ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    treasury

    ลำดับตอนที่ #21 : remainder

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 264
      0
      31 ต.ค. 63

    (ระวังเพลงลั่นนะคะ กล่องเพลงอยู่ใต้รูปค่ะ ไม่ชอบก็ปิดได้น้า 555)

    - เขาไม่เคยโกรธหรอก... ใช่ เขาไม่เคยโกรธใครจริง ๆ จัง ๆ หรอก
    ไรอันอายุแค่ไม่กี่ปี เขาเกิดมาได้ไม่นาน แม้จะโตไว แต่เขาก็ยังไม่ค่อยรู้จักอะไร ๆ มากนัก
    หลายครั้งที่เขาทำผิด พูดผิด แต่เขาก็ขอโทษเสมอ เขาเป็นเด็กดีอยู่แล้วล่ะ ถ้าบอกดี ๆ เขาก็เชื่อฟังตลอดล่ะ
    แต่อย่าให้เขาโกรธเลยดีกว่า ฉันรู้...ฉันรู้ว่าเขาก็เหมือนกับอีวาน 
    เพราะแบบนั้น
    ปล่อยให้เขาเป็นเด็กน้อยที่น่ารักแบบนี้ต่อไปเถอะ ถึงจะทำตัวไร้สาระปัญญาอ่อนไปวัน ๆ แต่นั่นก็ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว 
    เชื่อฉันสิ -

    Bastien Hill



    〖 Application 〗


    “ คนดีครับ ฟังผมนะ ผมไม่ใช่ยมทูตหรอก แต่ผมก็สามารถพรากเอาชีวิตของคุณไปได้นะ มองตาผมสิ ”


    “ อันนั้นผมล้อเล่นน่ะ เฮ้ จริง ๆ นี่ผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่าน่ะ
    มีคนบอกผมว่าถ้าทำตัวน่ากลัว ๆ แล้วจะมีคนเรียกผมว่าพี่ ผมก็เลยลองดูเฉย ๆ เองนะ ”


    “ อา—ใช่ซี่ ผมดูไม่น่าเชื่อถือมากขนาดนั้นเลยใช่ไหมล่ะ ถึงได้ไม่เคยมีใครนับถือผมเป็นพี่สักทีน่ะ ”




    บท : My own character [ เป็นตัวละครเสริมเฉย ๆ ค่ะ เขียนข้อมูลไว้งั้น ๆ แหละ เผื่อใครสนใจเนอะ ;;w;; ]


    ชื่อ - นามสกุล : ไรอัน - Ryan


    ความหมายของชื่อ : ชื่อของไรอันมีอยู่หลายความหมาย เช่น  เป็นมิตร , คล่องแคล่ว , จริงจัง , เอาใจใส่ , มีอำนาจ , ร่าเริง , ใจกว้าง , ความคิดสร้างสรรค์ , โชคดี แต่ความหมานที่นิยมที่สุดก็คงจะเป็น ความร่าเริงและการมีอำนาจล่ะมั้งนะ...


    ชื่อเล่น/ชื่อที่เรียก : ไรอัน [ ทั้งนี้ ไรอันเองก็ถูกตั้งฉายาให้บ่อย ๆ เหมือนกัน เช่นยมทูต หรือราชาสีแดง ซึ่งไรอันก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก ขอแค่อย่าด่ากันก็พอแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาขี้หงุดหงิด แต่ถ้าว่าร้ายกันก็ไม่ชอบหรอกนะ ]


    อายุ : 16 ปี [ เห็นไรอันอายุน้อยขนาดนี้ แต่ความจริงแล้วนั่นเป็นการนับวันเวลาของโลกต่างหาก ถ้านับวันเวลาเอาตอนที่เขานั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในสถานพำนัก ก็คงหลายล้านปีไปแล้ว เวลาของโลกกับที่นั่นมันคลาดเคลื่อนไม่ตรงกัน และไม่เคยมีความแน่นอนสักที ไรอันจึงถือซะว่าตัวเองอายุสิบหกไปซะเลย แล้วไรอันก็โตไวมากด้วย ถึงอายุเขาจะอยู่แค่สิบหก แต่ร่างกายก็หยุดอยู่ที่ชายหนุ่มวัยราว ๆ 19-20 ปีไปแล้ว กระนั้นเขาก็ยังหน้าด้านไปเรียนในโรงเรียนของนักเรียนทั่วไปอยู่ดี... แค่เพื่อความสนุกน่ะ ไม่ได้มีเป้าหมายอะไรเลย อีกอย่าง ปกติแล้วก็ไม่ค่อยมีใครรู้อายุของเขาจริง ๆ ด้วย บางคนก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ เพราะสถานะของไรอัน ก็ถูกพูดถึงในนามของราชันอยู่แล้วนี่ ]


    เพศ : ชาย [ Pansexuality ]


    เผ่าพันธุ์ : ราชันแห่งการเยียวยา ผู้ถือเคียว และอยู่ในฐานะของราชาสีแดง


    พลังพิเศษ : 

                 ยังไม่มีการระบุที่แน่ชัด ผู้คนมักรู้กันแค่ว่าไรอันชอบแบกเคียวเดินไปไหนมาไหนเท่านั้น อีกอย่าง ผู้คนก็รู้แค่ว่าไรอันสามารถรักษาบาดแผลผู้คนได้ผ่านการจุมพิต แต่ก็ไม่ค่อยมีใครเข้าไปขอร้องให้ทำหรอก ก็มันน่าอายจะตายไปนี่นา...

                 หากแต่ ถ้าพูดถึงพลังของราชันแห่งการเยียวยาจริง ๆ ล่ะก็ ข้อมูลเหล่านั้นค่อนข้างที่จะเยอะแล้วก็ซับซ้อน มีน้อยคนเท่านั้นที่รู้ และเท่าที่คนส่วนน้อยเหล่านั้นรู้ก็คือว่า ร่างกายของราชันแห่งการเยียวยาสามารถรักษาบาดแผลของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังสามารถรักษาผู้อื่นได้อีกด้วย พ่วงมากับการฟื้นคืนชีวิต (แต่ก็แลกด้วยชีวิตของใครอีกคน ง่าย ๆ ก็คือว่า พวกเขาสามารถเรียกยมทูตออกมาได้ในตอนที่ต้องการจะคืนชีพใครสักคน ทว่านั่นก็ต้องแลกด้วยชีวิตอีกชีวิตเหมือนกัน ซึ่งจะทำได้ก็ต่อเมื่อเป้าหมายเสียชีวิตไปในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น)

                 นอกจากนี้พวกเขาก็ยังมีละกำลังเหนือกว่ามนุษย์อีกด้วย แม้จะไม่ได้มากเท่ากับราชันแห่งการทำลาย ทว่าก็ยังนับว่าค่อนข้างน่าทึ่งทีเดียว พลังส่วนใหญ่ของพวกเขามักจะเป็นพลังที่เกี่ยวกับการรักษาเยียวยา แล้วก็การปกป้อง สร้างเกราะ หรืออะไรจำพวกนั้น ไม่ได้มีพลังที่เกี่ยวกับการฆ่าล้างหรือทำลายอะไรเป็นพิเศษ อีกอย่างก็คือว่า พวกราชันแห่งการเยียวยาจะมีพลังหรือความสามารถอย่างใดอย่างหนึ่งหรืออาจจะสองอย่างที่เหนือกว่าทุกคนในกลุ่มเดียวกัน และอาจจะมากกว่าราชันแห่งการทำลายทุกคนด้วย เช่น อวาลอนที่มีทักษะด้านการวางแผน คำนวณ วิเคราะห์และคาดการณ์ เธอทำได้ดีกว่าบาสเตียน ไรอัน เอเดน และทุก ๆ คน นั่นอาจจะมากกว่าราชันแห่งการทำลายทุกคนด้วยซ้ำ สำหรับไรอันแล้ว สิ่งที่เขาเหนือกว่าทุกคนก็คือพละกำลัง ไรอันแรงเยอะที่สุดในกลุ่ม มากพอ ๆ กับราชันแห่งการทำลายด้วยซ้ำ

                 น่าแปลกนัก ทั้งที่เขาเป็นราชันแห่งการเยียวยา ทว่ากลับมาพละกำลังสูงจนน่าตกใจ พลังการทำลายล้างของเขา็สูงจนน่าประหลาดเช่นกัน ไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากราชันด้วยกันเอง แน่นอนว่าคนนอกไม่ได้เข้าใจอะไรเกี่ยวกับพวกราชันมากมายนักด้วย ไรอันเองก็ใช้ชีวิตตามปกติไปโดยที่ไม่ได้บอกว่าตัวเองมีจุดบกพร่องที่ดูประหลาดกว่าใครเขาอยู่ด้วย

                 อีกเรื่องที่เป็นจุดเด่นของราชันแห่งการเยียวยาทุก ๆ คนก็คืออาวุธประจำตัว ของอวาลอนเป็นธนู ของบาสเตียนเป็นดาบ ของเอเดนเป็นมีดคู่ ของเรอาเป็นค้อนและโล่ ของจัซมินเป็นกงจักร ของลูคัสเป็นปืนคู่ ส่วนของเขาเป็นเคียวโซ่ (ที่สามารถเปลี่ยนรูปแบบได้ตามใจนึก จะเป็นเคียวสองด้าน หรือเคียวยาวแบบยมทูตเป๊ะ ๆ ก็ได้เหมือนกัน) พลังทำลายล้างของมันสูงมาก มากพอที่จะทำลายชีวิตของราชันแห่งการทำลายได้ในครั้งเดียว มากพอที่จะทำลายดวงอาทิตย์ หรือแม้แต่จักรวาลทั้งหมดทั้งมวลเลยด้วยซ้ำ ทั้งนี้ อาวุธนี้จะมีแต่เจ้าของจริง ๆ เท่านั้นที่จะถือมันได้ ไม่มีใครสามารถจับต้องหรือยกมันได้ทั้งนั้น เว้นแต่เจ้าของจะอนุญาต (ซึ่งการอนุญาตนั้นก็ยุ่งยากนิดหน่อย เพราะต้องอาศัยพลังงานกับการส่งต่อสมาธิ พลังจิตอีก เรียกได้ว่าอาวุธนี่มีไว้เพื่อราชันแห่งการเยียวยาเพียงผู้เดียวเท่านั้นแหละ)

