ตอนที่ 21 : เดือนที่ 20 : หิมะพบดาว
UNISTAR ✦ เดือน.กลบ.ดาว ✦
- เดือนที่ 20 : หิมะพบดาว -
(credit : https://wallup.net/pine-trees-snow-landscape-stars/)
“กรุณาแลกบัตรด้วยครับ มาติดต่อแผนกไหนครับ”
พอผมจะเดินเข้าตึกโรงพยาบาล ZU ยามที่เฝ้าหน้าประตูทางเข้าก็ถามก่อนเลย
“ผมมาสัมภาษณ์งานกับร้านเครื่องดื่มในโรงพยาบาลครับ”
ผมส่งบัตรประชาชนให้เขา แล้วเอาสกรีนช็อตอีเมลให้เจ้าหน้าที่ดู เขาให้ผมเซ็นชื่อ แจ้งเหตุผลที่เข้ามาที่นี่ แจ้งเวลาเข้าและระบุเวลาออกโดยประมาณ พร้อมกับเขียนหมายเลขโทรศัพท์ด้วย ผมคิดว่าเป็นโรงพยาบาลที่รักษาความปลอดภัยเข็มงวดดีแท้ ไม่รู้ว่าเพราะมีพี่ซีอยู่ที่นี่หรือเปล่า ถ้าไม่มีกิจธุระใดๆ เช่น มีนัดหมอ เยี่ยมญาติ ก็คงไม่ได้เข้ามาเลย
ร้านเครื่องดื่มตั้งอยู่ตรงระเบียงชั้นสองใกล้กับสวน เป็นซุ้มร้านเล็กๆ ผมเห็นหมอกับพยาบาลมายืนต่อคิวซื้ออยู่พอสมควร เครื่องดื่มส่วนใหญ่เป็นน้ำผลไม้แยกกากกับน้ำผลไม้ปั่นเพื่อสุขภาพ
ในซุ้มมีผู้ชายที่อายุสี่สิบกว่าๆ กำลังทำงานอยู่ ผมจึงเดินเข้าไปหาเขา
“สวัสดีครับ ผมยุธิภัคที่มาสมัครงานครับ”
“มาแล้วเหรอ โอเค แป๊บนึงนะ ขอเคลียร์ออเดอร์ลูกค้าก่อน”
ระหว่างที่นั่งรอตรงโต๊ะใกล้กับสวน ผมก็ครุ่นคิดถึงคำพูดของหมอดูคนนั้น ผมเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็ยอมรับว่าพักหลังการแสดงออกของพี่ซีมันแตกต่างจากที่ผมเคยรู้สึก ผมจับต้นชนปลายไม่ถูกเหมือนกัน เลยตัดสินใจวิเคราะห์ตามสไตล์เด็กเนิร์ดอย่างผม
ผมหยิบสมุดโน้ตขึ้นมา แล้วก็ลิสต์นิสัยพี่ซีที่ผมเคยเข้าใจเป็นศัพท์ Adjective ทั้งหมด 8 อย่าง
Naive, Innocent, Friendly, Kind, Caring, Sociable, Gentle, Warm-hearted
ผมถนัดคุ้นชินกับคำอังกฤษมากกว่าคำไทย ผมเลยเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ผมมองทุกคำที่ผมเขียนออกมา นี่แหละคือตัวตนของพี่ซีที่ผมเคยเข้าใจ
แต่ถ้าหมอดูคนนั้นบอกว่า ตัวตนของพี่ซีไม่ใช่แบบนั้น งั้นหมายความว่า ที่ผมเขียนมาทั้งหมด มันคือตรงกันข้ามงั้นเหรอ
ผมพิจารณาสักพัก จากนั้นก็เขียนคำคู่ตรงข้ามที่คิดว่าเหมาะกับแต่ละคำลงไป
Naive (ใสซื่อ ⌿ Cunning (เจ้าเล่ห์)
Innocent (ไร้เดียงสา) ⌿ Malicious (ร้ายกาจ)
Friendly (เป็นมิตร) ⌿ Unfriendly (ไม่เป็นมิตร)
Kind (ใจดี) ⌿ Selfish (เห็นแก่ตัว)
Caring (เอาใจใส่) ⌿ Apathetic (ไม่แยแส)
Sociable (เข้าสังคมง่าย) ⌿ Isolate (โดดเดี่ยว)
