ตอนที่ 32 : เดือนที่ 31 : การตัดสินใจของหิมะ
UNISTAR ✦ เดือน.กลบ.ดาว ✦
- เดือนที่ 31 : การตัดสินใจของหิมะ -
(เครดิตภาพ : https://vistapointe.net/images/path-3.jpg)
ผมรู้สึกได้ว่าพี่ซีเองก็รู้ว่าความคิดของผมเปลี่ยนไป
แต่พี่ซีกลับแสดงท่าทีเหมือนไม่สนใจ ตราบใดที่ผมยังอยู่กับพี่ซี ยังคงดูแลพี่ซีอยู่ตลอดเวลา พี่ซีก็ยังคงยิ้มให้ผมอยู่เสมอ
ทุกวันนี้เวลาผมออกไปไหน ค่อนข้างลำบากพอสมควร พี่ซีจะถามตลอดว่าที่ไปไหน กลับมาได้กี่โมง ถ้าเกิดไม่จำเป็นจริงๆ เช่น ไปซื้อของ พี่ซีก็บอกว่าฝากคนอื่นไปซื้อก็ได้ เพราะพีดีกวางก็ให้คนขับรถมาส่งอาหารทุกวัน
กลายเป็นว่าผมแทบใช้เวลาทั้งวันอยู่แต่ในห้องกับพี่ซี ส่วนมากก็ช่วยพี่ซีทำกายภาพบำบัด ทานข้าว พูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระ ดูทีวีด้วยกัน เวลาผมง่วงนอน พี่ซีก็ปล่อยให้ผมได้พักผ่อน เวลาพี่ซีนอนช่วงกลางวัน ผมก็โหลดหนังสือในแท็ปเล็ตมาอ่านฆ่าเวลา
เราไม่ได้ทำอะไรมากกว่านี้ และพี่ซีก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรมากกว่านี้ เหมือนพี่ซีพอใจแค่ได้เห็นผมอยู่ใกล้ๆ เท่านั้น
แม้ชีวิตมันจะดูสงบและเงียบง่าย แต่ผมกลับเริ่มกังวลหลายอย่าง หากพี่ซีไม่อยากหายจริงๆ พี่ซีจะนอนโรงพยาบาลแบบนี้ต่อไปเหรอ ถ้าพี่ซีไม่คิดกลับไปเรียนหมอหรือกลับไปทำงาน แล้วต้นสังกัดจะทำอย่างไร แล้วผมล่ะ ควรทำอย่างไร แม้โรงพยาบาลนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แต่พอหมดช่วงปิดเทอม ผมก็ต้องกลับไปเรียน พี่ซีไม่สามารถอยู่แบบนี้ไปได้ตลอดแน่ๆ
ผมเองก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ในเมื่อพี่ซีไม่มีความคิดที่จะออกจากโรงพยาบาลเลย
“คิดอะไรอยู่เหรอ” พี่ซีถาม ทำให้ผมสะดุ้ง พี่ซีตื่นแล้วเหรอ ผมเลยเดินไปข้างเตียงพี่ซี
เมื่อกี้นี้พี่ซีหลับ ผมก็เลยอ่านหนังสือใน Kindle แต่ผมมัวแต่คิดอะไรเพลินๆ ก็เลยนั่งเหม่อเฉยๆ
“ผม...แค่...” ผมลังเล ไม่รู้ว่าควรพูดดีมั้ย
“อยากให้พี่ซีหายไวๆ”
ทว่าปฏิกิริยาที่พี่ซีมองผมนั้น ไม่ค่อยเป็นในเชิงบวกเท่าไหร่
“อยากไปจากที่นี่แล้วงั้นสินะ” พี่ซีเอ่ยเสียงนิ่ง
ผมฟังแล้วได้แต่เงียบ ไม่กล้าเปิดบทสนทนาต่อ เพราะคำตอบของพี่ซีเป็นราวกับคำเตือนที่ไม่ให้ผมถามมากกว่านี้
ผมรู้ว่าพี่ซีไม่อยากหายและไม่มีทางให้ผมไป
“ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ” ผมลองเกลี่ยกล่อมพี่ซี ไม่รู้ว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ผมพยายามพูดและไม่เคยสำเร็จเลย
“ผมอยากให้พี่ซีใช้ชีวิตปกติ ไม่อยากเห็นพี่ซีอยู่แต่ในโรงพยาบาลแบบนี้”
“ชีวิตปกติงั้นเหรอ” พี่ซีเลิกคิ้ว ก่อนจะยิ้มกว้าง
“อยู่ในโรงพยาบาลแบบนี้ ก็เป็นชีวิตปกติที่สะดวกดีไม่ใช่เหรอ”
“พี่ซีครับ...” ผมรู้สึกจนใจ
“วันหนึ่ง พี่ซีก็ต้องกลับไปเรียน ผมเองก็ต้องกลับไปเรียนนะครับ”
เราไม่สามารถอยู่โรงพยาบาลแบบนี้ทั้งชีวิตได้
“ตอนนี้น้องปิดเทอมอยู่ไม่ใช่เหรอครับ”
พี่ซีเหมือนไม่ได้สนใจประเด็นที่ผมพูดเลย
“น้องก็ยังอยู่ที่นี่ต่อได้ ใช่มั้ยครับ”
ผมฟังแล้วถอนหายใจเบาๆ รู้สึกจนปัญญาแล้ว ไม่รู้ต้องทำอย่างไร สุดท้ายจึงได้แต่เงียบ เพราะไม่ว่าผมจะพยายามโน้มน้าวพี่ซีอย่างไร พี่ซีก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนความคิดง่ายๆ
