังเก่งไปซะหมดอีกต่างหากด้วย ทาคาระทำเป็นทุกอย่างตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ ซึ่งหมายถึงอย่างที่ว่าจริง ๆ ไม่ได้ล้อเล่นเเต่อย่างใด เธอชงชาเป็น เขียนพู่กันสวย แล้วก็สามารถขี่ม้ากับเล่นกีฬาสารพัดอย่างได้อย่างดีเยี่ยม อาจจะบอกว่ามีของที่ถนัดอย่างถึงสุดได้ไม่มากมายนัก แต่ถ้าพูดเรื่องที่ว่าทำได้ดีล่ะก็ แทบจะนับไม่หวาดไม่ไหวเลยล่ะว่ามีเรื่องอะไรบ้าง จะบอกว่าเป็นซุปเปอร์วูเเมนก็ได้ ไม่ค่อยผิดสักเท่าไหร่หรอก ก็เธอเก่งจริง ๆ นี่ พวกเรื่องการบริหารจัดการอะไรก็ทำได้เหมือนกันนะ แถวยังเป็นคนหัวไวมีหัวช่างคิดวิเคราะห์อีกต่างหาก ทาคาระน่ะมักได้รับบทเป็นแม่งานจัดการเรื่องต่าง ๆ ตลอดเลยล่ะ เพราะว่าเธอเหมาะกับบทบาทผู้นำมากเลยยังไงล่ะ

    ทั้งนี้ความเก่งกาจสารพัดอย่างรอบด้านนี้ก็ไม่ได้มาจากแค่พรสวรรค์เท่านั้นหรอกนะ กับบางเรื่องทาคาระก็มีพรสวรรค์จริง ๆ แหละ (เช่นการเล่นโคโตะกับการร้องเพลงเป็นต้น) แต่ส่วนมากเเล้วสิ่งเหล่านี้มักเกิดจากความพยายามฝึกฝนซะมากกว่า อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่าทาคาระเป็นคนที่จริงจังกับชีวิตมาก ต่อให้จะเป็นแค่กิจกรรมอดิเรกยามว่างที่หยิบขึ้นมาเล่นชั่วคราว เธอก็ยังพยายามฝึกอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ดี เป็นผู้หญิงที่พร้อมทำทุกอย่าง (ในทางที่ดี) เพื่อให้ตนประสบผลสำเร็จ เพราะทาคาระไม่ชอบที่จะผิดหวัง เธอจึงทำให้เต็มที่กับทุกอย่างและหมั่นฝึกฝนเสมอ ด้วยความเป็นคนขยันขันเเข็ง ไม่ผลัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย ฝีมือด้านต่าง ๆ จึงพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ทาคาระเองก็ไม่เคยยอมแพ้กับอะไรง่าย ๆ ยิ่งเป็นเรื่องที่ยากมากแค่ไหนก็ยิ่งมีแรงจูงใจให้พยายามทำให้ได้มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นการตั้งตนเป็นคู่เเข่งกับเธอจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่ากลัวไม่น้อย เพราะไฟในใจของเด็กสาวคนนั้นมันลุกได้แรงขนาดว่าเเทบไหม้เลยน่ะสิ..

    แต่ก็ต้องยอมรับล่ะนะว่าส่วนหนึ่งของความสามารถเหล่านี้มาจากการปลูกฝังจากที่บ้านด้วย ทาคาระเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ในขณะเดียวกันก็ไม่เคยบ่ายเบี่ยงสิ่งที่ที่บ้านเธอหยิบยื่นมาให้ด้วย เธอตั้งใจเรียนหนังสือ ขยับทบทวนบทเรียนเสมอก็เพราะพ่อของเธอต้องการให้เธอเติบโตไปเป็นเด็กที่ฉลาดและหัวดี ทำแบบนั้นอยู่ซ้ำ ๆ จนการได้ที่หนึ่งของระดับชั้นกลายเป็นสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอเลย หากทาคาระก็ไม่เคยวางใจ ต่อให้เก่งในเรื่องนั้นเป็นทุนเดิม เธอก็ไม่คิดดูถูกคู่แข่ง แล้วก็ไม่คิดหมางเมินเรื่องการเตรียมพร้อมด้วย เช่นเดียวกันกับการใช้ชีวิตประจำวัน ก่อนออกจากบ้าน ทาคาระจะเช็คทุกอย่างให้แน่ใจว่าเธอแต่งตัวเรียบร้อยแล้วและไม่ลืมอะไรแน่รึเปล่า? เรียกได้ว่าไม่มีทางลืมของหรือเผลอเปิดแก๊สทิ้งไว้อะไรแบบนั้นแน่ ๆ ล่ะ แต่ถ้าเกิดเผลอสะกิดใจขึ้นมาว่าเธอทำไปรึยังนะ? ปิดไฟห้องน้ำรึยัง? ลืมเอาของมาไหม? เธอก็จะกระวนกระวายสุด ๆ จนกว่าจะกลับไปเช็คให้แน่ใจเเล้วเสร็จเลยล่ะ

    • the princess of rhythm and melody.

    เธอผู้หลงรักในเสียงเพลง ทาคาระหลงใหลในท่วงทำนองและจังหวะของบทเพลงต่าง ๆ เช่นเดียวกับการร้องเพลงที่เธอชื่นชอบมันเป็นอย่างมาก และเมื่อเป็นเรื่องที่ชอบแล้ว ทาคาระก็จะทำมันออกมาได้ดีถึงระดับที่ว่าแทบไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ ให้ได้เห็นเลย เสียงของทาคาระเพราะใส ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยว่าทำไมผู้คนถึงได้หลงเคลิบเคลิ้มไปกับเสียงของเธอเสมอ บทเพลงที่ทาคาระร้องออกมาสามารถทำให้คนรอบตัวรู้สึกผ่อนคลายใจลงมาได้ ทาคาระเองก็รู้ตัวดี เธอมักจะร้องเพลงให้พวกน้อง ๆ ฟังอยู่บ่อย ๆ ไม่ก็เล่นโคโตะบ้างเเล้วแต่เด็ก ๆ จะขอ ไม่ค่อยเกี่ยงนักเวลามีคนมาขอให้โชว์ความสามารถด้านนี้ เรียกได้ว่าพร้อมภูมิใจนำเสนอสิ่งที่ตัวเองรักก็ว่าได้ แถมยังไม่วายแฝงเกล็ดความรู้ต่าง ๆ ให้ด้วย เป็นอันรู้ทั่วกันว่าถ้าทาคาระชอบอะไรสักอย่าง เธอจะศึกษามันจนลึกซึ้งเลยล่ะ

    ขาดอะไรไปก็ขาดได้ แต่ขาดเสียงดนตรีนี่ไม่ได้เลยจริง ๆ ถ้าบอกให้ทาคาระเลิกร้องเพลง เธอก็จะยื่นคำขาดกลับมาเลยว่างั้นก็ให้เธอตายเลยเถอะด้วยสีหน้าจริงจังมาก ๆ ปกติไม่ใช่คนดื้อ แต่ถ้าเป็นเรื่องนี้จะหัวเเข็งมาก ทาคาระจะไม่พลาดพวกงานแสดงนักร้องที่เธอชอบ นิทรรศการเพลงอะไรพวกนี้เด็ดขาด แต่อย่าคิดว่าจะเอามาต่อรองกับเธอได้เชียวนะ เพราะถึงจะชอบมากยังไงเรื่องความถูกต้องก็ต้องมาก่อนอยู่ดีนั่นแหละ ทาคาระทุ่มเทให้กับสิ่งที่เธอชอบมากเเบบถวายชีวิตเลยด้วยซ้ำ มีครั้งหนึ่งที่ต้องขึ้นเเสดงแต่เธอดันป่วย ทาคาระก็ยังดื้อจะไปแสดงให้ได้ จนถึงขั้นเถียงกับพวกน้อง ๆ ใหญ่โตเลยด้วยล่ะ

