ตอนที่ 7 : เป็นแฟนคนเถื่อน : 5
เป็นแฟนคนเถื่อน : 5
Rach Part :
กว่าจะตื่นก็ปาเข้าไปสายแล้ว จากปกติที่ตื่นช้าสุดก็หกโมงนิด ๆ แต่วันนี้ตื่นตั้งเกือบแปดโมงครึ่ง ตื่นมาก็มึน ๆ งง ๆ นิดหน่อย จะว่านอนเยอะก็ไม่ใช่ แอบปวดตัวเบา ๆ ด้วย หันมองคนข้างตัวก็เห็นว่ายังหลับสนิทอยู่ ผมดึงแขนที่พาดอยู่บนเอวออกแล้วขยับลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง ไม่รู้ว่ามารุตกินอะไรเข้าไปถึงได้แรงดีขนาดนี้ ไม่สงสารผมบ้างหรือไงกัน หันมองค้อนคนบนเตียงไปทีก่อนจะเดินออกไปที่ห้องครัว เทน้ำมาดื่มหนึ่งแก้วก่อนจะรื้อตู้เย็นดูของสด ผมสามารถทำข้าวต้มหมูสับให้มารุตกินเป็นมื้อเช้าของวันนี้ได้ ไม่ต้องเสียเวลาคิดนานผมรีบทำข้าวต้มทันที เดี๋ยวมารุตตื่นมาก็จะหิว วันนี้ผมตื่นสายด้วย แต่มารุตตื่นสายกว่า ขนาดทำข้าวเสร็จจนเข้าไปอาบน้ำเดินออกมามารุตก็ยังไม่ตื่น ผมไม่ได้ปลุกแต่ปล่อยให้เขานอนอยู่อย่างนั้นแทน แล้วเดินเลยมาทาโลชั่นที่โต๊ะเครื่องแป้ง
“วันนี้ก็จะเข้าไปหาไอริสอีกใช่ไหม?” เสียงงัวเงียดังขึ้นมาจากทางเตียงนอน
“อื้อ ไปกับเราไหม?” ผมหันไปมองคนที่เพิ่งตื่นด้วยรอยยิ้มเอ็นดู เคยเห็นลูกหมายังงัวเงียไหม? หน้ามึน ๆ หัวยุ่ง ๆ หน่อย ทั้งน่ารักและตลกในเวลาเดียวกัน
อะ อย่าเพิ่งคิดว่าผมอวยแฟนตัวเองนะ ผมเปล่าทำอย่างนั้นสักหน่อย
“ไปสิ เดี๋ยวมีคนมาฉุดคุณไป” มารุตเดินหน้าง่วงเข้ามาหาผม เขายืนซ้อนอยู่ข้างหลังแล้วโน้มตัวลงมากอดผมจากทางด้านหลัง
“ตลกแล้ว” ผมว่ายิ้ม ๆ เหมือนเขาจะกลัวมีคนมาฉุดผมเหลือเกิน แต่ถามหน่อยเถอะว่าใครจะมาฉุดผมได้ ตัวสูงขนาดนี้ ไม่ได้ตัวเล็กเหมือนไอริสสักหน่อย ถ้าแบบนั้นสิน่าเป็นห่วง
“จูบหน่อย” เขาเกยคางลงบนไหล่ของผมแล้วยื่นหน้ามาหา ผมมองมารุตผ่านกระจกก่อนจะหันหน้าไปหาเขา
“อืม~” ริมฝีปากเราแนบชิดติดกัน มารุตดูดดุนริมฝีปากของผมเบา ๆ คล้ายหยอกล้อ ผมเลยขบเม้มริมฝีปากของเขากลับไปเบา ๆ
“ชื่นใจ” เขาผละใบหน้าออกแล้วไปยืนยิ้มหวานอย่างอารมณ์ดี ผมอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ เมื่อพอใจแล้วมารุตก็เดือดฮัมเพลงเข้าไปในห้องน้ำ ผมหันกลับมานั่งทาโลชั่นต่อแล้วถึงค่อยลุกไปแต่งตัว สิ่งที่ต้องทำทุก ๆ วันก็คือจัดเสื้อผ้าเตรียมไว้ให้มารุต ผมเคยลองไม่เตรียมเสื้อผ้าไว้ให้เขา ปรากฏว่ามารุตงอนผม เขาหาว่าผมลืมและไม่ใส่ใจเขา หลังจากนั้นผมเลยมีหน้าที่เตรียมเสื้อผ้าให้เขาทุกวัน เป็นเจ้าลูกหมาที่ขี้โวยวาย เอาแต่ใจ และงอแงเก่งมาก อ้อ แล้วก็ดื้อมาก ๆ เลยด้วย