ผมกับพี่ซีนั่งเงียบกันอยู่ในห้องสักพัก จนกระทั่งพีดีกวางเปิดประตู แล้วเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“สวัสดีครับพี่กวาง” ผมยกมือไหว้ แล้วก็ต้องถามทันที เพราะสีหน้าของพีดีกวางดูเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ
“พี่กวางมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”
”น้องซี น้องยู ไม่ได้ตามข่าวกันเลยสินะ”
พีดีกวางมองพวกผมนิ่งๆ ก่อนเปิดแท็ปเล็ตให้ดู
“มีคนปล่อยข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ของซี ยูนิสตาร์กับแฟนคลับ”
“อะไรนะครับ” ผมฟังแล้วตกใจ
พอลองดูข่าวในแท็ปเล็ต มีเขียนทำนองว่า ซี ยูนิสตาร์แอบมีความสัมพันธ์ลับๆ กับแฟนคลับในด้อมคนหนึ่ง เป็นแฟนคลับคนที่เคยไปออกรายการด้วยกัน มียืนยันจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลซึ่งพี่ซีรักษาตัวด้วยว่า แฟนคลับคนนั้นมาเฝ้าไข้พี่ซีเป็นการส่วนตัว
แม้ว่าไม่มีรูปหลักฐานอื่นๆ แต่ในข่าวนั้น กลับแนบรูปภาพพี่ซีกับผมตอนอยู่ในรายการ
ในข่าวนั้น เขาพูดถึงพี่ซีกับผม
“ถึงมันเป็นแค่ข่าวลือที่ไม่มีหลักฐานยืนยัน แต่ก็ส่งผลกระทบหนักอยู่นะ” พีดีกวางเอ่ย
“เพราะยูนิสตาร์ตอนนี้อยู่ในสภาวะดิ่ง ซันยังไม่ฟื้น ซียังรักษาตัว แล้วมาเจอข่าวแบบนี้ ในช่วงนี้ที่ยังออกผลงานไม่ได้ กำลังใจของแฟนคลับสำคัญมาก ข่าวนี้ทำให้ด้อมนางนวลวุ่นวายพอสมควร”
คำอธิบายของพีดีกวางทำให้ผมรีบเปิดดูทวิตเตอร์ เนื่องจากตอนผมอยู่กับพี่ซี ทุกครั้งที่มือถือของผมดัง พี่ซีจะหันไปจ้องตลอด ราวกับสงสัยว่าใครคุยกับผม ผมกลัวว่าจะทำให้พี่ซีไม่สบายใจ ผมจึงปิดแจ้งเตือนทุกอย่างไว้
ผมรู้สึกตกใจเพราะเพิ่งเห็นว่ามีคน DM กับเมนชั่นมาหาผมในทวิตเตอร์เยอะมาก ส่วนมากมาเซ้าซี้ถามว่าข่าวนี้เป็นความจริงหรือเปล่า บางคนแค่เห็นข่าวลือก็ตีโพยตีพายไปก่อนแล้ว หาว่าผมทรยศด้อมบ้าง จะแบนจะแอนตี้ผมบ้าง ทวิตเตอร์ของพี่ซีเองก็เช่นกัน แม้ยังมีแฟนคลับจำนวนไม่น้อยที่ไม่เชื่อข่าวลือและยังเชื่อใจพี่ซีอยู่ แต่ก็มีบางส่วนที่ออกตัวก่อนแล้วว่ารู้สึกผิดหวัง ถึงทุกคนรู้ว่าช่วงนี้พี่ซีต้องการกำลังใจ แต่บางคนก็พูดรุนแรงทำนองว่า สมน้ำหน้า โกหกแฟนคลับ หลอกใช้ความรักของพวกเรา กรรมเลยตามสนอง รถชนเข้าโรงพยาบาลจนเกือบพิการแบบนี้
ผมไม่อยากให้พี่ซีต้องรับฟังความคิดเห็นแย่ๆ จากแฟนคลับ พอผมดูเสร็จก็รีบปิดมือถือ และไม่อยากรับรู้มันอีก
“เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเป็นคนปล่อยข่าวเหรอครับ” พี่ซีถามด้วยสีหน้าปกติ ราวกับไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านกับข่าวนี้สักเท่าไหร่
“พี่สืบดูแล้ว ไม่มี” พีดีกวางตอบ “อย่าลืมว่าโรงพยาบาลนี้มีเครือ MW เป็นหุ้นส่วนใหญ่ ไม่ใช่แค่น้องซีคนเดียว ดาราหลายคนก็ต้องมารักษาตัวที่นี่ เจ้าหน้าที่ต้องเก็บข้อมูลเป็นความลับ”
“ถ้างั้น ใครเป็นคนปล่อยข่าวเหรอครับ” ผมอดถามไม่ได้
พีดีกวางมองพี่ซีแล้วถอนหายใจ
“แหล่งข่าวต้นตอ ได้ยินว่าเจ้าของสื่อเป็นเพื่อนสนิทกับแม่น้องซี”
ผมเบิกตากว้าง แม่พี่ซีงั้นเหรอ หรือว่า...