                 มีอีกหลายอย่างที่ราชันแห่งการเยียวยาทำได้ ทว่านั่นก็ไม่ใช่พลังที่โดดเด่น หรือรุนแรงอะไรนัก อาจจะดูน่าอิจฉา แต่ความจริงแล้วก็ใช้ประโยชน์ได้บ้างไม่ได้บ้างนั่นแหละ เช่น พลังการควบคุมสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ พลังการสื่อสารทางจิต (แต่ก็สื่อสารได้แค่ทีละคนสองคนเท่านั้น) หรือการวาร์ปย้ายมิติไปมา (ที่ถ้ายิ่งไกลก็จะยิ่งใช้เวลาในการเดินทางข้ามมิตินาน) การเนรมิตหรือที่เรียกหยาบ ๆ ว่าเสกสิ่งของออกมา ซึ่งถ้าจะทำแบบนั้นได้ สิ่งของเหล่านั้นก็ต้องเป็นสิ่งที่เขาเคยเห็นมาแล้ว หรือไม่ก็รู้โครงสร้างเป็นอย่างดี ทั้งนี้พวกเขาไม่สามารถสร้างสิ่งมีชีวิตออกมาได้ แต่สามารถสร้างอาหารและเครื่องดื่มบางชนิดได้ รวมไปถึงแก้วแหวนเงินทองก็สร้างได้เหมือนกัน เพียงแต่วันวันหนึ่งก็มีขีดจำกัดในการสร้างอยู่ และถ้ายิ่งสิ่งของชิ้นใหญ่ก็ยิ่งต้องใช้เวลานาน และอีกหลาย ๆ อย่างที่พวกเขาสามารถทำได้ ซึ่งโดยรวมแล้วพวกเขาอาจเปรียบเหมือนทวยเทพที่มีพลังอำนาจอันน่าอิจฉา... แต่เชื่อเถอะว่าทุกพลังเป็นเหมือนกับดาบสองคม แล้วพวกเขาเองก็มีสิทธิ์ที่จะตายได้เหมือนกันทุกคน ต่อให้ไม่แก่ แต่ถ้าถูกฆ่า ยังไงก็ไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้ง่าย ๆ หรอก ไม่สามารถชุบชีวิตขึ้นมาได้ด้วย แต่ถ้าอยากจะคืนชีพ...นั่นก็คงต้องแลกด้วยชีวิตเหมือนกัน ซึ่งชีวิตนั่นก็ต้องเป็นราชันแห่งการเยียวยาเหมือนกันล่ะนะ


    อาชีพ : นักเรียนเกรด 10 [ แต่ถึงอย่างนั้น ไรอันก็ยังคงไม่ค่อยได้ไปเรียนนักอยู่ดี เขามักจะเที่ยวเล่นไปเรื่อยมากกว่าที่จะทำอะไรเป็นหลักเป็นแหล่ง ]


    ที่อยู่ : สหรัฐอเมริกา รัฐฟลอริดา เมืองแจ็กสันวิลล์ [ เป็นที่อยู่หลัก ๆ บนโลกเท่านั้น ]


    ส่วนสูง/น้ำหนัก : 192.7เซนติเมตร/90กิโลกรัม [ ห็นแบบนี้แต่เขาไม่ได้อ้วนนะ ก็ไม่ใช่มนุษย์อยู่แล้วนี่ จะมีอะไรแปลกหลายอย่างก็ไม่เห็นจะผิดตรงไหนเลย เรื่องน้ำหนักก็อีก มองดูก็รู้ ว่าเขาน่ะ หุ่นดีจะตาย... ]


    รูปร่างลักษณะ : 

                 คำเปรียบเปรยที่ผู้คนมักจะใช้คำไรอันก็คือคำว่า 'ยมทูต' ด้วยเพราะรูปลักษณ์ต่าง ๆ นา ๆ ที่ทำให้พวกเขาพาลคิดกันไปเอง บ้างก็หวาดกลัว บ้างก็หลงใหล บ้างก็นึกอยากจะท้าทาย ชายผู้ที่มีรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าประดับรอยยิ้มตลอดเวลา หากแต่ดวงตาสีแดงนั่นก็ช่างน่าพรั่นพรึง อาวุธเคียวที่ติดตัวตลอดเวลากลับทำให้เขาดูน่ากลัวมากกว่าจะน่ารัก ทั้งที่ความจริงแล้วนิสัยของเขาก็ใช่ว่าจะเลวร้าย เขาอาจจะพูดมากแล้วก็วอแวน่ารำคาญไปหน่อย แต่พออยู่ใกล้ ๆ แล้วตัวเองก็เปรียบเสมือนกับเป็นแบตเอตร์นี่หรือแหล่งรวมพลังงานด้านบวกให้กับทุก ๆ คนได้เลย ใครจะคิดล่ะ ว่าบุคคลที่ถูกมองว่าเป็นตัวตนที่ไม่น่าเข้าใกล้เท่าไหร่จะมีมุมน่ารัก ๆ กว่าที่คาดคิดแบบนั้น

                 ดวงตาสีแดงสดราวกับเลือดที่กำลังต้องแสงสะท้อนเป็นมันวาว สีแดงฉานที่ดูราวกับนรกขุมเล็ก ๆ ที่พร้อมจะฉุดกระชากผู้ที่จ้องมองลงไปนั่นช่างดูน่ากลัว...แต่แปลกที่มันมักจะฉายแววสดใสน่ารักเป็นประกายออกมา ไรอันมักจะใช้ดวงตาของตัวเองมองคนอื่นตาแป๋ว ซึ่งไม่ค่อยเข้ากับรูปลักษณ์ของตัวเองเอาเสียเลย ไรอันเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีมาก ๆ คนหนึ่งทีเดียว ดวงหน้ารูปไข่ องค์ประกอบบนใบหน้าเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ดวงตาคม คิ้วสวยได้รูป จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักสีแดงเรื่อ แม้ผิวจะขาวซีดไปหน่อยแต่นั่นก็ยิ่งทำให้เขาดูดี เส้นผมสีดำขลับราวน้ำหมึกตัดกับสีผิวชัดเจน ขลับให้ดวงตาสีแดงของเขาดูโดดเด่นมากขึ้น เขาเป็นคนที่รูปร่างสูงใหญ่พอตัว กล้ามเนื้อประปราย ข้อกระดูกตามฝ่ามือและแขนปรากฏให้เห็นแก่พองามเช่นเดียวกับเส้นเลือดภายใต้ผิวเนื้อที่ปรากฏออกมาให้เห็นพอเหมาะ ไม่ได้มากเกินไปจนน่ากลัว ทว่าก็แสดงถึงความแข็งแกร่งของร่างกาย วงแขนนั่นก็ดูน่าล้มตัวเข้าสู่อ้อมกอดเสียจริง... แต่น่าเสียดายที่บางคนอาจไม่ได้คิดแบบนั้นน่ะสิ หลาย ๆ คนมักจะมองว่าไรอันน่ากลัว และไม่น่าเข้าใกล้มากกว่าน่ะนะ

                 เครื่องแต่งกายประจำตัวของไรอันนั้นเป็นแบบเรียบง่าย... เรียบง่ายในที่นี้ก็คือใส่แบบเดิมแทบทุกวัน ก็คือเสื้อเชิ้ตสีดำ ทับด้วยเสื้อโค้ทพอดีตัว กางเกงสเวตเตอร์ และร้องเท้าผ้าใบ เครื่องประดับอีกเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามความชอบของตัวเอง ไรอันไม่ได้สันทัดเรื่องการแต่งตัวอะไรนัก แต่สำหรับความชอบของเขาจริง ๆ ก็คือว่าเขาชอบสีดำ แล้วก็แต่งกายด้วยสีดำทั้งตัว คงเรียกสไตล์โดยรวมว่าออลแบล็คล่ะนะ เขามองว่าสีดำเป็นสีที่ให้ความรู้สึกถึงความมินิมอลสไตล์ แต่งยังไงก็ไม่เบื่อ ในตู้เสื้อผ้าของเขาก็มีเสื้อเชิ้ตสีดำอยู่เป็นสิบ ๆ ตัว เสื้อโค้ทกับกางเกงสีดำก็มีมากพอ ๆ กัน จะมีเสื้อยืดกับเสื้อไหมพรม แล้วก็เสื้อกับกางเกงแบบอื่น ๆ บ้างก็จริง แต่ทุก ๆ อย่างก็มีแต่สีดำทั้งนั้น สีอื่น ๆ เขาไม่ค่อยได้หยิบมาใส่เท่าไหร่ อย่างเสื้อยืดสีฟ้า สีน้ำตาล และกางเกงสีอื่น ๆ ก็มักจะอยู่ก้นตู้ทั้งนั้น เขาไม่ค่อยหยิบออกมาใส่เท่าหร่นี่สิ

                 ไรอันมีเครื่องประดับอยู่ไม่กี่ชิ้น เขาใส่ไปตามสไตล์ของมนุษย์บนโลกด้วยความสนอกสนใจแล้วก็ตื่นเต้นเป็นเด็ก ๆ เท่านั้น ทว่าเขาไม่ค่อยได้พกกระเป๋าเท่าไหร่ เพราะลำพังด้วยพลังของตัวเองก็เหมือนกับมีมิติเก็บของเล็ก ๆ ติดตัวตลอดเวลาอยู่แล้วด้วย เครื่องประดับบนตัวไรอันก็ไม่ได้มีสีสันที่โดดเด่นอะไรนัก อาจจะเป็นสีเงินไม่ก็สีดำแบบที่ชอบ ทั้งนี้เขาก็ออกจะเรื่องมากหน่อย ๆ ด้วย ถ้าใส่แล้วไม่เข้ากับชุดเขาก็ไม่เอาอยู่ดี เท่าที่ใส่อยู่ในปัจจุบันนี้ก็คือจิวสีเงินที่ติ่งหูทั้งสองข้าง แหวนโลหะสีดำแบบเรียบ ๆ ที่นิ้วชี้และนิ้วก้อยข้างซ้าย แล้วก็สร้อยข้อมือที่เป็นโซ่คล้องสีเงินแบบมีสไตล์ (เห็นแบบนี้ไรอันเลือกถึงของแบรนด์เลยนะ เขาใช้เงินของบาสเตียนซื้อทั้งหมด ทั้งเครื่องประดับแล้วก็ชุดเสื้อผ้า แน่นอนว่าโดนด่ามาสักสิบชุดก่อนเขาถึงจะได้มันมา นับว่าเป็นความลำบากลำบนก่อนได้เงินมาได้เหมือนกันแหละมั้ง?)