Gentle (สุภาพ) ⌿ Harsh (รุนแรง)
Warm-hearted (อบอุ่น) ⌿ Cold-hearted (เย็นชา)
ผมมองดูคำขั้วตรงข้ามแล้วถึงกับอึ้ง ถ้าทั้งหมดนั้นคือตัวตนของพี่ซีที่แท้จริง มันคงจะน่าตกใจอย่างมาก
แต่ไม่หรอกมั้ง ผมพยายามบอกตัวเอง พี่ซีก็มีแค่ด้านที่ฉลาดเจ้าเล่ห์บ้างตามสไตล์คนเรียนเก่ง กับมีด้านที่ไม่เป็นมิตรกับตรงไปตรงมาอย่างรุนแรงบ้าง เพราะผมล้ำเส้นพี่ซีไปเอง
พี่ซีคงไม่ได้เป็นขั้วตรงข้ามตามที่ผมลิสต์มาทุกอย่างหรอก
ผมขบคิดอะไรอยู่ในหัวตัวเองพักใหญ่ จนลูกค้าที่มาสั่งน้ำไปหมดแล้ว ผู้จัดการจึงเดินเข้ามาคุยกับผม
“สวัสดีครับ ผมเป็นผู้จัดการของร้านนะครับ” เขาแนะนำตัวให้ผมรู้จัก “สาขานี้ขาดคนพอดี ช่วงนี้ผมก็เลยต้องมาทำงานแทนเกือบทุกวัน”
จากนั้นเขาก็หยิบเอกสารประวัติที่ผมส่งไปขึ้นมาอ่าน
“คุณคือยุธิภัค นักศึกษาจากมหา’ลัย CYU เป็นมหา’ลัยอินเตอร์ด้วย คุณพูดภาษาอังกฤษได้ใช่มั้ย”
“ได้ครับ ผมเคยไปสอบโทเฟลกับไอเอล ได้คะแนนเกือบเต็มครับ”
ผมไม่รู้ว่าโอ้อวดไปหรือเปล่า แต่ว่าเวลาสัมภาษณ์งานให้เราได้งาน เราก็ต้องพูดข้อดีของเราเยอะๆ เหรือเปล่า
ตอนที่ผมเตรียมสอบเข้ามหา’ลัย พ่อผมก็ยังไม่ชัวร์ว่าจะให้ผมเรียนที่ไทยหรือต่างประเทศ ผมก็เลยต้องฟิตทั้งสอบที่ไทยและสอบวัดระดับภาษา ผมมาลองสอบที่มหา’ลัย CYU ที่พ่อทำงานอยู่ด้วย เพราะคะแนนผมเป็นที่โดดเด่นมากๆ มหา’ลัยจึงให้ทุนเต็มจำนวน พ่อกับแม่ผมก็ตัดสินใจกันอยู่พักใหญ่ เนื่องจากปริญญาตรีต้องเรียนตั้งสี่ปี พ่อเลยให้ผมเลือกเอาทุนไว้ก่อน ต่างประเทศไว้ค่อยไปเรียนตอนปริญญาโท
“โอ้…” ผู้จัดการดูอึ้งเล็กน้อย “อันที่จริง งานของเราเป็นงานง่ายๆ ไม่ได้ต้องการคุณสมบัติสูงขนาดนั้น ดูจากโปรไฟล์คุณแล้ว ภาษาอังกฤษดีเลิศ เกรด 4.00 เป็นนักเรียนทุน แถมเคยเป็นติวเตอร์สถานกวดวิชาชื่อดัง”
ผู้จัดการมองผมอย่างไม่เข้าใจ
“แล้วคุณมาสมัครเป็นพนักงานร้านเครื่องดื่มทำไมครับ ทำไมไม่ไปฝึกงานกับบริษัทใหญ่ๆ แทน”
ก็จริงอยู่นะ ผมคิดในใจ แต่ถ้าไปฝึกงานกับบริษัทใหญ่ ต้องขอให้มหา’ลัยออกจดหมายให้ พ่อผมก็ต้องรู้เรื่องอีก สุดท้าย ผมก็คงฝึกงานได้แต่ในร้านพวกนี้ไปพลางๆ ก่อน ระหว่างรอเพื่อนๆ ช่วยหานักเรียนที่สนใจให้ผมเป็นติวเตอร์
“ผมอยากลองทำอะไรที่ไม่เคยทำดูบ้างครับ อยากลองหาประสบการณ์ใหม่ๆ” ผมเลือกคำตอบที่คิดว่าน่าจะทำให้ผมได้งาน
“โอเค” ผู้จัดการพยักหน้า “ดูจากความตั้งใจเรียนของคุณ ผมคิดว่างานของร้านเรา คุณคงไม่มีปัญหาอะไร งั้นผมจะเริ่มสอนงานคุณเลยแล้วกันนะ”
