ตอนที่ 2 : ผู้ชายร้ายกาจ 2
บทที่ 1
ผู้ชายร้ายกาจ
“โอว์..อาห์.....”
เสียงครางแผ่วแว่วมา สลับกับเสียงหายใจถี่แรงเหมือนคนกำลังบาดเจ็บ มีผลทำให้เท้าเล็กที่ก้าวล่วงล้ำเข้าไปในเขตเรือนริมน้ำชะงักลงกลางคัน
เนตรปรีญาหยุดนิ่ง เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้กำลังหูฝาดหรือหูแว่วไปเอง
“โอ๊ะ...โอว์....อาห์....”
“คุณติ” กลีบปากอิ่มตึงพึมพำชื่อเขาอย่างตระหนก นึกเป็นห่วงเป็นใยว่าอติวัฒน์เป็นอะไร
เธอรีบสาวเท้าก้าวเดินเข้าไปใกล้ที่มาของเสียงร้องราวกับคนได้รับความเจ็บปวด ด้วยความเป็นห่วงร้อนรน
แล้วสองเท้าก็ชะงักค้างอีกครั้ง สองตาเขม้นมองไปในจุดที่เห็นว่ามีคนนั่งอยู่
อติวัฒน์ไม่ได้อยู่คนเดียวอย่างที่คุณโฉมฉายเข้าใจและบอกกับเธอ แต่มีใครอีกคนหนึ่งอยู่กับเขาตรงนั้นด้วย
ชายหนุ่มนั่งเอนหลังอยู่ที่เก้าอี้โยกตัวใหญ่ เนื้อกายท่อนบนไม่ได้สวมเสื้อ ส่วนกางเกงที่ใส่ถูกถลกดึงลงมากองที่ข้อเท้า
ระหว่างสองขาที่กางอ้าออก มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งคุกเข่าก้มหน้าคุดคู้อยู่ ใบหน้าของเจ้าหล่อนชะโงกลงไปทำอะไรที่กลางหว่างขาของเขา ผมเผ้ายาวรุงรังรุ่ยร่ายที่หล่นลงมาปกระข้างแก้มเอาไว้จนมองไม่เห็นหน้าเห็นตา
ในวัยสิบเจ็ดปี เพิ่งแตกเนื้อสาวยังไม่ประสีประสา เนตรปรีญาก็ไม่ต่างจากเด็กน้อยด้อยประสบการณ์ทั่วไป ที่มีความอยากรู้อยากเห็นอยู่เป็นทุน สองเท้าคืบเข้าไปใกล้ สายตามองใบหน้าแดงก่ำของคนที่กำลังหลับตาแน่น หน้าตาบิดเบ้เหยเกทรมานราวกับเจ็บปวดเหมือนถูกทำร้าย
แล้วสลับสายตาเลื่อนลงมามองฝ่ายหญิง ข้อมือเล็ก และนิ้วเรียวขาวสะอ้านของเจ้าหล่อนกำลังเกาะกุมกอบกำอะไรสักอย่าง ลักษณะเป็นแท่งลำยาวๆ ที่กำลังถูกมือนั่นรูดสาวเป็นระวิง
จังหวะที่มือน้อยขยับรูดขึ้นรูดลง ร่างของอติวัฒน์ก็แอ่นเอนตามไป เหงื่อเม็ดใสๆ ผุดพรายเกาะเต็มใบหน้าแดงก่ำแสนทรมานของเขา พร้อมกับเสียงร้องครวญครางคล้ายกับพอใจสลับกับเจ็บปวด
ลำคอของเธอแห้งผาก จนต้องกลืนน้ำลายลงไปช่วยชโลมหล่อเลี้ยงให้ชุ่มฉ่ำ
ใบหน้านวลขาวเห่อร้อนขึ้นมา ก้าวขาไม่ออก ไม่ว่าจะไปข้างหน้าหรือถอยหลัง เท้าสองข้างเหมือนถูกตอกตรึงอยู่ตรงนั้นด้วยหมุดเล่มยักษ์ หัวใจเต้นตึ่กตั่กระรัวไม่เป็นส่ำ
