ตอนที่ 9 : เป็นแฟนคนเถื่อน : 7
เป็นแฟนคนเถื่อน : 7
Rach Part :
“ไหนใครบอกจะไปหาไอริสนะ?” เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นข้างหูปลุกให้ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล
“รุต ไปตอนบ่ายนะ” ผมฝืนลืมตาขึ้นมองหน้าของมารุตแล้วก็หลุดเบ้หน้าออกมาเมื่อขยับตัวแล้วช่องทางด้านหลังมันเสียดสีกันทำเอาเจ็บแปลบ
“ครับ ผมซื้อโจ๊กกับน้ำเต้าหู้มา” แอบแปลกใจนิดหน่อยที่อีกฝ่ายตื่นเช้าขนาดนี้
“กินแค่น้ำเต้าหู้แล้วนอนต่อได้ไหม?” ถึงมื้อเช้าจะเป็นมื้อที่สำคัญ แต่ผมก็ง่วงเกินกว่าจะนั่งกินมื้อเช้า ให้ผมนอนเถอะนะ
“ก็ได้ครับ แต่ต้องกินให้หมดนะ” มารุตยอมตามใจ ซึ่งเขาก็ไม่เคยขัดใจผมอยู่แล้ว และเหมือนมารุตจะเตรียมตัวมาอย่างดี เขาส่งแก้วน้ำเต้าหู้ไม่ใส่เครื่องมาให้ผมถึงที่เตียงนอน
“อื้อ” ผมก้มมองปริมาณของน้ำเต้าหู้แล้วก็ถอนหายใจออกมา เยอะพอสมควรเลย ผมนั่งดื่มน้ำเต้าหู้โดยมีมารุตนั่งกินข้าวเหนียวหมูปิ้งอยู่ข้าง ๆ กลิ่นหมูปิ้งก็ลอยตลบอบอวลไปหมด พอกินเสร็จมารุตก็ลุกไปหยิบสเปรย์ปรับอากาศมาฉีดภายในห้อง แล้วเขาก็ทำท่าจะเดินออกไปจากห้องนอน
“จะไปไหน?” ผมรีบคว้าแขนเรียวยาวเอาไว้แน่นจนอีกฝ่ายชะงักหันมามองด้วยสีหน้างุนงง
“เอาขยะไปทิ้ง” เขาชูถุงข้าวเหนียวที่เพิ่งกินหมดไปเมื่อกี้ให้ผมดู
“ค่อยทิ้ง มานอนก่อน” ผมมองถุงขยะในมือมารุตแล้วก็แอบขัดใจนิด ๆ ไม่เห็นต้องรีบไปทิ้งเลย ค่อยไปทิ้งก็ได้
“แหน๊! อยากให้ผมนอนกอดล่ะสิ” เขาเอ่ยล้อเลียนออกมาด้วยท่าทางทะเล้น
“อื้อ มากอดเร็ว ๆ” ผมพยักหน้ารับเบา ๆ แล้วกระตุกข้อมือหนาให้ขยับเดินเข้ามาหาผม พอมารุตเดินเข้ามาใกล้ผมก็ขยับไปกอดแขนแกร่งเอาไว้ทันที
“คุณ! ใจบางว่ะ” มารุตที่เห็นท่าทางของผมก็ชะงักมองตาโต ผมล้มตัวนอนลงบนเตียงแล้วดึงให้เขานั่งลงข้างกัน มารุตยอมทำตามอย่างว่าง่าย เขานั่งลงบนเตียงก่อนจะเอนตัวนอนลงมา
“เด็กน้อย~” ผมนอนตะแคงหันไปทางเขา ยกมือขึ้นลูบหัวอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู มารุตเวลาที่ว่านอนสอนง่ายแบบนี้น่ารักมาก ๆ เลยล่ะครับ
“เดี๋ยวจะโดน” เขาตีหน้าดุ แต่มันไม่ได้น่ากลัวในสายตาผมเลย มารุตในตอนนี้ไม่ใช่เจ้าหมาป่าตัวร้ายแบบเมื่อวานแล้ว ตอนนี้เขากลับมาเป็นเจ้าลูกหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์เหมือนเดิมแล้ว แต่ขอแอบกระซิบหน่อยว่าผมก็ชอบมารุตที่เป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์เหมือนกันนะ
“ที่รักครับ~” เสียงร้องเรียกที่ดังมาจากข้างนอกทำเอาผมที่กำลังจะหันไปหยิบเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ถึงกับชะงัก เหมือนเดจาวูเลย มารุตต้องร้องหาผมแบบนี้ทุกวัน
“รุต เราอยู่ในห้องน้ำ” ผมตะโกนตอบกลับไปพร้อมหยิบกางเกงขึ้นมาสวม
“อาบน้ำเหรอ?” มารุตเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“แต่งตัวอยู่” ผมตอบกลับไป มือก็รีบเร่งในการแต่งตัว ไม่นานผมก็จัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อย
