ตอนที่ 18 : #ซิมฟาง 06 [1]
06
[1]
“...”
“:)” เขายิ้มเมื่อเห็นว่าฉันเงียบและทำหน้าเหมือนคนใกล้ตาย
“ห้องนายว่างมากเหรอ”
“ใช่” อีกฝ่ายรีบพยักหน้ารับ หมอนี่เคยชวนฉันไปดูดาวที่ห้องเมื่อครั้งที่เราเจอกันครั้งแรก ฉันจำได้ดี
“ที่นั่นมีอะไรดีนักหนา”
“นอกจากมีฉันที่ดีแล้ว อย่างอื่นก็ไม่ดีหรอก แต่ถ้ามีเธอมันอาจจะดีก็ได้” เขาเปลี่ยนมาเป็นนั่งเท้าคางกะพริบตาปริบๆ มองฉันด้วยสายตากะลิ้มกะเหลี่ย ชนิดที่ว่าน่าจิ้มให้บอดทั้งสองข้าง ถ้าไม่ติดตรงที่เจ้าตัวปฏิเสธเรื่องจีบฉันละก็ อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองแบบสุดโต่งจริงๆ อืม ยากแฮะ ยากตรงที่ต้องคิดไปทางอื่นนี่น่ะ
เฮ้อ! ให้ตายเหอะ เล่นสนุกอะไรของเขาอยู่กันแน่
“ขอโทษที ฉันไม่ว่าง แล้วก็ยุ่งมากๆ เหมือนจะยุ่งตลอดไปด้วย” ฉันทำทีเป็นไม่สนใจ ไม่ว่าเขาจะแกล้งพูดไปอย่างนั้นให้บรรยากาศไม่เงียบเหงา หรือว่ามีนัยบางอย่างแอบแฝงก็ตามที ช่างแม่งแล้วกัน
“อะแฮ่ม!” ซิมแกล้งกระแอมหลังจากที่หุบยิ้มไปแทบจะทันทีที่ฉันพูดจบ นัยน์ตาคมจ้องลึกเข้ามาในดวงตาฉัน ก่อนจะพูดเสียงจริงจังว่า “ทีนี้ก็บอกความลับของเธอมา”
เขาพูดจบก็กลับมาฉีกยิ้มอีกครั้ง แต่ฉันว่าเรื่องมันยังไม่จบนะ
“นายยังไม่ได้บอกเลยว่า ทำไมที่อยู่นายต้องเป็นความลับด้วย นายหนีอะไรอยู่กันแน่” ฉันถามจี้เมื่อเห็นว่าเขาเบลอเรื่องนี้ไป หรือไม่ก็คงลืมที่จะพูดถึงมัน แต่ฉันว่านะ ดูท่าแล้วมันน่าจะเป็นอย่างแรกเสียมากกว่า
“หนีเหรอ อืม…” เขาเปลี่ยนมาใช้มือข้างหนึ่งลูบคางไปมาคล้ายกำลังใช้ความคิด “ก็แค่แก๊งกะโหลกๆ ที่อยากได้ตัวฉันไปเรียกค่าไถ่มั้ง”
“ต้องหนีขนาดนี้เลยเหรอ ถ้านายมีเงินเยอะก็โยนให้มันไปสิ” ฉันบอกขำๆ เล่นอาคนฟังถึงกับขำพรืดออกมาด้วย
“ฉันไปกระตุกหนวดเสือมา ซึ่งมันไม่ง่ายอย่างที่เธอพูดหรอก” เขาพูดไปก็หยิบขนมปังจิ้มสังขยากินไปพลาง ครั้นพอกลืนลงคอแล้วก็พูดต่อว่า “ถ้าเทียบกันแล้ว ฉันมันก็แค่เสือตัวน้อย จะเอาอะไรไปสู้พวกนั้นล่ะ”
ให้ตายสิ แต่เมื่อกี้ฉันได้ยินเขาเรียกคนพวกนั้นว่า แก๊งกะโหลกๆ
“ฉันว่านายต้องทำความผิดร้ายแรงมาแน่ๆ” ฉันสรุปประเด็น
ซิมกระตุกยิ้มนิดหนึ่ง ก่อนบอกว่า “คนอย่างฉันเนี่ยนะจะทำความผิดร้ายแรง เรื่องร้ายแรงสุดที่ฉันทำก็คือ ไม่ชอบคนที่เขามาชอบฉันเท่านั้นแหละ”