“แวะซื้ออะไรไปฝากไอริสด้วยไหม?” หลังจากที่แต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อยและเตรียมจะออกจากห้องผมก็หันไปถามมารุตที่ยืนเช็คความเรียบร้อยของตัวเองอยู่ที่หน้ากระจก
“ไม่ต้องหรอก” พอได้ยินชื่อไอริสมารุตก็เบ้หน้าออกมาทันที นิสัยเสียจริง ๆ เลย
“ทำไม?” ไปเยี่ยมคนป่วยเขาก็ต้องมีของติดไม้ติดมือไปกันทั้งนั้นแหละ
“ไอริสยังเจ็บอยู่ คงไม่อยากกินอะไรหรอก” เป็นเหตุผลที่รู้สึกว่า ‘อิหยังวะ’ มาก ๆ เลย
“เหรอ” ถ้าจะขนาดนี้ก็พูดมาเลยก็ได้ว่าไม่อยากซื้ออะไร ผมว่าแบบนั้นยังเข้าใจง่ายกว่านะ
“ไปกันเถอะ” แล้วก็ทำเนียนเปลี่ยนเรื่อง เฉไฉไม่ยอมพูด มารุตเวลาดื้อเงียบนี่น่าตีจริง ๆ เลย
“อือ” แต่ผมก็ขี้เกียจที่จะพูด เดี๋ยวพูดไปก็มางอนผมอีก มารุตนะงอนผมเก่งมาก อะไรก็เอามาเป็นเรื่องงอนผมได้ตลอด ขี้งอนเก่งที่หนึ่ง เพราะอย่างนั้นผมเลยต้องทำข้อตกลงตั้งกฎให้งอนได้ไม่เกินอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ไม่ใช่ว่าผมเบื่อที่จะง้อเขา แต่ผมเหนื่อยต่างหาก ง้อเขาทีไรผมโดนเอาเปรียบทุกที มารุตน่ะเป็นเจ้าลูกหมาที่แสนร้ายกาจ และน่ากลัวมาก ๆ เลยด้วย
“เดี๋ยวผมแวะซื้อกาแฟก่อน คุณขึ้นไปก่อนเลย” กำลังจะเดินผ่านร้านกาแฟแล้วแท้ ๆ แต่เหมือนมารุตก็เหมือนนึกขึ้นได้ เขาหันมาสะกิดผมแล้วชี้ไปยังร้านกาแฟ
“โอเค” แม้จะเคยบอกให้เขาลด ๆ กาแฟลงบ้างแต่พอเขาบอกจะซื้อกาแฟทีไรผมก็ไม่กล้าห้าม ก็ไม่ได้มีแต่มารุตหรอกที่ตามใจผม เพราะผมเองก็ตามใจเขาเหมือนกัน
ปล่อยให้มารุตเดินไปซื้อกาแฟตามที่ต้องการ ส่วนผมก็เดินนำขึ้นมาที่ห้องพักฟื้นของไอริสก่อน สรุปแล้วเราก็ไม่ได้ซื้ออะไรมาเยี่ยมไอริส เพราะมารุตไม่ยอมจอดแวะที่ไหนเลย ผมบอกให้เขาพาไปซื้อผลไม้แต่เขาก็แกล้งทำเป็นหูทวนลม ผมก็อยากจะงอนเขาบ้าง แต่พอคิดว่าตัวเองจะต้องเป็นฝ่ายงอนเขา ผมก็รู้สึกแปลก ๆ ทุกทีเลย สุดท้ายแล้วก็เลยปล่อยเลยตามเลย ไม่มีการง้องอนเกิดขึ้นแต่อย่างใด
แกร๊ก!
“จะทำอะไร?” เปิดประตูเข้ามาในห้องพักฟื้นของไอริสแล้วผมก็ชะงักไปเมื่อเจอกับคนแปลกหน้าที่ยืนอยู่ข้างเตียงของไอริส พยาบาลพิเศษหายไปไหน? ทำไมปล่อยให้คนอื่นเข้ามาอยู่ใกล้คนไข้ได้แบบนี้?