จากนั้นผู้จัดการก็พาผมไปที่หลังร้าน ให้ผมสวมถุงมือและใส่ผ้ากันเปื้อน อธิบายให้ผมฟังว่าอุปกรณ์ต่างๆ วางอยู่ตรงไหน ต้องใช้อะไรอย่างไรบ้าง น้ำผลไม้ทุกชนิดมีสูตรเฉพาะตัวอยู่แล้ว ผมแค่ทำตามสูตรที่ลูกค้าเลือกสั่ง ผู้จัดการเริ่มสอนผมหั่นผลไม้แล้วเอาใส่เครื่อง พอมีลูกค้าเข้ามาบ้าง ก็เริ่มให้ผมลองทำดู โดยมีผู้จัดการยืนกำกับอยู่ข้างๆ
“ผมชอบคุณนะ คุณเรียนรู้ได้ไวดี ผมเห็นคุณเริ่มไม่มองสูตรแล้ว คุณจำได้หมดแล้วเหรอ” ผู้จัดการถามผม
“ครับ” ผมยิ้มเล็กน้อย จำเมนูสูตรน้ำผลไม้ง่ายกว่าจำเลคเชอร์ในมหา’ลัยหลายเท่าตัว
“จริงด้วยสิ” ผู้จัดการเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ “ร้านเรามีลูกค้าประจำอยู่คนหนึ่ง เขามักจะสั่งเมนูพิเศษที่ไม่มีในสูตรของเรา เป็นผลไม้เน้นบำรุงผิวน่ะ ถึงได้ผิวสวยทุกวัน ก็จะมีแครอท ส้ม เสาวรส สัปปะรด แล้วก็กีวี่....”
ผมจดจำทุกอย่างที่ผู้จัดการบอกผม
“อ่ะ นั่นไง ลูกค้าประจำของเรา” ผู้จัดการหันไปทักทายลูกค้าใหม่
“สวัสดีครับ วันนี้คุณหมอรับเหมือนเดิมใช่มั้ยครับ”
พอผมหันไปเห็นลูกค้าประจำที่ว่า ผมก็ยืนตัวแข็งทื่อทันที
ลูกค้าประจำคนนี้มีผิวที่ขาวเนียนบริสุทธิ์ สมกับที่ดื่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพบ่อยๆ ใบหน้านั้นช่างงดงามเหมือนกับเทพมาจุติ ประกอบกับเสื้อกาวน์ยาวสีขาวแล้ว ยิ่งขับให้ความสวยงามของเขาโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
ผมรู้ว่า ผมมาที่นี่ก็อาจมีโอกาสเจอพี่ซี แต่ไม่คาดคิดว่าจะเจอตั้งแต่วันแรกเลย
“สวัสดีครับ” เขายิ้มทักทายผู้จัดการ “ผมเป็นนิสิตแพทย์อยู่ ยังไม่ใช่หมอนะครับ วันนี้รับเหมือนเดิมครับ”
แม้แต่รอยยิ้มของเขา ก็ยังสะกดสายตาเหมือนดังเคย
“เรียกหมอ สั้นๆ ดีแล้วครับ นักศึกษาแพทย์ยาวไปหน่อย” ผู้จัดการหัวเราะ
“คุณหมอ วันนี้ผมเพิ่งรับพนักงานใหม่มาทำงาน เดี๋ยวให้เขาลองทำนะครับ”
พอผู้จัดการแนะนำผม พี่ซีก็เบนสายตามามองผมทันที
เมื่อพี่ซีเห็นผม พี่ซีก็เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ ราวกับไม่คิดว่าผมจะมาอยู่ที่นี่ได้
ผมมองพี่ซีแล้วทำตัวไม่ถูกอยู่พักใหญ่ จนผู้จัดการกระทุ้งศอกใส่ผม
“เอ้า ยืนเหม่อทำไม เริ่มทำสิ”
“ครับ” พอผู้จัดการกระตุ้น ผมก็ก้มหน้าก้มตาหั่นผลไม้ตามสูตรที่ผู้จัดการบอก จากนั้นก็เอาไปใส่เครื่องแยกกาก
พอทำเสร็จแล้ว ผมก็ปิดฝาแก้ว เอากระดาษพันรอบแก้ว แล้วก็วางที่เคาน์เตอร์
“คุณหมอลองชิมดูนะครับ ฝีมือเด็กใหม่เป็นอย่างไรบ้าง” ผู้จัดการเอ่ย
พี่ซียิ้มเล็กน้อย จากนั้นริมฝีปากก็แตะที่หลอดเบาๆ พี่ซีดื่มไปสักพัก ก็แสดงท่าทีครุ่นคิด
“สูตรไม่เหมือนกับที่ผู้จัดการเคยทำนะครับ เหมือนจะใส่สัปปะรดมากไปนิดนึง” พี่ซีวิจารณ์
“ผมจะปรับปรุงครับ” ผมได้แต่ตอบสั้นๆ
“พอดีบอสโทรมา ขออนุญาตนะครับ ถ้าคุณหมอต้องการอะไรเพิ่มเติม บอกพนักงานใหม่ได้เลยนะครับ” จู่ๆ ผู้จัดการก็ขอตัวไปคุยโทรศัพท์
ตอนนี้จึงเหลือแค่ผมยืนเฝ้าร้านกับพี่ซีที่ยืนอยู่หน้าร้าน
พอผู้จัดการไปแล้ว ผมคิดว่าพี่ซีก็คงจะไปด้วย แต่คิดไม่ถึงว่าพี่ซีจะยังอยู่
พี่ซีมองผมสักพัก จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า
“ต้องตามพี่มาถึงที่นี่เลยเหรอ”
คำถามของพี่ซีทำให้ผมมือสั่นเล็กน้อย
“เปล่านะครับ คือว่า...”
ผมไม่อยากให้พี่ซีรู้สึกแย่หรืออัดอัด ผมจึงตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้พี่ซีฟัง ผมไม่ได้มีเจตนามาก่อกวนชีวิตส่วนตัวพี่ซี มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นเอง
“พ่อผมไม่ให้ไปทำงานสอนพิเศษ เพราะกลัวผมเอาเงินไปใช้ไร้สาระ ตอนนี้ผมพยายามลองหารับงานสอนพิเศษอิสระ ตอนนี้ใกล้เปิดจองบัตรแฟนมีตติ้งครั้งต่อไปแล้ว ผมต้องรีบหาเงินก่อน เห็นที่นี่เปิดรับสมัครงานพอดี ระหว่างนี้ ผมเลยมาทำไปก่อนน่ะครับ”
พี่ซีฟังผมพูดนิ่งๆ แล้วถามต่อว่า
“พ่อน้องไม่ชอบที่มาเป็นแฟนคลับยูนิสตาร์ใช่มั้ย”
“ครับ” ผมพยักหน้า
พี่ซีถอนหายใจเบาๆ มองผมด้วยสีหน้านิ่งๆ
“ถ้างั้น เลิกมางานแฟนมีตติ้ง ไม่ง่ายกว่าเหรอครับ”
“พี่ซี...” ผมถึงกับใจหายวาบเมื่อได้ยินพี่ซีพูดแบบนั้น
ผมยอมเหนื่อยเก็บเงินเพราะอยากไปหาพี่ซี แต่พี่ซีกลับพูดเหมือนไม่อยากให้ผมไปหาเลย
ทำไมล่ะ พี่ซีไม่อยากเจอผมแล้วเหรอ
“พี่ซีไม่อยากให้ผมเป็นแฟนคลับเหรอครับ”
ผมถามขณะก้มหน้าลง มือผมที่จับผลส้มสั่นไหวไปหมดแล้ว
“มีวิธีมากมายที่จะสนับสนุนไอดอล โดยไม่ต้องเสียเงิน”
คำกล่าวของพี่ซี ทำให้ผมรีบโต้กลับทันที
“แต่ผมอยากสนับสนุนพี่ซีนะครับ เหนื่อยแค่ไหนผมก็ยินดีเปย์นะครับ”
ผมพูดจากใจจริง ทว่าพี่ซีกลับมองผมด้วยท่าทีเฉยเมย
“ต่อให้ไม่มีน้องสักคน ก็มีคนสนับสนุนพี่เยอะอยู่แล้ว”
อะไรนะ...
คำพูดของพี่ซีทำให้ผมสะอึก จนมือเผลอปล่อยผลส้มกลิ้งตกลงบนพื้น
“พี่ซี....” ผมไม่อยากเชื่อเลยว่า ผมจะได้ยินคำพูดนี้จากพี่ซี ไอดอลที่ผมชื่นชอบสุดใจ
“พี่ซีพูดเหมือน...ผมไม่มีความสำคัญเลย...”
เสียงผมสั่นแทบจะเบาหวิว พี่ซีสบตาผมด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา จากนั้นพี่ซีก็เป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีออกไปเอง
“จะต้องไปแล้ว” พี่ซีตัดบท
“ขอสั่งเพิ่มอีกแก้ว ทำน้ำปั่นแตงโม สตอร์เบอร์รี่ แตงกวาให้ด้วยครับ”
“ครับ” ผมเพียงรับออเดอร์ มือของผมถูกสมองสั่งให้ทำตามที่ได้ฝึกมา แต่จิตใจของผมกลับดิ่งวูบจนแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
คำพูดของพี่ซีทำให้ผมรู้สึกเหมือนหัวใจสลาย
ที่ผ่านมาที่ ผมเป็นแฟนคลับพี่ซี ผมทุ่มเทมามากมาย มันไม่มีค่าอะไรเลยงั้นเหรอ
พี่ซีอยากให้ผมเลิกเป็นแฟนคลับด้วยอย่างนั้นสินะ
ผมคงกลายเป็นแฟนคลับที่น่ารำคาญในสายตาพี่ซีไปแล้ว
ผมได้แต่คิดฟุ้งซ่านและโทษตัวเอง
“ได้แล้วครับ” ผมวางแก้วน้ำปั่นลงบนเคาน์เตอร์ พี่ซีก็ยื่นธนบัตรมาจ่ายเงิน ผมก็รับมาใส่ลิ้นชักแคชเชียร์โดยไม่ได้พูดอะไรต่อ
“เคยอ่านเจอว่า น้ำปั่นสูตรนี้ช่วยแก้เครียดได้ ลองดื่มดูนะ”
น้ำปั่นที่ผมเพิ่งทำเสร็จ พี่ซีกลับเลื่อนแก้วส่งคืนมาให้ผม
“พี่ซี...” ผมงงไปเล็กน้อย “พี่ซีซื้อให้ผมเหรอครับ”
“อืม” พี่ซีพยักหน้าเบาๆ แม้สีหน้าพี่ซีดูราบเรียบ แต่น้ำเสียงพี่ซีไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนเมื่อตะกี้
“น้องสนับสนุนพี่เยอะแล้ว แค่นี้ถือว่าเล็กน้อยมาก”
“พี่ซี...” ผมรู้สึกอธิบายไม่ถูก
“ฟังนะครับ” พี่ซีพูดกับผมด้วยสีหน้าจริงจัง
“ถ้าต้องเหนื่อยที่เป็นแฟนคลับพี่ขนาดนี้ หยุดไปก่อนก็ได้ พี่ไม่อยากให้น้องต้องลำบาก”
ผมมองพี่ซีอย่างอึ้งๆ เพราะเมื่อกี้นี้พี่ซีพูดว่า ไม่มีผมก็มีคนสนับสนุนเยอะแยะ ผมเริ่มตีความหมายเป็นอีกทาง ไม่ใช่เพราะผมไม่มีความสำคัญ แต่เพราะพี่ซีกำลังจะสื่อว่า ถ้าผมสนับสนุนต่อไม่ไหว พี่ซีเขาก็โอเค ผมไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวเองลำบาก
“ผมไม่ลำบากหรอกครับ” ผมส่งยิ้มให้พี่ซี “ถ้าผมเรียนอย่างเดียว ชีวิตก็คงจะน่าเบื่อ ยังไงสิ่งนี้เป็นความสุขของผมน่ะครับ”
พอพี่ซีได้ยินผมพูดแบบนั้น พี่ซีก็นิ่งไปพักใหญ่
“แบบนั้นเหรอ...” พี่ซีพูดพึมพำ จากนั้นก็คลี่ยิ้มเล็กน้อย สีหน้าและแววตาของพี่ซีดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“ถ้างั้น จะมาอุดหนุนบ่อยๆ แล้วกัน”
พี่ซีทำท่าจะเดินจากไป แต่สุดท้ายก็ชะงัก แล้วพูดต่อว่า
“ยังไงร้านนี้ก็เป็นร้านประจำอยู่แล้ว”
พี่ซีเดินจากไปแล้ว ส่วนผมก็มองดูพี่ซีจากด้านหลัง
การกระทำและคำพูดของพี่ซีในวันนี้ ทำให้ผมเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง
ชั่ววูบหนึ่ง ผมรู้สึกว่าพี่ซีดูเย็นชา ไม่แยแส และพูดจารุนแรง
