ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    K I L L - S H O T

    ลำดับตอนที่ #13 : dolent

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 415
      0
      2 เม.ย. 64

    ll I promise I'll be your good boy. ll

    ____________________________________________________

    APPLICATION

    (Credit: Pixiv /x/)

    "ชอบมากกว่านี้ก็เธอชุปแป้งทอดแล้วครับ ._."

    [ Role 1: deity ]

    _________________________________________________

    ชื่อ-นามสกุล: ยูมยอง คิม ชลกนก l Yumyeong Kim Shonkanok


    ความหมายของชื่อ:  

    • ยูมยอง - ชื่อเสียง, คิม - ทองคำ, ชลกนก - สายธารแห่งทองคำ


    ชื่อเล่น/ชื่อที่เรียก:

    • ยูมยอง ll Yumyeong [ชื่อที่ครอบครัวใช้เรียก]

    • ยู ll Yuu [คนที่เขารู้จักในประเทศไทยมักเรียกเขาด้วยชื่อนี้ เพราะมันเรียกง่ายดี อีกอย่างเจ้าตัวก็ดูชินกับชื่อ 'ยู' มากกว่าด้วย]

    • คุณชาย [สมญานามที่เพื่อนสนิทเอาไว้เรียก เนื่องด้วยนิสัยกับเบ้าหน้าฟ้าประทานที่มองจากดอยสุเทพก็เดาออกแน่ ๆ ว่าเป็น 'คุณชาย' จากบ้านใหญ่บ้านโตที่ไหนสักที่ l นอกจากคอปเตอร์ ถ้าคนอื่นจะเรียกแบบนี้ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเช่นกัน]


    เพศ: ชาย


    สัญชาติ: เกาหลี


    เชื้อชาติ: ไทย-เกาหลี


    วันเกิด: 12th, March


    อายุ: 18 ปี


    สายพันธุ์ที่อยู่ในตัว: เสือโคร่งขาว (White Tiger)


    อาชีพ: นักเรียนชั้นมัธยมปลายปีที่ 3


    ที่อยู่: ตอนเด็ก ๆ อาศัยอยู่ที่เกาหลีกับพ่อแม่ (อินชอน) แต่เมื่อขึ้นชั้นมัธยมปลาย เขาก็ขอพ่อแม่มาเรียนต่อที่ไทย ปัจจุบันยูอาศัยอยู่ที่คอนโดในเขตสาธร จังหวัดกรุงเทพฯ (พ่อแม่ซื้อให้ตอนย้ายมา) แต่เพราะเรียนโรงเรียนประจำก็เลยไม่ค่อยได้กลับคอนโดบ่อยมากนัก


    ส่วนสูง/น้ำหนัก: 188 ซม. l 79 กก.


    รูปร่างลักษณะ

    หนุ่มดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เหมือนกับกลิ่นของชาคาโมไมล์ติดตัวอยู่ตลอดเวลา, ภาพลักษณ์ที่ทำให้หลายคนนึกถึงฤดูใบไม้ผลิ นั่นแหละคือรูปลักษณ์ที่หลาย ๆ คนเอาไว้ใช้บรรยายหนุ่มลูกครึ่งเกาหลีคนนั้น ยูมยองจัดได้ว่าเป็นเด็กหนุ่มที่สูงโดดเด่นและมีหน้าตาที่หล่อเหลาเป็นอย่างมาก โครงหน้าทรงรูปหัวใจนั้นดูอ่อนหวานไม่น้อยเมื่อล้อมกรอบไว้ด้วยเส้นผมสีม่วงเข้มเสมือนกับว่าเป็นสีดำขลับ ทรงผมตัดสั้นที่ละหน้าม้าให้ปรกใบหน้าไว้ปรอย ๆ เข้ากันได้ดีกับทรงหน้ายิ่งกว่าอะไร และดวงตาทรงกวางสีพลัมคู่นั้น ก็มักจะฉายแววอ่อนหวานเอาไว้เสมอ เป็นดวงตาหวานฉ่ำแบบที่ทำให้หลายคนรู้สึกเคลิบเคลิ้มได้มากพอ ๆ กับรอยยิ้มของเขา ยูมยองเป็นคนผิวขาว ริมฝีปากเป็นสีพีชอ่อน ๆ โดยธรรมชาติ ผิวพรรณของเขานวลเนียนอย่างเช่นคนที่บำรุงรักษาสุขภาพอนามัยต่าง ๆ อย่างดีอยู่เสมอ แค่ว่ามีบางส่วนนอกเหนือร่มผ้าที่อาจดูไหม้แดดนิดหน่อยประสานักกีฬา คิ้วที่ถูกกันไว้ได้รูปนั่นก็อาจมีคล้อยต่ำลงเวลาที่หงอยเหงาไปเสียบ้าง ทว่านั่นก็ทำให้เขาดูน่าเอ็นดูเหมือนกับสุนัขซามอยด์ตัวใหญ่ ๆ ไม่มีผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เขายิ้มจนนัยน์ตาหยีโค้งเป็นจันทร์เสี้ยวนั่นน่ะ มันดูนุ่มฟูมาก ๆ เลยล่ะ

    และความผสมผสานระหว่างความน่ารักกับฮอตปรอทแตกของเขาก็คือรูปร่างที่ดูขัดกับหน้าหวาน ๆ สไตล์หนุ่มเกาหลีนั่นโดยสิ้นเชิง ด้วยฐานะนักกีฬาประจำโรงเรียน รูปร่างของยูจึงถือว่าสมบูรณ์แบบมาก เขาเป็นคนหนาและเปี่ยมด้วยมวลกล้ามเนื้อมากกว่าที่ตาจะเห็นจากเหนือร่มผ้า หากให้เขาสวมใส่สเวตเตอร์เข้ารูปหรือสูทสักตัว ก็คงเห็นฐานสีรระเหล่านั้นได้อย่างชัดเจนชวนให้ใจเต้นอย่างน่าประหลาด บวกกับฐานโครงบ่าที่เหยียบกว้างทำให้ดูเป็นคนตัวสูงใหญ่ยิ่งกว่าเดิมมาก ถึงอย่างนั้นก็ยังบาลานซ์ไว้กับความนุ่มละมุนด้วยการแต่งกายในสีเอิร์ธโทน และลักษณะความเรียบหรูกึ่งสุภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของยู ตามหลักแล้วเขาจะชอบสวมเสื้อผ้าที่มีเนื้อสัมผัสนุ่มเป็นหลัก อาจจะเป็นคอเต่าแขนยาวเนื้อไหมพรมกับกางเกงผ้าเข้ารูป หรือในบางครั้งก็เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ถูกคลุมทับด้วยสเวตเตอร์แขนกุดคอวีสีเทาครีมกับกางเกงทรงกระบอกสีน้ำตาลหม่น โดยปกติยูมักจะสวมรองเท้าผ้าหุ้มส้นสีเข้มกับถุงเท้าข้อสั้นหรือไม่ก็รองเท้าหนัง มีไม่บ่อยนักที่เขาจะสวมรองเท้าผ้าใบ เว้นแต่ต้องทำกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวมากเป็นพิเศษเป็นหลัก

    ยูไม่ใช่สายเครื่องประดับสักเท่าไหร่นักถ้าพูดกันตามตรง เขาเพียงสวมนากิฬาเรือนเบาทรงเรียบเอาไว้เพื่อบอกเวลาที่ข้อมือขวา กับใบหูซ้ายที่ถูกเจาะและใส่ต่างหูทรงข้าวหลามตัดสีเงินเรียบเอาไว้ ส่วนนอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีเครื่องประดับอื่นใดอีกเป็นพิเศษ เขามักจะพกกระเป๋าสะพายผ้าสีครีมอ่อนติดตัวเอาไว้ เพื่อเก็บหนังสือเรียนที่ชอบพกติดตัวไปอ่านเวลาว่าง ๆ รวมถึงกล่องแว่นตา กับของจำพวกกระเป๋าเงิน โทรศัพท์ ผ้าเช็ดหน้า กับกระติกน้ำอันเล็ก นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีอะไรมากแล้วล่ะ

    (Example; x, x, x, x, x)


    ลักษณะนิสัย

    Oh well, the prince is coming there.

    ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ๆ ชื่อของ 'ยูมยอง คิม ชลกนก' นั้นก็มักถูกกล่าวถึงไปทั่วทั้งในเรื่องของฐานะ หน้าตา ความสมบูรณ์แบบ หรือกระทั่งนิสัยอันสุดแสนจะเลิศเลอของเขา ภาพลักษณ์ของเด็กหนุ่มวัยสิบแปดที่ถูกใครหลายคนกล่าวขานว่าเป็น 'เจ้าชาย' ที่เต็มไปด้วยคาริสม่าที่อ่อนหวานเย็นสบายเหมือนกับฤดูใบไม้ผลิที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ ลักษณะท่าทางที่ดูก็รู้ว่าเป็นลูกคุณหนูจากบ้านใหญ่ที่ไหนสักบ้าน ทว่ากลับไม่ได้ดูประดักประเดิกขัดสายตาเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม ไม่ว่าเขาจะหยิบทำอะไร มันก็ดูน่ามองไปหมด พื้นฐานแล้วยูเป็นคนที่มีบุคลิกที่ดีมาก หลังที่ตั้งตรงเสมอ การบาลานซ์ร่างกายให้ได้สมมาตรเป็นสิ่งที่เขาทำจนเคยชิน เขาไม่ทั้งนั่งไขว่ห้าง ขัดสมาธิ หรือเดินงอหลังให้เสียบุคลิก จะพูดว่าถูกสอนมาอย่างดีก็ไม่ได้ผิดสักเท่าไหร่หรอก

    แสงสปอร์ทไลต์มักจะส่องไปที่คนที่มีความโดดเด่น สำหรับยูมยองนั้น เสมือนกับว่าตัวเขาเองนั่นแหละคือสปอร์ตไลท์ที่ว่า มนุษย์ผู้นี้กล่าวได้ว่ามีหน้าตาเป็นอาวุธโดยสมบูรณ์ แค่เผลอหันไปสบตา ยูก็พร้อมจะส่งยิ้มบาง ๆ กลับมาให้เป็นการทักทาย ผนวกเข้ากับความหล่อเกินมนุษย์มนา มันก็ทำให้คนตาพร่าแสบตากันเป็นแถบ ๆ ยูเป็นคนอัธยาศัยดี แม้จะไม่ใช่คนที่ช่างจ้อหรือมักเป็นฝ่ายเข้าหาใครก่อน แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธหากมีคนอยากมาทำความรู้จักสนิทสนมกับตน มิหนำซ้ำยังพูดคุยสนทนาด้วยท่าทีเป็นกันเองอยู่เสมอ ไร้ซึ่งความถือตัว อวดตนใด ๆ ก็ตาม ยูมยองเป็นลูกชายของตระกูลโด่งดังที่แสนร่ำรวยไม่ผิดแน่ แต่สำหรับเขา วิถีชีวิตอย่างคนทั่วไปก็ไม่ใช่สิ่งที่นึกแขยงหรือรับไม่ได้ การปรับตัวไปกับสิ่งต่าง ๆ เองก็เป็นสิ่งที่เขาสามารถทำได้อย่างง่ายดายเช่นกัน นอกจากนี้ตัวเขาเองถึงจะเป็นลูกคุณหนูแต่ก็มีความโลวเทคอยู่เต็มพิกัด ขนาดที่ว่าไม่สันทัดเรื่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างแรง มีโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดในมือแท้ ๆ แต่กลับใช้ถนัดแค่โทรเข้าโทรออกกับส่งข้อความ ถ้าทำอย่างอื่นก็คงได้นั่งจิ้มนั่งงงเป็นผู้สูงวัย จนโดนเพื่อนแซวด้วยความเอ็นดูก่อนถ้วนหน้าเลยล่ะ

    เจ้าชายแสนดีที่เต็มไปด้วยความใจดีและอ่อนหวานสำหรับหนุ่มสาวทั้งหลาย เขาเปิดรับ และพร้อมรับฟังคำพูดคำเตือนของคนรอบตัวอยู่เสมอ ยูเป็นคนเก่ง ทุกคนล้วนพูดกันแบบนั้น แต่เขาก็เป็นคนที่ปรับปรุงตนให้ดียิ่งขึ้นอยู่เสมออย่างไม่หยุดนิ่ง และโดยพื้นฐานแล้ว เขาเป็นคนที่มีมารยาทกับทุก ๆ คน ไม่ว่าจะเป็นการกระทำหรือคำพูดก็ตาม ไม่มีใครเลยที่เคยได้ยินยูพูดคำหยาบ อย่างมากก็มีแค่เผลอทำเสียงแข็งไปบ้างแค่นั้นเอง เขามักจะเคารพผู้หลักผู้ใหญ่อยู่เสมอ แต่ก็ไม่ได้ตามใจคนสูงวัยกว่ามากเกินไปจนเป็นการกดเด็กรุ่นเดียวกัน มนุษย์หนึ่งมาตรฐานที่ปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียมโดยสมบูรณ์ คนแสนดีขั้นสุดยอดที่พร้อมยิ้มและบอกว่า 'ไม่เป็นไร' ให้กับคนรอบตัวเสมอ แสนดีขนาดที่ว่าบางทีเพื่อน ๆ ก็นึกอยากน้ำตาไหล พนมมือแล้วนึกย้ายมาอยู่ศาสนายูมยองเข้าให้กันเป็นแถบ ๆ เข้าให้ —


    • He got a marvel body, but his heart is so kitty.