ตอนนั้นที่แม่พี่ซีขู่ว่าจะทำลายพี่ซี อย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องนี้
ถ้าเป็นเรื่องจริง ผมไม่เข้าใจเลยว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ เกลียดพี่ซีมากถึงขนาดอยากให้พี่ซีล้มจมลงดิน แม้จะเป็นครอบครัวเดียวกันอย่างนั้นเหรอ
“แบบนี้เองสินะ” พอพี่ซีได้ยินเช่นนั้น ก็หัวเราะทันที
“ในเมื่อพวกเขาอยากทำลายผมด้วยข่าวลือ งั้นก็ทำให้มันไม่เป็นข่าวลือเลยสิครับ”
“อะไรนะซี...” พีดีกวางเหมือนรู้ว่าพี่ซีกำลังคิดอะไรอยู่ สีหน้าดูตกใจไม่น้อย
“พีดีเคยบอกว่า ยอมรับการตัดสินใจของผมทุกอย่าง ไม่ใช่เหรอครับ”
คำกล่าวของพี่ซี ทำให้พีดีกวางเงียบไป
“สภาพผมตอนนี้...” พี่ซีถอนหายใจ
“คงเป็นยูนิสตาร์ต่อไม่ได้แล้วล่ะครับ พีดีไปทุ่มทุนกับน้องใหม่น่าจะดีกว่ามารักษาชื่อเสียงของผมนะครับ”
คำพูดของพี่ซีที่เหมือนถอดใจจากการเป็นยูนิสตาร์แล้ว ผมฟังแล้วรู้สึกไม่ดีเลย
“ถ้าซีทิ้งวงการบันเทิง แล้วซีจะทำอะไรต่อ” คำถามของพีดีกวางทำให้บรรยากาศเริ่มตึงเครียด
“นั่นสินะครับ” พี่ซีแสดงสีหน้าเอือมระอา
“ผมคงไม่มีทางเลือกแล้ว นอกจากต้องรีบหายไวๆ”
พี่ซีไม่พูดเปล่า แต่พี่ซีจับมือผมไว้ด้วย ทำให้ผมตกใจนิดหน่อย เพราะเราสองคนอยู่ต่อหน้าพีดีกวาง ยิ่งมีข่าวแบบนั้นด้วย ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลย แต่พีดีกวางเพียงเหลือบมองแล้วไม่ได้แสดงท่าทีอะไร
“ถ้าประกาศความจริงออกไปว่าเรากำลังคบกันอยู่” พี่ซีพูดกับผม
“ทุกคนก็คงรู้ว่าน้องยูเป็นของพี่แล้ว พี่คงสามารถกลับไปเรียนต่อได้ โดยไม่ต้องกังวล”
“พี่ซี...” ผมยังช็อคไม่หาย ไม่คิดว่าพี่ซีจะพูดแบบนี้ต่อหน้าพีดีกวาง
สีหน้าพีดีกวางยังคงเป็นปกติ แม้จะมีท่าทีตกใจอยู่บ้าง
“ถ้าผมหายดีแล้ว ผมคงกลับไปเรียนหมอครับพีดี” พี่ซีเอ่ย
“แต่ตอนนี้ผมไม่มีเงินเก็บ เพราะรายได้ทั้งหมดแม่ผมเป็นคนรับเงิน กว่าผมจะเรียนจบหมอจนทำงานได้เงินเดือน ก็คงอีกหลายปี ถ้าผมไม่ได้เป็นยูนิสตาร์แล้ว ผมก็คงไม่มีสวัสดิการ แต่อย่างน้อยก็คงจบสัญญาจ่ายเงินที่ผูกกับแม่ผมไว้ด้วย...”