    ทาคาระเป็นคนที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ แต่เธอก็ยังมีมุมเด็กน้อยของเธออยู่บ้าง เธอมีความดื้อรั้นของเธอเองที่พร้อมจะเถียงจนขาดใจเพื่อสิ่งที่เธอชอบ ครั้งหนึ่งพ่อเคยจะให้เธอเลิกเล่นโคโตะ เธอก็ไม่ยอม เถียงด้วยเสียใหญ่โต อ้างทั้งเหตุผลทั้งรับประกันที่ว่าเธอจะทำมันให้ดี แล้วก็ถึงขนาดร้องไห้ออกมาเลยด้วย..ดังนั้นตั้งแต่เกิดมา ก็เลยไม่มีคนขัดใจทาคาระเรื่องนี้ได้สำเร็จเลยน่ะสิ เพราะทุกคนถ้าไม่เถียงเเพ้เธอ ก็ต้องเเพ้น้ำตาที่นาน ๆ ครั้งจะเห็นนี้ตลอด แต่ถ้าเกิดดันมีคนที่ใจเเข็งใส่เธอขั้นหนักจริง ๆ โผล่มาล่ะก็ ทาคาระก็คงต้องยอมแบบจำใจ แล้วโกรธเขาไปอีกหลายวันเลยล่ะ

    • calm face but angriness is boiling inside.

    ทาคาระผู้ถูกสอนมาตั้งแต่เด็กว่า 'โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า' นั้นเป็นหญิงที่พยายามเก็บอารมณ์อยู่ตลอด เธอไม่ชอบการแสดงอารมณ์ที่มากจนเกินไป ทั้งทางสีหน้า น้ำเสียง หรือกระทั่งแววตา แต่เรื่องของเรื่องก็คือ ผู้หญิงคนนี้เก็บอารมณ์ของตัวเองได้ไม่เก่งสักเท่าไหร่เลยน่ะสิ..ที่เห็นนิ่ง ๆ ได้ตลอดวันนั่นน่ะเพราะไม่คิดอะไรต่างหาก ลองให้มาโกรธดูสิ ต่อให้มองมาจากดาวเสาร์ยังดูรู้เลยว่าทาคาระกำลังโกรธอยู่ แต่ว่าเจ้าตัวเขาไม่ค่อยอยากจะยอมรับสักเท่าไหร่นี่สิว่าตัวเองโกรธ เหมือนทาคาระจะฝังใจกับประโยคที่ว่า โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า มากไปหน่อย เธอเลยพยายามที่จะไม่โกรธทุกคน แล้วก็นับหนึ่งถึงสิบในใจวนไปเรื่อย ๆ เผื่อว่าตัวเองจะใจเย็นลงมาได้บ้าง ซึ่งก็..เอ่อ ไม่ได้ช่วยอะไรสักเท่าไหร่ สุดท้ายทาคาระก็ยังเผลอขมวดคิ้วตลอดอยู่ดีนั่นแหละ

    แต่ว่าเธอก็ไม่ใช่คนที่จะโกรธชาวบ้านเขาไปเรื่อยหรอกนะ ต้องบอกว่ามีน้อยเรื่องมาก ๆ ที่จะทำให้ทาคาระถึงขั้นโกรธขึ้นมาได้ ส่วนมากแล้วเธอจะออกอารมณ์หน่ายจิตกับรำคาญซะมากกว่า ซึ่งถ้าเป็นสองอย่างนี้ก็แค่พาตัวเองหนีออกมาจากต้นตอที่ทำให้รู้สึกแบบนั้น แล้วพอมองนกมองไม้ไปเรื่อย ๆ มันก็จะอารมณ์ดีขึ้นมาเองนั่นแหละ จะบอกว่าหงุดหงิดยากแต่หายง่ายก็ไม่ผิดสักเท่าไหร่ ส่วนเรื่องโกรธนี่..เหมือนจะมีอยู่สองสามกรณีล่ะนะ อย่างแรกคือกรณีที่เธอพยายามทำอะไรสักอย่างเเล้วมันไม่ออกมาเป็นอย่างที่หวัง เช่นพยายามจะชนะโชงิใครสักคน แต่แพ้มันสิบตารวดอะไรแบบนั้น ทาคาระจะหงุดหงิดมากถึงขั้นโกรธตัวเองอยู่ในใจว่าอะไรมันจะไม่ได้เรื่องขนาดนั้น หรือก็คือเธอด่าตัวเองนั่นแหละ..ไม่ได้โกรธคนอื่นแต่อย่างใดหรอก

    อย่างที่สองที่ทำให้โกรธได้นั่นคือการไปห้ามไม่ให้เธอทำเรื่องที่ชอบ ส่วนอย่างสุดท้ายก็คือการเข้าไปยุ่งวุ่นวายหรือด่าทอครอบครัวคนสำคัญของเธอ ทาคาระไม่ใช่สายไฟท์เตอร์ เธอออกจะเป็นพวกเจรจาประณีประนอมด้วยซ้ำ เพราะว่าการทะเลาะวิวาทมันทำให้เรื่องวุ่นวายน่ะสิ แต่ถ้าลองเป็นเรื่องของคนในครอบครัวล่ะก็ รับรองเลยล่ะว่าทาคาระจะฟาดเอาให้หลังหักด้วยคำพูดของเธอเนี่ยแหละ เด็กสาวคนนี้ไม่นิยมความรุนแรง รักสันติสุข แต่ถ้าไม่เลิกวุ่นวายกับครอบครัวของเธอ เธอก็พร้อมด่าด้วยภาษาแบบปัญญาชนของเธอเช่นกัน ซึ่งทาคาระไม่ยอมลงจนกว่าจะได้รับคำขอโทษที่เหมาะสมกับที่อีกฝ่ายมาว่าครอบครัวของเธอด้วย ใบหน้าของเธอตอนที่บอกให้ฝั่งนั้นถอนคำพูดน่ะบึ้งตึงสุด ๆ เลยล่ะ เเทบจะกินหัวคนเข้าไปได้แล้วด้วยซ้ำไป

    • love is something that hard to understand but I'll try.

    ว่ากันว่าต่อให้เก่งกาจแค่ไหนก็ย่อมมีสักเรื่องหนึ่งที่ไม่ถนัดเอาเสียเลย สำหรับทาคาระ ความรักคือเรื่องที่เธอไม่เข้าใจมากที่สุด เด็กสาวที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าวัยคนนี้จะเดียงสาได้มากสุดเมื่อพูดถึงคำว่ารัก ทาคาระไม่เคยมีประสบการณ์ด้านความรักมาก่อนเลย ต่อให้เธอจะเป็นคนที่หน้าตาดีหรือเป็นขวัญใจผู้ชายหลาย ๆ คนก็เถอะ ทาคาระก็ไม่เคยมีแฟนมาก่อนอยู่ดี ทั้งนี้ก็ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก มันเป็นเพราะเธอด้วยส่วนหนึ่งล่ะนะ..ก็ทาคาระน่ะเรื่องมากเรื่องความสัมพันธ์จะตาย เธอเป็นพวกคิดมากกับอะไรแบบนี้นะ กว่าจะมาคบกันได้ ก็ต้องคิดให้ดีก่อนสิว่าเป็นคนนี้แล้วมันจะดีรึเปล่า ทาคาระไม่อยากผิดหวังกับความรัก เพราะเธอเคยเห็นมันมาจากพ่อแม่ของเธอว่ามันเต็มไปด้วยความทรมาน ดังนั้นเธอถึงได้พยายามมองหาคนที่สามารถอยู่ด้วยกันได้จนเติบใหญ่มากกว่ายังไงล่ะ

