➊ เสื้อคอเต่าแขนยาวสีดำ + กระโปรงยาวทรงเอลายสก็อตสีน้ำตาลอ่อน-ขาว + รองเท้าบูทแพลตฟอร์มส้นเตี้ยยาวเหนือข้อเท้าเล็กน้อยสีดำ + สร้อยคอยาวจี้รูปวงกลมสีโรสโกลด์ + ต่างหูห่วงสีโรสโกลด์ + นาฬิกาข้อมือสีโรสโกลด์ + ริบบิ้นผูกผมสีน้ำตาล + มัดผมทรงหางม้าสูง
➋ เสื้อเชิ้ตแขนกุดสีขาว + กระโปรงหนังยาวระดับเข่าผ่าข้างสีน้ำตาลเบจ + รองเท้าบูทหุ้มข้อสีน้ำตาลเข้ม + ต่างหูห่วงสีทอง + นาฬิกาข้อมือสีโรสโกลด์ + ยางรัดผมเส้นคู่ปลายผูกโบว์สีดำ มีจี้รูปพระจันทร์เสี้ยวสีเงินห้อย + มัดผมทรงหางม้าสูง
➌ เสื้อโช้กเกอร์คอวีแขนสั้น+ กระโปรงระบายปลายเอวสูงกระดุมหน้าลายสก็อตขาว-ดำ-แดง + รองเท้าบูทสั้นหุ้มข้อสีแดงเลือดหมูมีเชือกสีดำ + ต่างหูห่วงเล็กสีเงิน + นาฬิกาสีโรสโกลด์ + ที่คาดผมหนาๆสีแดงเลือดหมู+ ทำผมทรงเปียอันเดอร์คัทซีกหนึ่ง แล้วปล่อยผม
ลักษณะการพูด :
{{ ซิดนีย์เป็นคนที่มีเสียงค่อนไปทางทุ้มหวานมากกว่าเล็กแหลม แต่ถึงกระนั้นก็เรียกได้ว่าเป็นเสียงที่น่าฟังไม่น้อย แม้ว่าจะเห็นไม่ค่อยชัดเนื่องจากเจ้าตัวเธอมีลักษณะการพูดที่ค่อนข้างจะห้วนในบางครั้ง ดูแรงๆ และกระโชกโฮกฮากเล็กน้อย มันเป็นลักษณะการพูดที่เป็นมาตั้งแต่ยังเด็ก หลายคนมักจะเข้าใจว่าเธอกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่ แต่ไม่ใช่หรอก มันก็เป็นแค่วิธีการพูดของเธอเท่านั้น ซึ่งคนที่สนิทก็จะเข้าใจดี(แต่บางครั้งพวกเขาก็ลืมๆบ้าง เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไม คงจะเบลอล่ะมั้ง?)— ทุกวันนี้เธอก็พยายามใช้น้ำเสียงที่ซอฟท์ลงเพื่อไม่ให้คนอื่นไม่พอใจ แต่มันก็คงจะต้องใช้อีกนานกว่าจะเลิกได้จริงๆ ถึงกระนั้นก็มีพัฒนาการเรื่อยๆแหละนะ
{{ เธอแทนตนเองว่า 'ฉัน' กับทุกคน และมักจะเรียกคู่สนทนาด้วยชื่อ(ถ้าเป็นพวกรุ่นพี่ รุ้นน้อง หรือพี่น้องจะไม่มีคำนำหน้า) แต่บางครั้งก็แทนว่า 'เธอ' หรือ 'นาย' ตามเพศที่พวกเขาต้องการให้เรียก และแทน 'คุณ' กับผู้หลักผู้ใหญ่นอกครอบครัว (คนในครอบครัวจะเรียกแทนด้วยสถานะ เช่น ลุง ป้า นา อา) เธอจะมีหางเสียงในสถานการณ์ที่เป็นทางการ หรือสถานการณ์ที่บังคับให้พูดสุภาพเท่านั้น เพราะปกติแล้วมักจะไม่พูดคะค่ะกับใคร— ซิดนีย์เป็นคนที่ปากร้ายหน่อยๆ ถึงหลังๆมานี้เธอจะพยายามพูดจาให้ซอฟท์ลงก็ตาม แต่หลายครั้งก็มักจะกล่าววาจาที่ตรงไปตรงมาเกินจนดูไม่แคร์ใคร ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นตอนที่เธอซีเรียสกับอะไรสักอย่าง หรือตอนที่กำลังพูดคุยเรื่องสำคัญ ในกรณีแบบนั้นเธอคงพูดอ้อมค้อมไม่ได้หรอก และก็คงไม่ทันได้คิดหาคำที่ซอฟท์กว่าแต่ยังคงความหมายเดิมได้ทัน(ไม่ก็ตอนนั้นเธอคิดว่าหากพูดซอฟท์ๆต่อไปก็คงจะไม่ถูกรับฟัง) จึงได้พูดอะไรที่ทิ่มแทงจิตใจคนอื่นออกมา แน่นอนว่ามันทำให้หลายคนไม่พอใจในตัวเธอ แต่ปกติแล้วหากเป็นเรื่องที่เธอไม่ซีเรียสมาก เธอก็ไม่ได้พูดจาแรงๆออกมาบ่อยหรอก แค่ห้วนๆ ไม่ก็มีน้ำเสียงที่กระโชกโฮกฮากเล็กน้อยตามนิสัยเท่านั้น
example;
one, i'mma crash this party real quick;
"แม่บอกวันนี้มีบาร์บีคิว" เธอที่เพิ่งจะเดินเข้าบ้านมานั้นขมวดคิ้วสงสัยทันทีที่ได้ยินคำพูดของพี่ชายคนโต
"ไหงแม่ไม่บอกฉันตัวต่อตัว?" มันอาจจะดูเป็นคำพูดห้วนๆพร้อมกับน้ำเสียงที่กระแทกเล็กน้อย ทว่าความจริงแล้วมันก็แค่วิธีการพูดแบบปกติของซิดนีย์นั่นแหละ อาจจะดูเหมือนไม่พอใจตลอดเวลา แต่เชื่อเถอะ เธอแค่มีวิธีการพูดที่ไม่ค่อยซอฟท์ก็เท่านั้น
"อ่า... เห็นบอกว่าจะเป็นเซอร์— เออว่ะ ต้องไม่บอกแกนี่หว่า" เซอร์ไพรส์ของคุณนายประจำบ้านพังลงทันทีที่รีโอหลุดปากออกมา กว่าสมองของเขาจะประมวลผลได้ว่าเซอร์ไพรส์นั้นมีไว้สำหรับซิดนีย์ที่เพิ่งจะชนะการแข่งขันโต้วาทีมาเมื่อสองวันก่อน มันก็สายไปเสียแล้วที่จะแก้ตัว
ก็รีโอ ฟอล์กเนอร์เป็นพี่ชายคนโตที่ขึ้นชื่อเรื่องความเด๋อสุดๆนี่นะ...
"ผิดหวัง แต่ไม่แปลกใจ" อาจเป็นเพราะว่าน้ำเสียงในครานี้ค่อนข้างจะราบเรียบกว่าปกติ(เพราะวันนี้ทั้งวันมีแต่เทสต์จนเธอเหนื่อย) และสีหน้าของเธอก็ไม่ได้แสดงอารมณ์มากมาย อีกฝ่ายถึงมีปฎิกิริยาอึนๆที่บ่งบอกถึงความรู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งซิดนีย์ก็ใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะรู้
"...เดี๋ยวพรุ่งนี้ซื้อเนื้อสตริป-ลอยด์มาให้เป็นการขอโทษ"
"ความจริงไม่ได้อะไร แต่ก็โอเค" เธอเอี้ยวตัวมาชูนิ้วทำท่าโอเคให้พี่ชาย ก่อนที่จะก้าวเดินขึ้นบันไดไปยังห้องของตนเอง
"'งั้นลดเป็นแค่แฮมเบิร์กพอ" แล้วสองเท้าของเธอก็ชะงักงันบนบันไดขั้นที่ 3
"..." เธอหันขวับมาสบตากับรีโอที่มีสีหน้าอึนๆซื่อๆตามปกติ
"ก็ซิดไม่ได้อะไรมากนี่"
โว๊ะ...
two, respect people, you darn rascals;
"จะเป็นใครก็ควรจะเคารพกันอยู่แล้ว!"
"อย่างน้อย— ควรจะจำ common sense ข้อนี้ได้สิ! ในสมองมีอะไรอยู่ข้างในนอกจากไอ้ความคิดที่อยากจะแกล้งคนบ้างเนี่ย!?" เธอมองเหล่ารุ่นน้องที่วิ่งออกไปเมื่อเธอพูดจบด้วยแววตาตะขิดตะขวงใจ ซิดนีย์สบถในลำคอว่า 'อะไรวะ?' อย่างเบาๆ เธอยังไม่ได้ทำอะไรนอกจากหยิบไม้เบสบอลมาตวัดตีอากาศแรงๆเพื่อขู่เลย
เธอไหวไหล่เล็กน้อย ก้มลงมองอาวุธ(มั้ง?)ในมือครู่หนึ่ง จากนั้นจึงยื่นมันกลับให้เจ้าของที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ
แล้วก็พบว่านาธาน เอลวิส— ชายหนุ่มรุ่นน้องที่เด็กกว่าหนึ่งปีคนนั้นกำลังหรี่ตามองเธออยู่...
ไม่พอใจ?
อ่า ไม่รู้สิ...
"บางทีฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงชอบเข้ามาแส่ในทุกเรื่องแบบนี้เลยฟอล์กเนอร์" เธอเลิกคิ้วพลันได้ยินดังนั้น ดวงตาสีเขียวปราชญ์ชำเลืองมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูเหมือนว่าเสื้อผ้าของเขาจะมีดินเปรอะอยู่พอสมควร แต่ถ้าเอาไปซักก็คงสะอาดเหมือนเดิม มันดูไม่ใช่คราบหนักอะไร
"ก็คนเราควรได้รับความยุติธรรมน่ะสิ!" ซิดนีย์กล่าวพลางยัดไม้เบสบอลใส่มืออีกฝ่าย ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าเป้ของตนเอง แล้วจึงเดินมุ่งหน้าไปยังจุดจอดรถบัสหน้าโรงเรียนตามปกติ
three, so- i just punched a person... ;
"โอเค— คือฉันกำลังเดินไปรอรถบัสที่เดิมเหมือนทุกวันอ่ะนะ แล้วตอนเดินไปก็รู้สึกเหมือนๆว่ามีคนกำลังตามอยู่!"
[แล้วเกิดไรขึ้น?]
"ฉันก็เดินต่อไป แต่ก็ระวังตัวไว้ตลอด คือพยายามคุมสติไว้อยู่เว้ย! แต่พอได้ยินเสียงคนเร่งฝีเท้าตามหลังมามันก็ระแวงขึ้นอ่ะ! คือใครมันก็ระแวงมั๊ย!?"
[เก็ท แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่แกอยู่โรงพยาบ—]
"แล้ว ตอนนั้นจู่ๆมีคนเดินมาแตะไหล่อ่ะ! ร่างกายมันก็เลยเผลอป้องกันตนเองอัตโนมัติ!"
[...คือที่อยู่โรงพยาบาลเพราะต่อยคนจนสลบว่างั้น?]
"ก็เออสิ!"