    อุปนิสัย :

                 แม้ภาพลักษณ์ออกจะดูเหมือนกับชายหนุ่มมาดเท่ ที่มองดูแล้วก็เหมือนกับดารานายแบบคนหนึ่ง... แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วไรอันน่ะ ไม่เคยวางมาดให้ตัวเองดูดีได้ตลอดหรอก ออกจะหลุดเก๊กอยู่เรื่อย เขาเป็นคนที่ชอบพุ่งเข้าหาคนนั้นคนนี้ตลอดเวลา เพราะงั้นการที่จะวางมาดขรึมเก๊กหล่อไปนาน ๆ น่ะ...ทำไม่ได้หรอก ไรอันตื่นเต้นกับผู้คนใหม่ ๆ หรือไม่ก็สถานที่ใหม่ ๆ เสมอ ชอบที่จะทำความรู้จักหรือไม่ก็เข้าไปคุยเฉย ๆ ก็ยังดี เขาดูเหมือนกับเด็กน้อยที่ตื่นเต้นดี๊ด๊ากับทุกอย่างที่ผ่าหน้า แต่ก็ใช่ว่าจะเบื่ออะไรได้ง่าย ๆ เหมือนกัน เพียงแต่สิ่งที่เคยเจอไปแล้วก็จะทำให้เขาตื่นเต้นน้อยกว่าหน่อย ส่วนอะไร ๆ ที่เพิ่งจะเคยเจอก็จะตื่นเต้นเอามาก ๆ ตาวาว ตัวไม่อยู่นิ่งเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่จริง ๆ นั่นแหละ บางคน(ที่เป็นส่วนน้อย)ก็บอกว่าไรอันที่เป็นแบบนี้น่ะ น่ารักดีอยู่แล้ว แต่บางคน(ที่ดันเป็นส่วนมาก)ก็บอกว่าเขาน่ารำคาญจะตายไป ทั้งที่ตัวโตขนาดนี้แล้วกลับทำเหมือนกับตัวเองเป็นเด็กสองขวบไปได้ เก็บอาการหน่อยไม่ได้หรือไงนั่น เสียภาพลักษณ์ไปหมดแล้ว

                 แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ไรอันเองก็เคยพยายามเก๊กหล่อยืนอยู่นิ่ง ๆ สร้างภาพลักษณ์เป็นหนุ่มแบด ๆ คลู ๆ อยู่นะ... ติดที่ว่าทำได้ไม่นานนี่สิ พอเห็นอะไรที่แปลกใหม่หรือน่าสนใจเข้าหน่อยก็เบิกตากว้าง ๆ แล้วโพล่งออกมาดัง ๆ ว่า "ว้าว! อะเมซิ่ง!!" อย่างลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้ตัวเองเก๊กอะไรไว้อยู่... ตบะแตกกระเจิงไปหมด วิ่งแจ๋นเข้าไปหาไม่พอ ยังจะหยิบนั่นจับนี่เกาะแกะคนนั้นคนนี้ ถามไม่หยุดปาก ตาวาววับเหมือนเด็กน้อยเพิ่งมาสวนสนุกครั้งแรกไม่มีผิด แล้วไอ้สิ่งที่ไรอันสนใจน่ะ มันมีเยอะมากซะด้วย จะของชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ ผู้คน หรือจะอะไรก็ตามเขาก็สนใจได้หมดแหละ แถมแอคติ้งใหญ่พอ ๆ กันด้วย จะว่าไงดีล่ะ...แค่รถเข็นขายขนมก็ทำให้เขาแตกตื่นได้แล้ว บางครั้งแค่เห็นห่อขนมที่ไม่รู้จักก็ร้องซะดังอย่างกับเห็นไดโนเสาร์ปรากฏตัวออกมาอะไรอย่างนั้นเลย เรียกให้คนใกล้ ๆ ดูเสียอีกแหน่ะ เท่านั้นไม่พอ ถ้าเดินไปกับคนรู้จักก็จะลากเข้าไปดูด้วย จากนั้นก็นำเสนอออกมาซะอย่างกับเป็นพนักงานขายตรงให้เสียอีก คนภายนอกมองเข้ามาก็ตีตราชัดเจนว่าเขามันเพี้ยน บ้า แล้วติ๊งต๊อง ส่วนคนที่เดินมาด้วยก็ได้แต่ปิดหน้าอย่างเขินอายไปสิ... ดันเลือกมาเดินกับคนแบบนี้ซะได้ แบบนี้จะเรียกว่า "หล่อเสียของ" ก็ได้ล่ะมั้งนะ?

                 สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของไรอันนั้น นอกจากรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะเริงร่าเหมือนกับเด็ก ๆ แล้วก็ยังพ่วงมาด้วยความน่ารำคาญนิด ๆ ...จริง ๆ นะ คงต้องยอมรับว่าไรอันน่ะ เหมือนเด็กที่ว่าเด็กจริง ๆ นอกเหนือไปจากการเห็นอะไรก็พูด เห็นอะไรก็กระโดดเด้งดีใจเว่อร์วังออกอาการแอคติ้งเหมือนเล่นละครออสก้าอยู่แล้วก็ยังมากับการชอบเกาะแกะ กอดแขน ซบไหล่ ดึงชายเสื้อ วอแว งอแงเล็ก ๆ ออดอ้อน (ทั้งที่ตัวโตอย่างกับหมา แต่ก็ดันมโนเพ้อว่าตัวเองเป็นแมวน้อยน่ารัก?) แล้วก็อื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งรวม ๆ แล้วเขาก็เป็นคนขี้อ้อน ออดแอดนิดหน่อย ทั้ง ๆ ที่ก็สามารถทำอะไรหลาย ๆ อย่างได้เอง แต่เพียงแค่อยากให้คนนั้นคนนี้สนใจบ้างแค่นั้น ไม่จำเป็นว่าจะต้องสนใจเขาตลอดเวลา แต่ก็อยากให้สนใจเขาสักนิดก็ยังดีน่ะสิ ไรอันมักจะเบ้ปาก สะบัดหน้าอย่างเง้างอนทุกครั้งที่ถูกหมางเมิน เขาไม่โกรธ แต่ก็แค่งอนเท่านั้น แป๊ป ๆ ก็หายแล้ว เพราะแบบนั้นหลาย ๆ คนก็เลยไม่ค่อยสนใจไรอันเท่าไหร่ ไม่สนใจความรู้สึกของเขาด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าถึงยังไงแป๊ป ๆ เดี๋ยวเขาก็เลิกงอแงไปเอง กลายเป็นว่าไรอันถูกปล่อยปละละเลยเป็นเรื่องปกติซะงั้น ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วไรอันไม่ได้ต้องการแบบนั้นเสียหน่อย ถึงเขาจะชอบเกาะแกะคนนั้นคนนี้ แต่เอาจริง ๆ แล้วเขาก็กลัวอีกฝ่ายรำคาญนะ... หมายถึง กลัวถูกเกลียดน่ะ งอแงก็จริง แต่ถ้าอีกฝ่ายขู่เขาก็เลิก แล้วหันไปทำอย่างอื่นแทนอะไรแบบนั้น ...กระนั้นก็อย่างที่บอกนั่นแหละ ว่าเขาแค่ต้องการความสนใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จริง ๆ นะ ที่เลือกใช้วิธีวอแวตามตื้อบ่อย ๆ นั่นก็เพราะคิดว่ามันเป็นวิธีที่ง่ายดีเท่านั้นเอง

                 ไรอันเชื่อมั่นมาก ๆ ว่าตัวเองน่ะน่ารัก วัน ๆ ก็เลยออกจะหว่านเสน่ห์(?)อยู่นิดหน่อย ตัวตนของไรอันที่อาจจะน่ารำคาญหูตาไปหน่อย แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วเขาก็สามารถเป็นพลังงานบวกให้กับใครหลาย ๆ คนได้จริง ๆ นะ ถึงจะไม่ได้เก่งกาจเรื่องการให้คำปรึกษาเท่าไหร่ แต่เขาก็ให้กำลังใจคนเก่งเหมือนกัน อาจด้วยคำพูดหรือการกระทำ ไรอันดูแลคนเก่งจะตาย ถ้าจะให้เขาทำจริง ๆ ล่ะก็ เขามักจะจดจำรายละเอียดของฝ่ายตรงข้ามได้ดี ว่าเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร เพราะแบบนั้นเขาก็เลยดูแลเอาใจใส่ได้ถูกที่ถูกเวลา ห็นไรอันไร้สาระไปวัน ๆ แบบนี้แล้วถ้าเจอเหตุอะไรเข้าจริง ๆ บอกเลยว่าเขาก็เป็นคนคนหนึ่งที่พึ่งพาได้มาก ๆ คนหนึ่งเลยนะ ไรอันชอบที่จะช่วยเหลือผู้คน แล้วก็คงไม่แปลกอะไรหากเขาจะเข้าไปปกป้องใครสักคนถ้ามีโอกาสด้วย

                 เพราะความที่เกิดมาได้ไม่นานนี่แหละ ถึงทำให้ไรอันค่อนข้างที่จะใสซื่อ แล้วก็ตื่นเต้นกับทุก ๆ สิ่งที่ได้เจอบนโลก หรืออาจจะในมิติอื่น ๆ ด้วย จริงอยู่ที่ในสถานพำนักของราชันแห่งการเยียวยาพอจะมีสถานที่สำหรับอ่านหนังสือ แล้วก็ห้องจำลองโลกต่าง ๆ แล้ว แต่มันก็เทียบไม่ได้กับการมาเจอจริง ๆ เลยนี่นา อีกอย่าง ด้วยเหตุผลที่เขาเกิดมาได้ไม่นานจริง ๆ ไรอันก็ชอบหลงเชื่ออะไรได้ง่าย ๆ อีกด้วย ความจริงแล้วเขาไม่ได้ถึงกับโง่แต่แค่เขาจะเชื่ออะไร ๆ กับคนที่ไว้ใจ คนรู้จักหรือคนสนิทบอกได้ง่ายมาก อีกทั้งยังไม่ค่อยรู้ผิดถูกมากมายอะไร ไรอันรู้เรื่องผิดชอบชั่วดีแล้วก็กฎหมายแค่เผิน ๆ เท่านั้น ไม่แปลกอะไรหากเขาจะเผลอพูดอะไรเชิงแย่ ๆ หรือทำอะไรผิดกฎหมายไปบ้าง อย่างเช่น เผลอพูดจาเชิงลามกเพราะไม่รู้ว่ามนุษย์มีความรู้สึกอะไรกับจุดนั้นจุดนี้หรือไม่ เผลอสวนกลับคนที่เข้ามาหมายจะตบหน้าเขาโดยไม่รู้ว่าที่โลกเขาก็ซีเรียสกับการที่ผู้ชายทำร้ายผู้หญิงอยู่นะ อะไรแบบนั้น 