    การเริ่มความสัมพันธ์กับใครสักคนไม่สามารถเกิดขึ้นได้แค่เพราะความรู้สึก ต่อให้ทั้งเธอและเขาใจตรงกัน แต่ถ้าปัจจัยเหตุผลอื่น ๆ รอบตัวนั้นไม่เหมาะ ทาคาระก็ขอเลือกตัดใจจากความรักมากกว่าจะดื้อดึงต่อไป จะพูดว่าเธอกลัวเกินกว่าจะเสี่ยงก้าวไปข้างหน้ากับเขาด้วยเปอร์เซ็นต์ที่อาจเลิกกันได้อนาคตก็ไม่ผิดนักหรอก อีกทั้งทาคาระยังเป็นคนที่ตกหลุมรักได้ยากมากสุด ๆ อีกต่างหาก การทำให้เธอรักก็เหมือนทำให้เธอไว้วางใจ ทุกอย่างล้วนแต่ต้องใช้เวลา เธอต้องการศึกษาว่าที่คนรักของเธอมากพอกับที่ให้เวลาเขาศึกษาในตัวเธอ ว่าเราจะเข้ากันได้รึเปล่า ดังนั้นทาคาระจึงเป็นคนจำพวกที่คุยกันเป็นปีเพื่อให้คบกันได้ไปอีกนับหลายสิบปี และถ้าหากใครสักคนทำให้เธอตกหลุมรักจนสามารถพูดคำว่า 'รัก' ออกไปได้ล่ะก็ เธอก็คงรักเขาหมดใจเเล้วจริง ๆ และเธอเองก็เป็นพวกที่พร้อมเรียนรู้อีกฝ่ายเช่นกัน ต่อให้ตอนเเรกอาจจะไม่ได้ตรงสเปคเธอไปเลย เธอก็พร้อมเรียนรู้เพื่อหาจุดที่เข้ากันได้ระหว่างเราเสมอนะ

    ทาคาระไม่เคยมีความรัก อีกทั้งยังเคยเห็นด้านที่ไม่ดีของความรัก แต่เธอก็ยังเป็นเด็กสาวคนหนึ่งที่ปรารถนาว่าจะได้มีความรัก เธอวาดฝันเรื่องราวความรักของตนไว้ได้ไกลมากกว่าที่หลายคนคิด ทาคาระคิดเป็นจริงเป็นจังกับเรื่องนี้มาก ๆ เพราะเธออยากให้ตัวเองเป็นที่หนึ่งสำหรับเขา เช่นเดียวกันกับการที่เขาเป็นที่หนึ่งสำหรับเธอ ความรักไม่ใช่สิ่งที่ฉาบฉวย ใครก็ตามที่รีบร้อนเกินไปมักทำให้เธอขยับถอยหนีห่างเสมอ ในทางตรงกันข้าม หากทาคาระจะเป็นฝ่ายที่รู้สึกขึ้นมาก่อน เธอก็จะค่อย ๆ จีบเขาอย่างใจเย็นเช่นกัน ทาคาระไม่ใช่คนที่เขินอายกับการบอกความรู้สึกหรอก เธอแค่อยากให้มั่นใจว่าตนเองชอบเขาจริง ๆ เเล้วค่อยไปบอกเขาก็แค่นั้นเอง หลังจากนั้นเเล้ว เธอก็จะพยายามให้เขาตอบเธอกลับมาด้วยคำเดียวกันกับที่เธอบอกเขาไปให้ได้ ต่อให้เธอจะไม่เก่งเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ กับไม่เคยจีบใครมาก่อนเลยก็เถอะนะ..

    • everyone has their faith, me too.

    ทาคาระไม่ได้เชื่อเรื่องดวง โชคชะตา หรือพรหมลิขิต เธอค่อนข้างจะเป็นมนุษย์ที่เชื่อในการกระทำและผลของการกระทำมากกว่า แต่เธอก็ไม่เคยไปก้าวก่ายความเชื่อของใครเลย ทาคาระให้สิทธิ์พื้นที่คนรอบตัวอย่างเท่าเทียม ถ้าไม่ใช่เรื่องที่ผิดศีลธรรม จะเชื่อมั่นในอะไรก็เป็นเรื่องของเขาทั้งนั้นนั่นแหละ เรื่องความชอบก็ด้วย ทาคาระคิดว่าคนเรามีรสนิยมต่างกัน การไปดูถูกรสนิยมชาวบ้านเลยค่อนข้างเป็นอะไรที่ดูโง่เกินไปหน่อยสำหรับทาคาระ เพราะคนเราก็ใช่ว่าจะรู้ใจกันไปหมดสักหน่อยนี่ว่าทำไมเขาถึงชอบแบบนั้น เเล้วเราก็ไม่ได้รู้ด้วยว่าของสิ่งนั้นมีดียังไงคนเขาถึงได้ไปชอบ เหมือนกับการดูคนนั่นแหละ ทาคาระไม่ตัดสินใครจากแค่หนึ่งการกระทำหรือแค่การมองผ่าน ๆ เธอต้องการศึกษาอีกฝ่ายก่อนเพื่อให้กล้าพูดได้ว่าเขาเป็นคนยังไงน่ะ

    ปกติเเล้วทาคาระเป็นคนเปิดกว้างมาก เธอพร้อมรับในสิ่งที่เธอไม่รู้เข้ามาได้ตลอด ถ้าอันไหนที่เธอเข้าใจผิดไปแล้วมีคนมาช่วยแก้ความเข้าใจผิดนั้นให้ ทาคาระก็จะรับฟังด้วยความยินดี ไม่ค่อยมีอาการแบบอยากอวดภูมิความรู้เเข่งสักเท่าไหร่ อันที่จริงถ้าไม่ใช่เรื่องที่ชอบแม่คุณก็ไม่คิดพรีเซนต์ตัวเองเลยซะมากกว่า ชินกับการไม่บอกว่าตัวเองเป็นใคร แต่ทุกคนรับทราบได้โดยทั่วกันว่าเป็นรองประธานนักเรียน ทาคาระไม่คิดป่าวประกาศผลงานตัวเอง แต่ก็ไม่ห้ามถ้าคนจะพูดถึง ทั้งในทางที่ดีและไม่ดีนั่นแหละ ทาคาระรู้ว่าปากคนมันห้ามกันไม่ได้ ดังนั้นเธอจะไม่ห้ามถ้าอยากนินทาเธอ จะด่าเธอก็ด่าไปเถอะ เธอไม่ใช่คนแบบนั้นก็พอแล้ว แต่ถ้าสมมติมาด่าครอบครัวกับคนสำคัญเธอนี่ ทาคาระจะซัดให้หน้าหงายเลยนะบอกไว้ก่อน

    แต่ใด ๆ ก็ตาม ถึงจะพูดว่าทุกคนสามารถมีสิ่งเชื่อมั่นเป็นของตัวเองได้ แต่มนุษย์ทัศนคติเพี้ยนอย่างพวกที่บอกว่างานบ้านต้องเป็นงานของผู้หญิงเท่านั้น หรือการกดเพศหญิง ไม่ก็การคิดว่าผู้ชายไม่มีสิทธิ์ร้องไห้เพราะดูไม่เข้มแข็งน่ะ ทาคาระขออนุญาตฉอดกลับสักหน่อยเถอะ — บอกไว้ก่อนนะว่าถึงปกติเธอจะพูดด้วยสปีดพื้นฐาน แต่ถ้าให้ฉอดเถียงกับใครทาคาระก็ถนัดไม่เเพ้กันเลยล่ะ โดยเฉพาะพวกเรื่องสิทธิส่วนบุคคลเนี่ยยิ่งแล้วใหญ่ อย่าได้มาทำตัวนิสัยไม่ดีดูถูกคนโน้นคนนี้ เหยียดการศึกษาผิวพรรณหน้าตาเขาเด็ดขาดเชียว..เธอจะอบรมให้ลืมหน้าพ่อแม่เลย คอยดูสิ ในทางตรงกันข้าม ใครที่เข้าใจเรื่องพวกนี้ดีก็จะได้ใจเธอไปเยอะสักหน่อย คนที่ไม่ดูถูกคนด้วยกันเองน่ะ สำหรับทาคาระเเล้วเป็นมนุษย์ที่ถือได้ว่าน่าคบหานะ

    • the most thing she hates is her tears.

