ขึ้นชื่อว่าโรคแน่นอนว่าต้องมีทางรักษา คุณหมอที่ดูแลพวกผมกำลังทำวิจัยเรื่องนี้กันอยู่ ตอนนี้จึงมีเพียงแค่ยาที่ช่วยยับยั้งอาการกำเริบเท่านั้น ต้นเหตุของโรคนี้คุณหมอสันนิษฐานไว้ว่าน่าจะมาจากที่พวกผมเกิดมาโดยใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์ แต่ใช่ว่าจะเป็นทุกคน พวกผมแค่โชคร้ายถึงขีดสุดล่ะมั้ง
“ถ้าอาการมันกำเริบ ซานจะมาโผล่ให้มึงเห็นอยู่ตรงนี้มั้ย” เขาว่าคนเป็นฝาแฝดมักจะรู้ใจกันเห็นทีคงใช่เรื่องจริง เพราะผมตั้งใจจะพูดแบบนั้นอยู่เหมือนกัน ถือว่าเวลานี้ซีนทำตัวเป็นน้องที่ดี
“กวนตีนทั้งพี่ทั้งน้อง แล้วอีกตัวหายไปไหนล่ะ”
“ไปสนามบินแล้ว แซ้งค์มันต้องไปดูสนามแข่งที่จีน” ผมตอบกลับไป จำได้ว่าเมื่อเช้ามันบอกเอาไว้แบบนั้น สำหรับพวกผมเวลาใครจะไปไหนมาไหนไม่จำเป็นต้องแห่กันไปรับไปส่งหรอก "แล้วนี่มึงมาทำอะไรดึกๆ ดื่นๆ”
“ก็มาคุยกับซีนเรื่องคดีของมึงนี่แหละ แล้วจำได้หรือยังว่าวันที่มึงรถคว่ำเกิดอะไรขึ้น” เสือเป็นคนรับคดีนี้ไปสืบเอง ทว่าผมกลับให้ความร่วมมือไม่ได้นัก เนื่องจากว่าจำเหตุการณ์วันนั้นไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว พอนึกทีไรก็นึกไม่ออก หนำซ้ำยังปวดหัวจนต้องจำใจเลิกคิด
“ยัง” ผมตอบไปตามความจริง ก่อนจะทรุดกายนั่งลงยังโซฟาเดี่ยว
“แล้วแฟนมึงล่ะ จำได้มั้ย”
“ยัง” ผมยังคงตอบด้วยถ้อยคำเดิมๆ ก็คนมันนึกไม่ออกจะให้เค้นเอาความจริงมาจากไหน
“มึงถามมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก” ลมหายใจถูกผ่อนออกมาเฮือกใหญ่อย่างเอือมระอา “ว่าแต่ตามหาแฟนมันเจอหรือยัง”
“ยัง” คำตอบของเสือไม่ได้แตกต่างไปจากผมสักนิดเดียว ทุกคนย่อมมีเรื่องที่ไม่รู้กันหมดแหละ เรื่องพวกนี้มันต้องใช้เวลา
“งั้นมึงไปอยู่ด้วยกันสองคนเลยไป ถามอะไรก็ไม่รู้สักอย่าง” เป็นซีนที่บ่นอุบ สีหน้าของมันฉายชัดถึงความเบื่อหน่ายพวกผมสองคนเต็มทน “มีอะไรจะคุยกับกูอีกมั้ย หรือแค่นี้”
“จริงๆ ก็มีอีกเรื่อง แต่เกี่ยวกับกู” พูดพร้อมหลบสายตา สีหน้าและท่าทางแบบนั้นค่อนข้างแปลกตาไปมากเลยทีเดียว “ปกติแล้วพวกมึงจีบผู้หญิงกันยังไงวะ”
“อะไรของมึงวะ” ผมกับซีนโพล่งถามขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนจะหัวเราะเสียงดังลั่น
เสือมันเก่งทุกเรื่อง ไม่คาดคิดเลยว่าเรื่องจีบผู้หญิงจะอ่อนด้อยขนาดนี้ นี่คงเป็นเหตุผลที่มันไม่มีแฟนสักทีสินะ วันๆ หมกมุ่นอยู่แต่กับงานสนใจอะไรใครที่ไหน หนำซ้ำพอเจอคนที่ถูกใจดันจีบไม่เป็นอีก