    แต่หลายต่อหลายคนก็รู้กันดีว่า คนเราไม่สามารถตัดสินกันได้แค่จากภาพลักษณ์อย่างเดียวเท่านั้น สำหรับยูเองก็ไม่ใช่ยกเว้น ทว่ามันก็ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนเสแสร้ง ตรงกันข้าม ยูน่ะใจดีมาก ดีมากจริง ๆ ถึงขนาดว่าเวลามีคนเข้ามาสารภาพรัก ก็พยายามปฏิเสธอีกฝ่ายอย่างถนอมน้ำใจ ทว่าก็เด็ดขาดมากพอที่จะไม่ให้ความหวังต่อกัน หรือต่อให้มีคนเข้ามาว่าร้ายตนด้วยความฉุนเฉียวก็ยังใจเย็นได้อยู่ แต่ก็ด้วยรูปลักษณ์ที่ถึงจะหน้าหวานโซสวีทขนาดนั้น ร่างกายก็ยังฟอร์มนักกีฬาแบบที่เห็นเส้นเลือดบนมือได้โดยไม่ต้องเกร็งแขน หรือถ้าให้ต่อยคนก็ทำฟันหลุดปากได้เช่นกัน แค่พ่อคุณเขาไม่ถนัดใช้ความรุนแรงก็แค่นั้นเอง

    และถ้าว่ากันตามความจริงแล้ว ยูมยองคงเป็นมนุษย์คนสุดท้ายบนโลกที่จะมีความคิดอยากต่อยใครสักคน ขนาดมีเรื่องกัน สิ่งแรกที่เขาจะทำถ้าโดนต่อยก็คงเป็นการรวบตัวอีกฝ่ายไว้ก่อนให้ใจเย็นแล้วมาคุยกันอีกทีตอนที่ใจสงบแล้วเถอะนะ ถ้ามีคนบอกยูว่านายน่าจะต่อยมันสักหมัดหลังจากที่เขาโดนด่ามา เขาก็คงกะพริบตาปริบ ๆ ทำหน้าหงอยแล้วบอกว่า "ความรุนแรงเป็นเรื่องไม่ดีนะครับ.." สรุปได้ง่าย ๆ เลยว่าเป็นคนใจบางมาก อ่อนโยนกับสิ่งและคนรอบตัวได้แบบไม่มีลิมิตใด ๆ เลย แถมบางทีก็อ่อนไหวเกินไปจนเผลอล่กไปทั่วก็มี พูดตามตรงแล้วยูเป็นคนที่อ่อนไหวมาก เวลาเจออะไรที่น่าสงสารก็มักจะใจอ่อนยวบ สงสารไปทั่ว แถมยังเป็นมนุษย์ที่เรียงลำดับความสำคัญได้ชวนปวดหัวที่สุด เพราะจิตใจของผู้อื่น ก็ย่อมมาก่อนจิตใจของเขาอยู่แล้วน่ะสิ

    ยูมักจะกังวลอยู่เสมอว่าคนรอบตัวจะคิดยังไง เขาเป็นมนุษย์จำพวกที่ว่า 'ไม่อยากให้ใครรู้สึกไม่ดี และไม่อยากไปเป็นความรู้สึกแย่ของใคร' ต่อให้จะดูพยายามรับมือกับเวลาที่มีคนมาโมโหมาด่าใส่ ทุกคนก็จะพบว่าเขาจะดูซึมกระทือกว่าปกติเสมอเวลาได้ยินคำพูดว่าร้ายตน แต่แทนที่จะตอบโต้ ยูมยองกลับเป็นคนที่มักจะเลือกอดทนให้เรื่องมันเงียบผ่านไป หรือไม่ก็เลือกปรับปรุงตัวเองเสียแทน เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เขาโดนคนรอบตัวเปิดปากบ่นบ่อยครั้งว่ามันไม่จำเป็นเลย แต่ถึงอย่างนั้น ยูก็ยังคงเผลอตัวไปเสมอ จนบางทีก็กลายเป็นศึกผลัดกันเกรงใจไปเลยซะงั้นก็มี


    • With that Sammie smile, our pulse will get some problems for sure.

    ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่น่ารักกว่าที่ทุกคนคิดเอาไว้ประมาณสามล้านห้าแสนเท่า หมายถึง — ปกติก็น่ารักอยู่แล้ว แต่พอเอาเข้าจริงกลับน่ารักได้มากกว่าานั้นจนกลายเป็นว่ายูแทบจะกลายเป็นผู้ก่อเหตุอาชญกรรม (?) ทำคนหัวใจวาย ใจล้มเหลวกันเป็นแถบ ๆ ซึ่งในกรณีที่ขอกระซิบบอกไปไว้ก่อนว่ามันเป็นฟังก์ชั่นพิเศษของคนหน้าตาดีด้วย แต่ก็ไม่ใครปฏิเสธได้เช่นกัน ว่ายูเป็นคนที่นิสัยน่ารักจริง ๆ ส่วนมากแล้วถ้าไม่มีอคติปังตา ได้มารู้จักกับเขาก็คงต้องใจอ่อนให้กันทุกราย ยูที่ทั้งจริงใจและช่างใส่ใจ เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใยให้ผู้อื่นอยู่เสมอ ใครเล่าจะไปทำใจเกลียดได้ลงจริง ๆ ถ้าไม่ใช่ว่าเผลอไปตีตัวเขาผิดจากการที่เขาเกิดมาบนกองเงินกองทองและมีสิทธิพิเศษที่ค่อนข้างมากกว่าคนอื่นน่ะ

    ยูเหมือนกับสุนัขตัวโต ๆ เขาเป็นคนที่เวลายิ้มแล้วจะดูเหมือนกับซามอยด์ นั่นเป็นท่าไม้ตายลับพิเศษของเขาที่จะทำให้ทุกคนต่างพากันพ่ายแพ้ราบคาบ และสายตาลูกหมานั้น ถ้าเกิดได้เจอยูโหมดหงอย ๆ ที่แฝงแววออดอ้อนเอาไว้ในดวงตา ก็คงไม่มีใครกล้าใจแข็งกับเขาได้ลงแน่ ๆ มันไม่ใช่ภาพลักษณ์แบบที่ดูน่าถนอมอะไรหรอก ถ้าให้พูดก็คงเป็นความซื่อใส ที่หลายคนกล้าพูดว่ายูมยองจะไม่ใช่คนที่เริ่มคิดร้ายกับใครก่อน หรือมีความคิดที่ไม่ดีไม่ร้ายขึ้นมาได้แน่ ๆ ซึ่งมันก็ถูกต้องแล้ว และนอกจากจะไม่คิด เขายังแอนตี้การคิดร้ายกับคนอื่นด้วย ตั้งแต่การนินทาว่าร้าย การกลั่นแกล้ง การล่วงเกิน การล่อลวงหรือปลุกปั่นให้อีกฝ่ายหลงผิด ล้วนเป็นสิ่งที่ยูไม่โอเคทั้งสิ้น เขาพร้อมจะช่วยเหลือคนที่เจอปัญหาเหล่านี้เสมอ แถมยังสัญชาตญาณไวกับอะไรแบบนี้ซะด้วยสิ

    ตามหลักยูจะเป็นคนที่เป็นตัวของตัวเองอยู่เสมอ เขาแสดงออกภาพลักษณ์ต่าง ๆ แบบไม่เสแสร้งและไม่เคยคิดปิดบัง แต่ก็มีบ่อยครั้งเช่นกันที่ปากของเขาสวนทางกับพฤติกรรม ในขณะที่ร่างกายกับสีหน้ามักแสดงอารมณ์ออกมาจนหมด ปากกลับชอบพูดสวนไปอีกทาง ยูโกหกไม่ค่อยเก่งเอาซะเลย ต่อให้พยายามเก็บความลับอะไรก็ชอบโป๊ะแตกอยู่ดี ดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเวลาเขินอายที่จะหน้าแดง คอแดง หูแดงไปหมด ถ้าวิ่งหนีได้ก็คงจะวิ่งไปแล้ว แต่ในบางครั้ง เขาก็อาจจะติดสถานะ 'สตั๊นท์' ไปก่อน ล่กจนทำอะไรไม่ถูก พูดจาตะกุกตะกักหัวแบลงค์ไปเสียบ้าง (ซึ่งมันจะเป็นกับทั้งตอนที่เขาล่กเพราะเขิน และล่กเพราะประหม่า) จากนั้นพอพ้นสายตาอีกฝ่ายไป เขาก็จะระเบิดตู้ม กลายเป็นเจ้ามะเขือเทศสุกไปเลยล่ะ


    • 'OH MY GOD, HE'S REALLY CUTE, SO SO SO MUCH CUTE.' Yeah, you have been saying that about three hundred times.

    มนุษย์คลั่งรักนัมเบอร์วัน เจ้าสุนัขซามอยด์ที่มักจะคอยชะเง้อคอมองหาเจ้าของ (หัวใจ) ตลอดเวลา คนที่พร้อมจะนั่งยิ้ม นั่งเหม่อ นั่งคิดถึงแต่เรื่องเธอ ไม่เป็นอันจะกินจะนอนมันได้ทั้งวี่ทั้งวัน ยูมยองในโหมดคลั่งรักนั้นหมดสิ้นมู้ดเจ้าชายโดยสิ้นเชิง และตัวเขาที่กรีดร้องไปมาเพราะความน่ารักของอีกฝ่ายนั้นก็แอบเขินอายนิสัยส่วนนี้ไม่น้อย ที่ไม่ว่าจะทำยังไงก็บังคับหัวใจให้เต้นแรงน้อยลงกว่านี้ไม่ได้เลย เขาเลยเป็นคนที่มักจะคลั่งรักอยู่แบบแอบ ๆ กับตัวเองซะมากกว่า และต่อให้สีหน้าจะ (พยายามเก๊กอย่างสุดชีวิตให้ดู) นิ่งเฉย ในใจเขากลับร้องตะโกนไปสามบ้านแปดบ้าน ระดับที่ถ้าต่อลำโพงความคิดออกมาประกาศให้คนนอกฟังได้ พวกเขาคงอยากเอาเท้าก่ายหน้าผากกับสุนทรพจน์บรรยายความน่ารักของเธอยาวสิบหน้ากระดาษเอสองนั่นเข้าให้แน่ ๆ

    น่าประหลาดดีที่ปกติแล้วจะเก็บความลับไม่อยู่ แต่พออยู่ต่อหน้าคนที่ชอบกลับคีพได้เนียนมากเสียอย่างนั้น มันเป็นอาการแบบที่ว่า ใจเต้นแรงมากจนมือชาไปหมด แล้วสมองก็เหมือนสับสวิตซ์ชัทดาวน์ไปเลย กลายเป็นว่าที่เห็นยิ้มนุ่ม ๆ คีพขรึม (?) ได้อยู่ตอนคุยกับคนที่ชอบนั่นก็คือ สติแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ทรุดได้เป็นทรุด ใครมาพูดด้วยตอนนั้นคือคุยไม่รู้เรื่องนะ สมองมีแต่ความน่ารักของเธอเท่านั้นแหละ และพอพ้นสายตาชาวบ้านชาวช่องไปได้ ยูมยองก็คงได้แต่น้ำตาคลอด้วยความเขินกับตัวเองอยู่คนเดียวไม่เลิกเป็นแน่ อ่า แต่ถึงเขาจะคลั่งรักขนาดนี้เขาก็ไม่ใช่พวกโรคจิตนะ เรื่องไปตามส่องหรือทำอะไรล้ำเส้นน่ะไม่เคยหรอก ก็ยังเป็นนายยูคนสุภาพที่ใส่ใจจิตใจของคนอื่น คนที่กลัวจะทำให้คนที่ชอบเขาอึดอัดใจรึเปล่าถ้าเราแสดงความรักมากไปคนนั้นเสมอนั่นแหละ

    แล้วถ้าถามว่าหากไม่จำเป็นต้องเก็บอาการแล้วจะเป็นยังไง? ก็ไม่มีอะไรหรอก เหมือนเดิมนั่นแหละคือไม่พยายามแสดงความรักในที่สาธารณะมากเกินไป เพราะเขากลัวว่าอีกคนจะอึดอัดเอา แต่เรื่องชมนั่นก็ชมได้ทั้งวี่ทั้งวัน เธอครับ น่ารักจัง วันนี้ก็น่ารักอีกแล้ว เราอยากขอบคุณพ่อแม่เธอมากเลยที่เลี้ยงเธอให้โตมาน่ารักยิ่งกว่าดาวฤกษ์ดวงไหน ๆ บนจักรวาลนี้ซะอีก (?) ปกติแล้วยูจะไม่ค่อยกล้าสัมผัสตัวใครเท่าไหร่ ยิ่งถ้าเป็นคนรักก็คงจะยิ่งเขินจนไม่กล้าแตะ นั่งท่องพุทโธอยู่ในใจล้านรอบตอนที่อีกคนเขาอนุญาตให้หอมให้จับได้ บางทีก็มีหลับตาปี๋ไปเลย ค่อย ๆ แตะ ค่อย ๆ จับ เหมือนกับถนอมลูกแมวแรกเกิดไม่มีผิด แต่ว่าอย่าพยายามสบตากับเขาล่ะ เพราะสายตาที่เต็มไปด้วยความรักล้มหลามนั่นน่ะ พลังทำลายล้างมันระดับพระกาฬมากจริง ๆ นะ


    • He looks like the image of perfection, yet he still screams inside.

    อะไรเอ่ยที่ยูมยองทำไม่ได้? ติ๊กต่อก หมดเวลาแล้วคนก็ยังคิดหนักว่ามีเรื่องไหนบ้างที่พ่อคุณชายคนนี้เขาไม่สามารถ ตามความจริงมันก็มีแหละ แค่ไม่ใช่ส่วนมากก็แค่นั้น ยูมยองเป็นคนเรียนเก่ง เล่นกีฬาได้ ดนตรีก็ถนัด หรือกระทั่งงานฝีมืออย่างการวาดภาพกับงานละเอียดอย่างการปลูกต้นไม้กับการทำอาหาร เขาก็ยังทำมันออกมาได้อย่างดีเยี่ยม หลายคนพูดว่าเขาเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟค รูปหล่อ พ่อรวย มากความสามารถ มีมารยาท นิสัยดี จะไปหาใครล่ะที่แสนดีเลิศเลอไปได้มากกว่านี้ แต่ทุกครั้งที่ได้ดินเช่นนั้น ยูก็มักยิ้มแห้งเสมอ สะกิดยิก ๆ แทบไม่ทันเลยว่ามันไม่ใช่แบบนั้นหรอกน่าชาวโลก..

    สิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องทำความเข้าใจตรงกัน นั่นคือยูไม่ใช่คนมีพรสวรรค์ หรืออย่างน้อยก็ไม่ใช่กับเรื่องการเรียนกีฬาและดนตรี โอเค เขาเป็นคนเก่ง แต่ลิมิตของเขาก็ไม่ได้สูงติดขอบฟ้า ยูไม่สามารถสำเร็จสิ่งใดได้ด้วยเพียงการพยายามในชั่วอึดใจ แต่สิ่งที่ทำให้เขาเป็นเขาอย่างในทุกวันนี้ นั่นคือความทุ่มเทที่เขามีให้สิ่งต่าง ๆ อยู่เสมอ ยูกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าเขาเป็นคนที่มีความพยายามมาก หากตั้งใจจะทำสิ่งใดแล้ว ก็จะต้องทำให้สำเร็จ เขานั้นพยายามทั้งศึกษา ฝึกฝน นำมาใช้ปฏิบัติจริง ทำทุกอย่างจริง ๆ เพื่อให้ตนเก่งกาจได้ เขาเป็นคนขยันมาก ไม่เคยผลัดวันประกันพรุ่ง และเป็นคนที่มักจะทำตารางชีวิตไว้ว่าตอนนี้ต้องทำอะไรและต่อไปมีเรื่องอะไรที่ต้องทำบ้าง ซึ่งเขาก็ไม่เคยแอบโกงสกิปข้ามหรือเนียนพักระหว่างช่วงเวลาฝึกฝนเลยสักนิด

    แต่จนแล้วจนรอด มนุษย์คนนี้ก็ยังเป็นคนที่หัวใจบางแสนบางอย่างน่าใจหาย ยูนั้นเป็นคนที่แพนิคง่าย เขาชอบแตกตื่นกับเรื่องไม่คาดคิดจนเผลอแสดงท่าทีลนลานออกไปบ่อยครั้ง หรือพอรู้ตัวว่าเผลอทำอะไรผิดไป ก็นั่งหน้าซีดเป็นไก่ต้ม กระวนกระวายไปเป็นวัน ๆ เป็นคนที่พร้อมจะตะโกนกรีดร้องในใจอย่างบ้าคลั่ง แม้จะเตรียมตัวมาอย่างดีตลอดคืนแล้ว และกำลังนั่งสงบนิ่งหน้าห้องสอบอยู่ คราวไหนเห็นยูชิล ๆ จิบกาแฟสบายใจอยู่นั่นก็อย่าไปเชื่อมากล่ะ อันที่จริงคือตาเบิกโพล่งมาทั้งคืนเพราะกังวลกลัวว่าจะทำพลาด จนถ้าไม่เทคกาแฟก็ได้มีหัวฟาดโต๊ะสอบกันแน่ ๆ ต่างหากล่ะนั่นน่ะ


    • And sometimes people think he a bit forces himself too much.

    คนที่ยึดติดอยู่กับคำว่า 'เด็กดี' มากเกินไป เพราะใส่ใจผู้คนรอบตัวมากจนเกินไป เพราะแคร์คำพูดที่คอยกระซิบบอกอยู่เสมอ ยูมักเป็นเหยื่อที่ถูกล่อลวงให้ทุบตัวตนของตนเพื่อเป็นอย่างที่สังคมเห็นชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่ดูไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ทว่าก็ไม่ใช่เรื่องปกติ อย่างการเรียนอย่างหนัก การไม่หลับไม่นอนจนดึกดื่นเพื่ออ่านหนังสือ การที่ต่อให้ป่วยแต่ถ้าคะแนนออกมาดีนั่นก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว นั่นคือสิ่งที่เขาเคยเป็นมาทั้งหมด และยังคงมีร่องรอยเหล่านั้นเหลือทิ้งไว้ให้เห็นจาง ๆ การอ่านหนังสือสม่ำเสมอนั้นเป็นความตั้งใจด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนก็เป็นความกังวลที่ยูคิดว่าตัวเขานั้น 'ไร้พรสวรรค์' และหากพยายามไม่มากพอ เขาก็จะทำอะไรไม่ได้เลย คำด่าทอมีผลกับยูมากกว่าคำชมเชย ต่อให้มีคนเป็นล้านที่ชมเชย แต่คำด่าทอเพียงแค่ไม่กี่คำ ก็ทำให้เขาแตกสลายได้อย่างง่ายดายแล้ว

    จิตใจของเขาบอบบางเกินกว่าจะอยู่ตัวคนเดียวหรือรับมือกับสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวของเขาเอง อย่างน้อย เขาก็ควรมีใครสักคนที่คอยอยู่ข้าง ๆ คอยบอกว่าเขาเก่งมากพอแล้วแม้จะไม่ใช่ที่หนึ่งหรือเหนือกว่าใคร ๆ บอกว่าเขาเป็นเด็กดี เป็นคนเก่งที่พยายามมาอย่างดีเสมอ ยูเหมือนกับเด็ก ๆ ตัวเล็ก ๆ ที่ต้องการคำชมเชยเวลาที่เขาทำได้ดี เห็นได้ชัดว่าเขาจะค่อนข้างเขินแต่ก็มีสีหน้าดีอกดีใจมากเวลามีคนชมเขาอย่างจริงใจ (เขาค่อนข้างเก่งเรื่องการแยกให้ออกระหว่างการชมเพื่อเอาใจ ชมตามมารยาท และการชมที่มาจากใจจริง ๆ) ยูชอบให้ลูบหัว เขาหัวเราะและพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายเวลามีคนบอกว่าเขานั้น 'เหมือนสุนัขที่กระดิกหางไปมาเวลาเจ้านายชมเลย' เพราะว่ายูอยากที่จะเป็นเด็กดี และเขาก็อยากจะให้คุณมองว่าเขาเป็นเด็กดีของคุณด้วยเช่นกันนะ

    เขาสูญเสียความมั่นใจได้ง่ายเกินไป แต่ก็ลุกกลับมาใหม่ได้ง่ายจนเกินไปเช่นกัน ทั้งที่ยังซ่อมแซมไม่เสร็จดีแท้ ๆ แต่กลับคิดว่าหยุดไม่ได้ พักไม่ได้ จะทำให้คนอื่นผิดหวังไม่ได้ ยูเป็นคนที่โดดเด่น ยืนอยู่ท่ามกลางสปอร์ทไลต์และมีคนมากมายที่คาดหวังกับเขา ไหล่ของเขามักรู้สึกหนัก และถึงเขาจะเหนื่อย เขาก็ไม่เคยปฏิเสธความคาดหวังนั้น พยายามจะตอบแทนความคาดหวังของทุกคนอยู่เสมอ แม้ว่านั่นจะหมายถึงการฝืนตัวเองไปบ้าง จนบางครั้งเพื่อนกับคนรอบตัวก็ต้องดุ และขอให้เขาหยุดพักบ้าง การมานั่งเฝ้าเขาเวลาป่วยเป็นความคิดที่ดี เพราะเชื่อเถอะว่าไอ้ลูกหมาคนนี้มันดื้อกว่าที่คุณคิด ละสายตาไปแป๊บเดียว อาจจะลากสังขารคลานลงจากเตียงไปหยิบหนังสือมาอ่านทั้งที่ไข้สามสิบแปดแปะเจลลดไข้ไว้คาหัวอยู่เลยก็ได้


    • Sometimes man just wants to be a cry baby.

    ใครว่าลูกผู้ชายร้องไห้ไม่ได้ โกหกทั้งเพ ใจร้ายทั้งเพ ทำไมผู้ชายถึงจะร้องไห้ไม่ได้กัน ยูมยองเป็นคนที่ร้องไห้เก่งที่สุดในโลก ใจเขาบางยิ่งกว่าทิชชู่เปียก ดูหนังเศร้าก็น้ำตาไหลเป็นสาย โดนดุจะทำหน้าหงอ เจอเรื่องกระทบจิตใจแรง ๆ กำแพงน้ำตาก็สั่นครืนแล้ว แต่ว่าอันที่จริงก็ไม่ใช่คนที่ร้องไห้ได้พร่ำเพรื่อขนาดนั้นหรอก แค่ว่าเขาจะมีช่วงอ่อนไหวเป็นของตัวเอง ตอนไหนที่เหนื่อยมาก ๆ ยูจะร้องไห้ง่ายเป็นพิเศษ นั่งอยู่ดี ๆ คิดถึงเรื่องที่เครียดอยู่น้ำตาก็อาจไหลออกมาดื้อ ๆ เขาชอบทำให้คนรอบข้างตกใจด้วยการอยู่ดี ๆ ก็ร้องไห้ออกมาซะอย่างนั้น แต่เขาก็จะมุดหน้าหนี บอกว่าไม่เป็นไร ๆๆ ทั้งที่น้ำตาไหลเป็นสายอยู่ดี ไม่ต้องมาเป็นห่วงเขา เขาโอเค หมายถึง โอเคที่ไม่โอเค — เอาเป็นว่าปล่อยเขาไว้คนเดียวสักพักก็ได้ เดี๋ยวก็เลิกร้องเองนั่นแหละ และความคิดในหัวก็จะซับซ้อนน้อยลง มากขนาดที่ว่าบางทีก็เผลอทำเรื่องแปลก ๆ บ้า ๆ บอ ๆ อย่างการนั่งคุยกับปลา หรือการแบกแมวขึ้นหลังคอเดินแห่ไปทั่วโรงเรียนโดยไม่รู้ตัว แล้วพอมาระลึกชาติได้เอาทีหลัง ก็เป็นอันต้องหน้าซีดเผือดว่าทำอะไรลงไปนะเรา หรือไม่ก็หน้าแดงฉ่าด้วยความเขินอายจนแทบมุดดินหนีทุกรอบเลยล่ะ

    ช่วงที่อ่อนไหว พฤติกรรมของยูจะค่อนข้างแปลกไปจากเดิมนิดหน่อย แต่ก็เนียนซะจนหลายคนไม่ทันสังเกตเว้นแต่จะสนิทกันมาก ๆ เขาก็ยังยิ้ม พูดจาสุภาพ ตั้งอกตั้งใจทำเรื่องต่าง ๆ อย่างทุกทีนั่นแหละ แค่ไม่ค่อยหัวเราะกับเรื่องตลกรอบตัวเท่าไหร่แล้ว หรือต่อให้หัวเราะก็ดูฝืน ดูฝืด เอเนอร์จี้หมดง่ายกว่าทุกทีทำให้แอบดูซึมกระทือพอสมควรในช่วงท้ายของวัน ก็ยังกินข้าวได้เดินไปไหนมาไหน เที่ยวเล่นกับคนอื่นได้นะ แต่ถ้าสนิทก็จะรู้เลยว่าไม่ปกติ ไม่ปกติแน่ ๆ และบางคืนช่วงที่อ่อนไหว เขาก็ชอบร้องไห้อยู่คนเดียว แต่ก็ไม่ค่อยชอบบอกความเครียดของตนให้ใครฟังหรอก..ไม่อยากให้ใครมาเครียดไปด้วยนี่นา

    ยูเก็บปากปิดเงียบได้ดี และจะคงสภาพไว้ได้ถ้าไม่มีคนไปสะกิดเข้า เขาอาจจะระเบิดในแง่มุมที่หมายถึงการโดนกระทบจิตใจแรง ๆ จนเกิดแพนิคจนร่างเกร็งขึ้นมา หรืออาจจะน้ำตาแตกสะอื้นไม่เป็นคำตอนที่มีคนมาถามเขาว่า 'โอเคหรือเปล่า' ในตอนที่แม้แต่กับข้าวที่เป็นของโปรดก็ไม่อร่อยเอาเสียเลย หรือบางทีเขาก็คงแค่อยากมีคนให้ได้ร้องไห้ด้วย ระบายความในใจด้วยได้บ้าง บางทีก็อยากทิ้งภาพลักษณ์หนักหัวทุกอย่าง อยากปลดเปลื้องภาระมันไปเสียให้หมด เขาก็แค่อยากกลับไปเป็นเด็กอายุห้าขวบที่ร้องไห้จนสุดเสียงได้เพราะหกล้มก็แค่นั้นเอง..


    • Is there anyone that has seen he's angry before? 

    ยูแทบไม่โกรธใครเลย เขาเป็นคนที่ใช้ชีวิตได้สงบสุขมากคนหนึ่ง แบบที่ว่าถ้าไม่คนมาหาเรื่องเขาก่อน เขาก็คงแทบไม่เคยก่อเรื่องวิวาทกับใครเลย ต่อให้เดินเข้ามาชี้หน้าด่าเขาเสีย ๆ หาย ๆ เขาก็คงไม่โกรธ แต่เลือกจะทำให้เรื่องสงบด้วยการยอมแทน แค่ว่าหลังจากนั้นก็คงไปนั่งเสียใจอยู่เงียบ ๆ คนเดียว ยูไม่สู้คนสักเท่าไหร่ถ้าพูดกันตามตรง หมายถึง ถ้ามาหาเรื่องน่ะนะ แต่ถ้าเป็นในเรื่องของสิทธิ์ ความเท่าเทียม เรื่องที่ควรจะเปิดปากพูด อันนี้ก็ไม่ยอมอยู่เฉยอยู่แล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าไปเอาความกล้ามาจากไหน แต่เชื่อเถอะว่ายูน่ะน่ากลัวได้มากกว่าที่คุณคิดเยอะนะ..