    แทบไม่มีใครได้เห็นน้ำตาของเธอเลย และมันก็ไม่ใช่เพราะว่าทาคาระเป็นคนที่แกร่งถึงขนาดว่าไม่ร้องไห้กับอะไรเลย แต่เป็นเพราะเธอหลบซ่อนน้ำตาของเธอออกจากสายตาของผู้คนต่างหากล่ะ ทาคาระรู้ขีดจำกัดของตัวเองดี คนที่เข้าใจตัวเธอได้ดีที่สุดก็คือตัวเธอเอง ในวันที่หนักและเหนื่อยจนล้าไปหมด ทาคาระมักหายไปอยู่กับตัวเองเงียบ ๆ คนเดียวโดยที่ไม่มีใครทันได้สังเกต ในตอนนั้นเองที่เธอจะปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ได้เท่าที่พอใจ ให้มากพอกับความเสียใจผิดหวังของเธอที่สุมอยู่เต็มอก เด็กคนนี้มักคาดหวังกับสิ่งต่าง ๆ และพยายามทำให้มันเป็นไปตามนั้น แต่เมื่อผลลัพธ์ที่ได้ออกมากลับกลายเป็นความล้มเหลว มันก็ย่อมทำให้เธอเสียใจจนอดไม่ได้เลยที่จะร้องไห้ออกมา ทาคาระมักพูดเสมอว่าเธอไม่เป็นอะไร แต่เมื่อพ้นสายตาคนอื่น ๆ เธอก็ยังคงร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กคนหนึ่งที่หกล้มเเละรู้สึกเจ็บ เด็กสาวรับมือกับเรื่องต่าง ๆ ได้ดีเสมอมา หากมีแค่เรื่องนี้เท่านั้นที่ไม่เคยทำได้เลย นั่นคือทาคาระไม่เคยห้ามความเสียใจของเธอได้เลย

    ทาคาระไม่ชอบอยู่กับคนอื่นในเวลาที่รู้สึกเศร้า เพราะตอนที่เธอเศร้า เธอมักอ่อนไหวมากกว่าปกติ เมื่อเธอเสียใจ อารมณ์ก็มักขึ้นมามีอำนาจเหนือกว่าเหตุผล เธอจะเก็บตัวเงียบอยู่คนเดียว นั่งพับนกกระเรียนมองนกมองไม้ไปเรื่อย เผื่อว่ามันอาจทำให้เธอสบายใจมากขึ้นกว่านี้ ทาคาระไม่เคยเอ่ยปากขอยืมไหล่ใครเพื่อพักพิง เธอคิดว่าทุกคนล้วนมีเรื่องหนักใจของตัวเอง เธอถึงได้ไม่อยากไปเป็นพลังงานด้านลบใส่คนอื่น โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีคนพร้อมจะปลอบใจเธอเสมอ เด็กสาวเรียนรู้การลุกยืนเมื่อล้ม หากเธอไม่เคยเรียนรู้ในการพึ่งพิงคนรอบตัว ทาคาระทำทุกอย่างด้วยตัวเธอเอง เธอผ่านเรื่องยาก ๆ มาด้วยตัวเอง และคิดจะทำแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เว้นก็แต่ว่าจะมีใครสังเกตความเจ็บปวดที่แฝงไว้ในตัวเธอบ้างสักนิดได้ล่ะก็..

    ต่อให้จะปากแข็งแสร้งปฏิเสธสักแค่ไหน ร่างกายของเธอก็ยังซื่อตรงกับความรู้สึกมากที่สุดอยู่ดี โตมาจนอายุสิบแปด ทาคาระก็พอเรียนรู้วิธีที่จะกลั้นน้ำตาไว้ได้บ้างเเล้ว หากเก็บเงียบไว้ไม่พูดถึงเลยก็คงพอแสดงท่าทีสบายดีออกไปได้บ้าง แต่ถ้าคนข้างกายเธอสังเกตเห็นมันล่ะก็ เพียงแค่พวกเขาคว้าเธอไปกอดไว้หรือบอกกับเธอว่าให้เธอร้องไห้ออกมาได้เท่าที่อยากจะร้อง ปราการทั้งหมดที่เพียรสร้างมาก็พร้อมพังทลายลงมาโดยสิ้นเชิง เพียงแค่การสะกิดบาดแผลเล็ก ๆ นั้นเเค่เล็กน้อยก็ทำให้เธอร้องไห้ออกมาได้เเล้ว แต่ทาคาระก็ยังดื้อดึงอยู่ดี..เธอไม่เคยชอบน้ำตาของตน ไม่เคยปลอบประโลมตัวเองได้เหมือนที่ปลอบคนอื่นเวลาพวกเขาร้องไห้ ต่อให้จะไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้เเล้ว ก็ยังพยายามข่มฟันกลั้นเสียงสะอื้นจนริมฝีปากเจ็บช้ำไปหมดอยู่ดี..


    ประวัติ : 


    [ birdcage ]


    ชอบ : 

    • ถักไหมพรม [มันสนุกดีนะ เธอถักเป็นงานอดิเรกเลยล่ะ ทั้งเสื้อ ทั้งผ้าพันคอ ทั้งตุ๊กตา ทำจนเซียนเเล้วด้วย]

    • ดนตรี (esp. การร้อง, โคโตะ) [ทาคาระหลงรักในเสียงดนตรีมาก ทั้งการร้องหรือที่เป็นห้วงทำนอง เธอมักจมจ่อมอยู่กับบทเพลงพวกนั้นได้ง่าย และประทับใจในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับดนตรีมากกว่าปกติถึงสองเท่า เรียกได้ว่าถ้ามีความรู้เรื่องดนตรี หรือเล่นดนตรีเป็นสักหน่อย ก็จะได้ใจเธอไปโขเลยล่ะ]

    • สลัดผลไม้ [มันอร่อยดีสำหรับทาคาระน่ะ วันไหนมีอาหารตบท้ายเป็นสลัดผลไม้ก็ดูอารมณ์ดีขึ้นมาทันตาเห็นเลย]

    • ไดฟุกุสตอร์เบอร์รี่ [อร่อยดีนะ ถ้าว่าง ๆ ทาคาระก็จะทำกินเองที่บ้านบ่อย ๆ (แถมทำอร่อยมากอีกต่างหาก)]

    • ของนุ่ม ๆ [กอดแล้วนุ่มฟู น่านอนซบก็ถือว่าผ่านทั้งหมด]

    • นวนิยาย [จำพวกสืบสวนหรือนวนิยายเชิงปรัชญาที่ต้องอ่านไปใช้หัวคิดไปจะชอบเป็นพิเศษ เวลาซื้อหนังสือก็จะซื้อแนวนี้เป็นหลัก]


    ไม่ชอบ : 

    • ของดิบ [จำพวกซาชิมิไม่ก็สเต็กแบบแรร์ อะไรประมาณนั้น ทาคาระไม่ชอบรสสัมผัส แล้วก็กังวลเรื่องความอนามัยด้วย ต่อให้จะเป็นอาหารจากภัตราคารห้าดาวที่รับรองเรื่องสุขอนามัยก็เถอะ..เธอก็ไม่อยากเสี่ยงกินอยู่ดีนี่]