พี่ซีมองพี่กวางเหมือนกำลังขอร้อง
“ระหว่างที่ผมยังเรียนไม่จบ พีดีช่วยหางานให้ผมทำได้หรือเปล่าครับ เป็นงานอะไรก็ได้ ขอแค่มีค่าตอบแทนให้ผม ให้ผมเป็นเอ็กตร้าหรือตัวประกอบก็ได้ จะเป็นละคร รายการ หรือโฆษณาต้นทุนต่ำ ผมก็ไม่เกี่ยง บทบาทอะไร ผมก็ยอมทำหมดครับ”
”พี่ซี...” ผมฟังแล้วใจหายวาบ เพราะพี่ซีพูดเหมือนกับยอมให้ตัวเองตกต่ำเลย
“ซี..” พีดีกวางใช้เสียงตำหนิ
“ซีเคยเป็นถึงยูนิสตาร์นะ รู้มั้ยว่าโปรเจ็คยูนิสตาร์เป็นภาพลักษณ์ที่ดีแค่ไหน เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับสินค้าที่เป็นหน้าเป็นตาของเครือ MW แล้วหลายแบรนด์ที่น้องซีเคยเป็นพรีเซนเตอร์ มีมูลค่าสูงขนาดไหน และทำยอดขายได้มากถึงแค่ไหน”
พีดีกวางเหมือนย้ำให้พี่ซีรู้ถึงสถานะและศักดิ์ศรีของตัวเองในฐานะที่เป็นหนึ่งในยูนิสตาร์
“ครับ ผมรู้” พี่ซียิ้มเฝื่อนๆ
“เพราะผมเคยเป็นถึงยูนิสตาร์ ถึงต้องรบกวนพีดีช่วยหางานที่พอมีรายได้ให้ผมบ้าง ถือว่าผมขอร้องนะครับ”
พอพี่ซีพูดกลับมาแบบนี้ พีดีกวางก็เหมือนจนปัญญาที่จะคุยต่อ
“แล้วเรื่องข่าวลือ ซีจัดการอย่างไร” พีดีกวางตัดบทเปลี่ยนคำถาม
“ตามที่พีดีกวางเห็นสมควรเลยครับ ผมยินดีแถลงข่าวเรื่องนี้ด้วยตัวเอง จะไม่ให้กระทบโปรเจ็คยูนิสตาร์และต้นสังกัดครับ”
“อืม” พีดีกวางเหมือนตอบรับแบบไม่เต็มใจ
“เรื่องนี้ยังพอมีเวลาอยู่ ซีก็ลองคิดดูอีกทีนะ”
พีดีกวางเพียงเหลือบมองที่ผมด้วยสายตาคาดหวัง ราวกับจะสื่อว่ามีแค่ผมคนเดียวที่สามารถเกลี่ยกล่อมพี่ซีได้ จากนั้นพีดีกวางก็เดินจากไป
ผมเองก็ไม่รอช้าที่จะพูดเรื่องนี้ต่อ ผมรู้สึกไม่สบายใจจริงๆ
“พี่ซีครับ ตัดสินใจแบบนั้น มันจะดีเหรอครับ”
“ทำไมล่ะครับ” พี่ซีแสดงสีหน้าฉงน
“ที่ผ่านมา น้องก็อยากให้พี่หายดี แล้วออกจากโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอครับ”
ผมพูดไม่ออกเลย เพราะมันก็จริงที่ผมพยายามเกลี่ยกล่อมพี่ซีมาตลอด แต่ความหมายของผม คือ อยากให้พี่ซีหายดี แล้วกลับไปใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง ไม่ใช่พี่ซีที่ตัดสินใจหายดีเพราะจะได้ทิ้งอนาคตตัวเองไปแบบนี้
“พี่จะกลับไปเรียนหมอ”
พี่ซีเอ่ยกับผมด้วยรอยยิ้มที่เหมือนจะอบอุ่น
“พอพี่จบมา เงินเดือนก็คงสูงอยู่ พี่จะได้ดูแลน้องยูยังไงล่ะครับ”
“พี่ซี...”
ผมไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี จริงอยู่ว่ามันก็เป็นเรื่องดีที่พี่ซีจะไม่เอาแต่นอนอยู่โรงพยาบาล แล้วเลือกกลับไปเรียนเพื่องานในอนาคต
แต่สิ่งที่ทำให้พี่ซีตัดสินใจเช่นนี้ มันไม่ใช่เพราะพี่ซีทำเพื่อตัวเองน่ะสิ
พี่ซีไม่ได้วางแผนอนาคตเพื่อตัวพี่ซีเลย แต่เพียงเพื่อให้ได้อยู่กับผมเท่านั้น
ไม่ว่าจะพี่ซีจะเลือกเป็นหมอแล้วไม่เป็นไอดอล หรือจะกลับไปเป็นไอดอลต่อ
ผมยอมรับการตัดสินใจของพี่ซีทุกอย่าง ขอเพียงพี่ซีตัดสินใจเลือก พราะมันเป็นสิ่งที่พี่ซีต้องการ
ไม่ใช่พี่ซีที่เลือกทิ้งปัญหาไว้แบบนี้
เพราะพี่ซีไม่ได้ทิ้งแค่วงการบันเทิงเท่านั้น แต่พี่ซีจะเลือกทิ้งทั้งแฟนคลับ ยูนิสตาร์คนอื่นๆ รวมถึงพีดีกวางที่สนับสนุนพี่ซีจากใจจริงมาโดยตลอด
”ถ้าเลือกได้ พี่ก็ไม่อยากรบกวนให้พีดีหางานให้พี่หรอก” พี่ซียังคงพูดต่อ
“แต่มันคงเป็นทางเดียวที่พี่จะหาเงินได้ระหว่างที่เรียนหมอ ในเมื่อแม่พี่คงเลือกที่จะทำลายพี่แล้ว พ่อพี่ก็คงไม่สนใจ พี่พึ่งใครไม่ได้แล้วจริงๆ”
ผมเข้าใจความกดดันของพี่ซี และผมเองก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจพี่ซี แต่ผมก็ยังเชื่อว่า มันน่าจะมีทางออกที่ดีกว่านี้
ขอแค่พี่ซีเลือกที่จะสู้ต่อ ผมเชื่อว่าพีดีกวางและทุกๆ คนจะต้องช่วยพี่ซีให้ผ่านพ้นไปได้
“ผมก็ยังเชื่อว่า ไม่ว่าเจอข่าวแย่แค่ไหน พี่ซีก็ยังกลับไปเป็นยูนิสตาร์ได้นะครับ หรือถ้าไม่ได้จริงๆ พี่ซีก็ขอให้พี่กวางช่วยหางานบทบาทดีๆ ได้นี่นา”
ผมรู้สึกไม่ดีเลยที่พี่ซีกดคุณค่าของตัวเองลงแบบนี้
“น้องยูครับ” พี่ซีมองผมนิ่งๆ
“ถ้าพี่ออกมายอมรับข่าวลือ แฟนคลับก็คงไม่ให้อภัยพี่ ป่านนั้นพี่คงโดนเกลียด ต่อให้พีดีกวางช่วยพูดให้พี่ไม่ต้องโดนไล่ออกจากยูนิสตาร์ แต่ถ้าไม่มีแฟนคลับสนับสนุน พี่ก็คงอยู่ต่อไม่ได้ จะให้พี่ไปรับงานสำคัญของต้นสังกัด ชื่อเสียงของพี่จะพลอยฉุดพวกเขาเปล่าๆ”
แม้สิ่งที่พี่ซีพูดจะฟังดูมีเหตุผล แต่ผมก็ยังไม่อยากให้พี่ซีมองในแง่ลบไปก่อน โดยที่ยังไม่ได้ลองคิดหาทางเลือกอื่น เพราะใจพี่ซียอมแพ้ไปก่อนแล้ว ต่อให้ทุกคนอยากช่วยแค่ไหน มันก็ทำได้ยาก
“พี่ซีครับ ข่าวลือมันก็ไม่ใช่ความจริงทุกอย่างนะครับ ก่อนหน้านี้ พี่ซีกับผมก็ไม่ได้คบกันเลย ทำไมพี่ซีถึงไม่ออกไปแก้ข่าวล่ะครับ”
ผมไม่อยากให้พี่ซีถูกตราหน้าว่าหลอกลวงแฟนคลับแบบนี้ เพราะในข่าวลือนั้นมันก็ใส่ไฟเกินจริงอยู่หลายอย่าง
คนอื่นจะด่าผมยังไง ผมไม่สนใจ
สำหรับผม พี่ซีสำคัญมากที่สุด
“ตอนนี้เราคบกันไม่ใช่เหรอ” พี่ซีเตือน
“มันก็จริง...” ผมก้มหน้าลง “แต่ผมยินดีเก็บทุกอย่างเป็นความลับ เพื่อรักษาชื่อเสียงของพี่ซีนะครับ”
“ถ้าพี่ทำแบบนั้น เราก็จะไม่ได้อยู่ด้วยกันนะ” พี่ซีเอ่ย
“แต่ถ้าพี่ซียอมรับข่าวลือ พี่ซีก็ทำลายตัวเองไปด้วยนะครับ”
“แล้วไงล่ะครับ” พี่ซีพูดตัดบท
“ที่พี่เลือกมายืนอยู่ตรงนี้ ก็เพราะอยากพิสูจน์ตัวเอง ตอนนี้พี่รู้แล้ว ทำไปก็ไร้ประโยชน์ ไม่มีใครเห็นค่า ถ้ามันทำให้ทั้งพี่และยูต้องลำบาก แล้วพี่จะทนอยู่ไปทำไมล่ะครับ แฟนคลับจะผิดหวังหรือจะเกลียดพี่ ก็ช่างพวกเขาเถอะ ขอแค่...”