“ทำไมไม่ออกมาแต่งข้างนอก” เปิดประตูออกมาก็เจอมารุตยืนอยู่หน้าห้องน้ำ ตกใจหมดเลย
“จะแอบดูเหรอ?” ผมหรี่ตามองอย่างจับผิด
“อือ อยากดู” เขาพยักหน้ารับเบา ๆ ด้วยใบหน้าซื่อ ๆ
“ดูอะไร? เห็นหมดแล้วไม่ใช่เหรอ?” ผมขมวดคิ้วน้อย ๆ ด้วยความสงสัย เห็นกันมาหมดทุกซอกทุกมุมแล้วยังจะอยากดูอะไรอีก แล้วทำไมผมถึงได้มาพูดเรื่องน่าอายได้หน้าตาเฉยแบบนี้นะ
“อยากดูอีก เซ็กซี่ดี” เขาพูดพร้อมกระตุกยิ้มที่มุมปาก หน้าตาดูเจ้าเล่ห์แสนกล
“ทะลึ่ง” ผมยกมือตีไหล่หนาไปที พูดออกมาได้นะ
“ตัวเองพูดเองแท้ ๆ ยังมีหน้ามาว่าคนอื่นอีก” อีกฝ่ายว่ากลั้วเสียงหัวเราะ มือใหญ่ยกขึ้นมาบีบแก้มผมแรง ๆ คล้ายมันเขี้ยว
“อยากไปหาไอริสแล้ว” ผมเบ้หน้าเมื่อถูกแกล้ง พยายามจะเอนตัวหนีแต่ก็ถูกอีกฝ่ายรั้งไว้
“เร็กซ์บอกให้ซื้อของเข้าไปกินที่สนามด้วยเดี๋ยวเบิกเงินกับมาวิน”
“น่าสงสารพี่มาวิน” อะไรที่ต้องเสียเงินนี่ต้องเป็นพี่มาวินตลอด คุณกลางไม่ยอมให้เงินตัวเองกระเด็นออกมาจากกระเป๋าสักบาท ถ้าวันไหนมีข่าวว่าพี่มาวินล้มละลายก็ไม่ต้องแปลกใจกันนะครับ
“เหมาะกันจะตาย” มารุตยกยิ้มขำ
“ก็จริง” แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าทั้งคู่เหมาะสมกันมาก ไม่มีใครเอาคุณกลางอยู่ได้เท่าพี่มาวินอีกแล้ว แล้วก็ไม่มีใครด่าพี่มาวินได้เก่งเท่าคุณกลางอีกเช่นกัน ไม่ต้องถามหาความเหมาะสมของคู่ผมกับมารุตหรอกนะครับ แค่มองผ่าน ๆ ก็รู้แล้วว่าเราน่ะเหมาะกันมาก
การเดินทางจากคอนโดฯ ของมารุตมาที่สนามแข่งรถ LW ใช้เวลาไม่มากนัก แต่วันนี้เราใช้เวลาเดินทางไปมากกว่าทุกทีเพราะเสียเวลาหาของกินกันอยู่ ตกลงกันไม่ได้ว่าจะเอาอะไร โทรไปถามพี่มาวินก็ได้คำตอบที่ว่า ‘ซื้ออะไรมาก็ได้’ ผมกับมารุตนี่มองหน้ากันแล้วยิ้มแห้งเลย สุดท้ายก็เลยซื้อของปน ๆ กันมาหลายอย่างมีตั้งแต่ไก่ทอด เป็ดย่าง หมูกรอบ ส้มตำ คอหมูย่าง ลาบ น้ำตก และของกินเล่นอีกมากมาย พี่มาวินบอกให้ซื้อไปเผื่อพวกลูกน้องที่สนามด้วย จากตอนแรกที่มารุตคิดว่าจะจ่ายมื้อนี้เองก็ต้องเปลี่ยนใจเอาบิลไปเก็บกับพี่มาวินแทน
“คุณเล็ก~” ทันทีที่เท้าแตะพื้นเพียงข้างเดียวก็ได้ยินเสียงร้องเรียกของคุณกลางมาแต่ไกล
“คุณกลาง” ผมหันไปหาพี่ชายของตัวเองแล้วก็ยกยิ้มกว้าง เห็นอีกฝ่ายวิ่งเข้ามาหาผมเลยเดินไปหาเขา พอถึงตัวผมคุณกลางก็กอดผมไว้แน่นทันที
“เหมือนกูดูฉากในหนังอินเดียที่ตัวเอกชอบวิ่งมากอดกัน” เสียงพี่มาวินดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของคุณกลาง เมื่อหันไปมองก็เห็นพี่มาวินกำลังเดินตรงมาทางพวกเรา
“มึงพูดอะไรดูหน้าเมียมึงด้วย” มารุตพยักพเยิดหน้าไปทางคุณกลางก่อนจะเดินไปหยิบข้าวของที่เพิ่งซื้อมา ลูกน้องของพี่มาวินรีบเข้ามาช่วยถือของทันทีโดยที่ไม่ต้องให้ใครสั่ง ถ้าจำไม่ผิดสองคนนี้น่าจะชื่อกราฟกับวิคนะ แล้วก็มีอีกคนที่ชื่อโช ตามที่ได้ยินมาคือสามคนนี้เป็นลูกน้องคนสนิทของพี่มาวิน คุณกลางและมาร์โลว์