    • เวลาผลลัพธ์ออกมาไม่ตรงอย่างที่ใจหวัง [ก็มันน่าผิดหวังเเล้วก็ทำให้เศร้าปนหงุดหงิดนี่นา]

    • อากาศหนาว [เวลาหิมะตกหรือฝนตกขึ้นมา ทาคาระเป็นหวัดทุกทีเลยล่ะ เเถมพออากาศเปลี่ยนภูมิเเพ้ก็กำเริบอีก แย่สุด ๆ ไปเลย]

    • ของรสจัด [ทาคาระเป็นคนจำพวกลิ้นแมว ถ้าอาหารรสชาติจัดเกินไปก็จะกินไม่ได้ พวกชาที่ขมจัดเกินพอดีนั่นเธอก็ดื่มไม่ได้เช่นกัน]


    เกลียด :

    • คนที่ไม่จริงจังกับอะไรเลย [มันดูเหลาะแหละเเล้วก็ไม่รับผิดชอบกับชีวิตตัวเอง อีกอย่าง การที่เราไม่จริงจังในการกระทำ บางครั้งมันไม่ได้ส่งผลเสียแค่กับตัวเองแต่ยังกระทบไปถึงคนอื่นด้วย ดังนั้นทาคาระจึงเกลียดคนจำพวกนี้มากที่สุดในโลกเลยล่ะ]

    • คนที่มาว่าร้ายครอบครัว [ทาคาระรักครอบครัวของเธอมาก ดังนั้นเธอจะไม่ยอมให้ใครมายุ่งกับคุณแม่และน้อง ๆ ของเธอเด็ดขาด]


    กลัว : 

    • แมลงทุกชนิด [เจอเเล้วร่างกายจะแข็งเกร็งอัตโนมัติ ตาหมุนติ้ว สมองขาวโพลน ขยับไม่ออก และทำสัญญาณสายตาแบบว่า 'แม่จ๋า ช่วยหนูด้วย' เพื่อให้ใครสักคนพาเธอหนีจากเเมลงตัวดังกล่าวโดยไวทันที]


    แพ้ : 

    • อากาศ [เป็นอาการแบบพวกภูมิแพ้อากาศน่ะ..ถ้าอากาศเปลี่ยนก็จะคัดจมูกเเล้วก็จามตลอดเลยล่ะ บางทีหายใจไม่ออกอีกต่างหากนะ]


    งานอดิเรก :

    • ถักไหมพรม [ทาคาระชอบถักไหมพรมมาก กิจวัตรประจำวันในหนึ่งวันของเธอต้องมีสักช่วงที่ทาคาระจะมานั่งตรงระเบียงสวนชั้นล่างแล้วถักไหมพรมไปเรื่อย ๆ ปกติเธอจะเอาสิ่งที่ทำได้ไปให้คนรอบตัว ทั้งเพื่อน น้อง คนรับใช้ เรียกได้ว่าเป็นไอเทมของขวัญเฉพาะตัวไปแล้วก็ว่าได้นะ]

    • ทบทวนบทเรียน / อ่านหนังสือนอกเวลา [ทาคาระชอบโหลดหนังสือ e-book มานั่งอ่านเสริมความรู้บ่อย ๆ ไม่ก็ทบทวนเนื้อหาที่เรียนไปแล้ว หรืออ่านเนื้อหาบทเรียนบทต่อไปก่อนเพื่อเป็นการเตรียมพร้อม เธอว่ามันทำให้เธอสบายใจเรื่องการเรียน เพราะเธอรู้สึกดีเวลาเข้าเรียนเเล้วตอบคำถามได้]

    • ฟังเพลง [แนวเพลงที่ชอบจะเป็นแนว R&B หรือ บัลลาด เป็นหลัก ไม่ก็พวกเพลงคลาสสิค หรือเพลงเเนวญี่ปุ่นจ๋า ๆ ไม่ค่อยฟังเพลงเเนวร็อคสักเท่าไหร่]

    • เล่นโยคะ [ทาคาระชอบบ่นว่าปวดไหล่กับหลังบ่อย ๆ เธอก็เลยพยายามหาทางแก้เเล้วมาจบด้วยการเล่นโยคะเป็นงานอดิเรกซะแทน ก็ถือว่าช่วยพวกเรื่องกล้ามเนื้อกับระบบไหลเวียนเลือดอะไรประมาณนั้นได้ดีเลยนะ?]

    • พับนกกระเรียน [เพราะมีคนเคยบอกว่าถ้าพับนกกระเรียนได้ครบหนึ่งพันตัว ก็จะสามารถขอพรได้..แต่แม้ว่านกกระเรียนตัวที่พันจะวนมาซ้ำอีกสักกี่ครั้ง ทาคาระก็ไม่สามารถเรียกคืนรอยยิ้มของผู้เป็นแม่กลับมาได้อยู่ดี..]


    ความสามารถพิเศษ : 

    • ร้องประสานเสียง [ทาคาระมีเสียงที่ไพเราะ เหมาะกับการเป็นเสียงร้องหลักของวงร้องประสานเสียง อีกทั้งเธอยังอยู่ชมรมร้องประสานเสียงมาตั้งแต่เด็ก ๆ รวมถึงไปเข้าร่วมการแข่งขันมามากมาย นั่นทำให้เธอมีทักษะด้านนี้ที่ดีมากเลยล่ะ]

    • โคโตะ [เธอชอบเครื่องดนตรีชนิดนี้มาก สมัยก่อนเธอขอให้คุณแม่จ้างครูฝึกสอนมาสอนเธอเกี่ยวกับเครื่องดนตรีชนิดนี้บ่อย ๆ เเต่เมื่อขึ้นม.ปลายแล้วมีภาระหน้าที่มากขึ้นก็เลิกเรียนไป มีแค่เล่นอยู่บ้านบ้างเวลาว่าง ๆ ให้พวกน้อง ๆ ฟัง อะไรแบบนั้น]

    • แบตมินตัน [ความจริงแล้วทาคาระถนัดกีฬาหลายชนิด แต่เธอถนัดกีฬาประเภทนี้มากที่สุด เคยได้ที่หนึ่งตอนแข่งรุ่นเยาวชนตอนม.ต้นครั้งหนึ่ง]

    • ทำอาหาร [ถนัดพวกอาหารคาวมาก ๆ ของหวานก็โอเคอยู่ ยิ่งพวกอาหารญี่ปุ่นอะไรพวกนี้จะยิ่งถนัดเป็นพิเศษ]

    • เขียนพู่กัน [คงเพราะเธอเป็นพวกมีความอดทนมากด้วยล่ะมั้ง ก็เลยใจเย็นมากพอจะฝึกและเขียนออกมาให้สวยงามได้มากขนาดนั้น]

    • โชงิ [เนื่องด้วยมีหัวนักวางแผน แถมยังฉลาดเรื่องเดินเกม เลยถนัดพวกเกมจำพวกนี้มาก (จริง ๆ เเล้วเล่นหมากรุกได้ด้วย แต่ไม่ได้เก่งขนาดนั้น)]

    • ความจำดีมาก / กระบวนการการวิเคราะห์ที่ดี [สองสิ่งนี้ช่วยทำให้เธอเรียนได้ดีมากเลยทีเดียว ทาคาระไม่จำเป็นต้องท่องซ้ำหลายรอบถึงจะจำได้ หรือว่าต้องให้ใครมาอธิบาย เธอสามารถเรียนจากหนังสือและสื่อ หรือการฟังอาจารย์ผู้สอนอธิบายเเล้วเข้าใจได้ในครั้งสองครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นทาคาระก็ยังไม่คิดอยากประมาท และทบทวนบทเรียนสม่ำเสมออยู่ดี]

    • ถักไหมพรม [ฤดูหนาวปีหนึ่ง นัทสึโกะบอกเธอว่าอยากได้ผ้าพันคอไหมพรมเป็นของขวัญวันเกิด ทาคาระเลยไปเสิร์ชวิธีทำแล้วก็ลองถักผ้าพันคอไหมพรมดู ลองผิดลองถูกไปสักพักจนทำออกมาได้ดีระดับที่นัทสึโกะเองก็ชอบมาก บวกกับตอนทำก็สนุกดีเลยกลับไปฝึกถักอีกเยอะ ๆ จนตอนนี้กลายเป็นถักเป็นทั้งแบบธรรมดา แบบมีลาย ทั้งผ้าพันคอ ถุงมือ ตุ๊กตา ยันเสื้อกันหนาวไหมพรมแล้วนั่น..]


