ตอนที่ 13 : เดือนที่ 12 : อยู่ใกล้ทะเล
UNISTAR ✦ เดือน.กลบ.ดาว ✦
- เดือนที่ 12 : อยู่ใกล้ทะเล -
(เครดิตภาพ : quotesideas.com)
ช่วงเวลาที่ได้นั่งอยู่ข้างๆ พี่ซี มันยิ่งกว่าความฝันเหลือเกิน
หิมะได้ลอยมาอยู่เคียงข้างนกนางนวลเช่นนี้ ความรู้สึกช่างเกินจริงยิ่งกว่าเทพนิยาย
ผมได้นั่งข้างๆ พี่ซีที่ชื่นชอบมานาน พี่ซีที่ยิ่งมองใกล้ๆ ก็ยิ่งสวยน่าชม น้ำเสียงก็ยิ่งชวนให้หลงใหล
ที่ผ่านมา แค่ได้ยินพี่ซีพูดบนเวที ผมก็ฟินจะแย่แล้ว แต่ตอนนี้ พี่ซีอยู่กับผม พูดกับผมแค่คนเดียว
ชีวิตมันช่างใกล้เคียงความฝันจนฟินแทบนิพพาน
“เอาล่ะ ถึงแล้วสินะ” พี่ซีมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ทะเลเหรอ” ผมรู้สึกตื่นเต้น พี่ซีเลือกให้มาเที่ยวทะเลจริงๆ ด้วย
“ก็น้องอยากอยู่ใกล้ๆ Sea ไม่ใช่เหรอ” พี่ซีหันมายิ้มให้ผม
พอพี่ซีย้อนคำพูดผมแบบนี้ ผมก็รู้สึกอายยังไงไม่รู้ ทั้งที่ผมเป็นฝ่ายพูดเองแท้ๆ
“ก็ใช่ครับ” ผมงุดหน้าลงอย่างเขินๆ
“แต่ว่า...ตอนนี้ก็ได้อยู่ใกล้ Sea แล้ว”
“นั่นสินะ ได้อยู่ใกล้ทั้ง Sea นั้น...”
พี่ซีชี้ไปยังทะเล
“และ Sea คนนี้”
แล้วก็ชี้ที่ตัวเอง
โอ๊ย ตายครับ ยูกิตายแล้ว พี่ซีพูดแบบนี้ ผมก็ใจเต้นแรงสุดๆ
รถตู้ของพวกผมจอดที่หน้าโรงแรมที่บรรยากาศร่มรื่น สวยงาม และสงบ ซึ่งเห็นทีมงานบอกว่าเป็นโรงแรมห้าดาว มีชายหาดส่วนตัว ทีมงานคงตั้งใจเลือกที่นี่เพื่อจะได้ถ่ายทำได้สะดวก
ทีมงานให้พวกผมนั่งรอเซ็ตติ้งสักพัก ผมจึงนั่งดูทีมงานตั้งกล้องและวางแผนถ่ายทำ ส่วนพี่ซีก็นั่งอยู่อีกฝั่ง มีช่างแต่งหน้าทำผมของยูนิสตาร์ตามมารีเช็คความหล่อของพี่ซีด้วย ภาพลักษณ์ของยูนิสตาร์นี่สำคัญทุกเวลาจริงๆ
“เตรียมพร้อมค่ะ เดี๋ยวจะให้น้องซีกับน้องยูกิ ไปเดินเล่นด้วยกันที่ชายหาดนะคะ” ทีมงานมาบรีฟฉากให้ผมกับพี่ซี
“อยากให้เล่นอย่างเป็นธรรมชาติ มาเดตกันจริงๆ เหมือนไม่ได้มีกล้องตามถ่ายอยู่นะคะ”
“ได้ครับ ไม่มีปัญหา” พี่ซีพยักหน้า เหมือนเป็นนักแสดงมืออาชีพจริงๆ
พอตากล้องส่งสัญญาณเริ่มถ่ายทำ ผมยังคงยืนเอ๋อ ส่วนพี่ซีก็เดินมาข้างๆ ผมแล้วเอ่ยชวนทันที
“ไปเดินเล่นกันมั้ยครับ”
“ครับ” ผมตอบรับเบาๆ
จากนั้น เราสองคนก็เดินเคียงกันไปที่ริมทะเล รองเท้าของผมสัมผัสกับพื้นทรายนุ่มเนื้อละเอียด สายลมพัดโชยกลิ่นอายของทะเลที่แสนสดชื่น ผืนน้ำทะเลพราวระยับสะท้อนแสงของดวงอาทิตย์ บรรยากาศช่างชวนให้รู้สึกอิ่มเอมใจ
แต่นั่นก็ไม่เท่า...
กลิ่นหอมชวนเคลิ้มของพี่ซีที่โชยติดมากับสายลม ใบหน้าสวยได้รูปของพี่ซีที่แม้แต่ความงดงามของทะเล ก็ไม่อาจเทียบเคียงได้
แถมยัง...
วันนี้พี่ซีสวมเสื้อยืดบางๆ พอลมทะเลพัดมา ผ้าเสื้อก็แนบติดกับเรือนร่างของพี่ซี ชายเสื้อปลิวขึ้นเล็กน้อย จนแอบเผยให้เห็นผิวกายขาวเนียน...
แม้เพียงเล็กน้อย แต่มันก็ เอื้อกกก...
ร่างกายของพี่ซีนั้น จะต้องอรชรอ้อนแอ้น ทรวงทรงงดงาม
โอ๊ย เดี๋ยวๆ เลือดกำเดาจะไหล
ไม่ได้สิ ผมต้องเป็นสุภาพบุรุษนะ ผมจะไปคิดอกุศลกับพี่ซีคนสวยที่แสนบริสุทธิ์ไร้เดียงสาคนนี้ได้อย่างไรกัน
“คิดอะไรอยู่เหรอ” พี่ซีคงเห็นผมเอาแต่เดินเหม่อ ก็เลยถามขึ้นมา
“อ่า เอ่อ...” ผมตกใจทันที
แย่แล้วสิ ถ้าพี่ซีรู้ว่าผมกำลังคิดเรื่องบาปอยู่ พี่ซีคงต้องรู้สึกแย่แน่นอน
ผมหันไปมองผืนน้ำทะเล แล้วพูดขึ้นว่า
“กำลังคิดว่า พี่ซีสวยเหมือนทะเลเลยนะครับ”
ผมพูดไปก็ต้องเม้มปากด้วยความเขิน
“เหรอครับ” พี่ซียิ้ม
“แต่ชายหาดที่น้องเห็น เป็นทะเลน้ำตื้นนะ ถ้าเป็นทะเลน้ำลึก น้องว่ายังสวยอยู่มั้ยครับ”
ผมงุนงงเล็กน้อย คำพูดของพี่ซีเหมือนไม่มีอะไร แต่มันเหมือนมีความนัยแอบแฝง
ทะเลน้ำตื้นเป็นสีฟ้าสดใส เต็มไปด้วยประกายสะท้อนแสงแดดสวยงาม ส่วนทะเลน้ำลึก หากยิ่งดิ่งลงเท่าไหร่ ก็มีแต่ความมืดมิด
“ทะเลน้ำลึกก็มีปะการังหลากสี มีปลาหลายชนิด สวยมากเหมือนกันนะครับ”
สำหรับผม ไม่ว่าจะเป็นทะเลที่ไหน ก็ยังสวยเหมือนพี่ซีเสมอ
“ทะเลยิ่งลึก ก็ยิ่งอันตรายนะครับ”
รอยยิ้มของพี่ซี ชวนให้ผมฉุกคิดอย่างน่าประหลาด
พี่ซีจะบอกว่า พี่ซีอันตรายเหมือนทะเลน้ำลึกเหรอ
“อันที่จริง พี่ก็ชอบบรรยากาศของทะเลนะ”
พี่ซีมองออกทะเลไกลสุดขอบสุดลูกหูลูกตา
“เคยคิดว่า อยากทำงานเก็บเงินก้อนจำนวนหนึ่ง แล้วไปซื้ออยู่บ้านสงบๆ ติดริมทะเลที่ไกลจากผู้คน”
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินพี่ซีเปิดใจพูดถึงเรื่องในอนาคต ทำให้ผมรู้สึกสนใจมากๆ
“แล้วความฝันของพี่ซีคืออะไรเหรอครับ”
ผมอยากรู้ว่า พี่ซีอยากทำงานหรือใช้ชีวิตในอนาคตแบบไหนกันแน่
สำหรับผม พ่อแม่ผมเหมือนขีดชีวิตมาให้แล้ว ผมต้องเรียนจบด้วยเกรดสูงๆ ไปต่อโทที่มหา’ลัยระดับท็อปของโลก หลังจากปริญญาโท อาจจะทำงานหาประสบการณ์อยู่ที่ต่างประเทศสักระยะ แล้วค่อยกลับมาทำงานต่อที่เมืองไทยอย่างมีเกียรติ
ความฝันของพ่อแม่ผม คือ ชีวิตของผม
“ความฝันของพี่เหรอ...” พี่ซีครุ่นคิด
ชั่วแวบหนึ่ง ผมรู้สึกเหมือนแววตาของพี่ซีแลดูว่างเปล่า ทว่าสักพักก็กลับมาฉายประกายสดใสเหมือนดังเดิม
“นั่นสินะ” พี่ซีตอบไม่ได้
“ความฝันเป็นเรื่องของอนาคต อยู่กับปัจจุบันน่าจะดีที่สุด”
ไม่รู้ว่าผมคิดมากไปเองหรือเปล่า แต่คำพูดของพี่ซี ทำให้ผมรู้สึกเหมือนพี่ซีมีอะไรบางอย่างในใจ แต่ผมก็ไม่กล้าถาม เลยตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องดีกว่า
“แล้วพี่ซี เคยคิดเรื่องแต่งงานมั้ยครับ” ผมพยายามควบคุมความเขิน แล้วกลั้นใจถามออกไป
ผมอยากรู้มากเลยนะ และผมเชื่อว่าด้อมนางนวลทุกคนก็อยากรู้เหมือนกัน
เอาล่ะ ยูกิคนนี้จะเป็นตัวแทนด้อมนางนวลให้เอง!
“แต่งงานเหรอครับ” พี่ซีหันมามองผมยิ้มๆ
“ทำไมครับ น้องอยากแต่งงานกับพี่เหรอ”
“เหวย” ผมอุทานลั่น
จู่ๆ หัวใจที่เต้นเร็วอยู่แล้ว ก็แทบชักกระตุกรัวๆ
พี่ซีอย่ารู้ทัน... เอ้ย ไม่ใช่นะ ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น
แต่พอพี่ซีมาพูดเองแบบนั้น มันก็...
โอ้ย พี่ซีครับ ผมแทบจะกลายเป็นก้อนลูกกวาด ละลายติดทรายริมทะเลแล้ว
“เปล่านะครับ ผมแค่อยากรู้เฉยๆ” ผมรีบอธิบายทันที
“แบบว่า แฟนคลับพี่ซีก็น่าจะอยากรู้เหมือนกันนี่นา”
“งั้นเหรอ…” พี่ซีทำท่าครุ่นคิด จากนั้นก็มองออกไปนอกทะเลอีกครั้ง
“อย่างที่พี่พูดไป อยู่กับปัจจุบันดีที่สุดแล้ว”
นั่นสินะ ผมก็เห็นด้วย พี่ซีพูดมีเหตุผลเหมือนกัน บางเรื่องที่เป็นอนาคตไกลๆ อย่างเช่นเรื่องแต่งงานนี้ ยังไม่ต้องรีบคิดหรือกังวลมากก็ได้
“แล้วน้องยูกิล่ะครับ” จู่ๆ พี่ซีก็ถามผมกลับบ้าง
“เคยคิดเรื่องแต่งงานบ้างมั้ย”
คำถามนี้ ทำให้ผมหน้าร้อนทันที
พี่ซีถามผม...ถามเรื่องแต่งงาน ว้ากกกก
ความจริงแล้ว ผมควรจะบอกพี่ซีว่า ทุกวันนี้ผมคิดแต่เรื่องเรียนกับเรื่องติ่ง ไม่ได้คิดเรื่องแต่งงานเลย แต่ไม่รู้ว่าติดความเสี่ยวและด้านมาจากตอนถ่ายรายการมั้ย
ปากผมก็เลยเผลอพูดออกไปว่า
“พี่ซีถามทำไมเหรอครับ หรือว่าพี่ซีอยากแต่งงานกับผมด้วย”
ด...เดี๋ยว พอพูดจบ ผมก็รีบเอามือปิดปาก
ผมพูดอะไรออกไป ด้านมาก อายมาก ไม่ไหวแล้ว
คำพูดด้านไม่อายปากของผม ก็ทำให้ทีมงานที่กำลังถ่ายทำอยู่ พอกันร้องอู้หู้อ่าฮ้ากันหมด
“ฮ่าๆ” พี่ซีถึงกับหัวเราะร่าเมื่อโดนผมย้อนคำหยอกของตัวเอง
“น้องแน่ใจเหรอครับว่า เข้าใจความหมายคำว่า ‘แต่งงาน’ ของพี่จริงๆ”
ผมมองพี่ซีแล้วกะพริบตาถี่ๆ
‘แต่งงาน’ คำๆ นี้ ทุกคนก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ว่ามันแปลว่าอะไร
“แต่งงาน หมายถึง อยู่ด้วยกันเป็นสามีภรรยา...สร้างครอบครัวด้วยกัน...”
โอ๊ย พูดแล้วมันก็เขินเว้ย
แบบว่า พอคิดภาพว่า ผมกับพี่ซีอยู่ด้วยกัน...สร้างครอบครัวด้วยกัน
เดี๋ยว ไอ้ยูกิ ฟุ้งไปไกลเกินแล้ว จะบ้าเหรอ กลับมาก่อน...
คำพูดของผม ทำให้พี่ซีหรี่ตามอง
“คำว่า ‘แต่งงาน’ สำหรับพี่ มีความหมายเจาะจงมากกว่านั้นครับ”
“ยังไงเหรอครับพี่ซี” ผมอยากรู้ใจจะขาดแล้ว
“น้องบอกว่า แต่งงาน หลักๆ คือ อยู่ด้วยกัน ใช่ครับ” พี่ซียิ้มกว้าง
“แต่สำหรับพี่ ถ้าแต่งงานกันแล้ว พี่จะไม่ยอมให้หย่า ต้องอยู่ด้วยกันตลอดชีวิตนี่แหละ ไม่ให้หนีไปไหนจากพี่แน่นอน”
“พ…พี่ซี...ค...ครับ” ผมฟังแล้วไม่รู้ควรเขินหรือตื่นเต้น
ผมจำได้ พี่ซีเคยบอกว่า พี่ซีเป็นคนขี้หึงขี้หวง แล้วยิ่งพี่ซีมาพูดเรื่องแต่งงานแบบนี้ มัน...
ทำไมมันกร๊าวใจขนาดนี้
ใครเล่า จะยอมหย่ากับพี่ซี
ถ้าได้แต่งงานกับพี่ซีนะ จะได้อยู่กับพี่ซีคนสวยไปตลอดเลย
โห้ย นี่มันชีวิตในฝันชัดๆ
เดี๋ยว ไอ้ยูกิ หยุดเพ้อเว้ย พี่ซีเขาแค่พูดเรื่องแต่งงาน แต่ไม่ได้บอกว่าจะแต่งงานกับเมิงซะหน่อย
แต่ถ้าได้แต่งงานกับพี่ซี ก็จะได้เห็นรูปร่าง....
ม่ายย ความคิดบาปของผมกลับมาอีกแล้ว และมันทำให้ผมเผลอพูดออกไปว่า
“พี่ซีครับ อยากเล่นทะเลมั้ยครับ อยากเห็นพี่ซีใส่ชุดว่ายน้ำจัง”
แล้วผมพูดอะรายออกปาย แทบอยากตีปากตัวเอง แต่ผมได้ยินทีมงานพากันหัวเราะอย่างฟินๆ ด้วยเช่นกัน
“น้องอยากเห็นพี่ถอดเสื้อ?” พี่ซีเลิกคิ้วถาม
ผมหลุบตาลงทันที พี่ซีพูดตรงไปแล้ว ผมอุตส่าห์พูดอ้อมๆ ว่าอยากเห็นชุดว่ายน้ำ
แต่โดนพี่ซีรู้ทันเข้าแล้วสิ
“อ…อยากครับ” ในเมื่อมาขนาดนี้ ผมจึงสารภาพตรงๆ
“ด้อมนางนวล...ทุกคน...ก็อยาก”
ผมคิดว่า ถ้าได้เห็นพี่ซีถอดเสื้อในรายการนี้จริงๆ นะ ด้อมนางนวลทุกคนก็ต้องฟินกันอย่างแน่นอน ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหรอก เอื้อก
“หึหึ” พี่ซีกลับหัวเราะในลำคอ
“อย่าเพิ่งดีกว่า เดี๋ยวจะตกใจเอา”
“ตกใจอะไรเหรอครับ” คำพูดของพี่ซีทำให้ผมงงเต็ก
หรือว่าตกใจเพราะหุ่นพี่ซีอ้อนแอ้นเกินไป อ๊อก~ เลือดจะไหลแล้ว
พี่ซีกลับยิ้มหวาน ไม่ยอมตอบอะไร จากนั้นพี่ซีก็ชี้ไปทางโขดหินสูงที่อยู่ไม่ไกล
“เดินไปดูวิวตรงนั้นด้วยกันมั้ยครับ มองทะเลจากมุมนั้น น่าจะสวยอยู่”
“โอเคครับพี่ซี”
พี่ซีชวนทั้งที มีหรือผมจะปฏิเสธ
หลังจากนั้น เราเดินเคียงคู่ไปด้วยกันตามทางของริมชายหาด
ผมมีโอกาสมาเดตกับไอดอลที่ชื่นชมมานาน เดินอยู่ใกล้ๆ แค่ระยะเอื้อมถึงเท่านี้ แม้จะมีทีมงาน ผู้จัดการ และตากล้องเดินตามหลังมา แต่ผมก็ไม่เคยคาดฝันเลยว่า จะได้มาใกล้ชิดกับพี่ซีนานๆ ถึงขั้นนี้
ช่างเป็นชีวิตติ่งที่คอมพลีตเหลือเกิน
ให้ตายสิ แม้แต่วิวทะเลจะงดงามแค่ไหน ก็สวยสู้พี่ซีที่เดินอยู่ข้างๆ ผมไม่ได้เลย
“มองพี่ตลอดเลยนะ ไม่มองทะเลบ้างเหรอครับ” จู่ๆ พี่ซีก็เอ่ยขึ้น
“อ่ะ” คำแซวของพี่ซี ทำให้ผมเพิ่งรู้สึกตัว
โอ๊ย อุตส่าห์แอบมองเนียนๆ แล้วนะ พี่ซีเห็นด้วยเหรอ อายครับ อาย
“ก็แบบว่า ตอนแฟนมีตติ้ง ผมก็มองพี่ซีบนเวทีตลอด ได้มาเดตกับพี่ซี ก็อยากมองพี่ซีตลอดเหมือนกัน”
พอผมพูดความในใจต่อหน้าไอดอลที่ชอบแบบนี้ มันก็เขินมากๆ เลย
“ดีแล้วครับ” พี่ซียิ้มหวาน
“ถ้านอกใจไปมองคนอื่น พี่จะโกรธจริงนะ”
โอ๊ย ความหวงด้อมนี้ ผมจะไปมองใครได้อีกครับ
“พี่ซีพูดขนาดนี้ ผมไม่ไปไหนแล้วครับ” ผมพูดไป เท้าเตะทรายไป ระบายความเขินไป
“ฮ่าๆ น่ารักจริง” พี่ซีหัวเราะ
น่ารักเหรอ พี่ซี...ไอดอลที่ผมชอบ เพิ่งชมว่าผมน่ารักด้วย
อ๊ากกก น่ารักกกก ขอฟินได้มั้ย
เดี๋ยวๆ ว่าแต่ทำไมถึงรู้สึกว่า โพซิชั่นมันไม่ค่อยถูกสักเท่าไหร่
ผมต่างหากสิควรชมพี่ซีน่ารัก ไม่ใช่ให้พี่ซีมาชมว่าผมน่ารัก
พี่ซีควรบอกว่า ผมเป็นสุภาพบุรุษ แมนมากๆ ผมถึงควรฟิน
แต่ทำไมผมกลับฟินล่ะเนี่ย ขอมึนตัวเองแปบ
“ปีนขึ้นได้มั้ยครับ” พี่ซีถาม
ผมรู้สึกตัวอีกที ก็เดินมาถึงโขดหินซึ่งตรงอ่าวโค้งของชายหาด โขดหินยาวเรียงต่อกัน สามารถเดินไปชมทะเลไกลชายฝั่งได้หลายเมตร
ว่าแต่พี่ซียื่นมือให้ผมด้วยอ่ะ สุภาพบุรุษจังเลยครับ กลัวผมปีนไม่ขึ้นด้วย
เดี๋ยวๆ ไม่สิ ผมต่างหากที่ควรเป็นสุภาพบุรุษ
“ไม่เป็นไรครับพี่ซี ผมขึ้นเองได้ครับ”
ผมจะให้พี่ซีคนสวยต้องมาลำบากได้อย่างไรกัน
“เหรอ...” พี่ซีก็เลยชักมือกลับเมื่อผมปฏิเสธ
“จะแอบให้สิทธิไฮทัชฟรี ก็ไม่เอานะ”
หา! ผมอ้าปากค้างทันที
เฮ้ย จริงด้วย เมื่อกี้นี้ พี่ซีอุตส่าห์ยื่นมือมาให้จับแท้ๆ แต่ผมดันปฏิเสธโอกาสงามๆ นี้ไปได้อย่างไรกัน
บัตรแฟนมีตติ้งหนึ่งใบได้จับมือแค่ครั้งเดียว แล้วต้องใช้แลกแต้มตั้งเท่าไหร่ กว่าจะได้แตะมือกับพี่ซีสักครั้งหนึ่ง
จะมีโอกาสจับมือสวยๆ ของพี่ซีฟรีๆ เลยนะ
เสียใจ พลาดเฉยเลย
“ข...ขอใหม่ได้มั้ยครับ” ผมเสี่ยงต่อรองดู
“อืม…” พี่ซีลากเสียงยาว ทำท่าไตร่ตรองอย่างหนัก
“ขอคิดดูก่อนแล้วกัน”
โห้ย พี่ซีเล่นตัวแล้วอ่ะ ผมนึกเสียดายในใจ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ คนสวยบริสุทธิ์เล่นตัวบ้าง ก็ดูเป็นกุลสตรีดี
หลังจากนั้น ผมก็ปีนขึ้นโขดหินเดินตามพี่ซีไป
ทัศนียภาพบนนี้สวยงามตระการตา สุดสายตาเป็นวิวทิวทัศน์เมืองไกลๆ พอมองชายหาดจากมุมนี้ เห็นคลื่นสีฟ้าใสม้วนเป็นเกลียวสีอ่อนพัดเข้าชายฝั่ง ผืนน้ำแถบนี้เป็นสีฟ้าเข้มงดงามดั่งอัญมณี เสียงฝูงนกร้องสลับกับเสียงคลื่นทะเล ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายมากเหลือเกิน
ทะเลเมื่อมองจากชายหาดก็สวยแล้ว แต่ตรงนี้กลับสวยยิ่งกว่า
ผมกับพี่ซียืนอยู่เคียงข้างกัน ดื่มด่ำกับความงามของธรรมชาติ
ความสุขที่ได้เชยชมทะเล ท้องฟ้า คาบคลื่น และหาดทราย มีมากเท่าทวีเมื่อได้อยู่ใกล้กับนกนางนวลอย่างพี่ซี
ท่ามกลางบรรยากาศสุขใจของผม จู่ๆ พี่ซีก็เอ่ยขึ้นมา
“ชื่อยูกิ ใช่ชื่อจริงๆ หรือเปล่า”
ผมสะดุ้งกับคำถามทันที
ไม่ใช่หรอกครับพี่ซี ผมตอบในใจ ผมชื่อยุธิภัค ชื่อเล่นว่า ‘ยู’ เฉยๆ
ทว่าตอนนี้ผมอยู่ในร่างยูกิ แม้จะไม่อยากปิดบังพี่ซี แต่ผมไม่อยากให้ใครรู้สักชื่อจริงผมสักเท่าไหร่
“เป็นชื่อเล่นผมครับ” ผมตอบเลี่ยงๆ
“แล้วทำไมถึงชื่อว่ายูกิเหรอครับ” พี่ซีแลดูสงสัย
“เพราะยูกิ ภาษาญี่ปุ่น แปลว่า หิมะ ครับ” ผมบอกพี่ซีตามความจริงทุกอย่าง
“น้องหิมะงั้นหรือ” พี่ซีอมยิ้มแล้วสบตากับผม ทำให้ผมหลุบตาลงต่ำอย่างเขินๆ
“ครับ หิมะกับนกนางนวล เป็นสีขาวเหมือนกันครับ”
“อ่า จริงด้วย บังเอิญสินะ” พี่ซีพยักหน้าเบาๆ
ผมจงใจต่างหาก ผมได้แต่พูดในใจ แต่ให้พี่ซีคนสวยหลงคิดไปว่าเป็นพรหมลิขิต แบบนี้ก็โรแมนติกดีนะเนี่ย
“แล้วพี่ซีล่ะครับ ทำไมถึงชื่อว่าซีเหรอครับ” ผมอยากรู้เหมือนกันนะ
ชื่อพี่ซี เขียนภาษาอังกฤษ คือ Sea แปลว่า ทะเล
ดังนั้น ฉายาของพี่ซี จึงเป็น Seagull แปลว่า นกนางนวล
ทว่า พอพูดถึงเรื่องนี้ ผมสังเกตเห็นว่าแววตาพี่ซีกลับว่างเปล่าชั่ววูบหนึ่งอีกครัั้ง ทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจ หรือผมไม่ควรถามเรื่องนี้กันแน่
“เพราะมีพี่ชายชื่อสกายน่ะ ตั้งแต่พ่อมีลูกคนโต ก็เตรียมคิดชื่อไว้แล้ว ถ้ามีลูกคนรอง จะให้ชื่อซี”
พี่ซีแสดงสีหน้าราบเรียบแล้วตอบสั้นๆ เพียงเท่านั้น
ผมพยักหน้าเบาๆ อ๋อ Sky กับ Sea นั่นเอง
ปกติพี่ซีไม่ค่อยพูดถึงครอบครัวตัวเองเท่าไหร่ แต่ผมเคยเห็นภาพถ่ายรวมครอบครัวของตระกูลอัษวเหมันต์ ครอบครัวพี่ซีมีฐานะร่ำรวยเป็นเศรษฐี ญาติพี่น้องแต่ละคนมีหน้ามีตาทางสังคมมาก คุณพ่อพี่ซีเป็นนักการเมืองท้องถิ่นอยู่ต่างจังหวัด ส่วนคุณแม่เป็นทายาทธุรกิจเหมืองอัญมณี
ผมเคยเห็นรูปถ่ายพี่ชายของพี่ซีเหมือนกัน ตอนแรกผมไม่คิดว่าเป็นพี่น้องกันด้วยซ้ำ เพราะเขาหน้าตาไม่เหมือนพี่ซีเลยแม้แต่นิดเดียว พี่ซีมีโครงหน้าเล็กเรียว รูปร่างสมส่วน แต่พี่ชายของพี่ซีกลับโครงหน้าป้อมๆ กลมๆ ค่อนไปทางคุณแม่ และมีรูปร่างท้วม
“ท้องฟ้า กับ ทะเล สินะครับ” ผมครุ่นคิดความหมายของชื่อเล่น
“แล้วหิมะ ถือว่าอยู่บนฟ้าหรืออยู่กับทะเล” พี่ซีถามผมกลับบ้าง ทำให้ผมงงไปเล็กน้อย เพราะคำถามเป็นนามธรรมมากเหลือเกิน
หรือพี่ซีหมายความว่า หิมะตกจากฟ้า แต่น้ำแข็งกับหิมะที่ขั้วโลกเหนือ คือ ทะเล ใช่หรือเปล่านะ
ผมครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ก่อนพูดกับพี่ซีว่า
“ถึงแม้หิมะจะตกจากฟากฟ้า แต่หิมะนั้นคือละอองน้ำในอากาศที่หนาวเย็น หากไม่มีหยดน้ำจากทะเล ก็คงไม่อาจมีหิมะได้ และในวันหนึ่ง เมื่อหิมะละลายกลายเป็นหยดน้ำ ก็จะไหลลงสู่แม่น้ำซึ่งมุ่งออกไปรวมกับมหาสมุทรอยู่เสมอ”
“หิมะกับทะเลแยกจากกันไม่ได้สินะ” พี่ซีเอ่ยยิ้มๆ
“ตอบเอาใจพี่ใช่มั้ยเนี่ย”
“เปล่านะครับพี่ซี นั่นคือหลักวิทยาศาสตร์เลยครับ” ผมเอาทฤษฎีมายืนยัน
“ฮ่าๆ โอเคครับ”
จากนั้น พี่ซีก็ไม่ได้พูดอะไรอีก จนกระทั่งทีมงานส่งสัญญาณให้พวกผม คาดว่าคงถ่ายทำตรงนี้นานพอแล้ว อยากให้เปลี่ยนมุมถ่ายบ้าง
“ไปกันหรือยังครับ” พี่ซีเอ่ยถาม ผมจึงพยักหน้าเบาๆ
ผมกับพี่ซีรอให้ทีมงานทยอยลงโขดหินกันไปก่อน แล้วค่อยลงตามไป พี่ซีเดินนำหน้าผมเล็กน้อย ส่วนผมก็แอบมองพี่ซีจากด้านหลังอย่างเคลิ้บเคลิ้ม คนอะไรแค่มองด้านหลังยังสวยขนาดนี้เลย
อาจจะเพราะผมเอาแต่มองพี่ซีเพลินๆ จนเลยเดินไม่ทันระวัง มันก็เลย...
“เฮ้ย!” ผมอุทานลั่น
ผมไม่ทันสังเกตว่า โขดหินมันมีรามอสขึ้นทำให้มันชื้นและลื่นมาก ผมเหยียบเข้าไปโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ก็เลยเสียหลักลื่นไหลลงไปทันที
ตุ๊บ...
ผมล้มก้นกระแทกลงก้อนหินด้านล่างเข้าอย่างจัง จนขาแข้งเปียกแฉะเลอะเทอะไปด้วยทรายสกปรกและน้ำทะเล
“น้องยูกิ” พี่ซีอุทานเบาๆ แล้วรีบมาดูผม
“เป็นอะไรมั้ยคะ” ทีมงานคนอื่นๆ ก็ดูตกใจกัน
เจ็บก้นครับ ผมร้องลั่นในใจ แต่ไม่กล้าร้องดัง เพราะกลัวเสียภาพลักษณ์ต่อหน้าพี่ซี
แต่ตอนนี้ มาล้มก้นจ้ำขนาดนี้ ภาพลักษณ์แมนๆ ก็ไม่เหลือแล้วล่ะครับ โอ้ย อายมากเลย
“น้องยูกิโอเคมั้ยครับ” สีหน้าพี่ซีฉายความกังวลหลายส่วน
ตอนแรกผมกะจะรีบลุกขึ้นยืน เพราะไม่อยากให้พี่ซีคนสวยต้องเป็นห่วง
แต่คิดไปคิดมา
เมื่อกี้นี้ ผมพลาดไฮทัชฟรีจากพี่ซีแล้ว นี่อาจเป็นโอกาสแก้ตัวก็ได้นะ
เอาล่ะวะ ถึงจะเสียภาพลักษณ์ ถ้าได้จับมือพี่ซีอีกสักครั้ง ก็ถือว่าคุ้ม
“พี่ซีครับ ผมยืนไม่ไหว”
ผมแสร้งทำเหมือนเจ็บมากๆ ส่งสายตาอ้อนวอน อยากให้พี่ซีช่วยพยุง เผื่อจะโชคดีได้จับมือฟรี
แวบแรกสีหน้าพี่ซีดูกระวนกระวาย แต่สักพักก็เลิกคิ้วเล็กน้อย
“น้องยูกิครับ” พี่ซีเอ่ยเสียงเข้ม
“ลองขยับยกขาดูก่อน ยกขาขึ้นพอได้มั้ยครับ”
ผมงุนงง ไม่รู้ว่าพี่ซีสั่งให้ผมทำแบบนี้ทำไม แต่ผมจงใจอยากอ้อนพี่ซี ก็เลยตอบว่า
“ไม่ได้เลยครับ”
“ปลายเท้าก็กระดิกไม่ได้เลยเหรอครับ” พี่ซีถามต่อ
ผมมัวแต่เพ้อกับใบหน้าพี่ซีที่อยู่ใกล้ๆ ก็เลยตอบไปโดยไม่ได้คิด
“ไม่ได้ครับ”
“อืม ดูท่าจะเป็นหนักแล้ว” จากนั้นพี่ซีก็ช่วยพยุงผมขึ้นมานั่งกับที่โขดหินแห้งข้างๆ มีทีมงานช่วยเอาผ้าขนหนูมาช่วยเช็ดให้
เมื่อกี้พี่ซีช่วยพยุงผมด้วย อ้ากกก ผมรู้สึกฟินมากเหลือเกิน
“ลองขยับขาดูอีกทีนะครับ ขยับได้มั้ยครับ”
เพราะผมมัวแต่เขิน ก็เลยเผลอบอกไปอีกว่า
“ขยับไม่ได้”
อยากให้พี่ซีช่วยขยับให้จัง ผมคิดในใจแบบหน้าด้านๆ
นั่นทำให้พี่ซีทำหน้าจริงจัง
“งั้นรบกวนน้องถอดกางเกงออกให้พี่หน่อยครับ”
“หะ!” ผมช็อคไปเลย
อะไรนะ ถอดกางเกง!
กางเกงผมอ่ะนะ เฮ้ยยย ทำไมล่ะ เพราะกางเกงเปียกเลอะเหรอ
“พี่มีความจำเป็นต้องล้วงก้นเพื่อตรวจร่างกาย” พี่ซีเอ่ยด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจัง แถมยังชูมือขวาขึ้น เตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว
นั่นทำให้ผมถึงกับเสียววาบที่ก้นกบเลยทีเดียว
เดี๋ยวนะ! พ...พี่ซี จะล...ล้วงก้นผมเรอะ!
“ท…ทำไมครับ” ผมตกใจสุดขีด
คำพูดพี่ซี แม้แต่ทีมงานก็ยังมึนงงและตื่นตระหนกกันหมดแล้ว
“เพราะเมื่อกี้นี้ น้องลื่นหกล้มก้นกระแทก แล้วยืนเองไม่ไหว” พี่ซีอธิบายด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“การกระแทกในแนวตรง อาจส่งผลต่อกระดูกสันหลังได้ โดยเฉพาะระหว่างระดับเอว (Lumbar) และช่วงอก (Thoracic) เมื่อกระดูกสันหลังมีการเคลื่อน ก็อาจไปกดไขสันหลังที่ควบคุมทั้งการเคลื่อนไหวและการรับรู้ความรู้สึกตั้งแต่ช่วงเอวลงไป”
คำอธิบายแบบมีหลักการฉบับนักศึกษาแพทย์มาเอง แทนที่ผมฟังแล้วจะยิ่งสบายใจ กลับยิ่งหน้าซีดหนักกว่าเดิม
“ดูเหมือนว่าน้องจะไม่สามารถขยับขาได้ทั้งสองข้างเลย แสดงว่าไขสันหลังที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อปัญหา พี่คงต้องตรวจดูการทำงานของกล้ามเนื้อหูรูดที่ก้นด้วย เพราะถ้ามันไม่ทำงาน นั่นแปลว่าไขสันหลังตั้งแต่ระดับเอวลงไปได้รับความเสียหายจริง ซึ่งจะส่งผลให้น้องนอกจากจะเดินไม่ได้แล้ว น้องก็จะกลั้นอุจจาระปัสสาวะไม่ได้เลย”
ผมอ้าปากค้าง เนื่องจากผมเป็นเด็กวิศวะ จึงไม่ค่อยเห็นภาพคำอธิบายเรื่องกายวิภาคศาสตร์ที่พี่ซีพูดมาเท่าไหร่นัก
แต่เท่าที่ฟังแล้วสรุปใจความก็คือ
พี่ซีต้องการล้วงก้น เพื่อเช็คกล้ามเนื้อหูรูดผม
หา!!!! ล้วงก้นเชียวนะ! สำหรับผู้ชายอย่างผม...มัน...
แล้วทำไมพี่ซีต้องใช้ใบหน้าสวยๆ อธิบายเรื่อง ‘ล้วงก้น’ อย่างจริงจังขนาดนี้ มันไม่ได้เข้ากับใบหน้าอันงดงามบริสุทธิ์ของพี่ซีเลยนะ
“ไม่ต้องห่วงครับ” พี่ซีคงรู้ว่าผมกังวล จึงยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“พี่เป็นนิสิตแพทย์ปีห้าแล้วนะ ลองมาหลายเคสแล้ว รับรองว่าไม่มีปัญหาแน่นอนครับ”
ถึงพี่ซีจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่จะผมให้ถอดกางเกง แล้วโดนไอดอลคนสวยที่ชอบมากๆ มาล้วง...แล้วดูว่าขมิบได้ดีได้มั้ย...มัน....มัน...
“หรือน้องกลัวเจ็บหรือเปล่า” พี่ซีแสดงท่าทีลำบากใจ
“จริงๆ ปกติแล้ว ตอนล้วงก้นก็ต้องใช้เจลหล่อลื่นช่วยลดการเสียดสีด้วยนะครับ”
จ...เจลหล่อลื่น! ผมหน้าเหวอไปอีก
เดี๋ยวนะ นี่ใช่การตรวจรักษาจริงๆ ใช่มั้ย มันจะ XYZ เกินไปแล้วนะ!
“ถ้าไม่ใช้เจล น้องทนไหวมั้ยครับ อาจจะฝืดหน่อย เจ็บนิดนึงนะครับ”
ผมเหลือกตาโต เผลอนึกภาพไปแล้วว่า ผมจะโดนพี่ซีล้วง...จริงๆ
ผมอยากจะร้องไห้แล้วครับ
“ปกติตรวจวิธีนี้ เขาจะใช้นิ้วชี้ครับ”
พี่ซีชูนิ้วชี้มือขวาที่เรียวสวย
ผมกลืนน้ำลายลงมือ เมื่อคิดภาพว่า นิ้วสวยๆ ของพี่ซีนั้น มันจะต้องไปอยู่ในรู...ผม...
แต่ถึงนิ้วพี่ซีจะสวยขนาดไหน มันก็...ไม่นะ
นี่ผมกับพี่ซีกำลังคุยเรื่องตรวจรักษาอยู่ใช่มั้ย
“แต่ถ้ากลัวคับไป ก็เริ่มจากใช้นิ้วก้อยได้เหมือนกัน” พี่ซีชูนิ้วก้อย
“พี่ไม่รู้ว่า ของน้องใหญ่หรือเล็ก อาจจะต้องลองดูทดสอบก่อน”
ม...มีการลองด้วย....เหรอ ม่ายยยย
“และน้องตั้งใจฟังพี่ให้ดีนะครับ” พี่ซีพูดต่อด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“เวลาตรวจ ถ้าไม่อยากให้เจ็บ ช่วงแรกน้องต้องเบ่งออกนิดนึงนะครับ หูรูดด้านนอกจะได้ขยายออก นิ้วหมอจะได้ผ่านไปได้ แล้วพอผ่านเข้าไปแล้ว ก็ให้ผ่อนคลาย อย่าเกร็งต้านนะครับ ไม่งั้นจะเจ็บกว่าเดิมมาก”
ถึงแม้พี่ซีจะแทนตัวเองด้วยคำว่า ‘หมอ’ แล้วมันจะกร๊าวใจมากแค่ไหน
แต่เรื่องล้วงก้น ผมก็ยังทำใจไม่ได้!
“ใช้เวลาไม่นานครับ” พี่ซียิ้มให้กำลังใจ
“ตอนที่มือหมออยู่ข้างในแล้ว พอหมอบอกให้ขมิบ ก็ให้ขมิบแรงที่สุดเลยนะครับ ให้หูรูดรัดรอบนิ้วหมอ ถ้าทำได้ก็แปลว่า ไขสันหลังที่ควบคุมกล้ามเนื้อหูรูดไม่ได้มีปัญหา ถ้าแต่มีความผิดปกติ อาจจะต้องส่งน้องเข้าโรงพยาบาล”
ห...หูรูด...ข...ขมิบ...ร...รัดนิ้ว ผมเริ่มฟังไม่ได้ศัพท์แล้ว
ผมวิตกจนสติแทบแตก นี่ผมจะต้องโดนพี่ซีตรวจจริงๆ เหรอ
“ข...ขอตรวจแบบ...ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย ป...เป็นที่มิดชิดได้มั้ยครับ” ผมเอ่ยวิงวอน
ถ้าจะต้องโดนพี่ซีล้วง...จริงๆ ก็ขอให้ไม่มีคนอื่นเห็นได้มั้ย เพราะมันน่าอายมากๆ เลย
พี่ซีมองผมนิ่งๆ สักพัก พอเห็นท่าทีจิตตกขั้นรุนแรงของผม จู่ๆ พี่ซีก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
“พี่หยอกเล่นครับ” พี่ซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“การตรวจเช่นนี้มักใช้ในคนที่มีประวัติกลั้นปัสสาวะอุจจาระไม่ได้ หรือเป็นกรณีอุบัติเหตุหนักๆ อัมพาตทั้งตัวนะครับ กรณีน้องยูกิขยับร่างกายได้ตามปกติขนาดนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องตรวจแล้วครับ หรือถ้าอยากให้ตรวจก็...”
นัยน์ตาของพี่ซีเป็นประกายแพรวพราว
ด...เดี๋ยวนะ ผมอ้าปากค้าง ผม...ไม่ต้องโดนล้วงก้นแล้วเหรอ
อ้าววว แต่พี่ซีก็ยังอุตส่าห์เอาหลักการมาอธิบาย จนผมเผลอหลงเชื่อจริงๆ ไปแล้วอ่ะนะ!
“พ…พี่ซีแกล้งผมเหรอ”
ผมตกใจมาก เผลอคิดไปแล้วนะว่าพี่ซีเอาจริง
“ฮ่าๆ” พี่ซีหัวเราะร่า แล้วก็มองผมอย่างมีเลศนัย
“น้องก็แกล้งยืนไม่ไหวเหมือนกัน ไม่ใช่เหรอครับ”
ผมสะดุ้งเฮือกใหญ่ โอ้จริงด้วย พี่ซีรู้ทันอย่างนั้นเลย
ผมแกล้งหยอกคนสวย แล้วเป็นไงล่ะ เจอพี่ซีสวนกลับเข้าโหมดคุณหมอเฉย ผมถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว
นอกจากเสียฟอร์มแล้ว ยังไม่ได้จับมือฟรีอีก ทั้งน่าอาย ทั้งเสียดาย
แต่อย่างน้อยก็ได้พี่ซีช่วยพยุงให้อ่ะนะ โง้ย ฟินแล้วครับ
พี่ซีสังเกตสีหน้าของผม แล้วคลี่ยิ้มเล็กน้อย
จากนั้น พี่ซีก็ค่อยๆ นั่งย่องๆ เบื้องหน้าผม
“เดี๋ยวพี่ช่วยตรวจ sensory ให้คร่าวๆ ก็ได้ครับ” พี่ซีเอ่ย
ผมกลืนน้ำลายเมื่อพี่ซีขยับเข้ามาใกล้ๆ
ผมสะดุ้งโหย่ง เมื่อมือเรียวสวยของพี่ซีนั้น กำลังสัมผัสปลายเท้าของผม
พลันรู้สึกเหมือนมีไฟฟ้าสถิตย์ไหลพล่านไปทั่วร่าง
พี่ซี...จับ...ปลายเท้าผมมม
“ขยับได้มั้ยครับ ไม่รู้สึกชาใช่มั้ยครับ”
พี่ซีถามด้วยสีหน้าจริงจัง ประหนึ่งสวมบทบาทคุณหมอจริงๆ ที่กำลังตรวจคนไข้
พี่ซีโหมดนี้มัน...กร๊าวใจเกินไป ไม่ไหวแล้ว
“ค...ครับ”
ผมตอบเสียงสั่น ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว
ตอนแรก ผมคิดว่าการวินิจฉัยนี้จะจบลง แต่พี่ซีกลับยังแสดงท่าทีเคร่งขรึม แล้วค่อยๆ เลื่อนมือมาจับตรงปลายขาผม
ฝ่ามือเรียวอุ่นของพี่ซีกำลังสัมผัสขาของผมอยู่
“พ…พี่ซี”
ผมกัดปากแน่น มัน...รู้สึกเสียวกิ้วชอบกล
ไอดอลที่ผมชอบ กำลังจับขาโผ้มมมม
“แล้วตรงนี้ล่ะ ขยับได้มั้ย ไม่ชาใช่มั้ยครับ” พี่ซีถามอีกรอบ
“ป…ปกติครับ”
ผมไม่รู้จะพูดอย่างไร เพราะมันฟินมาก มากกก มากเกินไปปป
ขืนนานกว่านี้ หัวใจผมอาจรับไม่ไหวแล้ว
“อ๊า...พี่ซี”
ผมร้องลั่น เมื่อพี่ซีเลื่อนมือขึ้นมาตรงขาหนีบผม
ม...มัน...สูงเกินไปแล้ว ก...ใกล้ส่วนนั้น...เกินไป
ไม่ไหวแล้ววววว ทั้งกายและใจผม มันเหลวไปหมดแล้ว
ความรู้สึกที่โดนพี่ซีสัมผัสนั้น มันช่าง...