พี่ซีมองผมอย่างจริงจัง พร้อมกับกุมมือผมไว้แน่น
“ยูยังอยู่กับพี่ ก็พอแล้ว”
ผมเข้าใจที่พี่ซีพูด ผมอยากยอมรับการตัดสินใจของพี่ซี
“แต่ว่า...”
“พอแล้วครับ”
คราวนี้พอผมจะเถียง พี่ซีกลับดึงมือออกแล้วหันหน้าไปทางอื่น เหมือนไม่อยากคุยด้วยแล้ว
“พี่ตัดสินใจแล้ว ถ้าพี่เป็นยูนิสตาร์ต่อ พี่ก็จะอยู่กับน้องไม่ได้...”
พี่ซีเพียงเหลือบมองผมด้วยหางตา จากนั้นก็ลอบยิ้มมุมปาก
“อีกอย่าง น้องยูก็ตัดสินใจคบกับพี่เองไม่ใช่เหรอ”
ผมตัวแข็งทื่อทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้
“ตั้งแต่ยูตัดสินใจคบกับพี่ พี่ก็ได้ลาออกจากยูนิสตาร์แล้ว”
บทสนทนาของผมกับพี่ซีสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้
ผมไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้อีกแล้ว เพราะข้อสรุปสุดท้ายมีเพียงอย่างเดียว
คือ ผมผิดเองทุกอย่าง
ช่วงที่พี่ซีกำลังนอนพัก ผมหยิบมือถือขึ้นมาเช็คดูอีกรอบ มีเพื่อนหลายคนทักมาถามเรื่องข่าวลือของผมกับพี่ซี แต่ผมไม่รู้จะพูดเรื่องนี้อย่างไร จึงไม่ได้ตอบกลับ
แม้ในโลกโซเชียลกำลังเดือดด้วยข่าวลือความสัมพันธ์ของพี่ซี และผมก็รู้ว่าตัวเองคงโดนด่าเยอะแน่ๆ แต่ผมก็ยังอยากเข้าไปดูว่าพวกเขาคิดอย่างไรกัน
แม้แฟนคลับส่วนใหญ่จะไม่ยอมรับ แต่ก็ยังมีแฟนคลับจำนวนหนึ่งที่ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าเข้าใจพี่ซี และยอมรับได้หากพี่ซีจะรักใครสักคน เพราะช่วงนี้พี่ซีเผชิญอะไรมาเยอะ พี่ซีต้องการความรับและกำลังใจ บางคนในกลุ่มนั้นก็ส่ง DM มาบอกผมโดยตรงด้วยว่า ถ้าข่าวลือเป็นจริง ก็ขอแสดงความยินดี ฝากดูแลให้พี่ซีหายไวๆ
นั่นทำให้ผมรับรู้ว่า แม้การที่ไอดอลมีความสัมพันธ์กับใครสักคน จะเป็นเรื่องเซนซิทีฟกับแฟนคลับหลายคน แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะต่อต้านและไม่เห็นด้วย ยังมีอีกบางคนที่เขาชื่นชมไอดอลจากใจจริง และพร้อมที่จะสนับสนุนเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ผมจึงรู้สึกแย่เหลือเกิน ที่เห็นพี่ซีกลับถอดใจ แล้วเลือกทิ้งแฟนคลับที่จริงใจเหล่านั้นไป
ผมนึกถึงกรณีของพี่อิน ที่แม้กระแสมันจะรุนแรง แต่สุดท้ายพี่อินก็พิสูจน์ความจริงใจ จนได้รับการยอมรับจากแฟนคลับ
ผมรู้ว่ากรณีพี่ซีอาจไม่เหมือนกัน มันอาจยากกว่าด้วยพื้นฐานของภาพลักษณ์ที่ต่างกัน พี่อินสามารถดึงดูดแฟนคลับด้วยภาพลักษณ์ที่ดี มอบความสุขอันอบอุ่นให้กับแฟนคลับ มันคงทำให้หลายคนรู้สึกผิดที่จะทำลายความสุขของพี่อิน
ในขณะที่พี่ซีดึงดูดแฟนคลับด้วยรูปร่างหน้าตาและการเซอร์วิซเป็นหลัก แฟนคลับที่ชอบพี่ซีคงมองพี่ซีไม่เหมือนกับพี่อินแน่ๆ ผมเองก็ตอบได้ยากเหมือนกันว่า พี่ซีจะสามารถทำให้แฟนคลับยอมรับได้เหมือนพี่อินมั้ย แต่มันคงไม่มีวันสำเร็จเลย หากพี่ซีถอดใจไปแล้วตั้งแต่ต้น
อีกทั้งความคิดของพี่ซีในตอนนี้ พี่ซีต้องการแค่อยากอยู่กับผมเท่านั้น ไม่ได้สนใจคนรอบข้างเลย ในฐานะที่ผมเองก็เป็นด้อมนางนวลเหมือนกัน ผมรู้เลยว่าพี่ซีในสภาวะแบบนี้ มันคงยากจริงๆ