    สเปคคนที่ชอบ : คนที่เล่นเครื่องดนตรีเป็น ให้เกียรติเธอ ไม่ดูถูกเพศหญิง และจริงจังกับความสัมพันธ์ ที่สำคัญคือต้องเข้ากับน้อง ๆ ของเธอได้ด้วยนะ l p.s.ถ้าได้รู้จักแล้วพบว่าเป็นมนุษย์ทัศนคติดีก็จะยิ่งปลื้มเป็นพิเศษ


    สถานที่ ๆ อยากจะไปในเดทแรก : ความจริงแล้วถ้าจะไปเดทกัน ทาคาระจะเช็คให้แน่ใจก่อนว่าทั้งเธอและคู่เดทอยากไปที่ไหน เธอเลือกความสมัครใจจากทั้งสองฝ่ายมากกว่าความพอใจของตนเอง แต่ว่าถ้าให้เลือกที่เป็นเดอะเบสท์ที่อยากไปจริง ๆ ก็จะเป็นพวกนิทรรศการดนตรีล่ะนะ


    เพิ่มเติม : 

    • ความหมายของชื่อนั้นได้ถูกกำหนดไว้ว่า: ไคโย - ท้องทะเลลึก l ทาคาระ - อัญมณี l ไคโย ทาคาระ - {มณีงามลึกใต้ห้วงทะเล}

    • ปัจจุบันนี้เธอครองตำแหน่งรองประธานสภานักเรียนของโรงเรียนราคุซันอยู่ และเธอก็เป็นประธานชมรมประสานเสียงอีกด้วย

    • ทาคาระมีตุ๊กตาไหมพรมถักอยู่เต็มห้องเลยล่ะ ก็ไม่ใช่ว่าชอบตุ๊กตาเป็นพิเศษหรอก แต่ว่าถักเป็นงานอดิเรกซะมากกว่า

    • เวลาอยู่บ้านทาคาระอาจสวมยูกาตะบ้างเเล้วแต่วัน ส่วนถ้าออกไปข้างนอกก็จะสวมเดรสสุภาพเรียบร้อยตามปกติ

    • น้องสาวทั้งสองไม่ค่อยเกี่ยงหากพี่สาวจะมีแฟน อันที่จริงค่อนข้างสนับสนุนด้วยซ้ำเพราะห่วงว่าพี่จะใช้ชีวิตจริงจังมากเกินไปจนหาความสุขใส่ตัวลำบาก ไม่หวงพี่แต่ก็อยากให้พี่ได้เจอคนที่ดี เพราะฉะนั้นถ้าฝ่ายชายเป็นคนที่ดูน่าเชื่อถือ พวกเธอก็สามผ่านล่ะนะ

    • มักโดนคุณประธานนักเรียนแบบ อาคาชิ เซย์จูโร่ หว่านล้อม (หลอกล่อ?) ให้ไปแข่งโชงิด้วยกันบ่อย ๆ เพราะทาคาระฝีมือดี ซึ่งเธอก็ไม่เคยชนะเขาหรอก..เล่นไปก็คุยงานสภาไปบ้าง ไม่ก็บางวันแพ้รัว ๆ ติดกันหลายเกมเข้าก็จะคิ้วกระตุกนั่งหน้าตึงขึ้นมาได้เหมือนกัน

    • บ้านของทาคาระเป็นบ้านแบบญี่ปุ่นที่ค่อนข้างกว้างขวาง หรูหรา สมฐานะ แต่ว่าจะอยู่อาศัยกันแค่สามคนเท่านั้น นั่นคือ อาโออิ นัทสึโกะ และตัวของทาคาระเอง โดยจะมีเเม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดทุก ๆ เย็น ในส่วนของอาหารการกินนั้นทาคาระจะเป็นคนจัดการเองซะมากกว่า

    • ทาคาระไม่ชอบให้พูดถึงเรื่องพ่อของเธอ แต่เธอก็ไม่ได้พูดออกมาว่าเธอเกลียดเขา ทาคาระเพียงแค่คิดว่าเธอไม่สามารถทำใจเรียกเขาว่าพ่อด้วยความรักได้อีกเเล้ว แต่ถ้าหากให้เคารพในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่งก็พอทำได้ (แค่ไม่ค่อยอยากนับถือในเรื่องทัศนคติเท่าไหร่) ทุกวันนี้ก็ไม่ได้คุยกันเเล้ว ตัดขาดกันอยู่ไปเลยหลังจากที่แม่เธอเสีย ผู้เป็นพ่อเองก็ดูเข้าใจดี ทำเพียงแค่ส่งเงินมาเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อลูก ๆ ทั้งสามเท่านั้นเอง

    • คนที่เป็นตัวแทนผู้ปกครองของสามสาวคือคุณป้าซึ่งเป็นญาติฝั่งแม่ ชื่อว่า ฟูจิวาระ มานามิ เป็นเจ้าของบริษัทอาหารทะเลขนาดกลางเเห่งหนึ่งค่ะ

    • Kaiyo Family

             Father: Kaiyo Takai (Alive / 49 yrs.) - เจ้าของบริษัทการท่องเที่ยวยักษ์ใหญ่ระดับโลก ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่ฝรั่งเศส ส่งเงินมาให้ที่บ้านในแต่ละเดือนเป็นค่าเลี้ยงดูและค่ารักษาพยาบาลของผู้เป็นภรรยา แต่ไม่เคยกลับมาที่บ้านอีกเลยหลังจากเมื่อสามปีก่อน

             Mother: Kaiyo Nadeshiko (Deceased / 46 yrs.) - เมื่อแต่งงานก็ลาออกมาดูเเลลูก ๆ อยู่ที่บ้าน เเละเสียชีวิตด้วยอาการตรอมใจในวัย49ปี

             Sister (1): Kaiyo Aoi (Alive / 14 yrs.) - นักเรียนชั้นมัธยมต้นปีที่2 นักกีฬาเยาวชนไอซ์สเก็ต

             Sister (2): Kaiyo Natsuko (Alive / 13 yrs.) - นักเรียนชั้นมัธยมต้นปีที่1 โรงเรียนอกชนแห่งหนึ่งในเกียวโต

    _______________________
    O T H E R  P R O F I L E
    _______________________


    Kaiyo Aoi [14 yrs.]
    Status :: Alive
    { น้องสาวคนรองของบ้าน อาโออิมีบุคลิกที่เปิดเผยมากกว่าคนเป็นพี่ ค่อนข้างจะมีอารมณ์ขันที่ดี
    เธอชอบเรื่องสนุกสนานและมักขอให้พี่สาวทำขนมหวานให้กินบ่อย ๆ สิ่งที่ถนัดที่สุดคือไอซ์สเก็ต}


    Kaiyo Natsuko [13 yrs.]
    Status :: Alive
    { ลูกสาวคนสุดท้อง นัทสึโกะผู้ลืมตาเกิดขึ้นมาในฤดูร้อน หากกลับมีนิสัยที่นิ่งสงบเหมือนฤดูใบไม้ร่วง
    เป็นคนที่ไม่ค่อยหืออือกับอะไรสักเท่าไหร่ แต่ถึงเเม้ว่าจะมีเรื่องทะเลาะกับพี่สาวคนรองบ้างบางครั้ง เธอก็เป็นเด็กที่น่ารักคนหนึ่งนะ }

    +
    Role Play

    สวัสดีค่ะ ฉันชื่อสุมิเระ มาอิ หรือจะเรียกว่า 'ไวโอเล็ต' ก็ได้ เป็นผู้ก่อตั้งชมรมนี้ขึ้นมาค่ะ ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรเหรอคะ? 