“นั่นคือความผิดเหรอ” ฉันหลุบตามองของกินแล้วพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“แต่ฉันชอบเธอนะ” เขาพูดออกมาหน้าตาย เล่นเอาฉันชะงักกึก ก่อนค่อยๆ เคลื่อนสายตาไปมองหน้าเขาให้ชัดๆ อีกครั้ง พอเห็นว่าฉันเอาแต่จ้องนิ่งๆ แบบนี้ เขาก็ฉีกยิ้มยิงฟัน ก่อนพูดต่ออีก “คือฉันหมายถึงอยู่กับเธอแล้วสนุกดี”
ดูท่าแล้วหมอนี่จะไหลไปเรื่อยเป็นพ่อปลาไหลเลยนะ คิดว่าต่อให้นั่งคาดคั้นเขาไปยันเช้าเจ้าตัวก็คงไม่ปริปากออกมาแน่ๆ อย่างน้อยสิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้ก็น่าจะเป็นการแกล้งเนียนเปลี่ยนเรื่องอีกครา แต่ก็ช่างเถอะ ฉันไม่ได้ซีเรียสอะไรนักหรอก เริ่มจะชินกับนิสัยของเขาขึ้นมานิดๆ แล้วล่ะ
ส่วนฉันเอง ที่จริงก็ตั้งใจจะเล่าให้เขาฟังตั้งแต่ที่เจ้าตัวรวบรวมความกล้าถามตอนแรกนั่นแหละ
ซิมก็แค่…
เป็นคนที่ฉันอยากเล่าให้ฟังเฉยๆ อย่าถามหาเหตุผลเลยนะ เพราะฉันก็ไม่รู้
“หวังว่านายจะยอมบอกความจริงก่อนที่ดาวบนฟ้าจะร่วงลงมานะ” ฉันมองเขาอย่างรู้ทัน
“ก็พูดความจริงแล้วไง” เขาบ่นอะไรงึมงำที่ฉันเองก็ฟังไม่ถนัด อาจะเพราะเขายกแก้มน้ำขึ้นดื่มขณะพูดด้วยละมั้ง ทว่า พออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาเห็นฉันจ้องเขม็ง เขาก็รีบปรับสีหน้าเปลี่ยนเป็นยิ้มกลบเกลื่อน
“ส่วนความลับของฉันก็คือ…”
“…”
“ฉันเคยทำคนตาย”
ฉันสบตาอีกคนนิ่งด้วยแววตาจริงจังไร้คำโกหก ขณะที่รอยยิ้มของคนฟังค่อยๆ เลือนหายไปจากใบหน้า น้ำเต้าหู้ยามดึกที่เขาอมมันอยู่ในปากตอนแรกค่อยๆ เคลื่อนลงคอไปจนเห็นเป็นคลื่นชัดเจน
“เธอหมายถึง...” คำพูดของเขาหายไป มือหนาจับค้างอยู่ที่แก้วน้ำ เจ้าตัวคงจะรับรู้ได้ว่า ฉันไม่ได้แกล้งพูดไปอย่างนั้น และแน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เวลาแบบนี้น่ะเหมาะแก่การเล่าที่สุด
“ก็ทำให้คนตายไง คนที่นายถามถึง ไม่ได้หมายถึงอย่างอื่นเลย” ฉันยังคงพูดด้วยท่าทีนิ่งเฉยอย่างที่เป็นปกติ และถึงจะเป็นเรื่องนั้น ฉันก็ไม่เคยรู้สึกผิดกับมันหรอก
“ค…ใครนะ”
“คนในครอบครัวที่นายอยากรู้ :)”

นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ซิมวิ่งตอนนี้ยังทันนะ5555555