ถ้าหากข่าวลือนี้เกี่ยวข้องกับแม่พี่ซีจริง พวกเขาก็ตั้งใจทำให้พี่ซีตกต่ำอยู่แล้ว พี่ซีเลือกลาออกแบบนี้ ก็ยิ่งเข้าทางไปอีก
ผมรู้ว่าพี่ซีอยากอยู่กับผม ผมเองก็อยากอยู่กับพี่ซีเช่นกัน
แต่ความสัมพันธ์ของเราสองคนเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย
จะแตกหักและล้มลงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ผมเองก็อยู่ในสถานะที่ช่วยพี่ซีไม่ได้เลย
ผมคิดแล้วก็ได้แต่ข่มตาลง
พอปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งอยู่ในความว่างเปล่าสักระยะ จู่ๆ กลับมีความคิดบางอย่างขึ้นมา
“ไม่สิ มันพอมีทางอยู่ แต่ว่า...” ผมพูดพึมพำ
ทางเลือกนี้ คงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ทั้งผมและพี่ซี
แต่ทางเลือกนี้ ผมมีโอกาสช่วยพี่ซีได้
ผมถอนหายใจอย่างหนักหน่วงอยู่หลายรอบ
ผมไม่อยากทำแบบนี้เลย แต่ผมก็ไม่อยากให้พี่ซีทิ้งทุกอย่างเพราะผมเช่นกัน
ถึงแม้เราจะมีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ผมคงยิ่งทำลายชีวิตของพี่ซีไปเรื่อยๆ และพี่ซีเองก็จะเส้นเลือกทางที่ทำลายตัวเองเพราะผมเช่นกัน
ด้วยเหตุเพราะพี่ซีในตอนนี้ เปราะบางเกินกว่าจะยอมเลือกทางเดินอื่น
คงมีแต่ผมเท่านั้นที่ทำได้
ผมไม่เหลือทางเลือกแล้ว มันจะต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด
ยังไงผมก็ต้องทำ...แต่ว่า...ผมก็ไม่อยากให้มันล้มเหลว
ผมควรทำอย่างไรดีนะ
ผมคิดอยู่สักพัก ขณะมองดูพี่ซีที่กำลังหลับอยู่ ผมก็หยิบมือถือแล้วเดินออกจากห้องผม ไปหาที่เงียบๆ จากนั้นก็กดโทรศัพท์
“Hello.” เสียงปลายสายรับ
“Hello, dad. (สวัสดีครับพ่อ)”
ผมไม่คิดเลยว่า ผมจะต้องเป็นฝ่ายติดต่อพ่อไป หลังจากเหตุการณ์วันนั้นในร้านอาหาร ซึ่งทำให้ทั้งผมและพ่อไม่ได้คุยกันอยู่หลายวัน
“I saw the news (ฉันเห็นข่าวแล้วนะ)” พ่อทักมาด้วยประโยคนี้
ผมรู้ว่าพ่อกำลังต้องการคำอธิบาย
“Dad, I would like to tell you something. Could you please listen to me? (พ่อครับ ผมอยากพูดบางอย่างกับพ่อ พ่อช่วยฟังผมได้มั้ยครับ)”
“I’m listening. (กำลังฟังอยู่)”
ผมเรียบเรียงคำพูดชั่วขณะ
“I’ve decided, I am willing to go to the exchange program for next semester. And if I have an opportunity, I will transfer credit for the remaining semester in the US. (ผมตัดสินใจแล้ว ผมยินดีไปเรียนแลกเปลี่ยนในเทอมถัดไป และถ้าผมมีโอกาส ผมก็จะโอนหน่วยกิตไปเรียนต่อที่อเมริกาด้วย)”
“What? really? (อะไรนะ จริงเหรอ)”
น้ำเสียงของพ่อเหมือนกำลังประหลาดใจ เพราะล่าสุดที่ผมเถียงกับพ่อไว้ คงทำให้พ่อคิดว่าผมไม่อยากไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศแล้ว
”Yes, but I have a condition. (ใช่ แต่ผมมีเงื่อนไขครับ)”
“What is it? (มันคืออะไร)”
“This may be nonsense for you, but I do need your help…(นี่อาจเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับพ่อ แต่ผมต้องการให้พ่อช่วยจริงๆ...)”