                 สิ่งที่ไรอันทำผิดไปโดยมากแล้วมักจะมาจากความไม่รู้จริง ๆ ของเขา เขาไม่ใช่มนุษย์ และไม่ได้อยู่ที่โลกมนุษย์มาตั้งแต่เกิด ไม่ได้อยู่ตลอดด้วย เขาไป ๆ มา ๆ ระหว่างสถานพำนักบ่อยจะตาย เพราะแบบนั้น... ถ้าไรอันทำอะไรผิดไป ก็ขอแค่ให้บอกเขาดี ๆ อธิบายให้เขาฟังว่ามันผิดยังไง แล้วบนโลกเขามีกฎ มีความคิดยังไงกับเรื่องพวกนี้กันแน่ จากนั้นไรอันก็จะทำความเข้าใจ ปรับตัว แล้วก็ขอโทษทุก ๆ คนอย่างจริงจัง สัญญาอย่าแน่วแน่ว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก มันก็เหมือน ๆ กับการค่อย ๆ สอนเด็กน้อยนั่นแหละ ต่างกันที่ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเขาดูเป็นชายหนุ่มแล้วเท่านั้น ไรอันรับฟังทุกคนได้อยู่แล้ว แล้วเขาก็ออกจะเป็นเด็กดี เชื่อฟัง ว่านอนสอนง่ายด้วย กลับกัน ถ้าหากคนที่กำลังสอนเขาหลอกให้ไปทำเรื่องไม่ดีอะไรเขาก็ทำได้เหมือนกัน ทว่าคนอย่างไรอันน่ะ ส่วนมากแล้วก็ไม่ได้จะทำตามคำที่ทุกคนบอกเขาหรอก อย่างน้อย ๆ ก็ต้องเป็นคนที่รู้จัก คนที่ไว้ใจอะไรแบบนั้นด้วย เพราะบาสเตียนก็เคยบอกเขา ว่าอย่าไปไว้ใจคนแปลกหน้านะ เขาก็เลยเชื่อฟังคำคำนั้นมาตลอด และ...เช่นกัน เพราะไรอันรักบาสเตียนที่สุด หากว่าบาสเตียนบอกว่าการฆ่าคนมันดี ไรอันก็จะฆ่าผู้คนเป็นกองพะเนินได้เหมือนกัน แต่สบายใจได้เลย เห็นบาสเตียนขี้หงุดหงิดแบบนั้นน่ะ มีคุณธรรมในใจสูงจะตาย เขาไม่มีทางสั่งให้ไรอันทำอะไรแบบนั้นแน่ ๆ

                 ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตัวไรอันน่ะอันตราย... เพราะเขายังเด็กอยู่  หากเทียบกับราชันคนอื่น ๆ แล้ว ทัศนคติของเขาพัฒนาช้ามาก ความรู้ด้านผิดชอบชั่วดีก็เหมือนกัน เขาจึงจำเป็นจะต้องถูกบอกสอนบ่อย ๆ เพื่อให้เติบโตขึ้น ถึงอย่างนั้นไรอันกลับฉลาดในเชิงวิชาการเอามาก ๆ ความรู้ด้านทฤษฎีกลับฉลาดจนน่าตกใจ ด้านการวางแผนและกลยุทธ์รวมไปถึงทักษะและเทคนิคการสู้ด้วยเหมือนกัน... เด็กคนนี้น่ะ ไม่ฉลาดเรื่องมนุษยธรรม แต่ด้านอื่น ๆ กลับเก่งกาจไปหมด ทำให้ดูเป็นคนอันตรายนั่นเอง ไรอันต้องใช้เวลาอีกสักพักในการเติบโตขึ้นให้รู้ผิดชอบชั่วดีด้วยตัวเองโดยไม่มีใครมาบอก ถึงตอนนั้นแล้วเขาจะใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้จริง ๆ และถ้าใครมาหลอก เขาก็จะไม่หลงกลอย่างแน่นอน ...แต่ก็นั่นแหละ มันจำเป็นต้องใช้เวลาจริง ๆ ไรอันเป็นราชันแห่งการทำลายคนเดียวที่มีพลังทำลายล้างแฝงไว้อยู่ในตัว จะไม่ให้เหล่าพี่ ๆ ของเขาเป็นกังวลได้ยังไงล่ะ ยังดีที่ตอนนี้เขายังเชื่อฟัง ในอนาคตถ้าเติบโตไปแล้วก็คงใช้ชีวิตได้ด้วยตัวเองแน่ ๆ แต่ถ้าสอนไว้ไม่ดี...พอโตไปแล้วไม่เชื่อฟัง แบบนั้นก็เกิดเรื่องยุ่งวุ่นวายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่ 

                 ไม่เคยมีใครเห็นไรอันตอนโกรธ... แน่ล่ะ ก็เขาไม่เคยโกรธเลยนี่ จะมีก็แต่อาการเง้างอนงอแงนิด ๆ เดี๋ยวก็หาย ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยโกรธเลยด้วยซ้ำ... อาจฟังดูเว่อร์ไปหน่อย แต่นี่ล่ะเรื่องจริงเลย ไรอันไม่เคยโกรธจริง ๆ จัง ๆ สักครั้ง ไม่รู้ว่าไมเหมือนกัน แต่ไอดริส (หรือก็คือบาสเตียนในอดีตชาติ) บอกเขาเอาไว้ ว่าความโกรธไม่ใช่ความรู้สึกในเชิงที่ดีเท่าไหร่ โดยเฉพาะกับไรอัน ด้วยความที่ไอดริสมีสัมผัสหรือญาณวิเศษแข็งแกร่งที่สุด เขาจึงเป็นคนบอกไรอันเองกับปาก ว่าถ้าไรอันโกรธจริง ๆ ขึ้นมาเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นแล้วไรอันดูเหมือนคนที่จะสามารถฆ่าใครสักคนได้จริง ๆ นะ แถมไม่ได้ปล่อยให้ตายแบบสบาย ๆ ด้วย จิตใต้สำนึกของไรอันดูเหมือนต้องการให้ผู้อื่นทรมานก่อนตายมากพิเศษ ทั้งโหดเหี้ยม ทารุณ และเต็มไปด้วยแรงอาฆาตรสูงมากจนน่าตกใจ แล้วการจะหยุดเขาก็เป็นเรื่องยากเสียด้วย เผลอ ๆ ก็จะโดนลูกหลงเสียอีก อย่างไรก็ตาม ไอดริสไม่ได้บอกเขาทั้งหมดหรอก ไรอันรับรู้เอาไว้ แล้วพอไอริสบอกเขาอีกว่าอย่าไปโกรธใครเขาง่าย ๆ ไรอันก็รับฟังอีก... คงจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่เคยโกรธใครเลยจริง ๆ จัง ๆ ล่ะมั้งนะ บางทีไรอันอาจจะเคยโกรธแล้ว แต่เพราะกดขมมันลงไปได้ เขาก็เลยไม่ได้คิดจริงจังอะไร เขาเชื่อมั่นว่าตัวเองทำตามที่บาสเตียนบอกได้มาเสมอเลยล่ะ... เพราะถ้าไม่ นั่นก็อาจจะกลายเป็นน้องชายที่ไม่ดีเอาได้นี่นา?

                 หากจะบอกว่าไรอันกลายเป็นคนที่ไม่โกรธใครเลยเพราะไอดริสเป็นคนบอกว่าการโกรธมันไม่ดี นั่นก็มีจุดเชื่อมโยงอยู่อีกจุดนะ ...เชื่อไหม ว่าความจริงแล้วตอนที่ไรอันเกิดมาครั้งแรก ๆ สุด เขาไม่ได้ยิ้มเลยด้วยซ้ำ เป็นเด็กหนุ่มที่แสดงอารมณ์ไม่เป็น ดูราวกับคนไร้ชีวิต แต่พอไอดริสที่เป็นคนแรกที่เข้าหาเขา ด้วยความใจดีอ่อนโยน แล้วบอกว่าการเป็นเด็กร่าเริงยิ้มเก่งแถมยังขี้อ้อนก็ดูน่ารักดีออก ไรอันที่รับฟังดังนั้นก็เริ่มเปลี่ยนตัวเองขึ้นมา... ไม่ใช่ว่าเขาตกหลุมรักไอดริสหรอก มันออกจะเป็นรักในเชิงครอบครัว แล้วก็พี่ชายน้องชายมากกว่า ติดที่ว่า... ไรอันน่ะ ดูเป็นคนที่ว่างเปล่า แล้วก็เป็นตัวตนที่สับสนในตัวเองมากเกินไป เสมือนกับเป็นหุ่นยนต์ที่ถูกไอดริสกรอกโปรแกรมเข้ามา แล้วก็จะเป็นแบบนั้นไปเรื่อย ๆ ตามที่อีกฝ่ายบอก โดยที่ก็ไม่รู้แล้วด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นคนยังไงกันแน่ ได้แต่เพียงทำตามไป...จนลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านั้นเขาไม่ใช่คนแบบนี้นี่?