[เออ! เดี๋ยวไปช่วยเคลียร์ พาพี่ๆไปด้วย อย่าเพิ่งเกรี้ยวกราด]
"ไม่ได้เกรี้ยวกราด!"
[แต่แกกระแทกเสียง!]
"ฉันก็พูดกระแทกเสียงแบบนี้มานานแล้ว!" ถ้าจะเกรี้ยวกราดก็เกรี้ยวกราดเพราะฝาแฝดตนเองไม่เข้าใจนี่แหละ ปกติก็พูดแบบนี้อยู่แล้ว ไหงรอบนี้เข้าใจผิดไปได้ เพราะคุยกันทางโทรศัพท์อยู่งั้นเหรอ?
ไม่ก็ลิซบอนแค่มโนไปเอง
four, i hate period and hormones;
"ซิด อยากกินไรป่ะ?"
"อือ..." เธอครางเสียงต่ำ อาการปวดท้องช่วงประจำเดือนเล่นเอาไม่สามารถทำอะไรได้เลยในวันนี้ เธอไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะพูดอะไรยาวๆเลยเสียด้วยซ้ำ ซิดนีย์ได้แต่นอนโง่ๆรับชะตากรรมของตนเองไป
"กระเป๋าน้ำร้อนเย็นยัง? ต้องการอะไรเพิ่มมั๊ย?" ดวงตาสีเขียวปราชญ์ชำเลืองมองใบหน้าของพี่ชายตนเอง ปารีสเป็นคนเดียวที่อยู่บ้านในวันนี้ พ่อแม่พวกเขาต้องไปทำธุระเร่งด่วน รีโอกำลังวุ่นอยู่กับการเปิดตัวสินค้าของบริษัท(ก็เป็นฝ่ายมาร์เก็ตติ้งนี่นะ) ส่วนลิซบอนก็ต้องไปถ่ายแบบ
"อือ..."
"ซิด?" ปารีสเอ่ยเรียกน้องสาวตนเอง เธอเล่นตอบแบบเดียวมาตั้งหลายรอบแล้ว เขาชักจะไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ว่าหล่อนยังมีสติครบถ้วนดีมั๊ย
"อือ..."
น่าจะไม่...
"ทำตัวเหมือนหมาเลยนะไอ้น้องสาว" ฝ่ามือหนายีหัวน้องคนเล็กด้วยความเอ็นดู นานๆครั้งจะได้ซิดนีย์เห็นสิ้นฤทธิ์แบบนี้แหละนะ บางครั้งช่วงรอบเดือนมา แม่คุณก็ไม่ปวดท้อง แต่บางครั้งก็ดันปวดหนักเหมือนวันนี้เสียอย่างนั้น
"...ลองมีมดลูกดูดิ"
"ไม่เอาว่ะ เห็นสภาพแกแล้วเจ็บแทน" เขาทำหน้าแหยเกใส่ ขนาดคนที่แข็งแรงที่สุดในบ้านยังสภาพไม่ต่างกับเจ้าวอลแตร์ในวันที่รู้ว่าเนื้อที่มันชอบกินนั้นขายหมดก่อนที่พ่อจะไปซื้อเสียอย่างนั้น
"แต่ก็ยังปากดี!"
"ครับ... ขอโทษครับ"
เขานี่ก็ยอมน้องสาวตลอดจริงๆ... ต่อให้แหย่แค่ไหน สุดท้ายก็ต้องแพ้ให้กับยัยคนนี้ทุกทีเลย
five, cry for a while- then get it together again;
"โอ—โอเค— เธอทำได้ซิด... เธอทำได้" เธอปาดน้ำตาตนเอง ในเวลาแบบนี้เธอท้อไม่ได้หรอก ไม่อย่างนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมาก็ไร้ค่าหมดน่ะสิ
"เอาล่ะ... มาต่อกัน" ถ้าจะร้องไห้ก็ร้องไห้แค่ครู่เดียวเท่านั้นแหละ ร้องเสร็จก็ค่อยฮึดขึ้นสู้ต่อ ถ้าร้องนาน เศร้านาน มันก็จะเสียเวลานี่นา
มือเธอเอื้อมไปหยิบหนังสือเล่มเดิมขึ้นมา แต่ก่อนที่จะดึงมันมาอ่าน สายตาก็สบเข้ากับเจ้าตัวใหญ่ที่เดินเข้ามาหาด้วยท่าทีประหม่าเล็กน้อย
เธอปล่อยหนังสือลง ก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดเจ้าวูลฟ์ด็อกที่เลี้ยงไว้
"คิดถึงจังวอลแตร์..."
"หงิง..."
ขอแก้ใหม่ก็แล้วกัน— เป็น 'ร้องไห้ กอดวอลแตร์ แล้วค่อยฮึดสู้ต่อ' แทน
อุปนิสัย :
your honor, she's a dudette;
{{ ด้วยความที่สมาชิกส่วนใหญ่ในครอบครัวเป็นผู้ชาย จึงทำให้ซิดนีย์นั้นมีนิสัยที่ค่อนข้างจะคล้ายกับพวกพี่ๆอยู่พอสมควร แต่ถ้าให้พูดตามความจริงแล้ว ความห้าว และความบ้าดีเดือดของเธอนั้นมากกว่าพวกพี่ๆเป็นโขเลยล่ะ— ซิดนีย์เป็นคนที่ค่อนข้างจะพูดตรง ถึงบางครั้งจะพูดห้วนไปบ้าง แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรอ้อมค้อมหรอก เธอไม่ชอบทำอะไรให้มันยุ่งยาก วิธีง่ายๆที่ได้ผลดีก็มีอยู่ เรื่องอะไรจะต้องทำให้ทุกอย่างมันยากลำบากด้วยล่ะ? วิธีง่ายๆมันไม่ได้หมายความว่าจะเปนวิธีที่ไม่ดีเสียหน่อย บางครั้งอะไรที่มันซิมเปิลก็มีสเน่ห์ของมันเช่นกันนี่นา— เธอยังเป็นคนที่ถ้าเป็นเรื่องนอกเหนือจากงานต่างๆก็จะไม่ละเอียดอ่อนสักเท่าไหร่นัก เธอพูดปลอบใจใครไม่ค่อยเป็น จะพูดให้คำปรึกษาใครก็ไม่ถนัด อย่างมากสุดเธอก็ทำได้แค่รับฟังเฉยๆ ไม่ก็ให้กำลังใจนั่นแหละนะ อีกทั้งเธอยังเป็นคนที่ไม่ค่อยคิดเล็กคิดน้อย เรื่องความผิดพลาดก็จำไว้ให้เป็นแค่บทเรียนที่จะเตือนว่าเธอต้องพัฒนาตนเองในด้านไหน ไม่จำเป็นจะต้องเก็บมานึกว่าตนเองนั้นแย่ หรืออะไรทำนองนั้นเลย นั่นเป็นหนึ่งในสาเหตุที่บางครั้งเธอก็ไม่เข้าใจคนประเภทที่ชอบคิดมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ไปดูถูกพวกเขาหรอกนะ เธอก็มีการพยายามเข้าใจพวกเขา เพียงแต่อาจจะต้องใช้เวลา และต้องใช้คำอธิบายสักหน่อย เพราะปกติแล้วไม่ใช่ประเภทที่เก็บเอาอะไรมาคิดจนเครียดหนัก— เธอเป็นพวกที่ไม่ชอบอยู่นิ่ง ต้องหาอะไรทำตลอด ในที่นี้ก็หมายถึงกิจกรรม และงานต่างๆน่ะนะ... ซิดนีย์เป็นคนที่ถ้าไม่มีอะไรให้ทำก็จะนอนไปเลย ไม่ก็เธอคงหาอะไรทำตามประสาคนที่ไม่ชอบอยู่อย่างเฉื่อยๆไป เธอคงจะอ่านหนังสือสักเล่ม(บางครั้งก็เป็นหนังสือเดิมๆที่เธอหยิบมาอ่านใหม่เผื่อจะจับใจความได้มากขึ้น หรือเผื่อจะมีจุดที่ไม่ได้สังเกตจากการอ่านก่อนหน้า) โทรชวนเพื่อนแล้วนัดไปเล่นวอลเล่ย์บอล ไม่ก็เล่นวีดีโอเกมประเภทที่มีเนื้อเรื่อง (เพราะมันจะได้มีตอนจบของเกม พวกเกมที่เล่นได้เรื่อยๆนี่เธอไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่)
your honor, she's not actually aggressive;
{{ ถึงจะดูเป็นคนที่ค่อนข้างจะแรง เนื่องด้วยลักษณะการพูด แต่ความจริงแล้วซิดนีย์ก็ไม่ต่างอะไรกับคนเฟรนด์ลี่ที่ดันมีด้านน่ากลัวๆจนคนอื่นเข้าใจผิดไปหมดนั่นแหละ— บางครั้งเธอก็พูดห้วนหรือพูดกระแทกเสียงตามความเคยชินจนดูเหมือนเข้าถึงยาก ทว่าความจริงแล้วก็ไม่ได้คิดจะกีดกันใครหรอก เรียกว่าพูดแบบนี้จนชินไปแล้วก็ว่าได้ (เจ้าตัวก็รู้ในข้อเสียข้อนี้นะ ทุกวันนี้ก็พยายามปรับอยู่ แต่มันก็ค่อยๆเป็นค่อยๆไปนั่นแหละ พัฒนาการก้าวกระโดดคงจะยากเมื่อติดนิสัยไปแล้ว) ปกติแล้วเจ้าหล่อนแทบจะยิ้มให้กับทุกคนเลยด้วยซ้ำ ยิ้มร่าชนิดที่ว่าเห็นฟันเขี้ยวชัดเจน แถมบางครั้งเวลาทักใครสักคนก็เรียกชื่อเสียงดังพร้อมโบกมือให้อีกฝ่ายเห็นชัดอีก และซิดนีย์ก็เป็นคนที่เฮฮาพอสมควรด้วย เธอน่ะเส้นตื้นเป็นบ้าเลย ต่อให้มุกแป้กแค่ไหนก็จะหลุดหัวเราะออกมาเสมอ และเธอจะเป็นคนแรกๆที่แพ้เกมจั๊กจี้เพราะกลั้นเสียงหัวเราะหัวไว้ไม่ไหว ดีไม่ดีก็กลิ้งไปนอนหัวเราะบนพื้นเลยแหละ— เธอเป็นคนที่ปกติแล้วจะไม่ได้พูดเยอะนัก แต่สำหรับบางเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่เธอซีเรียส(เช่นความเท่าเทียม ความยุติธรรม ความเหลื่อมล้ำอะไรพวกนี้) และเรื่องครอบครัว เธอก็จะจ้อไม่หยุดเลยล่ะ เรียกได้ว่าไปกระตุกต่อมทีนึงก็จะได้ฟังเธอบ่นยาวๆไปเลย และในถ้อยคำที่เธอเอ่ยออกมาก็จะมีการเน้นเสียงในบางช่วงราวกับว่าเป็นจุดที่ถูกไฮไลท์ไว้ในสมุดโน๊ตเล่มหนึ่งเลยล่ะ— ซิดนีย์เป็นคนที่แสดงออกทางอารมณ์ค่อนข้างจะชัดเวลาพูดอะไร เธอจะกระแทกเสียงมากกว่าปกติ(อย่างเห็นได้ชัด)เวลาพูดถึงเรื่องซีเรียส และเวลาอารมณ์ไม่ดี เธอจะพูดด้วยเสียงเอื่อยๆเบาๆเวลาที่เศร้า และนอกจากเสียงแล้ว ก็มีสีหน้าของเธอที่แสดงอารมณ์ออกมาอย่างชัดเจนว่ารู้สึกอะไร (ยกเว้นตอนเหนื่อยๆที่จะหน้านิ่งจนคนเดายาก) มันก็มีบ้างที่เธอพยายามจะแสร้งสีหน้าเพื่อไม่ให้คนอื่นเป็นห่วง แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังเห็นได้ชัดอยู่ดี หากเธอจะหลอกใครได้สักทาง ก็คงจะเป็นการโกหกที่แนบเนียนกว่าเป็นเท่าตัว