ความมือสวย ความมืออุ่น ความฟินนี้
ยูกิคนนี้ จะละลายหายไปกับทะเลแล้วครับ!
เพราะเสียงอุทานร้อง ‘อ๊า’ ของผม ทำให้พี่ซีเงยหน้าขึ้นมามอง
“ถ้าน้องร้องดังขนาดนี้ Sensory คงไม่มีปัญหาแล้วล่ะครับ”
แม้จะน่าอายเพียงใด แต่ใจผมฟินจนสั่นไปถึงคอหอย แม้แต่เสียงพูด ก็เล็ดลอดออกมาไม่ได้สักคำ
พี่ซีพิจารณามองผมพร้อมคลี่ยิ้มบางๆ แล้วค่อยชันตัวลุกขึ้นยืน
“ผลการตรวจ คือ น้องยังแข็งแรงปกติดี ไม่ต้องไปโรงพยาบาลนะครับ”
ผมเหม่อมองพี่ซีด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ทั้งตัวยังรู้สึกเห่อร้อนจากสัมผัสของพี่ซีที่ตกค้าง
“ทำไมหน้าแดงครับ”
พี่ซีก้มลงมาสังเกตใบหน้าของผม
“เป็นไข้ไม่สบายหรือเปล่า”
สีหน้าพี่ซีแสดงความเป็นห่วง แต่สักพักก็เชิดยิ้มให้ผม
“หรือแค่เขินพี่กันนะ”
อ๊ากกก พี่ซีครับ! ไม่ไหวแล้ว ทะเลนี้มันร้อนเกินไป
ถ้าเจอคุณหมออย่างพี่ซีมาอ่อยกันขนาดนี้
คนป่วยก็ยิ่งอาการกำเริบหนักกว่าเดิมน่ะสิ
✦✦✦✦✦✦✦✦
*มีการแก้ไขเนื้อหาช่วงอธิบายการตรวจร่างกาย หลังจากส่งต้นฉบับตอนนี้ให้เพื่อนหมอรีเช็คนะคะ
Writer's Talk
สำหรับตอนนี้ เราได้คุณเพื่อนหมออินเทิร์น มาช่วยแต่งบทพี่ซีตอนเข้าโหมดคุณหมอให้ด้วยนะคะ 555 ก็เลยดูวิชาการจริงจังจนแม้แต่น้องยูคนเนิร์ดก็ยังหลงกลไปแล้ว ฮ่า (แต่เพื่อนหมอบอกเราว่า ไม่ต้องให้เครดิตใดๆ ทั้งสั้น เพราะตอนตรวจจริงๆ ก็ไม่เคยกล้าพูดกับคนไข้แบบนี้ กร้ากกกก)
ส่วนฉากตรวจ sensory นั้น เราถามเพื่อนหมอว่า ต้องลูบ(?)ส่วนไหนบ้าง เพื่อนก็ส่งรูปนี้มาเลยจ้า พร้อมบอกว่า อยากให้ลูบตรงไหนก็ จัดไป ฮ่าาาา มีภาพปลากอบอ้างอิงที่นางส่งมาด้วย
ตอนนี้ก็มีแฟนอาร์ตเพิ่มเติมมาฝากด้วยน้า
ขอบคุณรูปสวยๆ จากคุณ Nathan นะคะ น่าร้ากกกกก ชอบลายเส้นมากเว่อร์~~~
ซี : ว้าว วาดสวยมากครับ ขอบคุณมากเลย I see u I love u นะครับ ;)
ยู : โอ้ สุดยอดมากเลยครับ ผมวาดไม่ได้แบบนี้เลยนะ ดีใจมากๆ เลยครับ โง้ย ได้มีรูปกับพี่ซีด้วย เขินจัง
ขอบคุณรูปภาพคุณ a ด้วยเช่นกันนะคะ น้องยูคนเพ้อออ อร๊ายยยย น่าร้ากกกกกกก~~~~
ยู : งุ้ยยย เขินแล้วววว พี่ซีของผม O///////////O ขอบคุณมากนะครับ ภาพนี้ฟินจังเลย
ซี : ฮ่าๆ น่ารักจังครับ เป็นเรื่องราวเชียว ไม่คิดว่าเขาจะหลงผมขนาดนี้นะเนี่ย หึหึ
แฟนอาร์ตน่ารักๆ จากคุณ Tahwan มาฝากค่าาา ฉากที่รอคอยใช่มั้ยนะ อร๊าย ขอบคุณมากๆ เลยนะคะที่วาดมาให้ กอดดดด~~~
ยู : หวาาาาา ไม่ไหวแล้วววว //ลาตาย
ซี : น่ารักจริงครับ //ยิ้มหวาน ขอบคุณมากนะครับ ภาพนี้น่ารักมากเลยครับ U & C สินะ หึหึ
-------------------------------
แฮชแท็กประจำเรื่อง #เดือนกลบดาว
Twitter : @colourfulearth ใช้ชื่อว่า L.Loklalla จ้า
Facebook Page : EarthLok - ล.โลกลัลล้า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พี่ซี ลวนลามน้องงงง
ขออนุญาตนักเขียนนะคะ 5 gradingที่พิมพ์มาคิดว่าใช้สำหรับการตรวจmotor powerส่วนอื่นๆของร่างกายนะคะ สำหรับการPRเพื่อดูsphincter toneปกติเราไม่ค่อยgradingแบบนั้นกันนะคะ จะมาให้ขมิบสู้แรงหมอก็ดูแปลกๆ ไม่แน่ใจว่าทางร.พ.ของเพื่อนผู้เขียนนิยมใช้แบบนี้กันรึเปล่าหรือยังไง????
น้องงงง หนีไปปปป
ตาย...ฉันตาย....เจอหมอแบบนี้ ฉันตาย....????????????????