                 เด็กคนนี้น่ะน่าสงสาร... เขาเชื่อว่าความร่าเริงสดใสของตัวเองน่ะ เป็นของจริง แถมเป็นจุดเด่นประจำตัวเลยด้วย ทว่าเขาก็นึกไม่ออกเลย ว่าถ้าไอคริสหรือก็คือบาสเตียนในตอนนั้นไม่ได้บอกให้เขาเป็นคนร่าเริง จนถึงตอนนี้ตัวเขาจะกลายเป็นคนแบบไหนกันแน่ มันยากที่จะช่วยเขาจริง ๆ นะ—ในเมื่อเขาไม่ใช่มนุษย์ด้วยซ้ำ

                 [ เป็นนิสัยคร่าว ๆ ของไรอันนะคะ ไม่ได้เขียนทั้งหมด อย่าแรกคือขี้เกียจ อย่างที่สองคือไม่รู้จะบรรยายออกมายังไงด้วยค่ะ 55555555 เอาไว้ในเนื้อเรื่องจะค่อย ๆ ขยายความนะคะ แต่โดยรวมก็เท่านี้แหละ น้องขี้แย น้องรักคนง่ายแล้วก็อกหักง่าย(?)ประมาณนั้น ส่วนนิสัยหลัง ๆ นี่ปบ่อยเบลอไปก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวงง มันหม่นนิด ๆ ด้วย 5555 ]


    ลักษณะการพูดจา :

                 เสียงของไรอันค่อนข้างทุ้มต่ำติดแหบเล็กน้อย... แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ชอบกดน้ำเสียงของตัวเองให้ดูน่ากลัวอะไรขนาดนั้น กลับกัน ไรอันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เสียอีกที่เสียงของตัวเองเป็นแบบนี้ (ถึงบางคนจะบอกว่ามันดูเท่ดีก็เถอะ แต่ที่เขาไม่ชอบก็เพราะว่ามันไม่น่ารักนี่!) เส้นเสียงของไรอันฟังดูมีดำนาจอย่างน่าประหลาด แต่เขากลับชอบพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงสดใส น้ำเสียงสูงต่ำเป็นไปตามบริยทมากกว่า เพราะแบบนั้นหลาย ๆ คนก็เลยอาจจะไม่ได้สังเกตอะไรกับเส้นเสียงจริง ๆ ของเขาแล้ว ไรอันมักจะใช้สรรพนามแทนตัวเองว่า "ผม" กับทุกคนแบบครอบคลุม และเขาจะเรียกคนอื่น ๆ ว่า "นาย/เธอ/ ตามเพศจิตใจ บ้างก็เป็นคำว่า "คุณ" กับคนที่เพิ่งจะเจอกันใหม่ ๆ 

                 ทว่ามันก็มีบ้างที่เขาจะไปตั้งฉายาแปลก ๆ ให้กับคนอื่นเขา อย่างเช่น "นายคนนิสัยไม่ดี/คุณนางฟ้า/คุณผมแดง" อะไรแบบนั้น เรียกได้ว่าเรียกไปตามลักษณะเด่นหรือความชอบ ความรู้สึกลึก ๆ ในใจเขานั่นแหละ บางครั้งไรอันก็จะเรียกคนอื่นว่า "พี่ชาย/พี่สาว/น้องชาย/น้องสาว" และอื่น ๆ อีกมากมาย เป็นลักษณะที่บ่งบอกถึงสถานะ ซึ่งก็ไม่ได้มีบ่อยนักหรอก แล้วทุก ๆ ครั้งไรอันก็จะพูดจาสุภาพ มีหางเสียงอย่าง "ครับ" เสมอเลยด้วย เว้นแต่คนกันเองที่อาจจะไม่มีแล้ว ทว่าก็ไม่ได้ถึงกับห้วน ๆ จนดูไรมารยาทอะไร

                 ไรอันเป็นพวกที่สนิทกับคนนั้นคนนี้ได้ไวมาก แล้ว...เอาเข้าจริง ๆ ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าใครอายุมากกว่าน้อยกว่า เขานับแค่เวลาบนโลกเท่านั้น ซึ่งเขาก็อายุน้อยกว่าคนหลายคนเลยล่ะ ไรอันไม่ได้ซีเรียสถ้าใครจะเรียกเขาเป็นเด็ก ๆ ไปด้วย เพราะเขาก็ชอบที่จะให้คนอื่นเรียกตัวเองตามสถานะเหมือนกัน อย่างเช่นคำว่าพี่ชายหรือพี่สาวอะไรแบบนี้ มันก็น่ารักดีออกนี่นา

                 example 1 ;


    งานอดิเรก : (ยกตัวอย่างมาเป็นข้อ ๆ เลยก็ได้ค่ะ จะกี่ข้อก็ได้ ใส่มาเลยค่ะ)


    ความสามารถพิเศษ : ไรอันไม่ได้มีความสามารถพิเศษโดดเด่นมากมายอะไร ส่วนมากแล้วก็จะเป็นสกิลติดตัวของพวกราชันซะมากกว่า อย่างพวกการใช้อาวุธ แล้วก็การวิเคราะห์อะไรเทือกนั้น แต่สำหรับไรอันแล้ว เขาไม่ได้มีอะไรที่เก่งเป็นพิเศษ เขาเป็นพวกที่พอได้เรียนรู้หรือรับฟังอะไรเข้าหน่อยแล้วก็ต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะทำได้ แต่ก็มีบางอย่างที่ทำไม่ได้เหมือนกัน ความสามารถพิเศษหลัก ๆ ของไรอันจะตกไปอยู่กับการวิเคระาห์ คำนวณ หรือไม่ก็เชิงวิชาการ ซะส่วนใหญ่ ต่างจากพวกพี่ ๆ ของเขาที่ดูเป็นพวกมีพรสวรรค์ เรียนรู้อะไรแป๊ป ๆ ก็ทำกันได้หมดนั่นแหละ


    สิ่งที่ชอบ :

    ♠ แมลงสาบ ; บาสเตียนเคยบอกว่าเขาเหมือนแมลงสาบ ไรอันก็เลยค่อนข้างชอบแมลงสาบเลย บางทีก็ชอบจับมันนอนหงายแล้วมองมันดิ้นเล่น ๆ ด้วย แต่ไม่ได้ทำบ่อยนักหรอก เดี๋ยวจะกลายเป็นการทรมานสัตว์เอาน่ะสิ สัตว์โลกน่ารักจะตาย (?)

    ♠ บาสเตียน ; ในหมู่ของพี่น้องหรือทุก ๆ คนรอบตัวเขา เขาก็ทั้งชอบแล้วก็รักบาสเตียนที่สุดเลยล่ะ (ชอบในเชิงของพี่น้องหรือครอบครัวคนสำคัญ) ถึงอีกฝ่ายจะค่อนข้างใจร้ายกับเขาก็เถอะ จะเห็นได้ว่าไรอันวอแวอยู่กับบาสเตียนบ่อยที่สุด แต่เพราะอีกฝ่ายชอบเหวี่ยงใส่ก็เลยหันไปหาโอลิเวอร์แทน ทว่าเอาจริง ๆ แล้วเขาก็ชอบบาสเตียนที่สุดนะ ติดที่ว่าอีกฝ่ายไม่ชอบให้เขามาเกาะแกะเป็นเด็ก ๆ นี่สิ เขาก็เลยต้องห่าง ๆ ออกมาบ้าง

    ♠ อีวาน ; ไรอันชอบอีวานก็เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่จิตใจดีมาก ๆ คนหนึ่งนี่ล่ะ (ชอบในเชิงของเพื่อน แล้วก็พี่น้องคนสำคัญ) เขาเจออีวานครั้งแรกในตอนที่เกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย เห็นได้ชัดว่าอีวานไม่ยอมปัดปัญหาให้ใครเลย เขาดูอ่อนโยน ใจดี แล้วก็ยิมยอมรับผิดชอบทุก ๆ อย่าง คิดอยากที่จะช่วยทุกคนจากใจจริง พูดตามตรงแล้วไรอันก็ทั้งสงสารแล้วชอบอีวานตรงที่เป็นคนดีมาตลอดแม้จะถูกรังแกมานับครั้งไม่ถ้วนก็ตาม ถึงปากของไรอันจะบอกว่าเกลียดอีวานก็เถอะ แต่อันนั้นเขาก็แค่วางมาดไปเรื่อยนั่นแหละ เอาจริง ๆ แล้วก็รักมากอยู่นะ

    โอลิเวอร์ ; แน่นอนว่าเหตุผลก็มีอยู่แค่ข้อเดียว... เพราะโอลิเวอร์เรียกเขาว่าพี่ชายไงล่ะ เขาเป็นเด็กที่น่ารัก เชื่อฟัง แล้วก็แทบจะเป็นคนเดียวที่เอาอกเอาใจเขาได้หลายอย่างเลยด้วย ไรอันชอบที่โอลิเวอร์เป็นแบบนี้แหละ

    ♠ เด็ก ๆ ; อาจจะอายุไม่เกินสิบปี เพราะพวกเขาหลอกง่ายดี....เอ่อ ไรอันไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีหรอกนะ ที่ว่าหลอกง่ายในความหมายของไรอันก็มีแค่หลอกให้เรียกเขาว่า 'พี่' หรือ 'ลูกพี่' เท่านั้น ไรอันซื่อ ๆ โง่ ๆ จะตาย เขาไม่ทันได้คิดทำเรื่องเลวร้ายอะไรนอกจากหลอกให้เด็ก ๆ เรียกเขาว่าพี่หรอก

    ฟักทอง ; ไรอันชอบทานฟักทองมาก ๆ ก็เพราะว่ามันอร่อยน่ะสิ แถมมีประโยชน์ด้วยนะ (ถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะไม่ได้ต้องการอาหารมาเสริมภูมิต้านทานอะไรก็เถอะ) ครั้งแรกที่ได้ลองกินคือตอนที่เขายังอายุไม่ถึงสิบขวบด้วยซ้ำ (ตอนนั้นร่างกายของเขาอยู่ในรูปลักษณ์ของเด็กวัย15-16ปีล่ะนะ) บาสเตียนเป็นคนเอามาให้เขากิน แม้ว่าจริง ๆ เจ้าตัวจะซื้อมาเพราะมันลดราคาก็เถอะ แต่นั่นก็กลายเป็นของโปรดของไรอันไปเลยล่ะ

    ลูกอมรสนม ; ได้กินครั้งแรกตอนที่โอลิเวอร์ยื่นให้เขา ตอนนี้โอลิเวอร์อายุได้แค่หกขวบเองล่ะมั้ง แล้วเขาก็ออกจะอดอยากอยู่นิด ๆ ด้วย ต่างจากโอลิเวอร์ที่อยู่กับอิซาเบลล์ที่ซึ่งมีฐานะร่ำรวยอยู่แล้ว โชคดีที่โอลิเวอร์ไม่ใช่เด็กทระนงอะไร มีอะไรก็แบ่งเสมอ โอลิเวอร์แบ่งขนมให้ไรอันตั้งเยอะแยะ แล้วลูกอมรสนมนี่แหละที่เป็นสิ่งที่คว้าใจไรอันไปได้มากที่สุด (?)

    สวนสนุก ; ไรอันชอบความสนุกหลากหลายของที่นั่น ชอบเครื่องเล่นทุกอย่างด้วย และชอบยิ่งกว่าถ้าได้เล่นกับคนอื่น ๆ เพราะถ้าเล่นคนเดียวัมนก็ออกจะเหงา ๆ นิดหน่อยนี่นา... ถึงจะเล่นได้เหมือนกันก็เถอะ แต่บรรยากาศมันไม่เหมือนกันจริง ๆ นี่!