“เฮ้ย! พวกมึงน่ะ! จัดโต๊ะกินข้าวสิวะ” พี่มาวินที่หันไปเห็นคุณกลางยืนจ้องหน้าเท้าเอวอยู่ก็รีบหันหลังกลับไปตะโกนสั่งลูกน้องที่กำลังจัดพื้นที่สำหรับกินข้าวกันอยู่ที่หน้าสำนักงาน
“ไหลลื่นเป็นไส้เดือนเลย” คุณกลางส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างขัดใจก่อนจะจูงมือผมให้เดินเข้ามานั่งในสำนักงานโดยมีมารุตเดินตามมาติด ๆ
“ไอริสอยู่ไหนครับ?” เข้ามาในสำนักงานแล้วไม่เจอคนที่ตั้งใจมาหาเลยต้องเอ่ยถาม
“นอนอยู่ในห้องมาร์โลว์” พี่มาวินเดินเข้ามานั่งลงข้าง ๆ คุณกลาง
สำนักงานนี้มีชั้นเดียว แบ่งเป็นหลายห้อง มีห้องประชุม ห้องทำงานส่วนตัวของสองพี่น้องมาร์โลว์และมาวิน ด้านหลังสำนักงานถัดออกไปอีกนิดเป็นบ้านพักของเจ้าของสนาม เป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นหลังใหญ่ รอบ ๆ บ้านมีห้องพักของพวกลูกน้องที่ทำงานอยู่ในสนามล้อมรอบอยู่ และนอกจากกิจการสนามแข่งรถเถื่อนแล้วก็ยังมีอู่ซ่อมรถที่ตั้งอยู่ปากทางเข้าซอย ทำตั้งแต่ซ่อมรถ แต่งสี แต่งเครื่อง ทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ เพราะอย่างนี้สองพี่น้องถึงได้รวยกันมาก
“ยังไม่ตื่นเหรอ?” มารุตถามอย่างแปลกใจ เพราะนี่มันก็บ่ายสองแล้ว
“ไม่สบาย เป็นไข้”
“มาร์โลว์อยู่ไหน?” มาถึงได้สักพักแล้วแต่ก็ยังไม่เจอเจ้าของสนามอีกคนเลย
“น่าจะอยู่กับไอริสที่ห้องนั่นแหละ” คำบอกเล่าของพี่มาวินทำเอาทั้งผมและมารุตหันมองหน้ากันทันที ตกลงแล้วความสัมพันธ์ของคู่นี้เป็นยังไงกันแน่?
“ขอคุยกับมาร์โลว์หน่อย” มารุตที่พอจะเดาความคิดของผมออกหันไปบอกกับพี่มาวิน
“เดี๋ยวให้คนไปตามให้” พี่มาวินพยักหน้ารับเบา ๆ ก่อนจะหันไปเรียกลูกน้องให้ไปตามมาร์โลว์มาหาพวกเรา
“มีอะไร?” รอไม่นานมาร์โลว์ก็เดินหน้านิ่งเข้ามาในห้องทำงานของพี่มาวินที่เรานั่งกันอยู่
“ไอริสเป็นยังไงบ้าง?” พอเจอหน้ามาร์โลว์ผมก็ถามหาไอริสก่อนเลย
“เป็นไข้ แต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก” เขาตอบกลับมานิ่ง ๆ ทำท่าทางเหมือนไม่อยากคุยกับผม
“จะยอมเล่าเรื่องของไอริสได้หรือยัง?” มารุตเอ่ยถามอย่างใจเย็น พวกเราหวังเป็นอย่างมากว่ามาร์โลว์จะยอมเปิดปากบอกอะไรให้พวกเรารับรู้บ้าง
“ไอริสน่าจะอยากบอกพวกนายเอง” มาร์โลว์นิ่งไปนิด
“ถ้าอย่างนั้นก็เล่าเรื่องระหว่างนายกับไอริสมาสิ” มันคาใจนะครับ ถ้าไม่รู้ต้องนอนไม่หลับแน่ ๆ เลย
“ฉันเจอไอริสที่ผับ เขาถูกวางยา และฉันเป็นคนช่วยเขา” มาร์โลว์มองสบตากับผม เขาเงียบไปสักพักหนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วเล่าให้พวกเราฟัง
“ใครวางยาไอริส?” พวกเราหันมองหน้ากันอย่างตกใจ ไม่คิดว่าเรื่องมันจะออกมาเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นที่มาร์โลว์บอกว่าไอริสเป็นเมียเขา ต้นเหตุก็มาจากเรื่องนี้สินะ