จากนั้นผมก็อธิบาย ตอนแรกผมก็รู้สึกกังวลว่าพ่อจะไม่อยากรับฟัง แต่กลับน่าแปลกที่พ่อเพียงฟังผมเงียบๆ โดยไม่ได้โต้แย้ง พอผมพูดจบ พ่อก็ตอบแค่ว่า Okay แล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ
พอพ่อวางสายไป ผมก็สูดลมหายใจเข้าออกอย่างยากลำบาก
การตัดสินใจเช่นนี้ สำหรับผม มันหนักหนาเหลือเกิน แต่ผมคงทำได้เพียงเท่านี้จริงๆ
หลังจากนั้น ผมก็กดเบอร์โทรหาพีดีกวาง
“ว่าไงครับน้องยู” พีดีกวางแทบจะรับสายทันที
“พี่กวางครับ เกี่ยวกับเรื่องข่าวลือ” แม้ใจผมรู้สึกบีบคั้น แต่เสียงผมกลับหนักแน่น
“ผมรู้ว่าตอนนี้คงไม่เหมาะให้พี่ซีแถลงข่าวเรื่องนี้ ดังนั้น พี่กวางช่วยอนุมัติให้ผมเป็นคนออกหน้าแทนพี่ซีได้หรือเปล่าครับ”
“อะไรนะครับ” พีดีกวางคาดไม่ถึง
“น้องยูจะประกาศยอมรับความสัมพันธ์กับซี....ด้วยตัวเองอย่างนั้นเหรอ”
“เปล่าครับ” ผมตอบ
“แต่ผมจะปกป้องทุกอย่างของพี่ซี...ด้วยตัวผมเอง”
✦✦✦✦✦✦✦✦
Writer's Talk
มีผู้อ่านบอกว่า เรื่องพี่ซีต่างจากเรื่องอื่นในเซ็ตยูนิสตาร์สุดๆ ถูกแล้วค่า 555 จริงๆ จะบอกว่า ทุกเรื่องในเซ็ตยูนิสตาร์ แม้จะเป็นธีมไอดอลเดือนมหาลัยเหมือนกัน แต่ทุกเรื่องจะไม่ซ้ำกันเลย ไม่ใช่แค่เปลี่ยนตัวละครหรือพล็อตเท่านั้น แต่โทนเรื่อง การเดินเรื่อง คลี่คลายปม ก็ไม่เหมือนกันด้วย
เรื่องพี่ซีไม่เหมือนกับสองเรื่องก่อนหน้า และเรื่องซันกับเรื่องเลโอ ก็ไม่เหมือนเรื่องพี่ซีและก่อนหน้านี้เช่นกัน ฮ่า
แต่ทุกเรื่องในเซ็ตรวมทั้งเรื่องพี่ซี ที่เหมือนกัน คือ จบ Happy Ending นะคะ
แต่เรื่องพี่ซีค่อนข้างฉีกแนวจากทุกเรื่องที่เราเคยแต่งพอสมควร 555 บอกไม่ได้เพราะไม่อยากสปอย ฮ่า
เอาเป็นว่า ฝากผู้อ่านผ่านช่วงนี้กันให้ได้อีกอึกใจเดียว อย่างน้อยขอให้ติดตามกันจนถึงตอนจบเนอะ คิดว่าก็น่าจะรู้ว่าเป็นยังไง ฮ่า
ยังคงยืนยันว่า สุดท้ายพี่ซีและน้องยูได้อยู่ด้วยกันในตอนจบนะคะ
มีภาพแฟนอาร์ตน่ารักๆ มาฝากด้วยนะคะ
พี่ซีกับน้องยู น่าร้ากกกมากกก พี่ซีใส่ชุดนิสิตแพทย์ ส่วนน้องยูใส่ชุดนักศึกษา ฮ่า
ขอบคุณน้องปิงปองที่วาดมาให้มากๆ เลยนะคะ ชอบมากเลย~~~
ซี : น้องยู มาครับ กอดกันนะ
ยู : อืออออ //เขินนนน แต่ก็ยอมให้กอด
-------------------------------
แฮชแท็กประจำเรื่อง #เดือนกลบดาว
Twitter : @colourfulearth ใช้ชื่อว่า L.Loklalla จ้า
Facebook Page : EarthLok - ล.โลกลัลล้า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โง้ยยยยยยยย ชอบอ่าาาาา มนมีความสับซ้อนซ่อนเงื่อนเพื่อรทรยศ(?)มากเลย ช๊อบชอบกลิ่นอายแบบนี้ แต่ก็ยังอยู่ด้อมกะทิอยู่นะ5555555
น้องจะทำอะไรรรร ฮือ สงสารน้องอะ กลายเป็นโทษตัวเองไปแล้ว แต่ก็เข้าใจพี่ซีนะ งื้อ อยากได้เล่ม 55555555555555555555555555555
หมอดูมาช่วยน้องให้มันสุดสิ เร็วเข้า 555
// อินมากค่ะ
ข้าถึงบทบาทจริงๆ