    *ของที่ไรอันชอบมีเยอะมาก ของจุกจิกหรืออะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ชอบแล้ว
    แถมดูท่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แบบไม่หยุดอีกต่างหากนั่น*


    สิ่งที่ไม่ชอบ :

    ♠ เสาไฟฟ้า ; พาลไม่ชอบไปแล้ว เพราะแค่เคยเดินชนอยู่สองสามครั้งแล้วก็ดันไปโทษเสาไฟฟ้าซะอีกแหน่ะ... ทั้ง ๆ ที่มันก็ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย เป็นเขาเองต่างหากที่ซุ่มซ่าม แต่เอาเถอะ ถึงจะไม่ชอบ ไรอันก็ไม่ได้ทำลายข้าวของไปทั่วหรอก เว้นแต่จะเบะปากใส่ทุกทีที่เจอ (?)

    ♠ อีวาน ; ปากก็บอกว่าไม่ชอบอยู่เกือบทุกวัน แต่เอาจริง ๆ แล้วก็ชอบนั่นแหละ... แต่จะว่าไงดี ถ้าพูดถึงส่วนที่ไม่ชอบก็คงเป็นด้านที่ใจดีเกินไปจนถูกเอารัดเอาเปรียบล่ะมั้งนะ ไรอันไม่ได้เกลียดอีวาน แต่แค่เป็นห่วงนั่นแหละ แค่ว่าการแสดงออกของเขา จะดูเหมือนเด็กน้อยที่ไม่ชอบผู้ใหญ่สักคนแค่นั้นเอง

    ♠ ฝนตก ; ใจหนึ่งก็ชอบ แต่อีกใจ พอเห็นความวุ่นวายเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นแล้วก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ หนำซ้ำยังทำให้คนรอบ ๆ ตัวเขาป่วยเอาได้อีก แล้วไรอันก็ไม่ชอบให้ใครป่วยทั้งนั้นล่ะ ถึงแม้ว่าเขาจะตากฝนแล้วไม่เป็นไรก็เถอะ แต่หลัก ๆ แล้วเขาก็เพ่งเล็งความสนใจไปที่คนอื่น ๆ มากกว่าล่ะนะ

    ♠ กระเทียม ; เคยเผลอกินเข้าไปอยู่ แล้วมันก็ไม่อร่อยเลย กลิ่นติดลิ้นมาจนถึงวันรุ่งขึ้นเลยด้วย จากวันนั้นไรอันก็เข็ดจนมาถึงทุกวันนี้จริง ๆ นะนั่น

    *ของที่ไรอันไม่ชอบเองก็มีเยอะมาก ของจุกจิกหรืออะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ดันงี่เง่าไปหมด
    บ้างก็ใช้เหตุผลไร้สาระมาบัง บ้างก็แค่ปิด ๆ บัง ๆ ไปเฉย ๆ ทั้งนี้มันก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ พอ ๆ กับของชอบเลยล่ะ*


    สิ่งที่เกลียด :

    ♠ ไข่มุก ; หมายถึงไข่มุกในชานมไข่มุก จริง ๆ แล้วไรอันก็ชอบไข่มุกนะ แต่จะเกลียดก็ต่อเมื่อเผลอดูดน้ำแรง ๆ แล้วมันพุ่งเข้าคอเขาแค่นั้นแหละ... อืม เหตุผลที่เกลียดก็มีแค่นี้ แล้วเขาก็ยังจะกินต่อไปด้วย เพียงแต่ระวังมากขึ้นเท่านั้นเอง

    ♠ คนที่มาว่าร้ายหรือทำร้ายคนสำคัญของเขา ; ไรอันออกจะไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะ คนพวกนี้ดีแต่จะทำให้เสียสุขภาพจิตด้วย ถ้าเขาไม่ต่อว่ากลับไปก็คงลงบันทุกในใจไปแล้วว่าคนพวกนี้ไม่ควรยุ่ง โดยรวมแล้วไรอันไม่ได้ลงมืออะไรจริงจังนัก แต่ก็ใช่ว่าจะปล่อยให้คนสำคัญของตัวเองถูกแกล้งต่อไปหรอกนะ

    ♠ ผักชี ; มันไม่อร่อยเอาซะเลย กินแล้วก็เบ้หน้า บู้บี้จะร้องไห้เป็นเด็ก ๆ เรียกความน่าหมั่นไส้ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ เขากินครั้งแรกตอนที่บาสเตียนพาเขาไปทานอาหารนอกบ้าน (ครั้งแรกในชีวิต!) แต่แล้วเขาก็พ่นไอ้ผักชนิดนี้ออกมาเพราะไม่ชอบรสชาติของมัน ซ้ำยังโดนบาสเตียนต่อว่าอีก ก็เลย...กลายเป็นว่าพาลเกลียดผักชีไปเลย


    สิ่งที่แพ้ : -


    สิ่งที่กลัว : 

                 การสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป หรือไม่ก็การหมดความหมายของการดำเนินชีวิตต่อไป - ไรอันนั้นเป็นพวกที่ว่าดำเนินชีวิตไปกับผู้คนหลากหลาย รักสนุก และค่อนข้างที่จะยึดติดกับคนรอบ ๆ กาย เดิมทีแล้วเขาก็ไม่ค่อยมีความเป็นตัวของตัวเองเท่าไหร่ หากไม่ถูกชี้นำ ตัวเขาก็คงไม่รู้ว่าควรจะใช้ชีวิตอย่างไรดี ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะอยู่ต่อหรือตาย ๆ ไปซะ ...ไรอันมีสิ่งที่กลัวอยู่หลายอย่าง แต่กลัวมากที่สุดก็คือ การเสียเหตุผลที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ว่าจะคนรอบกายที่เขารัก หรือความเป็นตัวของตัวเองที่ร่าเริงแจ่มใสดังเช่นทุกวันนี้ เขาไม่อยากที่จะหลงลืมความเป็นตัวตนนี้ไป และ...ถ้ามันเกิดขึ้นจริง ๆ ถึงตอนนั้น เขาก็คงกลับไปเป็นคนที่ไร้ชีวิตชีวาอีกครั้ง รอวันที่ตัวเองจะดับสูญไปจริง ๆ เลยล่ะมั้งนะ...


    ประวัติ :

                 ว่ากันว่าราชันแห่งการเยียวยาจะตื่นขึ้นมาบนแท่นหินในสถานพำนัก ซึ่งแท่นหินเหล่านั้นก็จะมีชื่อของราชันผู้นั้นสลักอยู่ ไรอันเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน มีคนบอกเขาว่า สำหรับราชันแห่งการเยียวยาแล้ว ถ้าใครคนใดคนหนึ่งตายไป จะมีอีกคนเข้ามาแทน ซึ่งไรอันก็ดูเหมือนจะมาแทนคนที่ตายไปเสียด้วย... ทุก ๆ คนดูกำลังเศร้าสร้อยกันอยู่ในตอนที่เขาตื่นขึ้นมา

                 มันไม่แปลกอะไรหากว่าพวกเขาจะเศร้า... แต่ไรอันตื่นมาโดยไร้ความทรงจำ และไม่ได้รับการต้อนรับเท่าไหร่ พวกเขาแค่แนะนำตัว แล้วก็อธิบายอะไร ๆ ให้ฟังนิดหน่อย ก่อนจะจากไป นั่นคงจะเรียกว่าเป็นการต้นรับแบบเต็มปากไม่ได้

                 ทว่าไรอันก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับเรื่องนั้น พวกเขาบอกว่าผู้มีดวงตาสีแดงคนก่อนเสียชีวิตไปเพราะความประมาท ส่วนเขาก็เป็นผู้มีดวงตาสีแดงที่เข้ามาแทนที่ ไอดริสหรือก็คือบาสเตียนในชาติก่อนเป็นคนแรกที่เข้ามาคุยกับเขา และคุยยาวไปจนถึงตอนที่ทุกคนแยกย้ายออกไปหมด กระนั้นไอดริสก็ยังอยู่ ผู้มีดวงตาสีฟ้าคนนั้นดูท่าทางจะใส่ใจเขาเป็นพิเศษ น้ำเสียงก็อ่อนโยน แววตาก็อ่อนแสง ท่าทีก็จริงใจ... ทุก ๆ อย่างมันทำให้ไรอันรู้สึกเหมือนกับได้ครอบครัว รู้สึกราวกับได้มีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ

                 อย่างที่รู้กันว่าในตอนนั้นไรอันไม่ค่อยจะมีสีหน้าแบบอื่นเท่าไหร่นอกจากความเรียบเฉย... เป็นราวกับตุ๊กตา ทว่าหลังจากที่คุยกับไอคริส หลังจากที่เจ้าตัวบอกว่าเขาทำแบบไหนแล้วมันจะดี ไรอันก็เริ่มเปลี่ยนตัวเองนับจากนั้น กลายเป็นคนแบบที่เห็นในปัจจุบัน

                 คราแรก ๆ เขาอาจละลเยเรื่องความรู้สึก แล้วก็มนุษยธรรมไปก็จริง แต่พักหลัง ๆ เขาก็เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มามากแล้ว เขาออกจะเป็นเด็กที่น่ารัก เชื่อฟัง แล้วก็รักครอบครัวจะตายไป ข้อเสียก็คงจะ...เป็นเด็กที่ไม่รู้จักตัวเองล่ะมั้งนะ?