“อาห์...โอว์...ซี้ดดดดด...” ร่างหนาสั่นเกร็ง พร้อมกับเสียงร้องที่หนักหน่วงขึ้นทุกขณะ ฟังแล้วชวนสยิวหู พาท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด ความรู้สึกร้อนวูบวาบพุ่งพรูลงไปที่ใต้ท้องน้อย ให้รู้สึกแปลบปลาบขึ้นมา หว่างขาชื้นฉ่ำจนเนตรปรีญาต้องหนีบสองขาเข้าหากันแน่น
หัวใจดวงน้อยเต้นโครมคราม มองคนที่หน้าแดงก่ำ ร่างแอ่นเกร็งกระเด้งกระดกตามจังหวะซอยมือของฝ่ายหญิง อย่างไม่เคยเห็น และนึกจินตนาการไม่ออกว่า คน อย่างอติวัฒน์จะมีโมเม้นท์เช่นนี้ด้วย
สติเพียงน้อยนิดเตือนตัวเองว่าให้รีบถอยเท้ากลับออกไปก่อนที่ทั้งสองคนจะรู้ตัวว่า มีคนมารู้ มาเห็นเข้า
แต่กลับทำเช่นนั้นไม่ได้ เท้าทั้งสองข้างมันหนักอึ้งเสียจนยกไม่ขึ้น ตรงกันข้ามกับมือไม้ที่อ่อนเปลี้ยไร้แรงขึ้นมาเสียเฉยๆ จนทำเอาถาดใส่ขนมและเครื่องดื่มที่ยกมาหลุดร่วงจากมือไปไม่รู้ตัว
แกร้ง...
เสียงถาด จาน และแก้วพลาสติกที่หล่นกระทบลงกับพื้นเฉียดเท้าที่ยืนอยู่ไปเพียงนิดเดียว ปลุกเธอจากภวังค์ตื่นตะลึง และได้ทลายสวรรค์ของพวกเขาลงเช่นเดียวกัน
เปลือกตาที่หลับแน่น เปิดพรึ่บขึ้นมา ดวงตาคมกล้ามองมาที่เธออย่างตื่นตะลึงตกใจไม่น้อย
เช่นเดียวกับฝ่ายหญิงที่เงยหน้าขวับขึ้นมา ก่อนจะหวีดร้องเสียงหลง
“ว้าย...”
ตอนนั้นเองที่เนตรปรีญาถึงได้เห็นว่า ผู้หญิงใจกล้าคนนั้น คือวิก้า หรือ วิกานดา แฟนสาวของอติวัฒน์นั่นเอง ไม่ใช่ใครอื่น
พวกเขามาหากันตั้งแต่ตอนไหนไม่มีใครรู้ และคงไม่มีคนเห็นด้วย เพราะขนาดคุณโฉมฉายก็ยังเข้าใจว่า หลานชายอยู่ที่เรือนริมน้ำกำลังขะมักเขม้นอ่านหนังสืออยู่เพียงลำพัง
เธออ้าปากค้างสบตากับเขาอย่างไม่ตั้งใจ แววขุ่นเคืองชัดฉายในดวงตาคู่นั้น พร้อมกับกิจกรรมที่ทำอยู่ชะงักงันขาดตอนลง
ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ ยืนนิ่งงันอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้สติก็รีบก้าวถอยหลัง บอกตัวเองว่า ต้องไปให้พ้นจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
หูเธออื้ออึงจนไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวตามหลังมา รู้ตัวอีกทีก็เมื่อขายาวๆ ก้าวตามมาทันที่ประตู และถูกมือหนากระชากคว้าแขนกลับไปให้เผชิญหน้า
“เธอมาทำอะไรที่นี่?”