แต่ผู้ชายตัวสูงคนนี้หน้าตาคุ้น ๆ เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน
“เปล่า” อีกฝ่ายชะงักไม่ต่างกัน เขาตวัดสายตามามองผมก่อนจะยืดตัวตรงขึ้น เมื่อกี้เขาโน้มตัวลงไปหาไอริส ทำท่าเหมือนจะจูบไอริสเลย ผมว่าผู้ชายคนนี้ดูน่ากลัวไม่น้อยเลย โรคจิตหรือเปล่า?
“คุณเป็นใคร?” ผมมองคนแปลกหน้าอย่างหวาดระแวง แม้จะรู้สึกคุ้นหน้าอีกฝ่ายแต่ผมก็คิดว่าเขาดูอันตรายไม่น้อยเลย
“แล้วคุณล่ะเป็นใคร?” เขาย้อนถามกลับมาหน้าตาย
“ผมถามคุณก่อนนะ” นั่นทำให้ผมรู้สึกหัวเสียไม่น้อยเลย ดันมาเจอคนกวนประสาทเข้าเสียได้
“ผมก็ถามคุณเหมือนกัน” เขาเอ่ยบอกด้วยท่าทางเรียบนิ่ง ท่าทางแบบนั้น เหมือนผมเห็นตัวเองเลย
“คุณกำลังกวนประสาทผมอยู่ใช่ไหม?” ถึงจะดูใจเย็น แต่ความจริงแล้วผมไม่ได้ใจเย็นขนาดนั้น เข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมเมื่อก่อนนี้มารุตถึงได้หัวร้อนตอนคุยกับผม
“เปล่านี่” อีกฝ่ายไหวไหล่เบา ๆ ทำเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
“คุณเป็นใคร? แล้วเข้ามาในนี้ทำไม?” ผมถามย้ำอีกครั้ง คิดว่าถ้าครั้งนี้ยังไม่ได้คำตอบจะเรียกคนให้มาลากเขาออกไปแล้วนะ เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้
“แล้วคุณล่ะเป็นใคร? เข้ามาทำไม?” เขาถามกลับมาด้วยคำถามเดียวกันแถมยังทำเป็นไม่ทุกข์ร้อนใด ๆ ทั้งสิ้น ท่าทีแบบนั้นมันอะไรกัน
“นี่!” ผมขมวดคิ้วอย่างขัดใจ
“มาร์โลว์” แต่ก่อนที่ผมจะได้ต่อว่าอะไรอีกฝ่าย เสียงทุ้มต่ำของมารุตก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของผม ทำให้ผมหยุดชะงักแล้วหันไปมองเขาด้วยความสงสัย
มาร์โลว์เหรอ?
“ไง มารุต” อีกฝ่ายเอ่ยทักมารุตกลับมาราวกับว่าคุ้นเคยกันดี
“มาทำอะไรที่นี่?” มารุตขมวดคิ้วมองอย่างแปลกใจ
“ฉันมาตามคนของฉันกลับ” เขาว่าเสียงเรียบ
“หมายถึง…”
“ไอริส” มาร์โลว์พูดพร้อมหันมองไปที่ไอริส
“แล้วถ้าไม่ให้ล่ะ?” ผมเอ่ยขัดขึ้นมา รู้สึกไม่ถูกชะตากับอีกฝ่ายยังไงก็ไม่รู้
“นี่แฟนนายเหรอ?” มาร์โลว์ตวัดตามามองผมก่อนจะกวาดสายตามองคล้ายสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ใช่ รัชช์ น้องชายเร็กซ์” มารุตหันมามองหน้าผมก่อนจะหันไปตอบมาร์โลว์
“ถึงว่า…หน้าเหมือนกันมาก” อีกฝ่ายพึมพำเสียงเบา สายตาที่มองมาที่ผมมันดูเปลี่ยนไป
“คุณเป็นพี่ชายของพี่มาวินสินะ” ครั้งนี้เป็นผมบ้างที่เอ่ยถามขึ้นมา ที่ผมบอกว่าคุ้นหน้าก็เพราะเขามีส่วนคล้ายกับพี่มาวิน และผมจำได้ว่าเคยเจอเขาที่สนามแข่งรถ LW เมื่อหลายปีก่อน
“อืม” มาร์โลว์พยักหน้ารับ แต่สายตายังคงไม่ละไปจากใบหน้าของผม
“เล่าเรื่องไอริสให้ฟังหน่อย” มารุตขยับเดินเข้ามาใกล้ผมแล้วดันให้ผมนั่งลงที่เก้าอี้ เขาหันไปมองสบตากับมาร์โลว์นิ่ง ๆ
“ฉันไม่จำเป็นต้องเล่า” แต่มาร์โลว์ก็เบือนหน้าหนี สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวานของไอริส
สายตาแบบนั้น หมายความว่ายังไง?
“อย่าแตะต้องไอริส” ผมปัดมือหนาออกทันทีที่เขาทำท่าจะจับมือไอริส
“พาแฟนนายกลับบ้านเถอะมารุต ฉันจะดูแลไอริสเอง” เขาตวัดสายตามองผมเคือง ๆ แววตาฉายชัดถึงความไม่พอใจ ดูออกว่าไม่ชอบผม แต่แล้วไงล่ะ
“ขอเหตุผลที่พวกเราต้องกลับด้วย” ผมไม่ยอมปล่อยให้เขาได้อยู่กับไอริสเพียงลำพังหรอกนะ ผมยังไม่รู้เลยว่าเขาเกี่ยวข้องยังไงกับไอริส ยังไงไอริสก็เป็นรุ่นน้องของผม ผมต้องดูแลเขาสิ
“ไอริสเป็นคนของฉัน” เขาบอกออกมาด้วยท่าทางที่ดูมั่นอกมั่นใจ
“หมายถึง…” ผมกับมารุตหันมองหน้ากันทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“ถ้าพวกนายอยากได้ความชัดเจน ก็ใช่ ไอริสเป็นเมียฉัน” มาร์โลว์เอ่ยบอกออกมาเสียงเรียบนิ่ง แต่นั่นสร้างความตกใจให้ผมกับมารุตเป็นอย่างมาก
“แล้วคุณได้ทำร้ายไอริสหรือเปล่า?” ผมถามพร้อมลอบสังเกตท่าทีของอีกฝ่ายไปด้วย
“ฉันจะซ้อมเมียตัวเองทำไม” มาร์โลว์ว่าเสียงดุ
“ถ้าอย่างนั้นก็บอกพวกเรามาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับไอริส” มารุตเอ่ยแย้งขึ้นมา
“เรื่องที่เกิดขึ้นกับไอริส ปล่อยให้ฉันเป็นคนจัดการเองดีกว่า” ท่าทีของมาร์โลว์ยังคงนิ่งเฉย แม้ผมกับมารุตจะถามยังไงเขาก็ไม่ยอมปริปากบอกออกมาเลย
“เราจะรู้ได้ยังไงว่าถ้าอยู่กับคุณแล้วไอริสจะปลอดภัย” ผมไม่ไว้ใจ ถึงผมจะรู้ว่าเขาเป็นใครแต่ผมก็ไม่ได้วางใจหรือเชื่อใจเขาหรอกนะ จะว่าระแวงก็คงไม่ผิดนัก
“ฉันจะให้ไอริสกลับไปอยู่ที่สนามกับฉัน ถ้านายอยากเจอไอริสก็ไปหาที่สนามก็แล้วกัน” มาร์โลว์มองสบตากับผมนิ่ง
“แต่…” ผมทำท่าจะร้องแย้ง
“เอาตามนั้น” แต่มารุตกลับตอบรับอีกฝ่ายออกไปอย่างนั้น
“รุต” ผมร้องเรียกแฟนตัวเองอย่างขัดใจ
“พี่รัชช์” แต่เสียงของไอริสก็ดังขัดขึ้นมาทำให้ผมต้องเงียบแล้วหันไปหาคนที่นอนอยู่บนเตียง
“ไอริส” มาร์โลว์เอ่ยเรียกไอริสด้วยน้ำเสียงที่ดีใจ
“คุณ!” ไอริสที่เพิ่งรู้สึกตัวตื่นยังดูมึน ๆ งง ๆ อยู่ แต่พอหันมาเห็นมาร์โลว์ยืนอยู่ข้างเตียงก็มีสีหน้าตกใจออกมาทันที
“ตกใจอะไรขนาดนั้น?” มาร์โลว์ขมวดคิ้วมองคล้ายไม่พอใจ
“มาได้ยังไง?” ไอริสดูจะตกใจมาก
“แค่ตามหาเมียมันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับฉันหรอกนะ” มาร์โลว์พูดออกมาด้วยท่าทีที่เรียบนิ่งหากแต่แววตากลับเป็นประกายแลดูเจ้าเล่ห์
“ผมไม่ใช่เมียคุณ!” ไอริสร้องแย้งเสียงหลง แก้มขาวซีดขึ้นสีแดงจาง ๆ ก็ไม่รู้ว่าโกรธหรือเขินกันแน่
“ไอริส!” มาร์โลว์ดูเหมือนจะไม่พอใจที่ไอริสพูดอย่างนั้น เขาร้องเรียกไอริสเสียงเข้ม หน้าตาดูดุดันน่ากลัว
“มาร์โลว์ พวกเราขออยู่กับไอริสสักพัก” มารุตที่เห็นท่าไม่ดีก็รีบพูดออกมา
“ได้ ฉันจะออกไปทำธุระ แต่ถ้าฉันกลับมาไม่เจอไอริสล่ะก็ พวกนายโดนแน่” มาร์โลว์ดูใจเย็นกว่าที่คิด ผมไม่คิดว่าเขาจะยอมง่ายขนาดนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่วายข่มขู่พวกเราออกมา ไอริสเบ้หน้าทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น
“รู้แล้ว” มารุตที่ไม่ชอบให้ใครมาสั่งก็เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาหน่อย ๆ มาร์โลว์ที่ดูท่าว่าจะจับกระแสอารมณ์ของมารุตได้ก็ไม่พูดอะไรต่อ เขาหันมองหน้าไอริสเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“พี่รัชช์ครับ” ผมที่มองตามแผ่นหลังของมาร์โลว์ออกไปจำต้องละสายตาหันกลับมามองคนเรียก
“พร้อมจะเล่าไหม?” ผมเอ่ยถาม ไม่ได้อยากคาดคั้น แต่เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้วเขาควรบอกอะไรผมบ้าง ไม่อย่างนั้นทั้งผมและมารุตจะช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย
“ผมไม่ได้เป็นอะไรกับเขา” อีกฝ่ายว่าเสียงเบาหวิว ท่าทางของไอริสดูเปลี่ยนไปเมื่อพูดถึงมาร์โลว์
“พูดให้เข้าใจง่ายกว่านี้หน่อย” มารุตว่าเสียงดุ เหมือนเขาเองก็คงจะเริ่มอารมณ์เสียแล้วที่ทั้งมาร์โลว์และไอริสไม่มีใครยอมปริปากบอกอะไรพวกเราเลย
“มัน…มันก็แค่ความผิดพลาด…” ไอริสพูดเสียงสั่นเครือ แววตาดูเศร้าลงทันที สีหน้าก็ดูเจ็บปวด ผมว่าผมพอจะเข้าใจแล้วล่ะ
“เขาทำร้ายไอริสหรือเปล่า?” เรื่องนี้ผมไม่มั่นใจ ไม่รู้เลยว่ารอยช้ำบนผิวขาว ๆ นั่นเกิดจากฝีมือใคร
“ไม่ใช่เขา” อีกฝ่ายส่ายหน้าเบา ๆ
“แล้วคนที่ทำคือใคร?” ผมกับมารุตมองหน้ากันด้วยความสงสัย ถ้าไม่ใช่มาร์โลว์แล้วจะเป็นใคร? ยังมีคนอื่นอีกเหรอ?
“ลุงเขยของผม” ไอริสบอกเสียงเบา
“…” ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัยทันที
“อยากให้พวกเราช่วยอะไรไหม?” ผมเอ่ยถามออกมาเมื่อภายในห้องตกอยู่ในความเงียบ มารุตไม่ได้พูดอะไร และไอริสก็ไม่ได้บอกอะไรเพิ่ม
“ผม…ไม่รู้” ท่าทางของไอริสดูหวาดกลัวและสับสน ผมคิดว่ามันคงมีเรื่องอะไรอีกแน่ แต่เขาเลือกที่จะปิดบังมัน บางทีเขาอาจไม่ไว้ใจผมหรือไม่ก็อาจจะไม่อยากเอ่ยถึงมัน
“กับมาร์โลว์ จะไปอยู่กับเขาไหม?” ผมไม่รู้เลยว่าควรช่วยอะไรอีกฝ่าย ไอริสไม่บอกอะไรพวกเราสักอย่างแล้วจะให้ผมกับมารุตทำยังไง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่ลืมสิ่งที่มาร์โลว์บอกไว้ก่อนหน้านี้ ที่บอกว่าจะเอาไอริสไปอยู่ที่สนามแข่งด้วยผมเชื่อว่าเขาพูดจริงและทำจริงแน่
“มาร์โลว์เอาแต่ใจ ถึงผมไม่อยากไปยังไงเขาก็ต้องบังคับผมให้ไปอยู่กับเขาให้ได้อยู่ดี” ไอริสดูมีท่าทางที่ลังเล แต่เขาก็ไม่ได้ดูหวาดกลัวมาร์โลว์ ที่มาร์โลว์พูดอาจเป็นความจริงก็ได้ เขาไม่ได้ทำร้ายไอริส และเขาก็น่าจะพยายามช่วยไอริสจากอะไรสักอย่างอยู่
“เราไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับไอบ้าง แต่ถ้าไอมีปัญหาก็บอกพวกเรานะ” มารุตบอกกับไอริสด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าก่อนหน้านี้ ท่าทางที่ดูตั้งแง่ก็หายไป ผมดีใจที่มารุตคิดแบบนี้ ถึงพวกเขาจะเคยเป็นแฟนกันและก็มีปัญหากัน แต่ผมก็ไม่อยากให้พวกเขาเกลียดกันหรอกนะ ไอริสไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดที่จะคบหาด้วยไม่ได้ ผมเชื่อว่าตลอดเวลาที่เรารู้จักกันเขาจริงใจกับผม หมายถึง ถ้าตัดเรื่องมารุตออกไป จะว่ายังไงดีล่ะ เอาเป็นว่ามีมิตรย่อมดีกว่ามีศัตรูนั่นแหละ
“เรา…ถ้าเราพร้อม เราจะบอกพี่รัชช์กับรุตนะ” ไอริสมองสบตากับมารุต เขาดูเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา
“มาร์โลว์เป็นคนยังไงเหรอ?” ผมถามเพื่อชวนไอริสคุย
“เขาก็ดีครับ แต่เอาแต่ใจไปหน่อย” พอพูดถึงมาร์โลว์ไอริสก็นิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะตอบออกมาเสียงเบา แก้มขาวซีดค่อย ๆ ขึ้นสีแดงจาง ๆ ให้ได้เห็น
ท่าทางแบบนั้นมันเขินไม่ใช่เหรอ?
“เขาจะดีกับไอริสใช่ไหม?” ผมหันไปถามมารุตด้วยความกังวล ยอมรับว่าค่อนข้างจะเป็นห่วงไอริส แม้มาร์โลว์จะดูไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แต่รู้หน้าไม่รู้ใจนี่ครับ
“ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวให้มาวินกับเร็กซ์ช่วยดูให้อีกแรงนะ” มารุตยกมือขึ้นมาบีบไหล่ผมเบา ๆ คล้ายกับจะบอกให้วางใจ แต่ผมก็ยังคิดมากอยู่ดี
“อื้อ” ถ้ามีพี่มาวินกับคุณกลางคอยช่วยดูอีกแรงคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนัก หรือไม่ก็อาจน่าเป็นห่วงมากกว่าเดิม
อืม เดาไม่ถูกเลย
“ขอบคุณพี่รัชช์กับมารุตนะครับ” ไอริสยกมือไหว้ผมกับมารุต ทำเอาเราทั้งคู่ยกมือขึ้นมารับไหว้แทบไม่ทัน ถึงจะเป็นรุ่นพี่เขามาหลายปีแล้ว แต่ก็เขินทุกครั้งที่มีคนยกมือไหว้นะครับ
“ไม่เป็นไรหรอก” อะไรที่ช่วยได้ผมก็อยากช่วยนั่นแหละ ก็บอกแล้วไงว่าผมทำตัวเฉยชากับไอริสไม่ได้ เรารู้จักกันถ้าจะเมินเฉยไม่ช่วยเขาผมก็รู้สึกผิดบาป มันคงเป็นเรื่องของจิตสำนึกล่ะมั้งครับ
“พี่รัชช์ครับ” ไอริสเรียกผมเสียงหวาน ถ้าไอริสไม่สารภาพเรื่องที่กลั่นแกล้งผมออกมาเอง ผมก็คงไม่เชื่อ เขาไม่ได้ดูเกลียดชังผมเลย กลับกันออกจะดูเป็นมิตรเสียด้วยซ้ำ ผมถึงได้บอกไงว่าไม่เคยเอะใจสงสัยอะไรเขาเลย
“ครับ?” ผมขานรับงง ๆ
“มาหาผมบ่อย ๆ ได้ไหมครับ?” เขาถามผมพร้อมประกายความหวังในดวงตา
“…” มารุตที่ได้ยินอย่างนั้นก็หันขวับมามองหน้าไอริสทันที
“ได้ไหมรุต?” ผมหลุดเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ ในลำคอเมื่อเห็นหน้าตายุ่ง ๆ ของคนรัก
“เราจะพารัชช์ไปหาไอบ่อย ๆ” หลังจากที่ใช้เวลาขบคิดอยู่นานมารุตก็พยักหน้ารับเบา ๆ เหมือนใจหนึ่งเขาก็ไม่อยากพาผมไปหาไอริส แต่อีกใจก็ดูจะสงสารไอริสไม่ต่างจากผม ตัวผมน่ะยังไงก็ได้ ผมให้สิทธิ์การตัดสินใจเป็นของมารุตเพราะว่าผมยึดเอาความสบายใจของเขาเป็นหลัก ถ้าอะไรที่ผมทำแล้วเขารู้สึกไม่สบายใจ ผมก็จะไม่ทำ
ถ้าถามว่ารักมารุตมากไหม?
ก็ตอบได้เลยว่า
อือ มาก
“ขอบคุณนะ” รอยยิ้มแรกของวันผุดขึ้นบนใบหน้าหวาน ไอริสยกยิ้มออกมาได้เมื่อมารุตรับปากแบบนั้น
ตลอดช่วงเช้าผมและมารุตอยู่เป็นเพื่อนไอริส พอตกเที่ยงมาร์โลว์ก็กลับมา แม้อีกฝ่ายจะมีท่าทีที่อยากให้ผมกับมารุตกลับมากแค่ไหนแต่ผมก็แกล้งทำเป็นไม่รับรู้ แล้วผมก็อยู่เป็นเพื่อนไอริสตลอดจนถึงช่วงเย็น ไอริสดูร่าเริงขึ้น มาร์โลว์ไม่ได้ว่าอะไรที่ผมยังคงลอยหน้าลอยตาให้เขาเห็นอยู่ อีกฝ่ายทำเพียงแค่นั่งมองไอริสสลับกับหน้าจอไอแพดของตัวเองเพียงเท่านั้น ดูท่าแล้วงานน่าจะยุ่ง แต่ก็ยังอุตส่าห์มีเวลามาเฝ้าไอริสได้ เหมือนว่าที่เขาหายไปคือกลับไปเก็บเสื้อผ้ามานอนเฝ้าไอริสเพราะผมเห็นเขาถือกระเป๋าเข้ามาด้วย ทั้งห้องมีเพียงแค่เสียงของผมกับไอริสพูดคุยกันเพียงเท่านั้น มารุตเอาแต่นั่งเล่นโทรศัพท์ไม่สนใจใคร แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร พอเวลาผ่านไปไอริสก็พูดมากขึ้นและกินข้าวได้เยอะกว่าเมื่อวาน ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับคนป้อนข้าวด้วยหรือเปล่า ผมคอยสังเกตการกระทำของมาร์โลว์อยู่ตลอด เขาดูแลไอริสดีมาก ป้อนข้าวป้อนน้ำทั้งที่ไอริสสามารถตักกินเองได้ แถมยังอุ้มเข้าห้องน้ำทั้งที่ไอริสสามารถเดินไปเองได้อีกด้วย ดูแลดีมากจนไอริสเองก็ยังรู้สึกขัดใจ และแม้ว่าไอริสจะโวยใส่มาร์โลว์ไปบ้างแต่อีกฝ้ายก็ไม่ตอบโต้ นิ่งเฉยแถมยังดูใจเย็นมาก ๆ อีกด้วย นิสัยดูขัดกับหน้าตาเหมือนกันนะ
ถึงจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดทั้งวันแต่มารุตก็คุยกับไอริสนับประโยคได้ กับมาร์โลว์เองไอริสก็พูดด้วยน้อยมาก แต่กับผมเขากลับชวนคุยไม่หยุด คนที่พูดไม่เก่งอย่างผมก็เลยดูจะพูดมากกว่าปกติเป็นพิเศษ แต่ไอริสดูสดใสก็ดีแล้วล่ะ ผมเองก็ยังกลัวเลยว่าไอริสจะซึม แต่เป็นแบบนี้แหละดีแล้ว พรุ่งนี้ช่วงบ่ายไอริสก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ผมได้คุยกับมาร์โลว์แล้วเขาบอกว่าจะจัดการเรื่องค่ารักษาพยาบาลของไอริสเอง แถมยังบอกกับผมว่าไม่ต้องไปหาไอริสที่โรงพยาบาลอีก ให้ไปเจอกันที่สนามแข่งรถเลย ผมก็ได้แต่พยักหน้า คุยกับมาร์โลว์แล้วรู้สึกแปลก ๆ เหมือนเห็นตัวเองยังไงก็ไม่รู้ โดยภาพรวมแล้วผมก็รู้สึกว่ามาร์โลว์เป็นคนที่ใช้ได้เลยแหละ เขาดูเป็นผู้ใหญ่สมอายุ ผมไม่แน่ใจว่าเขาอายุเท่าไหร่ แต่ดูท่าแล้วน่าจะมากว่าไอริสหลายปีอยู่ ไอริสก็ดูเหมือนจะเปิดใจให้มาร์โลว์คอยดูแลพอสมควรเลย ผมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขามันเป็นยังไง แต่ที่แน่ ๆ เลยผมว่ามันก็ไม่ได้แย่
พอเริ่มเย็นผมกับมารุตก็พากันกลับโดยมีมาร์โลว์ที่มองมาด้วยสายตาที่ขับไล่ไสส่ง มาร์โลว์ดูท่าจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าผมสักเท่าไหร่ ยิ่งตอนไอริสชวนผมคุยเขาก็จ้องมองตลอด มีบางจังหวะที่ไอริสแตะโดนตัวผม เขาก็มองผมตาขวางเลย เฮ้! มันใช่ความผิดของผมที่ไหนกันล่ะ แล้วอีกอย่างนะ แฟนผมก็นั่งอยู่ข้าง ๆ ถึงแม้ไอริสจะตรงสเปคใครหลาย ๆ คนแต่นั่นก็ไม่ใช่กับผม
เพราะผมน่ะชอบแบบนี้ ---> (ชี้ไปทางมารุต)
ผมคิดว่าคงจะไม่พาตัวเองเข้าไปยุ่งเรื่องของไอริสมากนัก คิดไว้แล้วว่าถ้าเขายังไม่พร้อมจะเล่าผมก็จะไม่เค้นถาม ถ้าถึงเวลาที่เขาอยากเล่าและอยากให้ผมช่วยผมก็ยินดีที่จะช่วย แต่ผมอาจไม่ได้ช่วย เพราะมาร์โลว์คงไม่ยอมให้ใครยุ่งเรื่องของไอริสแน่ ถึงจะอยากรู้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แต่ผมก็ต้องเงียบไว้ มันไม่ใช่เรื่องที่ควรถามเลย แต่ยอมรับก็ได้ว่าอยากรู้ เอาไว้รอดูอีกสักพักดีกว่า แล้วค่อยให้คุณกลางสืบอีกที
เอ่อ มันไม่ได้ดูอยากรู้อยากเห็นมากเกินไปใช่ไหมครับ?
เอาเป็นว่าผมรอให้ไอริสเป็นคนบอกเองก็ได้ครับ แหะ ๆ
------------------------------
มาร์โลว์ก็มานะจ๊ะ มีคู่นี้แน่นอน แต่จะมาตอนไหนนั้นยังไม่รู้
รุตรัชช์เขาก็รักกันดี ต่างฝ่ายต่างหลงกัน เหม็นความรักไปหมด
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

68 ความคิดเห็น
-
#41 Amymind (จากตอนที่ 7)วันที่ 12 มีนาคม 2563 / 23:41งือออ อยากอ่านคู่ของไอจังง#410
-
#40 [In_My_DreaM] (จากตอนที่ 7)วันที่ 9 มีนาคม 2563 / 00:28คุณเล็กก็คือน่ารักไม่เสื่อมคลาย 5555#400
-
#39 ips. (จากตอนที่ 7)วันที่ 8 มีนาคม 2563 / 14:08เจ้าหมาน้อยของคุณรัชช์น่ารักมากๆ ลืมตอนที่ตีกันภาค1ไปหมดแล้ว ตอนนี้มองเห็นแต่หมาน้อยขี้งอน น่ารักกกก#390
-
#38 ENJOY_EVERYDAY (จากตอนที่ 7)วันที่ 8 มีนาคม 2563 / 13:14คุณรัชช์น่ารักแบบนี้ เราเป็นมารุตก็หลงจนไปไหนไม่รอดเหมือนกัน#380