    "สวัสดีค่ะสุมิเระซัง" เด็กสาวรูปร่างเล็กกล่าวตอบด้วยถ้อยคำสุภาพ และแม้ว่าตัวของทาคาระจะสามารถพอกะประมาณได้ว่าคนตรงหน้าคงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ ทาคาระก็ยังคงรักษาท่าทีที่สุภาพอ่อนน้อมของเธอเอาไว้อย่างเหนียวแน่นเช่นเคย เด็กสาวค้อมศีรษะลงเล็กน้อย ก่อนกล่าวเอ่ยแนะนำตัวให้แก่อีกฝ่ายฟังว่า "ฉันชื่อ ไคโย ทาคาระ ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการนะคะ"


    เป็นชื่อที่น่ารักดีนะคะ ฉันคิดอย่างนั้นนะ (หัวเราะ) ก่อนที่จะกรอกใบสมัคร ฉันขอถามคำถามเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนนะคะ คำถามแรก ทำไมคุณถึงตัดสินใจที่จะเข้าชมรมนี้คะ?

    : "ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ" ทาคาระยิ้มให้กับคำกล่าวชมเมื่อสักครู่ เป็นรอยยิ้มบาง ๆ ที่ไม่ได้มากมายเกินไปตามมารยาท "ส่วนสำหรับคำถาม..อันที่จริงแล้วฉันได้รับคำแนะนำมาจากรุ่นน้องคนหนึ่งน่ะค่ะ เขาเป็นคนที่เชื่อถือได้ ฉันก็เลยคิดว่าการสมัครเข้ามาที่ชมรมนี้คงไม่ทำให้ฉันเสียเวลาเปล่า หรืออย่างน้อยมันก็คงให้อะไรฉันตอบแทนกลับไปได้บ้างน่ะค่ะ" 

    ถ้อยคำของเธอฟังดูเป็นการเป็นงานซะจนน่าตกใจเชียวล่ะ ว่านี่คือการสมัครเข้าชมรมนัดบอดเเน่จริงหรือ? ถึงอย่างนั้นทาคาระก็ไม่ได้ดูเหมือนว่าจะรู้สึกตัวสักเท่าไหร่เลยด้วยนี่สิ


    คำถามข้อที่สอง คุณได้คาดหวังอะไรจากการเข้าชมรมในครั้งนี้รึเปล่าคะ? 

    "เรื่องนั้น.." เมื่อมาถึงคำถามข้อที่สอง ทาคาระมีท่าทีลังเลใจนิดหน่อย ไม่ใช่ว่าเธอไม่ได้ตั้งความคาดหวังกับการสมัครเข้าชมรมนี้ แต่เป็นเพราะว่าเธอกำลังชั่งใจต่างหากว่าควรพูดความคาดหมายของตนออกไปดีรึเปล่า..แต่มองจากสีหน้าคุณหัวหน้าชมรม สุมิเระคงไม่ยอมให้เธอบ่ายเบี่ยงไปได้ง่าย ๆ หรอกมั้ง..?

    "คือ..ฉันคาดหวังว่าอยากจะเจอคนที่เข้ากับฉันได้น่ะค่ะ" ดวงตาสีน้ำเงินหลุบต่ำลง มองมือสองข้างที่ขยับกุมเข้าหากันอัตโนมัติเมื่อเธอเกิดประหม่าขึ้นมา หากสุดท้ายเด็กสาวก็แสร้งทำเป็นกระแอม กลับมายืดหลังและตั้งใบหน้าขึ้นตรงอีกครั้ง ราวกับว่าไม่เคยแสดงท่าทีเก้อเขินแบบนั้นออกมาเเต่อย่างใด


    คำถามข้อที่สาม คุณคิดว่าคู่เดทที่คุณจะได้เจอ จะตรงกับที่คุณวาดฝันไว้มั้ยคะ? และคุณหวังว่าจะได้เจอกับคนแบบไหนเหรอ?

    "ความจริงฉันคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่การันตีไปเลยไม่ได้หรอกค่ะ แต่ฉันก็แอบคาดหวังอยู่เหมือนกันนะคะ" ทาคาระตอบกลับไปตามตรง สำหรับเรื่องของโชคชะตา มันเป็นสิ่งที่เธอไม่ได้ปักใจเชื่อ และชมรมนัดบอดเองก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างกว้างขวางซะด้วย ให้คาดเดาว่าจะได้เจอกับคนที่หวังไหมคงตอบยากไปหน่อย แต่สำหรับเรื่องความคาดหวังนั่น เธอว่าเธอพอตอบมันได้นะ

    "ฉันหวังเอาไว้ว่าอยากให้เป็นคนที่จริงจังกับความสัมพันธ์ของเราค่ะ เพราะฉันเองก็จริงจังกับการเริ่มความสัมพันธ์กับใครสักคนมาก ๆ ดังนั้นถ้าเจอคนที่ไม่คิดจริงจังเเต่มาทำเล่น ๆ มันก็คงทำให้รู้สึกแย่มากเลยใช่ไหมล่ะคะ?"


    คำถามข้อที่สี่ คุณคาดหวังไว้ว่าอยากจะให้ความสัมพันธ์ของตัวเองกับคู่เดทลงเอยยังไงคะ?

    "อย่างที่เคยบอกไปค่ะ ว่าฉันค่อนข้างจะหวังเอาไว้มากสักหน่อยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครั้งนี้" สีหน้าเเละท่าทางของทาคาระดูจริงจังมากขึ้น บ่งบอกให้รู้ว่าเธอคิดวางแผนเรื่องนี้มาก่อนเป็นอย่างดี ถึงอย่างนั้น ดวงตาก็ยังประกายสวยงาม ดูเดียงสาและเต็มไปด้วยความคาดหวังถึงตอนจบของเรื่องราวที่อาจจะสวยงามกว่าที่เธอคาดไว้ก็ได้ "ถ้ารักกันได้ยาวจนแต่งงานกันมันก็คงดีไม่น้อยเลยล่ะค่ะ แล้วก็อยากมีชีวิตครอบครัวที่มีความสุข ให้เกียรติซึ่งกันเเละกันด้วยค่ะ"


    คำถามข้อที่ห้า ถ้าหากว่าความสัมพันธ์ของพวกคุณลงเอยด้วยดี คุณอยากจะบอกอีกฝ่ายว่ายังไงคะ หรือถ้ามันไม่ใช่อย่างที่คุณหวัง คุณอยากจะบอกอะไรกับเขา โอ๊ะ ไม่ต้องตกใจไปนะคะ อย่างหลังฉันแค่ถามเพราะอยากรู้เท่านั้นเอง