“หัวเราะกันพอใจหรือยัง” คำถามนั้นมาพร้อมกับน้ำเสียงขุ่นมัวอย่างไม่สบอารมณ์
จะมาโทษพวกผมไม่ได้ที่เป็นแบบนี้ มันต่างหากล่ะที่ทำให้พวกผมเก็บอาการไม่อยู่
“ยัง” ประสานเสียงพร้อมกันกับซีน ยิ่งเห็นใบหูที่เริ่มแดงก่ำ พวกผมก็ยิ่งหัวเราะหนักกว่าเดิม
บุญตาเหลือเกินที่ได้เห็น ผมล่ะอยากจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาอัดคลิปแล้วส่งเข้ากลุ่มซะจริงๆ
“กูไม่น่ามาถามพวกมึงเลย” ตัดพ้อเพียงเท่านั้นเสือก็ทำท่าจะลุกขึ้นยืนเพื่อเดินหนีไปจากตรงนี้
“เดี๋ยว” ผมรีบดึงแขนมันเอาไว้ได้อย่างทันท่วงที “ไหนเล่ามาว่าผู้หญิงที่โชคร้ายคนนั้นเป็นใคร”
“เออ” ผมตอบรับ กระนั้นก็ยังเผลอหลุดยิ้ม ตอนนี้หางตาเปียกชื้นอันเนื่องมาจากหัวเราะจนเกินเหตุ
บอกตามจริงว่าไม่เคยมีเรื่องไหนที่ทำให้ผมขำขันจนเสียอาการขนาดนี้เลย…
“วันนี้กูลงพื้นที่แล้วดันไปเจอผู้หญิงคนหนึ่ง คิดว่าน่าจะรุ่นเดียวกับน้องเรย์”
“รักแรกพบหรือไงวะ ปกติไม่เคยเห็นมึงสนใจใคร” ซีนย้อนถามกลับไปเมื่อได้ยินคำบอกเล่าจากปากเสือ
“รักแรกพบหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่รู้คือขามึงก้าวเข้าคุกครึ่งหนึ่งแล้วนะ” ตอนที่เจย์บอกว่าชอบน้องเรย์เสือยังเตือนเรื่องพรากผู้เยาว์อยู่เลย แล้วไหงผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ดันเป็นซะเอง
“บางทีผู้หญิงคนนั้นอาจจะไม่เป็นผู้เยาว์แล้วก็ได้นะเว้ย” เรื่องเข้าข้างตัวเองนี่ขอให้บอก แถไปเรื่อย
“ก็แค่อาจจะ” ซีนพูดแบบนี้ก็แสดงว่ามันคิดแบบเดียวกับผม
“ทำไมวันนี้มึงเข้าข้างกูดีจังวะน้องรัก” หยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วย้ายตัวไปนั่งลงด้านข้างน้องชายฝาแฝด พร้อมตวัดวงแขนกอดรอบต้นคอ
“ขนลุก อาการมึงกำเริบหรือเปล่าเนี่ย ไปไกลๆ เลย” ซีนแสดงท่าทางออกมาราวกับรังเกียจผมอย่างไรอย่างนั้น
ทีพี่ล่ะผลักไส พอเป็นผู้หญิงกลับระริกระรี้ ไอ้น้องเวร…
********************100%*********************
คำเตือน: หากนิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งที่ไม่เหมาะสม ได้โปรดขอความร่วมมือให้ทุกคนใช้วิจารณญาณในการอ่าน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในนิยายเรื่องนี้ล้วนเป็นเพียงการแต่งเติมเพื่อเพิ่มอรรถรสในจินตนาการของผู้เขียน อะไรที่ไม่เหมาะสมอย่าได้ลอกเลียนแบบและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันโดยเด็ดขาด วอนน้องๆ หนูๆ ที่อายุยังไม่ถึง 18 ให้ตั้งสติก่อนสตาร์ทนะคะหนู
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย