ตอนที่ 2 : ผู้หญิงหัวสูง
ตอนที่ 2
ผู้หญิงหัวสูง
“ทิตย์” ตอบสั้นๆ ห้วนๆ ไร้ซึ่งหางเสียง
เห็นทีว่าเธอต้องบอกให้บิดาจัดการสังคายนามารยาทของคนงานในไร่กันเสียใหม่แล้ว นอกจากไม่รู้จักเจ้านายลูกน้อง ตีตัวเสมอลูกคนจ่ายเงินเดือนให้ ยังยียวนกวนประสาทเก่งอีก อากาศยิ่งร้อนๆ ทำให้คนหงุดหงิดได้ง่ายๆ ด้วย
“อื้อ...นายทิด...แล้วนายบวชมาแล้วกี่พรรษาล่ะ?”
ทิตย์ศวัสนิ่งไปครู่หนึ่ง พอเข้าใจคำถามก็แทบขำก๊ากออกมา...เธอถามชื่อ...เขาก็บอกชื่อ แต่หญิงสาวกลับเข้าใจไปว่าเขาผ่านการบวชเรียนมาแล้วจนใครๆ เรียก ‘ทิด’
“ยัง...ผมยังไม่บวช ยังหาคนถือหมอนให้ไม่ได้น่ะ” ตอบกลั้วขำ
ผู้หญิงข้างๆ หัวเราะหึๆ อยู่ในลำคอพอให้ได้ยิน ก่อนจะเบ้ปากสวยๆ
“ก็สมควรหรอก พูดจากวนประสาทเสียขนาดนี้...นี่...นาย ฉันจะบอกอะไรให้นะ ผู้หญิงไม่ชอบผู้ชายยอกย้อนต่อปากต่อคำหรอกนะ อยากหาคนถือหมอนได้ ก็เปลี่ยนนิสัยเสียใหม่นะ” ลอยหน้าลอยตา ทำคอเชิดแนะนำให้อย่างหวังดี
ครานี้เขาไม่อดกลั้นอีกแล้ว แต่หัวเราะก๊ากออกมาสุดเสียง จนคนแนะนำหน้าเหวอไปเลยทีเดียว
คำว่าหาผู้หญิงไม่ได้...ไม่น่าจะใช้กับเขา เพราะสาวๆ วิ่งเข้าไปหาถึงไร่ทองตะวันกันฝุ่นตลบ
เป็นเธอเสียอีกมากกว่าที่ว่าหาสามีไม่ได้...ถึงขนาดว่าต้องให้บิดาเอามายัดเยียดให้กับเขา...จำนองไร่ได้ถูกเหมือนได้เปล่า ยังได้ลูกสาวแถมมาอีก
ไอ้ครั้นจะไม่เอาของแถม ก็กลัวว่าเขาจะกลายเป็นคนอกตัญญู ไม่รู้คุณคน
เอาเหอะ...เห็นสภาพสาวเจ้าอย่างนี้...เขาให้ไม่เกินสองอาทิตย์ คุณรุ้งดาวสาวเกาหลีหลุดแคตตาล็อกคงถอดร้องเท้าส้นสูงวิ่งหน้าเริดกลับกรุงเทพฯ แทบไม่ทัน
“ใครบอกว่าไม่มี ที่บอกว่าหาไม่ได้ เพราะสาวๆ เขาแย่งกันถือหมอนจนตบตีหัวร้างข้างแตกต่างหากล่ะ ผมไม่อยากทำให้ใครเสียน้ำใจ กลัวกุฏิพระจะแตกด้วย ก็เลยยังไม่บวช...อีกอย่างตอนนี้ยังไม่ว่างงานในไร่เยอะมาก”
“เฮอะ” รุ้งดาวแค่นยิ้ม ทำหน้าไม่เชื่อสรรพคุณที่ได้ยินอวดอ้าง แต่ก็ไม่สนใจจะต่อปากต่อคำด้วยอีก เพราะชายหนุ่มอาจจะเลี้ยวเข้ามาแขวะเธอได้ เรื่องที่ไม่ยอมกลับมาช่วยบิดาทำงานในไร่
ถึงแม้ไร่รุ้งดาวจะให้ผลผลิตดี ทำรายได้ปีๆ มากเสียยิ่งกว่าเงินเดือนตำแหน่งพนักงานฝ่ายการตลาดที่เธอทำอยู่ก็ตาม
แต่เธอก็ชอบที่จะได้แต่งตัวสวยๆ ได้ทำงานอยู่ในห้องแอร์เย็นๆ พบปะเพื่อนฝูง นัดกันแฮงค์เอาท์ หรือชอปปิ้งเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าสวยๆ งามๆ มากกว่าจะมาทนหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินตากแดดตากลมตัวดำอยู่ในไร่ วันๆ ก็เห็นแต่วัว แต่ม้า คนงานหน้าตาถึกๆ พูดจาเถื่อนๆ อย่างนายทิดนี่
โอ้ย! แค่คิดก็อยากสั่งให้คนกวนประสาทเลี้ยวรถกลับพาไปส่งที่ท่ารถเสียตอนนี้เลย
“แล้วที่ไร่เป็นยังไงบ้างล่ะ?”
“ก็ร้อนนะ ดูท่าจะแล้งด้วย เห็นว่าปีนี้พระโคเลือกกินน้ำกับหญ้า คำทำนายว่าน้ำท่าจะบริบูรณ์พอควร ผลผลิตได้ผลดีเฉพาะที่ลุ่ม แต่บังเอิญไร่เรามันอยู่ในที่ดอนเสียด้วย ก็อาจจะเปลืองเงินเปลืองแรงผันน้ำเข้าไร่มากสักหน่อย”
คิ้วเรียวขมวดมุ่นนิดๆ มองสีหน้าเป็นกังวลหน่อยๆ ของชายหนุ่ม
แหม! ทำตัวราวกับเป็นเจ้าของไร่เสียเอง!
เท่านั้นไม่พอ ไอ้สรรพนามที่ว่า ‘ไร่เรา’ หมอนี่รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังตีตนเสมอเจ้านายอยู่
นอกจากอากาศจะไม่เป็นใจ เส้นทางไปทุลักทะเล เธอยังต้องมาผจญกับคนงานบ๊องๆ อย่างนายทิดนี่อีก ช่างไม่มีแรงจูงใจอะไรให้อยากกลับมาที่เขาชะมวงนี่เอาเสียเลย นอกจากว่ามันเป็นสมบัติพัสถานชิ้นใหญ่ที่จะกลายเป็นมรดกตกทอดให้เธอเป็นเจ้าของในอนาคตอันใกล้นี่
ซึ่งรุ้งดาวค่อนข้างจะมั่นใจเกินล้านเปอร์เซ็นต์ว่าตัวเองไม่มีวันหันมาพิสมัยบ้านไร่ ทำงานจับจอบจับเสียมแน่นอน
แล้วเธอจะทำยังไงกับมันดีล่ะ?
ขายไงล่ะ...
ได้เงินก้อนโตที่ประเมินว่าจะได้รับจากการขายที่ดินกว่าสองร้อยไร่ จะทำให้เธอกลายเป็นมหาเศรษฐีได้ในพริบตา ได้ยินว่าใครๆ ก็กำลังหมายตาที่ผืนนั้นตาเป็นมัน...ทั้งเสี่ยชัชชาติ และยังจะใครนะ หลานชายหลวงลุงทองที่มารับมรดกไร่ทองตะวันต่อน่ะ...ป่านนี้หลายปีแล้ว เขาจะยังทำไร่ไถนาอยู่รึเปล่า? ข่าวว่าเขาเป็นนักเรียนนอกด้วย
“นายรู้จักเจ้าของไร่ทองตะวันไหม?”
จู่ๆ เธอก็สนใจผู้ชายคนนั้นขึ้นมา จำได้ว่าเขาอายุมากกว่าเธอหลายปี แต่ก็ไม่เคยได้เห็นหน้าค่าตากันหรอก นอกจากฟังที่บิดาเล่าถึง
คนถูกถามหูกระดิก ปรายตามามองหญิงสาวอย่างแปลกใจนิดๆ
“คุณทิตย์ศวัสนะหรือ?”
“อื้อ...ใช่มั้ง...น่าจะชื่ออะไรวัดๆ วาๆ นี่แหละ เข้ากับนายดีนะ นายทิด” ว่าขึ้นมากลั้วขำติดตลก
“คุณถามทำไม?”
“นายรู้จักเขาใช่ไหม? เขาเป็นคนยังไง?”
“อื้ม...!”
เล่นมาถามอย่างนี้ จะตอบว่ายังไงดีหว่า?
“ก็เป็นคนดี ขยันขันแข็ง มีน้ำใจ เกษตรกรรุ่นใหม่หัวก้าวหน้าคนทั้งเขาชะมวงก็รักเขานะ” อันนี้ไม่ได้ยกยอตัวเอง เขาก็พูดตามที่เห็นที่คนอื่นพูดมาอีกทีนั่นแหละ
หากคนฟังทำหน้าไม่เชื่อ...เพราะจำได้ว่าชายหนุ่มผู้นี้เพิ่งย้ายมาอยู่ไม่กี่ปีเอง
“แหม! พูดเกินไปหรือเปล่า?”
“ไม่หรอก...ไม่เกินไป...อ้อ! จะบอกให้ด้วยว่า นายทิตย์ศวัสหล่อล่ำ กำยำ สาวๆ เห็นแล้วกระโดดเข้าใส่จนหนีแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว”
“ห๊า!” ทำเสียงสูง ก่อนจะเบ้ปาก
เรื่องนั้นเธอไม่สนใจหรอก เขาจะขี้เหร่หรือหล่อยังไง ก็แค่หนุ่มชาวไร่นั่นแหละ ไม่เคยอยู่ในความคิดหรือสายตา
“นายว่าเขาชอบทำไร่ไถนาไหม?”
“ก็ชอบสิ...อื้ม! คงชอบมั้ง ไม่งั้นก็คงไม่อยู่ที่นี่ถึงเจ็ดปีหรอก”
“เจ็ดปี...เขาอยู่มาเจ็ดปีแล้วเหรอ? อื้ม...”
อยู่มานานจริงๆ ดูท่าว่าจะชอบบ้านไร่เป็นจริงเป็นจัง เธอจะดีใจมาก หากต้องขายสมบัติพัสถานสุดรักแสนหวงของบิดาให้กับคนที่ชอบมันจริงๆ
“ว่าแต่คุณถามถึงเขาทำไม?”
“ถ้ารู้ว่าเขาชอบทำไร่ไถนาก็ดี”
เพราะบางทีเขาก็น่าจะสนใจอยากซื้อไร่ของเธอด้วย ไหนๆ ที่ดินก็ติดกัน และอีกอย่างเธอไม่ชอบเสี่ยชัชชาติที่วางกล้ามเป็นผู้มีอิทธิพลในเขาชะมวง แถมตอนที่บังเอิญไปเจอกันที่กรุงเทพฯ ตาลุงนั่นยังมาทำท่ากระลิ้มกระเหลี่ยใส่เธออีกทั้งที่อายุรุ่นราวคราวพ่อได้ ใส่ทองเส้นเท่านิ้วชี้ มีลูกน้องตามเป็นพรวน เอาเป็นว่าไม่ถูกชะตาอย่างแรง ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากนับว่าเป็นคนรู้จัก ก็เลยไม่อยากยุ่งกับนักเลงโตบ้านนอกพรรค์นั้น
นายอะไรนะ? วัดๆ วาๆ นี่แหละที่จะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่เธอจะยอมขายที่ดินให้...หากเขาสนใจจะซื้อจริง
คนขับมองหญิงสาวข้างๆ อย่างประหลาดใจ ในชีวิตเขาหลายปีให้หลังไม่มีสาวประเภทนี้ผ่านเข้ามานัก
รุ้งดาวดูติ๊งต๊องเหมือนพวกนางเอกการ์ตูนญี่ปุ่นเกาหลี โชคดีมากเทียวที่เจ้าหล่อนมีใบหน้าสวยๆ และหุ่นเริ่ดๆ พ่วงมาด้วย ไม่อย่างนั้นคงดูไม่จืดเป็นแน่
แต่แหม! ไอ้หุ่นผอมเพรียว ขายาวเป็นนกกระยางเทรนด์นางแบบนี่ ถึงจะสวยก็ไม่ต้องรสนิยมเขาสักเท่าไหร่ อย่างเขามันต้องสาวพันธ์เนื้อนมไข่ เหมือนแม่วัวพันธุ์ที่กำลังเลี้ยงอยู่นั่นสิ ถึงจะตรงสเป็ก
แต่แค่เมียแก้ขัด จะไปหวังอะไรมาก แค่เธอสวยกว่าที่คิดเอาไว้ เขาก็โล่งใจมากทีเดียว เพราะสองปีจากนี้จะได้ไม่กล้ำกลืนฝืนทนเกินไป
‘สองปีที่อยู่ในความดูแล คุณไม่มีสิทธิ์ล่วงเกินลูกสาวผม’
‘แล้วคุณลุงจะให้ผมแต่งงานกับเธอทำไม สองปีเทียวนะครับ ไม่ใช่สองนาที แล้วคนเป็นผัวเมียกันนี่ ถ้าจะจับจะแตะจะต้องอะไรไม่ได้คงจะยาก บังเอิญว่าผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนเสียด้วยสิ...บางทีคุณลุงอาจจะไว้ใจคนผิด’
คนที่อาจหาญจะฝากลูกสาวให้เขาดูแลหรี่ตาลงมองหน้าพร้อมกับคิดพินิจพิเคราะห์อย่างชั่งใจ
‘ก็เว้นเสียแต่ว่าหนูรุ้งจะยินยอมพร้อมใจ...แต่ผมขอสัญญาจากคุณอย่างลูกผู้ชายว่าจะไม่มีการใช้กำลังบังคับลูกสาวผม’
ให้ตายสิ นี่ว่าที่พ่อตาคงไม่รู้ว่าอย่างเขา มีแต่สาวๆ ทั้งเขาชะมวงวิ่งเข้าใส่ เพราะต่างก็อยากใช้นามสกุลตะวันรุ่ง และเป็นนายหญิงแห่งไร่ทองตะวันกันทั้งนั้น แต่เขาก็ดันรับปากไปแล้ว เพื่อให้คนแก่สบายใจ
และตอนนี้เขาก็ชักสงสัย ว่ารุ้งดาวจะซักประวัติของเขาไปทำไมกัน?
หรือบางทีเจ้าหล่อนอาจจะรู้ระแคะระคายมาว่า กำลังจะได้ดองกันในเร็ววันนี้แล้ว คิดแล้วเขาก็บอกไม่ถูกจริงๆ ว่านึกยังไง ถึงได้ตกปากรับคำจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่แม้แต่จะเคยเห็นหน้า หรือรู้จักนิสัยใจคอ ให้ต้องมาหวั่นใจว่าจะอยู่ด้วยกันรอดหรือเปล่า ถึงจะเป็นเวลาไม่นานนัก เพียงแค่สองปีก็ตามเถอะ
งานนี้สงสัยต้องแล้วแต่บุญทำกรรมแต่งเสียแล้วล่ะ
“เฮ้อ!”
เสียงถอนหายใจพรวดใหญ่ เรียกใบหน้าเรียวเล็กหันกลับมามองอย่างแปลกใจนิดหนึ่ง ก่อนจะเลิกสนใจ เพราะยังคิดไม่ตกว่าเหตุผลอะไรทำให้บิดาต้องเรียกตัวเธอกลับบ้านเป็นการด่วนอย่างนี้
ติดตามผลงานของนักเขียนได้ที่
https://www.facebook.com/RachaRil/
https://my.dek-d.com/racharil/writer/
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

5 ความคิดเห็น
-
#5 150221 (จากตอนที่ 2)วันที่ 19 พฤษภาคม 2563 / 20:09ขำพระนางมากท่าจะสนุก#50