เสียงดังตะคอกถามอย่างเกรี้ยวกราดบอกให้รู้ว่าชายหนุ่มกำลังโกรธจัด
“ปล่ะ...เปล่า...เปล่าค่ะ...คุณติ...” เธอระล่ำระลักบอกไปไม่เป็นประโยค เสียงสั่นอย่างทั้งตกใจ และกลัวความผิด
“ฉันถามว่าเธอมาทำอะไร?” อติวัฒน์ไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ เขาเขย่าตัวเธอจนหัวสั่นหัวคลอน
เนตรปรีญาที่หลับตาปี๋หนีหน้าเขาจึงลืมตาขึ้นมา แล้วใจค่อยชื้นขึ้นมาหน่อย ที่เห็นว่าเขานุ่งใส่กางเกงเรียบร้อยแล้ว
อันที่จริงมันก็ยังไม่ค่อยเรียบร้อยนักหรอก เจ้าอวัยวะส่วนนั้น ดันผ้ากางเกงออกมาตุงเด่อย่างน่าสะพรึง
“เนตรไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจนะคะ” เธอสั่นหน้าไปมา ในเวลานั้น ใบหน้านวลขาวผ่องคงซีดเซียวแทบไร้สี
“ฉันถามว่าเธอมาทำไม?” เขาเอ็ดอึงประโยคเดิม เมื่อไม่ได้คำตอบที่พอใจ
“คุณท่าน...ท่านใช้...ใช้เนตร...ให้เอา...ของว่าง...มาให้...คุณติ...” ก็ใครจะคิดเล่าว่าจะเขาไม่ได้อยู่คนเดียว แถมยังกำลังทำเรื่องพิเรนอยู่ และไม่ยอมปิดประตูลงกลอนห้องหับให้เรียบร้อยน่ะ
“แล้วเธอเห็นอะไรบ้าง?”
ใบหน้าแดงก่ำชะโงกเข้ามาใกล้ คำรามลอดไรฟันถาม สีหน้าแววตาขุ่นเคืองอย่างคาดคั้นต้องการคำตอบที่เธอเข้ามารุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวของเขา
“ไม่ค่ะ...เนตรไม่เห็น” รีบส่ายหน้าปฏิเสธเสียงหลง
“โกหก” เสียงดังตะคอกเข้าใส่
“เนตรสัญญา...เนตรสาบาน...จะไม่บอกใครค่ะ...” รีบพูดขึ้นมาเร็วปรื๋อ ตัวสั่นงันงกด้วยความกลัว
คิ้วเข้มเหนือดวงตาคมกริบ ขมวดย่นเข้าหากัน ดวงตาเรียวยาวหรี่ตาแคบลง
“บอกใครเรื่องอะไร? ในเมื่อเธอไม่เห็นไม่ใช่เหรอ?” สองมือที่จับต้นแขนบีบแน่นเข้าราวกับคีมเหล็ก
“ก็เรื่องที่คุณ...คุณติ...กำลัง...กำลัง...เอ่อ...เนตรไม่เห็น...บรื๋อ...” เธอสั่นหน้าระรัว
“งั้นเหรอ?...ดี...” น้ำเสียงพึงพอใจว่า สองมือที่จับแน่น ราวกับคีมเหล็กคลายลง
เนตรปรีญารีบหลุบสายตาหลบ ก้มหน้างุด หันกลับหน้าเป็นหลังอย่างรวดเร็ว และกำลังจะก้าวขาออกไปให้พ้นๆ ไกลๆ จากรังสีอันตรายที่แผ่ซ่านมาจนรู้สึกได้
แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปทางไหน อติวัฒน์ก็กระชากคว้าตัวเธอกลับไปใหม่ แผ่นหลังร่างเพรียวปะทะเข้ากับเรือนกายสูงใหญ่แน่นแข็งและร้อนผ่าวไปด้วยเลือดเนื้อชีวิตของเขา เธอสะดุ้งโหยงสุดตัว หัวใจร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

จะทำอะไรคะ แฟนคุณก็อยู่ด้วยนี่คะ ยายเนตรรร แก๊ แกจะรอดไหมอ่ะ