“เจ้าหนี้ของลุงไอริส ฉันพูดได้แค่นี้ ที่เหลือให้ไอริสเป็นคนพูดเองเถอะ” ลึก ๆ แล้วมาร์โลว์ก็คงเป็นห่วงความรู้สึกของไอริสนั่นแหละ เพราะเขาไม่ยอมพูดอะไรที่มันจะส่งผลกระทบต่อตัวไอริสเลย เขาแคร์ไอริสมากกว่าที่ผมคิด
“คุณเล่าให้พวกเขาฟังเลยก็ได้” ระหว่างที่พวกเรากำลังนั่งหน้าเครียดกันอยู่เสียงทุ้มหวานก็ดังขึ้นจากทางหน้าประตูห้อง
“ไอริส” พวกเราทั้งห้าหันไปมองคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าไอริสจะมาอยู่ตรงนี้
“เป็นยังไงบ้าง?” ผมเอ่ยถามเมื่อแอบมองสำรวจสภาพของอีกฝ่าย หน้าตาไอริสดูสดใสขึ้นกว่าก่อนหน้านี้แม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นไข้อยู่ก็เถอะ สภาพจิตใจของไอริสคงต้องให้เวลาเป็นตัวช่วยเยียวยาและรักษา
“ผมโอเค” เขายกยิ้มบางแล้วเดินเข้ามาหาพวกเรา
“ออกมาทำไม?” ทันทีที่ไอริสเดินมาถึงโซฟาที่พวกเรานั่งกันอยู่มาร์โลว์ก็หันไปดุคนตัวเล็ก
“ผมอยากเจอทุกคน” ดวงตาคู่กลมหลุบตาลงต่ำก่อนจะช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง
“ดื้อ!” มาร์โลว์ว่าออกมาหน้าดุ
“อ๊ะ!” ไอริสร้องเสียงหลงตกใจเมื่อมาร์โลว์ฉุดข้อมือบางให้เข้าไปหาเขา ร่างเล็ก ๆ ถูกดึงให้นั่งลงบนตักแกร่งและแขนยาว ๆ นั่นก็โอบกระชับรอบเอวบางให้แนบไปกับลำตัวของตัวเอง
“วีดวิ้ว~ ร้ายว่ะ” พี่มาวินผิวปากแซวออกมา ทำเอาไอริสนั่งก้มหน้าคางชิดอกไม่เงยหน้ามองใครเลย ไม่รู้ว่าเขินหรืออาย แต่ถ้าเป็นผมก็คงจะอายมากกว่าเขิน
“มึงเงียบไปเลย” คุณกลางปรามเสียงดุ
“ไปหาหมอไหม?” ได้ยินว่าเป็นไข้ ไม่รู้ว่าเป็นมากน้อยแค่ไหน
“มาร์โลว์ให้หมอมาดูอาการผมแล้วครับ” เสียงทุ้มหวานพึมพำตอบผมกลับมา นั่นทำเอาผมต้องเลื่อนสายตาไปมองใบหน้าหล่อเหลาของมาร์โลว์ทันที
ดูแลดีกว่าที่คิด
“ผัวที่ดี”
“รุต!” ผมหันไปเอ็ดคนตัวสูงที่พูดโพล่งขึ้นมากลางวง ไอริสที่ได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งก้มหน้างุดแก้มขาวซีดขึ้นสีแดงจาง ๆ ให้ได้เห็น
เพี๊ยะ!
“ตีปากตัวเองแล้ว” มารุตยกมือขึ้นตีปากตัวเองเสียงดังเพี๊ยะ การลงโทษตัวเอง นี่คือวิธีการหาทางเอาตัวรอดอย่างหนึ่งของมารุต
“ถ้ายังไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า” ผมหันไปบอกไอริสที่ดูท่าจะคิดมากกับเรื่องของตัวเอง ผมไม่อยากทำให้ไอริสต้องรู้สึกลำบากใจ
“ไม่ ผมจะเล่า ผมอยากบอกทุกคนด้วยตัวของผมเอง” เขาส่ายหน้าเบา ๆ เงยหน้าขึ้นมามองผมก่อนจะระบายยิ้มบางออกมา
“อืม” ผมพยักหน้ารับรู้ ไอริสหันไปมองหน้ามาร์โลว์คล้ายกับต้องการกำลังใจ และมาร์โลว์ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เขาพยักหน้าเบา ๆ พร้อมเลื่อนมือไปกุมมือเล็กเอาไว้
ไอริสดูผ่อนคลายขึ้น
“ผมทำเรื่องดรอปเรียนเอาไว้ แล้วผมก็ไปอยู่บ้านลุงกับป้า ป้าของผมเสียกะทันหันเพราะโรคมะเร็ง ผมเลยต้องอยู่กับลุงเขย เขาติดหนี้พนันแล้วเขาก็เอาผมไปขายให้กับเจ้าหนี้ ผมถูกพาตัวไปที่ผับและเขาวางยาปลุกเซ็กส์ในแก้วเหล้าของผม กว่าจะรู้ตัวยาก็เริ่มออกฤทธิ์แล้ว ผมพยายามหนีจนมาเจอกับมาร์โลว์” และเขาก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นออกมาให้ฟัง