แต่นั่นอาจเป็นเพราะผมกับพี่ซีรู้จักกันมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็เป็นวิธีการวางตัวรักษาระยะห่างระหว่างแฟนคลับกับไอดอลด้วย
ผมมองแก้วน้ำปั่นที่พี่ซีทิ้งไว้ให้ แล้วหยิบแก้วขึ้นมาดูด รสชาติหวานเย็นและสดชื่นที่ผมได้สัมผัส มันทำให้ผมรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่สดใสมากเหลือเกิน
“อร่อยและคลายเครียดได้จริงๆ ด้วย”
ผมคิดว่าน้ำผลไม้สูตรนี้ของพี่ซีถือว่าใช้ได้เลย
ผมหยิบลิสต์นิสัยของพี่ซีมาดูอีกครั้ง อีกมุมเบื้องนอกที่พี่ซีเหมือนแสดงความห่างเหิน ผมก็ยังรู้สึกว่าพี่ซีเป็นคนที่เอาใส่ใจ ใจดี และอบอุ่น
“พี่ซีบอกจะมาบ่อยๆ สินะ” ผมพูดพึมพำ
แน่นอนว่า ผมดีใจที่จะได้เจอพี่ซี แต่เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าผมมีโอกาสได้เจอพี่ซีบ่อยๆ ผมคงจะได้ศึกษาและเข้าใจพี่ซีมากขึ้น
เพราะอะไรงั้นเหรอ...ผมถามตัวเอง ผมอยากรู้จักตัวตนพี่ซีไปเพื่ออะไร
ในเมื่อการชอบไอดอลสักคน เราชอบแค่ภาพลักษณ์ของเขาที่ปรากฎในสื่อก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องรู้จักตัวตนเขาจริงๆ ก็ได้
ผมพยายามค้นหาคำตอบ พยายามปฏิเสธเความคิดเห็นแก่ตัวลึกๆ ซึ่งอยากจะให้พี่ซีมองผมมากกว่าเป็นแค่แฟนคลับบ้าง
ถ้าในฐานะแฟนคลับจริงๆ มันคงเป็นเพราะว่า
หากผมรู้จักพี่ซีมากขึ้น ผมคงรู้ว่าต้องทำอย่างไร เพื่อให้พี่ซีมีความสุขล่ะมั้ง
✦✦✦✦✦✦✦✦
Writer's Talk
ขอบคุณผู้อ่านทุกคนที่ติดตามนะคะ ^^ ขอโทษที่ทำให้รอน้า ช่วงนี้เรายุ่งมากแทบไม่ได้พักเลย คาดว่ากลางเดือนพ.ย.น่าจะดีขึ้น ช่วงนี้ก็จะพยายามหาเวลามาอัพต่อให้ได้นะคะ กอดๆ ทุกคนน้า T_T
มีภาพแฟนอาร์ตน่ารักๆ มาฝากด้วยยย อร๊ายยย ขอบคุณทุกคนที่วาดมาให้นะคะ ชอบมากเลยทุกรูปเลยค่า~
พี่ซีน้องยูฮาโลวีน~ จากคุณ Tahwan
ซ่ี : สุขสันต์ฮาโลวีนล่วงหน้านะครับ อยากได้ทริคหรือทรีตดีล่ะครับ
ยู : กับพี่ซี...อะไรก็ได้หมดเลยครับ
น้วยน้องยูและพี่ซี อร๊่าย น่ารัก จากคุณ Tahwan
ซี : ผมรักด้อมนางนวลนะครับ ขอบคุณมากครับ ภาพน่ารักจริงๆ ฮ่าๆ
ยู : พี่ซีหล่อจัง ผมก็ดูดีมากเลยครับ ขอบคุณมากจริงๆ นะครับ
ยูไม่ร้องน้า แงงง จากคุณ แพร
ยู : ถึงผมจะเสียใจเรื่องที่โดนพ่อทิ้งของ แต่ตอนนี้ผมดีขึ้นแล้วครับ ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงผมน้า
-------------------------------
แฮชแท็กประจำเรื่อง #เดือนกลบดาว
Twitter : @colourfulearth ใช้ชื่อว่า L.Loklalla จ้า
Facebook Page : EarthLok - ล.โลกลัลล้า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

นานๆค่อยไปก็ได้ นี่ยูเล่นไปทุกรอบเลย
แต่นี่ก็เป็นความสุขอย่างนึงเหมือนกัน...