                 [ จบไว้เท่านี้ก่อนนะคะ ไว้เจอกันในเรื่องเนาะ หลัก ๆ ก็ประมาณนี้ค่ะ น้องไรอันน่ารักงุ้งงิ้งเพราะคุณพี่เขาบอกว่าดี น้องก็เอ้อ ก็ว่าดีตาม ก็เลยดูเป็นคนที่ไม่ได้เป็นตัวของตัวเองเท่าไหร่อะไรแบบนั้นค่ะ! ]


    ข้อมูลเพิ่มเติม : 

    ♠ จริง ๆ แล้วยังมีผู้คนที่ไรอันชอบอยู่มากมาย แต่หลัก ๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่แล้วเขาก็ไปมาหาสู่บ่อย ๆ ก็คืออีวานและบาสเตียน แล้วก็โอลิเวอร์ (ที่เพิ่งจะโต) ยังไม่นับรวมอิซาเบลล์ คาลอส หรือคนอื่น ๆ อีกเยอะแยะ เขาชอบคนได้ง่ายมาก ถ้าคนคนนั้นไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แต่จะชอบมากหรือน้อยก็อีกเรื่องนึง

    ♠ ถึงจะบอกว่าไรอันซื่อ ๆ โง่ ๆ ก็เถอะ แต่ในปัจจุบันนี้เขาก็รู้ผิดชอบชั่วดีเยอะมากแล้ว พื้นฐานเขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรด้วย เขาก็เลยไม่ได้ก่อเรื่องอะไรทั้งสิ้น ต่อให้อยู่คนเดียวแบบไม่มีใครสั่งก็เถอะ

    ♠ ในปัจจุบันไรอันก็รู้จักมนุษยธรรมามาเยอะแล้ว เมื่อก่อนอาจไม่ค่อยรู้ แต่ตอนนี้ก็รู้เยอะพอที่จะเสียใจกับการลาจากของใครต่อใครแล้วด้วย แต่ถึงจะรู้จักมนุษยธรรม... บางครั้งไรอันก็ไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์บางประการของมนุษย์อยู่ดี แอบบ่นอุบอิบเบา ๆ อยู่เรื่อย ว่ามนุษย์น่ะเข้าใจยาก

    ♠  อันนี้เสริมหน่อยค่ะ คือมองเมจไรอันแล้วรู้สึกภูมิใจมาก น้องโตมาอย่างมีคุณภาพจริง ๆ หล่อไม่ไหว น่ารักอีกต่างหาก โอดโอย (?) ใครที่คิดจะทำน้องนี่ต้องตีแล้วนะคะ ปล่อยไว้ไม่ได้ 55555555

    ♠ คำนิยามสำหรับตัวไรอันโนจะขอเขียนเอาไว้ตรงนี้นะคะ

                 คำนิยามของไรอันที่โนคิดไว้ก็คือ "ซาก" หรือ "เศษซาก" นั่นเองค่ะ เหตุผลที่เป็นคำพวกนี้ก็คือตามนิสัยช่วงท้าย ๆ ของน้องเลยค่ะ การที่น้องเหมือนกับจะรับฟังบาสเตียนมาว่าการเป็นคนที่ออดอ้อน ง้องแง้งน่ารักน่ะมันดี เขาก็เลยเป็นแบบนั้นตาม ๆ ไป ใครบอกอะไรก็ทำไปหมดด้วย (แต่ก็ต้องเป็นคนรู้จักอะไรประมาณนั้น) นั่นแหละค่ะ ด้วยความที่ใครบอกอะไรไรอันก็ทำตาม ๆ ไป โนก็เลยเปรียบให้น้องเป็นเหมือนกับเศษซาก หรือเศษชิ้นเนื้อ ที่ถูกหั่นแล้ว รูปทรงที่หั่นก็จะเป็นไปตามผู้หั่นหรือผู้ถือมีดอะไรแบบนั้น ซึ่งผู้ถือมีดก็เปรียบเหมือนกับผู้สั่งนั่นแหละค่ะ พอชิ้นเนื้อถูกหั่นออกเป็นชิ้น ๆ แล้ว มันก็จะเป็นไปตามรูปทรงที่เราต้องการถูกไหมคะ แต่พอเวลาผ่านไป ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรกับมันอีก ปล่อยทิ้งไว้เฉย ๆ มันก็จะกลายเป็นซากเนื้อเน่าหนอน ไม่นานก็สลายหายไป ไม่นานก็ถูกกัดกินโดยแบคทีเรียหรืออะไรก็ตาม กลับกัน ถ้าไม่ได้ถูกทิ้งไว้แล้วถูกนำไปปรุงอาหารแล้วนำมากิน ยังไงมันก็ต้องถูกบดขยี้อยู่ในปากของใครสักคน ซึ่งถ้าไม่อร่อย เขาก็จะคายออกมากลายเป็นเศษซากอาหารได้เหมือนกัน แต่ถ้าอร่อย เขาก็จะกลืนลงไป ก็จะกลายเป็นการย่อยสลาย การหายไป ถูกกลืนลงไปอะไรแบบนั้นค่ะ งงมั้ยคะ 5555555555555555555555

                 นิยามมันดูเหมือนกับว่าจะทางใดเศษซากเหล่านั้นก็ดูย่ำแย่ ยังไงก็ต้องตาย ยังไงก็ต้องกายไปทั้งนั้นเลย แต่อย่าเพิ่งตกใจไปค่ะ เศษซากในที่นี้ไม่ได้หมายถึงอาหารเพียงอย่างเดียว กลับกันอีกที หากว่าเศษซากนั่นคือแร่ ทองคำ หรืออัญมณีที่กร่อนตัวลงแล้ว แต่มันก็ยังมีราคา มีค่าอยู่ดีตราบใดที่มันยังอยู่ ตราบใดที่เนื้อแท้หรือก็คือตัวตนมันยังอยู่ ตราบใดที่เนื้อแท้ของมันยังเป็นแบบเดิมไม่ได้ว่าอยู่ดี ๆ ก็เปลี่ยนจากทองคำเป็นพลาสติก ยังไงมันก็มีค่า คุณค่าของมันยังมีอยู่ให้เห็นอย่างแน่นอน ซึ่ง ถ้าเปรียบว่าเป็นศเศษซากอย่างทองคำ อัญมณีหรือแร่พวกนี้ ก็เหมือน ๆ กับว่า ต่อให้ถูกกลับฝัง ต่อให้รูปร่างของมันถูกกร่อนจนเปลี่ยนรูปทรงไปบ้าง ถึงยังไงเนื้อแท้ของมันก็คือตัวมันเองอยู่ดี สรุปง่าย ๆ ก็คือว่าตัวไรอันก็เป็นเหมือนกับเศษซากจริง ๆ นั่นแหละค่ะ เพียงแต่เขาอยากจะให้ตัวเองเป็นเศษซากอะไรเท่านั้นเอง เศษซากชิ้นเนื้อที่สุดท้ายแล้วมีแต่จุดจบ หรือเศษซากแร่ ทองคำ ที่ท้ายที่สุดแล้ว ตัวตนของมันก็ยังอยู่ และเป็นตัวของตัวเองให้ผู้อื่นประจักษ์ว่ามันคือตัวมัน (อารมณ์เหมือนเหมือนเห็นทองน่ะค่ะ ทองก่อนเล็กกับก้อนใหญ่มันก็ทองเหมือนกันแหละ ทั้งนี้ที่เปรียบก็คือ ต่อให้ทองก้อนนั้นเล็กแค่ไหน ยังไงใครเขาก็มองออกแหละว่ามันคือทอง มองออกว่ามันคือตัวมัน ไม่ได้มองทองเป็นก้อนสายไหม(?)) ด้วยความที่ไรอันทำตามที่คนอื่น(คนรู้จัก)บอกเสมอ ก็เลยเปรียบได้กับเนื้อที่ถูกหั่น หรือแร่และอัญมณีที่ถูกกัดกร่อนนั่นเองค่ะ สุดท้ายแล้วมันอาจจะกลายเป็นเศษซาก แต่จะเเป็นเศษซากแบบไหนนั่นเอง เป็นคำนิยามที่ดูเข้าใจยากนิดนึง แง้ ขอโทษนะคะ ;;w;; จริง ๆ ชิ้นเนื้อกับอัญมณีมันก็ไม่ใช่ซากจริง ๆ จัง ๆ ด้วย แต่เพราะถ้าถูกกัดกิน ถูกกัดกร่อน มันก็อาจจะเสียรูปทรงไป เสียความเป็นตัวเองไปบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ ก็เลยเรียกว่าซากนั่นเองค่า แฮะ ๆ


    ______________________________________________________________________________

    〖 INTERVIEW 〗

                ภายในห้องโถงนั้นเงียบสงัด—ซึ่งไรอันมาที่นี่เพราะถูกเรียกตัวมาโดยบุคคลในข้าราชการคนหนึ่ง แต่แล้วเจ้าตัวกลับจำต้องนั่งรออยู่ภายในห้องโถงรับรองอยู่นานกว่าสองชั่วโมงแล้ว มันทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่ายนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้โวยวายหรือแสดงท่าทีว่าไม่พอใจอะไร เพียงแต่เขาก็หาอะไรทำด้วยการเดินเล่นวนไปวนมาอยู่พักใหญ่ ๆ เลยล่ะ กระทั่งร่างของชายหนุ่มคนหนึ่ง เดินเข้ามาเพียงตัวคนเดียว สีหน้าของเขาเรียบเฉย และดูไม่น่าเป็นมิตรเสียเท่าไหร่ แต่เจ้าตัวก็ยังเอ่ยทักทายตามมารยาทหลังจากที่นั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามแล้ว

                “…ขอโทษที พอดีว่าคนที่จะมาสัมภาษณ์คุณจริง ๆ น่ะไม่ว่าง ผมก็เลยต้องมาแทน เอาเป็นว่าเราเริ่มกันตอนนี้เลยแล้วกัน ไม่ต้องย้ายที่ไปไหนแล้ว” เขาคนนั้น มีเรือนผมสีแดงเพลิง เข้าคู่กับดวงตาสีแสดที่แสนจะโดดเด่น แต่ก็น่ากลัว ผมชื่อลูคัสนะ ยินดีที่ได้รู้จัก แล้วคุณล่ะ ช่วยแนะนำตัวหน่อยได้ไหม?”

                [คำตอบ]

                “อืม…” ลูคัสลากเสียงอยู่ในลำคอ เป็นชื่อที่ดีนี่ มีความหมายรึเปล่าครับ มันแปลว่าอะไรล่ะ?”

                [คำตอบ]

                ชายหนุ่มยกยิ้ม ก่อนจะพยักหน้าน้อย ๆ เป็นเชิงรับรู้ ผมชอบนะ” เขาเอนหลังพิงพนักโซฟา ก่อนจะยกขาขึ้นมาไขว้ทับกับขาอีกข้าง นั่งไขว่ห้างพร้อมกับวางแขนพาดลงบนขอบบนของโซฟา โอเค… งั้นคำถามต่อไป คุณคิดยังไงกับโลกที่เป็นอยู่นี้ ผมกำลังหมายถึง… โลกที่เรากลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้ง ระหว่างมอร์บิด อมตะชน และมนุษย์ ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนเราเคยทำสงครามต่อกันมายาวนาน คุณคิดว่า มันดีอยู่แล้ว หรือสมควรได้รับการเปลี่ยนแปลงกันล่ะ?”