“…” ผมหันมองสบตากับมารุต อีกฝ่ายก็ดูตกใจไม่น้อยเหมือนกัน
“เขาช่วยผมไว้ แต่ผมก็หนีเขา จนไปเจอกับพวกมันที่ตามหาตัวผมอยู่ ผมพยายามวิ่งหนีสุดชีวิต แต่ก็เหมือนกับจะไปไม่รอด ความจริงผมอยากวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากใครสักคน แต่ผมก็หมดแรงเสียก่อน” ผมพอจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วล่ะ ที่ไอริสวิ่งตัดหน้ารถผมก็เป็นเพราะวิ่งหนีคนพวกนั้นสินะ
“ดีนะที่มึงมาเจอคุณเล็ก” คุณกลางถอนหายใจแรง
“ครับ รู้สึกโชคดีมาก ๆ โดนพี่รัชช์ช่วยชีวิตมาสองครั้งแล้ว” ไอริสยกยิ้มมองผมด้วยสายตาที่รู้สึกขอบคุณและชื่นชม ผมที่ถูกมองแบบนั้นก็ส่งยิ้มให้กลับไป
“ไม่ต้องมองแบบนั้นก็ได้มั้ง” มารุตตีหน้าดุ จ้องมองไอริสด้วยสายตาที่คล้ายกับจะไม่พอใจ
“ขี้หวงจังเลย” ไอริสยู่หน้าใส่ ท่าทางดูดื้อไม่น้อยเลย
“ก็นี่แฟนเรา” มารุตพูดพร้อมโอบกอดผมเอาไว้แน่น ขี้หวงอย่างที่ไอริสบอกจริง ๆ นั่นแหละ
“อยากมองก็หันมามองหน้าผัวตัวเองนี่ ไม่ใช่มองหน้าแฟนชาวบ้านแบบนี้” มาร์โลว์ว่าเสียงดุ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น
“คุณน่ะ เงียบ ๆ ไปเลย” ไอริสตวัดสายตาไปมองมาร์โลว์อย่างเอาเรื่อง ใบหน้าหวานบึ้งตึงขึ้นมาทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ
“เด็กมันเอาว่ะ” พี่มาวินว่าขำ ๆ
“ฟาดมากมึง” คุณกลางหัวเราะร่วนเมื่อเห็นสีหน้าเหวอ ๆ ของมาร์โลว์ ใครจะคิดว่าคนตัวเล็กจะดุขนาดนี้ ผมเองก็ยังนึกว่าไอริสจะกลัวมาร์โลว์เสียอีก แต่ที่ไหนได้ ดุเอาเรื่องเหมือนกันนะ
“น่าตีปากจริง ๆ เลย” มาร์โลว์จ้องหน้าคนบนตักด้วยสายตาที่ดุ ๆ
“คุณจะตีผมเหรอ!?” ไอริสที่ได้ยินแบบนั้นก็ร้องถามเสียงหลงหน้าตาดูตกอกตกใจไม่น้อย ผมยังรู้สึกแปลกใจเลยที่ได้ยินมาร์โลว์พูดอย่างนั้น ผมนึกว่าเขาจะไม่กล้าทำอะไรรุนแรงกับไอริสเสียอีก
“ตีด้วยปาก”
อ่า น่ากลัวเหมือนมารุตเลย
“อี๋!” ไอริสร้องออกมาเสียงดังหน้าตาดูไม่สบอารมณ์ทำเอามาร์โลว์มองค้อนตาคว่ำใส่ทันที
“รังเกียจแค่ไหนถามใจดู” คุณกลางหัวเราะร่วนท่าทางดูชอบอกชอบใจมาก
“วิน ไปลองรถใหม่กัน” แล้วมาร์โลว์ก็พาเปลี่ยนเรื่อง เขาอุ้มไอริสให้นั่งลงบนโซฟาส่วนตัวเองก็ทำเป็นลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ
“เออ ไปไหมมารุต?” พี่มาวินพยักหน้ารับให้กับพี่ชายตัวเองก่อนจะหันมาถามมารุตที่นั่งอยู่ข้างผม สองพี่น้องมองหน้ามารุตแล้วส่งซิกอะไรบางอย่าง
“ไป” มารุตตอบรับแล้วลุกเดินตามมาร์โลว์กับพี่มาวินออกไป
“ไม่เนียนเลย” ผมส่ายหัวเบา ๆ ทำอะไรของเขากันก็ไม่รู้
“มีแต่พวกสมองกลวง” คุณกลางกลอกตาไปมาด้วยท่าทางเซ็ง ๆ
“ขอบคุณพี่รัชช์มาก ๆ เลยนะครับ” เมื่อทั้งห้องเหลือเพียงพวกเราสามคน ไอริสก็หันมายกมือไหว้ผม สีหน้าและแววตาบ่งบอกว่ารู้สึกขอบคุณจริง ๆ