    เวลาที่ยูสติแตกหรือเผลอตัวไปนั้นมักเป็นช่วงเวลาทองคำที่หาได้ยากยิ่ง และตัวเขาก็ไม่ค่อยอยากให้มันเกิดบ่อยนัก ไม่ใช่ว่าเขากังวลใจเกี่ยวกับตนเองที่จะแสดงออกอย่างแข็งกระด้างและรุนแรงดุกร้าวมากขึ้นจนแทบพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือหลังจากเกิดน็อตหลุด แต่เขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เพราะว่าส่วนมากที่ยูตบะแตก มันมักจะเป็นเพราะเขาดันไปเห็นคนถูกทำร้ายหรือล่วงเกินต่างหาก การลวมลาม การทำร้ายร่างกาย การกลั่นแกล้ง การกระทำแบบนั้นมันไม่ดีเลย ปกติเขารักจะสันติวิธีนะ แต่ถ้าเห็นเด็กผู้หญิงถูกลวมลามอยู่ ยูก็คงไม่รีรอจะวิ่งเข้าไปซัดหน้าอีกฝ่ายแล้วรีบพาคน ๆ นั้นหนีออกมาทันที เขาไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังนักในตอนแบบนี้ (อย่างที่บอก สติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว..) บางทีก็เจ็บตัวบ้าง แต่เพราะเป็นคนตัวใหญ่แถมแรงเยอะ ก็เลยไม่ค่อยมีปัญหาสักเท่าไหร่น่ะ

    แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีความโกรธอีกรูปแบบหนึ่งที่แตกต่างสักหน่อย ในเวลาที่คนสำคัญของเขาถูกทำให้ร้องไห้หรือต้องมาเจ็บตัว ยูจะนิ่งมากในช่วงเวลานี้ เขาจะไม่ใช้ความรุนแรงเพราะเขามีสติ แต่คำพูด ท่าทาง น้ำเสียงของเขากลับกรีดคนฟังและทำให้อีกฝ่ายเกร็งได้อย่างง่ายดาย ภาษาพูดที่แทงใจคนที่ยามปกติคงไม่มีวันหลุดออกมา เขาก็พร้อมด่าได้ง่ายดายกว่าปกติมากนัก แต่ถ้าให้เลือกระหว่างจัดการอีกฝ่ายให้หายโมโห หรือการทำให้คนสำคัญรู้สึกดีขึ้นก่อน เขาก็จะเลือกอย่างหลังอย่างไม่ลังเล เวลาที่ทำแผลให้ก็คงมือสั่นไปหมด ทั้งพยายามข่มความโกรธตัวเองเพราะไม่อยากให้อีกคนกลัว ทั้งข่มความกลัวในใจตัวเองด้วยที่กลัวว่าอีกคนจะเป็นอะไร เขานั้นหวงแหนคนสำคัญ อยากถนอมและรักษาให้ดีที่สุดเท่าที่คน ๆ หนึ่งจะทำได้ เพราะงั้นถ้าต้องเสียไปทั้งที่ตนรักเขาแทบตาย ไม่ว่าจะเป็นคนรัก เพื่อนสนิท หรือครอบครัว มันก็คงเป็นแผลที่กรีดลงไปบนใจของยูจนเหวอะหวะยากจนเกินจะรักษาจริง ๆ 


    ลักษณะการพูดจา

    มนุษย์สุภาพ กับโทนเสียงหวาน ๆ นุ่ม ๆ เหมือนสายไหมที่ทำใจคนพากันละลายอ่อนยวบยาบ โทนเสียงที่มักจะคีพให้อยู่ในระดับนิ่งสงบเข้าไว้ไม่ว่าจะในสถานการณ์แบบไหน กับคำพูดคำจาที่ฟังดูรื่นหูคนไปเสียหมด แม้กับเวลาที่ต้องตอบปฏิเสธหรือพูดคุยกับคนที่เข้ามาสนทนาด้วยประสงค์ร้าย แต่ถึงจะบอกว่ายูพยายามคีพโทนเสียงของเขาเอาไว้ตลอด เขาก็ไม่ใช่พวกเก็บอารมณ์เก่งขนาดนั้นถ้าเป็นเรื่องของการพูด หากจับสังเกตดี ๆ จะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในน้ำเสียงที่เหวี่ยงไปตามอารมณ์ของเขาได้เสมอ เช่นโทนเสียงที่พุ่งสูงขึ้นเวลาตกใจ การพูดอย่างรวดเร็วจนลิ้นพันตอนที่กำลังตระหนก และเสียงแบบแหย่ ๆ มีการหัวเราะ 'แหะ ๆ' แลดูงึมงำในลำคอตอนที่เขารู้สึกไม่สะดวกใจเท่าไหร่ ถ้าให้พูด โทนเสียงแบบเดียวที่เขาแทบจะไม่แสดงออกให้เห็นเลยก็คงเป็นการตะคอกล่ะมั้ง?

    ยูเป็นคนสุภาพ เรื่องนี้ทุกคนรู้ อันที่จริงแค่ฟังจากลักษณะคำพูดนั่นก็ชัดเจนมากแล้ว เขาใช้สรรพนามแทนตัวว่า 'ผม' หรือการแทนตัวด้วยชื่อเป็นหลัก (อย่างหลังมักใช้ในกรณีกับคนที่อายุใกล้หรือเท่ากัน ไม่ก็มีความสนิทสนม หรือการพูดเพื่อไม่ให้รูปภาษาดูมีความห่างเหินกันเกินไป) ปกติเขาจะเรียกเพื่อนด้วยชื่อเล่นของอีกฝ่าย ถ้าเป็นคนอายุน้อยกว่าหรือมากกว่า ก็จะใส่ 'พี่ / น้อง' ลงไปแล้วตามด้วยชื่อเล่น สำหรับผู้สูงอายุ ยูมักเรียกอีกฝ่ายตามแต่วัยและเรียกด้วยชื่อจริง เขาใส่หางเสียงลงไปในประโยคสนทนาตลอดไม่ว่าจะคุยกับใคร เรียกว่าเป็นความเคยชินอย่างหนึ่งก็ได้ เรื่องคำหยาบคายเองก็ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะมีโอกาสได้ยินจากปากยู ต่อให้เผลอหลุดอุทานก็ไม่มีคำหยาบหลุดเล็ดรอดออกมาหรอก แต่ว่าเขาก็ไม่ได้คิดมากหรอกนะถ้าเพื่อนสนิทจะเผลอพูดคำหยาบกับเขา แค่บางคนก็ใจบาง ไม่กล้าพูดต่อหน้าพ่อเทพบุตรซามอยด์ (?) แกสักเท่าไหร่แค่นั้นเอง

    Example1; Let me know if you want any help.

    ว่ากันว่าประสบการณ์ได้ใกล้ชิดกับหนุ่มหล่อนั้นมีไม่มากนักในห้วงชีวิตหนึ่ง เด็กสาวเองก็คิดว่าแบบนั้น และเธอคงใช้โชคทั้งชีวิตของเธอไปจนหมดสิ้นเนื้อประดาตัวแล้ว ตอนนี้เธอได้มานั่งกรอกเอกสารบนโต๊ะตรงหน้า โดยมีใครอีกคนหนึ่งที่ทำสติเธอเตลิดไปไกลตั้งแต่เผลอสบตากันตอนเดินเข้าห้องสภานักเรียนมานั่งขนาบข้างคอยชี้แจงให้ถึงที่ขนาดนี้

    "ตรงนี้ให้เขียนชื่อจริงกับนามสกุลของพ่อแม่นะครับ แล้วก็อย่าลืมเช็คกับใบเอกสารประกอบที่ทางโรงเรียนมีด้วยนะ ยังไงถ้าเราเห็นว่าข้อมูลมันไม่ตรงกัน ให้บอกพี่นะครับ แล้วเดี๋ยวพี่จะลิสต์ให้อีกทีว่าต้องใช้เอกสารอะไรประกอบบ้างสำหรับการยื่นแก้ไขข้อมูล.."

    น้ำเสียงนุ่มนวลรื่นหูฟังดูเป็นกันเองอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ อย่างเข้าใจง่าย ขนาดที่ว่าแม้สติเด็กสาวจะแอบขาด ๆ เกิน ๆ ไปบ้างในตอนนี้กับการปฏิสัมพันธ์กับประธานนักเรียนสุดหล่อคนปัจจุบัน เธอก็ยังพอเข้าใจมันได้ในระดับหนึ่ง — ถึงแม้ว่าหัวใจมันจะเต้นแรงจนฟังแทบไม่รู้เรื่องไปช่วงก็เถอะ

    "ทั้งหมดก็มีเท่านี้นะ มีตรงไหนที่เราไม่เข้าใจไหมครับ?"

    ตอนที่ยูมยองหันมาสบกับเธอพร้อมรอยยิ้มหวาน ๆ บนหน้า เด็กสาวถึงกับสะดุ้งโหยง หน้าร้อนฉ่าเหมือนหัวจะไหม้เสียเดี๋ยวนั้น เธอส่ายหน้าพรึ่บปฏิเสธทันที หันไปจับปากกาทั้งมือไม้สั่น ๆ แบบนั้น สติสตังแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสียแล้ว

    "ยังไงถ้ามีเรื่องที่อยากให้ช่วย บอกพี่ได้เลยนะครับ"

    ผิดกับรุ่นพี่สุดหล่อที่จนถึงตอนนี้ก็ยังยิ้มหวานด้วยใบหน้าที่ทั้งหล่อเหลาน่ารักนั่นไม่เลิก แผ่รังสีอ่อนโยนเต็มพิกัดจนเธอตาแทบบอดมันเสียให้ได้

    "ไม่ต้องกลัวว่าจะรบกวนนะ พี่ยินดีช่วยอยู่แล้วครับ"

    โอ้ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์..

    กลับบ้านไปเธอจะกราบขอบคุณแม่บังเกิดเกล้าสักสามที..ขอบคุณจริง ๆ ค่ะที่ให้หนูได้มาเรียนโรงเรียนที่มีเทพบุตรอยู่ด้วยแบบนี้!!!


    Example2; Can I take your hands, please?

    "อ่า น่ารักจัง ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้นะครับ"

    คอปเตอร์ได้ยินเสียงอะไรสักอย่างบ่นงุ้งงิ้งอยู่ใกล้ ๆ หู

    แต่เขาจะไม่หันไปมอง — ไม่มีวัน

    "เฮ้อ น่ารักจริง ๆ นะเนี่ย คนสวยของเรา น่ารักได้ทุกวันไม่มีหยุดเลย"

    เพราะเขาไม่อยากจะเห็นภาพนั้น ภาพที่เจ้าเพื่อนตัวดีกำลังนั่งจ้องบางสิ่งด้วยสายตาวาววับเป็นประกาย และมีสีแดงระเรื่อขึ้นซับข้างพวงแก้มอย่างกับสาวน้อยแรกแย้มตอนตกหลุมรักไม่มีผิด

    แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ทนไม่ไหว ต้องหันไปจ้องเพื่อนสนิทด้วยสายตาเอือมระอาอย่างช่วยไม่ได้

    "ขอผมจับมือหน่อยนะครับ..นะ?"

    ยูมยองกำลัง 'ขอมือ' สุนัขพันธุ์ซามอยด์ตัวโตขนสีขาวนุ่มฟูในคาเฟ่สุนัขด้วยรอยยิ้มที่เปื้อนหน้าจนนัยน์ตาหยีโค้งสวยเป็นรูปพระจันทร์ ที่หากกลุ่มแฟนคลับท่านประธานมาเห็นเข้า คงได้ล้มหมอนนอนเสื่อกันถ้วนหน้ากับภาพอันน่ารักจับใจนี้ของเจ้าคู่แฝดต่างสายพันธุ์

    ความหมั่นไส้ผุดพรายขึ้นมาในอกอย่างช่วยไม่ได้ คอปเตอร์กดชัตเตอร์ถ่ายภาพทั้งสีหน้าพับหงิกหงอ และยิ่งดูจะหงิกงอเข้าไปใหญ่ตอนที่พบว่ารูปมันออกมาดีเสียจนรังสีความหล่อทะลุจอภาพมาแยงตาได้อย่างน่าชื่นชมขนาดนี้

    ว่าแต่แค่จะขอมือหมานี่มันต้องพูดสุภาพขนาดนั้นด้วยเหรอ..ถามจริง ๆ เลยนะคุณชายเอ๊ย..


    Example3; It's kinda a bit awkward...No, It's really AWKWARD.

    "เฮ้อ.."

    เสียงถอนหายใจดังออกมาเด็กหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีม่วงเข้มคนหนึ่ง เขาพักศีรษะตนเอาไว้กับผนังตึกเรียน ในขณะที่มือนั้นถือจดหมายฉบับเล็กเอาไว้ด้วยท่าทีประหม่านปนกังวลใจไม่น้อย และถึงแม้ว่าเขาจะถือมันไว้คู่กับตุ๊กตากระต่ายตัวโตนี้มาได้สักพักแล้ว ยูก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะเดินเข้าไปหาคนที่เขาตั้งใจจะยื่นมันให้กับเจ้าตัวเสียที

    ความจริงแล้วเขาตั้งใจจะสารภาพรักกับ [5] วันนี้..แต่เขาก็ยังหาจังหวะเหมาะ ๆ ไม่ได้สักที

    ได้เดินแบกตุ๊กตาเดินไปทางโน้นทีทางนี้ทีจนเขาทักกันถ้วนหน้าไปหมด พอเจออีกฝ่ายแวบ ๆ อยู่ตรงกรอบสายตา ก็มีคนมาล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมดจนพลาดโอกาสมาตลอดทั้งวันเลย..

    "ถ้าได้เจอ [5] ตอนอยู่คนเดียวบ้างก็ดีน่ะสิ.."

    "เอ่อ ยู..?"

    "ครับ!?"

    ตุ๊กตากระต่ายตัวใหญ่ในมือถึงกับลอยข้ามหัวไปอีกทางเมื่อเจ้าของตกใจจนเผลอโยนมันขึ้นฟ้า เสียงร้องเหวอดังลั่นจากข้างหลัง นั่นทำให้ยูต้องรีบขยำซองจดหมายในมือยัดใส่กระเป๋ากางเกงไปในทันทีเพื่อหันไปช่วยคว้าตัวฝ่ายที่เกือบล้มหน้าหงายเพราะความตกใจไว้ได้ทันเสียก่อน และเขาก็คงไม่กล้าทำแบบนั้นกับจดหมายแสนสำคัญที่นั่งเขียนอยู่หลายต่อหลายชั่วโมง ถ้าเกิดว่าเขาไม่ทันจำเสียงนี้ได้ก่อนล่ะก็

    เสียงของคนคนที่กำลังยืนกอดเจ้าตุ๊กตาที่ลอยลงมาจากฟ้าเอาไว้ แล้วก็..เป็นคนที่เขาแอบชอบมาตลอดด้วย

    ยูพยายามคลำหาเสียงในลำคอของเขา แต่มันก็ยากซะจนเขาแทบจะกลั้นหายใจให้สลบหนีความจริงเสียเดี๋ยวนี้ ได้แต่ปล่อยมือจากข้อมืออีกฝ่ายหลังช่วยรั้งให้กลับมายืนแบบปกติได้แล้วทั้งท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ แบบนั้น

    "อะ อรุณสวัสดิ์ครับ.."