your honor, she's a superhero comic's heroine;
{{ เธอเป็นคนที่รักความยุติธรรม และสนับสนุนการที่ทุกคนนั้นเท่าเทียมกัน จึงทำให้ใจอยู่ไม่เป็นสุขทุกครั้งเวลาเห็นคนถูกเอารัดเอาเปรียบ หรือเห็นใครเดือดร้อน แน่นอนว่ามันทำให้ตัวเธอเองนึกขำไม่น้อยในเรื่องที่มักจะพุ่งเข้าไปช่วยเหลือคนโดยที่บางครั้งก็ไม่ได้คิดวางแผนอะไรให้ดีเสียก่อน เล่นเอาเกือบเป็นอันตรายไปแล้วหากไม่มีสัญชาตญาณเอาตัวรอดของตนเอง แต่ในตอนนั้นสมองเธอไม่มีอะไรนอกจากความต้องการที่จะช่วยคนจริงๆ รู้ตัวอีกทีก็ทำตัวโง่ๆแบบนั้นไปแล้ว ทว่านั่นก็เป็นเพียงแค่ส่วนน้อย เพราะปกติแล้ว ก่อนจะเข้าไปช่วยใครสักคน เธอจะคิดไตร่ตรองให้ดีเสียก่อนว่าควรจะทำเช่นไรไม่ให้บาดเจ็บ หรือเสี่ยงอันตรายน้อยสุด มันก็มีแค่ในสถานการณ์คับขันบางสถานการณ์ที่เท้ามันดันวิ่งออกไปก่อนที่สมองจะประมวลหาทางออกที่เหมาะสมเท่านั้นแหละ เธอไม่ใช่คนที่กลัวอะไรง่ายๆ และเป็นคนที่ค่อนข้างจะกล้าหาญอยู่พอสมควร— เธอเป็นคนที่ไม่โอเคกับความเหลื่อมล้ำ และตรรกะความคิดที่ผิดเพี้ยน และเธอพร้อมที่จะฉอด(และให้ข้อมูลถึงแนวคิดที่ผิด)จนกว่าคนคนนั้นจะเดินหนีไป ไม่ก็จนกว่าเขาจะเข้าใจจริงๆว่าสิ่งที่คิดอยู่มันผิด เธอมองว่าต้นเหตุของปัญหาในสังคมส่วนใหญ่นั้นมาจากความคิด และทัศนคติของคน ซึ่งการจะลดปัญหาต่างๆได้ ก็ต้องเริ่มจากการปรับเปลี่ยนแนวความคิดที่ผิดเพี้ยนของตนเองซึ่งจะรู้ว่ามันไม่ถูกผ่านการแลกเปลี่ยนความเห็นกับคนอื่น— เวลาเป็นเรื่องพวกนี้(และเรื่องเป้าหมายความฝัน) เธอจะค่อนข้างจริงจัง และไม่ระวังปากของตนเอง จึงทำให้บางครั้งก็เอ่ยพูดอะไรแรงๆออกมาเวลาอีกฝ่ายทำหัวแข็ง และไม่รับฟังใคร เพราะเธอคิดว่าหากยังพูดซอฟท์ไปเรื่อยๆก็คงจะไม่ได้ผล— ความปากร้ายในบางโอกาสของเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่คนไม่ค่อยอยากจะพบเจอ ลองนึกสภาพเพื่อนของคุณที่ปกติเป็นคนเฟรนด์ลี่(แต่ชอบพูดห้วนๆ)กำลังพูดจาทิ่มแทงใจคุณดูสิ มันก็ไม่ใช่อะไรที่คนต้องการจะพบเจอสักเท่าไหร่หรอก
your honor, she's a confident daredevil;
{{ เธอเป็นคนที่มีความมั่นใจในตนเองสูง เธอเชื่อในศักยภาพของตนเอง และเชื่อว่าทุกสิ่งที่เธอทำจะต้องออกมาดีเมื่อเธอทุ่มเทในเรื่องนั้น— ซิดนีย์เป็นคนที่อาจจะถูกใครสักคนเรียกว่า 'บ้าไปแล้วชัดๆ' บ่อยๆ เพราะเธอเป็นคนที่เรียกได้ว่าไม่ว่าจะทำอะไรก็จะเห็นความมั่นใจผ่านทางสีหน้าเสมอ ยางอายอะไรพวกนี้ก็ไม่ค่อยจะมีหรอก แม่นี่ดูเป็นคนที่ไม่อายสายตาใครเสียเลยด้วยซ้ำ อีกทั้งยังเป็นคนที่ไม่ได้ซีเรียสกับคำวิพากษ์วิจารย์ของคนแต่อย่างใด ไม่สมกับผู้หญิงเหรอ? แล้วใครเป็นคนกำหนดว่าผู้หญิงต้องทำตัวแบบกันล่ะ? เธอก็คนเหมือนกัน ต่อให้ไม่เรียบร้อย ไม่อ่อนหวาน ทำตัวห้าวๆก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่ใช่ผู้หญิงเสียหน่อย สิ่งเดียวที่บ่งบอกถึงเพศของคนเราคืออวัยวะบางอวัยวะไม่ใช่หรืออย่างไรกัน? เพราะความจริงแล้วเราจะมากำหนดให้ใครสักคนเป็นไปตามกรอบความคิดของเราไม่ได้ เขาก็คือตัวเขา เราก็คือตัวเรา และคนเดียวที่เราควรจะให้มีอิทธิพลต่อตนเองก็มีแต่เราคนเดียวเท่านั้น— เธอเป็นคนที่จะเต็มที่เวลาทำงานเสมอ ต่อให้มันจะเป็นงานเล็กๆแค่ไหนก็ตาม โปรเจ็กต์โรงเรียนในวิชาที่ได้ A ง่ายก็ไม่ได้แปลว่าเธอจะต้องทำให้มันได้พอดีๆกับเกณฑ์เสียหน่อย ต่อให้ผลงานของเธอจะสุดยอด แต่ได้เกรด A เท่ากับคนที่ลงทุนน้อยกว่าเธอ ซิดนีย์ก็ไม่สน เธอไม่ใช่คนที่ยึดติดกับคะแนน แต่สิ่งที่เธอต้องการคือการแสดงศักยภาพ และความสามารถของตนเองผ่านทางชิ้นงาน หรือผลงานนั้นได้มากที่สุดก็เท่านั้น มันจะคุ้มก็ต่อเมื่อเธอพอใจกับงานดีแล้ว ไม่เกี่ยวกับเรื่องเกรดแต่อย่างใดเลย— เธอเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย กล้าลองในสิ่งใหม่ๆ แต่ลองครั้งหนึ่งก็จะทุ่มเทสุดๆ การทำอะไรแบบขอไปทีมันไม่ใช่สิ่งที่เธอถนัดหรอก หากไม่พยายามเต็มที่กับอะไรมันก็จะถูกจำเป็นหนึ่งในสิ่งที่เสียดายที่สุดในชีวิตของเธอแน่ๆ และเธอเองก็มั่นใจว่าต่อให้ผลลัพธ์ของการเสี่ยงนั้นจะเป็นเช่นไร สุดท้ายแล้วเธอก็จะได้รับสิ่งตอบแทนอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ ข้อผิดพลาดที่เธอสัญญากับตนเองว่าจะไม่ทำซ้ำสองในอนาคต หรือความรู้สึกของการที่ได้ทุ่มเทกับอะไรสักอย่างด้วยกาย และใจ
your honor, she's ambitious and devoted;
{{ เธอเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูง มีเป้าหมายชีวิตมากมาย ทั้งเป้าหมายระยะสั้นทั้งเป้าหมายระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องอาชีพในฝันของตนเอง เรื่องการพูดจาที่ซอฟท์ลง เรื่องการอ่านหนังสือตามตาราง เรื่องการฝึกทำอาหารเป็นต้น— เธอมีความสุขเวลาทำตามเป้าหมายของตนเองสำเร็จ เพราะมันหมายความว่าเธอได้พัฒนาตนเองไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เธออยากจะพัฒนาเกี่ยวกับตนเองให้เก่งยิ่งขึ้นไปอีก จึงทำให้เป้าหมายใหม่ๆนั้นมักจะงอกขึ้นมาในหัวเสมอ และถึงจะมีเป้าหมายมากแค่ไหนก็ตาม เธอเองก็ตัดสินใจจะทำให้สำเร็จทั้งหมด ต่อให้มันจะยากแค่ไหนก็ตามที แต่การที่ค่อยๆเป็นค่อยๆไป และสำเร็จในตอนท้ายก็ดีกว่าการที่ไม่ได้ทำอะไรเลยตั้งแต่แรกจนจบใช่มั๊ยล่ะ? —ซิดนีย์เชื่อว่าหากเรามีความฝัน เราก็ควรจะพยายามทำให้มันสำเร็จ ไม่งั้นก็คงจะรู้สึกเสียดายไปจนวันตาย การทอดทิ้งความฝน และทอดทิ้งเป้าหมายของตนเองเป็นอะไรที่น่าเศร้ามากสำหรับเธอ บางครั้งการทำตามความฝันมันก็ไม่เอื้ออำนวยสำหรับใครบางคนจริงๆ แต่เธอเชื่อว่าการได้ลองพยายามทำตามเป้าหมายสักครั้งคงดีกว่าารไม่ลองทำอะไรตั้งแต่แรกเป็นเห็นๆ ถึงผลลัพธ์จะไม่สำเร็จเหมือนกัน แต่อย่างน้อยก็ได้ลองสักครั้งหนึ่ง ซึ่งมันรู้สึกดีกว่าการที่ยอมแพ้โดยไม่ได้ทำอะไรเป็นเห็นๆ— เธอเป็นคนที่ค่อนข้างขยัน มีตารางอ่านหนังสือที่ทำตามอย่างสม่ำเสมอ และมีหนังสือความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสายการเรียนในอนาคตมากมายในห้อง เธอมีความฝันที่มั่นใจว่าจะทำได้อย่างแน่นอน และเธอหวังว่าหากทำตามเป้าหมายเรื่องอาชีพในอนาคตได้แล้ว เธอจะสร้างเป้าหมายในการช่วยเหลือคนจากการทำอาชีพนั้นต่อไป ให้พวกเขาได้รับความยุติธรรม ได้รับความเป็นธรรมที่พวกเขาสมควรจะได้รับ
your honor, she's positive for sure;
{{ ซิดนีย์เป็นคนที่มองโลกในแง่ดี หากอยู่ในสถานการณ์ร้ายแรง เธอจะเชื่อเสมอว่ามันต้องมีทางออกอย่างแน่นอน เธอมั่นใจในตนเอง(และมั่นใจในคนอื่น หากสถานการณ์นั้นไม่ได้มีแค่เธอคนเดียว) เธอเชื่อมั่นในศักยภาพของตนเองในการแก้ไขปัญหา ต่อให้มันจะยากแค่ไหนก็ตาม ต่อให้ภายในใจจะมีแอบรู้สึกท้อแค่ไหนก็ตาม แต่เธอก็ยังพยายามจะมองส่วนดีเอาไว้ก่อน การมองโลกในแง่ร้ายมันไม่ดีต่อสภาพจิตใจหรอกนะ และต่อให้บางสถานการณ์มันร้ายแรงจริงๆ มันก็คงไม่ได้ดีขึ้นเพียงเพราะว่าเรายอมรับมันหรอก เพราะฉะนั้นซิดนีย์เลยเลือกที่จะมองด้านดีๆไว้(แต่เธอยังคงอยู่ในพื้นฐานความเป็นจริงอยู่ ไม่ได้หลอกตนเอง แค่โฟกัสในด้านดีๆมากกว่า) แน่นอนว่ามันมีบางครั้งที่เธอท้อแท้ แต่การมานั่งเศร้ามันจะไม่ช่วยอะไรเธอหรอก ซิดนีย์อาจจะร้องไห้สักพักหนึ่ง หาทางฮีลใจตนเองให้กลับมาสดใสตามเดิม แล้วจึงค่อยกลับไปทำตามกิจวัตรเดิมของตนเอง การจมอยู่กับความท้อแท้ และความสิ้นหวังไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างซิดนีย์ ฟอล์กเนอร์จะทำแต่อย่างใด เธอเป็นคนที่มีจิตใจแข็งแกร่งอยู่แล้ว เพื่อทำเป้าหมายของตนเองให้สำเร็จ ซิดนีย์จะไม่ยอมอะไรทั้งนั้นแหละ ความผิดหวังใดๆก็ไม่กลัวหรอก มีได้ก็ต้องมีเสีย เธอเชื่อแบบนั้น ต่อให้เจอเรื่องแย่ๆ หรือเรื่องร้ายๆแค่ไหน ยังไงมันก็ต้องมีเรื่องดีๆสักเรื่องแฝงมาด้วยอย่างแน่นอน— เธอน่ะนะ ถึงจะไม่ถนัดเรื่องปลอบใจก็เถอะ แต่ถ้าเป็นเรื่องของการให้กำลังใจ หรือการปลุกสปิริคนน่ะ เธอเก่งพอตัวเลย... ตามสไตล์ของซิดนีย์ หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดของชีวิตคือความฝัน และเป้าหมาย เพราะฉะนั้นในการปลุกสปิริตของคน เธอจะพยายามพูดกล่อมให้พวกเขานึกถึงป้าหมายของตนเองแล้วฮึดสู้ พูดชมเขาในสิ่งที่เขาทำได้ดีโดยที่ไม่ได้อวยเกินจริง หากจะติก็บอกว่ามีเพียงเรื่องนี้นิดเดียวที่จะต้องแก้ไข พร้อมกับพูดให้กำลังใจว่าเขาทำได้อย่างแน่นอน ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่แค่เพื่อกำลังใจอย่างเดียว แต่เธอเชื่อจริงๆว่าคนคนนั้นจะทำได้ ซิดนีย์เป็นคนประเภทที่ต้องให้หลายต่อหลายคนหันหลังให้กับคุณ เธอจะเป็นหนึ่งในคนส่วนน้อยที่ยังคงเชื่อใจคุณในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง(ปกติแล้วถ้าเธอเป็นเพื่อนกับใครก็จะสนิทไปเลย ไม่ก็เป็นแค่คนรู้จักเฉยๆ และสำหรับเพื่อนที่เธอสนิทด้วยน่ะ เธอเชื่อพวกเขาเสมอเลยล่ะ... ส่วนพวกจอมปลอมนี่มักจะไม่สนิทหรอก เพราะเธอก็ดูคนออกเหมือนกัน)
your honor, she's very genuine to her family and friends;
{{ เธอเป็นคนที่แคร์เพื่อน แคร์ครอบครัวเป็นอย่างมาก และเชื่อมั่นในตัวพวกเขาเสมอ— สำหรับซิดนีย์แล้ว พวกเขาเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตเธอ และเธอพร้อมที่ช่วยเหลือพวกเขาทุกเมื่อ จะเรียกว่าเห็นพวกเขาสำคัญกว่าตัวเธอเองก็ย่อมได้(แต่แน่นอนว่าเธอก็ให้ความสำคัญกับตนเองเช่นกัน) ถึงจะไม่ใช่คนที่ละเอียดอ่อนนักในเรื่องพวกนี้ แต่เมื่อเธอรู้ว่าตนเองทำอะไรผิดพลาดไป เธอก็พร้อมที่จะเอ่ยขอโทษ และสำนึกผิด อีกทั้งยังพยายามไม่ทำผิดพลาดเหมือนเดิมอีก— เธอจริงใจกับทุกคน โดยเฉพาะกับคนที่เธอรัก และต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพวกเขา ต่อให้ในอนาคตอาจจะต้องแยกทางกันไป แต่สุดท้ายแล้วเธอก็จะเป็นกำลังใจ และเอาใจช่วยให้กับพวกเขาอยู่เสมอ— ซิดนีย์ไม่ใช่คนที่ยึดติดกับใครมากนัก เธออาจจะดูติดเพื่อน และติดครอบครัว แต่ในความเป็นจริงแล้วเธอสามารถอยู่ตัวคนเดียวได้อยู่แล้วในอนาคต ถ้าหากพวกเขาไม่มีเวลาว่างให้กับเธอเหมือนแต่ก่อน หรือมีครอบครัวที่ต้องดูแลในท้ายที่สุด เธอก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว(ในกรณีนี้คือที่พวกเขาและเธอไม่ได้แตกหักกันหรืออะไรทำนองนั้นน่ะนะ) สิ่งที่เธอต้องการสำหรับคนที่เธอรักคือการที่พวกเขามีความสุข ประสบความสำเร็จ มีชีวิตที่ดีก็เท่านั้น— ซิดนีย์เป็นคนที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเอาใจใส่ และรักคนใกล้ตัวมากแค่ไหน โดยเฉพาะกับครอบครัวที่เธออาศัยอยู่ด้วย เพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เกิด จึงรู้นิสัยใจคอของพวกเขาเป็นอย่างดี นั่นทำให้เวลาพวกเขามีเรื่องที่ไม่สบายใจ เธอจะเป็นคนแรกๆที่สังเกตเห็น และจะเป็นคนแรกๆที่ยื่นมือเข้าไปให้กำลังใจ และช่วยพวกเขา บางครั้งก็โดนพูดกลับมาว่าไม่ต้องสนใจก็ได้ แต่ผลสุดท้ายก็กลายเป็นว่าเธอก็หาทางทำให้พวกเขาอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิมแทน หากพวกเขาไม่ต้องการให้เธอเข้าไปยุ่ง เธอก็จะไม่เข้าไปยุ่ง แต่ก็ยังคอยเอาใจช่วยด้วยวิธีอื่นๆอยู่เสมอ เช่น ชวนพี่ชายฝาแฝดเล่นเกมในวันที่เขาเครียด(ซึ่งปกติแล้วเธอจะไม่ค่อยเล่นเกมแนวที่เขาชอบสักเท่าไหร่ แต่บางครั้งมันก็มีข้อยกเว้น) ชวนพี่คนรองร้องเพลงคาราโอเกะเพื่อคลายเครียด ปั่นจักรยานพาพี่คนกลางไปถ่ายรูปในที่ต่างๆในวันที่เขาท้อแท้ ช่วยแม่ทำอาหารโปรดของพี่คนโตในวันที่เขาเศร้า เป็นต้น
ประวัติ :
{ brother, brother, brother, brother, and sister }
ฟอล์กเนอร์เป็นครอบครัวเสรี ลูกหลานอยากจะทำอะไรก็สนับสนุนเสมอ ตราบใดที่มันเป็นอะไรที่จัดว่าไม่ผิดศีลธรรม หรือผิดกฎหมาย นั่นทำให้ลูกๆทั้งสี่คนของบ้านนี้มีอิสระในด้านความชอบ และมีเป้าหมายอันหลากหลาย แต่ล้วนแล้วก็เป็นสิ่งที่ดีทั้งนั้น
รีโอ— ลูกชายคนโตสุด ปัจจุบันทำอาชีพเป็นพนักงานบริษัทฝ่ายมาร์เก็ตติ้ง ใช้ชีวิตอย่างสบายๆ และมีความฝันว่าจะเก็บเงินไปเรื่อยๆ พอเกษียณก็จะเปิดบ้านพักพิงสุนัขจรจัด(ตามประสาทาสหมาที่ต้องการช่วยเหลือเพื่อนสี่ขา)
ปารีส— ลูกชายคนรอง มีงานพาร์ทไทม์เป็นรับจ้างแต่งหน้า ในขณะเดียวกันก็พยายามหางานหลักที่เป็นงานสายแฟชั่นอยู่เช่นกัน ในแวดวงที่พวกเขาอาศัยอยู่นั้นไม่ได้มีธุรกิจแฟชั่นที่รุ่งเรืองเยอะนัก เขาคาดการณ์ว่าสักวันหนึ่งก็คงจะต้องออกไปสมัครงาน ณ เมืองอื่นที่มีตัวเลือกหลากหลายกว่านี้สำหรับงานหลัก
ฟลอเรนซ์— ลูกชายคนกลางที่ทำอาชีพหลักเป็นช่างภาพที่ได้รับความนิยมสูงในหมู่ผู้เสพงานศิลป์ ในขณะเดียวกันก็ต้องขยันเรียนในระดับอุดมศึกษาควบคู่กับทำงานไปด้วย
ลิซบอน— ลูกชายคนเล็กที่ปัจจุบันเริ่มเข้าวงการถ่ายแบบ เขามีเป้าหมายหลักคือการเป็นนายแบบอันดับต้นๆที่ได้รับความนิยม และด้วยการสนับสนุนของพ่อแม่ เขาจึงได้เริ่มเข้าวงการตั้งแต่เริ่มไฮสคูลช่วงแรกๆ
ส่วนลูกสาวคนเล็กสุด(แฝดน้องของลิซบอน)อย่างซิดนีย์ ฟอล์กเนอร์... เธอเองก็มีเป้าหมายตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นกัน ถึงมันจะไม่ใช่อะไรที่เริ่มได้ตั้งแต่วัยเรียนอย่างการเข้าวงการบันเทิง วงการศิลปะ อะไรทำนองนั้น แต่มันก็เป็นเป้าหมายของอาชีพในอนาคตที่เธอตัดสินใจได้ตั้งแต่ยังเรียนประถมศึกษา และมันก็ยังคงเป็นเป้าหมายเดิมกับตอนปัจจุบันที่กำลังจะจบไฮสคูล
...
.....
"ซิดนีย์ หนูรู้ใช่มั๊ยลูกว่าต่อให้เราต้องการมันแค่ไหนก็ตาม ความยุติธรรมมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นตลอด"
"งั้นเราก็ทำให้ความยุติธรรมมากขึ้นจนกลายเป็นเรื่องปกติสิ! ดีกว่าบ่นว่าเรื่องนั้นไม่ยุติธรรม เรื่องนี้ไม่ยุติธรรมไปวันๆแน่ๆ!"
"ลูกเข้าใจที่แม่ต้องการจะสื่อใช่มั๊ย?"
"เข้าใจ! แต่ก็ยังมองว่าเราสามารถเปลี่ยนมันได้! ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะถูกสตัฟฟ์ให้ค้างอยู่แบบเดิมไปตลอดสักหน่อย!"
เด็กน้อยที่กำลังพูดคุยกับแม่ของตนเองในตอนนั้นได้แสดงความเห็นของตนเองออกไป มันก็จริงอยู่ที่ว่าครอบครัวของจอห์นนี่อาจจะไม่ยอมเรื่องที่เธอว่าเขาในวันนี้ก็ได้(ทั้งๆที่ตอนนั้นเขารังแกมอร์ริสก่อนแท้ๆ เธอก็แค่เข้าไปช่วย) ในกรณีนี้เธอโชคดีเป็นอย่างมากที่ครอบครัวของเขาเข้าใจดีว่าสิ่งที่ลูกของตนเองทำมันติด แต่เธออาจจะไม่ได้โชคดีเสมอไป
แต่จะให้ปล่อยไปตามนั้นมันก็ไม่ได้หรอก คนที่โตมากับฮีโร่ผู้ผดุงความยุติธรรมในการ์ตูนแบบเธอน่ะ ยังไงก็ยอมให้เกิดเรื่องไม่ยุติธรรมแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด!
"งั้น... ลูกจะเริ่มแก้ไขปัญหานี้ยังไงล่ะ?"
เคนเนดี้ ฟอล์กเนอร์— แม่ของเธอ เป็นคนที่คอยพูดชงให้ซิดนีย์แสดงความเห็นของตนเองออกมาเสมอ เธอรู้ดีว่าลูกแต่ละคนของเธอไม่ใช่คนที่จะคิดตามคนส่วนใหญ่โดยที่ไม่ได้ไตร่ตรองดีเสียเอง พวกเขาไม่สนว่าตนเองจะคิดเหมือน หรือคิดต่างกับใคร และเธอต้องการจะให้ลูกทุกคนของตนเองได้แสดงความเห็นในหลายๆเรื่องโดยที่ไม่เกรงกลัวว่าจะถูกดุ(เพราะเธอไม่ดุเรื่องความเห็นของใครอยู่แล้ว ต่อให้เป็นแนวคิดที่ผิด เธอก็จะค่อยๆอธิบายมุมมองของตนเองให้กับพวกเขาฟังจนเข้าใจ)
"ทนายความไงแม่"
"ฉันจะเป็นทนายความที่ช่วยให้คนได้รับความเป็นธรรม!"
ซิดนีย์เป็นเด็กขยัน เป็นเด็กดี ถึงจะติดวิธีการพูดที่ห้วนๆไปหน่อยก็ตาม แต่เคนเนดีเชื่อมั่นว่าเด็กตัวเล็กๆคนนั้นจะเติบโตเป็นทนายความที่ดีในอนาคตได้อย่างแน่นอน เธอเอ่ยชมพลางลูบหัวลูกสาว ก่อนที่ยัยตัวเล็กประจำจะต้องพวกพี่อุ้มขึ้นพาวิ่งรอบบ้านเพื่อฉลองให้กับการตัดสินใจของน้องสาวคนเล็กของตนเอง(โดยลิซบอนก็ถูกยกขึ้นเช่นกันเพราะอายุพอๆกับซิดนีย์ และไม่สามารถร่วมอุ้มน้องกับพวกพี่ๆได้)
เคนเนดี้ถ่ายวีดีโอนั้นเก็บไว้ กะจะส่งให้สามีที่ตอนนี้ยังคงอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย(เขาทำงานเป็นล่ามของสถานฑูต ส่วนเธอเป็นนักเขียน)
หลายปีต่อมา คลิปวีดีโอนั้นกลายมาเป็นสิ่งที่ลูกสาวคนเล็กของบ้านฟอล์กเนอร์เปิดดูเพื่อเป็นกำลังใจให้กับตนเองเสมอ...
สายสัมพันธ์ของคนในครอบครัวยังคงแน่นแฟ้นเหมือนเดิม แม้ว่าแต่ละคนในตอนนี้จะเริ่มห่างเหินกันไปบ้าง เพราะเรื่องเรียน และเรื่องงาน แต่สุดท้ายแล้ว เวลาท้อแท้ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือ และให้กำลังใจกันเสมอ แม้จะอยู่ใกล้ หรืออยู่ไกลกัน(เพราะนวัตกรรมที่ชื่อว่า 'วีดีโอคอล')
ในชีวิตของเธอ ซิดนีย์ได้สร้างเป้าหมายระยะสั้น และเป้าหมายระยะยาวไว้มากมาย เธอไม่ได้มุ่งเป้าไปที่อาชีพในฝันแต่เพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงกิจกรรมที่เธอต้องการจะทำให้เต็มที่ด้วย
เธอได้รางวัลชนะเลิศการประกวดโครงงานตอนประถมปลาย ได้เข้ามาเป็นสมาชิกของทีมวอลเล่ย์บอลโรงเรียนตอนมัธยมต้น มุ่งมั่นเพื่ัยชนะกับคนในทีมจนได้ถ้วยรางวัลมาครอง— และนั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเป้าหมายระยะสั้นที่เธอทำสำเร็จแล้วเท่านั้น
ต่อไปก็...
ซิดนีย์ในวัย 15 ปีวางปากกาลง แบบสำรวจสถานที่เรียนต่อในชั้นมัธยมปลายของเธอเสร็จสิ้นแล้ว ถึงจะรู้สึกใจหายนิดๆที่ต้องจากกับกลุ่มเพื่อนเดิมไป แต่เธอก็รู้ดีว่าการติดต่อกับพวกเขาในอนาคตนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ว่างๆก็นัดกันออกมาเล่นวอลเล่ย์บอลด้วยกันได้อยู่แล้ว
ใช่ เธอจะไม่เรียนต่อที่โรงเรียนเดิม— ต้องขอบคุณฟลอเรนซ์ที่แนะนำโรงเรียนเก่าของเพื่อนเขามาให้ เธอมั่นใจว่าการเข้าเรียนที่โรงเรียนนี้จะทำให้เธอเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้น เพราะหลักสูตรการศึกษานั้นค่อนข้างที่จะเข้มข้น และมีประสิทธิภาพมากกว่า อีกทั้งยังห่างไปแค่ไม่กี่ป้ายรถเมล์เอง ไม่ได้ลำบากต่อการเดินทางแต่อย่างใดด้วย
แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องสอบเข้าให้ผ่านด้วยแหละนะ!
ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะเธอมั่นใจอยู่แล้วว่าตนเองทำได้
"ซิด! แม่เรียกให้ไปช่วยเตรียมบาร์บีคิว!!"
"เค! ไปแล้ว!!"
เธอเก็บแผ่นกระดาษนั้นใส่แฟ้มไว้ ก่อนจะเดินออกจากห้อง ลงบันไดไปยังห้องครัวตามคำเรียกของแม่ที่ฝากพี่ชายมาอีกที(ซึ่งมันก็ดันขี้เกียจ โทรมาไม่ได้ เดินขึ้นมาเคาะห้อง ต้องตะโกนแทน... แล้วก็มาบ่นมาเธอชอบกระแทกเสียงอ่ะนะ)
บริเวณโต๊ะของเธอไม่ได้ถูกจัดเก็บของให้เรียบร้อยแต่อย่างใด เนื่องจากความรีบ ทำให้นอกเหนือจากแฟ้มแล้ว ก็ยังมีหนังสือเรียน และหนังสือความรู้เพิ่มเติมกองอยู่ข้างๆ สมุดโน๊ตมากมายที่เธอเอาไว้จดเนื้อหาสรุป ปากกา ดินสอ ไฮไลท์ และอุปกรณ์เครื่องเขียนมากมายที่ยังไม่ได้จัดเก็บเข้ากระปุกดี
นอกเหนือจากนั้นก็มีกระดาษโพสต์อิทที่แปะติดผนังนับไม่ถ้วน มันคือเป้าหมายทั้งระยะสั้น และระยะยาวของเธอที่แปะแยกสีไว้อย่างชัดเจน เมื่อกาลเวลาผ่านไป เธอทำตามเป้าหมายหนึ่งสำเร็จ กระดาษโพลต์อิทที่เขียนเกี่ยวกับเป้าหมายนั้นก็จะถูกดึงออกตามความสำเร็จแต่ละอย่าง
โพสต์อิทแผ่นบนสุดนั้นมีเนื้อความสั้นๆว่า 'ยุติธรรม' ถูกเขียนด้วยลายคล้ายของเด็กประถมศึกษา สภาพกระดาษแลดูค่อนข้างเก่า และกาวเริ่มจะไม่เหนียวเท่าเดิม จึงทำให้ต้องเอาเทปใสมาติดทับกันมันร่วงลงมา
ซิดนีย์ตั้งมั่นไว้กับตนเองว่าต่อให้โพสต์อิทแผ่นนั้นถูกดึงออกในท้ายที่สุดแล้ว เธอก็จะไม่ให้ผนังห้องมุมนั้นว่างเปล่าเด็ดขาด เธอต้องการจะให้มันเต็มไปด้วยโพสต์อิทเป้าหมายระยะสั้น และเป้าหมายระยะยาวตลอดไปเพื่อบ่งบอกว่าความทะเยอทะยานของเธอจะไม่จบสิ้นลงง่ายๆ
คนเราน่ะไม่มีทางสมบูรณ์แบบ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถพัฒนาตนเองให้ดีไปอีกเรื่อยๆได้
เป้าหมายที่ทำสำเร็จแล้วของเธอก็เป็นตัวบ่งบอกว่าเธอได้พัฒนาตนเองไปอีกขั้นแล้ว
และเธอจะยังคงมีเป้าหมายใหม่เรื่อยๆพร้อมเพรียงกับการทำเป้าหมายเก่าๆให้สำเร็จ
เพราะเธอจะไม่หยุดพัฒนาตนเองง่ายๆอย่างแน่นอน...
{ dude, dude, dude, dude, and dudette }
ชอบ :
ความยุติธรรม ความเท่าเทียม {{ เธอเป็นคนหนึ่งที่จะถกเถียงเพื่อความยุติธรรม และความเท่าเทียมโดยไม่ยอมใครทั้งนั้น ทุกคนควรได้สิทธิเท่าเทียมกัน ไม่มีใครควรถูกเอาเปรียบ และความไม่ยุติธรรมควรจะถูกเมินเฉย และมองผ่านได้เสียแล้ว— คนที่เห็นชอบกับความไม่ยุติธรรมพวกนั้นก็มีแต่คนที่ได้ผลประโยชน์จากมันเท่านั้นแหละ ซึ่งแน่นอนว่านั่นไม่ใช่แนวคิดที่ดีเอาเสียเลย— ให้ซิดนีย์บ่นเรื่องนี้ ฉอดเรื่องนี้เป็นชั่วโมงก็คงไม่หมดประเด็นหรอก มันมีปัญหามากมายในสังคมนี้ที่ต้องแก้เพื่อความพัฒนาของบ้านเมือง และเรื่องความไม่ยุติธรรม และความไม่เท่าเทียมก็เป็นหนึ่งในเรื่องพวกนั้น
สเต็ก {{ มันเป็นเมนูประจำบ้านของเธอ แม่มักจะทำสเต็กให้กินอยู่บ่อยๆ พี่น้องของเธอก็ล้วนโตมากับเมนูพวกนี้ มันเป็น comfort food ที่ไม่ว่าจะทานที่ไหนก็ชวนให้นึกถึงครอบครัวตนเอง การกลับบ้านมาแล้วได้เนื้อหอมๆที่เสิร์ฟพร้อมกับมันบดซอสเกรวี่เป็นอะไรที่ช่วยเยียวยาจิตใจด้ดีเลยล่ะ— ส่วนตัวแล้วเธอจะชอบกินเนื้อสตริป-ลอยน์ที่สุกแบบมีเดียม (Medium)
ความสำเร็จ {{ ใครไม่ชอบความสำเร็จบ้างล่ะ? ความรู้สึกเวลาเราตั้งใจทำอะไร แล้วมันได้ดั่งใจนี่สุดยอดไปเลยนะ เธอเป็นคนหนึ่งที่ต่อให้ความสำเร็จมันจะเป็นเรื่องเล็กน้อย หรือเรื่องใหญ่โต ก็จะแสดงอารมณ์ยินดีออกมาอย่างสุดขีดเสมอเลย— ใช่... เธอคือคนในกลุ่มที่เฮดังกว่าเพื่อนตอนได้ A ในงานโปรเจกต์กลุ่ม
สตรอว์เบอร์รี่ช็อตเค้ก {{ เธอชอบพวกขนม และสตรอว์เบอร์รี่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ช็อตเค้กคือที่หนึ่งของขนมหวานในใจเลย ไปคาเฟ่ที่ไหนก็มักจะสั่งหากมีในเมนู และมีหลายต่อหลายครั้งที่เธอพยายามทำกินเองที่บ้าน (ซึ่งในที่นี้คือตอนแรกจะทำเอง แต่ฟลอเรนซ์ก็เข้ามาช่วย และในท้ายที่สุดก็กลายเป็นว่าฟลอเรนซ์ทำไปประมาณ 80% ของขั้นตอนทั้งหมดได้) สีหน้าของเธอจะดูมีความสุขมากเวลาเห็น หรือได้ทานสตรอว์เบอร์รี่ช็อตเค้ก
การเล่นกีฬา/ออกกำลังกาย {{ สุขภาพที่ดีเป็นเรื่องสำคัญ เธอไม่ชอบเวลาที่ตนเองป่วยเลย จะทำอะไรก็ลำบาก ต้องนอนพักอยู่บนเตียงทั้วันแบบไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย และเพราะเป็นแบบั้นจึงตั้งใจดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ไม่ป่วยบ่อย และไปๆมาๆก็ดันสนุกกับการเล่นกีฬาบางชนิดไปเสียอย่างนั้น— วอลเลย์บอลเป็นกีฬาโปรดของเธอ ในตอนแรกเพียงแต่เริ่มเล่น เพราะเห็นว่าพี่คนรองที่เคยเป็นนักกีฬาโรงเรียนนั้นดูเท่ดี และคงปรึกษาในเรื่องนี้ได้ง่าย— ตอนมัธยมต้นเคยเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลของโรงเรียนในตำแหน่งลิเบอร์โร่ (Libero) แต่ตอนเข้ามัธยมปลายก็ไม่ได้ไปคัดตัว เพราะอยากจะโฟกัสกับอย่างอื่นมากกว่า ถึงกระนั้นก็ยังเล่นๆอยู่บ้าง (เวลานัดเจอกับเพื่อนในทีมจากโรงเรียนเก่าอะไรพวกนี้ ซึ่งพวกเธอก็นัดเจอกันบ่อยเลยด้วย)
ไม่ชอบ :
ปรสิต {{ ตั้งแต่แบบที่เป็นคนไปจนถึงไม่เป็นคน ซิดนีย์ไม่ชอบการที่มีใครบางคนหรืออะไรสักอย่างมาเบียดเบียนผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง เธอแหยงจะตายเลย พวกกาฝากอะไรพวกนี้เนี่ย ส่วนใหญ่ก็เข้าไปเตือนว่าอย่าไปเอาเปรียบคนอื่น แน่นอนว่ามันจะสร้างเรื่องให้ตัวเธอเองถูกเขม่นแน่นอน แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะซิดนีย์รู้วิธีจัดการกับคนพวกนี้อยู่แล้ว ไม่อยู่เฉยให้โดนอยู่ฝ่ายเดียวหรอก
ความขี้เกียจ {{ มันคือศัตรูของเธอ— ซิดนีย์เปนคนขยันที่เกลียดความขี้เกียจ เธอรู้สึกว่าการทำตัวเอื่อยๆทั้งๆที่ความจริงแล้วมีภาระงานมากมายที่ต้องทำนั้นมันไร้เหตุผลสิ้นดี หากว่างก็จะนอนเท่าไหร่ก็ได้ แต่นี่มันไม่ใช่— เมื่อไหร่ที่เริ่มรู้สึกขี้เกียจก็จะบิ้วท์ตนเองให้มีกะจิตกะใจทำงานเสมอ พองานเสร็จแล้วค่อยนอน ถ้าจะพักก็พักไม่นาน ห้านาทีคือห้านาที อย่าเกินเวลาพักที่กำหนดไว้ และสำหรับคนที่ขี้เกียจเธอจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยในเรื่องของงานกลุ่มต่างๆ ถ้าจะทำงานกลุ่มก็ขอเลือกแค่คนที่เธอรู้ดีว่าจะไม่อู้ หรือดองงานดีกว่า ส่วนสำหรับสมาชิกในครอบครัวที่บางครั้งก็ขี้เกียจตัวเป็นขน เธอจะเข้าไปฉอด (ส่วนใหญ่แล้วเป็นพวกพี่น้องมากกว่าที่ฉอดใส่อย่างชัดเจน ส่วนพ่อแม่นี่มักจะขู่ถึงผลที่ตามมาหากทำตัวขี้เกียจ เช่น "เดี๋ยวส่งงานไม่ทันก็โดนหักเงินเดือนหรอก" เป็นต้น)
คนที่ไม่พยายามอะไรเลย {{ แล้วยิ่งมาบ่นเรื่องนั่นเรื่องนี่ทีหลัง และทำตัวมีปัญหากับคนที่ได้ดีกว่านะ... ในกรณีนี้คือคนที่ไม่ได้ทำอะไรแล้วก็มาบ่นถึงผลที่ตามมา หาใช่คนที่พยายามแต่พยายามน้อย หรือพยายามมากแต่ไม่มีคนเห็น นั่นมันคนละเรื่อง— เธอไม่ค่อยชอบคนประเภทนี้สักเท่าไหร่ หากมีเป้าหมายก็ต้องพยายามเสียสิ จะปล่อยไว้เฉยๆทำไม (แต่ถ้าคนคนนั้นไม่ได้มีเป้าหมายชัดเจนเลยไม่พยายาม เธอก็ไม่ได้อะไรมากมายเท่าคนที่มีเป้าหมายแต่ไม่พยายามเขาใกล้มันหรอก)
การตื่นสาย {{ เธอเป็นคนที่ต่อให้นอนดึกนอนเช้าแค่ไหนก็ต้องตื่นเช้า ไม่เช่นนั้นจะรู้สึกว่าเสียเวลาทำอย่างอื่นไปกับการนอน บางครั้งที่นาฬิกาปลุกไม่ดังหรือเผลอตื่นสาย ซิดนีย์จะโวยวายหลังรู้ตัวว่าเลยเวลาตื่นปกติของเธอไปแล้วทุกรอบ และเจ้าตัวเธอก็เล่นโวยวายดังลั่นบ้านเสียด้วย ตื่นสายทีคนรู้กันหมด
เกลียด :
การเหมารวมประเภทคน (stereotype) {{ คนที่เหมารวมคนคือคนที่คิดไม่ได้ว่าโลกนี้ไม่ได้มีคนที่เหมือนกันไปหมดทุกจุดทุกตรง ไม่ได้คิดจะใคร่ศึกษาให้ดี เอาแต่ยึดติดกับหลักความคิดที่ปราศจากการไตร่ตรองตามความเป็นจริง— แน่นอนว่าเธอเกลียดแบบนั้นมากที่สุดเลย เกลียดพอๆกับพวกที่พรีเซ้นท์ตนเองว่า 'ไม่เหมือนกับคนอื่นนะ มีเอกลักษณ์นะ คนอื่นน่ะเหมือนๆกันไปหมด ไม่เห็นมีอะไรพิเศษ' เลย(และมันเป็นคนละกรณีกับคนที่คิดว่าตนเองแปลกแยก และไม่เหมือนกับคนอื่น) แน่นอนว่าอย่างซิดนีย์ก็พยายามเข้าไปอธิบายคนที่พูด หรือคิดแบบนั้น แต่หากอีกฝ่ายไม่รับฟังก็อาจจะเถียงด้วยเหตุผลให้อีกฝ่ายเข้าใจจนกว่ารายนั้นจะหยุดเอง(ซึ่งหลายรอบก็คือรายนั้นเดินหนี ไม่ใช่คิดได้ว่าแนวคิดมันผิด ซึ่งเธอก็ไม่ได้ประทับใจกับผลลัพธ์นั่นสักเท่าไหร่
ความไม่ยุติธรรม ความไม่เท่าเทียม {{ เหตุผลก็เหมือนๆกับที่ชอบความยุติธรรมนั่นแหละนะ— เธอทนเห็นอะไรพวกนี้ไม่ได้จริงๆเลย ต้องเผลอตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวเสมอเลย แต่ก็ไม่ได้เข้าไปช่วยแบบไม่มีแผนอะไรเลยสักหน่อย สัญชาตญาณป้องกันตัว และเอาตัวรอดที่มีก็ทำให้ไม่เป็นเรื่องใหญ่โตมากมายจากตอนแรกที่เกือบจะเป็นอยู่พอสมควรแหละนะ
กลัว : ความตาย {{ ถึงเธอจะเป็นคนที่ดูไม่ค่อยกลัวอะไรก็ตามทีเถอะ— แต่เรื่องความเป็นความตายมันไม่ใช่อะไรที่เธอจะกล้าเสี่ยงขนาดนั้นนะ... ไอ้ความกล้าหาญพวกนั้นน่ะมีอยู่บ้าง แต่หากในสถานการณ์ที่เลือกหาวิธีที่เซฟกว่าการเอาตัวเข้าเสี่ยงได้ เธอก็จะทำมัน เธอรักชีวิตตนเองเช่นเดียวกันนะ ซิดนีย์คิดเสมอว่าเธอจะตายก่อนไปถึงเป้าหมายของตนเองไม่ได้เด็ดขาด หากอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงอย่างช่วยไม่ได้ก็จะรีบคิดหาทางช่วยตนเองให้เป็นอันตรายน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในอีกใจหนึ่งคือภาวนาให้ตนเองยังรอด— ในบางสถานการณ์เธอก็พุ่งเข้าไปช่วยคนโดยที่ไม่ได้คิดแผนอะไรให้ดี ซึ่งส่วนใหญ่ก็ปลอดภัยกลับมาอย่างหวุดหวิด เนื่องด้วยสัญชาตญาณ และทักษะเอาตัวรอดของตนเอง แต่การที่เข้าไปช่วยคนนี่ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่กลัวจะโดนจัดการหรอก เธอก็กลัวนั่นแหละ แต่หากจะปล่อยไปเฉยๆมันก็ทนไม่ได้นี่นา
แพ้ : กุ้ง {{ อาการมักจะเกิดขึ้นเมื่อทานกุ้งไปประมาณชั่วโมงสองชั่วโมง ซิดนีย์จะมีอาการผื่นแดงขึ้นตามตัว รู้สึกคันตามร่างกาย คลื่นไส้อาเจียน และวิงเวียนศีรษะ
งานอดิเรก :
{{ เล่นกีฬา + ออกกำลังกาย (วิ่งลู่วิ่ง + พิลาทิส + วอลเล่ย์บอล)
{{ อ่านหนังสือ (ปรัชญา + สารคดี)
{{ เล่นวีดีโอเกม
ความสามารถพิเศษ :
{{ กีฬาวอลเลย์บอล
{{ ความแข็งแรง + อดทน + คล่องแคล่ว
{{ พูดได้ 2 ภาษา (อังกฤษสำเนียงบริติช + ภาษาเยอรมันพอประมาณ)
{{ แต่งหน้าพอประมาณ
{{ สัญชาตญาณป้องกันตัว + เอาตัวรอด
{{ ทำอาหาร (พอประมาณ)
สเปคคนที่ชอบ : คนที่มีความทะเยอทะยาน {{ เธอชอบคนที่มีความพยายามจะยกระดับของตนเองให้สูงขึ้น มีความพยายามที่จะพัฒนาตนเองให้ดีมากยิ่งขึ้น คนที่ทุ่มเทเพื่อเป้าหมาย และความฝันของตนเองน่ะมีสเน่ห์ดีออก เรื่องเพศนี่ก็ไม่จำกัดอยู่แล้ว เธอเป็น pansexual ที่สามารถรักใครชอบใครได้โดยไม่จำกัดเพศ สิ่งสำคัญที่เธอโฟกัสในตัวใครสักคนที่ชอบนั้นจะเป็นความเข้ากันได้ และนิสัยของอีกฝ่าย หาใช่เพศแต่อย่างใด แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่อยากสน ไม่อยากรับรู้ ไม่อยากทำความเข้าใจเพศของอีกฝ่ายแต่อย่างใด เธอจะเคารพในเพศ และรสนิยมทางเพศของอีกฝ่าย (อารมณ์ประมาณให้ความสำคัญกับเพศที่อีกฝ่าย label ว่าตนเองเป็น และไม่อ้างว่า 'ไม่สนเพศอีกฝ่าย แค่ชอบอีกฝ่ายเท่านั้น' เพราะนั่นเป็นการไม่ให้ความสำคัญ และเป็นการเมินเฉยต่อเพศสภาพที่อีกฝ่าย label ตนเองไว้โดยการอ้างว่าไม่สนเพศ)
ปัญหาที่กำลังพบเจอในตอนนี้ : ด้วยความที่ชอบเข้าไปช่วยเหลือคนอื่น ทำให้ถูกเพ่งเล็งจากคนบางกลุ่มอยู่เป็นช่วงๆ (ซึ่งความจริงก็จัดการได้หมดนั่นแหละ แต่พอไปช่วยใครครั้งหนึ่ง มันก็เหมือนจะมีศัตรูเพิ่มขึ้นไปหนึ่งอีกนั่นสิ เหมือนเป็นวงโคจรที่ไม่รู้จักจบไม่รู้จักสิ้นเลย)
สาเหตุที่ผ่านการพิจารณาให้เป็นสมาชิกของที่นี่ : ทำความดีประการหนึ่งไว้โดยที่น้อยคนจะรู้ {{ คือการให้ความจริงทางโซเชียลมีเดียในอนที่พี่ชายฝาแฝด(ลิซบอน)ถูกข่าวปลอมโจมตีเสียๆหายๆโดยการงัดหลักฐานมาแสดง (โดยใช้แอคเคาท์ที่ไม่ระบุตัวตนของตนเอง และหลักฐานานที่ใช้เป็นหลักฐานทางโซเชียลมีเดียที่ทุกคนสามารถเข้าไปตรวจเช็คได้ เพียงแต่บางหลักฐานเกี่ยวกับแรงจูงใจนั้นอาจจะเสียเวลาหานานหน่อยเพราะถูกคนที่ให้ขอมูลแก่นักข่าวโพสต์มาเมื่อหลายปีมาแล้ว และแอคเคาท์นั้นเป็นแอคเคาท์ส่วนตัว(ที่เธอรู้ได้เพราะคนรู้จักฟอลโลว์ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเป็นแอคส่วนตัว) ) ทำให้คำด่าทอของคนที่เสพข่าวลดน้อยลง ได้รับกำลังใจมากขึ้นจากหลายๆคน และทำให้เขาล้มเลิกความคิดที่จะจบอาชีพนายแบบของตนเองลง (แน่นอนว่ายังไงเขาก็ตัดสินใจจะฟ้องอีกฝ่าย แต่ตอนแรกนั้นกะจะเลิกถ่ายแบบ แล้วเรียนต่อในสาขาอาชีพอื่นไปเลย เพราะตอนนั้นเขาสติแตกเกินกว่าจะมีกะจิตกะใจหยิบยกหลักฐานใดมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ เขาเก็บตัวอยู่แต่ในห้องของตนเองด้วยความหวาดระแวงว่าอีกฝ่ายจะสร้างข่าวปลอมอะไรให้กับเขารึเปล่า และกว่าจะเคลียร์เรื่องคดีได้ มันก็คงจะไม่มีที่ไหนจ้างงานเขาอีกต่อไปแล้ว และกระแสของเขาก็จะลดลงจนไม่มีงานในที่สุด ซึ่งเขาก็รู้สึกขอบคุณแอคเคาท์หลุมแอคนั้นมากที่พลิกสถานการณ์ทั้งหมด) จนปัจจุบันนี้ตัวของปารีสเองก็ยังไม่รู้ว่านั่นเป็นแอคเคาท์ของน้องสาว เพราะเธอไม่เคยบอกเขาว่าเล่นโซเชียลมีเดียอะไรเลย (และเขาก็ไม่ใช่ประเภทเซ้าซี้) อีกทั้งแอคนั่นยังถูกสร้างมาหลายปี และมีฟอลโลเวอร์เยอะพอสมควรอีกด้วย (ซึ่งความจริงแล้วคือน้องสาวมีแอคเคาท์เอาไว้ฉอดปัญหาความเหลื่อมล้ำต่างๆมาหลายปีแล้ว เพียงแต่มีแค่ฟลอเรนซ์คนเดียวที่รู้ (เพราะซิดนีย์ไม่ได้บอกคนอื่น)
คำอธิษฐาน : อยากให้พี่ชายทั้งสามประสบความสำเร็จในเรื่องการงานและมีชีวิตที่มั่นคง
แต้มสะสมที่มีในปัจจุบัน : 2
เพิ่มเติม :
{{ เป็นคนอังกฤษที่มีเชื้อสายเอเชีย
{{ เรื่องคนเข้าใจผิดว่าอารมณ์เสียบ่อยๆนี่ไม่ใช่ปัญหาในช่วงนี้ เพราะส่วนใหญ่คนที่พบเจอในแต่ละวันก็เป็นคนเดิมๆที่เริ่มจะชินชากับลักษณะการพูดของเธอไปทีละนิด
{{ เลี้ยงสุนัขพันธ์ซาร์ลูส วูลฟ์ด็อก(พันธุ์ลูกครึ่งหมาบ้าน-หมาป่า)เพศผู้ ชื่อวอลแตร์ (Voltaire) ซึ่งเป็นนามปากกาของนักเขียนและนักประวัติศาสตร์ที่แม่ชื่นชอบ (ฟรองซัว-มารี อูรีเอ)
{{ เรียงลำดับพี่น้องที่สนิทด้วยจากมากไปน้อย; ลิซบอน > ฟลอเรนซ์ > ปารีส > รีโอ (แต่ความจริงแล้วคนที่สนิทด้วยน้อยที่สุดก็ยังจัดได้ว่าสนิทมากๆอยู่ดีนั่นแหละ
{{ เพราะน่าจะอธิบายเรื่องการเคารพ label ของเพศคนได้ไม่ดีนัก จึงขอแปะบทความเรื่องความสำคัญของ label ไว้ตรงนี้เผื่ออยากรู้เพิ่มเติมนะคะ > click <
" ถามอะไรหน่อยดิ... สีมันต่างกันเหรอ? ฉันว่ามันก็สีแดงเข้มทั้งคู่นะ "
รีโอ ฟอล์กเนอร์ ∕ Rio Faulkner ∕ 26
also known as; อาร์โอ (R.O.), รีรี
#พี่ใหญ่คนเบลอ
⊹ the good looking one of the marketing team ⊹
" ขอร้อง อย่ายุให้ย้อมผมเรื่อยๆเลยนะ— ตอนนี้หัวจะล้านแล้ว สางทีออกมาเป็นกระจุกเนี่ย! "
ปารีส ฟอล์กเนอร์ ∕ Paris Faulkner ∕ 23
also known as; แพร์, นายผมบลอนด์
#พี่รองตัวรว้าย
⊹ part-time makeup artist and is now finding a perfect full-time work ⊹
⊹ doesn't go by the rules at all ⊹
" ยิ้มหน่อยครับทุกคน ถ้าหน้าหลุดเดี๋นวก็บ่นตอนเอารูปไปอัดใส่กรอบอีก "
ฟลอเรนซ์ ฟอล์กเนอร์ ∕ Florence Faulkner ∕ 21
also known as; ฟลอร์,
#พี่กลางคนซอฟท์
⊹ photographer and college student ⊹
⊹ the soft one of the family- but no, he's not that pure ⊹
" เฮ้ย— เดี๋ยว— ลิซเป็นแค่แฝดซิดมันนะ ไม่ใช่แม่หมอนักพยากรณ์ จะไปรู้ได้ไงว่ามันคิดไรอยู่อ่ะ "
ลิซบอน ฟอล์กเนอร์ ∕ Lisbon Faulkner ∕ 17
also known as; ลิซ, ลิซซี่
#ฝาแฝดจอมแสบ
⊹ aiming to be a top model ⊹
⊹ she's fire- but he's ice ⊹
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
Role play
สวัสดีและยินดีต้อนรับสู่ไลแซนทัส คาเฟ่แห่งนี้นะคะ ฉันชื่อแองเจลล่า เป็นหนึ่งในเจ้าของคาเฟ่นี้นั่นเอง ถึงก่อนหน้านี้เราจะเคยคุยกันมาก่อนแล้ว แต่แองเจลล่าก็อยากฟังการแนะนำตัวของเธออีกสักครั้งค่ะ
:
หญิงสาวโบกมือทักทายเองเจลล่าด้วยรอยยิ้มสดใสที่กว้างเสียจนเห็นฟันเขี้ยวของเจ้าหล่อน เธอเลื่อนตาขึ้นไปสบกับคู่สนทนา ก่อนจะแนะนำนามของตนเองสั้นๆ
"ซิดนีย์ ฟอล์กเนอร์"
แต่พอนึกดูแล้ว— มันก็ดูจะห้วนสั้นเกินไปสำหรับการแนะนำตัวอยู่พอสมควร เมื่อเธอพูดจบไปประมาณไม่ถึงนาที ซิดนีย์เลยตัดสินใจเอ่ยแนะนำตนเองต่อในเรื่องข้อมูลทั่วไป ซึ่งมันก็ค่อนข้างจะคล้ายสิ่งที่ควรจะพูดเวลาไปสัมภาษณ์งานอย่างไรอย่างนั้น...