“ไม่เห็นต้องคิดมากเลย ถือว่าพี่ชายทำให้น้องชายก็แล้วกันเนอะ” ผมระบายยิ้มบาง นึกเอ็นดูอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย ไอริสเป็นคนน่ารัก ไม่ใช่แค่หน้าตา แต่นิสัยก็น่าเอ็นดู ผมจะไม่พูดถึงสิ่งที่ไอริสเคยทำไม่ดีกับผม เพราะใคร ๆ ต่างก็สามารถทำผิดพลาดกันได้ เอาเป็นว่าเราโฟกัสแค่ปัจจุบันดีกว่านะครับ ตอนนี้ไอริสก็เหมือนน้องชายของผมคนหนึ่ง ดีเสียอีก ผมไม่เคยมีน้อง ถ้าได้ไอริสมาเป็นน้องชาย ผมจะต้องรู้สึกดีมากแน่ ๆ
“ครับ ขอบคุณพี่เร็กซ์ด้วยนะครับ” ไอริสยิ้มไม่หุบ เขาหันไปยกมือไหว้คุณกลาง เห็นว่าตั้งแต่ที่เข้ามาอยู่ที่นี่ก็ได้คุณกลางนี่แหละคอยช่วยดูแลและอยู่เป็นเพื่อนเวลาที่มาร์โลว์ออกไปทำงาน ไอริสต้องปรับตัวอีกเยอะกับการที่จะอยู่ที่นี่ แต่ผมเชื่อว่าอีกไม่นานเขาจะสามารถปรับตัวเข้ากับที่นี่ได้
“เอาเถอะ ยังไงมึงก็เป็นพี่สะใภ้กู อะไรช่วยได้ก็ช่วย” คุณกลางว่าอย่างไม่คิดอะไร
“…” แต่ดูท่าแล้วไอริสน่าจะคิดหนักไม่น้อยเลย อีกฝ่ายนั่งเม้มปากตัวเองแน่นไม่พูดไม่จาอะไรเลย
“เฮียมาร์โลว์ก็ดีนะไอริส มึงลองเปิดใจให้เขาดู กูเชื่อว่ามึงจะไม่ผิดหวัง” คุณกลางที่เห็นท่าทีของไอริสเปลี่ยนไปก็ถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูดออกมา ผมไม่แน่ใจว่าคุณกลางพูดจากใจจริงหรือพูดแบบแอบเชียร์มาร์โลว์อยู่กันแน่
“ผม…ไม่รู้สิครับ บางทีก็ใจเต้นแรงกับเขา แต่บางครั้งเขาก็ดูน่ากลัวจนผมไม่กล้าเข้าใกล้” ไอริสนั่งจับมือตัวเองพูดออกมาเสียงเบา ท่าทางดูประหม่าไม่น้อยเลย แต่คำพูดของไอริสกลับทำให้คุณกลางยกยิ้มกว้างออกมาได้
“ลองอ้อนเฮียมันบ่อย ๆ สิ มันแพ้แน่นอน” คุณกลางแนะนำ
“จะ จริงเหรอครับ?” ไอริสดูไม่มั่นใจสักเท่าไหร่
“ลองทำดู” คุณกลางนี่จะเชียร์มาร์โลว์ออกนอกหน้าเกินไปไหมครับ?
“ครับ” ลูกกระต่ายตัวน้อยตกหลุมพรางจิ้งจอกแสนเจ้าเล่ห์แล้ว
“พี่ทำบลูเบอร์รี่ชีสเค้กมาให้ จะกินเลยไหม?” ผมที่เพิ่งนึกขึ้นได้ก็หันมาหยิบขนมที่ตัวเองเอามาด้วยส่งให้กับคนตัวเล็ก
“พี่รัชช์ทำเองเหรอครับ?” ไอริสมองขนมตรงหน้าอย่างแปลกใจ
“ใช่ ลองชิมดูนะ” ผมยกยิ้มบาง ๆ ท่าทางไอริสดูตื่นเต้นมาก เขาพยักหน้ารับเบา ๆ แล้วรับขนมจากมือผมไปเปิดชิม แน่นอนว่าผมทำมาเผื่อพี่ชายของตัวเองด้วย
“หืม! อร่อยมาก!” ไอริสที่ชิมเข้าไปคำแรกก็ตาโตออกมาทันที
“ถ้าชอบ วันหลังจะทำมาให้กินอีกนะ” ผมยกยิ้มเอ็นดู การได้ทำอะไรให้คนอื่นนี่มันรู้สึกดีจริง ๆ นะครับ
“ขอบคุณครับ” ไอริสยกยิ้มกว้างจนตาหยี ทำเอาผมอดที่จะยกยิ้มตามไม่ได้ เพราะแบบนี้สินะมาร์โลว์ถึงได้หวงไอริสนัก ไม่รู้ว่าทางนั้นจะหลงเด็กคนนี้ขนาดไหน แต่ดูท่าแล้วมาร์โลว์น่าจะติดไอริสมาก ๆ เลยล่ะครับ
“แล้วมึงจะเอายังไงกับชีวิต?” หลังจากที่นั่งกินขนมกันเสร็จคุณกลางก็หันมาถามคนตัวเล็ก สามหนุ่มยังไม่เดินกลับเข้ามา พวกเขาคงอยากให้ไอริสได้ใช้เวลาอยู่กับผมและคุณกลางอย่างสบายใจนั่นแหละ คงคิดว่าถ้าได้อยู่กันตามลำพังแล้วไอริสน่าจะยอมพูดหรือระบายอะไรออกมาบ้าง