    และเขาก็พูดเรื่องงี่เง่าที่สุดในโลกออกไปในช่วงเวลาห้าโมงเย็นที่พระอาทิตย์ใกล้ตกดินเต็มทน

    อีกฝ่ายมีสีหน้างุนงงนิดหน่อย แต่ก็ยังยกยิ้มกลับมาให้ "สวัสดี" น้ำเสียงเล็ก ๆ นั้นกล่าวตอบ "ยูอยากเจอเราเหรอ?"

    'อยากครับ อยากที่สุดในโลกเลย แต่ไม่ใช่แบบนี้'

    เสียงคร่ำครวญดังขึ้นอยู่ในใจคนที่กำลังทำหน้าหงุงคอตกได้ที่ เขาอยากเจอ [5] มากก็จริง แต่เขาก็อยากได้จังหวะที่มันเหมาะ ๆ และเท่กว่าการสะดุ้งตกใจจนเผลอโยนตุ๊กตาใส่อีกฝ่าย เด็กหนุ่มแทบจะรับบทนางเอกละครโศกแล้ววิ่งหนีออกไปทั้งน้ำตาทั้งอย่างนี้ ถ้าไม่ติดว่าจะทำอีกคนงงเต๊กซะก่อนล่ะก็

    "คือว่า.."

    [5] กะพริบตาเบา ๆ มองมาทางเขา ก่อนจะยิ้มและเอียงคอน้อย ๆ เป็นการถามทางอ้อมว่า 'มีอะไรรึเปล่า?'

    โดยไม่ทันได้รู้ตัวเลย ว่าทำคุณประธานนักเรียนแทบจะวิ่งไปกรี๊ดที่บ่อปลามันเสียเดี๋ยวนี้แล้ว

    เธอครับ น่ารักจัง น่ารักที่สุดในโลกเลย โอ๊ย คนอะไรทำไมน่ารักขนาดนี้ครับ ฮืออ T___T

    "อะ เอาตุ๊กตาไหมครับ.."

    สุดท้ายเขาก็ได้แต่พูดออกไปแบบนั้น หลบตาออกมาพร้อมใบหน้าที่ขึ้นสีแดงฉ่าอย่างห้ามไม่อยู่ พยายามจบสถานการณ์ประหลาด ๆ นี้ลงให้ได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้อย่างสุดความสามารถ แม้ยูจะคิดว่าเขาทำพังไปเรียบร้อยแล้วก็เถอะ

    "เอ๊ะ? จ — จะดีเหรอ..มันดูท่าจะแพงนะ.."

    และพอเห็นใบหน้าติดเกรงอกเกรงใจนั้น เขาก็ไม่กล้าพูดเลยว่าตนซื้อมาแพงจริง ๆ..แต่ทำยังไงได้ เขาคิดว่าเจ้าตุ๊กตากระต่ายนี่มันหน้าตาน่ารักเหมือนกับอีกฝ่ายไม่มีผิด จนได้แต่คิดว่าต้องเป็นตัวนี้เท่านั้นเลยนี่นา..

    "ไม่เป็นไรหรอกครับ..ยูซื้อมาเกินน่ะ"

    เอาเป็นว่าอย่างน้อย..ก็ขอให้เขาได้ให้ของขวัญที่อุตส่าห์เลือกซื้อมาอย่างตั้งใจให้อีกฝ่ายก่อนแล้วกัน..


    Example4; ...I'm not sure I understand what are you talking about.

    "ครับ..อีกแป๊บนึงก็น่าจะถึงแล้วครั —"

    เสียงทุ้มนุ่มที่กำลังกรอกใส่โทรศัพท์มือถือหยุดชะงักไปพร้อมกับเท้าทั้งสองข้าง ยูกะพริบตาเบา ๆ เมื่อค้นพบว่าเส้นทางของเขาถูกบล็อกไว้ด้วยเด็กสาวที่ดูเหมือนจะอายุน้อยกว่าเขาไม่เท่าไหร่ เธอดูมีท่าทีเขินอายไม่น้อย แต่ก็ดูกระตือรือร้นอยู่ในที ทำเอาเขาต้องเอ่ยกระซิบบอกเพื่อนสาวในสายโทรศัพท์ว่าให้รอสักเดี๋ยว แล้วเปลี่ยนคู่สนทนามาหาคนตรงหน้าเสียก่อน

    "มีอะไรเหรอครับ?"

    "อ่า พอดีว่าหนูเห็นพี่มาแถวนี้หลายรอยเลยน่ะค่ะ" ถ้อยคำที่ยิ่งทำให้กะพริบตาเสียยิ่งกว่าเดิม ยูก็ไม่ได้ปฏิเสธหรอกว่าเขามาแถวนี้บ่อย..ก็มันเป็นย่านการค้าที่ใกล้โรงเรียนที่สุดแล้วนี่นา ที่ห้องก็มีงานที่ต้องออกมาซื้อของจิปาถะบ่อย ๆ ด้วย "ขอพูดตรง ๆ เลยนะคะ คือหนูคิดว่าหนูสนใจพี่น่ะค่ะ"

    แล้วเด็กหนุ่มก็ถึงกับนิ่งเหวอ ไปต่อไม่ถูกขึ้นมาชั่วขณะเสียทันใด

    "แถวนี้มีคาเฟ่อร่อย ๆ อยู่ด้วยนะคะ สนใจ..ไปด้วยกันไหมคะ"

    "คะ ครับ..?"

    เดี๋ยวสิ..นี่มันสถานการณ์อะไรกันเนี่ย..

    ความสับสนผุดงอกเงยขึ้นมาในใจของเด็กหนุ่ม เขาเหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจ แต่แล้วก่อนจะได้ตอบอะไรกลับไป เสียงปรี๊ด ๆ กลับดังออกมาจากมือถือ ทั้งยูและเด็กผู้หญิงตรงหน้าพร้อมใจกันสะดุ้งแบบไม่ได้นัดหมาย ยูมองโทรศัพท์ตัวเองสลับกับเด็กสาวไปมา หากสุดท้ายแล้วก็เลือกจะส่งยิ้มแห้งกรอบไปให้ รีบโค้งศีรษะขอโทษ แล้วจรลีหนีหลบฉากออกมาอย่างไวเสียแทน

    [โห คุณชาย มันเป็นแซ่บขนาดนั้นเลยนะ] ทันทีที่หลบออกมาได้แล้วกรอกเสียงกลับไป เขาก็ได้ยินเพื่อนสาวร่วมห้องตอบกลับมาทันใด

    "ไม่มีอะไรหรอกครับเมย์ น้องเขาคงแค่..เอ่อ.." ยูอ้ำอึ้งนิดหน่อย พยายามหาคำที่เข้าใจง่ายที่สุด "แบบว่า..รุกแรง..รึเปล่านะครับ?"

    ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเจอคนเข้าหาประมาณนี้หรอก แค่ว่าเพิ่งเจอจากคนแปลกหน้าเป็นครั้งแรกนี่เอง..

    [จ้า ๆ เข้าใจจ้า ฉันก็แบบนิดนึงแหละ เป็นฉันไปยืนแทนแกคงแบบ เลยเหรอ? งี้ เออ แต่ฉันไม่ได้อะไรนะ มันก็น่ารักดีอะแค่เซอร์ไพรส์แทนนิดนึง] เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้น น้ำเสียงที่เหมือนกับจะตกใจแทนผสมอึ้งทึ่งนั้นก็พอเข้าใจได้อยู่หรอก แต่ว่านะ..

    "ยูว่ายูยังไม่เลยนะครับเมย์"

    [ห๊ะ หมายถึงไรอะ?]

    "อ้าว.."

    คุณชายคนเก่งหยุดเดินไปครู่ขณะ สีหน้าเขาดูมึนงง และในขณะที่กวาดสายตาเช็คที่ทางรอบตัวอีกครั้ง เขาก็ได้แต่งงหนักเข้าไปอีกตอนได้ยินเสียงเพื่อนสาวหัวเราะออกมาในท้ายสุดเมื่อได้ยินเขาตอบกลับไปว่า

    "คือตอนนี้ยูยังอยู่สแควร์อยู่เลยครับ น่าจะยังไม่เลยร้านที่เรานัดกันไว้นะ?"

    ก็คุณชายเขาไม่เก็ทศัพท์สแลง เขาเป็นไม่เข้าใจ เป็นสับสนมึนเบลอนี่เนาะจะให้ทำไงได้


    Example5; Oh my god, did I lost my mind or something!?

    หมับ!!

    "โอ๊ย — !?"

    แขนขวาของเขาถูกกระชากอย่างแรงก่อนที่จะทันสัมผัสส่วนขาของเด็กสาว เสียงร้องด้วยความตกใจตอนที่ร่างถูกกระชากอย่างแรงเป่งออกมาจากลำคอเสียดังลั่น ความหงุดหงิดพุ่งพรวดหากทว่าในตอนที่หันกลับไปหมายเอาเรื่องไอ้คนที่มันมากระชากแขนเขาแบบนี้ ดวงตาสีพลัมที่สบจ้องตรงกลับทำให้ริมฝีปากของเขาปิดสนิท ไม่กล้าแม้แต่จะหลุดเสียงอุทานร้องด้วยความเจ็บอีกเลยด้วยซ้ำ

    "ทำอะไรอยู่ได้" น้ำเสียงแข็งกระด้างหลุดออกมาจากปากของคนที่มีภาพลักษณ์แสนใจดีคนนั้น ยูจ้องอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่ตึงเขม็ง "ไม่เห็นเหรอครับว่าเขาอึดอัด? แล้วคุณเป็นผู้ใหญ่แท้ ๆ มาแตะต้องตัวเด็กผู้หญิงม.ปลายแบบนั้นได้ยังไงกัน"

    ทั้งที่คนที่พูดอยู่นี่ก็เป็นแค่นักเรียนม.ปลายเหมือนกันแท้ ๆ แต่ทั้งน้ำเสียง ท่าทาง และสีหน้า กลับทำให้คนมากวัยกว่าเผลอกลืนน้ำลายเสียไม่ได้

    ตอนแรกที่เห็นมาด้วยกันแต่ดันเอาแต่ทำหน้าหน่อมแน้ม ก็นึกไปว่าจะเคี้ยวง่ายแท้ ๆ..

    "ยู.."

    เสียงเรียกเบาหวิวเหมือนกระซิบ แรงดึงรั้งเบา ๆ จากชายเสื้อ มันเหมือนกับอะไรสักอย่างที่ไปช่วยเตือนคนที่เผลอสติหลุดไปชั่วขณะตอนที่เห็นเพื่อนตัวเองเกือบถูกผู้ชายแปลกหน้าลวมลามเข้า ยูสะดุ้งโหยง เขารีบปล่อยมือคนตรงหน้าทันที มองซ้ายขวาทำสีหน้าเลิ่กลั่กแทบไม่ทัน

    "ขะ — ขอโทษครับ! ให้ตายสิ เหมือนผมจะสติหลุดไปหน่อย ขอโทษจริง ๆ นะครับที่เผลอใช้ความรุนแรงไป"

    เขาผงกหัวขอโทษประหล่ก ๆ ไม่วายหันไปถามเพื่อนสาวทันควันว่าเป็นอะไรไหม แต่สุดท้าย ดวงตาที่ดูกระวนกระวายนั่นก็ดูคมปลาบขึ้นในชั่วอึดใจอีกครั้ง เมื่อต้องเหลือบกลับไปมองชายหนุ่มอีกคนเข้า

    "..แต่ยังไงก็ช่วยระวังพฤติกรรมของตัวเองเอาไว้ด้วยนะครับ"

    รอยยิ้มเล็กน้อยแย้มออกมาเป็นเชิงมารยาท สุดท้ายแล้ว ยูก็หันกลับดึงชายแขนเสื้อเพื่อนสาวเพื่อให้เดินไปด้วยกัน ไม่สนแม้แต่ที่จะฟังหรือแคร์เลยสักนิดว่าคู่กรณีของตนจะทำอย่างไรต่อ และสีหน้าที่ดูโกรธเคืองนั่น ก็คงเป็นแรร์ไอเท็มอย่างหนึ่งที่ทำให้คนเห็นพอเข้าใจได้ดีเลยล่ะว่า..คุณชายสายไหมของเราเองก็ไม่ได้มีแต่ด้านที่นุ่มฟูเสมอไปหรอก..


    ประวัติ

    [ g o o d  b o y ]


    งานอดิเรก

    • ทบทวนบทเรียน [มันเป็นความเคยชินที่เขาได้มาจากตอนยังเรียนอยู่ที่เกาหลี ยูมักใช้เวลาว่างยิบย่อยของเขารวมถึงเวลาช่วงค่ำที่พ้นจากงานสภาและกิจกรรมชมรมไปแล้วเพื่ออ่านหนังสือเรียนทบทวนความรู้ที่ตนได้เรียนไป ปกติแล้วเขาจะชอบพกหนังสือเรียนสักหนึ่งหรือสองวิชาติดตัวเอาไว้ ซึ่งเพื่อน ๆ ก็เคยแนะนำให้เขาเรียนในไอแพดแทนจะได้ไม่ต้องแบกให้เมื่อยอยู่เหมือนกันนะ แต่ว่าเขาใช้พวกเทคโนโลยีอะไรพวกนั้นไม่ค่อยเป็นสักเท่าไหร่นี่สิ..]