    : ดวงตาสีน้ำเงินคู่สวยฉายแววแปลกใจกับคำถามดังกล่าวไม่น้อย ทาคาระนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง เธอจินตนาการ ถึงภาพของเธอและใครคนนั้นในวันที่ความสัมพันธ์ของเราสามารถลงเอยด้วยดีได้ "ฉันคงบอกกับเขาว่าฉันดีใจมากแค่ไหนน่ะค่ะ" เด็กสาวตอบกลับ ค่อย ๆ คิดอย่างพิถีพิถัน เเล้วกล่าวต่อว่า "สำหรับฉัน การจะรักใครสักคนมันไม่ง่ายเลยค่ะ..เพราะฉะนั้นถ้าได้เจอคนที่คิดว่าใช่สำหรับฉันจริง ๆ และฉันเองก็เป็นคนที่ใช่สำหรับเขา ฉันก็อยากบอกเขาค่ะ ว่าฉันดีใจมากที่เราได้มาเจอกัน..และฉันดีใจ ที่เขาเลือกให้ฉันเป็นความรักของเขาค่ะ"

    เมื่อกล่าวจบ ทาคาระก็สูดหายใจเข้าปอดอีกเฮือกหนึ่ง เธอเงียบไปอีกพักเพื่อพิจารณาถึงคำถามข้อที่สอง "ส่วนสำหรับเรื่องที่ว่าถ้ามันไม่เป็นเหมือนที่ฉันหวัง ฉันจะบอกกับเขาว่ายังไงนั้น..นั่นสินะคะ มันก็ค่อนข้างพูดยาก เพราะฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันจะกลายเป็นแบบนั้นด้วยเหตุผลข้อไหน แต่ยังไงซะ ฉันก็คงขอบคุณเขานั่นแหละค่ะ" ทาคาระพยักหน้ารับกับตัวเอง เธอยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยแม้ว่าครู่หนึ่งสายตาของเธอจะแฝงไว้ด้วยคำอธิษฐานไม่ให้เรื่องราวมันจบลงเช่นนั้นก็ตาม

    "เพราะความรักไม่ได้ให้แค่ความสุขกับเรา..การสร้างความสัมพันธ์กับใครสักคนทำให้เราได้เรียนรู้ค่ะ ต่อให้ในท้ายสุดต้องเดินไปคนละทาง ฉันก็คิดว่ามันคงเป็นบทเรียสำหรับชีวิตอีกหนึ่งเรื่องราวให้ฉันได้เรียนรู้ได้แน่นอนค่ะ"


    คำถามข้อสุดท้าย คุณคิดว่าตัวเองเป็นคนแบบไหนคะ? อ้อ แล้วคิดว่าฉันเป็นคนยังไงเหรอ? (ฮา)

    : "เอ..นิสัยของฉันเหรอคะ?" ทาคาระเอียงคอด้วยท่าทีค่อนข้างไปในทางที่คิดไม่ตก เพราะคำถามที่ตัดกันค่อนข้างมากกับคำถามอื่น ๆ ก่อนหน้านี้เธอเลยสับสนนิดหน่อย แต่เด็กสาวก็ปรับอารมณ์ตัวเองได้ค่อนข้างไวอยู่ล่ะนะ "ฉันคิดว่าตัวเองเป็นคนที่จริงจังกับอะไรหลาย ๆ อย่างน่ะค่ะ ค่อนข้างจะทุ่มเทมากและคาดหวังมาก แต่ก็จะผิดหวังได้มากเหมือนกันถ้าเกิดมันไม่เป็นไปแบบที่หวัง พูดง่าย ๆ ก็คงเป็นคนจำพวกทะเยอทะยาน แต่ไม่ได้รับมือกับความเสียใจได้เก่งขนาดนั้น อะไรประมาณนั้นล่ะมั้งคะ" เด็กสาวตอบกลับอย่างเรียบง่ายหลังพิจารณาตัวเองเสร็จ เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับคู่สนทนา เงียบไปสักพักคล้ายว่ากำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับคนตรงหน้าอยู่

    "แต่สำหรับเรื่องที่ว่าสุมิเระซังเป็นคนยังไง..อันที่จริงฉันไม่ค่อยอยากพูดอะไรไปก่อนเท่าไหร่น่ะค่ะ กลัวว่าถ้าเผลอพูดอะไรผิดไปจากความเป็นจริงแล้วจะทำให้คุณไม่สบายใจเปล่า ๆ ด้วย" รอยยิ้มบางคล้ายกับการขอโทษกลาย ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทาคาระ ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังยอมมอบความคิดเห็นส่วนหนึ่งของเธอให้กับสุมิเระอยู่ดี "แต่ว่าฉันชอบรอยยิ้มของคุณนะคะ มันดูน่ารักแล้วก็อ่อนหวานมากเลยล่ะค่ะ"


    ขอบคุณสำหรับการตอบคำถามนะคะ กรอกใบสมัครตรงนั้นให้เรียบร้อยคุณก็จะได้เป็นสมาชิกอย่างสมบูรณ์แล้วค่ะ ยินดีต้อนรับสู่ชมรมนี้นะคะ!

    +

    Talk with Vrissa

    สวัสดีค่ะ ไรต์มีนามปากกาว่าวริสซ่านะคะ จะเรียกวริสก็ได้ค่ะ คุณผู้ปกครองชื่ออะไรกันบ้างคะ?

    : สวัสดีค่ะคุณวริส รันรันเองนะคะ ♥


    ก่อนอื่นเลย ทำไมถึงมาสมัครเรื่องนี้คะ แล้วทำไมถึงเลือกที่จะส่งลูก ๆ มาในบทนี้เอ่ย?

    : คือต้องพูดก่อนว่าตอนแรกกะส่งแค่คู่คิเสะค่ะ แต่นั่งจ้องหน้าดีเทลไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มออกอาการ บวกกับนึกคอนเซปต์ของน้องขึ้นมาได้ก็เลยดราฟข้อมูลเลย ไป ๆ มา ๆ ก็งงตัวเองเหมือนกันค่ะว่าทำไมยัยทาคาระถึงเสร็จก่อนลูกสาวอีกคนไปซะได้ 555555


    ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ลูกของตัวเองกับคู่เดทลงเอยด้วยความสัมพันธ์แบบไหนคะ?

    : ส่วนตัวคิดว่าทาคาระเหมาะกับความรักในรูปแบบค่อยเป็นค่อยไปนะคะ อาจจะไม่ต้องถึงขนาดต้องจบแบบเป็นคู่รักที่รักกันจ๋า ๆ ก็ได้ เอาแค่ให้ทาคาระมั่นใจในความรักครั้งนี้แล้วยอมรับความรู้สึกของตัวเองได้ก็คงดีมาก ๆ สำหรับเธอเเล้วล่ะค่ะ 


    ถ้าน้องไม่ติดบทที่ต้องการ จะให้ยัดบทให้หรือจะรับกลับดีคะ? (แต่โอกาสที่จะไม่ติดก็น้อยนะ .___.)

    : ตามแต่ที่คุณวริสเห็นว่าสมควรเลยดีกว่าค่ะ


    อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นในเนื้อเรื่อง (ที่เกี่ยวข้องกับน้อง) เป็นพิเศษมั้ยคะ? 

    : เป็นคำถามที่ยากมากค่ะ /แค่ก./ 55555555 สารภาพตามตรงว่าเราก็นึกไม่ค่อยออกเหมือนกันค่ะ .__. ถ้าเอาแค่ฉากที่อยากเห็นสักนิด ก็คงเป็นซีนที่ทาคาระช่วยชินจังแกตามหาลัคกี้ไอเทมล่ะมั้งคะ แบบงง ๆ ไม่รู้ว่าจะหาจากไหนเหมือนกัน แต่ก็พยายามหามาให้ อินเนอร์แบบ ถึงพี่จะไม่เก่งเรื่องของเธอ แต่พี่ก็จะพยายามนะ อะไรแบบนั้นน่ะค่ะ 555555


    สุดท้ายนี้ก็ขอบคุณที่ให้ความสนใจในฟิคเรื่องนี้นะคะ! ขอให้ติดบทที่ต้องการกันทั่วทุกคน ไว้เจอกันในคอมเมนต์นะคะ ♡

    ____________________


    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×