“ผมไม่มีที่ไป ตอนนี้ลุงผมเป็นหนี้เกือบสิบล้าน เขาขายผมให้กับเจ้าหนี้ แต่ผมหนีมา พวกนั้นคงต้องมาตามตัวผมกลับไปอีกแน่” ไอริสเอ่ยออกมาหน้าเศร้า น่าสงสารจังเลย ทำไมชีวิตคนคนหนึ่งจะต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย ใจร้ายเกินไปแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นมึงก็อยู่ที่นี่ไปก่อน” คุณกลางถอนหายใจอีกครั้ง แววตาฉายชัดออกมาถึงความไม่พอใจ คงจะขัดใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับไอริสนั่นแหละ ผมฟังแล้วยังโมโหเลย
“ครับ มาร์โลว์บอกให้อยู่ที่นี่กับเขา ส่วนเรื่องหนี้กับคนพวกนั้น เขาจะจัดการให้เองครับ” ไอริสพยักหน้าเบา ๆ พอพูดถึงมาร์โลว์ท่าทีของคนตัวเล็กก็เปลี่ยนไป
“เฮียมันรวยมากเลยนะเว้ย มึงเกาะมันไว้ให้แน่น ๆ นะ” คุณกลางหัวเราะร่วน
“เดี๋ยวเขาก็เบื่อผม” ไอริสพึมพำเสียงเบา
“คิดมากเหรอ?” ผมอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ ไอริสเองก็คงจะยังไม่มั่นใจในตัวมาร์โลว์ ก็ไม่แปลกหรอก พวกเขาเพิ่งรู้จักกันนี่
“กับความสัมพันธ์เพียงชั่วข้ามคืน ใครเขาจะมาจริงจังล่ะครับ?” มือเล็กจับกันแน่น สีหน้าและแววตาดูเป็นกังวลไม่น้อยเลย ลึก ๆ แล้วก็คงมีความกลัวปะปนอยู่นั่นแหละ ซึ่งเรื่องนี้ผมก็พอจะเข้าใจนะ
“ถ้าวันข้างหน้ามันไม่เป็นอย่างที่คิด พวกกูนี่แหละที่จะช่วยมึงเอง” คุณกลางยื่นมือไปจับไหล่ไอริสแล้วบีบเบา ๆ เป็นการให้กำลังใจ
“ไอริสไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนะ ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกพี่หรือคุณกลางได้เลย” ผมขยับไปจับมือเล็กมากุมเอาไว้ ผมพร้อมที่จะช่วยไอริส และผมก็คิดว่าคุณกลางเองก็จะยินดีช่วยไอริสเช่นกัน พี่ชายผมน่ะใจดีจะตาย แต่ผมก็มีรางสังหรณ์บางอย่าง ผมรู้สึกว่ามาร์โลว์จะไม่มีทางทำให้ไอริสเสียใจแน่ ๆ ไม่รู้สิ อาจเพราะอีกฝ่ายมีบางอย่างที่คล้ายกับผม เลยทำให้ผมเข้าใจและพอจะมองเขาออก อย่างที่คุณกลางบอกนั่นแหละว่ามาร์โลว์เองก็ดี เขาไม่ใช่คนเลวร้าย อันนี้ผมสังเกตจากการกระทำของเขานะ มาร์โลว์ดูห่วงและแคร์ไอริสมาก ผมว่าเขาจะต้องดูแลไอริสได้เป็นอย่างดีแน่
“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณมากจริง ๆ” ไอริสยกมือขึ้นไหว้ผมกับคุณกลางไม่หยุด
“คุยอะไรกันน่ะ!” ระหว่างที่กำลังนั่งคุยกันเพลิน ๆ พี่มาวินก็เปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมพูดเสียงดัง ทำเอาพวกเราสามคนสะดุ้งตกใจไปตาม ๆ กัน
“เสือก!” คุณกลางหันกลับไปตวาดใส่แฟนตัวเองทันที
“กูโดนอีกแล้วเหรอ?” พี่มาวินว่าขำ ๆ
“หิวข้าว ไปกินข้าวกัน” มารุตเดินเข้ามาหาผมพร้อมยื่นมือมาให้ผมจับ ผมพยักหน้าเบา ๆ แล้ววางมือลงบนฝ่ามือใหญ่ มารุตออกแรงดึงให้ผมลุกขึ้นยืน
“ลุกไหวไหม?” มาร์โลว์เข้าประชิดตัวไอริสพร้อมเอ่ยถามเสียงนุ่ม
“ไหว”
พรึบ!