    • ฟังเพลง [เขาเป็นคนจำพวกที่ชอบเปิดแอพลิเคชั่นสำหรับฟังเพลง จิ้มกด recommened บนหน้าแรก แล้วก็ปล่อยให้มันรันไปเรื่อย ๆ ปกติแล้วเขาไม่มีแนวเพลงที่ชอบเป็นพิเศษหรอก แค่อยากฟังเพลงเท่านั้นแหละ]

    • ทดลองเมนูอาหาร [เพราะเพื่อนสนิทชอบกิน แถมเขาก็คิดว่าทำอาหารมันแอบสนุกดีเหมือนกัน ยูเลยมีงานอดิเรกเป็นการทดลองเมนูอาหารใหม่ ๆ ที่ตนไม่เคยทำ (แล้วพอทำเสร็จก็เอาไปให้คอปเตอร์ฟาดต่อ) หรือไม่ก็คิดเมนูอาหารที่เป็นสูตรของตัวเองไปด้วย]

    • ปลูกต้นไม้ [พอปลูกแล้วมันโต ยูก็คิดว่ามันเพลินใจดีเหมือนกัน เขาปลูกต้นไม้เล็ก ๆ ไว้ตรงระเบียงหอพักสองสามต้นแหนะ]

    • เล่นเกม [เป็นการคลายเครียดอย่างหนึ่ง เขาไม่ได้เล่นอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ในขณะเดียวกันก็แอบ ๆ ศึกษาอยากกลับเข้าวงการอีสปอร์ตอยู่เหมือนกัน แต่จนตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองควรทำแบบนั้นไหม ก็เลยได้แต่ทำ New Score ไปวัน ๆ นี่แหละ]


    ความสามารถพิเศษ

    • ทำอาหารได้ทั้งคาวและหวาน [เป็นคนที่ทำอาหารเก่งมาก รสมือดีเซ้นส์ดีหยิบจับเครื่องปรุงอะไรก็กะเกณฑ์ได้พอเหมาะไปเสียหมด และอาจเพราะเขาต้องอยู่คนเดียวมาก่อนด้วย ยูเลยมีสกิลทำอาหารติดตัวไว้อย่างหลากหลายมาก แต่ปกติแล้วเขาจะไม่ค่อยชอบทำตามสูตรเท่าไหร่ เน้นตามสัญชาตญาณ เวลาอธิบายก็ชอบพูดแบบ 'ใส่น้ำมะขามเปียกนิด โรยพริกไทยอีกหน่อย ใส่น้ำตาลไปให้พอหวาน' เป็นอันรู้เลยว่าสอนใครเขาไม่รู้เรื่องแน่ ๆ ไอ้บ้านี่..]

    • มือเย็น ปลูกอะไรก็ขึ้น [อาจเพราะใจเย็นด้วยล่ะมั้ง? ยูปลูกต้นไม้เก่งมากนะ จะปลูกต้นอะไรก็งอกเงยสวยงามไปหมด ขนาดกล้วยไม้ที่ว่าปลูกยาก ๆ เขายังปลูกให้ออกดอกสวยได้เลย]

    • มีความรู้ภาษาต่างประเทศ [ตามหลักแล้ว ยูสามารถใช้ภาษาในการสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่ว 5 ภาษา นั่นคือ ไทย เกาหลี อังกฤษ จีน และ สเปน]

    • สมรรถภาพทางร่างกาย [ยูมีร่างกายที่เรียกได้สมบูรณ์แบบในฐานะนักกีฬาคนหนึ่ง มองภายนอกเขาอาจดูเจ้าสำอางค์ แต่เรื่องความหนาแน่นและยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อนั้น ถ้าได้เห็นกับตาก็คงจะรู้เองว่ามันยอดเยี่ยมแค่ไหน เขาก็เลยเล่นกีฬาได้หลากหลายแบบสุด ๆ ด้วยเหตุนี้]

    • ดนตรี [ถึงจะไม่ใช่ขนาดว่าเป็นระดับอัจฉริยะหรือเป็นพวกเพอร์เฟคพิทช์ แต่ยูก็มีสกิลเรื่องการเล่นเครื่องดนตรีประเภทต่าง ๆ อยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดนตรีไทย หรือเครื่องดนตรีสากลก็ตาม (เขาไม่ถนัดร้องเพลงสักเท่าไหร่ อันที่จริงเสียงแอบเพี้ยนนิดหน่อยด้วยแหละ..)]

    • เซ้นส์ด้านการเล่นเกม [ตอนนี้อาจจะทื่อ ๆ จับแล้วงงอยู่บ้างสำหรับบางเกมที่เลิกเล่นไปนาน แต่ขอให้ได้ลองเล่นสักพัก ยูก็จะจับทริคและเทคนิคได้อย่างรวดเร็ว เขามีเซ้นส์ที่ดีมาก อีกทั้งยังเล่นเกมได้แทบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นแนว Action เกม Shooting เกม Fighting เกมเอาตัวรอด เกม MOBA หรือจะเป็นพวกเกมเลี้ยงผักทำอาหารเกมพัซเซิลเขาก็เล่นได้โอเคเลยเหมือนกัน]

    • ทำให้คนอื่นใจอ่อนยวบได้ด้วยสายตาลูกหมาหงอย


    สิ่งที่ชอบ

    • โดนัท [ชอบเป็นพิเศษคือโดนัทช็อกโกแลตมะพร้าว จริง ๆ จะรสอะไรถ้าเป็นโดนัทยูก็ชอบหมดแหละ แต่เขากินบ่อยไม่ได้หรอก ต้องรักษาหุ่นด้วยนี่นา..ปกติจะเป็น Cheat day สำหรับเขาที่ยูจะเอาตัวเองไปสิงร้านโดนัท ซึ่งหนึ่งเดือนก็จะมีสักครั้งหรือสองครั้งน่ะ]

    • น้ำมะพร้าว [หวาน ๆ หน่อยจะยิ่งดีมากเป็นพิเศษ เครื่องดื่มชูกำลัง (?) ฉบับนายยูมยองเลยแหละ]

    • ขนมไทย [ยูคิดว่าขนมไทยเป็นอะไรที่น่ามหัศจรรย์มาก ทั้งหวานอร่อย แถมรูปทรงยังหลากหลาย กรรมวิธีบางอย่างก็ดูประณีตน่ามองขนาดที่ว่าถ้าให้เขานั่งดูคนอื่นทำขนม เขาก็คงไม่รู้สึกเบื่อด้วยซ้ำ ยูชอบกินขนมไทยแบบสุด ๆ แถมช่วงนี้ก็ดูเหมือนเขาจะเริ่มคิดอยากลองฝึกทำขนมไทยด้วย]

    • กิมจิ [เป็นของกินประจำชาติที่ต่อให้มาอยู่ไทย เขาก็ยังพยายามไถหาร้านเจ้าเด็ดสั่งมากินตลอด หรือถ้าว่าง ๆ หน่อยก็ทำกินเองก็มีเหมือนกัน]

    • บาสเกตบอล [เขาคิดว่ามันเป็นกีฬาที่สนุกดี อยู่ได้ลองมาเล่นเอาตอนม.ปลายหลังจากที่พยายามหากิจกรรมอื่น ๆ มาช่วยดึงความคิดออกจากเรื่องเรียนบ้าง แล้วพอได้ลองเล่นดูก็รู้สึกติดใจมาก แต่เขาคิดว่าถ้าจบม.ปลายก็คงไม่ได้ไปต่อจริงจังด้านสายอาชีพนี้หรอก ถึงเขาก็จะทำได้ดีก็เถอะ]

    • เกม [ยูชอบเกมมาตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ เขาเคยคิดถึงขนาดอยากเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตและถึงขั้นชนะเลิศการแข่งขันอีสปอร์ตรุ่นจูเนียร์ (อายุไม่เกินสิบสองปี) มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่สุดท้ายเขาก็โยนมันทิ้งไปเพราะคำพูดของคนรอบตัว เขาแทบจะไม่ได้เล่นมันอีกเลยจนขึ้นม.ปลายมาและได้รู้จักกับคอปเตอร์เข้า เขาก็เริ่มได้กลับมาเล่นเกมบ่อยขึ้นเพราะต้องช่วยอีกฝ่ายฟาร์มเวล (?) นี่แหละ แต่มันก็เป็นความสุขลึก ๆ อย่างหนึ่งของเขาด้วยล่ะนะ..]

    • สุนัข [ยูชอบสุนัขมาก ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ไหน ๆ เขาก็ชอบทั้งหมด วันไหนไม่มีการบ้านหรือว่างจากงานสภา เขาก็มักรบเร้าขอเพื่อนให้สนิทไปคาเฟ่สุนัขด้วยกันบ่อย ๆ เรียกได้ว่าสามารถนั่งเล่นกับพวกสุนัขตัวน้อยตัวใหญ่ทั้งหลายได้เป็นค่อนวันแบบไม่มีเบื่อเลยล่ะ]


    สิ่งที่ไม่ชอบ

    • เครื่องดื่มใส่น้ำแข็ง [ปกติแล้วเขากินหรือดื่มของเย็นจัดไม่ได้อยู่แล้ว ยูเลยไม่ชอบพวกเครื่องดื่มที่ใส่น้ำแข็งพอสมควร]

    • โดนซักถามเกี่ยวกับเรื่องที่บ้าน [ยูไม่ได้อายหรือไม่ได้ไม่ชอบบ้านของตัวเองหรอก เขาแค่เหนื่อยกับการต้องตอบคำถามเกี่ยวกับที่บ้านบ่อย ๆ แล้วบางคนก็ชอบถามเรื่องที่มันส่วนตัวเกินไปด้วย เขาไม่สะดวกใจจะตอบเท่าไหร่น่ะ..]

    • น้ำหอมกลิ่นฉุน [เป็นคนจมูกไว พอเจอคนประโคมแบบเหมือนอาบมา หรือฉีดกลิ่นฉุน ๆ เลยมึนหัวตึ้บ ขยับขาหลีกออกระยะทันที ไม่อย่างนั้นก็คงได้เห็นยูนี่แหละที่สลบล้มพับเพราะทนกลิ่นไม่ไหว (จะหอมแค่ไหน ถ้าฉีดมาเยอะมาก ๆ เขาก็ไม่โออยู่ดี พวกจมูกสุนัขน่ะเซนซิทีฟกับอะไรแบบนี้มากนา..)]

    • ยุง [เรื่องน่าประหลาดเรื่องที่หนึ่ง ถ้านั่งรวมกันเป็นกลุ่ม ยูจะเป็นคนเดียวที่โดนยุงกัด และมันก็ทำให้เขาคันสุด ๆ ด้วย เขาก็เลยไม่ชอบยุงเอาซะเลย ถ้าที่ไหนดูยุงชุม พอโดนชวนไปทียูก็ชอบทำสีหน้าลำบากใจ ไม่ก็ต้องวิ่งไปหายากันยุงแบบทามาทาตัวอย่างไวเลยล่ะ]


    สิ่งที่เกลียด

    • ยำสาหร่าย [รสชาติเกินบรรยายมากสำหรับยู แค่เอาเข้าปากเขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองจะต้องขย้อนของในกระเพาะก่อนหน้าออกมาให้หมดแล้ว แถมยังทำลิ้นชา พาลไม่รับรู้กลืนอะไรไม่ลงไปอีกหลายชั่วโมงอีกต่างหาก]

    • เป็นหวัด [เป็นแล้วทำอะไรไม่สะดวกเลย แถมคอก็เจ็บ ร้อนหน้าร้อนตัว แขนขาไม่มีแรงสุด ๆ อีกต่างหาก เขาเกลียดตอนที่ตัวเองเป็นหวัดมากเลยล่ะ..แล้วก็ อืม จะว่าไงดีนะ? ดูเหมือนจะงอแงมากกว่าเดิมโขเลย..]

    • การล่วงเกิน ลุกล้ำสิทธิ์ ทำร้ายคนอื่นที่ไม่มีทางสู้ [พฤติกรรมแบบนั้นมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะทำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ยูมักฟิวส์ขาดเอาง่าย ๆ เวลาเห็นคนโดนอะไรแบบนั้นและพุ่งเข้าไปช่วยเหลือตลอด แต่ถ้าในทางกลับกันเป็นเขาที่โดนบ้าง เขาก็คงพยายามจบเรื่องให้เงียบและง่ายที่สุด เตือนอีกฝ่ายบ้างอะไรบ้าง และถ้าถูกด่าตะคอกกลับมาก็คงได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ แล้วเฟดหนีไปนั่งจุ๊งกับตัวเองคนเดียวนั่นแหละ]


    สิ่งที่แพ้: -


    สิ่งที่กลัว

    • เครื่องเล่นหวาดเสียว [จริง ๆ เพราะมันทั้งเร็วทั้งสูงด้วย เขาก็เลยไม่ถูกโฉลกกับเครื่องเล่นพวกนี้เท่าไหร่ ขึ้นไปเล่นทีไรเหมือนหัวใจจะกระดอนออกมาจากอกเสียเดี๋ยวนั้น แถมพาลให้อยากอ้วกอีกต่างหาก ถ้าทำได้ก็ไม่อยากเล่นหรอก วิ่งหนีได้ก็จะทำด้วยซ้ำ]


    สเปคคนที่ชอบ: ไม่มีสเปคเฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษ ตั้งแต่เด็กไม่เคยคิดเรื่องความรักเลยจนมาเจอ [5] ไม่แน่ว่าเขาอาจจะชอบคนที่ใจดีกับเขาเป็นพิเศษและน่ารัก ๆ เหมือนกระต่ายแบบ [5] ก็ได้ล่ะมั้ง? l ยูเป็น Pansexual


    ข้อมูลเพิ่มเติม

    • dolent (adj.) means full of sorrow.