                [คำตอบ]

                “…งั้นเหรอ นั่นคือคำตอบของคุณสินะ” ลูคัสแค่นหัวเราะ ก่อนจะวาดมือไปกลางอากาศ ทำราวกับกำลังหยิบจับบางอบ่าง แล้วเสี้ยววินาที ก็มีแก้วไวน์ที่บรรจุของเหลวสีเข้มปรากฏขึ้นมาอยู่ในมือของเขา แล้วคุณคิดยังไงกับพวกราชันล่ะ ทั้งราชันแห่งการทำลาย และราชันแห่งการเยี่ยวยา ถึงแม้บนโลกจะไม่ค่อยรู้รายละเอียดด้านนี้นัก แต่ผมว่า พวกคุณก็น่าจะเคยได้ยิน และเคยเห็นตัวอย่างมาบ้างนะ” ไม่ว่าเปล่า เขายังกระดกของเหลวภายในนั้นดื่มสองสามอึก ปล่อยให้อีกฝ่ายนั่งขมวดคิ้วรอ ก่อนจะเอ่ยต่อ อีวาน… อีวานและบาสเตียน สองคนนั้นน่ะเป็นราชัน และผมอยากจะรู้ว่า พวกคุณคิดยังไงกับพลังอำนาจของราชันเหรอครับ มองว่ามันน่าอิจฉา หรือน่ากลัวกันแน่?”

                [คำตอบ]

                “โอ้… ผมล่ะชอบคำตอบของคุณจัง” ลูคัสกล่าว ก่อนจะวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะด้านหน้า ขยับตัวโน้มเข้ามาเล็กน้อย จากนั้นก็เปรยขึ้นมาอีกครั้ง เอาล่ะ… กระดาษแผ่นนี้เป็นแบบทดสอบที่อวาลอนฝากผมมา เธอไม่ว่าง แต่ก็อยากรู้จักทุก ๆ คนให้ดีที่สุด

                คำพูดแสนประหลาดนั้น ดำเนินมาพร้อมกับการปรากฏของกระดาษสีขาวในความวางเปล่า ก่อนที่มันจะร่วงแหมะลงบนตักของคู่สนทนา (ชื่อตัวละคร)หยิบมันขึ้นมา ก่อนจะขมวดคิ้ว เมื่อเห็นว่า บนกระดาษนั่น มีข้อความอยู่แค่ไม่กี่ข้อความ

                เลือกมาสิ จะวงกลม หรือขีดเส้นใต้ก็ได้ เลือกมาจากหนึ่งในสามเท่านั้นนะ” ลูคัสอธิบาย ก่อนจะส่งปากกาให้ ทำให้(ชื่อตัวละครตั้งก้มหน้าก้มตาทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้

                ซึ่งคำตอบของเขาก็คือ

     

    1. ผู้ทำลาย / ผู้รักษา / ผู้สร้าง 

                1.1 สำหรับผู้ทำลาย ให้เลือกข้อดังต่อไปนี้ คมดาบ / กระบอกปืน / ขวากหนาม / เชือก

                1.2 สำหรับผู้รักษา ให้เลือกข้อดังต่อไปนี้ ห้องขัง / ผืนผ้า / รองเท้า / ดอกไม้

                1.3 สำหรับผู้สร้าง ให้เลือกข้อดังต่อไปนี้ เมล็ดพืช / สายน้ำ / ผืนดิน / ท้องฟ้า

    2. ความรัก / ความตาย / ความชิงชัง

                2.1 สำหรับความรัก ให้เลือกข้อดังต่อไปนี้ ความโดดเดี่ยว / การพึ่งพิง / แรงผลักดัน / ผู้เฝ้ามอง

                2.2 สำหรับความตาย ให้เลือกข้อดังต่อไปนี้  เงินทอง / อำนาจ / คำเยินยอ / ความทระนงตน

                2.3 สำหรับความชิงชัง ให้เลือกข้อดังต่อไปนี้ เถ้าถ่าน / ซากศพ / อนุสาวรีย์ / ความอยู่รอด

    3. อิสรภาพ / อำนาจ / ความพ่ายแพ้

                3.1 สำหรับอิสรภาพ ให้เลือกข้อดังต่อไปนี้ ทุ่งดอกไม้ / สายลม / หมู่บ้าน / ลานน้ำแข็ง

                3.2 สำหรับอำนาจ ให้เลือกข้อดังต่อไปนี้ กระดานหมาก / ตรวนโซ่ / กรงขัง / ทหารรบ

                3.3 สำหรับความพ่ายแพ้ ให้เลือกข้อดังต่อไปนี้ หลุมศพ / ความอับอาย / ความภาคภูมิ / การหลบหนี

    4. ภัยพิบัติ / ตราบาป / การสังเวยชีวา

                4.1 สำหรับภัยพิบัติ ให้เลือกข้อดังต่อไปนี้ ไฟ / ลม / น้ำ / พสุธา

                4.2 สำหรับตราบาป ให้เลือกข้อดังต่อไปนี้ รอยยิ้ม / น้ำตา / เสียงหัวเราะ / ความเงียบงัน

                4.3 สำหรับการสังเวยชีวา ให้เลือกข้อดังต่อไปนี้ จอก / กระดาษ / น้ำหมึก / ดวงตา

    5. สายลมกรรโชก / แสงเทียน / ความมืด

                5.1 สำหรับสายลมกรรโชก ให้เลือกข้อดังต่อไปนี้ ความหลงใหล / ความเสียใจ / ความคลุ้มคลั่ง / ความมีเมตตา

                5.2 สำหรับแสงเทียน ให้เลือกข้อดังต่อไปนี้ ปีก / สองขา / ครีบ / สองมือ

                5.3 สำหรับความความมืด ให้เลือกข้อดังต่อไปนี้ สัตว์ร้าย / นักฆ่า / ภูตผี / การสาปแช่ง

    6. ชีวิต

                การอยู่รอด - โชคชะตา - การดิ้นรน - ความทุกข์ทรมาน

    7. ปัญหา

                แก้แค้น - เก็บงำ - พึ่งพิง - ปล่อยวาง

    8. ใคร?

                ผู้ฆ่า - ผู้เก็บกวาด - ผู้เฝ้ามอง - ผู้ปกป้อง

    9. สนามรบ

                กษัตริย์ - อัศวิน  - ขุนนาง - ชาวบ้าน

    10. ผู้ชี้นำ

                ความปั่นป่วน - ความหวัง - ความสิ้นหวัง - ความจริง

                มีอะไรจะบอกกับฉัน หรือมีความคิดเห็นอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำถามที่ได้ให้เลือกคำตอบไหมคะ? : พี่สาวครับ เอาจริง ๆ ถ้าอยากคุยกับผมล่ะก็ มาคุยต่อหน้าเลยก็ได้นะ ผมรู้สึกกลัว ๆ ยังไงก็ไม่รู้สิที่พี่ให้ผมมาตอบคำถามอะไรแบบนี้น่ะ เฮ้ ๆๆ แล้วก็นะ พี่รู้รึเปล่าว่าพี่ลูคัสข่มขู่ผมอีกแล้ว พี่ต้องจัดการนะ จัดการด้วยนะครับ จัดการเลย!!

     

                ลูคัสรับกระดาษแผ่นเดิมที่ถูกวาดเขียนคำตอบมาแล้ว ก่อนจะกวาดสายตามองแบบลวก ๆ ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ไล่มองอย่างละเอียดอีกครั้ง รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของชายหนุ่ม พร้อมกับริมฝีปากของเขาที่เผยขึ้น

                โอเค… ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ” เขาลดกระดาษแผ่นนั้นลง อืม… แต่อันนี้ผมขอถามเป็นการส่วนตัวเลยนะครับ ระหว่าง… กระดาษ ปากกา กับผู้เขียน คุณจะเลือกอะไรเหรอครับ?”

                [คำตอบ]

                “โอ้…” ดวงตาสีแสดเบิกขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่เสียงหัวเราะจะถูกขลับออกมาเบา ๆ ฮะ ๆ ผมว่าผมชอบคุณนะ” รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา ยามที่เขาเอ่ยต่อ เอาล่ะ ใกล้จะจบแล้วครับ ผมอยากรู้ว่า คุณคิดยังไงกับจักรพรรดิแห่งเนอาเดียฟอร์ราคนปัจจุบันเหรอ ชอบ หรือเกลียดเขา อยากให้เขาตาย ๆ ไปซะ หรือมีชีวิตอยู่ต่อไปดีล่ะ?” ลูคัสกระแอม อ๊ะ ใช่ ผมกำลังพูดถึงอีวานคนนั้นนั่นแหละ แต่ผมก็อยากรู้ด้วยนะ ว่าคุณคิดยังไงกับลูกชายคนโตของเขา—โอลิเวอร์น่ะ

                [คำตอบ]

                “โอเค… โอเคครับทราบแล้ว” ลูคัสผงกหัวเล็กน้อย เอาล่ะ งั้นการสัมภาษณ์ก็คงจบลงแค่นี้ เอาไว้เจอกันใหม่นะครับ ถ้ามีโอกาส แต่เอาจริง ๆ ผมไม่ได้อยากเจอคุณหรอก

                ลูคัสปล่อยให้อีกฝ่ายลุกขึ้น และเดินออกไปจากห้องได้ ถึงแม้คำพูดของเขามันจะน่าเตะปากไปสักหน่อยก็เถอะ

                [คำตอบ]

                อ๊ะ เดี๋ยวก่อนครับ” ลูคัสขานเรียกคนที่กำลังเดินออกไปจากห้องให้หันกลับมาอีกครั้ง ก่อนจะยิ้ม เมื่ออีกฝ่ายยอมหันมาแต่โดยดี

                [คำตอบ]

                “หยอกเล่นน่ะ… จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรแล้วล่ะครับ การสัมภาษณ์นี่ก็ไม่ได้สำคัญอะไร แค่ผมลืมบอกคุณไปน่ะ” ลูคัสลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินเข้าไปหาคู่สนทนาในระยะประชิด—ชนิดที่ว่าลมหายใจเป่ารดกันเลยล่ะ โชคดีนะครับ กลับบ้านดี ๆ ล่ะ แล้วต่อจากนี้ก็ใช้ชีวิตดี ๆ ด้วยนะ ระวังจะตายเอานะครับ ผมรักคุณนะ

                [คำตอบ]

                หลังจากที่อีกฝ่ายจากไปแล้ว ชายหนุ่มก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เฝ้ามองประตูบานเดิมที่ปิดสนิทอยู่แบบนั้น…. เนิ่นนาน


    ______________________________________________________________________________

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×