“อ๊ะ!” ไอริสร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อมาร์โลว์ก้มตัวลงไปอุ้มเขาขึ้นมา แล้วเดินนำออกไปข้างนอกก่อนใครเพื่อน
“เอ๊ะ พี่กูมันสับสนอะไรในชีวิตหรือเปล่า?” พี่มาวินทำหน้างง ๆ ผมเองก็มีอาการไม่ต่างกัน ไอริสบอกลุกไหวแต่มาร์โลว์ดันอุ้มไอริสไปหน้าตาเฉย คิดจะอุ้มเขาอยู่แล้ว แล้วยังจะมาถามทำไมก็ไม่รู้ แปลกคน
“ผัวที่ดี” คุณกลางว่ายิ้ม ๆ
“แล้วกูล่ะ?” พี่มาวินหันไปถามคุณกลางด้วยสีหน้าที่ดูคาดหวัง
“ขี้ข้า” แล้วก็โดนคุณกลางพูดใส่หน้ากลับมา
“มีใครน่าสงสารได้เท่ากูอีกไหม?” พี่มาวินหันมามองหน้าผมกับมารุตด้วยหน้าตาที่น่าสงสาร
“เพ้ออะไรของมึง? ไปกินข้าว!” คุณกลางตวัดสายตามองอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินนำออกจากห้องไป
“เออ!” พี่มาวินรับคำเสียงเซ็ง ๆ แล้วเดินตามหลังคุณกลางออกไป ผมกับมารุตหันมองหน้ากันก่อนจะหลุดเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ การโต้เถียงของทั้งคู่เป็นเรื่องปกติที่สามารถพบเจอได้ในทุกวัน พวกผมเองก็เจอจนชินแล้วล่ะครับ
เราพากันออกมากินข้าวตรงด้านหน้าสำนักงาน พูดคุยกันสลับกินข้าวไปด้วย ไอริสดูผ่อนคลายขึ้นเยอะเมื่อมีผมอยู่ด้วย มาร์โลว์เองก็คอยเอาอกเอาใจไอริสไม่หยุด แต่ที่จะเกินหน้าเกินตาก็ตรงที่เขาจับไอริสนั่งตักนี่แหละ แม้จะมีสายตาหลายคู่จับจ้องมองมาแต่มาร์โลว์ก็ยังคงทำเฉย คนที่อายที่สุดก็ไม่พ้นไอริส นั่งก้มหน้าคางชิดอกไม่ยอมเงยหน้ามองใคร เดือดร้อนผมต้องชวนคุยให้คลายอาการเกร็งลง พอผ่านไปสักพักไอริสก็ดูจะลืมอายหรือไม่ก็ชินกับสายตาที่จ้องมองมา คู่นี้ว่าหวานแล้ว ขยับไปที่คู่ข้าง ๆ ก็แอบหวานไม่ต่างกัน แม้จะไม่ได้นั่งตักแต่ก็นั่งป้อนข้าวกันนะครับ เห็นเถียงกันบ่อย ๆ แต่จริง ๆ ก็รักกันมาก เช็ดปากเช็ดแก้มให้กันไม่หยุด บอกไว้ตรงนี้เลยนะว่าพี่มาวินน่ะรักคุณกลางมาก ไม่ต้องถามหาคู่ผมกับมารุต เราขอนั่งกินข้าวเงียบ ๆ ดีกว่าครับ มากสุดก็ตักอาหารให้กัน ขอไม่แสดงความหวานเชื่อมต่อหน้าคนอื่นนะครับ เก็บไว้ทำตอนอยู่กันตามลำพังดีกว่าครับ
เอ๊ะ! ทำอะไร?
ผมเปล่าคิดลึกนะ หรือพวกคุณคิดเหรอครับ?
------------------------------
ไม่ได้หายนะคะ ตอนนี้เร่งปั่นงานอยู่ เดี๋ยวจะมีเรื่องแยกของคู่มาร์โลว์xไอริส ริคx(?) กราฟxวิค แล้วก็กริชxบริน ตอนนี้ทุกเรื่องจบในจินตนาการของเราแล้วค่ะ รอแค่พิมพ์ออกมาให้ทุกคนอ่านเท่านั้น ก็จะพยายามปั่นงานออกมาให้ได้เร็ว ๆ (เหรอ?) ด้วยความที่เป็นคนยิ่งใหญ่ทำใหญ่ปัญหาเลยตกมาอยู่ที่การทำงานไม่ทันนะคะ เอาเป็นว่าอ่านวนกันไปก่อนเนอะ แหะ ๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

68 ความคิดเห็น
-
#46 ips. (จากตอนที่ 9)วันที่ 26 เมษายน 2563 / 02:08แงงง อยากอ่านเรื่องมาร์โลวไอริสเลยค่ะ#460
-
#45 kmmmmmm (จากตอนที่ 9)วันที่ 20 เมษายน 2563 / 06:14หวานนนน#450
-
#44 Nee1150 (จากตอนที่ 9)วันที่ 19 เมษายน 2563 / 06:15มาต่อเร็วๆน้า#440
-
#43 ENJOY_EVERYDAY (จากตอนที่ 9)วันที่ 18 เมษายน 2563 / 22:28สามคู่หวานกันไปคนละแบบเลย 55555#430