    • เนื่องจากเป็นคนดีมีความรับผิดชอบแถมดีกรีความสามารถกับโปรไฟล์ก็อลังการมาแต่ไหนแต่ไร เขาเลยมักได้รับตำแหน่งหัวหน้าห้องอยู่บ่อย ๆ ตอนนี้ยูเป็นประธานนักเรียนของโรงเรียนสัตว์น้อยอยู่ และนอกจากนี้ก็ยังเป็นนักกีฬาตัวจริงของทีมบาสเกตบอลโรงเรียนอีกด้วย

    • ยูมาเรียนที่ไทยตั้งแต่ตอนอายุสิบหก แต่ว่าเขาก็ยังไม่ได้ย้ายสัญชาติ (ตามหลักกฎหมายแล้วเขาจะทำเรื่องย้ายได้ก็ต่อเมื่อเขาบรรลุนิติภาวะแล้ว) ปัจจุบันเขาศึกษาที่ไทยด้วยเรทของราคานักศึกษาต่างชาติ แน่นอนว่าถึงมันจะแพงมากแต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับครอบครัวเขาหรอก..

    • ยูจะบินกลับบ้านที่เกาหลีบ้างในช่วงปิดเทอมใหญ่ แต่บางปีพี่ ๆ กับพ่อแม่ก็จะเป็นฝ่ายบินมาหาแทนบ้างเหมือนกัน

    • เนื่องจากการรวมธุรกิจครอบครัวค่อนข้างยุ่งยาก พ่อกับแม่ของยูเลยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน l บริษัททางครอบครัวฝั่งแม่นั้นชื่อว่า 'Adalardo' เป็นบริษัทที่มีการลงทุนร่วมกันระหว่างตระกูลชลกนกกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่อีกสองตระกูลจากฝั่งตะวันตก ตระกูลชลกนกนั้นเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุด แต่บริษัทแม่นั้นจะตั้งอยู่ที่อังกฤษ และมีสาขาย่อยอยู่หลายประเทศทั่วโลก (ในไทยเองก็มีบริษัทลูกอยู่ด้วยเช่นกัน)

    • ที่บ้านของยูค่อนข้างเปิดรับเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่ใช่ Hetero love พอสมควร (พี่ชายคนที่สองของเขา จอนซองเองก็เป็น Homosexual ด้วย) แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าทางฝั่งของ [5] จะโอเคด้วยไหม เขาเลยเก็บเงียบเรื่องนี้มาตลอดโดยไม่ได้บอกใครเลย (ยกเว้นตัวคอปเตอร์ที่สังเกตเห็นอาการแปลก ๆ ของเพื่อนได้เอง จนรู้ความลับเข้า แต่ก็แกล้งทำเนียนเป็นไม่รู้เพราะพ่อคุณไม่ยอมพูดนี่แหละ)

    • พยายามปรับ ๆ พวกนิสัยตะบี้ตะบันเรียนหนังสือลงมาบ้างแล้ว (อย่างลดเวลาอ่าน ปรับเทคนิคการเรียนให้ยืดหยุ่นขึ้น เอาเวลาบางส่วนไปเล่นกีฬาแทน) แต่ก็ยังมีเรื่องที่ติดทำจนเคยชินและแก้ไม่ได้อยู่ อย่างเช่นนิสัยที่ชอบอ่านหนังสือยันเข้าวันใหม่ช่วงสอบ หรือนิสัยที่ชอบพกหนังสือเรียนไปอ่านข้างนอกห้อง แต่พวกอาการแพนิคนั่นก็รักษาจนหายแล้ว แค่ว่านิสัยที่เครียดได้ง่ายนั้นดูจะแก้ยากสักหน่อยล่ะนะ?

    • คุณพ่อคุณแม่โอนเงินมาให้ใช้ทุกเดือน และมักเยอะเกินความจำเป็นบ่อย ๆ มิหนำซ้ำยังชอบส่งพวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่ล่าสุด (ทีวี คอมฯ โน๊ตบุ๊ค ไอแพด มือถือ สารพัดสารเพ) มาให้ใช้อีกนั่น..ซึ่งยูก็กอง ๆ มันเอาไว้ในห้องนั่นแหละ..เขาใช้เป็นที่ไหนเล่า

    • ไม่เล่น SNS สักอย่าง ติดต่อได้แค่สองช่องทางนั่นคือ Line กับเบอร์มือถือ แต่ปกติก็เป็นคนที่จะรับโทรศัพท์ประจำนะ ไม่น่าจะติดต่อยากอะไรหรอก

    • เป็นมนุษย์ที่อ่านภาษาวิบัติไม่ออก ใช้สแลงไม่เป็น มักจะทำหน้างงเวลาเจอวลีมหัศจรรย์ของชาววัยรุ่นไทยแลนด์เสมอ l ตอนย้ายมาใหม่ ๆ เจอเพื่อนในห้องอุทานบอกกับความหล่อตัวเองว่า 'ทอดกูเลย' ยูถึงกับตกใจจนตาเหลือก ช็อกค้างไปหลายวิ ได้แต่คิดในใจว่าชาวไทยนี่ช่างเขินได้ savage ดีจริง ๆ.. l ช่วงแรก ๆ ที่มาไทยพูดภาษาไทยไม่คล่องมาก ๆ จนต้องใช้ภาษาอังกฤษหรือภาษาจีนคุยกับเพื่อนเอา แต่สกิลก็มาอัพเลเวลก้าวกระโดดตอนโดนคอปเตอร์หักดิบ ไม่ยอมพูดด้วยถ้าไม่พูดภาษาไทย ไป ๆ มา ๆ ก็เหมือนได้เพื่อนสนิทช่วยติวให้จนตอนนี้ก็พูดได้ปร๋อแล้วนี่แหละ

    สำหรับยู ความรู้สึกที่เขามีให้ [5] นั้นเป็นอะไรที่ค่อนพิเศษแต่ก็เข้าใจง่ายพอสมควร ต้องบอกว่าตัวเขานั้นตกหลุมรักอีกฝ่ายตั้งแต่แรกพบในตอนที่เจอกันในร้านหนังสือเมื่อคราวนั้นแล้ว แต่ยูก็ไม่ได้คาดฝันว่าตัวเองจะได้เจอกับอีกฝ่ายอีก จนได้มาเดินสวนทางกันในโรงเรียนสัตว์น้อย เขาจำ [5] ได้ในทันทีถึงขั้นเผลอคว้ามือและถามชื่อเอาไว้ หลังจากนั้นความรู้สึกก็ยิ่งงอกเงยจนยากจะตัดใจไปเสียแล้วเมื่อเขาได้รู้จักอีกฝ่ายมากขึ้น เขาตกหลุมรักความใจดีของอีกฝ่าย ไหนจะท่าทีที่น่ารักเหมือนกับกระต่ายตัวน้อย ๆ  นั่นอีก หลายต่อหลายครั้งที่ยูมักจะเผลอมองตามฝ่ายนั้นไป หรืออาจเผลอเดินเข้าไปหาด้วยความเผลอไผล ทว่าสุดท้ายเขามันก็ยังเป็นไอ้กาก (?) คนหนึ่งที่ทำได้แค่เปลี่ยนเรื่องพลันวันแล้วเผ่นหนีไปกรีดร้องความน่ารักของ [5] อยู่กับคนเดียวเสียทุกทีเป็นประจำ นี่ขนาดจะสารภาพรัก เขาก็ยังไม่กล้าเลย..ให้ตายสิ


    • Kim Shonkanok Family

          Father: KimInjae (52 yrs. l Barbary Lion l Korean) - Alive / เจ้าของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง + ศัลยแพทย์

          Mother: Sirilanee Shokanok / สิริลาณี ชลกนก (วาดดาว)(51 yrs. l Jaguarundi l Thai) - Alive / CEO บริษัทผลิตยาทางการแพทย์ Top 2 โลก

         (Click here to go to the Older Brothers Profile!)

    +
    ______________________________________________
    O T H E R  P R O F I L E
    ______________________________________________



    Thera Ranshida (18 yrs. l Giant Panda)
    Status: Alive, Click Here to a Profile!
    .
    { หลาย ๆ คนกล่าวว่าคอปเตอร์เป็นมนุษย์สี่มิติที่เข้าใจยากที่สุดในโลก
    แต่สำหรับยูที่เป็นเพื่อนสนิท..การจะทำความเข้าใจพฤติกรรมอินดี้ไม่สนโลกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไหร่หรอก }

    ______________________________________________________________________________

    INTERVIEW

                ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องหลังจากปล่อยให้ยูรอมาเกือบครึ่งชั่วโมง ซึ่งมันก็ออกจะทำให้เขารู้สึกกังวลใจเล็กน้อยในตอนแรกว่ามีเรื่องผิดพลาดอะไรรึเปล่า ถึงอย่างนั้นก็ยังพยายามนั่งนิ่ง ๆ ใจเย็นเอาไว้เสียก่อน และถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกในตอนที่เห็นผู้มาใหม่เดินเข้ามา เช่นนั้นก็คงไม่ได้มีเรื่องร้ายแรงอะไรเป็นพิเศษสินะ..เด็กหนุ่มเผลอครุ่นคิดอยู่กับตัวเองเสียนานนม กระนั้นชายหนุ่มผู้มาใหม่ก็ยังคงยิ้ม ขยับตัวให้นั่นในท่าที่สบายที่สุดก่อนจะเอยทักทายขึ้น

     ที่รักครับ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ นี่ผมมาสายนิดเดียวเองนะเนี่ย” ยิ้มร่าพร้อมกับโบกมือป้อย ๆ อย่างไม่คิดจะสำนึก พอดีผมสะดุดยอดหญ้าล้มลงไปบาดเจ็บนิดหน่อยน่ะ มาสายเลย หวังว่าคุณคงจะยกโทษให้ผมนะ พูดอยู่ฝ่ายเดียวโดยไม่เปิดโอกาให้อีกฝ่ายพูด ซ้ำยังจะเอ่ยต่ออีก โอเค เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ผมชื่อลูซิเฟอร์นะครับ อย่างที่รู้กันว่าผมเป็นผู้อำนวยการของโรงเรียนนี้ ไม่ทราบกว่าคุณชื่ออะไรเหรอครับ?”

    ยูชะงักไปเล็กน้อยตอนที่ได้ยินเสียงเอ่ยจากฝ่ายตรงข้าม เขาถึงกับต้องเอื้อมมือไปหยิกขาตัวเองเรียกสติแบบแอบ ๆ ทันใด สมองที่เผลอเหม่อลอยไปครู่จับใจความได้เพียงไม่กี่อย่าง เคราะห์ดีที่เหมือนว่าประโยคสำคัญจะอยู่ในส่วนที่เขาจับใจความได้ทันพอดิบพอดี เด็กหนุ่มยกรอยยิ้มสุภาพขึ้นทันตา เขาโค้งศีรษะลงเพื่อกล่าวทักทายด้วยความเคยชิน เอ่ยเสียงเสนาะกล่าวว่า

    "สวัสดีครับท่านผู้อำนวยการ ยูมยอง คิม ชลกครับ ขอความกรุณาด้วยนะครับ"

    และถึงท่าทางจะไม่แสดงออก แต่คำพูดที่ดูทางการเกินลิมิตนั่นคงบอกได้ไม่ยากเลยว่าเขากำลัง 'เกร็ง' อยู่เล็ก ๆ

    การถูกสัมภาษณ์โดยผู้อำนวยการโรงเรียนเนี่ย..ถึงจะเรียนที่โรงเรียนสัตว์น้อยมาสองปีกว่าแล้วก็เถอะ แต่เขาว่ามันคงไม่ใช่ประสบการณ์ที่ใคร ๆ จะเคยชินได้ง่าย ๆ หรอกมั้ง?


    อา... เป็นชื่อที่เพราะดีนะครับนั่นน่ะ” ลูซิเฟอร์ยิ้ม ว่าแต่มันมีความหมายรึเปล่าครับ ถ้ามี แล้วมันแปลว่าอะไรล่ะนั่นน่ะ?” จากนั้นเขาก็ขยับตัว โน้มตัวเข้ามาเท้าคางลงกับโต๊ะ ขณะจ้องมองฝ่ายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้า

    "อ่า ขอบคุณมากเลยครับ" เสียงหัวเราะเบา ๆ ด้วยความเก้อเขินเอ่ยขึ้น ดวงตาสีพลัมยกหยีเป็นรูปคันศรสวยงาม "ส่วนในเรื่องของความหมาย..ยูมยองหมายถึงชื่อเสียงครับ คิมคือทองคำ ส่วนชลกนกเป็นนามสกุลชาวไทยที่แปลว่าสายธารแห่งทองคำครับ"

    เมื่อกล่าวจบ รอยยิ้มของยูดูประดักประเดิดขึ้นอีกสักราวห้าเปอร์เซนต์เห็นจะได้ ทำไงได้ล่ะ..ความหมายแต่ละอย่างมันชวนเขินจะตายนี่นา ขนาดเพื่อน ๆ ในห้องเขายังแอบแซวบ้างเป็นบางหนบางคราวเลย..


    งั้นเหรอครับ… ผมชอบจัง” เขายิ้ม ชอบคุณด้วย” จากนั้นเขาก็หัวเราะ โอ๊ะ อันนี้ผมพูดจริงนะ ผมชอบคุณจริง ๆ เลยล่ะ… อ่า ว่าแต่ คุณเป็นสายพันธุ์อะไรเหรอครับ?”

    และในคราวนี้ รอยยิ้มประดักประเดิดนั่นก็แข็งทื่อไปโดยอัตโนมัติ หากยูสามารถลุกไปส่องกระจกได้ เขาก็คิดว่าหน้าตาของเขาคงงงงวยเป็นอย่างมากแน่

    "ขะ ขอบคุณครับ"

    ต้องขอบคุณก่อน..เอ่อ รึเปล่านะ? นี่ประโยคสนทนามันคือการกล่าวชมเชยหรืออะไรพวกนั้นใช่ไหมล่ะนั่น หรือเขาเข้าใจผิดกัน..

    เด็กหนุ่มตบตีกันตัวเองในหัวเสียยกใหญ่ คิ้วแอบพันยุ่งเป็นปมโบว์ กระทั่งได้ยินเสียงกระแอมเบา ๆ เขาถึงสะดุ้งเล็กน้อยและกล่าวต่อบทสนทนาในที่สุด

    "เอ่อ สายพันธุ์ในตัวคือเสือโคร่งขาวครับ อ๊ะ แต่ว่าไม่ใช่สัตว์ผิวเผือกนะครับ จริง ๆ สายพันธุ์ของผมก็เป็นสายพันธุ์เดียวกับเสือโคร่งเบงกอลนั่นแหละครับ แค่ว่าเป็นพันธุ์ที่มีเม็ดสีน้อยกว่าปกติ เราเลยมีขนพื้นเป็นสีขาวน่ะครับ"

    โชคยังดีว่าการพูดจ้อทางวิชาการเกี่ยวกับสายพันธุ์ของเขาดูจะช่วยดึงสติยูกลับมาได้ไม่มากก็น้อย บรรยากาศน่าอึดอัดใจก่อนหน้านี้จึงหายไปแทบเป็นปลิดทิ้ง ตัวเขาเองก็แอบถอนหายใจโล่งอกอยู่ในใจไม่น้อยเลยทีเดียว


    โอ้ งั้นเหรอครับ อันนั้นผมก็ชอบเหมือนกันแฮะ ยอดเยี่ยมไปเลย เขาพยักหน้า ก่อนจะยืดหลังตรงอีกครั้ง เอ่ยถามต่อทันที ที่บรรยากาศเป็นยังไง คุณชอบโรงเรียนนี้รึเปล่าครับ?”

    ยูลากเสียงในลำคอเล็กน้อยเป็นการครุ่นคิด ก่อนเขาจะให้คำตอบอออกไปตามที่เขาเห็นว่ามันเป็นเช่นนั้น

    "ในความคิดผม ผมคิดว่าที่นี่เป็นโรงเรียนที่ยอดเยี่ยมเลยนะครับ การเรียนกระสอนอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ และกฎระเบียบเองก็ไม่ได้เข้มงวดมากเกินจนนักเรียนเกิดความตึงเครียดมากเกินพอดี มีสเปซสำหรับพักผ่อนเยอะพอควรด้วย ผมคิดว่าเป็นบรรยากาศที่เหมาะสมกับการเรียนและการใช้ชีวิตสำหรับนักเรียนไฮสคูลมากเลยล่ะครับ"

    อย่างน้อยก็ไม่ได้กดดันเท่ากับโรงเรียนในเกาหลีที่เขาเคยเรียนล่ะนะ..ซึ่งในสายยู นั่นก็เป็นข้อดีในความหมายหนึ่งด้วยเช่นกัน


    อ๋างั้นเหรอ แล้วคุณมีอะไรอยากจะเสนอมั้ยครับ อย่างให้เพิ่มเติม หรือปรับปรุงอะไรเกี่ยวกับโรงเรียนนี้น่ะ ผมรับฟังนักเรียนทุกคนเสมอเลยล่ะ” ดวงตาสีน้ำเงินเข้มมองไปยังมินตราก่อนจะเอ่ยช้า ๆ ชัด ๆ และผมก็จับตามองนักเรียนทุก ๆ คนเสมอเลยด้วย

    รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง กระนั้นมันก็ค่อนข้างดูประหลาดเหมือนกับผืนน้ำที่สั่นไหวไม่แน่นอนจนมองไม่ออกว่ามีสิ่งใดกันที่อยู่ด้านใน ยูก็รู้สึกว่าตนแอบรู้สึกประทับใจขึ้นมาไม่น้อยกับคำถามที่คล้ายว่าห่วงใยนั้น ยูเอาแต่โฟกัสกับเรื่องที่ผู้อำนวยการหนุ่มจะรับฟังความเห็นนักเรียน จนลืมใส่ใจเรื่องสายตาหรือคำพูดที่ไม่น่าไว้วางใจนั่นไปเสียสนิทเป็นปลิดทิ้ง

    "อันที่จริงตัวสถานที่กับสวัสดิการและหลักสูตรเองก็ยอดเยี่ยมอยู่มากแล้วนะครับ อืม.."

    เขายกมือขึ้นมาจับปลายคาง หลับตาลงชั่วขณะพลางขมวดคิ้วจนพันกันเป็นปมโบ คิดเป็นจริงเป็นจังเสียจนคนตรงหน้าก็ยังรู้สึกได้

    "สำหรับอันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมนะครับ แต่ผมคิดว่าถ้าเรามีห้องอ่านหนังสือกลางคืนด้วยก็ดีเหมือนกันน่ะครับ" เด็กหนุ่มทุบกำปั้นลงบนฝ่ามืออีกข้าง ก่อนจะส่งรอยยิ้มแหย่ ๆ ด้วยที่ว่าไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่ "เวลาที่ทบทวนบทเรียนแล้วต้องอ่านในห้อง บางทีมันก็ไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่น่ะครับ สภาพแวดล้อมมันมีสิ่งรบกวนเยอะไปหน่อย"

    เตียงมันชอบกลายเป็นแม่เหล็กเวลาเขาติวหนังสือกลางดึกน่ะ..

    แต่ว่าเพราะหอพักก็มีกฎห้ามออกไปไหนตอนกลางคืนด้วย ยูเลยไปอ่านที่หอสมุดหรือคาเฟ่โต้รุ่งไม่ได้ ครั้นจะมานั่งอ่านที่ส่วนกลาง เขาก็ไม่แน่ใจว่ามันจะไปรบกวนหรือเปลืองไฟทางโรงเรียนจนเกินกว่าความจำเป็นด้วยรึเปล่านี่สิ


    โอเคครับ… เข้าใจล่ะ” เขาผงกหัว อืม งั้นคำถามสุดท้ายแล้วนะ คุณคิดว่าตัวเองเป็นคนแบบไหนเหรอ โอ๊ะ รวมถึงผมด้วยนะ ผมอยากฟังจากปากพวกคุณจัง ว่าพวกคุณมองว่าผมเป็นคนยังไง

    เป็นคนแบบไหนงั้นเหรอ?

    อ่า นั่นสินะ การสำรวจและรู้จักตัวเอง รวมถึงเรียนรู้คนรอบข้างไปด้วยก็เป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับการเรียนรู้เหมือนกันนี่นา

    ยูผงกศีรษะรับกับตัวเอง เขากล่าวชมเชยผู้อำนวยการ (ที่เขาคิดไปเองว่า) มีความคิดก้าวไกลเหนือใคร ๆ อยู่ในใจ ก่อนที่ยูจะเริ่มคิดอย่างจริงจังอีกครั้ง สำหรับคนตรงหน้าเขาพอจะให้คำตอบได้อยู่ แต่สำหรับบุคลิกภาพและนิสัยของตนเองนั้น..อืม..นั่นสินะ..?

    'ทำหน้าอย่างกับหมาซามอยด์'

    แล้วเสียงของคอปเตอร์ก็ลอยเข้ามาในหัวเขา

    ก่อนเขาจะสะบัดหัวพรืด ไล่ความคิดดังกล่าวออกไปอย่างไว — ขืนตอบไปว่าตัวเองเหมือนสุนัขก็คงได้โดนมองแปลก ๆ พอดีน่ะสิ...

    "ผมคิดว่าตัวเองเป็นจำพวกที่มีความพยายามสูงครับ แต่ว่าบางครั้งก็ชอบกังวลเกินกว่าเหตุไปบ้าง..ต้องให้เพื่อน ๆ คอยช่วยเรียกสติประจำเลยล่ะครับ"

    เขาหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนจะกระแอมอีกครั้ง และเอ่ยคำตอบสำหรับคำถามที่สอง "สำหรับผู้อำนวยการ ผมคิดว่าคุณเป็นคนที่ยอดเยี่ยมทีเดียวครับ เป็นคนที่มีความสามารถและมองการณ์ไกลมากเลยครับ"

    ว่าแต่จะมีใครสะกิดบอกเขาไหมนะ..ว่าเขาเข้าใจอีกฝ่ายผิดไปไกลลิบแล้วน่ะ..


    ขอบคุณครับ… เอาล่ะ ทีนี้ก็หมดธุระแล้ว สามารถกลับบ้านได้เลยนะครับ” ลูซิเฟอร์ฉีกยิ้มอีกรอบ แล้วก็นะ ถ้าเป็นไปได้ อย่าลืมไปติดตามไอจีของผมด้วยนะ ผมอัพเดททุก ๆ สองชั่วโมงเลยล่ะ—

    "ครับ? ไอจี?"

    สมองของยูเหมือนถูกชัทดาวน์ไปชั่วขณะ เขานิ่งค้างไปพร้อมกับความสงสัยที่ผุดขึ้นมาเหมือนกับดอกเห็ด ก่อนในเวลาไม่นาน ความสงสัยนั้นจะถูกระเบิดหายไปในชั่วพริบตาเมื่อสมองสามารถไขข้อข้องใจให้ตัวเองได้เสียที ว่าไอ้ 'ไอจี' ที่ว่านั่นน่ะ มันหมายถึงอะไรกัน

    "อ๋า..หมายถึงอินสตราแกรมสินะครับ.."

    ..พระเจ้าช่วย ถ้าเพื่อนสนิทเขามารู้เข้าว่ายูเผลอลืมความหมายของโซเชียลมีเดียง่าย ๆ นั่นไป เขาคงได้โดนมองด้วยสายตาอาดูรหนักมากแหง..

    แต่เหนือสิ่งอื่นใดเลยนะ

    "คือ..ขอโทษด้วยนะครับ พอดีว่าผมไม่ได้เล่นอินสตราแกรมน่ะครับ.."

    และเขาก็จำต้องค้อมศีรษะลงด้วยความรู้สึกผิดไม่น้อยที่ไม่สามารถตอบรับคำเชื้อเชิญของอีกฝ่ายได้ แค่อิเล็กทรอนิกส์ธรรมดายูยังเหนื่อยจนจะหอบ นับประสาอะไรกับไอ้พวกโซเชี่ยลมีเดียฟังก์ชั่นอลังการแบบนั้น เขาเล่นไม่เป็นหรอกเอาตรง ๆ..


    ______________________________________________________________________________


    TALK TO JACINDA

    สวัสดีคุณผู้ปกครองค่ะ! ทางนี้ชื่อเจนนะคะ ทางนั้นชื่ออะไรเอ่ยย

    : สวัสดีค่าคุณเจน รันรันนะคะ!

    นึกยังไงถึงมาสมัครเรื่องนี้คะ

    : ได้รับการโฆษณา (?) มาคั้บ

    มีเหตุผลอะไรถึงเลือกบทนี้รึเปล่าคะะ

    : พอคุณเจนสะกิด ๆ มาในทวิต ไอเดียมันก็แล่นมาเลยค่ะ ธ__ธ แหะ ๆ

    เรื่องนี้ไม่ได้ดาร์คอะไรมาก แต่ก็มีดราม่า และพวกปมอะไร ๆ เข้ามาบ้างนิดหน่อย อาจจะมีการบาดเจ็บบ้างอะไรบ้าง พอจะรับได้ไหมคะ?

    : รับได้ค่า

    เรื่องนี้จะเป็นแนว LGBT+ ซะ 90% เลยนะคะ พอจะรับได้มั้ยเอ่ย

    : ไม่มีปัญหาค่ะ!

    ถ้าหากว่าไม่ผ่านบทที่ต้องการ จะรับกลับหรือยัดบทดีคะ

    : ตามที่คุณเจนเห็นว่าเหมาะสมเลยค่ะ

    อยากให้เลือกระหว่าง พระอาทิตย์ กับ พระจันทร์ พร้อมกับเหตุผลเล็ก ๆ น้อย ๆ มาหน่อยค่ะ เอาให้เข้ากับคาร์ของลูก ๆ เลยก็ได้ค่ะ เค้าอาจจะมีเซอร์ไพรส์นิด ๆ  หน่อย ๆ 555555

    : ยูเป็นพระจันทร์ค่ะ นุ่มนวล อ่อนหวาน แสนสุภาพ คือเป็นลุคนุ่ม ๆ ฟู ๆ แสงอ่อนละออ (?) เหมือนแสงจากดวงจันทร์เลยค่ะ 555555555555 แต่ก็อยากสื่อถึงความสวยงามจากเปลือกนอกที่มนุษย์มองเห็น อาจจะเป็นในรูปแบบพระจันทร์ทรงกลมสวยงาม หรือจะเป็นรูปกระต่ายที่อยู่พื้นผิวดวงจันทร์ดูน่ารักน่ามองนั่นก็ดีค่ะ ตัวยูเองก็เป็นคนที่มีภาพลักษที่ดูราวกับคนสมบูรณ์แบบ แต่เมื่อมองลึกลงไป ก็จะเห็นว่าเขามีส่วนที่เปราะหักไม่ต่างจากกระต่ายที่แท้จริงเป็นหลุมบ่อจากอุกบาติบนพื้นผิวของดวงจันทร์ ซึ่งถ้าไม่เข้าไปมองและสัมผัสใกล้ ๆ ก็คงยากนั่นแหละค่ะที่จะรู้ได้

    อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับตัวละคร หรือเนื้อเรื่องรึเปล่าคะ ลอง ๆ เสนอมาได้น้า

    : อยากเห็นซีนหูตกหางลู่สักทีค่ะ 555555555555555 อนจ.เป็นกังวลในใจ คอยหงุง ๆ มองเธอด้วยสายตาหงอยเหงาปริบ ๆ ไม่ก็กระวนกระวายกลัวใจเธอจะโกรธอะไรงี้น่ะค่ะ 555555555

    เราอาจจะอัพช้ามากด้วยความที่เคลียร์งานด้วย แล้วก็เคลียร์เรื่องหลักในไอดีอื่นด้วย คงไม่ว่ากันนะคะ ;w;

    : ไม่เป็นไรเลยค่ะ! อัพตามที่สะดวกได้เลยนะคะ เราจะรอติดตามในทุก ๆ เรื่องเลยค่ะ 

    หมดคำถามแล้ว ยังไงก็ขอให้ทุก ๆ คนโชคดีมีชัยค่า /////7/////

    ______________________________________________________________________________



    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×