"อายุ 17 เรียนอยู่ปี 3 โรงเรียนมัธยมปลายเซรีน"
ก็นะ— เธอนึกไม่ออกว่าควรจะพูดเรื่องอะไรเกี่ยวกับตนเองก่อนดีนี่ จะใช้เวลาคิด และทิ้งให้เดดแอร์นานก็คงจะทำให้อีกฝ่ายเกร็งอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นก็แนะนำไปโดยวิธีธรรมดานี่แหละ
แนะนำตัวแบบนี้มันก็ไม่ได้เลวร้ายสักหน่อยนี่นา!
เธอรู้สึกยังไง กับการผ่านการพิจารณาของแองเจลล่าหรือลูเซียนในการเข้าเป็นสมาชิกของที่นี่เหรอคะ?
:
"ก็หวังเอาไว้ตั้งแต่แรกว่าจะติด เลยพอใจอยู่น่ะนะ" เธอกลั้วหัวเราะเล็กน้อย ไอ้เรื่อง 'ความดีที่ทำแล้วไม่ค่อยมีคนเห็น' นั่นน่ะ พอจะคิดว่าเคยทำมาอยู่ และมันก็เป็นคุณสมบัติที่ทำให้มีแนวโน้มที่จะถูกเข้ามาเป็นสมาชิกสูงเลยนี่นะ
"แต่เอาจริงๆ ถ้าไม่ผ่านการพิจารณาก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะ" หากเป็นแบบนั้นจริงก็คงจะเหนือความคาดหมายอยู่ เธออาจจะประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็คงไม่ได้เก็บเอามาคิดมากหรอก เรื่องนี้น่ะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆที่เธอหวังไว้เท่านั้นเอง
แต่ต่อให้มันเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ไม่ได้มีอิมแพคกับชีวิตมากมายอะไร มันก็ทำให้เธอมีความสุขที่เห็นว่าสิ่งที่หวังไว้เป็นจริงแล้ว
"ยังไงก็... ขอบคุณที่รับเข้ามาเป็นสมาชิกนะ!"
นึกแล้วเชียวว่าต้องตอบประมาณนี้...โอ๊ะ ช่างเถอะค่ะ แองเจลล่าบ่นคนเดียวน่ะ *หัวเราะ* คำถามต่อไป อาจฟังดูแปลก ๆ แต่ช่วยบอกหน่อยได้ไหมคะ ว่าถ้าอธิษฐานอะไรได้สักอย่าง เธอจะอธิษฐานว่าอะไร?
:
เธอใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่ง... ตอนแรกก็กะจะพูดเรื่องที่ตนเองชอบเข้าไปช่วยชาวบ้านเรื่องปัญหาจนตนเองเดือดร้อนไปด้วย แต่ก็ฉุดนึกขึ้นได้ว่ายังไงเธอก็น่าจะจัดการกับมันได้ในท้ายที่สุด เรื่องที่อยากจะอธิษฐานควรเป็นเรื่องที่ต้องการสุดๆไปเลยนี่นะ
ซึ่งเรื่องนั้นก็คงจะเป็น...
"พี่ชายฉัน— สามในสี่มีอาชีพของตนเองแล้ว แต่มันก็ไม่ค่อยราบรื่นสักเท่าไหร่สำหรับสองคนในสามคนนั้น"
"ก็นะ...! หัวหน้าแผนกของพี่คนโตนี่เหมือนจะชอบหาเรื่องเขาเป็นพิเศษ... ใช่! มันไร้เหตุผลสิ้นดีเลย!" ส่วนพี่ฝาแฝดก็เจอปัญหาจากทางสังกัดบ่อยๆทั้งๆที่เขาไม่ผิดอะไรเลยสักนิด! นี่มันบ้าไปแล้วชัดๆ"
"แล้วอย่าให้พูดถึงในกรณีพี่คนรองเลย— เหมือนโลกนี้ไม่ยุติธรรมกับหน้าที่การงานของเขาเสียด้วยซ้ำ!"
เมื่อเธอเริ่มพูดอธิบาย อารมณ์ไม่พอใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นก็ถูกแสดงออกผ่านทางน้ำเสียงที่ดูจริงจัง เธอเน้นเสียงในบางวลี เน้นเสียงในบางประโยค และเหมือนเช่นเคย— ซิดนีย์ ฟอล์กเนอร์ก็มีน้ำเสียงที่ออกกระโชกโฮกฮากเล็กน้อย
"...มันก็เลยอยากจะอธิษฐานให้พวกเขาทั้งสามคนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และก็มีชีวิตที่มั่นคงกว่านี้นะ"
"มันไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อมั่นในตัวพวกเขา เพียงแต่ว่าต้นเหตุของปัญหามันไม่ใช่ตัวของพวกเขาน่ะสิ"
"ส่วนปัญหาอื่นของฉัน ฉันก็พอจะหาทางแก้เองได้... ถึงมันอาจจะช้าก็ตามทีเถอะ"
"เพราะฉะนั้นจึงอยากอธิษฐานในเรื่องมากกว่า!" ถ้าเทียบกันแล้วน่ะ เรื่องของพวกเขาสำคัญกว่าเป็นเท่าตัวเลยนี่
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอคิดว่าตัวเองเป็นคนแบบไหนเหรอคะ?
:
"เป็นคนที่ทะเยอทะยาน มุ่งมั่น แล้วก็... แล้วก็ถูกเข้าใจผิดง่าย!" ตอนแรกกะจะนึกหาคำอื่นมานิยมตนเอง แต่ไปๆมาๆก็กลายเป็นว่าดันยกประเด็นหนึ่งขึ้นมาเสียได้
ก็นะ... คนส่วนใหญ่ที่สนิทดันชอบพูดว่า 'ฉันเข้าใจเธอผิดไป' เสียด้วยสิ
"แบบว่าฉันน่ะนะ— แค่คุยด้วยแป๊บเดียวก็รู้แล้วว่าชอบกระแทกเสียง! คนเขาเลยชอบคิดว่าไม่พอใจอะไรตลอดเวลาเลยน่ะสิ!" ความจริงแล้วมันไม่ใช่สักหน่อย เธอก็แค่มีอารมณ์ร่วมเวลาพูดอะไรมากเกินไปเท่านั้น... ประมาณว่าใส่อารมณ์เข้าไปตอนสนทนาบ่อยน่ะ ทั้งเน้นเสียงเอย กระแทกเสียงเอย พูดจากระโชกโฮกฮากเอย
"แต่ความจริงมันไม่ได้โกรธอะไรหรอก แต่มันติดวิธีการพูดแบบนี้ก็เท่านั้นเอง"
"แต่... ฉันก็พยายามที่จะพูดให้ซอฟท์ลงแล้วนะ ถึงมันจะค่อยๆปรับไปได้ทีละนิดก็ตาม แต่เฮ้! อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้พูดกระแทกเสียงหนักๆเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ!"
อย่างนี้นี่เอง ต่อไปเป็นคำถามเบ็ดเตล็ดค่ะ ถึงมันจะไม่สำคัญมาก แต่อยากรู้จังว่าเมนูแรกที่เธออยากออร์เดอร์ในคาเฟ่แห่งนี้คืออะไรเอ่ย?
:
"ช็อตเค้ก— สตรอว์เบอร์รี่ช็อตเค้ก" เธอเอ่ยถึงเมนูขนมหวานที่ชอบขึ้นมาทันที พูดถึงคาเฟ่ก็ต้องเป็นพวกขนมหวานน่าทานพวกนี้อยู่แล้วนี่นา
"ส่วนเครื่องดื่มก็... ชานมโกโก้!"
ขอบคุณสำหรับการตอบคำถามค่ะ ถ้ากรอกใบสมัครตรงนั้นเรียบร้อยแล้ว แองเจลล่าจะมอบบัตรยืนยันการเป็นสมาชิกและบัตรสะสมแต้มให้เธอ ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวไลแซนทัสคาเฟ่ ขอให้เธอมีความสุขกับการเป็นสมาชิกนะคะ!
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
Talk with Vrissa
สวัสดีค่ะ ไรต์มีนามปากกาว่าวริสซ่านะคะ จะเรียกวริสก็ได้ค่ะ คุณผู้ปกครองชื่ออะไรกันบ้างคะ?
: เครสคนเดิม เพิ่มเติมคือมาสมัครเรื่องใหม่ค่ะ5555555
ก่อนอื่นอยากรู้ว่าทำไมถึงมาสมัครเรื่องนี้คะ แล้วทำไมถึงเลือกที่จะส่งลูก ๆ มาในบทนี้เอ่ย?
: สนใจพล็อตมากๆเลยค่ะ ช่วงนี้เครสชอบอ่านแนว slice of life ด้วย ก็เลยปักธงสมัครเรื่องนี้เลย555555 ส่วนเรื่องบทนี่คือสปาร์คกับบทนี้มากเลยค่ะ ความจริงคือสปาร์คหลายบทเลย แบบว่าเลือกไม่ถูก5555555 บทนี้คือเป็นชาลเล้นจ์นิดๆเพราะไม่เคยแต่งแนวนี้สักเท่าไหร่ ดูเป็นคาร์ห้าวๆที่คิดว่าถ้าองแต่งดูก็คงสนุกไม่น้อยเลย
เรื่องนี้เป็นแนวสบาย ๆ ชีวิตประจำวัน แต่ก็มีโรแมนซ์แทรกอยู่บ้างค่ะ อยากทราบว่าคุณผู้ปกครองอยากให้น้องมีคู่รึเปล่าคะ และถ้าอยากให้น้องมีคู่ ไม่ทราบว่าอยากให้คู่ของน้องเป็น NORMAL หรือ LGBT คะ?
: ได้หมดเลยค่ะ เรื่องเพศที่ซิดนีย์ชอบก็ไม่ได้จำกัดอยู่แล้ว
ถ้าน้องไม่ติดบทที่ต้องการ จะให้ยัดบทหรือจะรับกลับดีคะ? (ถ้ายัดบทน้องจะไม่ได้เป็นสมาชิกของคาเฟ่ แต่จะเป็นคนอื่นทั่วไปที่มีบทออกมาบ้างน่ะค่ะ .___. )
: ยัดบทค่ะ แต่ถ้าคุณวริสซ่าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะคะ
อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นในเนื้อเรื่อง (ที่เกี่ยวข้องกับน้อง) เป็นพิเศษรึเปล่าคะ?
: อยากเห็นสัญชาตญาณเอาตัวรอดของน้องในสถานการณ์คับขันน่ะค่ะ ไม่ก็เป็นฉากที่น้องฉอดคนค่ะ5555555555
เรื่องนี้จะอัพสลับ ๆ กับ walk over นะคะ (ซึ่งเป็นคนละแนวกันโดยสิ้นเชิงเลยด้วย 5555) อาจมีอัพช้าบ้างไรบ้าง รอกันได้ใช่ไหมคะ? ;v;
: รอกันได้อยู่แล้วค่ะ เป็นกำลังใจให้กับทั้งสองเรื่องนะคะๆๆ
สุดท้ายนี้ก็ขอบคุณที่ให้ความสนใจในนิยายเรื่องนี้นะคะ! ขอให้ติดบทที่ต้องการกันทั่วทุกคน ไว้เจอกันในคอมเมนต์นะคะ ♡
☢
ความคิดเห็น